พระเยซูคริสต์ทรงสถิตในคุณ
เกริ่นนำ
ผมเอานวมชกมวยมาช่วยในการนำเสนอ ผมห้อยเอาไว้แล้วแสดงให้เห็นว่ามันไร้ประสิทธิภาพเพียงใดเมื่อไม่มีมือสวมอยู่ จากนั้นผมก็เอามือเข้าไปในนวม ชกแล้วชกอีกในอากาศ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นความแตกต่างระหว่างพลังของนวมชกมวยที่ว่างเปล่ากับนวมที่มีมือสวมอยู่
ย้อนไปในอดีต ผมได้ไปบรรยายในเรือนจำสำหรับวัยรุ่นในอ็อกฟอร์ด ตอนนั้นผมเป็นนักศึกษาศาสนศาสตร์ และได้รับโอกาสให้บรรยายในโถงที่จัดนมัสการ
อนุศาสนาจารย์ในเรือนจำที่ช่วยฝึกฝนผมที่สถานกักกันดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าภาพนั้นอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมสำหรับกรณีของการเทศนาในเรือนจำ เพราะมันอาจบ่งบอกว่าพระเยซูและความรุนแรงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด! แต่ตัดประเด็นเรื่องนัยยะของการใช้กำลัง เขาเห็นด้วยว่าการเปรียบเปรยของผมเป็นการเปรียบเทียบที่ดี
สิ่งที่ผมพยายามจะอธิบายคือความแตกต่างที่เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาอยู่ในคุณโดยพระวิญญาณของพระองค์ ถ้าไม่มีพระวิญญาณ เราก็อ่อนแอ (2 โครินธ์ 13:4) เหมือนถุงมือที่ไม่มีมือสวม แต่เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาอยู่ในตัวคุณ คุณมีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในชีวิตของคุณ (ข้อ 4-5)
หากคุณ ‘ตระหนัก’ (ข้อ 5) สิ่งนี้จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณ
สุภาษิต 22:17-27
ถ้อยคำของคนมีปัญญา
17จงเอียงหูของเจ้าฟังถ้อยคำของคนมีปัญญา
และเอาใจใส่ความรู้ของข้า
18เพราะมันน่าชื่นใจ ถ้าเจ้าจดจำสิ่งเหล่านั้นไว้
และพร้อมจะพูดออกมา
19เพื่อเจ้าจะวางใจในพระยาห์เวห์
ข้าจึงสอนตัวเจ้าเองในวันนี้
20ข้าได้เขียนให้เจ้าสามสิบข้อความ
เป็นคำเตือนใจและความรู้แล้วไม่ใช่หรือ?
21เพื่อสอนให้เจ้ารู้ถ้อยคำแห่งความจริงที่เชื่อถือได้
เพื่อเจ้าจะได้นำถ้อยคำแห่งความจริงกลับไปบอกผู้ที่ใช้เจ้ามาไม่ใช่หรือ?
22อย่าปล้นคนจน เพราะเขาเป็นคนจน
และอย่าบีบคั้นคนเข็ญใจที่ประตูเมือง
23เพราะพระยาห์เวห์จะทรงว่าความแทนพวกเขา
และทรงริบชีวิตของผู้ที่ปล้นพวกเขา
24อย่าเป็นเพื่อนกับคนเจ้าโทโส
หรือคบหากับคนขี้โมโห
25เกรงว่าเจ้าจะเรียนรู้ทางของเขา
และเอาตัวเองไปติดกับดัก
26อย่าเป็นคนในจำพวกที่ให้คำปฏิญาณ
หรือในจำพวกผู้ค้ำประกันหนี้สิน
27ถ้าเจ้าไม่มีอะไรชำระหนี้
เขาก็จะมายึดที่นอนไปจากเจ้า
อรรถาธิบาย
เติมเต็มหัวใจของคุณด้วยสติปัญญาของพระเจ้า
หัวใจของคุณแข็งแรงแค่ไหน? คุณได้เติมเต็มหัวใจด้วยสติปัญญาของพระเจ้าหรือไม่? สิ่งที่คุณนำเข้าปากมีผลต่อสุขภาพกายของคุณ เช่นเดียวกับสิ่งที่คุณใส่เข้าไปในหัวใจก็มีความสำคัญเช่นกัน
ผู้เขียนพระธรรมตอนนี้แนะนำให้คุณรักษาสติปัญญาที่มาจากพระคำของพระเจ้าไว้ในใจของคุณ ‘เก็บความหวานไว้ภายใน’ และเตรียมมันให้พร้อมที่ริมฝีปากของคุณ เพื่อที่ ‘รากฐานของคุณคือการไว้วางใจในพระเจ้า...’ (ข้อ 17-19ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เมื่อคุณเรียนรู้สติปัญญาจากพระคัมภีร์ (ตัวอย่างเช่น โดยการท่องจำข้อพระคัมภีร์) ความไว้วางใจของคุณในพระเจ้าจะยิ่งลึกซึ้งขึ้น (ข้อ 19)
จากนั้นเขาได้เขียนสามสิบ ‘หลักการ อันเป็นแนวทางการใช้ชีวิตที่ได้รับทดสอบไปแล้ว’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เป็นสามสิบ ‘ความจริงที่ได้ผล’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ซึ่งบางข้อในช่วงแรกนั้นนำมาให้อ่านในวันนี้ด้วย:
- วิธีปฏิบัติต่อคนยากจนและคนขัดสน จงใจดี อย่าเอาเปรียบพวกเขา อย่าบีบคั้นพวกเขา (ข้อ 22-23)
- วิธีหลีกเลี่ยงการติดกับความโกรธและอารมณ์ร้าย: ‘อารมณ์ร้ายสามารถติดต่อสู่กันได้ อย่าไปติดเชื้อเข้า’ (ข้อ 24-25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- คำเตือนเกี่ยวกับการพนันและคำแนะนำในทางปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้ อย่าค้ำประกันหนี้ให้แก่คนอื่น (ข้อ 26-27)
สิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้เป็นหลักการอันชาญฉลาดที่ช่วยให้คุณมีชีวิตที่ดี หัวใจของสติปัญญาเป็นสิ่งที่เหนือไปกว่าการแนะนำที่ดี มันเกี่ยวกับการ ‘วางใจในพระยาห์เวห์’ (ข้อ 19)
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เราเรียนรู้ว่าพระเยซูทรงเป็น ‘พระปัญญา' ของพระเจ้า (1 โครินธ์ 1:30) เพราะพระเยซูสถิตอยู่ในคุณ คุณจึงมีพระปัญญาของพระเจ้าอยู่ในหัวใจ
คำอธิษฐาน
2 โครินธ์ 13:1-14
คำตักเตือนและคำทักทายสุดท้าย
1ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สามที่ข้าพเจ้ามาหาพวกท่าน “ข้อกล่าวหาใดๆ ต้องมีพยานสองสามปาก” จึงจะเป็นที่เชื่อถือได้ 2ข้าพเจ้าเคยเตือนพวกที่ทำบาปก่อนหน้านั้นและพวกที่เหลือทั้งหมด บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนอีกในระหว่างที่ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ด้วย เหมือนกับที่เคยเตือนเมื่อข้าพเจ้าอยู่ด้วยในการเยี่ยมครั้งที่สองนั้นว่า เมื่อข้าพเจ้ามาอีกข้าพเจ้าจะไม่งดโทษใครเลย 3ในเมื่อท่านทั้งหลายอยากได้หลักฐานที่ว่าพระคริสต์ตรัสทางข้าพเจ้า พระคริสต์ไม่ทรงอ่อนแอต่อท่าน แต่ทรงฤทธานุภาพมากในพวกท่าน 4เพราะว่าแม้พระองค์ทรงถูกตรึงเพราะทรงยอมอ่อนแอ แต่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่เพราะฤทธานุภาพของพระเจ้า เพราะว่าถึงแม้เราอ่อนแอในพระองค์ แต่ต่อพวกท่าน เราจะมีชีวิตอยู่ด้วยกันกับพระองค์เนื่องด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า
5จงพิจารณาตัวเองดูว่าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในความเชื่อหรือไม่ จงพิสูจน์ตัวเอง พวกท่านไม่ตระหนักว่าพระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในท่านทั้งหลายหรือ? นอกจากพวกท่านไม่สามารถผ่านการพิสูจน์ 6ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะรู้ว่าเราไม่ใช่เป็นพวกที่ไม่สามารถผ่านการพิสูจน์ 7และเราอธิษฐานต่อพระเจ้าขอให้ท่านทั้งหลายไม่ทำชั่วใดๆ นั้น ไม่ได้ทำเพื่อให้เห็นว่าเราสามารถผ่านการพิสูจน์ แต่เพื่อให้พวกท่านทำสิ่งที่ดี แม้จะดูเหมือนว่าเราเองไม่สามารถผ่านการพิสูจน์ก็ตาม 8เพราะว่าเราไม่อาจจะทำสิ่งใดที่ขัดกับความจริง แต่ทำเพื่อความจริง 9เพราะว่าเมื่อเราอ่อนแอ และพวกท่านเข้มแข็ง เราก็ยินดี เราอธิษฐานเพื่อสิ่งนี้ คือการที่ท่านทั้งหลายจะกลับสู่สภาพดีดังเดิม 10เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงเขียนสิ่งเหล่านี้ในระหว่างที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ด้วย เพื่อว่าเมื่อมาถึงแล้วข้าพเจ้าจะไม่ต้องทำด้วยความเข้มงวด ในการใช้สิทธิอำนาจที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อการเสริมสร้าง ไม่ใช่เพื่อการทำลาย
11สุดท้ายนี้ พี่น้องทั้งหลาย ขอลาก่อน จงกลับสู่สภาพดีดังเดิม จงฟังคำขอร้องของข้าพเจ้า จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และพระเจ้าแห่งความรักและสันติสุขจะสถิตกับท่านทั้งหลาย 12จงทักทายกันด้วยธรรมเนียมจูบอันบริสุทธิ์ ธรรมิกชนทุกคนฝากทักทายพวกท่าน 13ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ความรักของพระเจ้า และการมีส่วนกันที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายทุกคนเถิด
อรรถาธิบาย
ตระหนักว่าพระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในคุณ
คุณตระหนักหรือไม่ว่าพระเยซูคริสต์ทรงสถิตอยู่ในตัวคุณ? อัครสาวกเปาโลไม่สงสัยเลยว่าพระเยซูคริสต์ทรงสถิตอยู่ในท่าน เขาตระหนักในคำพูดที่เขาพูดกับชาวโครินธ์ว่า ‘พระคริสต์ตรัสทางข้าพเจ้า’ (ข้อ 3)
เปาโลได้เปรียบในการพบการทรงสถิตของพระเยซูคริสต์ที่ฟื้นคืนพระชนม์ เขาเขียนไว้ด้วยความมั่นใจอย่างมากว่า ‘เพราะว่าแม้พระองค์ทรงถูกตรึงเพราะทรงยอมอ่อนแอ แต่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่เพราะฤทธานุภาพของพระเจ้า เพราะว่าถึงแม้เราอ่อนแอในพระองค์ แต่ต่อพวกท่าน เราจะมีชีวิตอยู่ด้วยกันกับพระองค์เนื่องด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า’ (ข้อ 4)
การสำรวจตนเองมีความสำคัญและแตกต่างจากการกล่าวโทษตัวเองโดยสิ้นเชิง อาจารย์เปาโลกระตุ้นให้ชาวโครินธ์ ‘สำรวจและทดสอบ และประเมินตนเองเพื่อดูว่าพวกท่านกำลังยึดมั่นในความเชื่อของตนและแสดงออกมาเป็นผลที่เหมาะสมแล้วหรือไม่’ (ข้อ 5ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) จุดประสงค์ของการสำรวจตนเองคือเพื่อให้คุณเห็นสิ่งที่ผิดในชีวิต ยอมรับมัน หันหลังให้กับมัน และมีเสรีภาพจากสิ่งที่ผิดโดยทางพระเยซูคริสต์
เปาโลกระตุ้นชาวโครินธ์ตระหนักว่าพระเยซูคริสต์ทรงสถิตอยู่ในเขาเช่นไร ‘พระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย’ เช่นนั้น (ข้อ 5) ทั้งยังพูดถึงเราที่อยู่ในพระคริสต์บ่อยกว่าพระคริสต์ในตัวเรา แต่ถึงอย่างไร ข้อความที่เขาพูดตรงข้ามนั้นช่างน่าทึ่ง ในโคโลสี บทที่ 1 ข้อ 27 อาจารย์เปาโลเขียนว่า ‘พระคริสต์สถิตในพวกท่าน อันเป็นความหวังที่จะได้รับศักดิ์ศรี’ และเขาได้เขียนไว้ในพระธรรมตอนนี้เช่นกันว่าพระคริสต์สถิตอยู่ในคุณ และความแตกต่างทำให้เกิดคำถามว่า ‘พวกท่านไม่ตระหนักว่าพระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในท่านทั้งหลายหรือ?' (2 โครินธ์ 13:5)
การสถิตของพระเยซูเปลี่ยนความอ่อนแอของเราให้เป็นกำลัง (ข้อ 9) นี่คือเหตุผลที่เขาอธิษฐานเพื่อความสมบูรณ์ (ข้อ 9) และสามารถกระตุ้นให้พวกเขา ‘กลับสู่สภาพดีดังเดิม’ (ข้อ 11)
แน่นอนว่าไม่มีใครในพวกเราจะบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบในชีวิตนี้ การเป็นพวกชอบความสมบูรณ์แบบนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ แต่พวกเราทุกคนสามารถตั้งเป้าที่จะอยู่ในความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบกับพระเจ้าและกันและกันได้ เปาโลทรงวิงวอนชาวโครินธ์ว่า ‘จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และพระเจ้าแห่งความรักและสันติสุขจะสถิตกับท่านทั้งหลาย’ (ข้อ 11)
เป็นไปได้อย่างไรกัน? ตอนนี้เปาโลลงท้ายด้วยคำว่า ‘พระคุณ’: ‘ขอพระคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูคริสต์ ความรักของพระเจ้า และการสามัคคีธรรมของพระวิญญาณบริสุทธิ์จงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลาย’ (ข้อ 14)
ตรีเอกานุภาพทั้งหมดถูกรวมเข้ามาเป็น ‘พระคุณอันน่าอัศจรรย์’ (ข้อ 14ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ของพระเยซูที่ช่วยให้คุณได้รับการอภัยและชำระให้สะอาดอยู่เสมอ นี่คือ ‘ความรักอันเหลือล้นของพระเจ้า’ (พระบิดา) (ข้อ 14ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ซึ่งเติมเต็มหัวใจของคุณที่ช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายสำหรับความรักที่สมบูรณ์แบบ นี่คือ ‘มิตรภาพที่ใกล้ชิดของพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (ข้อ 14ค, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ของพระเยซูที่สถิตอยู่ในคุณที่ช่วยให้คนไม่สมบูรณ์แบบเติบโตเป็นผู้ใหญ่และวันหนึ่งได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ต่อหน้า เช่นนี้เท่านั้นจึงนับเป็นความสมบูรณ์แบบ
คำอธิษฐาน
อิสยาห์ 30:19-32:20
19เออ ประชาชนผู้อยู่ในศิโยน ผู้อาศัยในเยรูซาเล็ม ท่านจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป พระองค์จะทรงกรุณาต่อเสียงร้องทูลของท่านอย่างแน่นอน เมื่อพระองค์ได้ยิน พระองค์จะทรงตอบท่าน 20แม้องค์เจ้านายประทานขนมปังแห่งความยากลำบากและน้ำแห่งความทุกข์ใจแก่พวกท่าน ถึงกระนั้นบรมครูของท่านจะไม่ซ่อนตัวอีกเลย แต่ตาของท่านจะเห็นบรมครูของท่าน 21และเมื่อท่านหันไปทางขวา หรือหันไปทางซ้าย หูของท่านจะได้ยินคำพูดจากข้างหลังท่านว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้” 22แล้วท่านจะละทิ้งรูปเคารพสลักอาบเงินของท่าน และรูปเคารพหล่อชุบทองคำของท่าน ท่านจะกระจายมันไปอย่างของไม่สะอาด และท่านจะกล่าวกับมันว่า “ไปให้พ้น”
23และพระองค์จะประทานฝนให้แก่เมล็ดพืชซึ่งท่านหว่านลงในดิน และประทานข้าวที่เป็นผลผลิตของดิน ข้าวจะอุดมและบริบูรณ์ ในวันนั้น ฝูงปศุสัตว์ของท่านจะกินอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ 24และโคกับลาที่ใช้ทำนาจะกินอาหารอย่างดี ซึ่งฝัดด้วยพลั่วและส้อมซัด 25และบนภูเขาสูงเด่นทุกลูกกับบนเนินสูงทุกเนินจะมีลำธารที่มีน้ำไหล ในวันที่มีการฆ่ากันใหญ่ เมื่อหอคอยพังลง 26ยิ่งกว่านั้นอีก แสงของดวงจันทร์จะเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็นเจ็ดเท่า เหมือนอย่างแสงสว่างของเจ็ดวัน ในวันที่พระยาห์เวห์ทรงพันรอยแผลชนชาติของพระองค์ และรักษารอยช้ำของเขาที่พระองค์ทรงตีนั้น
การพิพากษาอัสซีเรีย
27นี่แน่ะ พระนามของพระยาห์เวห์มาจากที่ไกล
ร้อนไปด้วยความกริ้วของพระองค์กับควันทึบที่ลอยขึ้น
ริมพระโอษฐ์ของพระองค์เต็มด้วยพระพิโรธ
และพระชิวหาของพระองค์เหมือนไฟเผาผลาญ
28พระปัสสาสะของพระองค์เหมือนลำธารที่ท่วมท้น
ซึ่งท่วมสูงถึงลำคอ
เพื่อจะฝัดร่อนบรรดาประชาชาติด้วยตะแกรงร่อนในการทำลาย
และจะใส่บังเหียนที่ขากรรไกรของชนชาติทั้งหลายเพื่อพาไป
29พวกท่านจะมีบทเพลงเหมือนอย่างคืนที่มีเทศกาลเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์ และมีใจยินดีเหมือนอย่างคนที่ออกเดินตามเสียงขลุ่ย เพื่อไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์ ถึงพระศิลาของอิสราเอล 30และพระยาห์เวห์จะทรงทำให้คนได้ยินพระสุรเสียงทรงพลังของพระองค์ และจะทรงทำให้ได้เห็นพระกรของพระองค์ที่ฟาดลงด้วยความกริ้วอย่างเกรี้ยวกราด และด้วยเปลวเพลิงเผาผลาญ รวมทั้งฝนตกหนัก กับพายุและลูกเห็บ 31คนอัสซีเรียจะสยดสยองแปลได้อีกว่า จะถูกทำให้แตกละเอียดด้วยพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงโบยตีด้วยไม้แปลได้อีกว่า ด้วยพระคทาของพระองค์ 32และทุกจังหวะของไม้เรียวที่ใช้ลงโทษซึ่งพระยาห์เวห์ทรงหวดลงบนตัวเขา จะเข้ากับเสียงรำมะนาและพิณเขาคู่ และพระองค์จะทรงต่อสู้เขาในสงครามด้วยพระหัตถ์ที่กวัดแกว่ง 33เพราะที่สำหรับเผาก็จัดไว้นานแล้ว เออ เตรียมไว้สำหรับพระราชา เชิงตะกอนก็ลึกและกว้าง พร้อมด้วยไฟและฟืนมากมาย พระปัสสาสะของพระยาห์เวห์เหมือนธารกำมะถันที่จุดมันให้ลุก
อิสยาห์ 31
การเป็นพันธมิตรกับอียิปต์นั้นไร้ผล
1วิบัติแก่พวกที่ลงไปอียิปต์เพื่อขอความช่วยเหลือ
ทั้งคิดพึ่งพาม้าทั้งหลาย
วิบัติแก่พวกคนวางใจในรถรบเพราะมีมาก
และวางใจในทหารม้าเพราะพวกเขาแข็งแรงนัก
แต่ไม่ได้มุ่งมองไปยังองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
หรือปรึกษาพระยาห์เวห์
2แต่พระองค์ก็ทรงฉลาดด้วย และจะทรงนำภัยพิบัติมาให้
พระองค์ไม่ทรงเรียกพระวจนะของพระองค์คืนมา
แต่จะทรงลุกขึ้นต่อสู้กับวงศ์วานที่ทำชั่ว
และต่อสู้กับผู้ช่วยของคนทำบาป
3คนอียิปต์เป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า
และม้าของเขาก็เป็นเพียงเลือดเนื้อ ไม่ใช่วิญญาณ
เมื่อพระยาห์เวห์เหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ออก
ผู้ช่วยเหลือก็จะสะดุด และผู้รับการช่วยเหลือก็จะล้ม
และพวกเขาทั้งหมดจะพินาศไปด้วยกัน
4เพราะพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า
“เหมือนสิงโตหรือสิงโตหนุ่มที่คำรามอยู่เหนือเหยื่อของมัน
และเมื่อเขาเรียกผู้เลี้ยงแกะหมู่หนึ่งมาสู้มัน
มันไม่หวาดกลัวต่อเสียงโห่ร้องของเขาทั้งหลาย
หรือหวาดหวั่นต่อเสียงอึงคะนึงของเขา”
ดังนั้นแหละพระยาห์เวห์จอมทัพจะเสด็จลงมา
เพื่อสู้รบบนภูเขาศิโยนและบนเนินเขาของมัน
5เหมือนนกที่กระพือปีกอยู่ ดังนั้นแหละพระยาห์เวห์จอมทัพ
จะทรงอารักขาเยรูซาเล็ม
พระองค์จะทรงอารักขาและช่วยกู้
พระองค์จะทรงผ่านข้ามผ่านข้ามและช่วยชีวิต
6โอ ประชาชนอิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหาพระองค์ผู้ที่พวกท่านได้กบฏอย่างร้ายแรง 7เพราะในวันนั้น แต่ละคนจะทิ้งรูปเคารพที่ทำด้วยเงินและรูปเคารพที่ทำด้วยทองคำของตน ซึ่งมือของท่านได้ทำขึ้นอย่างบาปหนาสำหรับท่าน
8“แล้วคนอัสซีเรียจะล้มลงด้วยดาบที่ไม่ใช่ของมนุษย์
และดาบที่ไม่ใช่ของมนุษย์จะกินเขาเสีย
และเขาจะวิ่งหนีจากดาบ
และชายหนุ่มของเขาจะถูกบังคับใช้แรงงาน
9ป้อมปราการของเขาจะสิ้นไปด้วยความหวาดหวั่น
และเจ้านายของเขาจะละทิ้งธงไปด้วยความหวาดกลัว”
พระยาห์เวห์ผู้ที่ไฟของพระองค์อยู่ในศิโยน
และผู้ที่เตาของพระองค์อยู่ในเยรูซาเล็ม ตรัสดังนี้แหละ
อิสยาห์ 32
คำพยากรณ์ถึงการปกครองที่เที่ยงธรรม
1ดูเถิด พระราชาองค์หนึ่งจะปกครองด้วยความชอบธรรม
และบรรดาเจ้านายจะครอบครองด้วยความยุติธรรม
2และผู้หนึ่งจะเป็นเหมือนที่กำบังจากลมแรง
เหมือนที่คุ้มกันจากพายุฝน
เหมือนธารน้ำทั้งหลายในที่กันดาร
เหมือนร่มเงาของศิลามหึมาในแผ่นดินที่แห้งแล้ง
3แล้วดวงตาของพวกที่เห็นจะไม่ปิด
และหูของคนที่ฟังจะได้ยิน
4จิตใจของคนหุนหันจะเข้าใจ
และลิ้นของคนติดอ่างจะพูดฉะฉานและชัดเจน
5เขาจะไม่เรียกคนโง่ว่าคนสูงศักดิ์อีก
หรือเรียกคนพาลว่าเป็นคนน่านับถือ
6เพราะคนโง่พูดความโฉดเขลา
และใจของเขาก็ปองความชั่ว
เพื่อทำการอธรรม
และเพื่อพูดเรื่องไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพระยาห์เวห์
เพื่อทำคนหิวให้อดอยาก
และไม่ให้คนกระหายได้ดื่ม
7อุบายของคนพาลก็ชั่วร้าย
เขาวางแผนแต่การเลวร้าย
เพื่อทำลายคนจนด้วยถ้อยคำเท็จ
แม้ว่าคำร่ำร้องของคนขัดสนนั้นเที่ยงธรรม
8แต่ผู้สูงศักดิ์ก็ทำแต่สิ่งที่สูงส่ง
เขาดำรงอยู่ด้วยสิ่งที่สูงส่ง
เตือนสตรีที่พออกพอใจให้รู้ถึงหายนะ
9พวกผู้หญิงที่อยู่อย่างพออกพอใจนั้น จงตั้งใจฟังเสียงข้าพเจ้า
บรรดาบุตรีที่อยู่อย่างมั่นใจนั้น จงเงี่ยหูฟังคำข้าพเจ้า
10อีกเพียงสักปีกว่าๆ
หญิงที่อยู่อย่างมั่นใจจะสะดุ้งตัวสั่น
เพราะไร่องุ่นจะหมดสิ้น
ฤดูเก็บผลไม้จะไม่มาถึง
11หญิงที่อยู่อย่างพออกพอใจเอ๋ย จงตัวสั่น
เจ้าผู้อยู่อย่างมั่นใจเอ๋ย จงสะดุ้งตัวสั่น
จงแก้ผ้า และปล่อยตัวล่อนจ้อน
แล้วเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้
12จงทุบอกด้วยเรื่องไร่นาแสนสุข
ด้วยเรื่องเถาองุ่นผลดก
13ด้วยเรื่องที่ดินชนชาติของเรา
ซึ่งงอกแต่หนามใหญ่และหนามย่อย
ด้วยเรื่องบรรดาบ้านเรือนที่ชื่นบาน
ภายในนครรื่นเริง
14เพราะว่าพระราชวังจะถูกทอดทิ้ง
เมืองที่มีคนหนาแน่นจะถูกทิ้งร้าง
เนินเขาและหอคอย
จะกลายเป็นถ้ำตลอดไป
กลายเป็นที่ที่ชื่นบานของลาป่า
และเป็นลานหญ้าของฝูงแพะแกะ
15จนกว่าจะทรงเทพระวิญญาณจากเบื้องบนลงมาบนเรา
แล้วถิ่นทุรกันดารจะกลายเป็นสวนผลไม้
และสวนผลไม้นั้นจะถือเสมือนว่าเป็นป่า
สันติภาพที่มาจากการปกครองของพระเจ้า
16แล้วความยุติธรรมจะอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
และความชอบธรรมพักอยู่ในสวนผลไม้
17ผลงานของความชอบธรรมจะเป็นสันติสุข
และผลลัพธ์ของความชอบธรรมคือความเงียบสงบและความวางใจเป็นนิตย์
18ชนชาติของข้าพเจ้าจะอาศัยในที่อยู่แห่งสันติสุข
ในบ้านเรือนปลอดภัยและในที่พักสงบ
19แม้ป่าพังทลายเมื่อลูกเห็บตก
และเมืองจะยุบลงอย่างสิ้นเชิง
20ความสุขจะมีกับพวกท่านที่หว่านอยู่ข้างห้วงน้ำทั้งปวง
ผู้ปล่อยให้ตีนวัวและตีนลาอยู่อย่างอิสระ
อรรถาธิบาย
รู้ว่าความรักของพระเจ้าเทลงในหัวใจของคุณโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
เป็นผลของวันเพ็นเทคอสต์ที่พระวิญญาณของพระคริสต์มาสถิตอยู่ในตัวคุณ ความรักที่พระเจ้ามีต่อคุณถูกเทลงในหัวใจของคุณ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเยซู (โรม 5:5) พระวิญญาณของพระองค์ทำให้คุณตระหนักว่าคุณเป็นลูกของพระเจ้าและพระคริสต์สถิตอยู่ในคุณ
ในพระธรรมตอนนี้ อิสยาห์เห็นภาพของพระเจ้าในหกรูปแบบ:
1., พระอาจารย์
พระเจ้าเป็นครูของคุณ พระองค์ทรงสอนคุณผ่าน ‘ขนมปังแห่งความยากลำบากและน้ำแห่งความทุกข์ใจแก่พวกท่าน' (อิสยาห์ 30:20) บ่อยครั้งที่เราเผชิญความยากลำบากในชีวิตเป็นช่วงเวลาที่เราเรียนรู้ได้มากที่สุด พระเยซูทรงพรรณาถึงพระองค์เองว่าเป็น ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ และ ‘พระอาจารย์’ ของคุณ (ยอห์น 13:14)
2. ผู้ทรงนำ
‘และเมื่อท่านหันไปทางขวา หรือหันไปทางซ้าย หูของท่านจะได้ยินคำพูดจากข้างหลังท่านว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้”’ (อิสยาห์ 30:20) พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำทางและทรงนำคุณไปตามทางแคบที่นำไปสู่ชีวิต
3. ผู้รักษา
‘พระยาห์เวห์ทรงพันรอยแผลชนชาติของพระองค์ และรักษารอยช้ำ’ (ข้อ 26) บ่อยครั้งเมื่อผู้คนพบพระเยซูครั้งแรก พวกเขาประสบกับการเยียวยาความเจ็บปวดจากอดีต การรักษานี้เป็นกระบวนการที่จะเป็นไปตลอดชีวิต
4. กษัตริย์
พระเยซูทรงเป็นกษัตริย์ผู้ ‘จะปกครองในทางที่ถูกต้อง แลผู้นำของพระองค์จะดำเนินการตามความยุติธรรม’ (บทที่ 32 ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรงปกครองชีวิตเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ภายในเรา
5. สติปัญญา
พระองค์ทรงเป็นบ่อเกิดและสติปัญญาของเรา (บทที่ 31 ข้อ 1-3) อิสยาห์เตือนว่าอย่าวางใจในกำลังของเราแทนที่จะมองหาพระผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลและการแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า (ข้อ 1) พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นแหล่งของปัญญาในชีวิตของเรา
6. แม่
พระองค์เป็นเหมือนแม่นกที่จะปกป้องกรุงเยรูซาเล็มและช่วยมันให้รอด (บทที่ 31 ข้อ 5, ดู ลูกา บทที่ 13 ข้อ 34) พระเจ้าเป็นทั้งพ่อและแม่สำหรับเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์มักโยงไปยังด้านที่เป็นสตรีในธรรมชาติของพระเจ้า
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็น ‘พระวิญญาณของพระเยซู' (กิจการ 16:7) โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูเสด็จมาอยู่ในตัวคุณ
ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ดูเหมือนจะมองเห็นวันเพ็นเทคอสต์เมื่อ ‘พระวิญญาณถูกเทลงมาบนเราจากเบื้องบน’ (อิสยาห์ 32:15ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
‘ทรงเทพระวิญญาณจากเบื้องบนลงมาบนเรา... ความยุติธรรม... ความชอบธรรม... สันติสุข... ความเงียบสงบและความวางใจเป็นนิตย์... ปลอดภัย... ในที่พักสงบ... ความสุขจะมีกับพวกท่าน’ (ข้อ 15-20)
การหลั่งไหลของพระวิญญาณนำไปสู่ผลอันยิ่งใหญ่แห่งความชอบธรรมและสันติสุข (ความสงบ ความมั่นใจ ความปลอดภัย และการพักสงบ) นำไปสู่การหว่านอย่างใจกว้างและเสรีภาพ พระเจ้าสัญญากับคุณว่าถ้าคุณดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณจะได้รับพระพรมากมายในชีวิตนี้และในชีวิตนิรันดร์
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
อิสยาห์ 30:21
'และเมื่อท่านหันไปทางขวา หรือหันไปทางซ้าย หูของท่านจะได้ยินคำพูดจากข้างหลังท่านว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้”’
ฉันสนใจเสมอว่าเสียงนั้นอยู่ ‘ข้างหลังคุณ’ และไม่ได้อยู่ข้างหน้าคุณ คุณต้องก้าวออกไปด้วยความเขื่อ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคุณกำลังไปไหน คุณอาจจะต้องก้าวออกไปในที่ที่ไม่รู้จัก แต่ในขณะที่คุณทำเช่นนั้น คุณต้องตั้งใจฟังเสียงนั้นที่อยู่ข้างหลังคุณ กระซิบข้างหูว่า ‘ไปต่อ นี่แหละคือทางนั้น’
ข้อพระคำประจำวัน
2 โครินธ์ 13:5
‘พวกท่านไม่ตระหนักว่าพระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในท่านทั้งหลายหรือ?’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)