‘คุณรอดไหม?’
เกริ่นนำ
ผมมีรูปภาพอยู่รูปหนึ่ง วางอยู่บนขอบหน้าต่างในห้องอ่านหนังสือ เป็นรูปของบิชอป บี.เอฟ. เวสต์คอตต์ รูปนี้หลานชายของเขาเป็นคนมอบให้ผม นักวิชาการชาวอังกฤษในศตวรรษที่สิบเก้า บิชอป บี.เอฟ. เวสต์คอตต์ ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์รีเจียส ในภาควิชาศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
มีอยู่ครั้งหนึ่งนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่กระตือรือร้นคนหนึ่งเข้ามาหาเขา และถามเขาว่า ‘คุณรอดไหม?’ ‘อ่า’ เขากล่าว ‘เป็นคำถามที่ดีมาก แต่บอกผมที คุณหมายถึง...?’ แล้วเขาก็พูดถึงกริยาแสดงการถูกกระทำสามแบบของคำกริยาในภาษากรีกของคำว่า ‘รอด’ ซึ่งชี้ได้ว่าคำตอบของเขาจะขึ้นอยู่กับว่าคำไหนที่นักศึกษามีอยู่ในใจ (คำแปลภาษาอังกฤษถูกทำไว้เป็นตัวเอียงไว้ที่นี่แล้ว) ‘ผมรู้ว่าผมรอดแล้ว’ เขากล่าว ‘ผมเชื่อว่าผมกำลังได้รับความรอด’ และ ‘ผมหวังโดยพระคุณของพระเจ้าว่า ผมจะรอด’
‘ความรอด’ เป็นคำที่กว้างมากและครอบคลุม หมายถึง ‘เสรีภาพ’ ดังที่บิชอปชี้ให้เห็น ความรอดมีอยู่สามช่วงเวลา: คุณได้รับการปลดปล่อยจากโทษของบาป คุณกำลังได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจของบาป และคุณจะได้รับการปลดปล่อยจากการมีอยู่ของความบาป
สดุดี 107:10-22
10บ้างก็นั่งอยู่ในความมืดและเงามัจจุราช
ถูกขังอยู่ด้วยความทุกข์ยากและติดตรวน
11เพราะพวกเขากบฏต่อพระวจนะของพระเจ้า
และหยามคำปรึกษาขององค์ผู้สูงสุด
12พระองค์ทรงทำให้ใจของเขาทั้งหลายถ่อมลงด้วยงานหนัก
เขาสะดุดและไม่มีใครช่วย
13เมื่อมีความทุกข์ลำบาก เขาทั้งหลายได้ร้องทูลพระยาห์เวห์
แล้วพระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นจากความทุกข์ใจ
14พระองค์ทรงนำเขาทั้งหลายออกมาจากความมืดและเงามัจจุราช
และทรงหักโซ่ตรวนที่ล่ามตัวเขาให้ขาดสะบั้น
15ให้เขาทั้งหลายขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ทั้งหลาย
16เพราะพระองค์ทรงพังประตูทองสัมฤทธิ์
และทรงตัดซี่ลูกกรงเหล็กเสีย
17บ้างก็เป็นคนโง่ เพราะทางแห่งการละเมิดของพวกเขา
และเพราะความชั่วของพวกเขา พวกเขาต้องทนทุกข์
18เขาทั้งหลายรังเกียจอาหารทุกชนิด
และเข้าไปใกล้ประตูความตาย
19เมื่อมีความทุกข์ลำบาก เขาทั้งหลายได้ร้องทูลพระยาห์เวห์
แล้วพระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นจากความทุกข์ใจ
20พระองค์ทรงใช้พระวจนะของพระองค์ไปรักษาเขาทั้งหลาย
และทรงช่วยกู้เขาจากหลุมมรณา
21ให้เขาทั้งหลายขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ทั้งหลาย
22และให้เขาทั้งหลายถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณ
และเล่าพระราชกิจของพระองค์ด้วยการร้องเพลงอย่างชื่นบาน
อรรถาธิบาย
รู้จักเสรีภาพจากอดีต
ผู้เขียนสดุดียังคงขอบคุณพระเจ้าหลายครั้งที่ทรงช่วยผู้คนของพระองค์ให้รอด เมื่อพวกเขาร้องขอต่อพระองค์ในยามยากลำบาก (ข้อ 13, 19) ทุกครั้ง พระองค์ได้ปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นไท
ตอนนี้พวกเราเห็นสองตัวอย่าง:
- เสรีภาพจากโซ่ตรวนของบาป
ที่นี่ผู้คนกำลังนั่งอยู่ใน ‘ความมืดและเงามัจจุราช’ และเป็นนักโทษที่ติดตรวน (ข้อ 10) ‘เมื่อมีความทุกข์ลำบาก เขาทั้งหลายได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นจากความทุกข์ใจ’ (ข้อ 13)
บ่อยครั้งสิ่งทีเกิดขึ้นกับคนในพันธสัญญาเดิม คือ ภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นกับฝ่ายวิญญาณของเราในพันธสัญญาใหม่
บาปนำไปสู่ความมืดและความเศร้าโศกที่ล้ำลึก มันเป็นสิ่งเสพติด มันผูกมัดหัวใจของเรา พระเยซูทรงหักโซ่ตรวจบนไม้กางเขน พระองค์ทรงอภัยบาปของคุณและปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระ คุณก็เหมือนชาร์ลส์ เวสลีย์ที่สามารถประกาศว่า ‘โซ่ตรวนของข้าหลุดไป หัวใจของข้าเป็นไท ข้าเป็นขึ้นใหม่ ติดตามพระองค์ไป’
- เสรีภาพจากความกลัวตาย
ผู้เขียนสดุดีกล่าวต่อไปว่าอีกครั้งที่พวกเขากบฏ และเข้ามาใกล้ประตูแห่งความตาย เป็นอีกครั้งที่พวกเขาร้องทูลต่อพระเจ้าและพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้รอด ‘พระองค์ทรงใช้พระวจนะของพระองค์ไปรักษาเขาทั้งหลาย และทรงช่วยกู้เขาจากหลุมมรณา’ (ข้อ 20)
อีกครั้ง นี่เป็นเงาสะท้อนล่วงหน้าถึงสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อคุณ โดยการสิ้นและการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ทรงช่วยคุณให้พ้นจากหลุมศพและจากความกลัวตาย คุณเป็นอิสระจากความตาย จากความกลัวตายอีกทั้งความกลัวอื่น ๆ ทั้งหมดที่มาพร้อมกับมัน ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เขียนสดุดีเขียนไว้ว่า:
‘ขอบคุณพระเจ้าสำหรับความรักอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์
เพื่อพระเมตตาอันอัศจรรย์ต่อบุตรธิดาที่พระองค์รัก
ถวายเครื่องขอบพระคุณ
บอกให้โลกรู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทำ จงร้องเป็นเพลงออกมา’
(ข้อ 21-22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
กาลาเทีย 1:1-24
การทักทาย
1เปาโล ผู้เป็นอัครทูต (ซึ่งไม่ได้รับการแต่งตั้งจากมนุษย์ หรือโดยมนุษย์ แต่โดยพระเยซูคริสต์และพระเจ้าพระบิดา ผู้โปรดให้พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย ได้ทรงแต่งตั้ง) 2และบรรดาพี่น้องที่อยู่กับข้าพเจ้า
เรียน คริสตจักรทั้งหลายแห่งแคว้นกาลาเทีย
3ขอให้พระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด 4พระเยซูทรงสละพระองค์เองเพราะบาปของเรา เพื่อช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย ตามพระประสงค์ของพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเรา 5ขอให้พระเกียรติมีแด่พระองค์ตลอดชั่วนิรันดร์ อาเมน
ไม่มีข่าวประเสริฐอื่นอีก
6ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจที่พวกท่านด่วนละทิ้งพระองค์ผู้ซึ่งทรงเรียกท่านมาโดยพระคุณของพระคริสต์ และหันไปหาข่าวประเสริฐอื่นเสีย 7ซึ่งที่จริงไม่ใช่ข่าวประเสริฐแปลได้อีกว่า แท้จริงแล้วข่าวประเสริฐอื่นไม่มี แต่มีบางคนทำให้พวกท่านยุ่งยาก และปรารถนาบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์ 8แม้แต่เราเองหรือทูตจากฟ้าสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่พวกท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่พวกท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป 9ตามที่เราได้พูดไว้ก่อนแล้ว และบัดนี้ข้าพเจ้าขอพูดอีกว่า ถ้าใครประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่พวกท่าน ที่ขัดกับข่าวประเสริฐซึ่งพวกท่านได้รับไว้แล้ว ให้ผู้นั้นถูกแช่งสาป 10บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังแสวงหาการยอมรับจากมนุษย์หรือจากพระเจ้า? ข้าพเจ้าอุตส่าห์เอาใจมนุษย์หรือ? ถ้าข้าพเจ้ากำลังเอาใจมนุษย์อยู่ ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ทาสของพระคริสต์
การเป็นอัครทูตของเปาโล
11พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่า ข่าวประเสริฐที่ประกาศโดยข้าพเจ้านั้นไม่ใช่ของมนุษย์ 12เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ได้รับข่าวประเสริฐนั้นจากมนุษย์ ไม่มีใครสอนข้าพเจ้า แต่พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า 13เพราะว่าท่านก็ได้ยินถึงชีวิตในอดีตของข้าพเจ้า เมื่อยังอยู่ในศาสนายิวว่า ข้าพเจ้าได้ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้าอย่างร้ายแรงยิ่งนัก และพยายามทำลายเสีย 14และข้าพเจ้าได้ก้าวหน้าในด้านศาสนายิวเหนือกว่าเพื่อนร่วมชาติหลายคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ข้าพเจ้ามีความกระตือรือร้นกว่าในเรื่องขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า 15แต่เมื่อพระเจ้า ผู้ทรงแยกข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาและได้ทรงเรียกใช้ข้าพเจ้าโดยพระคุณของพระองค์นั้น พอพระทัย 16ที่จะทรงสำแดงพระบุตรของพระองค์แก่ข้าพเจ้า เพื่อให้ข้าพเจ้าประกาศพระบุตรแก่คนต่างชาตินั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ปรึกษากับมนุษย์คนใดเลย 17และข้าพเจ้าก็ไม่ได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อพบกับผู้ที่เป็นอัครทูตก่อนข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าได้ออกไปยังประเทศอาระเบียทันที แล้วก็กลับมายังกรุงดามัสกัสอีก
18สามปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปหาเคฟาสเป็นอีกชื่อหนึ่งของเปโตร ที่กรุงเยรูซาเล็ม และพักอยู่กับท่านสิบห้าวัน 19แต่ว่าข้าพเจ้าไม่ได้พบอัครทูตคนอื่นเลย นอกจากยากอบ น้องขององค์พระผู้เป็นเจ้า 20(เรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านนี้ ข้าพเจ้าขอกล่าวเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าว่าข้าพเจ้าไม่โกหกเลย) 21หลังจากนั้น ข้าพเจ้าก็เข้าไปในเขตแดนซีเรียและซีลีเซีย 22ข้าพเจ้าไม่เป็นที่รู้จักของคริสตจักรเหล่านั้นในแคว้นยูเดียที่อยู่ในพระคริสต์เลย 23เขาทั้งหลายเพียงแต่ได้ยินว่า “ผู้ที่เคยข่มเหงเรา บัดนี้ได้ประกาศความเชื่อซึ่งเขาได้เคยพยายามทำลาย” 24พวกเขาได้สรรเสริญพระเจ้าก็เพราะข้าพเจ้า
อรรถาธิบาย
ชื่นบานกับอิสระในปัจจุบัน
ความรอดของคุณคือชัยชนะที่มีมูลค่าอันสูงส่ง พระเยซู 'ทรงสละพระองค์เองเพราะบาปของเรา เพื่อช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย’ (ข้อ 4)
กาลาเทียเป็นจดหมายฉบับแรกสุดขอเปาโล ซึ่งอาจเขียนไว้ในราวตอนต้นของคริสตศักราชที่ 48 เปาโลกำลังร้อนรุ่มราวไฟผลาญด้วยความขุ่นเคืองเพราะเสรีภาพที่มากับข่าวประเสริฐถูกคุกคาม เสรีภาพนั้นยากที่จะได้มา แต่ง่ายที่จะสูญเสียมันไป
ความเชื่อสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมคนได้ นั่นคือวิธีที่เซาโลแห่งทาร์ซัสใช้มัน จากนั้นmjkoก็ได้พบพระเยซู และประสบกับสิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ เสรีภาพที่มาจากภายใน
ข่าวประเสริฐเป็นส่วนหนึ่งของเสรีภาพ คุณได้มีเสรีภาพจากบาป เป็นอิสระจากความรู้สึกผิด จากความละอาย จากการเสพติดหรือการถูกจองจำและความตาย คุณยังเป็นอิสระจากการอ้างเหตุผลตามธรรมบัญญัติ คุณไม่จำเป็นต้องเข้าสุหนัต คุณไม่จำเป็นต้องเป็นยิวก่อนถึงสามารถเป็นคริสเตียนที่ดีได้ ความขุ่นใจของเปาโลในจดหมาย ถูกอธิบายจากมุมมองถึงข้อเท็จจริงของข่าวประเสริฐว่า ณ ขณะนั้นข่าวประเสริฐกำลังอยู่ในอันตราย
ในการเดินทางครั้งแรก เขาได้วางรากฐานคริสตจักรหลายแห่งในกาลาเทียอันเป็นอาณาเขตปกครองของโรมัน ได้บอกผู้คนเกี่ยวกับพระเยซูที่จะปลดปล่อยมนุษย์ให้เป็นอิสระ พวกเขาได้ประสบกับอิสรภาพนี้แล้ว แต่ไม่กี่ปีต่อมาผู้นำทางความเชื่อบางคนตั้งคำถามเกี่ยวกับมุมมองความคิด และสิทธิอำนาจของเปาโล และพยายามแนะนำกฎเกณฑ์ และระเบียบข้อบังคับที่จะได้นำเสรีภาพที่ค้นพบใหม่ของชาวกาลาเทียออกไป
พวกเขาบอกว่ายังไม่เพียงพอที่จะอาศัยเพียงความเชื่อในพระเยซู พวกท่านต้องเข้าสุหนัตด้วย มีการขีดเส้นความหมายของการเป็นคริสเตียนแท้อย่างเข้มงวดจนเกินไป
บางคนในทุกวันนี้พยายามขีดเส้นแบ่งแบบนั้น พวกเขาบอกว่าการเป็นคริสเตียนไม่เพียงพอ คุณต้องเป็น ‘เหมือนเรา’ คุณต้องเป็น ‘อีวานเจลิคัล’ หรือ ‘คาทอลิก’ หรือ ‘เพ็นเทคอสต์’ คุณต้องเป็นเหมือนเรา ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร คุณต้องเข้ากลุ่มเป็นคริสเตียนแบบใดแบบหนึ่งจึงจะเป็นคริสเตียนที่เหมาะสมได้ แต่อันที่จริง แค่เชื่อในพระเยซูควรก็เพียงพอแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มสิ่งที่ต้องทำเข้าไปอย่างการเข้าสุหนัตหรือโดยการกระทำบางอย่างที่สะท้อนค่านิยมของกลุ่ม ให้เรายอมรับซึ่งกันและกันบนพื้นฐานของความเชื่อในพระเยซู มากกว่าที่จะแบ่งกลุ่มกันยอมรับกันและกัน ตามค่านิยมของกลุ่มคริสเตียน
เปาโลเป็นพยานถึงประสบการณ์ของตนเองในการพบอิสรภาพในพระเยซู และวิธีที่มันเปลี่ยนจากคนที่ ‘เต็มกำลังในการข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้า’ และ ‘ทำลายอย่างเป็นระบบ’ เป็น ‘การสั่งสอนเกี่ยวกับถ้อยคำทั้งหมดที่ท่านพยายามจะทำลาย’ (ข้อ 13-24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การกลับใจของเปาโลเตือนเราว่า ไม่มีผู้ใดอยู่นอกเหนือพระหัตถ์ของพระเจ้า
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าพระเจ้าทรงใช้คุณได้หรือไม่? คุณเคยคิดบ้างไหมว่าสิ่งที่คุณทำในอดีตอาจทำให้คุณขาดคุณสมบัติ? คำพยานของอาจารย์เปาโลเป็นหลักฐานว่าพระเจ้าไม่เพียงแต่ให้อภัยเท่านั้น พระองค์ทรงปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระและสามารถใช้คุณได้อย่างมากมาย ไม่ว่าคุณจะเคยทำอะไรในอดีต
คำพยานนี้มีพลังมาก ‘คำตอบของพวกเขาคือการรู้จักและนมัสการพระเจ้าของข้าพเจ้า’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำพยานของคุณแม้จะดูน่าตื่นเต้นน้อยกว่าของอาจารย์เปาโลมาก แต่ก็มีผลกระทบต่อคนที่ได้ยินไม่น้อยเลยทีเดียว
คำอธิษฐาน
อิสยาห์ 33:1-35:10
คำพยากรณ์ถึงการช่วยกู้จากศัตรู
1วิบัติแก่เจ้าผู้ทำลายล้าง
และตัวเจ้าเองไม่ถูกทำลายล้าง
วิบัติแก่เจ้าคนทรยศ
และไม่มีใครได้ทรยศเจ้า
เมื่อเจ้าหยุดการทำลายล้าง
เจ้าก็จะถูกทำลายล้าง
และเมื่อเจ้าเลิกการทรยศ
เขาทั้งหลายก็จะทรยศเจ้า
2ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงกรุณาพวกข้าพระองค์
ข้าพระองค์รอคอยพระองค์
ขอทรงเป็นแขนของข้าพระองค์ทั้งหลายทุกๆ เช้า
เป็นความรอดของพวกข้าพระองค์ในยามทุกข์ยาก
3เมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวาย ชนชาติทั้งหลายก็วิ่งหนี
เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้น ประชาชาติก็กระจัดกระจายไป
4ของริบของพวกท่านจะถูกรวบรวมเหมือนตั๊กแตนตัวอ่อนเก็บรวบรวม
คนจะกระโดดตะครุบเหมือนอย่างฝูงตั๊กแตนว้าว่อนโดดตะครุบ
5พระยาห์เวห์ทรงเป็นที่ยกย่อง เพราะพระองค์ประทับ ณ ที่สูง
พระองค์ทรงให้ศิโยนเต็มด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม
6และพระองค์จะทรงเป็นเสถียรภาพในช่วงเวลาของท่าน
ทรงเป็นความรอด สติปัญญา และความรู้อันอุดม
ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นทรัพย์สมบัติของศิโยน
7ดูสิ ผู้แกล้วกล้าของพวกเขาร่ำร้องอยู่ภายนอก
คณะทูตสันติภาพร่ำไห้อย่างขมขื่น
8ทางหลวงก็ร้างเปล่า
คนสัญจรก็หยุด
เขาหักพันธสัญญาเสีย
เขาดูหมิ่นพยานทั้งหลาย
เขาไม่ได้ให้เกียรติคน
9แผ่นดินไว้ทุกข์และอ่อนระทวย
เลบานอนอับอายและเหี่ยวแห้งไป
ชาโรนเป็นเหมือนที่ราบแห้งแล้ง
บาชานและคารเมลก็สลัดใบ
10พระยาห์เวห์ตรัสว่า “บัดนี้ เราจะลุกขึ้น
บัดนี้ เราจะเป็นที่ยกย่อง
บัดนี้ เราจะเป็นที่เชิดชู
11พวกเจ้าอุ้มท้องแต่แกลบ เจ้าคลอดแต่ตอข้าว
ลมหายใจของพวกเจ้าเป็นไฟที่จะเผาผลาญเจ้า
12และประชาชนทั้งหลายก็จะเหมือนถูกเผาจนเป็นปูน
เหมือนกอหนามที่ถูกตัดแล้วเผาในไฟ
13“พวกเจ้าผู้อยู่ไกล ฟังซิว่าเราได้ทำอะไร
เจ้าผู้อยู่ใกล้ จงรับรู้กำลังของเรา”
14พวกคนบาปในศิโยนก็หวาดกลัว
ความสะทกสะท้านเข้าครอบงำคนไร้พระเจ้า
มีใครในพวกเราอยู่กับไฟที่เผาผลาญได้?
มีใครในพวกเราอยู่กับการเผาไหม้เป็นนิตย์ได้?
15คือผู้ดำเนินอย่างชอบธรรม และพูดอย่างเที่ยงตรง
ผู้ดูหมิ่นผลได้จากการบีบบังคับ
ผู้สลัดมือของเขาจากการถือสินบน
ผู้อุดหูไม่ฟังอุบายเรื่องทำให้โลหิตตก
และปิดตาของเขาไม่มองความชั่วร้าย
16เขาจะอาศัยอยู่บนที่สูง
ที่ลี้ภัยของเขาจะเป็นป้อมหิน
จะมีผู้ให้อาหารแก่เขา น้ำดื่มของเขาจะมีแน่
แผ่นดินของกษัตริย์ผู้ทรงสง่างาม
17ดวงตาของท่านจะเห็นพระราชาผู้ทรงสง่างาม
และจะมองเห็นแผ่นดินที่ยืดยาวออกไปไกล
18จิตใจของท่านจะคิดถึงความสยดสยองสมัยก่อน
คนที่นับจำนวนอยู่ไหนแล้ว?
คนที่ชั่งจำนวนเงินอยู่ไหนแล้ว?
คนที่นับจำนวนหอคอยอยู่ไหนแล้ว?
19ท่านจะไม่เห็นชนชาติดุร้ายอีก
คือชนชาติที่พูดต่างภาษาซึ่งฟังไม่ออก
ที่พูดตะกุกตะกักซึ่งเข้าใจไม่ได้
20จงมองดูศิโยน เมืองแห่งเทศกาลเลี้ยงของพวกเรา
ดวงตาของท่านจะเห็นเยรูซาเล็ม
เป็นที่อยู่อันสงบ เป็นเต็นท์ที่ไม่ต้องขนย้าย
หลักหมุดของมันจะไม่มีวันถูกถอน
เชือกผูกของมันก็ไม่มีวันขาด
21และที่นั่นพระยาห์เวห์จะเป็นผู้ทรงโอ่อ่าตระการต่อพวกเรา
จะเป็นดั่งสถานที่มีแม่น้ำและลำธารกว้างใหญ่
ที่ซึ่งเรือพายจะไม่พายมา
และเรือที่โอ่อ่าตระการไม่ผ่านไป
22เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้พิพากษาของพวกเรา
พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้ครอบครองของเรา
พระยาห์เวห์ทรงเป็นกษัตริย์ของเรา พระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด
23สายโยงของท่านห้อยหย่อน
มันยึดเสาให้แน่นไม่ได้
หรือยึดใบให้กางไม่ได้
แล้วเขาจะแบ่งของริบที่มีมากมายนั้น
แม้คนง่อยก็จะเอาเหยื่อไปได้
24ไม่มีชาวเมืองคนไหนจะพูดว่า “ข้าป่วยอยู่”
ประชาชนผู้อาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับการอภัย
อิสยาห์ 34
การพิพากษาบรรดาประชาชาติ
1ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย จงเข้ามาใกล้เพื่อจะได้ฟัง
ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงตั้งใจฟังซิ
ขอให้แผ่นดินโลกและสรรพสิ่งในนั้นฟัง
ทั้งพิภพและบรรดาสิ่งที่มาจากพิภพ
2เพราะพระยาห์เวห์ทรงเกรี้ยวกราดต่อประชาชาติทั้งสิ้น
และทรงพระพิโรธต่อกองทัพทั้งหมดของเขา
พระองค์ทรงทำลายพวกเขา และทรงมอบให้แก่การฆ่าฟัน
3พวกที่ถูกฆ่าของเขาจะถูกเหวี่ยงออกไป
และกลิ่นเหม็นจากศพของพวกเขาจะฟุ้งไป
เลือดของพวกเขาจะนองภูเขาทั้งหลาย
4บริวารทั้งหมดของฟ้าสวรรค์จะเสื่อมสลายไป
และท้องฟ้าก็จะถูกม้วนเหมือนหนังสือม้วน
บริวารทั้งสิ้นของมันจะร่วงลง
เหมือนใบไม้ร่วงลงจากเถาองุ่น
หรือร่วงลงจากต้นมะเดื่อ
5เมื่อดาบของเราได้ดื่มจนอิ่มในฟ้าสวรรค์แล้ว
ดูสิ มันจะลงมายังเอโดม
มายังชนชาติที่เรากำหนดให้ทำลายในการพิพากษา
6พระแสงดาบของพระยาห์เวห์อาบด้วยโลหิต
เกรอะกรังไปด้วยไขมัน
ด้วยเลือดของลูกแกะและแพะตัวผู้
กับไขมันจากไตของแกะตัวผู้
เพราะพระยาห์เวห์ทรงมีการฆ่าบูชาในเมืองโบสราห์
มีการฆ่าขนานใหญ่ในแผ่นดินเอโดม
7วัวกระทิงจะล้มลงพร้อมกับพวกมัน
และวัวหนุ่มพร้อมกับวัวผู้ที่แข็งแรง
แผ่นดินของพวกเขาจะโชกไปด้วยเลือด
และดินแปลได้อีกว่า ฝุ่นละอองจะชุ่มไปด้วยไขมัน
8เพราะพระยาห์เวห์ทรงมีวันเพื่อการแก้แค้น
มีปีแห่งการตอบแทนเพื่อกรณีพิพาทของศิโยน
9แล้วลำธารทั้งหลายของเอโดมจะกลายเป็นยางมะตอย
และดินของมันจะกลายเป็นกำมะถัน
แผ่นดินของมันจะเป็นยางมะตอยที่ไหม้อยู่
10จะไม่ดับไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน
ควันของมันจะลอยขึ้นอยู่ตลอดไป
มันจะถูกทิ้งร้างอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
จะไม่มีใครเดินผ่านตลอดไปเป็นนิตย์
11แต่นกกระทุงและอีกาบ้านจะยึดมันเป็นกรรมสิทธิ์
นกทึดทือและกาจะอาศัยอยู่ที่นั่น
พระองค์จะทรงขึงสายของความอลหม่านเหนือมัน
และปล่อยลูกดิ่งแห่งความว่างเปล่า
12พวกขุนนางของมันไม่อาจเรียกอะไรที่นั่นว่าเป็นอาณาจักรได้
และบรรดาเจ้านายของมันจะไม่มีอีกเลย
13ต้นหนามจะงอกเหนือป้อมของมัน
ตำแยและต้นกระชับจะงอกในปราการของมัน
มันจะเป็นที่อยู่ของหมาป่า
และเป็นลานของนกกระจอกเทศ
14แล้วสัตว์ป่าจะพบกับหมาจิ้งจอก
แพะตัวผู้จะร้องหาพวกของมัน
ผียามราตรีจะมาพักผ่อนที่นั่น
และมันพบที่หยุดพักสำหรับตน
15นกฮูกจะทำรังและออกไข่ที่นั่น
ทั้งกกไข่และรวบรวมลูกอ่อนไว้ใต้ร่มของมัน
เออเหยี่ยวปีกดำจะรวมตัวกันที่นั่น
ต่างก็อยู่กับคู่ของมัน
16จงค้นหาและจงอ่านจากหนังสือของพระยาห์เวห์
ไม่มีสักตัวเดียวในพวกมันหายไป
ไม่มีตัวไหนขาดคู่
เพราะพระโอษฐ์ของพระองค์ทรงบัญชาไว้แล้ว
และพระวิญญาณของพระองค์ทรงรวบรวมพวกมันไว้
17พระองค์ทรงจับฉลากให้พวกมัน
พระหัตถ์ของพระองค์ได้ปันส่วนให้มันด้วยเชือกวัด
พวกมันจะได้กรรมสิทธิ์เป็นนิตย์
มันจะอาศัยอยู่ที่นั่นทุกชั่วชาติพันธุ์
อิสยาห์ 35
ผู้รับการไถ่กลับคืนสู่ศิโยน
1ถิ่นทุรกันดารและพื้นดินแห้งแล้งจะยินดี
ที่ราบแห้งแล้งจะเปรมปรีดิ์และผลิดอก
อย่างต้นดอกฝรั่น
2มันจะออกดอกอย่างมากมาย
ทั้งเปรมปรีดิ์ด้วยความชื่นบานและการร้องเพลง
มันจะได้รับศักดิ์ศรีของเลบานอน
ทั้งความโอ่อ่าตระการของคารเมลและชาโรน
ที่เหล่านี้จะเห็นพระสิริของพระยาห์เวห์
คือความโอ่อ่าตระการของพระเจ้าของเรา
3จงเสริมกำลังแก่มือที่อ่อนแรง
และทำหัวเข่าที่โอนเอนให้มั่นคง
4จงกล่าวกับคนที่มีใจหวาดกลัวว่า
“จงเข้มแข็งเถอะ และอย่ากลัวเลย
ดูสิ พระเจ้าของท่านทั้งหลาย
พระองค์จะเสด็จมาด้วยการแก้แค้น
ด้วยการตอบแทนของพระเจ้า
พระองค์จะเสด็จมาและจะช่วยท่านให้รอด”
5แล้วตาของคนตาบอดจะได้เห็น
และหูของคนหูหนวกจะได้ยิน
6คนง่อยจะกระโดดอย่างกวาง
และลิ้นของคนใบ้จะโห่ร้องยินดี
เพราะน้ำจะพลุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร
และลำธารเกิดขึ้นในที่ราบแห้งแล้ง
7พื้นดินร้อนจัดจะกลายเป็นสระน้ำ
และพื้นดินแห้งผากจะเป็นน้ำพุ
ในโพรงที่หมาป่าเคยนอนพักอยู่
หญ้าจะโตเป็นต้นอ้อและต้นกกจะงอกงาม
8และจะมีทางหลวงและทางเดินที่นั่น
และเขาจะเรียกทางนั้นว่า วิสุทธิมรรค
คนไม่สะอาดจะไม่เดินทางนั้น
แต่เป็นทางเพื่อผู้ที่จะเดินทางนั้น
แม้คนโง่ก็ไม่เดินหลงทาง
9จะไม่มีสิงโตที่นั่น
และไม่มีสัตว์ร้ายขึ้นมาบนนั้น
จะหามันไม่พบในที่นั้น
แต่พวกที่ทรงไถ่ไว้แล้วจะเดินบนนั้น
10ผู้ได้รับการไถ่ของพระยาห์เวห์จะกลับมา
และจะมายังศิโยนด้วยการร้องเพลง
มีความยินดีเป็นนิตย์บนศีรษะของเขาทั้งหลาย
เขาจะได้รับความชื่นใจและความยินดี
ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีหายไป
อรรถาธิบาย
คาดหวังอิสรภาพในอนาคต
แม้ว่าคุณจะถูกช่วยให้รอดจากการลงโทษอันเป็นผลมาจากความบาปและคุณกำลังถูกช่วยให้รอดจากอำนาจของความบาป แต่คุณยังคงคาดหวังถึงอิสระภาพอันยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต จากทั้งความบาปที่มีอยู่ และจากการต่อสู้ดิ้นรนในชีวิตนี้ คุณรอคอยเวลาที่จะรู้สึกปิติอันเป็นนิตย์ และความโศกเศร้ากับการถอนใจจะถูกขจัดออกไป (35:10)
อิสยาห์วาดภาพทะเลทรายที่มีแดดแผดเผา (ตอนที่ 34) แต่แล้วเขาก็คาดการณ์ว่าทะเลทรายจะกลายเป็นสวนที่เขียวชอุ่มอย่างไร ด้วยน้ำพุที่ผุดขึ้นและดอกหญ้าที่บานสะพรั่ง หญ้าและต้นกก และแม่น้ำที่ไหลไปไม่หยุดนิ่ง (ตอนที่ 35)
สำหรับประชากรของพระเจ้า เมื่อพวกเขาถูกต้อนไปยังบาบิโลน พวกเขาสามารถตั้งตารอด้วยความคาดหวังและหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า และนำพวกเขากลับคืนอย่างมีเสรีภาพสู่เยรูซาเล็ม
กระนั้น ภาพนี้ในอิสยาห์ 35 ก็มีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอน นี่เป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับผู้คนของพระเจ้าที่จะกลับไปยังบ้านเกิดนิรันดร์ในสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
อิสยาห์เขียนไว้ว่า 'ผู้ได้รับการไถ่ของพระยาห์เวห์จะกลับมา และจะมายังศิโยนด้วยการร้องเพลง มีความยินดีเป็นนิตย์บนศีรษะของเขาทั้งหลาย เขาจะได้รับความชื่นใจและความยินดี ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีหายไป’ (ข้อ 10)
และเช่นเดียวกับประชากรชาวอิสราเอล ในขณะที่คุณคาดหวังถึงอิสรภาพในอนาคต คุณควรเฝ้ารออย่างไรดี? อยู่ในอารมณ์หงุดหงิดงั้นหรือ? อยู่ในความโกรธหรือเปล่า? อยู่ในความไม่เชื่อ? อยู่ในความละเลย? หรืออยู่ในการปฏิเสธอย่างนั้น?
อิสยาห์ให้คำสั่งแก่เราสองประการถึงวิธีการรอคอย:
จงเข้มแข็ง
‘จงเสริมกำลังแก่มือที่อ่อนแรง และทำหัวเข่าที่โอนเอนให้มั่นคง จงกล่าวกับคนที่มีใจหวาดกลัวว่า จงเข้มแข็งเถอะ และอย่ากลัวเลย พระเจ้าของท่านทั้งหลาย พระองค์จะเสด็จมา’ (ข้อ 3-4)จงบริสุทธิ์
‘และจะมีทางหลวงและทางเดินที่นั่น และเขาจะเรียกทางนั้นว่า วิสุทธิมรรค คนไม่สะอาดจะไม่เดินทางนั้น แต่เป็นทางเพื่อผู้ที่จะเดินทางนั้น… แต่พวกที่ทรงไถ่ไว้แล้วจะเดินบนนั้น’ (ข้อ 8-9)
ไม่ว่าชีวิตจะสูงหรือต่ำแค่ไหนสำหรับคุณ พยายามเงยหน้าขึ้นและมองไปข้างหน้า คุณสามารถมองไปข้างหน้า ผ่านอุปสรรค์ ผ่านการท้าทาย และแม้กระทั่งผ่านความตายของคุณเอง จนกว่าคุณจะเข้ามาในความคิดของคุณเองที่จับจ้องไปยังฟ้าสวรรค์ เป็นการถูกต้องที่จะคาดหวังอิสรภาพจากอุปสรรค์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้
การมีอนาคตที่แน่นอนนี้จะทำให้คุณมีชีวิตที่เข้มแข็งและบริสุทธิ์ในปัจจุบันนี้ แม้กระทั่งในยามเศร้าโศกและยามเหนื่อยหน่ายใจ
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
กาลาเทีย 1:12ข
‘...แต่พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า’
ในกาลาเทีย 1:12 อาจารย์เปาโลกล่าวว่าตัวเขาเองไม่ได้ถูกสอนพระกิตติคุณโดยบุคคลหรือกระบวนการสอนใด ๆ แต่ได้รับโดยการเปิดเผยจากพระเยซูคริสต์
เป็นเรื่องน่าทึ่งเมื่อมีคนพบพระเยซูได้โดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์ เราต้องอธิษฐานเผื่อผู้คนให้ตื่นขึ้นในตอนกลางคืนด้วยนิมิตของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมาจากส่วนหนึ่งของโลกที่คุณไม่น่าจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูได้เลย
คนส่วนใหญ่เป็นคริสเตียนหลังจากได้ยินบางคนพูดถึงความเชื่อของพวกเขา ในโอกาสที่หลักสูตรใหม่กำลังจะเริ่มต้นเร็ว ๆ นี้ และหลักสูตรอัลฟ่ากำลังดำเนินการอยู่ทั่วโลก มีคนที่คุณสามารถเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ได้หรือไม่? อาจมีคนเช่นอาจารย์เปาโลที่ในเวลาเพียงไม่กี่วัน จะเปลี่ยนเขาจากการเป็นปรปักษ์มาทำงานประกาศถึงเรื่องราวของพระเยซู
ข้อพระคำประจำวัน
อิสยาห์ 35:4
‘... จงเข้มแข็งเถอะ และอย่ากลัวเลย ดูสิ พระเจ้าของท่านทั้งหลาย พระองค์จะเสด็จมา...’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)