วัน 199

วิธีสัมผัสความรักของพระเจ้าที่มีต่อคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 86:11-17
พันธสัญญาใหม่ โรม 4:16-5:11
พันธสัญญาเดิม อาโมส 6:1-7:11

เกริ่นนำ

เนื้อเพลงที่ชวนให้รำลึกถึงอดีตในเพลง ‘Feel' (ฟีล) ของร็อบบี วิลเลียมส์ ได้สะท้อนถึงความโหยหาอย่างลึกซึ้งของหัวใจมนุษย์ อย่างท่อน ‘I just wanna feel real love’ (ฉันแค่อยากสัมผัสถึงรักแท้) พระเจ้าประสงค์ให้คุณสัมผัสความรักของพระองค์ที่มีต่อคุณ พระองค์ประสงค์ให้คุณรับเอาความรักของพระองค์ในหัวใจ วันนี้คุณสามารถรับความรักจากพระองค์ ด้วยวิธีการใหม่

ผมจำเหตุการณ์เมื่อหลานชายอายุ 2 ขวบอยากจะสัมผัสความรักของพ่อ เขาชูมือ 2 ข้างขึ้นและพูดว่า ‘พ่อ... กอด’ ลูกชายของผมอุ้มลูกของเขาขึ้นมา โอบกอดและจูบเขา การจับมือพ่อแม่เป็นสิ่งที่ดีงาม แต่การที่พ่อแม่สวมกอดเรานั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก นั่นคือภาพที่บรรยายถึงประสบการณ์กับ ความรักของพระเจ้า

คุณรู้ว่าพระเจ้าทรงรักคุณผ่านไม้กางเขน ‘แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา’ (โรม 5:8) คุณมีประสบการณ์กับความรักของพระเจ้าผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์: ‘เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว’ (5:5)

เซนต์ออกัสติน กล่าวว่า ‘พระคัมภีร์ทั้งเล่มทำสิ่งเดียวคือบอกถึงความรักของพระเจ้า’ คุณพ่อราเนียโร คานทาลาเมสซ่า เขียนว่า ‘นี่คือข้อความที่สนับสนุนและอธิบายข้อความอื่น ๆ ทั้งหมด ความรักของพระเจ้าเป็นคำตอบสำหรับคำถามในพระคัมภีร์ทั้งเล่มว่า “ทำไม”: ทำไมมีการทรงสร้าง ทำไมทรงมาเกิดเป็นมนุษย์ ทำไมมีการทรงไถ่ หากคำที่เขียนในพระคัมภีร์เปลี่ยนเป็นคำพูดและกลายเป็นเสียงเดียวได้ เสียงนี้จะเป็นเสียงที่เปล่งออกมาอย่างทรงพลังยิ่งกว่าเสียงคำรามของท้องทะเล “พระบิดาเองก็ทรงรักพวกท่าน” (ยอห์น 16:27) ทุกสิ่งที่พระเจ้ากระทำและตรัสในพระคัมภีร์คือความรัก แม้แต่ความกริ้วของพระเจ้าก็เปี่ยมด้วยรัก พระเจ้าทรง “เป็น” ความรัก!’

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 86:11-17

11ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์
 เพื่อข้าพระองค์จะดำเนินในความจริงของพระองค์
 ขอทรงรวมใจของข้าพระองค์เป็นใจเดียว ให้ยำเกรงพระนามของพระองค์
12ข้าแต่องค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ด้วยสุดใจ
 และข้าพระองค์จะเทิดทูนพระนามของพระองค์เป็นนิตย์
13เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ที่ทรงมีต่อข้าพระองค์นั้นใหญ่ยิ่ง
 และพระองค์ทรงช่วยกู้ชีวิตของข้าพระองค์จากที่ลึกของแดนคนตาย
14ข้าแต่พระเจ้า คนโอหังได้ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์
 กลุ่มคนไร้ความปรานีมุ่งเอาชีวิตข้าพระองค์
 พวกเขาไม่เห็นพระองค์อยู่ในสายตา
15ข้าแต่องค์เจ้านาย แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระกรุณาและพระคุณ
 กริ้วช้า และอุดมด้วยความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์
16ขอทรงหันมาเมตตาข้าพระองค์
 ขอประทานพระกำลังแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
 และขอทรงช่วยบุตรชายของหญิงคนใช้ของพระองค์ให้รอด
17ขอทรงสำแดงหมายสำคัญแห่งความโปรดปรานแก่ข้าพระองค์
 เพื่อคนที่เกลียดชังข้าพระองค์จะเห็นและอับอาย
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงอุปถัมภ์ข้าพระองค์และทรงปลอบโยนข้าพระองค์

อรรถาธิบาย

ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่และเป็นส่วนตัว

เมื่อเรารู้ถึงความยิ่งใหญ่ของความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา การตอบสนองคือการนมัสการ: ‘ข้าแต่องค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ด้วยสุดใจ และข้าพระองค์จะเทิดทูนพระนามของพระองค์เป็นนิตย์’ (ข้อ 12)

ดาวิดรู้ว่าคือความรักของพระเจ้าผู้สนพระทัยเราแต่ละคนเป็นการส่วนตัว ดาวิดเขียนว่า ‘เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ที่ทรงมีต่อข้าพระองค์นั้นใหญ่ยิ่ง’ (ข้อ 13ก) เราเองก็เป็นเหมือนดาวิด คือเป็น ‘บุตรที่รักของพระองค์’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

การรักคือธรรมชาติของพระเจ้า ‘ข้าแต่องค์พระเจ้า พระองค์ทรงอ่อนโยนและมีใจเมตตา ไม่ทรงกริ้วง่าย และอุดมด้วยความรัก’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดาวิดอธิษฐานว่า ‘ขอทรงสำแดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงรักข้าพระองค์มากเพียงใด’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เมื่อรำลึกถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเขา ดาวิดอธิษฐาน ‘ขอทรงรวมใจของข้าพระองค์เป็นใจเดียว’ (ข้อ 11ข) ดาวิดต้องการตอบสนองต่อความรักของพระเจ้าที่มีต่อเขาโดยการยอมจำนนต่อพระองค์อย่างสิ้นเชิง

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงกรุณาและมีพระคุณทรงอุดมด้วยความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ (ข้อ 15) ขอบคุณที่ความรักของพระองค์ที่มีต่อข้าพระองค์ยิ่งใหญ่นักและเป็นการส่วนตัว โปรดประทานหัวใจที่รวมเป็นหนึ่งเดียวให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด
พันธสัญญาใหม่

โรม 4:16-5:11

 16เพราะเหตุนี้ การเป็นทายาทนั้นจึงขึ้นอยู่กับความเชื่อ เพื่อจะได้เป็นตามพระคุณ เพื่อรับรองพระสัญญานั้นแก่ลูกหลานของอับราฮัมทุกคน ไม่ใช่แก่ลูกหลานที่ถือธรรมบัญญัติเท่านั้น แต่แก่ลูกหลานที่มีความเชื่อเช่นเดียวกับอับราฮัมผู้เป็นบิดาของเราทุกคน 17ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เราได้ให้เจ้าเป็นบิดาของชนหลายชาติ” เฉพาะพระพักตร์พระองค์ที่ท่านเชื่อ คือพระเจ้าผู้ทรงให้ชีวิตแก่คนที่ตายแล้ว และทรงเรียกสิ่งที่ยังไม่ได้เกิด ให้มีขึ้น 18แม้ดูว่าจะหมดหวังแล้ว แต่อับราฮัมยังเชื่อว่าจะได้เป็น“บิดาของชนหลายชาติ” ตามคำที่ได้ตรัสไว้แล้วว่า “พงศ์พันธุ์ของเจ้าจะมากมายอย่างนั้น” 19ความเชื่อของท่านไม่ได้ลดน้อยลงเลย เมื่อท่านพิจารณาดูสังขารของท่าน ซึ่งเปรียบเหมือนตายไปแล้ว (เพราะท่านมีอายุประมาณร้อยปีแล้ว) และเมื่อคำนึงถึงครรภ์ของนางซาราห์ว่าเป็นหมัน 20ท่านไม่ได้หวั่นไหวแคลงใจในพระสัญญาของพระเจ้า แต่ท่านมีความเชื่อมั่นคง จึงถวายเกียรติแด่พระเจ้า 21ท่านเชื่อมั่นว่า พระเจ้าทรงสามารถทำสิ่งที่ทรงสัญญาได้ 22ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์ทรงถือว่าท่านเป็นคนชอบธรรม 23แต่ข้อความว่า “ทรงถือว่าท่านเป็นคนชอบธรรม” นั้น ไม่ได้เขียนไว้สำหรับท่านแต่ผู้เดียว 24แต่สำหรับเราด้วย ที่ทรงถือว่าเราเป็นคนชอบธรรม คือเราที่เชื่อในพระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นขึ้นจากความตาย 25คือพระเยซูผู้ทรงถูกมอบให้ถึงความตาย เพราะการล่วงละเมิดของเรา คือผู้ที่พระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นเพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม

โรม 5

ผลของการถูกชำระให้ชอบธรรม

 1เพราะฉะนั้น เมื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดยความเชื่อแล้ว เราจึงอยู่อย่างสงบสุขเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 2โดยทางพระองค์เราจึงเข้ามายืนอยู่ในร่มพระคุณนี้ และเราชื่นชมยินดีในความหวังว่าจะได้มีส่วนในพระสิริของพระเจ้า 3ยิ่งกว่านั้น เราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน 4และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง 5และความหวังจะไม่ทำให้ผิดหวังภาษากรีกแปลตรงตัวว่า จะไม่ทำให้อับอาย หรือ เสียเกียรติ เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว
 6ขณะเมื่อเรายังอ่อนกำลัง พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อคนอธรรมในเวลาที่เหมาะสม 7อันที่จริง มีน้อยคนนักจะยอมตายเพื่อคนชอบธรรม แต่บางทีจะมีคนยอมตายเพื่อคนดีก็ได้ 8แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา 9เพราะฉะนั้นเมื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นเราจะพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้าโดยพระองค์ 10เพราะว่าถ้าขณะที่เรายังเป็นศัตรูต่อพระเจ้าเราได้กลับคืนดีกับพระองค์ โดยที่พระบุตรของพระองค์สิ้นพระชนม์ ยิ่งกว่านั้นอีกเมื่อกลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดโดยพระชนม์ชีพของพระองค์ 11ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เรายังชื่นชมยินดีในพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ทรงเป็นเหตุให้เรากลับคืนดีกับพระเจ้า

อรรถาธิบาย

ความรักของพระองค์ถูกสำแดงและหลั่งไหลออกมา

คุณเชื่อหรือไม่ว่าพระเจ้าทรงรักคุณอย่างแท้จริง? ความรักของพระเจ้าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง พระองค์จะไม่มีวันหยุดรักคุณ ความรักของพระองค์ที่มีต่อคุณนั้นยิ่งใหญ่กว่าความผิดพลาดของคุณ พระองค์ทรงต้องการให้คุณรับความรักของพระองค์ด้วยความเชื่อ

พระเจ้าทรงรักคุณและต้องการจะให้ชีวิตกับคุณ ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิด พระองค์ทรงให้ ‘ชีวิตแก่คนที่ตายแล้ว’ (4:17) พระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย วันหนึ่งทุกคนในพระคริสต์ที่ตายแล้วนั้นจะได้รับชีวิตที่เป็นขึ้นใหม่ ในขณะเดียวกันพระเยซูตรัสว่าพระองค์มาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์ (ยอห์น 10:10)

อาจารย์เปาโลบรรยายต่อไปถึงความเชื่อของอับราฮัม อับราฮัมเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าที่บอกว่าเขาและซาราห์จะมีบุตร ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ก็ตาม

เราเรียนรู้เกี่ยวกับอับราฮัมว่า 'ความไม่เชื่อหรือความแคลงใจไม่อาจทำให้เขาไขว้เขว (ตั้งคำถามอย่างสงสัย) ในพระสัญญาของพระเจ้า แต่เขากลับเข้มแข็งขึ้นและเสริมด้วยความเชื่อเมื่อเขาร้องสรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระเจ้าโดยความพึงพอใจอย่างยิ่งและมีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถรักษาถ้อยคำของพระองค์ และกระทำตามสิ่งที่ทรงสัญญาไว้’ (โรม 4:20-21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) พูดอีกอย่างคืออาจารย์เปาโลกำลังกล่าวย้ำว่าอับราฮัมถูกทำให้ชอบธรรมโดยความเชื่อ

แต่ความชอบธรรมโดยความเชื่อนั้นไม่ได้มีเพื่ออับราฮัมเพียงคนเดียว ‘แต่สำหรับเราด้วย ที่ทรงถือว่าเราเป็นคนชอบธรรม คือเราที่เชื่อในพระองค์ผู้ทรงทำให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ของเราเป็นขึ้นจากความตาย’ (ข้อ 24) คุณเองก็ถูกทำให้ชอบธรรมโดยความเชื่อ ‘การสละพระชนม์ของพระเยซูทำให้เราสามารถเข้าหาพระเจ้าและเป็นผู้ชอบธรรมโดยพระองค์’ (ข้อ 25, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล)

อาจารย์เปาโลยังคงพูดต่อเกี่ยวกับผลลัพธ์ของความจริงนี้ เพราะคุณถูกทำให้ ‘ชอบธรรมโดยความเชื่อ’ คุณจึงสามารถสงบสุขเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า คุณ ‘ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อหน้าพระองค์’ (ข้อ 5:1-2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณสามารถเข้าใกล้พระองค์ และพูดคุยกับพระองค์ทุกวัน รู้ไว้ว่าไม่มีสิ่งใดขวางกั้นระหว่างคุณกับพระองค์

‘ยิ่งกว่านั้นคือ เราจะโห่ร้องด้วยเสียงสรรเสริญต่อไปแม้ในเวลาที่ประสบกับความทุกข์ยาก’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ยิ่งกว่านั้นเราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่า เราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง และความหวังจะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว’ (ข้อ 3-5)

ความรักของพระเจ้าได้เติมเต็มจนล้นจากส่วนลึกของหัวใจของคุณ ประสบการณ์ในความรักของพระเจ้านั้นล้ำลึกและท่วมท้น พันธกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์คือการช่วยให้คุณสัมผัสความรักของพระเจ้า ถ้าคุณยังไม่เคยมีประสบการณ์กับการเติมเต็มหัวใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผมอยากหนุนใจให้คุณเพียงแค่ทูลขอพระเจ้าให้เติมเต็มคุณในเวลานี้

อาจารย์เปาโลยังมีอีกหลายอย่างที่จะบอกเกี่ยวกับความรักของพระเจ้า เขาพูดว่าถึงแม้ในเวลาที่คุณต่อต้านพระองค์ พระเจ้าได้ส่งพระเยซูมาตายแทนคุณ ‘แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา’ (ข้อ 8)

แก่นแท้ของความรักคือการให้ ยิ่งของประทานมีค่ามากเท่าใด ผู้รับก็ไม่สมควรจะได้รับมากเท่าใด โดยความรักก็ยิ่งใหญ่มากเท่านั้นแหละ

นี่คือวิธีที่จะรู้ว่าพระเจ้าทรงรักคุณ พระบิดาทรงอนุญาตให้พระบุตรองค์เดียวถูกพรากไปจากอ้อมอกและไปยังกางเขน แม้ว่าเราไม่คู่ควรจะได้รับเพราะเราเป็นคนบาปที่ขาดจากพระเจ้า และพระคริสต์ทรงตายเพื่อเรา พระเจ้าไม่หวงพระบุตรของพระองค์ พระองค์ทรงรักคุณมากเท่านั้น

ถ้าพระเจ้าทรงรักคุณอย่างมาก คุณสามารถมั่นใจได้ว่าอนาคตของคุณจะมั่นคง ‘เมื่อเราเคยย่ำแย่ที่สุด เราได้มาอยู่ในสัมพันธภาพกับพระเจ้าโดยการสละพระชนม์โดยพระบุตรของพระองค์ ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่ดีที่สุด ลองคิดดูว่าชีวิตของเราจะขยายออกและลงลึก นั่นเป็นเพราะการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์อย่างไร!’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงรักข้าพระองค์อย่างมากจนได้สิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทูลขออีกครั้งว่าโปรดเทความรักของพระองค์ลงมาในหัวใจของข้าพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และโปรดช่วยให้ข้าพระองค์สัมผัสความรักที่ลึกซึ้งของพระองค์ที่มีต่อข้าพระองค์
พันธสัญญาเดิม

อาโมส 6:1-7:11

อิสราเอลจะถูกทำลายเพราะความนิ่งนอนใจ

1วิบัติแก่ผู้ที่อยู่อย่างสบายในศิโยน
 และแก่ผู้ที่วางใจในภูเขาสะมาเรีย
คือผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นแห่งประชาชาติ
 ผู้ซึ่งพงศ์พันธุ์อิสราเอลมาหานั่นน่ะ
2จงไปยังเมืองคาลเนห์ และดูเอาเถิด
 จากที่นั่นก็ไปยังฮามัทเมืองใหญ่
แล้วลงไปยังเมืองกัทของชาวฟีลิสเตีย
 เมืองของเจ้าดีกว่าอาณาจักรเหล่านี้หรือ?
หรืออาณาเขตเมืองเหล่านั้นใหญ่กว่าอาณาเขตเมืองของเจ้าหรือ?
3โอ เจ้าผู้อยากผัดวันหายนะให้เนิ่นไป
 แต่กลับนำเอาการปกครองที่ทารุณเข้ามาใกล้
4วิบัติแก่ผู้ที่นอนบนเตียงงาช้าง
 และผู้ซึ่งเหยียดกายอยู่บนเก้าอี้นอน
และกินลูกแกะที่ได้มาจากฝูงแกะ
 กับลูกวัวจากคอกวัว
5และร้องเพลงเล่นๆ ประสานเสียงพิณใหญ่
 เขาใช้เครื่องดนตรีแต่งเพลงใหม่เหมือนดาวิด
6ผู้ใช้ชามใส่เหล้าองุ่นดื่ม
 และชโลมตัวด้วยน้ำมันอย่างดี
 แต่ไม่เป็นทุกข์โศกในเรื่องความพินาศของโยเซฟ
7เพราะฉะนั้น เขาจึงต้องเป็นพวกแรกที่ตกไปเป็นเชลย
 และเสียงรื่นเริงของพวกที่นอนเหยียดกายก็จะหมดสิ้นไป 8พระยาห์เวห์องค์เจ้านายได้ทรงปฏิญาณเองว่า  (พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพตรัสว่า) “เราสะอิดสะเอียนความเย่อหยิ่งของยาโคบ  และเกลียดป้อมทั้งหลายของเขา  เราจะมอบเมืองนั้นและสิ่งสารพัดที่อยู่ในเมืองนั้นแก่ศัตรู”

 9ถ้าในบ้านเดียวมีคนเหลืออยู่ 10 คน เขาจะต้องตายหมด 10และเมื่อญาติผู้ตาย คือผู้ที่เผาศพ มาเพื่อจะนำกระดูกออกนอกบ้าน และจะกล่าวกับคนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องชั้นในของบ้านนั้นว่า “ยังมีใครอยู่กับเจ้าหรือ?” เขาจะตอบว่า “ไม่มี” และเขาจะกล่าวว่า “จุ๊ จุ๊ อย่าให้เราออกพระนามของพระยาห์เวห์”
11เพราะนี่แน่ะ พระยาห์เวห์ทรงบัญชาแล้ว
 บ้านใหญ่จะถูกตีแตกเป็นชิ้นๆ
 และบ้านเล็กก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ
12ม้าวิ่งบนศิลาได้หรือ?
 มีผู้ใดใช้โคไถทะเลได้หรือ? แต่พวกเจ้าได้เปลี่ยนความยุติธรรมให้เป็นพิษ  และเปลี่ยนผลของความชอบธรรมให้ขม 13เจ้าทั้งหลายผู้เปรมปรีดิ์อยู่ในการยึดเมืองโลเดบาร์  ผู้กล่าวว่า “เราได้ยึดคารนาอิมแปลว่า เขาสัตว์มาเป็นของเรา  ด้วยกำลังของเรามิใช่หรือ?” 14พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพตรัสดังนี้ว่า  “นี่แน่ะ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะยกชาติหนึ่งขึ้นต่อสู้เจ้า  และเขาจะบีบบังคับเจ้าตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัท
 ถึงลำธารอาราบาห์”

อาโมส 7

นิมิตสามอย่างเรื่องตั๊กแตน ไฟ และสายดิ่ง

 1พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า นี่แน่ะ พระองค์ทรงสร้างตั๊กแตนว้าว่อน ในเวลาที่พืชรุ่นหลังเริ่มงอกขึ้นมา และนี่แน่ะ เป็นพืชรุ่นหลัง (หลังจากส่วนของกษัตริย์ได้เกี่ยวแล้ว) 2เมื่อตั๊กแตนกินพืชผักในแผ่นดินนั้นหมดแล้ว ข้าพเจ้าจึงว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ขอทรงให้อภัย
 ยาโคบจะดำรงอยู่ได้อย่างไร?
 เขาเล็กนิดเดียว”
3เกี่ยวกับเรื่องนี้พระยาห์เวห์เปลี่ยนพระทัย
 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “จะไม่เป็นไปอย่างนี้”
4พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า นี่แน่ะ พระยาห์เวห์องค์
เจ้านายทรงเรียกให้มีการลงโทษด้วยไฟ และไฟได้เผาผลาญที่ลึกใต้พิภพ
 และกินแผ่นดินเสีย
5ข้าพเจ้าจึงทูลว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ขอทรงยับยั้งไว้
 ยาโคบจะดำรงอยู่ได้อย่างไร?
 เขาเล็กนิดเดียว”
6เกี่ยวกับเรื่องนี้พระยาห์เวห์เปลี่ยนพระทัย
 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า “จะไม่เป็นไปอย่างนี้เช่นกัน”

 7พระองค์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า นี่แน่ะ องค์เจ้านายทรงยืนอยู่ข้างกำแพงที่สร้างโดยใช้สายดิ่ง มีสายดิ่งอยู่ในพระหัตถ์ 8และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อาโมสเอ๋ย เจ้าเห็นอะไร?” และข้าพเจ้าทูลว่า “สายดิ่งเส้นหนึ่ง พระเจ้าข้า” แล้วองค์เจ้านายตรัสว่า

“นี่แน่ะ เรากำลังเอาสายดิ่งวัด
 ท่ามกลางอิสราเอลประชากรของเรา
 เราจะไม่อภัยโทษเขาอีก
9บรรดาที่สูงของอิสอัคจะถูกทำให้ร้างเปล่า
 และสถานนมัสการทั้งหลายของอิสราเอลจะถูกทำลาย
และเราจะถือดาบลุกขึ้นต่อสู้พงศ์พันธุ์เยโรโบอัม”

อามาซิยาห์ทูลฟ้องกษัตริย์เรื่องอาโมส

 10แล้วอามาซิยาห์ปุโรหิตแห่งเบธเอลส่งคนไปยังเยโรโบอัมกษัตริย์แห่งอิสราเอล ทูลว่า “อาโมสได้คิดกบฏต่อพระองค์ในท่ามกลางพงศ์พันธุ์อิสราเอล ถ้อยคำทั้งหมดของเขาก็ทำลายบ้านเมือง 11เพราะอาโมสได้กล่าวดังนี้ว่า

‘เยโรโบอัมจะสิ้นพระชนม์ด้วยดาบ
 และอิสราเอลจะตกเป็นเชลย
 ไกลจากแผ่นดินของเขา’ ”

อรรถาธิบาย

ความรักและความโศกเศร้าของพระเจ้า

รู้หรือไม่ว่าความกริ้วของพระเจ้าก็คือความรัก เราได้เห็นตัวอย่างในข้อนี้ เมื่อพระเจ้าทรงกริ้วผู้นำที่ ‘อยู่อย่างสบาย’ (ข้อ 6:1)

‘วิบัติแก่คนที่อาศัยอยู่อย่างสบาย
 และคาดหวังให้คนที่เหลือรับใช้ตน วิบัติแก่คนที่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อวันนี้เท่านั้น
 ไม่แยแสต่อชะตากรรมของผู้อื่น
วิบัติแก่ชายหญิงที่เจ้าชู้หลายใจ
 คนที่คิดว่าชีวิตคืองานรื่นเริงที่จัดไว้เพียงเพื่อพวกเขา
วิบัติแก่คนที่เสพติดการรู้สึกดี คือชีวิตที่ไร้ความเจ็บปวด!
 คนที่หมกมุ่นกับการดูดี คือชีวิตที่ไร้ซึ่งริ้วรอย!
พวกเขาไม่สนใจสักนิดว่า
 ประเทศของตนกำลังไปสู่ความพินาศ’ ( ข้อ 4-6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ไม่ผิดอะไรมากนักในการที่พวกเขามีความสุขกับสิ่งดี ๆ ในชีวิต เพราะนั่นไม่ใช่บาปโดยตัวมันเอง แต่เพราะว่าพวกเขาไม่สนใจสภาพคนของพระเจ้า พระเจ้าทรงเกลียดความเย่อหยิ่งและความจองหอง (ข้อ 6-8) ซึ่งทำให้เราพลาดที่จะยอมรับว่าเราต้องการพระองค์ และขัดขวางเราจากการ มีประสบการณ์กับความรักของพระองค์ รวมทั้งรักคนอื่นอย่างที่พระองค์ทรงรักพวกเขา

ถ้าผู้นำรักคนของพระเจ้าเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงรักพวกเขา ผู้นำเหล่านั้นคงจะคร่ำครวญเพราะประเทศชาติที่กำลังไปสู่ความพินาศ

อาโมสเป็นแบบอย่างของคนที่ใส่ใจ และทำบางอย่าง เขาอธิษฐานวิงวอนเพื่อประชาชน (7:1–6)

อาโมสเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ‘ข้าพเจ้าไม่เคยตั้งใจจะเป็นนักเทศน์ ไม่เคยวางแผนจะเป็นผู้ประกาศ ข้าพเจ้าเลี้ยงฝูงสัตว์และลิดต้นไม้ จากนั้นพระเจ้าทรงพาข้าพเจ้าออกจากทุ่งนาและตรัสว่า “จงไปประกาศกับอิสราเอล ประชากรของเรา”’ (ข้อ 7:14-15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเจ้าไม่พอพระทัยกับการมองดูความอยุติธรรมเฟื่องฟู พระองค์ทรงรักประชากรของพระองค์มากเกินกว่าจะยอมได้ พระองค์ทรงให้อาโมสลุกขึ้นไปบอกประชาชนถึงผลลัพธ์ของสิ่งที่พวกเขากำลังทำและเรียกให้พวกเขาหันกลับ มายังทางของพระองค์

ให้เราอธิษฐานและวิงวอนเพื่อชนชาติของเราเหมือนอย่างอาโมส:

คำอธิษฐาน

'ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ขอทรงให้อภัย!’ (ข้อ 2) โดยความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ โปรดทรงเมตตาพวกเรา ขอบคุณที่พระองค์ทรงรักคริสตจักรของพระองค์ และพระองค์ทรงฤทธิ์ สามารถทำให้คนที่ตายแล้วเป็นขึ้นมา (โรม 4:24) ข้าแต่พระเจ้า เราอธิษฐานขอให้พระองค์นำให้คนจำนวนมากขึ้นมาได้ยินถ้อยคำของพระองค์ และพูดออกไปด้วยความกล้าหาญ ด้วยฤทธิ์เดช และด้วยความรัก

เพิ่มเติมโดยพิพพา

อาโมส 6:4ก

‘ผู้ที่นอนบนเตียงงาช้าง และผู้ซึ่งเหยียดกายอยู่บนเก้าอี้นอน’

ถ้าฉันมีโอกาสที่จะทำแบบนั้นได้คงจะดีสิ!

ข้อพระคำประจำวัน

สดุดี 86:13ก

‘เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ที่ทรงมีต่อข้าพระองค์นั้นใหญ่ยิ่ง’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม