วัน 290

อธิษฐานอย่างไร

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 119:49-56
พันธสัญญาใหม่ 1 ทิโมธี 2:1-15
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 35:1-37:21

เกริ่นนำ

การอธิษฐานเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ เป็นแนวทางหลักในการพัฒนาความสัมพันธ์กับพระบิดาในสวรรค์ ถ้าคุณรักใครซักคน คุณมักจะต้องการใช้เวลาอยู่ต่อหน้าเขาเพื่อสื่อสารกับเขาเป็นเช่นเดียวกันในทุก ๆ ความสัมพันธ์ ซึ่งการสื่อสารก็มีได้หลายรูปแบบ

แลนสล็อต แอนดรูว์ส (1555–1626) เป็นหนึ่งในนักศาสนศาสตร์และนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากที่เขาเสียชีวิต สมุดบันทึกส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับคำอธิษฐานก็ถูกค้นพบและตีพิมพ์ ในนั้นเขาได้เขียนสองรายการ:

ประการแรก เขาบันทึกช่วงเวลาอธิษฐานที่ปรากฏในพระคัมภีร์:

‘เสมอ...
อย่างไม่หยุดหย่อน...
ตลอดเวลา...
วันละสามครั้ง...
เช้า สาย บ่าย เย็น...
เจ็ดครั้งต่อวัน...
ช่วงเช้า ก่อนเริ่มต้นวัน...
ตอนรุ่งสาง...
ชั่วโมงที่สามของวัน...
ประมาณชั่วโมงที่หก...
ชั่วโมงอธิษฐาน ที่เก้า...
ตอนเย็น...
กลางคืน...
ในเวลาเที่ยงคืน...’

จากนั้น เขาได้บันทึกรายการสถานที่อธิษฐานในพระคัมภีร์:

‘ในที่ประชุม...และการชุมนุม...
ตู้เสื้อผ้าของคุณ...
ห้องชั้นบน...
หลังคาบ้าน...
พระวิหาร...
บนฝั่ง...
สวน...
บนเตียงของพวกเขา...
ถิ่นทุรกันดาร...
ในทุกที่...’

ไม่มีการจำกัดเวลา สถานที่ และวิธีต่าง ๆ ที่คุณสามารถอธิษฐานได้

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 119:49-56

ז (ซายิน)
49ขอทรงระลึกถึงพระวจนะของพระองค์ที่มีต่อผู้รับใช้ของพระองค์
 ซึ่งพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์หวังอยู่นั้น
50นี่คือการปลอบโยนในความทุกข์ยากของข้าพระองค์
 คือพระสัญญาของพระองค์ให้ชีวิตแก่ข้าพระองค์
51คนโอหังเย้ยหยันข้าพระองค์ยิ่งนัก
 แต่ข้าพระองค์ไม่หันออกจากธรรมบัญญัติของพระองค์
52เมื่อข้าพระองค์ระลึกถึงกฎหมายของพระองค์ที่มีมาแต่กาลก่อน
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้รับการปลอบโยน
53ความกริ้วอันร้อนแรงได้เกาะกุมใจข้าพระองค์เนื่องจากคนอธรรม
 ผู้ละทิ้งธรรมบัญญัติของพระองค์
54กฎเกณฑ์ของพระองค์ได้เป็นบทเพลงของข้าพระองค์
 ในบ้านที่ข้าพระองค์อาศัยอยู่ชั่วคราว
55ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในยามค่ำคืนข้าพระองค์ระลึกถึงพระนามของพระองค์
 และปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระองค์
56สิ่งนี้ได้เกิดแก่ข้าพระองค์
 เพราะข้าพระองค์รักษาข้อบังคับของพระองค์ไว้

อรรถาธิบาย

พระวจนะของพระเจ้า เพลง และคำอธิษฐานในยามค่ำคืน

การอธิษฐานเป็นการสื่อสารสองทาง การอธิษฐานเกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ฟัง​พระเจ้า​และ​พูด​กับ​พระองค์ วิธีหลักที่เราได้ยินพระเจ้าในวันนี้คือผ่านทางพระวจนะของพระองค์ พระเยซูเป็นพระคำของพระเจ้า (ยอห์น 1:1) และพระคัมภีร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระองค์ ในขณะที่คุณศึกษาพระคัมภีร์ อธิษฐานขอพระเจ้าตรัสกับคุณผ่านทางนั้น

สิ่งนี้จะให้ ‘ความหวัง’ แก่คุณ (สดุดี 119:49) ท่ามกลางความยากลำบากทั้งหมดของชีวิต: ‘ถ้อยคำเหล่านี้ฉุดรั้งข้าพเจ้าไว้ในยามเลวร้าย ใช่แล้ว คำสัญญาของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ากระปรี้กระเปร่า’ (ข้อ 50, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณจะพบการปลอบโยนผ่านพระวจนะของพระเจ้าที่มีต่อคุณ (ข้อ 52)

ถ้อยคำเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้เรานมัสการพระเจ้า: ‘กฎเกณฑ์ของพระองค์ได้เป็นบทเพลงของข้าพระองค์’ (ข้อ 54) เพลงนมัสการที่มีชื่อเสียงหลายเพลงมีพื้นฐานมาจากถ้อยคำในพระคัมภีร์

คุณไม่จำเป็นต้องจำกัดการอธิษฐานของคุณในเวลากลางวัน ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในยามค่ำคืนข้าพระองค์ระลึกถึงพระนามของพระองค์’ (ข้อ 55 ก): นี่เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งในการใช้เวลาขณะที่ยังคงตื่นตัวในช่วงกลางคืน อาจเป็นวิธีรักษาอาการนอนไม่หลับได้ด้วย!

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดตรัสกับข้าพระองค์ในวันนี้ด้วยพระวจนะของพระองค์ โปรดประทานความหวังและการปลอบโยนแก่ข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์อธิษฐาน
พันธสัญญาใหม่

1 ทิโมธี 2:1-15

คำแนะนำเกี่ยวกับการอธิษฐาน

 1เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน 2เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและทุกคนที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสงบและมีสันติในทางพระเจ้า และเป็นที่นับถือ 3การกระทำเช่นนี้เป็นการดี และเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา 4พระองค์ทรงประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดและรู้ความจริง 5เพราะว่าพระเจ้ามีองค์เดียว และคนกลางก็มีแต่เพียงผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพมนุษย์ 6ผู้ประทานพระองค์เองเป็นค่าไถ่สำหรับทุกคน เหตุการณ์นี้เป็นพยานในเวลาที่เหมาะสมของมันเอง 7เพราะเรื่องนี้ข้าพเจ้าจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศและเป็นอัครทูต (ข้าพเจ้าพูดความจริงและไม่ได้โกหกเลย) เป็นอาจารย์ของพวกต่างชาติในเรื่องความเชื่อและความจริง
 8เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกผู้ชายยกมืออันบริสุทธิ์ขึ้นอธิษฐานในทุกแห่งหน โดยปราศจากความโกรธหรือการทุ่มเถียงกัน 9ส่วนพวกผู้หญิงก็เหมือนกัน ควรแต่งกายให้สุภาพด้วยความเหมาะสม และพอเหมาะพอควร ไม่ต้องถักผมหรือประดับกายด้วยทองคำ ไข่มุก หรือเสื้อผ้าราคาแพง 10แต่ประดับด้วยการทำดี สมกับเป็นหญิงที่ประกาศตนว่านมัสการพระเจ้า 11ให้ผู้หญิงเรียนอย่างเงียบๆ ด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง 12ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ผู้หญิงสั่งสอนหรือควบคุมแปลได้อีกว่า หรือมีอำนาจเหนือผู้ชาย แต่ให้เธออยู่เงียบๆ 13เพราะพระเจ้าทรงสร้างอาดัมก่อน แล้วจึงสร้างเอวา 14และอาดัมไม่ได้ถูกล่อลวง แต่ผู้หญิงถูกล่อลวงและทำบาป 15แต่ถึงกระนั้นเธอก็จะได้รับความรอดในการมีบุตร ถ้าหากพวกเธอดำรงอยู่ในความเชื่อ ความรัก และความบริสุทธิ์ ด้วยความสงบเสงี่ยม

อรรถาธิบาย

ร้องทูล อธิษฐาน วิงวอน ขอบพระคุณ และสรรเสริญ

ความสำคัญอันดับแรกของคุณคืออะไร? เปาโลเขียนว่า ‘สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทำคือการอธิษฐาน อธิษฐานทุกวิถีทางที่ท่านรู้ เพื่อทุกคนที่ท่านรู้จัก’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คุณเคยบ่นเกี่ยวกับรัฐบาลหรือนักการเมืองของคุณหรือไม่? หากคุณต้องการรัฐบาลที่ดี คุณต้องอธิษฐานเผื่อสิ่งนั้น เปาโลจัดลำดับความสำคัญของการอธิษฐาน ‘เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและทุกคนที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสงบและมีสันติในทางพระเจ้า และเป็นที่นับถือ’ (ข้อ 2)

หากคุณอาศัยอยู่ในประเทศที่มีรัฐบาลที่ค่อนข้างมั่นคง จงขอบคุณพระเจ้า และอธิษฐานเผื่อความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ในโลกส่วนใหญ่ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมานจากรัฐบาลที่ไม่มั่นคงและการปกครองแบบเผด็จการ หลักนิติธรรมมีความสำคัญสูงในคำอธิษฐานของอัครสาวกเปาโล

เมื่อมีการปกครองที่ดีและสงบสุข จะทำให้การเผยแพร่พระกิตติคุณง่ายขึ้นและทำให้คนจำนวนมากได้ยินข่าวดีนั้น ‘การกระทำเช่นนี้เป็นการดี และเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดและรู้ความจริง’ (ข้อ 3–4) พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน ไม่มีใครเลยที่พระเจ้ากำหนดให้หลงทาง พระเจ้าต้องการให้ทุกคนได้รับความรอด

พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อเราทุกคน พระองค์ทรง 'ประทานพระองค์เองเป็นค่าไถ่สำหรับทุกคน' (ข้อ 6) นี่เป็นบทสรุปที่สวยงามในพระราชกิจของพระเยซู โดยผ่านการทรงไถ่ของพระองค์ จึงทำให้ทุกคนสามารถมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระบิดาได้

อธิษฐาน ‘เผื่อทุกคนที่คุณรู้จัก’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ซึ่งรวมถึงครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน และใครก็ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเร้าใจให้คุณอธิษฐาน

เป็นที่น่าสังเกตว่ามีความคาดหวังว่าผู้คนจะยกมือขึ้นในการอธิษฐาน ‘ไม่ยกหมัดที่โกรธแค้นใส่ศัตรู แต่ยกมืออันบริสุทธิ์ต่อพระเจ้า’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ถือเป็นเรื่องปกติที่คริสเตียนเช่นเดียวกับชาวยิวจะยกมือขึ้นในการอธิษฐาน (ข้อ 8)

นี่เป็นรูปแบบการอธิษฐานแบบดั้งเดิม ผมมักจะหยอกว่า ‘ถ้าคุณเข้าไปในคริสตจักรและเห็นทุกคนยกมือต่างพูดว่า "นี่คือคริสตจักรแบบดั้งเดิมที่นมัสการตามแบบโบราณ" ถ้าพวกเขาทุกคนเอามือลงข้างตัวก็ไม่เป็นไรเช่นกัน แค่พูดว่า "นี่คือคริสตจักรที่ทันสมัย และกำลังทดลองนมัสการในรูปแบบใหม่!"’

มีส่วนที่ยากจะอธิบายในตอนท้ายของข้อพระคัมภีร์ในวันนี้ (ข้อ 9–15) การตีความข้อนี้หลายครั้งไม่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ซึ่งชัดเจนว่าสตรีมีบทบาทเป็นผู้นำในคริสตจักร เปาโลพูดถึงสตรีในฐานะอัครสาวกและมัคนายก (โรม 16) เปาโลคาดหวังให้พวกเขาอธิษฐานและเผยพระวจนะในที่ประชุม (1 โครินธ์ 11)

เปาโลยังเขียนอีกว่าพระคริสต์ทรงยุติความแตกแยกและอคติเกี่ยวกับเพศ ในพระคริสต์ ‘ไม่มี... ชายหรือหญิง’ (กาลาเทีย 3:28) ในพันธกิจของพระเยซูเราได้อ่านเรื่องของมารีย์แห่งเบธานีนั่งแทบพระบาทของพระเยซู กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเธอเข้าร่วมกับพวกผู้ชายในการเป็นสาวกและเป็นผู้เรียน (ลูกา 10:38–42)

ประเด็นพื้นฐานของเปาโล คือการยืนกรานว่าผู้หญิงต้องได้รับอนุญาตให้เรียนรู้ (1 ทิโมธี 2:11) และได้รับการศึกษาในฐานะคริสเตียน การที่จะทำเช่นนั้นได้พวกเขาจำเป็นต้องถ่อมใจและไม่อยู่เหนือกว่ากระบวนการ เปาโลใช้คำว่า ‘สิทธิอำนาจ’ (authentein) ซึ่งถูกนำมาใช้ในที่อื่น ๆ สำหรับรูปแบบการเป็นผู้นำที่โหดเหี้ยมหรือใช้อำนาจเหนือ ดังนั้นอาจหมายถึงประเด็นเฉพาะในที่ประชุมนี้มากกว่าที่จะเป็นความคิดเห็นทั่วไปเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของผู้หญิง

ตามที่พระคัมภีร์ฉบับ The Message ระบุไว้ว่า ‘ข้าพเจ้าต้องการให้ผู้หญิงเข้าไปที่นั่นพร้อมกับผู้ชายด้วยความนอบน้อมต่อพระพักตร์พระเจ้า... ทำสิ่งที่สวยงามเพื่อพระเจ้าและสวยงามเมื่อทำมัน’ (ข้อ 9–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์เป็นพิเศษในวันนี้เพื่อผู้มีอำนาจ ขอให้กฎแห่งธรรมบัญญัติได้รับการสถาปนาขึ้นและให้ผู้คนสามารถดำเนินชีวิตอยู่อย่างสงบสุขในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์
พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 35:1-37:21

คนตระกูลเรคาบได้รับการยกย่อง

 1พระวจนะมาจากพระยาห์เวห์ถึงเยเรมีย์ ในรัชกาลเยโฮยาคิม โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า 2“จงไปหาคนตระกูลเรคาบและพูดกับพวกเขา และนำพวกเขามาที่พระนิเวศของพระยาห์เวห์ เข้ามาในห้องเฉลียงห้องหนึ่ง แล้วเชิญให้พวกเขาดื่มเหล้าองุ่น” 3ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงนำยาอาซันยาห์บุตรเยเรมีย์ผู้เป็นบุตรฮาบาซินยาห์ กับพี่น้องของเขา และบุตรชายทั้งหมดของเขาและคนตระกูลเรคาบทุกคน 4ข้าพเจ้านำพวกเขามายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ มาในห้องเฉลียงของบุตรของฮานัน ผู้เป็นบุตรอิกดาลิยาห์ คนของพระเจ้า ซึ่งอยู่ใกล้กับห้องเฉลียงของเจ้านาย เหนือห้องเฉลียงของมาอาเสยาห์บุตรชัลลูม คนดูแลธรณีประตู 5แล้วข้าพเจ้าก็วางเหยือกเหล้าองุ่นกับถ้วยหลายใบไว้ต่อหน้าคนตระกูลเรคาบ และพูดกับพวกเขาว่า “เชิญดื่มเหล้าองุ่น” 6แต่เขาทั้งหลายตอบว่า “พวกเราไม่ดื่มเหล้าองุ่น เพราะโยนาดับบุตรเรคาบผู้เป็นบิดาของเราสั่งเราว่า ‘อย่าดื่มเหล้าองุ่น ทั้งตัวเจ้าและลูกหลานของเจ้าเป็นนิตย์ 7อย่าสร้างบ้าน อย่าหว่านพืช อย่าปลูกหรือมีสวนองุ่น แต่จงอาศัยอยู่ในเต็นท์ตลอดชีวิตของเจ้า เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนานในแผ่นดินซึ่งเจ้าอาศัยอยู่’ 8พวกเราได้เชื่อฟังเสียงของโยนาดับบุตรเรคาบ ผู้เป็นบิดาของเราในทุกสิ่งซึ่งท่านได้สั่งเรา คือไม่ดื่มเหล้าองุ่นตลอดชีวิต ทั้งตัวเรา ภรรยา บุตรชายและบุตรหญิงของเรา 9ไม่สร้างบ้านเพื่อจะอาศัยอยู่ เราไม่มีสวนองุ่นหรือนาหรือพืช 10แต่เราได้อาศัยอยู่ในเต็นท์ ได้เชื่อฟังและทำทุกสิ่งซึ่งโยนาดับบิดาของเราได้บัญชาเราไว้ 11แต่ต่อมาเมื่อเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ยกมาต่อสู้กับแผ่นดินนี้ เราพูดว่า มาเถิด ให้เราไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพราะกลัวกองทัพคนเคลเดียและกองทัพคนซีเรีย ดังนั้นเราจึงอาศัยอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม”
 12แล้วพระวจนะแห่งพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมีย์ว่า 13“พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงไปบอกบรรดาผู้ชายของยูดาห์ และบอกชาวกรุงเยรูซาเล็มว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสว่า เจ้าจะไม่รับคำแนะนำและเชื่อฟังถ้อยคำของเราหรือ? 14ถ้อยคำของโยนาดับบุตรเรคาบที่ได้สั่งบุตรชายทั้งหลายของตนไม่ให้ดื่มเหล้าองุ่นนั้น พวกเขาก็ได้รักษากันไว้แล้ว และพวกเขาไม่ได้ดื่มเลยจนถึงวันนี้ เพราะพวกเขาได้เชื่อฟังคำสั่งของบิดาของเขา แต่เราเองได้พูดกับพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเจ้าก็ไม่ฟังเรา 15เราได้ส่งบรรดาผู้รับใช้ของเราคือผู้เผยพระวจนะมาหาเจ้า ส่งพวกเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า กล่าวว่า ‘บัดนี้เจ้าทุกคนจงหันกลับจากทางชั่วของตน และแก้ไขการกระทำของพวกเจ้าเสีย อย่าไปติดตามพระอื่นและปรนนิบัติพระเหล่านั้น แล้วเจ้าจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า’ แต่เจ้าไม่ได้เงี่ยหูหรือฟังเรา 16บุตรทั้งหลายของโยนาดับบุตรของเรคาบได้รักษาคำบัญชาซึ่งบิดาของเขาได้สั่งไว้ แต่ชนชาตินี้ไม่ได้เชื่อฟังเรา’ 17ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘นี่แน่ะ เราจะนำโทษทั้งสิ้นซึ่งเราประกาศไว้มาเหนือยูดาห์ และบรรดาชาวกรุงเยรูซาเล็ม เพราะว่าเราพูดกับพวกเขาแต่เขาไม่ฟัง เราได้เรียกเขาแต่เขาไม่ตอบ”
 18แต่เยเรมีย์ได้พูดกับคนตระกูลเรคาบว่า “พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เพราะว่าเจ้าได้เชื่อฟังคำสั่งของโยนาดับบิดาของเจ้าและถือรักษาข้อบังคับของท่านทั้งสิ้น และทำทุกอย่างที่ท่านบัญชาเจ้า 19เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘โยนาดับบุตรเรคาบจะไม่ขาดผู้ชายที่จะยืนอยู่ต่อหน้าเราตลอดไป’ ”

เยเรมีย์ 36

การอ่านหนังสือม้วนในพระวิหาร

 1ในปีที่ 4 แห่งรัชกาลเยโฮยาคิม โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ พระวจนะต่อไปนี้มาจากพระยาห์เวห์ถึงเยเรมีย์ว่า 2“เจ้าจงนำหนังสือม้วนม้วนหนึ่งมา และเขียนถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นลงไว้ เป็นคำที่เราได้พูดกับเจ้าเกี่ยวกับอิสราเอล ยูดาห์และบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น ตั้งแต่วันที่เราได้พูดกับเจ้า ตั้งแต่รัชกาลโยสิยาห์จนถึงวันนี้ 3บางทีคนยูดาห์จะได้ยินถึงการร้ายทั้งสิ้นซึ่งเราคิดจะทำต่อพวกเขา เผื่อว่าทุกคนจะหันกลับจากทางชั่วร้ายของตน แล้วเราจะได้อภัยโทษความผิดบาปและบาปของเขา”
 4แล้วเยเรมีย์จึงเรียกบารุคบุตรเนริยาห์มาเพื่อให้บารุคเขียนพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกับเยเรมีย์ตามคำบอกของท่านลงในหนังสือม้วน 5และเยเรมีย์สั่งบารุคว่า “ข้าพเจ้าถูกกักตัว ข้าพเจ้าไม่สามารถเข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 6ฉะนั้นเจ้าต้องเข้าไป และในวันถืออดอาหาร เจ้าจงอ่านพระวจนะของพระยาห์เวห์จากหนังสือม้วน ซึ่งเจ้าเขียนตามคำบอกของข้าพเจ้าให้ประชาชนทั้งสิ้นในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ได้ยิน เจ้าจงอ่านให้คนทั้งปวงแห่งยูดาห์ ผู้ออกมาจากเมืองต่างๆ ของเขาได้ยินด้วย 7บางทีคำทูลวิงวอนของเขาจะมาถึงพระยาห์เวห์ และทุกคนจะหันกลับจากทางชั่วของตน เพราะความกริ้วและพระพิโรธ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงประกาศเป็นโทษเหนือชนชาตินี้นั้นใหญ่หลวงนัก” 8และบารุคบุตรเนริยาห์ได้ทำตามซึ่งเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะสั่งเขาให้อ่านพระวจนะของพระยาห์เวห์จากหนังสือม้วนในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
 9ในปีที่ 5 แห่งรัชกาลเยโฮยาคิม โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ณ เดือนที่ 9 ประชาชนทั้งสิ้นในกรุงเยรูซาเล็มและประชาชนทั้งสิ้นผู้มาจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์ยังกรุงเยรูซาเล็มได้ประกาศให้ถืออดอาหารเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 10แล้วบารุคจึงอ่านถ้อยคำของเยเรมีย์จากหนังสือม้วนให้ประชาชนทั้งสิ้นได้ยินในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ในห้องเฉลียงของเกมาริยาห์บุตรชาฟาน ผู้เป็นเลขานุการ ซึ่งอยู่ในลานบนตรงทางเข้าประตูใหม่แห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์

การอ่านหนังสือม้วนในพระราชวัง

 11เมื่อมีคายาห์บุตรเกมาริยาห์ ผู้เป็นบุตรชาฟาน ได้ยินพระวจนะทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์จากหนังสือม้วนแล้ว 12ท่านได้ลงมาที่ห้องราชเลขาในพระราชวังของกษัตริย์และเจ้านายทั้งสิ้นก็นั่งอยู่ที่นั่น คือเอลีชามาราชเลขา เดไลยาห์บุตรเชไมยาห์ เอลนาธันบุตรอัคโบร์ เกมาริยาห์บุตรชาฟาน เศเดคียาห์บุตรฮานันยาห์ และบรรดาเจ้านายทั้งสิ้น 13แล้วมีคายาห์ก็เล่าถ้อยคำทั้งสิ้นซึ่งท่านได้ยิน เมื่อบารุคอ่านจากหนังสือม้วนให้ประชาชนฟังนั้น 14และบรรดาเจ้านายจึงใช้เยฮูดีบุตรเนธานิยาห์ ผู้เป็นบุตรของเชเลมิยาห์ ผู้เป็นบุตรของคูชี ให้ไปพูดกับบารุคว่า “จงถือหนังสือม้วนซึ่งเจ้าอ่านให้ประชาชนฟังนั้นมา” ดังนั้นบารุคบุตรเนริยาห์จึงถือหนังสือม้วนนั้นมาหาเขาทั้งหลาย 15และเขาทั้งหลายจึงพูดกับเขาว่า “จงนั่งลงอ่านหนังสือนั้นให้เราฟัง” บารุคจึงอ่านให้เขาฟัง 16เมื่อเขาได้ยินคำทั้งหมดนั้นก็หันมาหากันด้วยความกลัว เขาทั้งหลายจึงพูดกับบารุคว่า “เราต้องบอกถ้อยคำเหล่านี้ต่อกษัตริย์” 17แล้วเขาทั้งหลายจึงถามบารุคว่า “จงบอกเราว่าเจ้าเขียนถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นอย่างไร? เขียนตามคำบอกของเขาหรือ?” 18บารุคตอบเขาทั้งหลายว่า “ท่านได้บอกถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นแก่ข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าก็เขียนมันไว้ด้วยหมึกในหนังสือม้วน” 19แล้วเจ้านายทั้งหลายบอกบารุคว่า “ทั้งเจ้าและเยเรมีย์จงไปซ่อนเสีย อย่าให้ใครรู้ว่าเจ้าอยู่ที่ไหน”

เยโฮยาคิมทรงเผาหนังสือม้วน

 20แล้วเขาทั้งหลายก็เข้าไปในท้องพระโรงเพื่อเฝ้ากษัตริย์ เมื่อเอาหนังสือม้วนเก็บไว้ในห้องของเอลีชามาราชเลขาแล้ว พวกเขาก็กราบทูลถ้อยคำทั้งสิ้นนั้นต่อกษัตริย์ 21กษัตริย์จึงรับสั่งให้เยฮูดีไปเอาหนังสือม้วนนั้นมา เขาก็ไปเอามาจากห้องของเอลีชามาราชเลขา และเยฮูดีก็อ่านถวายกษัตริย์และแก่เจ้านายทั้งสิ้นผู้ยืนอยู่ข้างๆ กษัตริย์ 22เวลานั้นเป็นเดือนที่ 9 กษัตริย์ประทับอยู่ในพระราชวังเหมันต์ และมีไฟลุกอยู่ในเตาผิงเฉพาะพระพักตร์ 23เมื่อเยฮูดีอ่านไปได้สามหรือสี่แถบ กษัตริย์ทรงเอามีดอาลักษณ์ตัดออก และทรงโยนเข้าไปในไฟในเตาผิง จนหนังสือม้วนนั้นถูกไฟเผาไหม้หมด 24ถึงกระนั้นกษัตริย์หรือข้าราชการของพระองค์ผู้ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ก็ไม่ได้เกรงกลัวหรือฉีกเสื้อผ้าของตน 25แม้ว่าเมื่อเอลนาธันและเดลายาห์และเกมาริยาห์ได้ทูลวิงวอนกษัตริย์ไม่ให้พระองค์ทรงเผาหนังสือม้วนพระองค์ก็ไม่ทรงฟัง 26กษัตริย์ทรงบัญชาให้เยราเมเอลราชโอรส และเสไรยาห์บุตรอัสรีเอลและเชเลมิยาห์บุตรอับเดเอลจับบารุคอาลักษณ์และเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ แต่พระยาห์เวห์ทรงซ่อนท่านทั้งสองเสีย

เยเรมีย์บอกให้เขียนอีกม้วนหนึ่ง

 27หลังจากที่กษัตริย์ทรงเผาหนังสือม้วนที่มีถ้อยคำซึ่งบารุคเขียนตามคำบอกของเยเรมีย์แล้ว พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเยเรมีย์ว่า 28“จงเอาหนังสือม้วนอีกม้วนหนึ่งมา และจงเขียนถ้อยคำเดิมซึ่งอยู่ในหนังสือม้วนแรกลงไว้ทั้งหมด คือที่เยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ทรงเผาเสียนั้น 29และเกี่ยวกับเรื่องเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์นั้นเจ้าจงกล่าวดังนี้ว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ท่านได้เผาหนังสือม้วนนี้เสียและกล่าวว่า “ทำไมเจ้าจึงได้เขียนไว้ในนั้นว่า ‘กษัตริย์บาบิโลนจะมาทำลายแผ่นดินนี้เป็นแน่ และจะตัดมนุษย์และสัตว์ออกเสียจากแผ่นดินนั้น?’ 30เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้เกี่ยวกับเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า เยโฮยาคิมจะไม่มีบุตรที่จะประทับบนพระที่นั่งของดาวิด และศพของท่านจะถูกทิ้งไว้ให้ตากแดดกลางวันและตากน้ำค้างแข็งเวลากลางคืน 31เราจะลงโทษท่านและเผ่าพันธุ์ของท่านและข้าราชการของท่าน เพราะความผิดบาปของพวกเขา เราจะนำเหตุร้ายทั้งสิ้นที่เราได้ประกาศลงโทษเขา แต่เขาไม่ฟังนั้น ให้ตกลงบนเขา และบนชาวกรุงเยรูซาเล็ม และบนคนยูดาห์” ’ ”
 32แล้วเยเรมีย์จึงเอาหนังสือม้วนอีกม้วนหนึ่ง มอบให้บารุคบุตรเนริยาห์เสมียน ผู้เขียนถ้อยคำทั้งสิ้นในนั้นตามคำบอกของเยเรมีย์ คือถ้อยคำในหนังสือม้วนซึ่งเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้เผาเสียในไฟ และมีถ้อยคำเป็นอันมากที่คล้ายคลึงกันเพิ่มขึ้นอีก

เยเรมีย์ 37

ความหวังที่สูญเปล่าของเศเดคียาห์

 1เศเดคียาห์โอรสของโยสิยาห์ ผู้ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงตั้งให้เป็นกษัตริย์ในแผ่นดินยูดาห์ ได้ครองราชย์แทนโคนิยาห์โอรสของเยโฮยาคิม 2แต่ท่านเอง และข้าราชการของท่าน และประชาชนแห่งแผ่นดิน ไม่ได้ฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งพระองค์ตรัสผ่านทางเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ
 3กษัตริย์เศเดคียาห์ทรงใช้เยฮูคัลบุตรเชเลมิยาห์ และเศฟันยาห์ปุโรหิตบุตรมาอาเสยาห์ให้ไปหาเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ กล่าวว่า “ขออธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราเพื่อเรา” 4ส่วนเยเรมีย์นั้นยังเข้านอกออกในท่ามกลางประชาชนอยู่ เพราะท่านยังไม่ได้ถูกขังคุก 5กองทัพของฟาโรห์ได้ออกมาจากอียิปต์ เมื่อคนเคลเดียผู้ซึ่งกำลังล้อมกรุงเยรูซาเล็มอยู่ได้ทราบข่าวนั้น เขาทั้งหลายก็ถอยทัพไปจากกรุงเยรูซาเล็ม
 6พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะว่า 7“พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เจ้าจงไปบอกกษัตริย์แห่งยูดาห์ ผู้ใช้เจ้ามาไต่ถามเรา ว่า ‘ดูสิ กองทัพของฟาโรห์ซึ่งมาช่วยเจ้ากำลังจะกลับไปยังอียิปต์ แผ่นดินของเขา 8และคนเคลเดียจะกลับมาต่อสู้กับกรุงนี้ พวกเขาจะยึดได้และเผาเสียด้วยไฟ 9พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า อย่าล่อลวงตัวเองโดยกล่าวว่า “คนเคลเดียจะถอยออกไปจากเราแน่” เพราะว่าเขาจะไม่ถอยออกไป 10ถึงแม้ว่าเจ้าทำให้กองทัพทั้งสิ้นของคนเคลเดียที่กำลังต่อสู้เจ้าพ่ายแพ้ และมีเหลือแต่คนที่บาดเจ็บอยู่ในเต็นท์ของเขาเท่านั้น พวกเขาก็จะลุกขึ้น และเผากรุงนี้เสียด้วยไฟ’ ”

เยเรมีย์ถูกจำคุก

 11เมื่อกองทัพของคนเคลเดียได้ถอยจากกรุงเยรูซาเล็ม เพราะกองทัพของฟาโรห์เข้ามาประชิด 12เยเรมีย์ก็ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็มมุ่งไปยังแผ่นดินเบนยามิน เพื่อจะรับส่วนแบ่งของท่านท่ามกลางประชาชนที่นั่น 13เมื่อท่านอยู่ที่ประตูเบนยามิน ทหารยามคนหนึ่งชื่ออิรียาห์บุตรเชเลมิยาห์ ผู้เป็นบุตรฮานันยาห์ได้จับเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า “ท่านกำลังหนีไปหาคนเคลเดีย” 14และเยเรมีย์ตอบว่า “ไม่จริง ข้าพเจ้าไม่ได้หนีไปหาคนเคลเดีย” แต่อิรียาห์ไม่ฟังท่านและจับเยเรมีย์นำมาหาเจ้านาย 15และบรรดาเจ้านายก็เดือดดาลต่อเยเรมีย์ และพวกเขาก็ตีท่านและขังท่านไว้ในบ้านของโยนาธานเลขานุการ ซึ่งได้ทำให้เป็นคุก 16ดังนั้นเยเรมีย์จึงถูกขังอยู่ในคุกมืด และอยู่ที่นั่นหลายวัน
 17แล้วกษัตริย์เศเดคียาห์ทรงใช้ให้คนไปเอาตัวท่านมา กษัตริย์ทรงสอบถามท่านเป็นการลับที่ในพระราชวังว่า “มีพระวจนะมาจากพระยาห์เวห์บ้างหรือไม่?” เยเรมีย์ทูลว่า “มีพ่ะย่ะค่ะ” แล้วท่านทูลอีกว่า “ฝ่าพระบาทจะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน” 18เยเรมีย์ได้ทูลกษัตริย์เศเดคียาห์อีกว่า “ข้าพระบาทได้ทำอะไรผิดต่อฝ่าพระบาท หรือต่อข้าราชการของฝ่าพระบาท หรือต่อชนชาตินี้ ฝ่าพระบาทจึงได้จำขังข้าพระบาทไว้ในคุก? 19ผู้เผยพระวจนะของฝ่าพระบาทผู้ได้ทูลเผยพระวจนะต่อฝ่าพระบาทว่า ‘กษัตริย์แห่งบาบิโลนจะไม่มาต่อสู้ฝ่าพระบาท หรือต่อสู้แผ่นดินนี้’ นั้นอยู่ที่ไหน? 20บัดนี้ข้าแต่กษัตริย์เจ้านายของข้าพระบาท ขอทรงฟัง ขอคำทูลของข้าพระบาทมาอยู่เฉพาะพระพักตร์ของฝ่าพระบาท ขออย่าทรงส่งข้าพระบาทกลับไปที่บ้านของโยนาธานเลขานุการนั้นเลย เกรงว่าข้าพระบาทจะตายเสียที่นั่น” 21กษัตริย์เศเดคียาห์จึงมีรับสั่งและเขาก็มอบเยเรมีย์ไว้ที่บริเวณทหารรักษาพระองค์ และเขาให้ขนมปังแก่ท่านวันละก้อนจากถนนช่างทำขนมจนขนมปังในกรุงนั้นหมด เยเรมีย์จึงค้างอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์อย่างนั้น

อรรถาธิบาย

ฟังพระเจ้าและอธิษฐานเผื่อผู้อื่น

คุณเคยรู้สึกท้อแท้กับความจริงที่ว่าหลายคนไม่สนใจที่จะฟังพระวจนะของพระเจ้าและเชื่อฟังหรือไม่?

พระเจ้าตรัสกับเยเรมีย์ เยเรมีย์จึงกล่าวว่าพระเจ้า ‘เริ่มตรัสกับ [เขา] ตั้งแต่รัชสมัยของโยสิยาห์’ (36:2) เยเรมีย์บอกบารุคว่า ‘พระวจนะทั้งหมดที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขา’ (ข้อ 4)

ครั้งแล้วครั้งเล่า ‘พระวจนะของพระเจ้ามาถึงเยเรมีย์’ (ตัวอย่างเช่น ในข้อ 35:1,12; 36:1,27; 37:6) สันนิษฐานว่าเยเรมีย์ได้ยินพระวจนะของพระเจ้าขณะที่เขากำลังอธิษฐาน

เยเรมีย์กระตุ้นให้ผู้คนฟังพระเจ้า พระเจ้าตรัส ‘ครั้งแล้วครั้งเล่า’ (35:14) พระเจ้าตรัสว่า ‘นี่แน่ะ! ... เราพูดกับพวกเขาแต่เขาไม่ฟัง’ (ข้อ 17)

แม้ว่าพระเจ้าตรัสผ่านเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะของพระองค์ กษัตริย์เยโฮยาคิมก็ยังปฏิเสธที่จะฟังคำเตือนของที่ปรึกษาของพระองค์ (36:25) เยเรมีย์เขียนพระวจนะของพระเจ้าไว้บนม้วนหนังสือด้วยปากกาขนนกและหมึกอย่างระมัดระวัง แต่เยโฮยาคิมซึ่งนั่งอยู่หน้าเตาผิงที่ถ่านกำลังอุ่นอยู่ ได้ตัดม้วนหนังสือทั้งหมดแล้วเผาทีละชิ้น (ข้อ 23)

เยเรมีย์คงเสียใจมากที่ได้ยินสิ่งที่กษัตริย์ทรงกระทำกับงานทั้งหมดที่เขาทุ่มเททำอย่างหนัก พระเจ้าบอกให้เยเรมีย์ ‘ทำใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาไม่ได้เกลียดชังจากการถูกปฏิเสธ เราเองก็เช่นเดียวกันต้องเต็มใจที่จะดำเนินต่อไปแม้ว่าสิ่งที่เราสื่อสารไปจะถูกปฏิเสธ: ‘ทำใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง’

ภัยพิบัติมาถึง 'เพราะพวกเขาไม่ฟัง' (ข้อ 31) เมื่อเศเดคียาห์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ ‘แต่ท่านเอง และข้าราชการของท่าน และประชาชนแห่งแผ่นดิน ไม่ได้ฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งพระองค์ตรัสผ่านทางเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ’ (37:2) พวกเขาดูหมิ่นเยเรมีย์และถ้อยคำของเขา แต่ทั้ง ๆ ที่​ไม่​ยอม​ฟัง ผู้มีอำนาจก็​ตระหนัก​ถึง​พลัง​ของ​คำอธิษฐานของเยเรมีย์ กษัตริย์เศเดคียาห์ส่งข้อความถึงเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ: ‘ขออธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราเพื่อเรา’ (ข้อ 3)

ต่อมาเขาถูกจับ โบยตี และคุมขัง (ข้อ 14–15) เขา ‘ถูกขังอยู่ในคุกมืด และอยู่ที่นั่นหลายวัน’ (ข้อ 16) แต่เมื่อเขาถูกนำตัวออกจากคุกเพื่อไปเฝ้ากษัตริย์และถูกถามว่า ‘มีพระวจนะมาจากพระยาห์เวห์บ้างหรือไม่?’ (ข้อ 17) เขามีความกล้าหาญที่จะพูดออกมาอีกครั้ง ขีวิตเขาอยู่ขึ้นกับความเมตตาของกษัตริย์ แต่เขาก็ไม่กลัว

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยให้ข้าพระองค์ตั้งใจฟังถ้อยคำของพระองค์ และมีความกล้าที่จะพูดโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เยเรมีย์ 37:15

‘และบรรดาเจ้านายก็เดือดดาลต่อเยเรมีย์ และพวกเขาก็ตีท่านและขังท่านไว้ในบ้านของโยนาธานเลขานุการ ซึ่งได้ทำให้เป็นคุก’

เยเรมีย์ไม่เคยได้เจองานง่ายๆ เลย เขาถูกเรียกให้เตือนชาวยิวถึงความพินาศที่จะมาถึง และก็แทบจะไม่มีใครฟัง

มันไม่ง่ายเลยที่จะต่อต้านกระแสน้ำ เยเรมีย์เป็นแบบอย่างและหนุนใจให้เราก้าวต่อไปแม้ในยามยากลำบาก

ข้อพระคำประจำวัน

1 ทิโมธี 2:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล

‘สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทำคือการอธิษฐาน อธิษฐานทุกวิถีทางที่ท่านรู้ เพื่อทุกคนที่ท่านรู้จัก’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม