วัน 197

คำตอบที่พลิกสถานการณ์ของพระเจ้า

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 85:8-13
พันธสัญญาใหม่ โรม 3:9-31
พันธสัญญาเดิม อาโมส 3:1-4:13

เกริ่นนำ

‘บางครั้ง เราตกในหลุมพรางของความคิดว่าเราเป็นคนที่แย่ที่สุดบนโลกใบนี้ และไม่มีใครทำสิ่งที่ผิดมากเท่ากับเราอีกแล้ว แต่ในโรม 3:23 เขียนว่าเพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริ (อันเป็นเลิศ) ของพระเจ้า ส่วนจอยซ์ ไมเยอร์เขียนว่า มนุษย์ทุกคน ทั้งชาย หญิง หรือเด็กทุกคนที่เกิดมา หรือที่จะเกิดมานั้น มีปัญหาเรื่องของความบาป แต่ข่าวดีคือพระเจ้าทรง ให้คำตอบสำหรับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเรา

เมื่อเซนต์ออกัสติน พบคำตอบในปี ค.ศ. 386 ‘แสงสว่างที่ชัดเจนได้ท่วมท้นในหัวใจของเขา’ มาร์ติน ลูเธอร์ได้พบคำตอบและไม่กี่ปีหลังจากนั้น การปฏิรูปทางความเชื่อได้เริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1517 เมื่อจอห์น เวสลี่ย์เข้าใจถึงคำตอบใน ค.ศ. 1738 หัวใจของเขา ‘รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด’ และเมล็ดแห่งการฟื้นฟูได้เกิดขึ้น

ในแต่ละกรณี ชีวิตของพวกเขาถูกเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง ผ่านความเข้าใจถึง ‘ความชอบธรรมของพระเจ้า’ นั่นคือสิ่งที่พลิกสถานการณ์ เวลาที่ใครก็ตามเข้าใจถึงประโยคนี้ มันจะเปลี่ยนชีวิตของคุณ และสิ่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมเช่นเดียวกัน

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 85:8-13

8ขอให้ข้าพระองค์ได้ยินสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าจะตรัส
 เพราะพระองค์จะทรงประกาศสันติสุขแก่ประชากรของพระองค์ แก่ผู้จงรัก   ภักดีของพระองค์
 แต่อย่าให้เขาทั้งหลายหันกลับไปสู่ความโง่อีก
9แน่ทีเดียวที่ความรอดของพระองค์อยู่ใกล้คนที่ยำเกรงพระองค์
 เพื่อพระสิริจะอยู่ในแผ่นดินของข้าพระองค์ทั้งหลาย
10ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์จะพบกัน
 ความชอบธรรมและสันติภาพจะจูบกัน
11ความซื่อสัตย์จะงอกขึ้นมาจากแผ่นดิน
 และความชอบธรรมจะมองลงมาจากฟ้าสวรรค์
12เออ พระยาห์เวห์จะประทานสิ่งที่ดีๆ
 และแผ่นดินของข้าพระองค์ทั้งหลายจะเกิดผล
13ความชอบธรรมจะนำหน้าพระองค์
 และทำทางเดินให้ย่างพระบาทของพระองค์

อรรถาธิบาย

คำตอบจากพระเจ้าให้สันติสุขของพระองค์แก่เรา

‘ฉันเติบโตในบรรยากาศของความขัดแย้ง และนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ฉันรู้จัก’ จอยซ์ ไมเยอร์ เขียนดังนี้ ‘ฉันต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตด้วยวิถีใหม่อย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ฉันเสพติดสันติสุข เมื่อใดก็ตามที่สันติสุข ของฉันหายไป ฉันจะถามตัวเองว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และเริ่มมองหาวิธีที่จะเอาสันติสุขกลับคืนมา’

พระเจ้าทรงสัญญาที่จะให้ ‘สันติสุข’ แก่คนของพระองค์ (ข้อ 8) นั่นไม่ได้หมายถึงสันติสุขภายนอกเสมอไป ความกดดัน ความยากลำบาก การทดสอบ อุปสรรค และความยุ่งเหยิงอาจจะไม่หายไป แต่ท่ามกลางทั้งหมดนี้ พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้สันติสุขของพระองค์กับเรา สันติสุขนี้มาจากการฟังสิ่งที่ ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัส’ (ข้อ 8)

สันติสุขนั้นเชื่อมโยงเข้าสนิทกับความชอบธรรม ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ‘ความชอบธรรมและสันติภาพจะจูบกัน’ (ข้อ 10ข) ในทำนองเดียวกับที่ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์จะเจอกัน (ข้อ 10ก) ความชอบธรรมและสันติสุขก็จะพบกัน สันติสุขนั้นมาจากการมีชีวิตที่ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า (โรม 5:1)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ทรงช่วยข้าพระองค์ให้เดินในความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระองค์และให้ข้าพระองค์ได้ชื่นชมในสันติสุขที่พระองค์ทรงประทานให้
พันธสัญญาใหม่

โรม 3:9-31

ไม่มีคนชอบธรรมเลย

 9ถ้าเช่นนั้นจะว่าอย่างไร? พวกยิวเราจะได้เปรียบกว่าหรือ? เปล่าเลยเพราะเราได้ชี้แจงให้เห็นแล้วว่า มนุษย์ทุกคนทั้งพวกยิวและพวกกรีกต่างก็อยู่ใต้อำนาจบาป 10ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า

“ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียวไม่มีเลย
  11 ไม่มีคนที่เข้าใจ
 ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า
12 เขาทุกคนหลงผิดไปหมด พวกเขาเลวทรามเหมือนกันสิ้น
 ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี
 ไม่มีเลย
13 ลำคอของพวกเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่
 เขาใช้ลิ้นของเขาในการล่อลวง
พิษงูร้ายอยู่ใต้ริมฝีปากของเขา
 14 ปากของพวกเขาเต็มด้วยคำแช่งด่าอันขมขื่น
15 เท้าของเขาว่องไวในการทำให้นองเลือด
 16 ในทางเดินของเขามีความพินาศและความทุกข์
17 และเขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข
 18 เขาไม่เคยคิดจะยำเกรงพระเจ้า”

 19เรารู้แล้วว่า ธรรมบัญญัติทุกข้อที่ได้กล่าวนั้น ก็กล่าวแก่พวกที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อปิดปากทุกคน และให้โลกทั้งหมดอยู่ใต้การพิพากษาของพระเจ้า 20เพราะว่าในสายพระเนตรของพระเจ้า ไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าธรรมบัญญัตินั้นทำให้เรารู้จักบาป

ความชอบธรรมโดยทางความเชื่อ

 21แต่เดี๋ยวนี้ความชอบธรรมของพระเจ้านั้นปรากฏนอกเหนือธรรมบัญญัติ ความชอบธรรมดังกล่าวก็ได้รับการยืนยันจากหมวดธรรมบัญญัติและพวกผู้เผยพระวจนะ 22คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ แก่ทุกคนที่เชื่อ โดยไม่ทรงถือว่าเขาแตกต่างกัน 23เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า 24แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว 25พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปแปลได้อีกว่า ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น 26และเพื่อจะสำแดงในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย
 27เพราะฉะนั้น เราจะเอาอะไรมาอวด? ไม่มีทางทำได้เลย จะเอาการทำตามธรรมบัญญัติหรือ? จะเอาการประพฤติหรือ? ก็ไม่ได้ แต่ต้องเอาหลักเกณฑ์ของความเชื่อ 28เพราะเราเห็นว่า คนหนึ่งคนใดจะถูกชำระให้ชอบธรรมได้ก็โดยอาศัยความเชื่อนอกเหนือการประพฤติตามธรรมบัญญัติ 29หรือว่าพระเจ้านั้นทรงเป็นพระเจ้าของยิวพวกเดียวเท่านั้นหรือ? พระองค์ไม่ทรงเป็นพระเจ้าของพวกต่างชาติด้วยหรือ? ถูกแล้วพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกต่างชาติด้วย 30เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียว และพระองค์ทรงทำให้คนที่เข้าสุหนัตเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ และทำให้คนที่ไม่เข้าสุหนัตเป็นคนชอบธรรมก็ทางความเชื่อเหมือนกัน 31ถ้าเช่นนั้นเราลบล้างธรรมบัญญัติด้วยความเชื่อหรือ? เปล่าเลย เรายังชูธรรมบัญญัติขึ้นอีก

อรรถาธิบาย

คำตอบจากพระเจ้าเป็นของประทานที่เราได้รับ

เราทุกคนปรารถนาสันติสุข เราปรารถนาที่จะมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้าและกับคนอื่น ๆ แต่เราจะรับเอา ‘ความชอบธรรมจากพระเจ้า’ ได้อย่างไร?

เปาโลได้พูดข้อโต้แย้งของตนว่า ไม่มีใครสามารถชอบธรรมด้วยตัวของเขาเอง ‘ไม่มีใครใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง ไม่มีสักคนเดียว’ (ข้อ 10ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘พวกเขาล้วนเดินไปผิดทาง และหลงไปในตรอกซอยตัน’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความชอบธรรมคือหนทางสู่สันติสุข แต่ความจริงคือ ‘เขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข’ (ข้อ 17)

เปาโลสรุปข้อโต้แย้งของเขาในข้อนี้ว่า ‘มันชัดเจนไม่ใช่หรือว่าพวกเราเป็นคนบาป เราทุกคน อยู่บนเรือลำเดียวกันที่กำลังจะจม’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สามคำเล็ก ๆ ต่อจากนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ‘แต่เดี๋ยวนี้...’ (ข้อ 21)

เมื่อแก้ปัญหาได้แล้ว เปาโลจึงได้อธิบายคำตอบที่พลิกสถานการณ์ของพระเจ้าต่อว่า ‘ความชอบธรรมของพระเจ้า’ (ข้อ 21) ความชอบธรรมจากพระเจ้าไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยธรรมบัญญัติ เพราะไม่มีใคร (นอกจากพระเยซู) ที่รักษาธรรมบัญญัติทั้งหมดได้ ในพันธสัญญาเดิม (ธรรมบัญญัติและผู้เผยพระวจนะ) เป็นพยานเกี่ยวกับเรื่องนี้และชี้ไปที่คำตอบของพระเจ้า (ข้อ 21)

‘ความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฎโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ’ (ข้อ 22) เราไม่สามารถรับความชอบธรรมจากพระเจ้าโดยสิ่งที่เราทำ นี่เป็นของประทานอันบริสุทธิ์ที่เราได้รับ ‘ผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ’ (ข้อ 22)

จากนั้นเปาโลได้ใช้ภาพ 3 ภาพ บรรยายถึงสิ่งที่การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนกางเขนได้ทำให้สำเร็จ แต่ละภาพเป็นเหมือนเหลี่ยมของเพชร ซึ่งประสานเข้าด้วยกัน

  1. ค่าปรับโทษของบาปถูกจ่ายแล้ว
    การให้เหตุผลว่าชอบด้วยกฎหมายเป็นการแสดงออกของศาล ‘พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า’ (ข้อ 24) พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาที่เป็นธรรม พระองค์ไม่สามารถมองข้ามความผิดของเราได้

พระเจ้าเสด็จมาในสภาพของพระบุตร คือพระเยซูคริสต์ เพื่อตายแทนคุณและผม ‘…ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น และเพื่อจะสำแดงในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย’ (ข้อ 25-26) พระองค์ทรงจ่ายค่าปรับโทษด้วยพระองค์เอง

คุณได้ ‘เป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า’ (ข้อ 24) พระคุณหมายถึงความรักที่ไม่คู่ควรจะได้รับ เราไม่ต้องจ่ายราคาใด ๆ และไม่สามารถทำดีเพื่อจะได้รับมา พระคุณนั้นเป็นของประทาน ดังนั้นเราจึงไม่สามารถอวดอ้างได้เลย (ข้อ 27-31)

โดยการสิ้นพระชนม์บนกางเขน พระเยซูได้ทรงจ่ายค่าปรับโทษของทุกการกระทำ คำพูด หรือความคิดที่ผิดบาปของเรา เมื่อคุณเชื่อวางใจในพระเยซู คุณถูกทำให้ชอบธรรม ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป ค่าปรับโทษได้ถูกจ่ายแล้ว คุณได้รับของขวัญแห่งความชอบธรรมของพระเจ้า

  1. อำนาจของบาปได้ถูกทำลาย ภาพที่สองที่อาจารย์เปาโลใช้คือตลาด: ‘โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว’ (ข้อ 24)

หนี้สินถือเป็นปัญหาในยุคโบราณเช่นกัน ถ้าใครสักคนมีหนี้มหาศาล เขาอาจถูกบีบให้ขายตัวเองไปเป็นทาสเพื่อจะชำระหนี้

สมมติว่ามีคนหนึ่งยืนอยู่ในท้องตลาดและกำลังเสนอตัวเป็นทาส บางคนอาจจะสงสารเขา ยอมจ่ายค่าหนี้ให้และปล่อยคนนั้นไป โดยการทำเช่นนั้นเขากำลัง ‘ไถ่’ คน ๆ นั้นและจ่ายราคาของ ‘ค่าไถ่’

ในทำนองเดียวกัน ‘โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว’ (ข้อ 24) ความบาปของเราเป็นเหมือนหนี้ที่ค้ำเราอยู่ พระเยซูทรงจ่ายค่าไถ่เราโดยการสิ้นพระชนม์บนกางเขน (มาระโก 10:45) โดยทางนี้เราจึงเป็นอิสระที่จะมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า ความสัมพันธ์นั้นได้ถูก รื้อฟื้น คุณได้รับความชอบธรรมจากพระเจ้า

  1. มลพิษของความบาปได้ถูกกำจัดเสีย ภาพที่สามของอาจารย์เปาโลในข้อนี้มาจากพระวิหาร ‘พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล’ (โรม 3:25)

ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม กฎบัญญัติที่ระบุว่าความบาปจะต้องถูกจัดการอย่างไรนั้นเขียนไว้อย่างละเอียด มีระบบของการถวายเครื่องบูชาซึ่งแสดงออกถึงความร้ายแรงของบาปและความจำเป็นที่ต้องชำระล้างตัวจากมัน ขณะที่ความบาปถูกย้ายจากบุคคลที่ทำบาปไปยังสัตว์ที่จะต้องถูกฆ่า

แต่ว่า ‘เลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่มีทางชำระบาปให้หมดสิ้นไปได้เลย’ (ฮีบรู 10:4) ระบบการถวายสัตวบูชาแบบเดิมนั้นเป็นเพียง ‘เงา’ (ข้อ 1) ของสิ่งที่จะมาในภายหลัง การสละพระชนม์ของพระเยซูคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น โลหิตของพระคริสต์และ ‘การถวายพระกายของพระเยซูคริสต์ครั้งเดียว’ (ข้อ 10) สามารถชำระความบาปของเราและชำระมลพิษของมันได้ นั่นเป็นเพราะว่าพระเยซูทรงเป็นเครื่องบูชาที่สมบูรณ์ พระองค์เพียงผู้เดียวมีชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ โดยพระโลหิตของพระองค์เราจึงได้รับคำตอบจากพระเจ้าที่พลิกสถานการณ์ได้ คือ ความชอบธรรมของพระองค์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะขอบคุณพระองค์อย่างไรให้เพียงพอสำหรับของขวัญ ‘ความชอบธรรมจากพระเจ้าโดยความเชื่อในพระเยซู’ ขอบคุณที่ข้าพระองค์สามารถรับเอาสันติสุข การยกโทษ เสรีภาพ และการชำระโดยพระโลหิตของพระเยซู ซึ่งเป็นผลจากความชอบธรรมของพระองค์
พันธสัญญาเดิม

อาโมส 3:1-4:13

อิสราเอลถูกลงโทษเพราะทำผิด

 1โอ คนอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระวจนะนี้ซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกล่าวโทษท่านทั้งหลาย คือกล่าวโทษหมดทั้งตระกูล ซึ่งเราได้นำขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ว่า

2“ในบรรดาตระกูลทั้งสิ้นในโลกนี้
 เจ้าเท่านั้นที่เราเลือกไว้
ดังนั้นเราจะลงโทษเจ้า
 เพราะความผิดบาปทั้งสิ้นของเจ้า”
3สองคนจะเดินไปด้วยกันได้หรือ
 นอกจากทั้งสองจะได้ตกลงกันไว้ก่อน?
4สิงห์จะเปล่งเสียงคำรามอยู่ในป่า
 เมื่อมันไม่มีเหยื่อหรือ?
ถ้าสิงห์หนุ่มจับสัตว์อะไรไม่ได้เลย
 มันจะร้องออกมาจากถ้ำของมันหรือ?
5ถ้าไม่มีเหยื่อล่อไว้
 นกจะลงมาติดกับบนดินได้หรือ?
ถ้าไม่มีอะไรเข้าไปติดกับ
 กับจะลั่นขึ้นจากดินได้หรือ?
6เขาจะเป่าเขาสัตว์ในเมือง
 และประชาชนไม่ตกใจกลัวหรือ?
จะมีภัยเกิดขึ้นในเมืองหนึ่งเมืองใดหรือ
 นอกจากว่าพระยาห์เวห์ทรงทำเอง?
7แท้จริงพระยาห์เวห์องค์เจ้านายไม่ทรงทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด
 โดยไม่เปิดเผยความลี้ลับ
 ให้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ คือผู้เผยพระวจนะ
8สิงห์เปล่งเสียงคำรามแล้ว
 ใครจะไม่กลัวบ้าง?
พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสแล้ว
 ใครบ้างจะไม่เผยพระวจนะ?
9จงประกาศแก่บรรดาป้อมในเมืองอัชโดด
 และแก่บรรดาป้อมในแผ่นดินอียิปต์
และกล่าวว่า “จงประชุมกันที่บนภูเขาสะมาเรีย
 และพินิจดูการโกลาหลมากมาย
 และการข่มขี่ทั้งหลายท่ามกลางเมืองนั้น”
10พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ผู้ที่สะสมความทารุณ
 และการโจรกรรมไว้ในป้อมของเขา
 ไม่รู้จักที่จะประพฤติตามทางเที่ยงธรรม”
11เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายจึงตรัสดังนี้ว่า
 “ศัตรูจะมาล้อมแผ่นดินไว้
และตีแนวตั้งรับของเจ้าให้แตก  และบรรดาป้อมของเจ้าจะถูกปล้น”

 12พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ผู้เลี้ยงแกะชิงได้ขาสองขา หรือหูชิ้นหนึ่งมาจากปากสิงห์ได้อย่างไร คนอิสราเอลผู้อยู่ในสะมาเรีย จะได้รับความช่วยเหลือเหมือนคว้าได้เตียงซีกหนึ่ง หรือได้เศษที่นอนมาอย่างนั้น”
13พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย พระเจ้าจอมทัพตรัสว่า
 “ฟังซิ และจงเป็นพยานกล่าวโทษพงศ์พันธุ์ของยาโคบเถิด
14ว่าในวันที่เราทำโทษอิสราเอลเรื่องการละเมิดของเขา
 เราจะทำโทษบรรดาแท่นบูชาของเมืองเบธเอล
เชิงงอนที่แท่นบูชานั้นจะถูกตัดออกเสีย
 และตกลงดิน
15เราจะโจมตีเรือนพักฤดูหนาวพร้อมกับเรือนพักฤดูร้อน
 และเรือนที่ทำด้วยงาช้างจะพินาศ
และเรือนใหญ่ๆ ทั้งหลายจะสูญสิ้นไป”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ

อาโมส 4

1แม่โคทั้งหลายแห่งบาชานเอ๋ย จงฟังคำนี้เถิด
 คือผู้ที่อยู่บนภูเขาสะมาเรีย
ผู้ที่บีบบังคับคนยากจนและขยี้คนขัดสน
 ผู้ที่กล่าวแก่สามีของตนว่า “เอามาซิ ฉันจะได้ดื่ม”
2พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงปฏิญาณไว้ด้วยความบริสุทธิ์ของพระองค์ว่า
 “ดูเถิด วันเวลาก็มาถึงพวกเจ้าแล้ว
เขาจะเอาขอเกี่ยวเจ้าไป
 คือทุกคนที่เป็นของเจ้า เขาก็จะเกี่ยวไปด้วยเบ็ด
3และเจ้าจะออกไปตามช่องกำแพง
 หญิงทุกคนจะออกไปตามช่องข้างหน้าตน
และเจ้าจะถูกไล่ไปทางฮารโมน”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
4“จงมาที่เบธเอล มาทำการละเมิด
 มาที่กิลกาลซิ มาทำการละเมิดให้ทวีขึ้น
จงนำเครื่องสัตวบูชาของเจ้ามาทุกเช้า
 และนำทศางค์ร้อยละสิบของเจ้ามาทุกสามวัน
5จงเผาขนมปังที่มีเชื้อหมายถึงเชื้อขนมเป็นเครื่องบูชาขอบพระคุณ
 และประกาศการถวายบูชาด้วยใจสมัคร จงโฆษณาเรื่องนี้
โอ คนอิสราเอลเอ๋ย
 พวกเจ้ารักที่จะทำอย่างนี้นี่นะ”
พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
 อิสราเอลไม่ยอมรับบทเรียนจากการลงโทษของพระเจ้า
6“เราเองเป็นผู้ให้พวกเจ้าอดอยากแก่พวกเจ้าในทุกเมือง
 และให้เจ้าขาดแคลนอาหารในทุกแห่ง
 กระนั้นพวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
7“เราเองเป็นผู้ยับยั้งฝนไว้เสียจากเจ้าด้วย
 สามเดือนก่อนถึงฤดูเกี่ยว
เราให้ฝนตกในเมืองหนึ่ง
 อีกเมืองหนึ่งไม่ให้ฝน
นาแห่งหนึ่งมีฝนตก
 ส่วนนาที่ไม่มีฝนก็เหี่ยวแห้ง
8ดังนั้นชาวเมืองสองสามเมืองก็เดินโซเซไปหาอีกเมืองหนึ่ง
 เพื่อจะหาน้ำดื่ม แต่ไม่สิ้นกระหาย
กระนั้น พวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
9“เราโจมตีพืชผลของเจ้าด้วยโรคและเชื้อรา
 บรรดาไร่นาของเจ้า และสวนองุ่นของเจ้า
ต้นมะเดื่อและต้นมะกอกของเจ้า ตั๊กแตนก็มากิน
 กระนั้น พวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
10“เราให้โรคระบาดอย่างที่เกิดในอียิปต์มาเกิดท่ามกลางเจ้า
 เราประหารคนหนุ่มของเจ้าด้วยดาบ
กับเอาม้าทั้งหลายของเจ้าไปเสีย
 และทำให้ความเน่าเหม็นที่ค่ายของเจ้าคลุ้งเข้าจมูกพวกเจ้า
กระนั้น พวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
11“เราคว่ำพวกเจ้าบางคน
 อย่างที่พระเจ้าคว่ำเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์
เจ้าเหมือนดุ้นฟืนที่เขาหยิบออกมาจากกองไฟ
 กระนั้น พวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
12“โอ อิสราเอลเอ๋ย เพราะฉะนั้นเราจะต้องทำแก่เจ้าดังนี้
 และเพราะเราจะต้องทำเช่นนี้แก่เจ้า
 โอ อิสราเอลเอ๋ย จงเตรียมตัวเพื่อจะเผชิญพระเจ้าของเจ้า”
13เพราะนี่แน่ะ พระองค์ผู้ทรงปั้นภูเขาและสร้างพายุ
 และทรงประกาศพระดำริของพระองค์แก่มนุษย์
ผู้ทรงให้เวลาเช้าเป็นค่ำมืด
 และทรงดำเนินบนที่สูงของพิภพ
 พระนามของพระองค์ คือ พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพ

อรรถาธิบาย

คำตอบจากพระเจ้าท้าทายให้เรามีชีวิตอย่างถูกต้อง

เปาโลบอกกับเราว่าคำตอบจากพระเจ้าที่พลิกสถานการณ์ คือความชอบธรรมของพระเจ้านั้น ‘ได้รับการยืนยันจากหมวดธรรมบัญญัติและพวกผู้เผยพระวจนะ’ (โรม 3:21) อาโมสเป็นหนึ่งในผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น

เมื่ออาโมสหันมากล่าวถ้อยคำของพระเจ้าต่อหน้าอิสราเอล เราได้เห็นว่าพระเจ้าทรงปรารถนาความชอบธรรม ที่พวกเขาจะถูกลงโทษตามความผิดบาปทั้งหมดที่ทำไป พระเจ้าตรัสว่า ‘ในบรรดาตระกูลทั้งหมดในโลกนี้ เราได้เลือกเจ้าไว้ ดังนั้น เพราะการทรงเรียกที่พิเศษของเจ้า เจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อความบาปทั้งหมดที่เจ้าทำ’ (อาโมส 3:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ประชาชนอิสราเอลถูกกล่าวโทษในสถานที่ที่เป็นเหมือนศาล ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย พระเจ้าจอมทัพตรัสว่า “ฟังซิ และจงเป็นพยานกล่าวโทษพงศ์พันธุ์ของยาโคบเถิด”’ (ข้อ 13)

ดูเหมือนว่าพระเจ้าทรงเรียกพยานมาให้การคัดค้านคนของพระองค์: “พวกผู้หญิงเอ๋ย! เจ้าทำไม่ดีต่อคนยากจน และโหดร้ายต่อคนขัดสน เจ้าเกียจคร้านและถูกตามใจนัก เจ้าสั่งการสามีว่า ‘เอาเครื่องดื่มเย็น ๆ แก้วโตมาให้ฉันสิ’” (อาโมส 4:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเธอถูกประณามเพราะความฉาบฉวย การปรนเปรอตนเอง และการกระทำต่อคนยากจนและคนขัดสน

พระเจ้าตรัสกับคนของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อจะดึงพวกเขากลับมาหาพระองค์ ‘ความจริงคือพระเจ้า องค์เจ้านาย จะไม่กระทำสิ่งใดโดยไม่บอกเรื่องราวทั้งหมดกับผู้เผยพระวจนะของพระองค์ก่อน’ (อาโมส 3:7 พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) ‘“กระนั้นพวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา”พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ’ (อาโมส 4:6, 8-11)

เมื่อเราเข้าใจถึงภูมิหลังของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนี้ ก็ยิ่งสะดุดกับที่อัครทูตเปาโลเขียนว่า ‘คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฎโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์’ (โรม 3:22) สิ่งที่พลิกสถานการณ์ของพระเจ้าคือพระเยซูทรงจ่ายค่าปรับแทนเรา เรากลายเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า ในวันนี้เราสามารถเข้าหาพระองค์ด้วยความมั่นใจ พูดกับพระองค์เหมือนพูดกับพ่อที่รักเรา และรับรู้ถึงสันติสุขของพระองค์ที่อยู่ลึกในหัวใจของเรา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ความปรารถนาของพระองค์คือการที่พวกเราจะกลับมาหาพระองค์และดำเนินในความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระองค์ ขอบคุณที่พระองค์กระทำให้สิ่งนั้นสำเร็จแล้วผ่านทางพระเยซู

เพิ่มเติมโดยพิพพา

อาโมส 4:9

‘“เราโจมตีพืชผลของเจ้าด้วยโรคและเชื้อรา บรรดาไร่นาของเจ้า และสวนองุ่นของเจ้า ต้นมะเดื่อและต้นมะกอกของเจ้า ตั๊กแตนก็มากิน กระนั้น พวกเจ้าก็ยังไม่กลับมาหาเรา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ

ในสวนของเรา กุหลาบก็มีราขึ้น กระรอกมาขุดรื้อสายไฟของเรา ส่วนไม้เลื้อยก็ปกคลุมไปทั่วสวน ฉันคงต้องกลับใจใหม่หรือทำงานสวนหนักขึ้นกว่าเดิมแล้ว!

ข้อพระคำประจำวัน

สดุดี 85:8

‘เพราะพระองค์จะทรงประกาศสันติสุขแก่ประชากรของพระองค์…'

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม