พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอเชิญเสด็จมา
เกริ่นนำ
การใช้เวลาในการทรงสถิตของพระเจ้า เป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ คุณจำเป็นต้องมีการทรงสถิตของพระเจ้าในชีวิตของคุณมากกว่าที่คุณอยากได้สิ่งอื่นใด แต่คุณจะพบการทรงสถิตของพระเจ้าได้ที่ไหน?
ผมจำได้ดีถึงครั้งแรกที่ผมได้ยินบางคนอธิษฐาน หนึ่งในคำอธิษฐานที่เก่าแก่ที่สุดของคริสตจักร ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอเชิญเสด็จมา’ ด้วยความคาดหวังจริงๆ ว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมา! มันเป็นคืนวันอาทิตย์ในปี ค.ศ. 1982 เรามีการประชุมในห้องใต้ดินหลังจากการนมัสการช่วงเย็นที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน เมื่อเราอธิษฐาน ‘ขอเชิญเสด็จมา พระวิญญาณบริสุทธิ์’ เราได้เห็นเหตุการณ์ที่โดดเด่นเกิดขึ้น เราได้เห็นผู้คนเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยการสำแดงออกทางกายที่ปรากฏขึ้น เหมือนกับสิ่งที่อธิบายในพระธรรมกิจการอัครทูตในวันเพ็นเทคอสต์ เราได้เห็นการเยียวยาทางกายเกิดขึ้นในวันถัดมา เมื่อบางคนอธิษฐานอีกครั้งว่า ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอเชิญเสด็จมา’
พระเจ้าสถิตอยู่กับประชากรของพระองค์เสมอในปัจจุบัน โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ เมื่อคุณอธิษฐานว่า ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอเชิญเสด็จมา’ คุณกำลังทูลขอความรู้สึกถึงการทรงสถิตของพระเจ้าที่เพิ่มขึ้น มีหลายครั้งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเติมเต็มการชุมนุมของผู้คนอย่างมีอำนาจสูงสุดและเป็นธรรมชาติ (กิจการอัครทูต 2:2 10:44) มีอีกหลายครั้งเมื่อสาวกอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ ‘เมื่อเขาทั้งหลายอธิษฐานแล้ว ที่ซึ่งพวกเขาประชุมอยู่นั้นก็สั่นไหว แล้วพวกเขาเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (4:31) ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมตอนสำหรับวันนี้ เราจะอ่านวิธีซึ่ง ‘พระสิริของพระยาห์เวห์เต็มพระนิเวศ‘ (1 พงศ์กษัตริย์ 8:11)
พระธรรมแต่ละตอนในวันนี้บอกเราถึงบางสิ่งเกี่ยวกับวิธีที่จะสุขใจกับการทรงสถิตอันทรงพลังของพระเจ้าซึ่งมาโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์
สดุดี 76:1-12
พระเจ้าของอิสราเอลทรงพิพากษาทั่วพิภพ
ถึงหัวหน้านักร้อง ใช้เครื่องสาย เพลงสดุดีของอาสาฟ บทเพลง
1ในยูดาห์ พระเจ้าทรงเป็นที่รู้จัก
ในอิสราเอล พระนามของพระองค์ใหญ่ยิ่ง
2ที่ประทับของพระองค์อยู่ในซาเลม
ที่พำนักของพระองค์อยู่ในศิโยน
3ที่นั่น พระองค์ทรงหักลูกธนูเพลิง
ทั้งโล่ ดาบ และยุทธภัณฑ์
4พระองค์ทรงรุ่งโรจน์
สูงส่งยิ่งกว่าภูเขานิรันดร์ภูเขานิรันดร์
5บรรดาคนใจกล้าถูกริบข้าวของ
เขาล่วงหลับไป
นักรบทั้งสิ้น
ไม่สามารถใช้มือของตนได้อีก
6ข้าแต่พระเจ้าของยาโคบ พอพระองค์ทรงกำราบ
ทั้งม้าและคนขี่ก็ล่วงลับไป
7แต่พระองค์เจ้า พระองค์ทรงเป็นที่คร้ามกลัว
เมื่อพระองค์กริ้วขึ้นแล้ว
ใครจะยืนต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ได้?
8พระองค์ทรงลั่นคำพิพากษาจากฟ้าสวรรค์
แผ่นดินโลกก็กลัวและนิ่งเงียบ
9เมื่อพระเจ้าทรงลุกขึ้นพิพากษา
เพื่อช่วยผู้ถูกข่มเหงทั้งสิ้นของแผ่นดินโลกให้รอด
10แท้จริง พระพิโรธต่อมนุษย์จะนำการยกย่องมาสู่พระองค์
และพระพิโรธที่เหลืออยู่ พระองค์ก็ทรงคาดไว้
11จงบนและแก้บนต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย
ให้ทุกคนที่อยู่รอบพระองค์นำของกำนัล
มายังพระองค์ผู้ทรงน่าเกรงกลัว
12ผู้ทรงประหารเจ้านาย
ผู้ทรงเป็นที่คร้ามกลัวแก่บรรดาพระราชาแห่งแผ่นดินโลก
อรรถาธิบาย
รอคอยการทรงสถิตอันทรงพลังของพระเจ้า
พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็มไม่ได้เป็นสถานที่สักการะในตอนเริ่มแรกแต่เป็นที่ซึ่งพระเจ้าทรงสถิต ผู้เขียนสดุดีเขียนไว้ว่า ‘ในยูดาห์ พระเจ้าทรงเป็นที่รู้จัก ในอิสราเอล พระนามของพระองค์ใหญ่ยิ่ง ที่ประทับของพระองค์อยู่ในซาเลม ที่พำนักของพระองค์อยู่ในศิโยน ’ (ข้อ 1–2) ‘ซาเล็ม’ เป็นชื่อเยบุสเก่าแก่ของเยรูซาเล็ม ‘ศิโยน’ เป็นคำที่ถูกใช้บ่อยๆ เพื่ออ้างถึงกรุงเยรูซาเล็มว่าเป็นจุดรวมของการทรงสถิตของพระเจ้า (ข้อ 7, Amplified) ท่ามกลางประชากรของพระองค์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม นี่เป็นสถานที่ที่พำนักของพระองค์ (‘ที่อยู่อาศัย’ Revised Standard Version) นี่เป็นที่ซึ่งพระเจ้าทรงประทับอยู่
นี่เป็นเหตุผลที่ประชากรของพระเจ้าร้อนรนเกี่ยวกับเยรูซาเล็ม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระวิหาร พวกเขารอคอย เช่นเดียวกับที่เราล้วนรู้สึกลึกลงไปภายใน ต่อการทรงสถิตของพระเจ้า ความจริงอันน่าทึ่งคือ ผ่านทางพระเยซู เราสามารถรู้ถึงการทรงสถิตของพระเจ้าภายใน และท่ามกลางเรา ประชากรของพระองค์ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด พระองค์ทรงประทับอยู่ภายในคุณโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์
คำอธิษฐาน
กิจการอัครทูต 13:42-14:7
42ขณะที่ท่านทั้งสองกำลังเดินออกไป คนทั้งหลายก็อ้อนวอนพวกท่านให้กล่าวคำเหล่านั้นให้พวกเขาฟังอีกในวันสะบาโตหน้า 43เมื่อการประชุมเลิกแล้ว ยิวหลายคนกับพวกเข้าจารีตยิวที่นับถือพระเจ้าก็ตามเปาโลและบารนาบัสไป ท่านทั้งสองจึงพูดคุยกับพวกเขาและปลุกใจให้พวกเขาดำรงอยู่ในพระคุณของพระเจ้า
44เมื่อถึงวันสะบาโตหน้า คนเกือบทั้งเมืองมาประชุมกันฟังพระวจนะของพระเจ้า 45แต่เมื่อพวกยิวเห็นคนมากมายก็มีใจอิจฉาอย่างยิ่ง พูดหมิ่นประมาทและคัดค้านคำของเปาโล 46ส่วนเปาโลกับบารนาบัสนั้นมีใจกล้า กล่าวว่า “เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องกล่าวพระวจนะของพระเจ้าให้ท่านทั้งหลายฟังก่อน แต่เมื่อพวกท่านปฏิเสธและตัดสินตัวเองว่าไม่สมควรจะได้ชีวิตนิรันดร์ นี่แน่ะ เราจะหันไปหาพวกต่างชาติ 47เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งเราว่าอย่างนี้
‘เราตั้งเจ้าไว้ให้เป็นความสว่างสำหรับคนต่างชาติ
เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก ’ ”
48เมื่อคนต่างชาติได้ยินอย่างนั้นก็มีความยินดีและสรรเสริญพระวจนะของพระเจ้า และคนทั้งหลายที่ทรงหมายไว้แล้วเพื่อให้ได้ชีวิตนิรันดร์ก็เชื่อถือ 49พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงแพร่ไปทั่วตลอดเขตแดนนั้น 50แต่พวกยิวยุยงบรรดาสตรีมีศักดิ์ซึ่งเป็นคนต่างชาติที่นับถือพระเจ้า กับพวกผู้ชายที่เป็นใหญ่ในเมืองนั้น ให้ข่มเหงและขับไล่เปาโลกับบารนาบัสออกจากเมืองของเขาทั้งหลาย 51เปาโลกับบารนาบัสจึงสะบัดผงคลีดินที่ติดเท้าออกต่อพวกเขา แล้วไปยังเขตเมืองอิโคนียูม 52ส่วนพวกสาวกเต็มด้วยความชื่นชมยินดีและเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
กิจการ 14
เปาโลกับบารนาบัสที่เมืองอิโคนียูม
1ที่เมืองอิโคนียูม เปาโลกับบารนาบัสเข้าไปในธรรมศาลาของพวกยิวเช่นเคย กล่าวสั่งสอนอย่างจับใจจนพวกยิวและพวกกรีกจำนวนมากเชื่อถือ 2แต่พวกยิวที่ไม่เชื่อก็ยุยงพวกต่างชาติให้มีใจคิดร้ายต่อพวกพี่น้อง 3ฉะนั้นท่านทั้งสองจึงอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ประกาศด้วยใจกล้าหาญเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงรับรองคำแห่งพระคุณของพระองค์ โดยทรงทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ด้วยมือของท่านทั้งสอง 4แต่ชาวเมืองนั้นแตกเป็นสองพวก พวกหนึ่งอยู่ฝ่ายพวกยิว และอีกพวกหนึ่งอยู่ฝ่ายพวกอัครทูต 5เมื่อพวกต่างชาติและพวกยิวร่วมกับพวกผู้ปกครองบ้านเมืองคิดจะทำร้ายและเอาก้อนหินขว้างเปาโลกับบารนาบัส 6ท่านทั้งสองทราบแล้วจึงหนีไปที่แคว้นลิคาโอเนียไปยังเมืองลิสตรา เมืองเดอร์บี และชนบทรอบๆ 7และประกาศข่าวประเสริฐที่นั่น
อรรถาธิบาย
เต็มล้นด้วยการทรงสถิตอันทรงพลังของพระเจ้า
จากวันเพ็นเทคอสต์ การทรงสถิตอันทรงพลังมาเหนือประชากรของพระองค์ ในพระธรรมสำหรับวันนี้ เราจะอ่านว่าอีกครั้งหนึ่ง พวกเขา ‘เต็มด้วยความชื่นชมยินดีและเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (13:52) คริสเตียนทุกคนบัดนี้มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับอยู่กับพวกเขา (โรม 8:9)
ในพระธรรมตอนนี้ เราเห็นผลกระทบของการทรงสถิตอันทรงพลังเมื่อคุณเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์:
1. การเกิดผล
ในเมืองอันติโอก คนเกือบทั้งเมืองมาประชุมกันฟังพระวจนะของพระเจ้า (กิจการ 13:44–45) ในเมืองอิโคนียูม ‘พวกเขากล่าวสั่งสอนอย่างจับใจจนพวกยิวและพวกกรีกจำนวนมากเชื่อถือ’ (14:1)
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับรองคำแห่งพระคุณของพระองค์ โดยทรงทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ด้วยมือของท่านทั้งสอง (ข้อ 3) นี่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนในคริสตจักรจะต้องมีสุขภาพที่สมบูรณ์ไปตลอดชีวิตนี้ แต่เราเห็นการทำลายของอาณาจักรในอนาคตของพระเจ้า เพื่อข่าวประเสริฐจะดำเนินต่อไป และมีชัยชนะ
2. การต่อต้าน
จงอย่าทึกทักว่า หากพระเจ้าอยู่กับคุณแล้วคุณจะไม่ต้องการต่อต้านสลักสำคัญใดๆ เหตุการณ์เหล่านี้เตือนใจเราว่า ที่จริงแล้วการต่อต้านกลับเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อพระเจ้าทรงทำกิจ ศัตรูก็พยายามก่อกวนให้เกิดการต่อต้าน และความยุ่งยาก
ในเมืองอันติโอก บางคน ‘ก็คลั่งไปด้วยใจอิจฉาอย่างยิ่ง และพูดคัดค้านคำของเปาโล ขัดแย้งทุกอย่างที่ท่านพูด ทำให้เกิดภาพที่ไม่งาม’ (13:45, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘แต่พวกยิวยุยง...ให้ข่มเหงและขับไล่เปาโลกับบารนาบัสออกจากเมืองของเขาทั้งหลาย’ (ข้อ 50)
ในเมืองอิโคนียูม ผู้ที่ปฏิเสธความเชื่อ ‘ก็ปล่อยข่าวต่อต้านเปาโลกับบารนาบัส หว่านความไม่น่าเชื่อถือและสงสัยลงไปกับผู้คนบนท้องถนน’ (14:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาจัดการให้มี ‘การรุมทำร้าย’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
3. ความชื่นชมยินดี
ความสุขของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ มีความชื่นชมยินดีลึกๆ ซึ่งมาจากการทรงสถิตของพระเจ้า ท่ามกลางการต่อต้าน และหลังจากที่พวกเขาถูกบังคับให้ออกจากเมืองอันติโอก พวกเขาก็เข้าไปที่เมืองถัดไป อิโคนียูม ‘สาวกทั้งสองก็เต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดีและเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (กิจการ 13:52, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
4. ความกล้าหาญ
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานความกล้าหาญแก่คุณแม้ว่าจะมีผู้ต่อต้าน ในเมืองอันติโอก ‘ส่วนเปาโลกับบารนาบัสนั้นมีใจกล้า กล่าวว่า “เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องกล่าวพระวจนะของพระเจ้าให้ท่านทั้งหลายฟังก่อน”’ (ข้อ 46) ‘ฉะนั้นท่านทั้งสองจึงอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ประกาศด้วยใจกล้าหาญเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (4:3) แม้จะมีผู้ต่อต้าน และ ‘คิดจะทำร้าย’ (ข้อ 5) พวกเขายังคง ‘ประกาศข่าวประเสริฐที่นั่น’ (ข้อ 7)
คำอธิษฐาน
1 พงศ์กษัตริย์ 7:23-8:21
23แล้วฮูรามได้หล่ออ่างสาคร วัดจากขอบหนึ่งไปถึงอีกขอบหนึ่งได้ 4.5 เมตร สูง 2.25 เมตร และวัดโดยรอบได้ 13.5 เมตร 24ใต้ขอบได้หล่อเป็นรูปน้ำเต้าสิบลูกทุก 45 เซนติเมตรแปลได้อีกว่า รูปหล่อน้ำเต้าเป็นระยะ 4.5 เมตรอยู่รอบอ่างสาคร รูปน้ำเต้ามีสองแถวและหล่อเป็นชิ้นเดียวกันกับอ่าง 25อ่างสาครนั้นตั้งอยู่บนวัวสิบสองตัว โดยสามตัวหันหน้าไปทิศเหนือ สามตัวหันหน้าไปทิศตะวันตก สามตัวหันหน้าไปทิศใต้ และสามตัวหันหน้าไปทิศตะวันออก เขาวางอ่างสาครบนวัว โดยให้ส่วนหลังของวัวทุกตัวอยู่ด้านใน 26อ่างหนา 7.5 เซนติเมตร ที่ขอบอ่างทำเหมือนขอบถ้วยเหมือนดอกพลับพลึงกำลังบาน อ่างมีความจุสี่หมื่นลิตร
27ฮูรามทำแท่นทองสัมฤทธิ์สิบแท่น แต่ละแท่นยาว 1.8 เมตร กว้าง 1.8 เมตร สูง 1.3 เมตร 28ลักษณะของแท่นเป็นอย่างนี้ แท่นมีแผง แผงนี้ฝังอยู่ในกรอบ 29บนแผงที่ฝังอยู่ในกรอบนั้นมีรูปสิงโต วัว และเครูบ บนกรอบที่อยู่บนและล่างสิงโตและวัว มีฐานที่ลวดลายเป็นมาลัยย้อย 30แท่นแต่ละแท่นมีล้อทองสัมฤทธิ์สี่ล้อกับเพลาทองสัมฤทธิ์ ที่มุมทั้งสี่มีที่รองรับอ่างเล็ก ที่รองรับนั้นถูกหล่อโดยมีมาลัยห้อยทุกข้าง 31ช่องเปิดอยู่ในบัวหงาย ซึ่งยื่นขึ้นไป 45 เซนติเมตร ช่องเปิดนั้นกลมอย่างที่เขาทำฐาน กว้าง 66 เซนติเมตรแปลได้อีกว่า ลึก 66 เซนติเมตร ตรงช่องเปิดมีลายสลัก และแผงนั้นเป็นสี่เหลี่ยมไม่กลม 32ล้อทั้งสี่อยู่ใต้แผง เพลาล้อนั้นติดกับแท่นล้ออันหนึ่งสูง 66 เซนติเมตร 33ล้อนั้นเขาทำเหมือนล้อรถรบ ทั้งเพลา ขอบล้อ ซี่ล้อ และดุมล้อก็หล่อออกมาทั้งสิ้น 34แต่ละแท่นมีที่รองรับอยู่ที่มุมทั้งสี่ ที่รองรับนั้นหล่อเป็นชิ้นเดียวกับแท่น 35ที่บนยอดแท่นมีแถบกลมสูง 22 เซนติเมตร และบนยอดแท่นนั้นมีกรอบและแผงติดเป็นอันเดียวกับแท่น 36ที่พื้นกรอบ และพื้นแผง ท่านสลักเป็นรูปเครูบ สิงโต และต้นอินทผลัม ตามที่ว่างของแต่ละสิ่งมีลายมาลัยอยู่รอบๆ 37ท่านได้ทำแท่นสิบแท่นตามอย่างนี้ หล่อเหมือนกันหมดทุกอัน ขนาดเดียวกัน และรูปเดียวกัน
38ฮูรามทำอ่างเล็กด้วยทองสัมฤทธิ์อพย.30:17-21สิบใบ อ่างแต่ละใบจุ 800 ลิตร และมีขนาด 1.8 เมตร มีอ่างเล็กอยู่บนแท่นทั้งสิบแท่น แท่นละใบ 39ท่านวางแท่นไว้ด้านขวาของพระนิเวศห้าแท่น และทางด้านซ้ายห้าแท่น และท่านวางอ่างสาครไว้ที่ด้านขวาของพระนิเวศทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
40ฮูรามภาษาฮีบรูคือ ฮีโรมได้ทำหม้อ ทัพพี และชามด้วย ดังนั้นฮูรามภาษาฮีบรูคือ ฮีรามก็เสร็จงานทั้งสิ้น ที่ท่านต้องทำถวายพระราชาซาโลมอน สำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 41เสาสองต้น คิ้วของบัวที่อยู่บนหัวเสาและตาข่ายสองผืน ซึ่งคลุมคิ้วทั้งสองของบัวที่อยู่บนหัวเสา 42และลูกทับทิมสี่ร้อยลูกสำหรับตาข่ายสองผืน ตาข่ายผืนหนึ่งมีลูกทับทิมสองแถว เพื่อคลุมคิ้วทั้งสองของบัวซึ่งอยู่บนเสา 43แท่นสิบแท่นและอ่างเล็กสิบใบซึ่งอยู่บนแท่นเหล่านั้น 44และอ่างสาครใบหนึ่ง และวัวสิบสองตัวที่อยู่ใต้อ่างสาครนั้น
45หม้อ ทัพพีและชาม ภาชนะทั้งสิ้นเหล่านี้ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ขัดมัน ฮูรามได้ทำถวายพระราชาซาโลมอน สำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 46พระราชาทรงหล่อสิ่งเหล่านี้ในที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน และในที่ดินเหนียวระหว่างเมืองสุคคท และเมืองศาเรธาน 47ซาโลมอนไม่ได้ทรงชั่งเครื่องใช้ทั้งหมดนี้ เพราะมีมากเหลือเกิน จึงไม่ได้หาน้ำหนักของทองสัมฤทธิ์
48ซาโลมอนทรงทำเครื่องใช้ทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ คือแท่นบูชาทองคำ และโต๊ะทองคำที่ใช้วางขนมปังเฉพาะพระพักตร์ 49คันประทีปทองคำบริสุทธิ์อยู่หน้าห้องชั้นในสุด ด้านขวาห้าอัน ด้านซ้ายห้าอัน ดอกไม้ ตะเกียง และคีม ล้วนทำด้วยทองคำ 50ถ้วย ตะไกรตัดไส้ตะเกียง ชาม ชามเล็กและกระถางไฟ ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ และบานพับทองคำสำหรับประตูของส่วนชั้นในพระนิเวศ คืออภิสุทธิสถานและสำหรับประตูห้องโถงของพระวิหาร
51งานทุกอย่างที่พระราชาซาโลมอนทรงทำ เกี่ยวกับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็ได้สำเร็จลง และซาโลมอนทรงนำสิ่งของซึ่งดาวิดพระราชบิดาทรงถวายไว้เข้ามา คือเครื่องเงิน เครื่องทองคำ และเครื่องใช้ต่างๆ และทรงเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระยาห์เวห์
1 พงศ์กษัตริย์ 8
การถวายพระวิหาร
1แล้วซาโลมอนทรงเรียกพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล และบรรดาหัวหน้าของเผ่าต่างๆ คือพวกเจ้านายของตระกูลคนอิสราเอลมาประชุมในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ขึ้นมาจากนครดาวิดหมายถึงกรุงเยรูซาเล็ม คือศิโยน 2และผู้ชายทั้งหมดของอิสราเอลก็ประชุมกับพระราชาซาโลมอน ณ การเลี้ยงในเดือนเอธานิมเดือนที่เจ็ดตามปฏิทินของคนอิสราเอล ประมาณกลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม คือเดือนที่เจ็ด 3พวกผู้ใหญ่ทั้งสิ้นของอิสราเอลมา และพวกปุโรหิตก็ยกหีบ 4และเขาทั้งหลายนำหีบของพระยาห์เวห์ และเต็นท์นัดพบ อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่บริสุทธิ์ทุกอย่าง ซึ่งอยู่ในเต็นท์ขึ้นมา พวกปุโรหิตและพวกเลวีได้นำของเหล่านี้ขึ้นมา 5และพระราชาซาโลมอน และชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้นที่ได้ประชุมกันกับพระองค์ อยู่กับพระองค์ต่อหน้าหีบ ได้ถวายแกะและวัวมากมาย จนไม่สามารถนับจำนวนหรือคิดคำนวณได้ 6แล้วปุโรหิตก็นำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์มายังที่ตั้งของหีบ ในห้องชั้นในสุดของพระนิเวศ คือในอภิสุทธิสถาน ภายใต้ปีกของเครูบ 7เพราะเครูบนั้นกางปีกทั้งคู่ออกเหนือที่ตั้งของหีบ เครูบจึงคลุมอยู่เหนือหีบ และไม้คานของหีบ 8คานหามของหีบนั้นยาวมาก จึงเห็นปลายคานหามได้จากวิสุทธิสถาน ซึ่งอยู่หน้าห้องชั้นในสุด แต่ไม่อาจมองเห็นจากภายนอก และคานหามก็ยังอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้ 9ไม่มีสิ่งใดในหีบนอกจากศิลาสองแผ่น ซึ่งโมเสสใส่ไว้ ณ ภูเขาโฮเรบ เมื่อพระยาห์เวห์ทรงทำพันธสัญญากับคนอิสราเอล เมื่อเขาทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 10และต่อมาเมื่อพวกปุโรหิตออกมาจากวิสุทธิสถาน เมฆก็เต็มพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 11จนพวกปุโรหิตไม่อาจยืนปรนนิบัติอยู่ได้เพราะเมฆนั้น เพราะพระสิริของพระยาห์เวห์เต็มพระนิเวศของพระยาห์เวห์
12แล้วซาโลมอนตรัสว่า
“พระยาห์เวห์ตรัสว่า พระองค์จะประทับในความมืดทึบ
13แท้จริง ข้าพระองค์ได้สร้างพระนิเวศที่โอ่อ่าตระการตาสำหรับพระองค์
เป็นสถานที่เพื่อพระองค์จะสถิตอยู่เป็นนิตย์”
ซาโลมอนตรัสกับประชาชน
14แล้วพระราชาทรงหันมา และทรงอวยพรชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด ขณะที่ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดยืนอยู่ 15พระองค์ตรัสว่า “สาธุการแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงสัญญากับดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าด้วยพระโอษฐ์ และทรงให้สำเร็จด้วยพระหัตถ์ พระองค์ตรัสว่า 16‘ตั้งแต่วันที่เราได้นำอิสราเอลประชากรของเราออกจากอียิปต์ เราไม่ได้เลือกเมืองไหนจากเผ่าใดในอิสราเอลเพื่อจะสร้างนิเวศ เพื่อนามของเราจะอยู่ที่นั่น แต่เราได้เลือกดาวิด ให้อยู่เหนืออิสราเอลประชากรของเรา’ 17ดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าจึงตั้งพระทัยที่จะสร้างพระนิเวศ สำหรับพระนามแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล 18แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าว่า ‘ที่เจ้าตั้งใจสร้างนิเวศสำหรับนามของเรานั้น เจ้าก็ทำดีอยู่แล้ว ในเรื่องความตั้งใจของเจ้า 19อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่ได้สร้างนิเวศ แต่บุตรชายผู้เกิดจากเจ้าจะสร้างนิเวศสำหรับนามของเรา’ 20บัดนี้พระยาห์เวห์ทรงให้พระสัญญาของพระองค์ที่ตรัสนั้นสำเร็จ เพราะข้าพเจ้าได้ขึ้นมาแทนดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้า และนั่งอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอล ดังที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสัญญาไว้ และข้าพเจ้าได้สร้างพระนิเวศสำหรับพระนามของพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล 21ที่นั่นข้าพเจ้าได้กำหนดที่วางหีบ และภายในหีบบรรจุพันธสัญญาที่พระยาห์เวห์ทรงทำกับบรรพบุรุษของเรา เมื่อทรงนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์”
อรรถาธิบาย
พระสิริของการทรงสถิตอันทรงพลังของพระเจ้า
เพราะเหตุใดคุณจึงไม่อยากใช้เวลากับพระเจ้า? เราใช้เวลาหลายชั่วโมงกับสื่อโซเชียล ดูโทรทัศน์ หรือคุยโทรศัพท์ เหมือนที่จอยซ์ ไมเยอร์เขียนไว้ ‘ดูเหมือนเราจะไม่มีปัญหาในการลงทุนเวลาของเราในเรื่องพวกนี้ ความจริงก็คือ มารต่อต้านเราในด้านการใช้เวลากับพระเจ้ามากยิ่งกว่าด้านอื่นๆ ที่มันทำในชีวิตคริสเตียน ที่จริงซาตานคงพอใจมากกว่าที่เราเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางศาสนาทุกรูปแบบ มากกว่าใช้เวลากับองค์พระผู้เป็นเจ้า’
พระธรรมตอนนี้ช่วยเราให้เข้าใจถึงความอัศจรรย์ในการใช้เวลาในการทรงสถิตของพระเจ้า สิทธิพิเศษที่ไม่ธรรมดาซึ่งมีไว้สำหรับคุณในฐานะผู้ติดตามพระเยซู
พระธรรมในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมตอนนี้ เกี่ยวกับอาคารซึ่งเป็นพระวิหารทางกายภาพในกรุงเยรูซาเล็ม (สถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงประทับอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ 8:13) มีความหมายใหม่ทั้งหมดเมื่อคุณอ่านในแง่ของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็มเป็นภาพล่วงหน้าของสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงประทับอยู่ในหัวใจของผู้เชื่อในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หีบพันธสัญญาซึ่งแสดงถึงการทรงสถิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า จุดสุดยอดแห่งพระวิหารนี้ อยู่ในทั้งการเตรียมการเพื่อใช้งาน (ข้อ 3–9) และในคำสดุดีของซาโลมอน (ข้อ 15–21) ให้เป็นสถานที่แห่งหีบพันธสัญญาในพระวิหาร หีบพันธสัญญาไม่ได้มีอะไรบรรจุอยู่ด้านใน ‘นอกจากศิลาสองแผ่น ซึ่งโมเสสใส่ไว้’ (ข้อ 9) พูดอีกอย่างก็คือ บัญญัติสิบประการ เมื่อคุณผู้เป็นประชากรของพระเจ้า ดำเนินชีวิตภายใต้พระวจนะของพระเจ้า คุณจะพบว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงเพิ่มพูนประสบการณ์ของคุณในการทรงสถิตของพระเจ้า
เราได้อ่านว่า ‘และต่อมาเมื่อพวกปุโรหิตออกมาจากวิสุทธิสถาน เมฆก็เต็มพระนิเวศของพระยาห์เวห์ จนพวกปุโรหิตไม่อาจยืนปรนนิบัติอยู่ได้เพราะเมฆนั้น เพราะพระสิริของพระยาห์เวห์เต็มพระนิเวศของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 10–11)
แม้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง เราไม่ได้สัมผัสถึงการทรงสถิตของพระองค์เสมอไป แน่นอนว่าสิ่งที่ถูกอธิบายตรงนี้จะเพิ่มพูนการสัมผัสถึงการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างยิ่ง นี่เป็นสิ่งที่ซาโลมอน บรรยาย เมื่อท่านตรัสว่า ‘ข้าพระองค์ได้สร้างพระนิเวศที่โอ่อ่าตระการตาสำหรับพระองค์ โอ พระเจ้า เป็นสถานที่เพื่อพระองค์จะสถิตอยู่เป็นนิตย์’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เมื่อเราอธิษฐาน ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอเชิญเสด็จมา’ เราได้อธิษฐานเพื่อเพิ่มพูนการสัมผัสถึงการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างยิ่งที่จะมาท่ามกลางเรา นี่เป็นสิ่งที่เรามีประสบการณ์บ่อยๆ เมื่อเราอธิษฐานแบบนั้น
อาจมีบางช่วงเวลาที่เรามีประสบการณ์ในการทรงสถิตของพระเจ้าเมื่อเราอยู่กับคนอื่นๆ แต่คุณสามารถมีประสบการณ์ในการทรงสถิตของพระเจ้าได้เช่นเดียวกัน เมื่อคุณใช้เวลากับพระองค์ด้วยตัวเอง
คุณไม่จำเป็นต้องถือกฎเกณฑ์เคร่งครัดในเรื่องนี้ แต่การจัดเวลาประจำเพื่ออยู่กับพระเจ้าก็ช่วยได้ เมื่อคุณอ่านพระคัมภีร์ เมื่อคุณพูดกับพระบิดาผ่านการอธิษฐาน เมื่อคุณฟังเพลงคริสเตียน หรือแค่นั่งอยู่เงียบๆ คุณเริ่มมีประสบการณ์ในการทรงสถิตของพระเจ้า แน่นอนว่าบางครั้ง การอธิษฐานว่า ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอเชิญเสด็จมา' สามารถเป็นคำตอบด้วยสันติสุข ความเงียบสงบ และความนิ่งสงบ
สรรเสริญพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ที่เมื่อพระสิริของพระองค์เต็มพระนิเวศของซาโลมอน เพื่อให้บัดนี้พระสิริของพระองค์เต็มล้นอยู่ในประชากรของพระองค์ ขอบพระคุณที่พระสัญญาต่างๆ ของพระองค์ล้วนเป็นจริงในเรา (2 โครินธ์ 1:20)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
กิจการ 13:50
‘แต่พวกยิวยุยงบรรดาสตรีมีศักดิ์ซึ่งเป็นคนต่างชาติที่นับถือพระเจ้า กับพวกผู้ชายที่เป็นใหญ่ในเมืองนั้น ให้ข่มเหงและขับไล่เปาโลกับบารนาบัสออกจากเมืองของเขาทั้งหลาย’
นี่เป็นเรื่องเศร้าที่สตรีที่ยำเกรงพระเจ้าเหล่านี้ถูกพวกยิวที่มีใจอิจฉายุยง (ข้อ 45) และต่อต้านเปาโลกับบารนาบัส แม้แต่คนที่รักพระเจ้าอาจได้รับอิทธิพลผิดๆ เราจำเป็นต้องมีสติปัญญาของพระเจ้า และรู้จักแยกแยะในทุกวันนี้
ข้อพระคำประจำวัน
กิจการ 13:52
‘…ส่วนพวกสาวกเต็มด้วยความชื่นชมยินดีและเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)