สำคัญที่หัวใจ
เกริ่นนำ
พอล สวาลา อยู่ในเรือนจำในประเทศแซมเบีย เขาถูกจับด้วยข้อหาเป็นกบฏ เขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการทำรัฐประหารเพื่อล้มล้างรัฐบาล เมื่ออยู่ในเรือนจำ เขาเข้าหลักสูตรอัลฟ่า เขาพบพระเยซูและร้องหาพระเจ้าให้ช่วยเขา เขาพูดว่า ‘รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าผม และหัวใจของผมก็เต็มไปด้วยสันติสุข’
เขาเป็นคนเดียวในกลุ่มผู้ต้องหาหกสิบเก้าคนที่พ้นผิดอย่างไม่ธรรมดา เขาเล่าเรื่องของเขา ที่การประชุมผู้นำของเราที่รอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์ ใบหน้าของเขาฉายแสงแห่งความชื่นชมยินดีในพระเจ้า ตอนนี้เขาไปเยี่ยมเรือนจำทุกแห่งในแซมเบีย เพื่อแบ่งปันข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์ และแม้ในสถานการณ์ที่เลวร้าย พระเยซูสามารถนำเอาความหวังมาและเปลี่ยนแปลงหัวใจได้ เขาพูดว่า ‘ผมไม่เคยเห็นเพื่อนคนไหนเหมือนพระเยซู’ พระเจ้าทรงเติมจิตใจเขาด้วยความชื่นชมยินดีจริง ๆ
คำว่า ‘หัวใจ’ ปรากฏอย่างน้อยสิบเจ็ดครั้งในพระธรรมสำหรับวันนี้ ในความเข้าใจของคนฮีบรู ‘หัวใจ’ รวมถึงอารมณ์ และความคิด สำนึก และเจตจำนงค์ มันหมายถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในคุณ
ทั้งบุรุษและสตรีผู้ซึ่งพระเจ้าทรงเลือกที่จะใช้อย่างยิ่งใหญ่ มีจุดอ่อนและทำผิดพลาด แต่พระเจ้าทรงมองที่หัวใจของพวกเขาที่หันมายังพระองค์ สำคัญที่หัวใจของคุณ หัวใจของคุณ ‘ปรากฏแจ้งต่อพระยาห์เวห์’ (สุภาษิต 15:11) มีเพียงพระเจ้าที่ทรงมองเห็นและรู้ถึงหัวใจของมนุษย์ทุกคน (1 พงศ์กษัตริย์ 8:39)
สุภาษิต 15:11-20
11แดนคนตายและแดนพินาศปรากฏแจ้งต่อพระยาห์เวห์
ใจของมนุษย์จะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด
12คนที่ชอบเยาะเย้ยคนอื่นไม่ชอบถูกตักเตือน
เขาจะไม่ไปหาคนมีปัญญา
13ใจยินดีทำให้ใบหน้าแช่มชื่น
แต่เมื่อใจเศร้าหมอง ดวงจิตก็สลาย
14ใจของคนที่มีความเข้าใจก็แสวงหาความรู้
แต่ปากของคนโง่กินความโง่เป็นอาหาร
15วันทั้งสิ้นของคนที่ทุกข์ใจก็เลวร้าย
แต่ใจร่าเริงมีงานเลี้ยงต่อเนื่องกัน
16มีทรัพย์น้อยแต่มีความยำเกรงพระยาห์เวห์
ก็ดีกว่ามีทรัพย์มากแต่มีความวิตกกังวลอยู่ด้วย
17กินผักเป็นอาหารในที่ที่มีความรัก
ก็ดีกว่ากินเนื้อวัวอ้วนโดยมีความเกลียดชังอยู่ด้วย
18คนอารมณ์ร้อนเร้าให้เกิดการวิวาท
แต่คนที่โกรธช้าก็ระงับการพิพาท
19ทางของคนเกียจคร้านเต็มไปด้วยต้นหนาม
แต่วิถีของคนเที่ยงธรรมเป็นทางราบ
20บุตรชายที่มีปัญญาทำให้บิดายินดี
แต่คนโง่ดูหมิ่นมารดาของตน
อรรถาธิบาย
ใบหน้าสะท้อนถึงหัวใจ
ใบหน้าของบางคนฉายแสงแห่งความรักและความชื่นชมยินดี รอยยิ้มของพวกเขาทำให้เราสบายใจและชื่นใจ บางคนอาจมีสีหน้าที่บูดบึ้งกว่าและทำให้เราไม่ค่อยสบายใจ
บ่อยครั้งที่ใบหน้าของคุณสะท้อนถึงหัวใจของคุณ ‘ใจยินดีทำให้ใบหน้าแช่มชื่น’ (ข้อ 13) ผมจำนักเทศน์คนหนึ่งได้พูดไว้ว่า ชีวิตที่เราใช้อยู่นี้สุดท้ายแล้วจะปรากฏบนใบหน้าของเรา ดังนั้น ทุกคนที่อายุเกินสี่สิบปีต้องรับผิดชอบใบหน้าของพวกเขาเอง!
แม้เมื่อคุณพยายามซ่อนหัวใจไว้จากคนรอบตัวคุณ พระเจ้ายังทรงมองเห็นมันได้ ‘แม้แต่นรกก็ไม่มีความลับจากพระเจ้า เจ้าคิดว่าพระองค์จะอ่านใจของมนุษย์ไม่ได้หรือ?’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเจ้าทรงสนพระทัยในหัวใจของคุณ พระธรรมตอนนี้ให้คำแนะนำที่ชาญฉลาดบางอย่างถึงวิธีที่คุณสามารถเลี้ยงดูหัวใจของคุณได้ ‘ใจของคนที่มีความเข้าใจก็แสวงหาความรู้ ’ (ข้อ 14) ‘แต่ใจร่าเริงมีงานเลี้ยงต่อเนื่องกัน’ (ข้อ 15ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ผู้เขียนได้ให้ตัวอย่างถึงการที่สิ่งที่อยู่ภายในสำคัญมากยิ่งกว่าสิ่งที่อยู่ภายนอก “แบ่งเศษขนมปังกินด้วยความรักดีกว่ากินซี่โครงชั้นดีในที่เสิร์ฟด้วยความเกลียดชัง” (ข้อ 17 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความรักและมิตรภาพนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ค่ำคืนนั้นสนุกสนาน
คำอธิษฐาน
กิจการอัครทูต 14:8-28
เปาโลและบารนาบัสที่เมืองลิสตราและเดอร์บี
8ที่เมืองลิสตรามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ใช้เท้าไม่ได้ เขาเป็นง่อยตั้งแต่กำเนิด และยังไม่เคยเดินเลย 9คนนั้นนั่งฟังเปาโลพูดอยู่ เปาโลจึงจ้องดูเขา เห็นว่ามีความเชื่อพอที่จะได้รับการรักษาโรค 10จึงร้องสั่งด้วยเสียงดังว่า “จงลุกขึ้นยืนตรง” คนง่อยนั้นก็กระโดดขึ้นและเดินไป 11เมื่อฝูงชนเห็นสิ่งที่เปาโลทำ จึงพากันร้องเป็นภาษาลิคาโอเนียว่า “พวกพระแปลงเป็นมนุษย์ลงมาหาเราแล้ว” 12เขาทั้งหลายจึงเรียกบารนาบัสว่า พระซุส และเรียกเปาโลว่า พระเฮอร์เมส เพราะเปาโลเป็นคนพูด 13ปุโรหิตประจำรูปพระซุสซึ่งตั้งอยู่หน้าเมืองจูงโคและถือพวงมาลัยมายังประตูเมือง เพื่อถวายเครื่องบูชาร่วมกับฝูงชน 14แต่เมื่ออัครทูตบารนาบัสกับเปาโลได้ยินอย่างนั้น จึงฉีกเสื้อผ้าของตนวิ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชนร้องว่า 15“ท่านทั้งหลาย ทำไมจึงทำเช่นนี้? เราก็เป็นคนธรรมดาเช่นเดียวกับท่านทั้งหลาย และมาประกาศข่าวประเสริฐให้ท่านหันกลับจากสิ่งไร้ประโยชน์เหล่านี้มาหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและทะเล รวมทั้งสิ่งสารพัดซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น 16ในยุคก่อนๆ พระองค์ทรงยอมให้ประชาชาติต่างๆ ประพฤติตามทางของพวกเขา 17แต่พระองค์ไม่ได้ทรงขาดพยานในเรื่องคุณความดี คือทรงให้ฝนตกจากฟ้าและทรงให้เกิดผลตามฤดู ทรงให้พวกท่านอิ่มเอมด้วยอาหารและความชื่นบานในจิตใจ” 18แม้จะกล่าวคำเหล่านั้นแล้ว อัครทูตก็ยังห้ามฝูงชนในการถวายเครื่องสักการบูชาแก่ท่านทั้งสองได้ยาก
19แต่มีพวกยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอกและเมืองอิโคนียูม เมื่อชักชวนฝูงชนได้แล้ว พวกเขาก็เอาหินขว้างเปาโลและลากท่านออกไปจากเมือง คิดว่าท่านตายแล้ว 20แต่พวกสาวกล้อมท่านไว้ แล้วท่านก็ลุกขึ้นเข้าไปในเมือง วันรุ่งขึ้นท่านจึงไปยังเมืองเดอร์บีกับบารนาบัส
กลับมายังเมืองอันทิโอกในซีเรีย
21ท่านทั้งสองประกาศข่าวประเสริฐในเมืองนั้น และนำคนจำนวนมากมาเป็นสาวก แล้วจึงกลับไปยังเมืองลิสตรา เมืองอิโคนียูม และเมืองอันทิโอก 22ท่านทั้งสองทำให้บรรดาสาวกมีจิตใจเข้มแข็งขึ้น และหนุนใจพวกเขาให้ดำรงอยู่ในความเชื่อ โดยกล่าวว่า เราจะต้องทนความยากลำบากหลายอย่างในการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า 23เมื่อท่านทั้งสองแต่งตั้งพวกผู้ปกครองในคริสตจักรแต่ละแห่งแล้ว ก็อธิษฐานและถืออดอาหารเพื่อมอบพวกเขาไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขาเชื่อถือนั้น
24ท่านทั้งสองจึงได้ข้ามแคว้นปิสิเดียมายังแคว้นปัมฟีเลีย 25เมื่อกล่าวพระวจนะของพระเจ้าในเมืองเปอร์กาแล้ว จึงลงไปยังเมืองอัททาลิยา 26แล้วโดยสารเรือจากที่นั่นไปยังเมืองอันทิโอก คือเมืองที่มอบท่านทั้งสองไว้ในพระคุณของพระเจ้าให้ทำงาน ซึ่งก็ได้ทำสำเร็จแล้วนั้น 27เมื่อมาถึง ท่านทั้งสองก็เรียกประชุมคริสตจักร และเล่าให้ฟังถึงมหกิจทั้งปวงซึ่งพระเจ้าทรงทำร่วมกับท่านทั้งสอง และเล่าถึงการที่พระองค์ทรงเปิดประตูความเชื่อแก่พวกต่างชาติ 28แล้วท่านทั้งสองก็อยู่ที่นั่นกับพวกสาวกเป็นเวลานาน
อรรถาธิบาย
หัวใจของคุณสามารถเต็มด้วยความชื่นชมยินดีแม้เผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ ภายนอก
อาจารย์เปาโลเผชิญกับความลำบากมากมายแต่เต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดีเพราะหัวใจของเขาถูกต้อง และเขาก็สร้างความแตกต่างอย่างยิ่งต่อโลก
ความชื่นชมยินดีออกมาจากใจ และไม่จำเป็นว่าจะต้องเชื่อมโยงกับสถานการณ์ต่าง ๆ ภายนอกของคุณ พระเจ้าทรงรักคุณ พระองค์ทรงยอมรับคุณ แน่นอน เราล้วนมีจุดอ่อนและทำผิดพลาด แต่พระเจ้าทรงเห็นหัวใจของคุณ
อาจารย์เปาโลกำลังดำเนินแคมเปญประกาศข่าวประเสริฐโดยเจตนาครั้งแรกในโลกให้กับคนต่างชาติ สิ่งนี้นำไปสู่การที่ความเชื่อคริสเตียนกลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่แค่ส่วนของคนยิว แต่เป็นความเชื่อที่มีจำนวนผู้เชื่อจำนวนมากในโลกปัจจุบัน พระเจ้า ‘ทรงใช้พวกเขาเพื่อเปิดประตูความเชื่อให้กว้าง เพื่อให้คนทุกชาติสามารถหลั่งไหลเข้ามาได้’ (ข้อ 27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
อาจารย์เปาโลเล่าให้ฟังถึง ‘มหกิจทั้งปวงซึ่งพระเจ้าทรงทำร่วมกับท่านทั้งสอง’ (ข้อ 27) แต่ทว่าภายนอกมองจากภายนอกแล้วดูไม่น่าเกิดผลดีเท่าไหร่นัก เขาดูไม่น่าประทับใจอย่างยิ่ง (2 โครินธ์ 10:10) หนึ่งในคำอธิบายของลักษณะทางกายภาพของอาจารย์เปาโลในเวลานี้ (เอกสารในศตวรรษที่สองเรียกว่า ‘กิจการของเปาโลและเธคลา’) อธิบายถึงเขาว่า ‘ชายร่างเล็ก ผมบาง หัวเล็ก ขาโก่ง ร่างสมส่วน คิ้วติดกัน จมูกค่อนข้างงุ้ม เต็มไปด้วยความสง่างาม เพราะบางครั้งเขาก็ดูเหมือนมนุษย์แต่บางครั้งเขาก็มีใบหน้าของทูตสวรรค์’
เขาไม่ใช่แค่ดูไม่น่าประทับใจ แต่ยังทรมานจากความเจ็บป่วยทางร่างกายบางประการ (กาลาเทีย 4:13) นอกจากนี้ ร่างกายของเขาเคยถูกทุบตี และมีรอยช้ำจากการข่มเหงทางกายที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ในครั้งนี้ ฝูงชนทำร้ายเขาจนหมดสติและทิ้งไว้ให้สิ้นใจตาย (กิจการอัครทูต 14:19)
เหมือนหลายคนที่ดำเนินตามรอยเท้าของอาจารย์เปาโล แม้จะมีการทุกข์ทรมานทางกายทั้งสิ้น แต่หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี และพระเจ้าทรงทำกิจผ่านตัวเขา พระเจ้าทรงใช้อาจารย์เปาโลในความอ่อนแอของเขาเอง สิ่งนี้หนุนใจเราให้เชื่อว่า พระเจ้าทรงสามารถทำกิจผ่านเราในความอ่อนแอของเรา
หัวใจที่รู้สึกชื่นชมยินดีนี้เป็นหนึ่งในหลายประเภทของหัวใจหลายแบบที่เราจะได้เห็นในพระธรรมตอนนี้:
1. ใจที่เต็มไปด้วยความเชื่อ
อาจารย์เปาโลติดตามตัวอย่างขององค์พระผู้เป็นเจ้า และมองไปที่หัวใจ เขาพบกับ ‘เขาเป็นง่อยตั้งแต่กำเนิด และยังไม่เคยเดินเลย’ (ข้อ 8) เมื่อเปาโลมองชายที่เป็นง่อยคนนั้น เขาเห็นถึงหัวใจ และ ‘เห็นว่ามีความเชื่อพอที่จะได้รับการรักษาโรค’ (ข้อ 9)
บางครั้งพระเจ้าทรงทำให้เราสามารถมองลึกเข้าไปในหัวใจของคนอื่น เพื่อที่จะเห็นว่าพวกเขามีความเชื่อพอ ที่จะรับการรักษาโรค ที่จะเต็มล้นโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือรับของประทานบางอย่าง ภายหลังเราได้อ่านถึงวิธีที่พระเจ้า ‘ทรงเปิดประตูความเชื่อแก่พวกต่างชาติ’ (ข้อ 27) ความเชื่อเป็นกุญแจแห่งความรอด
2. ใจโลเล
เมื่อประชาชนเห็นชายคนนั้นได้รับการรักษา พวกเขาก็เริ่มปฏิบัติต่ออาจารย์เปาโลกับบารนาบัสเหมือนกับว่าเป็นเทพเจ้า ทั้งสองชี้ให้เห็นว่า ‘เราไม่ใช่เทพเจ้า’ และเป็นเพียงมนุษย์ซึ่งนำเอาข่าวประเสริฐแห่ง ’พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์’ เป็นผู้ซึ่งฝูงชนจำเป็นต้องหันมาหา (ข้อ 15) อย่างไรก็ตามหัวใจของฝูงชนก็รวนเร ไม่ช้าผู้ต่อต้านอาจารย์เปาโลก็ชนะใจพวกเขา และเกือบจะทันทีพวกเขาก็หันจากการพยายามถวายเครื่องสักการบูชามาเป็นจะขว้างหินใส่เปาโลให้ตาย (ข้อ 18–19)
3. ใจที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
นี่เป็นเพียงหนึ่งใน ‘ความยากลำบาก’ หลายอย่าง (ข้อ 22) ที่อาจารย์เปาโลและคณะของเขาจะต้องเจอ กระนั้นเปาโลสามารถพูดถึงวิธีที่พระเจ้า ‘ทรงให้พวกท่านอิ่มเอมด้วยอาหารและความชื่นบานในจิตใจ’ (ข้อ 17) อีกครั้งท่านกำลังพูดว่าสิ่งที่อยู่ภายในสำคัญยิ่งกว่าสิ่งที่อยู่ภายนอก
อาจารย์เปาโล ‘ทำให้บรรดาสาวกมีจิตใจเข้มแข็งขึ้น’ และ ‘หนุนใจ' ในเมืองลิสตรา เมืองอิโคนียูม และเมืองอันทิโอก (ข้อ 21–22) วิธีที่เขาหนุนใจและทำให้บรรดาคนเหล่านั้นมีจิตใจเข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่ด้วยการกล่าวว่าชีวิตคริสเตียนเป็นเรื่องง่าย อาจารย์เปาโลบอกพวกเขาว่า ถึงแม้ความบาปจะถูกละไว้เบื้องหลังของพวกเขาแล้ว ความยากลำบากหลายอย่างก็ยังรอคอยอยู่ข้างหน้า ท่านกล่าวว่า ‘ใครก็ตามที่จะเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้าจะต้องทนความยากลำบากหลายอย่าง' (ข้อ 22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูไม่ได้เสด็จมาเพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้น พระองค์เสด็จมาเพื่อทำให้คนยิ่งใหญ่
คำอธิษฐาน
1 พงศ์กษัตริย์ 8:22-9:9
ซาโลมอนทรงอธิษฐานมอบถวายพระวิหาร
22แล้วซาโลมอนทรงยืนอยู่หน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด และกางพระหัตถ์ของพระองค์ออกสู่ฟ้าสวรรค์ 23และทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน หรือที่แผ่นดินเบื้องล่าง ผู้ทรงรักษาพันธสัญญา และสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยสุดใจ 24พระองค์ทรงรักษาพระสัญญาที่ทรงให้ไว้กับดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์ ผู้รับใช้ของพระองค์ และพระองค์ทรงทำให้พระสัญญาด้วยพระโอษฐ์นั้นสำเร็จด้วยพระหัตถ์ในวันนี้ 25ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะฉะนั้นขอทรงรักษาพระสัญญาที่ให้ไว้กับผู้รับใช้ของพระองค์ คือให้กับดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์ โดยตรัสว่า ‘ถ้าเพียงแต่ลูกหลานของเจ้าจะรักษาทางของเขา ที่จะดำเนินไปต่อหน้าเรา อย่างที่เจ้าได้ดำเนินต่อหน้าเรานั้น เจ้าจะไม่ขาดทายาทที่จะนั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอลต่อหน้าเรา’ 26เพราะฉะนั้น ข้าแต่พระเจ้าแห่งอิสราเอล ขอให้พระสัญญาที่พระองค์ได้ตรัสกับผู้รับใช้ของพระองค์ คือดาวิดพระราชบิดาของข้าพระองค์เป็นจริง”
27 “แต่แท้จริงพระเจ้าจะประทับบนแผ่นดินโลกหรือ? ดูสิ ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงสุดยังรับพระองค์อยู่ไม่ได้ แล้วพระนิเวศนี้ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้น จะรับพระองค์ได้อย่างไร? 28แต่ขอพระองค์สนพระทัยในคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนของเขา ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์ อธิษฐานต่อพระองค์ในวันนี้ 29เพื่อพระเนตรของพระองค์จะทรงเฝ้าดูพระนิเวศนี้ทั้งวันและคืน คือสถานที่ซึ่งพระองค์ตรัสว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น’ เพื่อพระองค์จะทรงสดับคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์จะอธิษฐานต่อสถานที่นี้ 30และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาทั้งหลายอธิษฐานต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์เองทรงสดับจากสถานที่ประทับของพระองค์คือจากฟ้าสวรรค์ และเมื่อทรงสดับแล้ว ก็ขอทรงอภัย
31“เมื่อชายใดทำบาปต่อเพื่อนบ้านของเขา และถูกบังคับให้สาบาน และเขามาสาบานต่อหน้าแท่นบูชาของพระองค์ในพระนิเวศนี้ 32ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และขอทรงกระทำ และขอทรงพิพากษาเหล่าผู้รับใช้ของพระองค์ โดยลงโทษผู้ทำผิด และให้การกระทำของเขาตกบนศีรษะของเขา และตัดสินว่าผู้ชอบธรรมนั้นบริสุทธิ์ โดยให้กับเขาตามความชอบธรรมของเขา
33“เมื่ออิสราเอลประชากรของพระองค์พ่ายแพ้ศัตรู เพราะได้ทำบาปต่อพระองค์ แล้วพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์ และยอมรับพระนามของพระองค์ อธิษฐานและขอพระเมตตาต่อพระองค์ในพระนิเวศนี้ 34ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และทรงอภัยบาปของอิสราเอลประชากรของพระองค์ และขอทรงนำพวกเขากลับมายังแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย
35“เมื่อฟ้าสวรรค์ปิดอยู่และไม่มีฝน เพราะเขาทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์ แล้วพวกเขาได้อธิษฐานต่อสถานที่นี้ และยอมรับพระนามของพระองค์ และหันกลับจากบาปของเขา เนื่องจากพระองค์ทรงลงโทษพวกเขา 36ก็ขอทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และทรงอภัยบาปของอิสราเอลซึ่งเป็นผู้รับใช้และประชากรของพระองค์ แล้วขอทรงสอนทางดีที่ควรจะดำเนินแก่พวกเขา และขอประทานฝนตกบนแผ่นดินของพระองค์ ซึ่งพระองค์ประทานให้เป็นมรดกแก่ประชากรของพระองค์
37“ถ้ามีการกันดารอาหารในแผ่นดิน ถ้ามีโรคระบาด ถ้ามีข้าวลีบ ข้าวขึ้นรา หรือภัยจากตั๊กแตนปาทังก้าภาษาฮีบรูน่าจะหมายถึง ตั๊กแตนทะเลทราย และตั๊กแตนตัวอ่อน หรือถ้าศัตรูล้อมเมืองใดๆ ของเขาในแผ่นดิน หรือมีภัยพิบัติใด หรือเกิดความเจ็บไข้ใดก็ดี 38แล้วหากคนหนึ่งคนใด หรืออิสราเอลประชากรทั้งหมดของพระองค์ ได้สำนึกในใจของเขาเรื่องภัยพิบัติ จะอธิษฐานหรือวิงวอนประการใด โดยกางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้ 39ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงอภัย และทรงกระทำการ และประทานแก่แต่ละคนตามการประพฤติทั้งสิ้นของเขา ซึ่งพระองค์ทรงทราบจิตใจ (เพราะพระองค์เท่านั้นทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน) 40เพื่อเขาทั้งหลายจะได้ยำเกรงพระองค์ ตลอดวันเวลาที่มีชีวิตบนแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์
41“ยิ่งกว่านั้นอีก เกี่ยวกับคนต่างด้าว ผู้ซึ่งไม่ใช่อิสราเอลประชากรของพระองค์ แต่มาจากแดนไกลเนื่องจากพระนามของพระองค์ 42(เพราะเขาทั้งหลายจะได้ยินถึงพระนามยิ่งใหญ่ และถึงพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และถึงพระกรที่เหยียดออกของพระองค์) เมื่อเขามาอธิษฐานต่อพระนิเวศนี้ 43ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงทำตามทุกสิ่ง ซึ่งคนต่างด้าวได้ทูลขอพระองค์ เพื่อชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะรู้จักพระนามของพระองค์ และยำเกรงพระองค์ เหมือนอย่างอิสราเอลประชากรของพระองค์ และเพื่อเขาทั้งหลายจะทราบว่า เขาเรียกพระนิเวศนี้ ซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้ด้วยพระนามของพระองค์
44“ถ้าประชากรของพระองค์ออกไปต่อสู้กับศัตรู โดยทางใดๆ ที่พระองค์ทรงใช้พวกเขาออกไปก็ตาม และเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ตรงไปยังเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และตรงไปยังพระนิเวศที่ข้าพระองค์ได้สร้างเพื่อพระนามของพระองค์แล้ว 45ก็ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐาน และคำวิงวอนของพวกเขาในฟ้าสวรรค์ และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา
46“ถ้าเขาทั้งหลายทำบาปต่อพระองค์ (เพราะไม่มีมนุษย์คนใดไม่ได้ทำบาป) และพระองค์กริ้วพวกเขา และทรงมอบเขาไว้กับศัตรู ผู้จับเขาไปเป็นเชลยยังแผ่นดินของศัตรูนั้น ไม่ว่าไกลหรือใกล้ 47แต่ถ้าเขาสำนึกผิดในแผ่นดินที่เขาถูกจับไปเป็นเชลย และได้กลับใจ แล้วได้วิงวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้จับเขาไปเป็นเชลย ทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาป และได้ประพฤติชั่วร้ายและได้ทำการอธรรม’ 48ถ้าเขาทั้งหลายกลับมาหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ ในแผ่นดินแห่งศัตรูผู้จับเขาไปเป็นเชลย และอธิษฐานต่อพระองค์ตรงไปยังแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย คือเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้เพื่อพระนามของพระองค์แล้ว 49ก็ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของพวกเขาในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา 50และขอทรงอภัยประชากรของพระองค์ผู้ทำบาปต่อพระองค์ และทรงอภัยต่อการทรยศที่เขาทั้งหลายได้ทำต่อพระองค์ และขอให้พวกเขาได้รับความกรุณาจากผู้ที่จับเขาไปเป็นเชลย เพื่อศัตรูจะเมตตาเขาทั้งหลาย 51(เพราะพวกเขาเป็นประชากรของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งทรงนำออกมาจากอียิปต์ จากท่ามกลางเตาเหล็ก) 52ขอลืมพระเนตรของพระองค์อยู่ต่อคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และต่อคำวิงวอนของอิสราเอลประชากรของพระองค์ ขอทรงฟังเมื่อเขาทั้งหลายร้องต่อพระองค์ 53เพราะพระองค์ทรงแยกพวกเขาจากท่ามกลางชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลก ให้เป็นมรดกของพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ตรัสทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย เมื่อพระองค์ทรงนำบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายออกจากอียิปต์”
ซาโลมอนทรงให้พรแก่ชุมนุมชน
54เมื่อซาโลมอนทรงจบคำอธิษฐาน และคำวิงวอนทั้งสิ้นนี้ต่อพระยาห์เวห์แล้ว ก็ทรงลุกขึ้นจากหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ที่ที่ทรงคุกเข่าพร้อมกับกางพระหัตถ์สู่ฟ้าสวรรค์ 55และพระองค์ทรงยืน และทรงอวยพรแก่ชุมนุมชนอิสราเอลด้วยเสียงดังว่า 56“สาธุการแด่พระยาห์เวห์ ผู้ประทานการหยุดพักแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ทุกประการ พระสัญญาอันดีทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งทรงสัญญาทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์นั้นไม่ล้มเหลวสักคำเดียว 57ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งหลายสถิตกับพวกเรา เหมือนอย่างที่ได้สถิตกับบรรพบุรุษของเรา ขออย่าทรงละเราหรือทอดทิ้งเราเลย 58แต่ขอทรงโน้มจิตใจของพวกเราให้มาหาพระองค์ เพื่อดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และรักษาพระบัญญัติ กฎเกณฑ์ และกฎหมายของพระองค์ ซึ่งทรงบัญญัติไว้แก่บรรพบุรุษของเรา 59ขอให้ถ้อยคำเหล่านี้ ที่ข้าพเจ้าได้วิงวอนเฉพาะพระยาห์เวห์ อยู่ใกล้พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งวันและคืน และขอให้ความยุติธรรมแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์ ตามความต้องการในแต่ละวัน 60เพื่อชนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระยาห์เวห์นั้นทรงเป็นพระเจ้า ไม่มีพระอื่นเลย 61เพราะฉะนั้นขอให้จิตใจของท่านทั้งหลายภักดีต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา คือดำเนินอยู่ในกฎเกณฑ์ของพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ดังในวันนี้”
ซาโลมอนถวายเครื่องสัตวบูชา
62แล้วพระราชาและคนอิสราเอลทั้งสิ้นที่อยู่กับพระองค์ ได้ถวายเครื่องสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์ 63และซาโลมอนได้ถวายสัตว์ต่อไปนี้ เป็นเครื่องศานติบูชาแด่พระยาห์เวห์ คือวัว 22,000 ตัว และแกะ 120,000 ตัว พระราชาและคนอิสราเอลทั้งสิ้น จึงอุทิศถวายพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 64ในวันเดียวกันนั้น พระราชาทรงทำพิธีชำระส่วนกลางของลาน ซึ่งอยู่หน้าพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เพราะว่าพระองค์ทรงใช้ที่นั่นถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ธัญบูชา และไขมันของศานติบูชา เพราะว่าแท่นทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์นั้น เล็กเกินกว่าจะรับเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ธัญบูชา และไขมันของศานติบูชาได้ 65ซาโลมอนจึงทรงฉลองเทศกาลเลี้ยงในเวลานั้น พร้อมกับอิสราเอลทั้งสิ้น เป็นการชุมนุมใหญ่ เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ทั้งเจ็ดวันและต่ออีกเจ็ดวัน รวมสิบสี่วันฉบับกรีกว่า เจ็ดวัน มีคนมาตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัทจนถึงลำธารอียิปต์ 66ในวันที่แปด พระองค์ทรงให้ประชาชนกลับ เขาทั้งหลายก็ถวายพระพรแด่พระราชา และกลับไปยังเต็นท์ของตนด้วยจิตใจชื่นบานและยินดี เนื่องด้วยความดีทั้งสิ้น ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ และแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์
1 พงศ์กษัตริย์ 9
พระเจ้าทรงปรากฏต่อซาโลมอนครั้งที่สอง
1ต่อมาเมื่อซาโลมอนทรงสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์และพระราชวังของกษัตริย์ รวมทั้งทุกสิ่งที่ซาโลมอนมีพระประสงค์จะสร้างนั้นสำเร็จแล้ว 2พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่ซาโลมอนเป็นครั้งที่สอง เหมือนอย่างที่ทรงปรากฏแก่ท่านที่เมืองกิเบโอน 3และพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเจ้า ซึ่งเจ้าได้อ้อนวอนเรานั้นแล้ว เราได้ทำนิเวศนี้ซึ่งเจ้าได้สร้างไว้ให้บริสุทธิ์ และได้ใส่นามของเราไว้ที่นั่นเป็นนิตย์ ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดไป 4และส่วนเจ้า ถ้าเจ้าดำเนินต่อหน้าเราเหมือนอย่างดาวิดบิดาของเจ้าดำเนิน ด้วยใจซื่อสัตย์ และด้วยความเที่ยงธรรม และทำทุกอย่างตามที่เราได้บัญชาเจ้าไว้ อีกทั้งรักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา 5แล้วเราจะสถาปนาราชบัลลังก์ของเจ้าเหนืออิสราเอลเป็นนิตย์ ดังที่เราได้กล่าวกับดาวิดบิดาของเจ้าว่า ‘เจ้าจะไม่ขาดทายาทที่จะนั่งบนบัลลังก์แห่งอิสราเอล’ 6แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายหรือลูกหลานหันไปจากการติดตามเรา และไม่ได้รักษาบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้ตั้งไว้ต่อหน้าพวกเจ้า แต่ไปปรนนิบัติพระอื่นๆ และนมัสการพระเหล่านั้น 7แล้วเราจะตัดอิสราเอลออกเสียจากแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่พวกเขา และเราจะเหวี่ยงนิเวศซึ่งเราทำให้บริสุทธิ์เพื่อนามของเราไปจากสายตาของเรา และอิสราเอลจะเป็นคำเปรียบเปรย และเป็นขี้ปากในหมู่ชนชาติทั้งหลาย 8และนิเวศนี้จะกลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง ทุกคนที่ผ่านไปจะประหลาดใจ และจะเยาะเย้ยและกล่าวว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์จึงทรงทำเช่นนี้แก่แผ่นดินนี้และพระนิเวศนี้?’ 9แล้วพวกเขาจะตอบว่า ‘เพราะเขาทั้งหลายละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ผู้ทรงนำบรรพบุรุษของเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และไปยึดถือพระอื่น อีกทั้งนมัสการและปรนนิบัติพระเหล่านั้น เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ทรงนำเหตุร้ายทั้งหมดนี้มาเหนือเขาทั้งหลาย’ ”
อรรถาธิบาย
หัวใจของคุณควรมุ่งมั่นแด่พระองค์ด้วยสุดใจ
ซาโลมอนอธิษฐานมอบถวายพระวิหาร เขาอธิษฐานทูลว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน หรือที่แผ่นดินเบื้องล่าง ผู้ทรงรักษาพันธสัญญา และสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยสุดใจ’ (8:23)
พระทัยของพระเจ้าเองเพื่อประชากรของพระองค์ และพระองค์ทรงมองและรู้ถึงหัวใจของคนทุกคน ‘เพราะพระองค์เท่านั้นทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน’ (ข้อ 39)
คำอธิษฐานของโซโลมอนตระหนักถึงความจริงที่ว่าเราล้มเหลว เราทำบาป เขาไม่ได้บอกว่า ‘ถ้าหากว่า’ พวกเขาทำบาป แต่เขากลับบอกว่า ‘ถ้าเขาทั้งหลายทำบาปต่อพระองค์ (เพราะไม่มีมนุษย์คนใดไม่ได้ทำบาป)’ (ข้อ 46 ดูเพิ่มเติมใน โรม 3:23)
ขอบคุณพระเจ้า ที่ยังคงมีความหวัง ยังเป็นไปได้ที่จะมี ‘หัวใจที่เปลี่ยนแปลง’ (1 พงศ์กษัตริย์ 8:47, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เป็นไปได้ที่หัวใจของเราจะหันกลับไปหาพระเจ้า (ข้อ 48) โซโลมอนอธิษฐานให้ พระเจ้าจะ ‘ทรงโน้มจิตใจของพวกเราให้มาหาพระองค์’ (ข้อ 58) พระเจ้าทรงเต็มไปด้วยพระเมตตาคุณและการทรงอภัย (ข้อ 28,30,34,36,39,50) พระองค์ทรงรักเราอย่างไม่ลดละและพระองค์ทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์ (ข้อ 23 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ยิ่งคุณรู้จักพระเจ้าดีเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น พระทัยของพระองค์ พระลักษณะของพระองค์ และความรักของพระองค์ต่อคุณ ยิ่งทำให้ง่ายต่อการเชื่อพระองค์ด้วยสุดใจของคุณ
อย่าให้พระเจ้าตกเป็นที่สองรองใคร ตามที่ซาโลมอนกล่าวว่า ‘เพราะฉะนั้นขอให้จิตใจของท่านทั้งหลายภักดีต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’ (ข้อ 61) พระเจ้าทรงอยากให้คุณดำเนินต่อหน้าพระองค์ ‘ด้วยใจซื่อสัตย์ และด้วยความเที่ยงธรรม’ (9:4) ประชากรของพระองค์ กลับไปยังเต็นท์ของตนด้วย ‘จิตใจชื่นบานและยินดี’ (8:66) เหมือนกับเหล่าสาวก หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
เราทุกคนล้วนมีความอ่อนแอ และทำผิดพลาด แต่พระเจ้าทรงมองไปยังหัวใจของคุณ พระองค์ทรงรักคุณและรับรองคุณ จงเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีของพระองค์ในวันนี้
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สุภาษิต 15:13
‘ใจยินดีทำให้ใบหน้าแช่มชื่น…’
รอยยิ้มเปลี่ยนแปลงใบหน้า เป็นเรื่องยากที่จะยิ้มออกถ้าชีวิตกำลังลำบากอยู่ สิ่งหนึ่งที่ยังคงตรึงใจฉันอยู่เมื่อเราไปเยี่ยมเมืองเล็ก ๆ ในแอฟริกา คือ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็ก ๆ พวกเขาแทบไม่มีสมบัติอะไรเลย แต่ยังคงมีรอยยิ้มที่งดงามที่สุด
ข้อพระคำประจำวัน
สุภาษิต 15:17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล
‘แบ่งเศษขนมปังกินด้วยความรักดีกว่ากินซี่โครงชั้นดีในที่เสิร์ฟด้วยความเกลียดชัง’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)