วัน 69

การตรึงกางเขน

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 31:19-24
พันธสัญญาใหม่ มาระโก 15:1-32
พันธสัญญาเดิม เลวีนิติ 21:1-22:33

เกริ่นนำ

ในช่วงเวลาของการเป็นทาสในสหรัฐอเมริกา ทาสทางตอนใต้มีชีวิตอยู่ภายใต้สภาวะที่โหดร้ายทารุณ พวกเขาแต่งเพลงที่ปลุกเร้าอารมณ์เป็นอย่างมากด้วยท่วงทำนองที่น่าสะพรึงและเอ่อล้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก บทเพลง ‘ทางจิตวิญญาณ’ เหล่านี้เป็นเพลงแห่งความหวังและการรอคอย พวกเขาเป็นทาสที่มีการคร่ำครวญ ฝ่ายจิตวิญญาณ พวกเขาเฝ้ารอคอยอิสรภาพ

พวกเขาโอบกอดพระเยซูในฐานะที่ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา ในท่ามกลางความทุกข์ทรมานที่แทบจะทนไม่ได้ พวกเขาได้สัมผัสกับพระคุณและสันติสุขของพระองค์ และความหวังสำหรับอนาคต ด้วยความสัมพันธ์นี้พวกเขาจึงสามารถร้องเพลงว่า

คุณอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ตอนที่พวกเขาตรึงพระเจ้าของเรา?

ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่สำหรับวันนี้ เราได้เห็นถึงเบื้องหลังของการกล่าวอ้างในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ว่าผู้ที่ ‘พวกเขาตรึง’ นั้นแท้จริงแล้วเป็นพระเจ้าของเรา พระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ถูกเรียกว่า ‘พระยาห์เวห์’ (The Lord)

คำในภาษาฮีบรูดั้งเดิมสำหรับคำว่า ‘พระยาห์เวห์' (YHWH) เป็นคำที่ไม่มีสระและไม่มีการเปล่งเสียง เพราะถือว่าศักดิ์สิทธิ์เกินไปที่จะออกเสียง ด้วยเหตุผลดังกล่าวเมื่อมีการเพิ่มสระลงไปในคำภาษาฮีบรูดั้งเดิมจึงไม่ได้เพิ่มไปที่ ‘พระนาม’ (YHWH) มีการถกเถียงกันมากในยุคปัจจุบันว่าควรใช้สระอะไร มีคนคิดว่าควรใช้คำว่า ‘เยโฮวาห์’ (Jehovah) แต่นักวิชาการส่วนใหญ่คิดว่าใช้คำว่า ‘ยาห์เวห์’ (Yahweh) นั้นถูกต้องกว่า

ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมฉบับภาษากรีก เซปตัวจินต์ (Septuagint) พระนามอันศักดิ์สิทธิ์นี้ (YHWH) แปลว่าคีริออส (Kyrios) (พระยาห์เวห์) ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ผู้เขียน (ซึ่งเป็นชาวยิวที่เชื่อว่า พระเจ้ามีองค์เดียว) ได้ยืนยันรากฐานของคริสเตียนที่ว่า ‘พระเยซูทรงเป็นพระยาห์เวห์’ (Kyrios) (โรม 10:9; 2 โครินธ์ 4:5; กิจการ 2:36) และพระยาห์เวห์ของเราทรงถูกตรึงกางเขนเพื่อเรา

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 31:19-24

19ความดีของพระองค์มีมากสักเท่าใด
 ซึ่งพระองค์ทรงสะสมให้ผู้ที่ยำเกรงพระองค์
และทรงทำไว้เพื่อผู้ที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์
 ต่อหน้ามนุษย์ทั้งหลาย
20พระองค์ทรงกำบังเขาไว้ในที่กำบังเฉพาะพระพักตร์พระองค์
 ให้พ้นจากการปองร้ายของมนุษย์
พระองค์ทรงซ่อนเขาไว้ในพลับพลาของพระองค์
 ให้พ้นจากลิ้นที่ทะเลาะวิวาท
21สาธุการแด่พระยาห์เวห์
 เพราะพระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ข้าพระองค์อย่างอัศจรรย์
 เมื่อข้าพระองค์อยู่ในเมืองที่ถูกล้อม
22ข้าพระองค์ตกใจ กล่าวว่า
 “ข้าพระองค์ถูกตัดขาดไปพ้นสายพระเนตรของพระองค์แล้ว”
แต่พระองค์ทรงสดับเสียงวิงวอนของข้าพระองค์
 เมื่อข้าพระองค์ทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์
23ท่านผู้จงรักภักดีทั้งสิ้นของพระองค์ จงรักพระยาห์เวห์
 พระยาห์เวห์ทรงปกป้องคนซื่อสัตย์
 แต่ทรงตอบแทนผู้ทำการยโสอย่างเต็มขนาด
24จงเข้มแข็ง และให้ใจของพวกท่านกล้าหาญเถิด
 ท่านทุกคนผู้รอคอยพระยาห์เวห์

อรรถาธิบาย

รักพระเจ้า

ดาวิดเรียกร้องว่า ‘ท่านผู้จงรักภักดีทั้งสิ้นของพระองค์ จงรักพระยาห์เวห์!’ (ข้อ 23ก) จงรักพระเจ้าเป็นพระบัญญัติประการแรก นี่เป็นความสัมพันธ์แห่งความรักทั้งสองฝ่าย เรารักก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน (1 ยอห์น 4:19) ความรักของเราเป็นการตอบสนองความรักของพระองค์

ดาวิดเขียนไว้ว่า ‘สาธุการแด่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ข้าพระองค์อย่างอัศจรรย์’ (สดุดี 31:21ก) ใคร่ครวญดูว่าพระเจ้าทรงรักคุณมากเพียงใดพระพรของพระองค์มีมากสักเท่าใด ซึ่งพระองค์ทรงสะสมให้ผู้ที่นมัสการพระองค์’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระองค์ทรงกำบังคุณไว้ใน ‘ที่กำบังเฉพาะพระพักตร์[พระองค์]’ (ข้อ 20ก) พระองค์ทรงซ่อนคุณไว้ให้ปลอดภัยในพลับพลาของพระองค์ (ข้อ 20ข) พระองค์ทรงปกป้องคุณให้พ้นจาก ‘ลิ้นที่ทะเลาะวิวาท’ (ข้อ 20ข) พระองค์*ทรงสดับเสียงวิงวอนของคุณ * เมื่อคุณทูลขอ ‘ความช่วยเหลือ’ (ข้อ 22ข) ‘พระเจ้าทรงปกป้องทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดพระองค์’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดังนั้นคุณต้อง ‘เข้มแข็งและให้ใจของพวกท่านกล้าหาญเถิด’ (ข้อ 24ก) แม้กระทั่งในเวลาที่สิ่งต่าง ๆ ดูเหมือนจะยากลำบาก ‘จงกล้าหาญ จงเข้มแข็ง จงอย่ายอมแพ้’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์สำหรับความรักอันอัศจรรย์ของพระองค์ ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงสดับเสียงวิงวอนขอความเมตตาเมื่อข้าพระองค์ทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงโปรดช่วย…..
พันธสัญญาใหม่

มาระโก 15:1-32

พระเยซูทรงอยู่ต่อหน้าปีลาต

 1ทันทีที่ฟ้าสาง เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกผู้ใหญ่และพวกธรรมาจารย์ และบรรดาสมาชิกสภาได้ปรึกษากันและมัดพระเยซู แล้วจึงพาไปมอบไว้แก่ปีลาต 2ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “เจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ?” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ท่านเป็นคนพูดเองนะ”แปลได้อีกว่า ท่านว่าถูกแล้ว 3แล้วพวกหัวหน้าปุโรหิตก็กล่าวหาพระองค์หลายอย่าง 4ปีลาตจึงถามพระองค์อีกว่า “เจ้าไม่ตอบอะไรเลยหรือ? ดูซิ พวกเขากล่าวหาเจ้าหลายประการทีเดียว” 5แต่พระเยซูไม่ได้ตรัสตอบอะไรอีก ปีลาตจึงประหลาดใจ

การทรงถูกพิพากษาให้ประหารชีวิต

 6ในช่วงเทศกาล ปีลาตเคยปล่อยนักโทษคนหนึ่งให้ตามที่พวกเขาขอ 7เวลานั้นมีคนหนึ่งชื่อบารับบัส ถูกจำคุกพร้อมกับพวกกบฏที่ฆ่าคนตายระหว่างก่อความไม่สงบ 8ฝูงชนจึงไปขอให้ปีลาตทำในสิ่งที่ท่านเคยทำให้พวกเขานั้น 9ปีลาตจึงถามว่า “พวกท่านต้องการจะให้เราปล่อยกษัตริย์ของพวกยิวหรือ?” 10เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่า พวกหัวหน้าปุโรหิตมอบตัวพระองค์ไว้ด้วยความอิจฉา 11แต่พวกหัวหน้าปุโรหิตยุยงฝูงชนให้ขอปีลาตปล่อยบารับบัสแทน 12ปีลาตจึงถามพวกเขาว่า “แล้วพวกท่านจะให้เราทำอย่างไรกับคนนี้ที่พวกท่านเรียกว่ากษัตริย์ของพวกยิว?” 13เขาทั้งหลายร้องตะโกนว่า “ตรึงเขาที่กางเขน” 14ปีลาตจึงถามว่า “ตรึงทำไม? เขาทำผิดอะไร?” แต่ประชาชนยิ่งตะโกนว่า “ตรึงเขาที่กางเขน” 15ปีลาตต้องการจะเอาใจฝูงชนจึงปล่อยบารับบัสให้แก่พวกเขา และเมื่อให้โบยตีพระเยซูแล้ว จึงมอบให้พวกเขาเอาไปตรึงที่กางเขน

พวกทหารล้อเลียนพระเยซู

 16พวกทหารจึงนำพระองค์เข้าไปยังลานของราชสำนัก (คือกองบัญชาการปรีโทเรียม) แล้วเรียกพวกทหารทั้งกองมาประชุมกัน 17พวกเขาเอาเสื้อสีม่วงมาสวมให้พระองค์ เอาหนามสานเป็นมงกุฎมาสวมพระเศียรพระองค์ 18แล้วคำนับพระองค์กล่าวว่า “ข้าแต่กษัตริย์ของพวกยิว ขอทรงพระเจริญ” 19แล้วพวกเขาเอาไม้อ้อตีพระเศียรของพระองค์ ถ่มน้ำลายรดพระองค์ และคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ 20เมื่อเยาะเย้ยพระองค์แล้ว พวกเขาก็ถอดเสื้อสีม่วงนั้นออก แล้วเอาเสื้อผ้าของพระองค์มาสวมให้ และนำพระองค์ออกไปเพื่อตรึงที่กางเขน

การตรึงพระเยซูที่กางเขน

 21มีคนหนึ่งชื่อซีโมนชาวไซรีน เป็นบิดาของอเล็กซานเดอร์และรูฟัส เดินทางจากบ้านนอกมาตามเส้นทางนั้น พวกเขาจึงเกณฑ์ซีโมนให้แบกกางเขนของพระองค์ 22พวกเขาพาพระองค์มาถึงที่แห่งหนึ่งชื่อกลโกธา (แปลว่ากะโหลกศีรษะ) 23แล้วพวกเขาเอาเหล้าองุ่นผสมกับมดยอบให้พระองค์เสวย แต่พระองค์ไม่ทรงรับ 24แล้วพวกเขาก็ตรึงพระองค์ที่กางเขน
และเอาฉลองพระองค์ของพระองค์
 มาจับฉลากแบ่งกัน เพื่อจะรู้ว่าใครได้อะไร
 25ขณะที่พวกเขาตรึงพระองค์นั้นเป็นเวลาสามโมงเช้า 26มีคำจารึกข้อหาที่ลงโทษพระองค์ไว้ว่า “กษัตริย์ของพวกยิว” 27และพวกเขาเอาโจรสองคนมาตรึงพร้อมกับพระองค์ ข้างขวาคนหนึ่งข้างซ้ายคนหนึ่ง 28ต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์ที่ว่า ท่านถูกนับเข้ากับคนล่วงเกิน 29คนทั้งหลายที่เดินผ่านไปมานั้นก็พูดหมิ่นประมาทพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ย ว่า “เฮ้ย เจ้าเป็นคนที่จะทำลายพระวิหารแล้วสร้างขึ้นภายในสามวันนี่นา 30 จงช่วยตัวเองให้รอดเถอะ แล้วก็ลงจากกางเขนเสียทีสิ” 31ท่ามกลางพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ก็มีการเยาะเย้ยพระองค์เหมือนกันว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ 32ขอเชิญพระคริสต์กษัตริย์แห่งอิสราเอลลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถอะ พวกเราจะได้เห็นและเชื่อ” และสองคนนั้นที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ก็กล่าวคำหยาบช้าต่อพระองค์

อรรถาธิบาย

พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า

‘คุณอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ตอนที่พวกเขาตรึงพระเจ้าของเรา?’ ผมรู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้อ่านเรื่องราวการข่มเหง การทรมาน และการตรึงการเขนของพระเยซู พวกเขาตรึงกางเขนเพื่อนของผมและพระเจ้าของผม พระเยซูทรงเป็น

1.\tทรงเป็นกษัตริย์ของฉัน

พระเยซูทรงยอมรับตำแหน่ง ‘กษัตริย์ของพวกยิว’ (มาระโก 15:2) พวกทหารใช้คำนี้ในการล้อเลียนพระองค์ (ข้อ 18) และเป็นคำที่เขียนไว้บนไม้กางเขนเป็นข้อหาที่ลงโทษพระองค์ (ข้อ 26) พระเยซูทรงเป็นผู้ทำให้ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของชนชาติอิสราเอลและคำสัญญาของกษัตริย์ดาวิดบรรลุผล (ดูในอิสยาห์ บทที่ 9 และ 11) พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีความแตกต่าง

พระองค์ถูกนำตัวไปให้ปีลาตด้วยความอิจฉา (‘เจตนาร้ายอย่างที่สุด’ มาระโก 15:10, พระคัมภีร์ตอน นี้จาก The Message โดยผู้แปล) โดยผู้นำทางความเชื่อ จงระวังความอิจฉาซึ่งบางครั้งอธิบายได้ว่าเป็น ‘บาปทางความเชื่อ’

พระเยซูทรงได้รับการดูหมิ่นและข้อกล่าวหาเท็จ ถ้าคุณถูกใส่ร้ายหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ จงขอบพระคุณที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้คุณได้เข้าสู่ความทุกข์ทรมานของพระเยซู และจงอธิษฐานให้พระเจ้าช่วยคุณให้ตอบสนองอย่างที่พระเยซูทรงกระทำ คือด้วยความรักและการให้อภัย

2.\tทรงเป็นพระเมสสิยาห์ของฉัน

เป็นการใช้ถ้อยคำถากถางที่ผู้นำทางความเชื่อได้เยาะเย้ยพระองค์และเรียกพระองค์ว่า ‘พระคริสต์’ (ข้อ 31-32) เพราะนั่นคือความจริงที่พระองค์ทรงเป็นมาและทรงเป็นอยู่ ภาษาอังกฤษคำว่า ‘คริสต์’ (Christ) มาจากภาษากรีกคำว่า ‘คริสตอส’ (Christos) ซึ่งแปลภาษาฮีบรูว่า เมสสิยาห์ (Mashiah หรือ Messiah) ทั้งภาษากรีกและภาษาฮีบรูตรงกับความหมายว่า ‘ผู้รับการเจิม’ เราได้เห็นว่าพระเยซูทรงได้รับการเจิมเป็นมหาปุโรหิตของพระเจ้า ในที่นี้เราได้เห็นพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ ได้รับการเจิม

3.\tทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของฉัน

อีกครั้งที่เราจะเห็นการใช้ถ้อยคำถากถางเป็นคำพูดเยาะเย้ยของทั้งผู้ที่เดินผ่านไปมาว่า ‘จงช่วยตัวเองให้รอดเถอะ แล้วก็ลงจากกางเขนเสียทีสิ!’ (ข้อ 30) และของผู้นำทางความเชื่อเหล่านั้น ว่า ‘เขาช่วยผู้อื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้!’ (ข้อ 31) นี่เป็นความจริง คือเพื่อที่จะเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก แต่พระองค์มิอาจช่วยตัวเอง พระองค์ต้องผ่านความทรมานจากการถูกตรึงกางเขน เพื่อช่วยคุณและผมให้รอด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบารับบัสทำให้เราเห็นภาพของสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำในฐานะที่เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก บารับบัสก็เหมือนเช่นเดียวกันกับผมที่มีความผิดและสมควรได้รับการลงโทษเขา ‘ถูกจำคุกพร้อมกับพวกกบฏที่ฆ่าคนตายระหว่างก่อความไม่สงบ’ (ข้อ 7) ในทางตรงกันข้าม พระเยซูไม่มีความผิดโดยสิ้นเชิง ปีลาตจึงถามว่า ‘เขาทำผิดอะไร?’ (ข้อ 14) แต่บารับบัสได้รับการ ‘ปล่อยตัว’ และเป็นอิสระ ในขณะที่พระเยซูถูก ‘มอบให้...เอาไปตรึงที่กางเขน’ (ข้อ 15) ผู้บริสุทธิ์ต้องเผชิญกับการลงโทษถึงตาย เพื่อผมซึ่งเป็นคนที่มีความผิดจะได้เป็นอิสระ เราอาจจะไม่ได้เป็นฆาตกรเหมือนบารับบัส แต่เราทุกคนต้องการการช่วยเหลือจากพระผู้ช่วยให้รอดของโลก

4.\tทรงเป็นพระเจ้าของฉัน

ในพระธรรมของเมื่อวานนี้ เราจะเห็นว่าพระเยซูทรงตอบคำถามอย่างไร เมื่อพระองค์ถูกถามโดยมหาปุโรหิตว่า ‘เจ้าเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้สมควรแก่การนมัสการหรือ?’ พระองค์ทรงตอบว่า ‘เราเป็น’ (14:61-62) การตอบสนองของมหาปุโรหิตก็คือกล่าวหาว่าพระเยซูดูหมิ่นความเชื่อ โดยการอ้างว่าตนเองเป็นพระเจ้า ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? เมื่อพระเจ้าทรงเปิดเผยพระนามของพระองค์ยาห์เวห์ (YHWH) ให้แก่โมเสส (อพยพ 3:14-15) พระองค์ได้ทรงอธิบายถึงความหมายของพระนามนี้ด้วย มาจากวลีในภาษาฮีบรู ‘เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น’ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ‘เราเป็น’ การตอบสนองของมหาปุโรหิตต่อคำพูดของพระเยซูแสดงให้เห็นว่าพระเยซูทรงประกาศพระองค์เองว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ยาห์เวห์ (YHWH)

ความจริงอันน่าอัศจรรย์นี้เป็นเบื้องหลังของการคร่ำครวญฝ่ายจิตวิญญาณเป็นอย่างมากของอัครทูตเปาโลใน ฟีลิปปี 2:5-11 (ซึ่งเป็นพื้นฐานของคำอธิษฐานด้านล่างนี้)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีท่าทีเช่นเดียวกับพระเยซูผู้ทรงถ่อมตัวลงและทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความตาย ขอบพระคุณที่พระเจ้าทรงยกพระองค์ขึ้นสูงสุด และทรงประทานพระนามของพระองค์เหนือนามทั้งปวง เพื่อว่าพระนามของพระเยซูนั้น ทุกชีวิตในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก และใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกเข่าลงกราบพระองค์ และทุกลิ้นจะยอมรับว่า*พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า*
พันธสัญญาเดิม

เลวีนิติ 21:1-22:33

ความบริสุทธิ์ของปุโรหิต

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงกล่าวแก่บรรดาปุโรหิต คือบุตรหลานของอาโรน และสั่งพวกเขาว่า ห้ามผู้ใดทำตัวเป็นมลทินด้วยเรื่องศพในหมู่ญาติของตน 2เว้นแต่ญาติสนิทที่สุดคือ มารดา บิดา บุตรชายหญิง พี่ชายน้องชาย 3หรือพี่สาวน้องสาวพรหมจารี(ผู้ที่ยังสนิทกับเขา เพราะเธอยังไม่มีสามี เขาจึงยอมตัวเป็นมลทินเพราะเธอได้) 4ห้ามเขามีมลทินเพราะเขาเป็นผู้นำในหมู่ชนชาติของเขา โดยทำตัวให้เป็นมลทิน 5ห้ามโกนศีรษะหรือกันเครา หรือเชือดเนื้อตัวเอง6พวกปุโรหิตต้องเป็นคนบริสุทธิ์ต่อพระเจ้าของตน และไม่ทำให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่เหยียดหยาม เพราะเขาทั้งหลายถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่พระยาห์เวห์ เป็นพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเขาทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงต้องบริสุทธิ์ 7ปุโรหิตจะแต่งงานกับหญิงโสเภณีหรือหญิงมีมลทินไม่ได้ หรือจะแต่งงานกับหญิงที่หย่าจากสามีก็ไม่ได้ เพราะปุโรหิตจะต้องบริสุทธิ์แด่พระเจ้าของเขา 8เจ้าจงชำระเขาให้บริสุทธิ์ เพราะเขาถวายพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเจ้า เขาจะต้องบริสุทธิ์สำหรับเจ้า เพราะเราคือยาห์เวห์ผู้ชำระเจ้าทั้งหลายให้บริสุทธิ์นั้น เป็นผู้บริสุทธิ์ 9บุตรสาวของปุโรหิตคนใด ทำตัวให้เป็นมลทินโดยไปเป็นหญิงโสเภณีก็ทำให้บิดาเป็นมลทิน จะต้องเผาเธอเสียด้วยไฟ
 10“ปุโรหิตที่เป็นใหญ่ในหมู่พวกพี่น้อง ผู้ถูกเจิมศีรษะด้วยน้ำมัน และผู้ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ที่จะสวมเสื้อตำแหน่ง ห้ามปล่อยผมหรือฉีกเสื้อตำแหน่งของตน 11ห้ามเข้าไปถูกต้องศพหรือทำตัวให้เป็นมลทิน แม้ว่าศพนั้นเป็นบิดาหรือมารดา 12ห้ามออกไปจากสถานนมัสการ หรือทำสถานนมัสการของพระเจ้าให้เป็นมลทิน เพราะว่าการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำมันเจิมของพระเจ้าอยู่บนตัวเขา เราคือยาห์เวห์ 13เขาจะต้องแต่งงานกับหญิงพรหมจารีเท่านั้น 14ห้ามเขาแต่งงานกับหญิงม่าย แม่ร้าง หญิงที่มีมลทิน หรือหญิงโสเภณี เขาจะต้องหาหญิงพรหมจารีในชนชาติของเขามาเป็นภรรยา 15เพื่อเขาจะไม่ทำให้ลูกหลานของเขาที่อยู่ท่ามกลางชนชาติของเขาเป็นมลทิน เพราะเราคือยาห์เวห์ผู้ชำระเขาให้บริสุทธิ์”
 16พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 17“จงกล่าวแก่อาโรนว่า ในบรรดาพงศ์พันธุ์ของเจ้า ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์ของเขาทั้งหลาย ห้ามคนพิการเข้าไปถวายพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเขา 18เพราะว่าผู้ใดพิการจะเข้าใกล้ไม่ได้ ไม่ว่าเป็นคนตาบอดหรือเป็นคนเขยก หรือที่หน้ามีแผลเป็นหรือแขนขายาวเกิน 19หรือมีเท้าพิการหรือมือพิการ 20คนหลังค่อม คนแคระ คนตาพิการ คนเป็นขี้กลากหรือหิด หรือคนมีลูกอัณฑะฝ่อ 21ผู้ใดในพงศ์พันธุ์ของอาโรนที่มีตำหนิ ห้ามเข้ามาถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่พระยาห์เวห์ เพราะว่าเขาเป็นคนมีตำหนิ ห้ามถวายพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเขา 22เขาจะรับประทานพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเขาได้ ทั้งของที่บริสุทธิ์ที่สุดและของบริสุทธิ์ 23แต่ห้ามเขาเข้ามาใกล้ม่านหรือใกล้แท่นบูชา เพราะเขาพิการ เพื่อเขาจะไม่ทำให้สถานนมัสการของเราเป็นมลทิน เพราะเราคือยาห์เวห์ ผู้ตั้งเขาไว้ให้บริสุทธิ์” 24โมเสสจึงบอกอาโรนและบุตรหลานของอาโรนและคนอิสราเอลดังนั้น

เลวีนิติ 22

การใช้ของถวายที่บริสุทธิ์

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“จงบอกอาโรนกับบุตรหลานของเขาให้ปฏิบัติต่อของถวายที่บริสุทธิ์ของคนอิสราเอล ที่ถวายแก่เราด้วยความระมัดระวัง เพื่อว่าเขาทั้งหลายจะไม่ทำให้นามของเราเป็นมลทิน เราคือยาห์เวห์ 3จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘ถ้าชายคนใดในพงศ์พันธุ์ของเจ้าตลอดชั่วชาติพันธุ์เข้าใกล้ของถวายที่บริสุทธิ์ซึ่งคนอิสราเอลถวายแด่พระยาห์เวห์ ขณะที่เขามีมลทินอยู่จะต้องไล่คนนั้นออกไปให้พ้นหน้าเรา เราคือยาห์เวห์ 4ห้ามเชื้อสายของอาโรนคนใดที่เป็นโรคเรื้อนหรือมีสิ่งไหลออกมารับประทานของถวายที่บริสุทธิ์ จนกว่าเขาจะสะอาด ผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เป็นมลทิน โดยแตะต้องศพหรือผู้มีน้ำกามไหลออก 5ผู้ใดแตะต้องบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนที่ติดพื้นดิน ซึ่งทำให้เขาเป็นมลทิน หรือแตะต้องคนซึ่งอาจทำให้เขาเป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นมลทินแบบใดก็ตาม 6บุคคลผู้แตะต้องสิ่งเหล่านี้ ต้องเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น และจะรับประทานของถวายบริสุทธิ์ไม่ได้ นอกจากเขาจะอาบน้ำชำระตัวเสียก่อน 7เมื่อดวงอาทิตย์ตกเขาก็สะอาด ภายหลังเขาจึงรับประทานของถวายบริสุทธิ์ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอาหารของเขา 8สิ่งใดที่ตายเอง หรือถูกสัตว์กัดตาย ห้ามรับประทาน และทำให้ตัวเองเป็นมลทินด้วยสิ่งเหล่านี้ เราคือยาห์เวห์’ 9เพราะฉะนั้นเขาทั้งหลายต้องรักษาคำบัญชาของเรา เพื่อเขาจะไม่ต้องรับโทษเพราะการทำให้ตนเองเป็นมลทิน และตาย เมื่อพวกเขาทำของถวายที่บริสุทธิ์เป็นมลทิน เราคือยาห์เวห์ ผู้ชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์
 10“ห้ามคนภายนอกรับประทานของถวายที่บริสุทธิ์ ห้ามผู้มาอาศัยอยู่กับปุโรหิตหรือลูกจ้างรับประทานของถวายที่บริสุทธิ์นั้น 11แต่ถ้าปุโรหิตคนหนึ่งซื้อทาสมาด้วยเงินที่เป็นทรัพย์ของตน ทาสนั้นจะรับประทานก็ได้ และผู้เกิดในครัวเรือนของปุโรหิตรับประทานอาหารนั้นได้ 12ถ้าบุตรสาวของปุโรหิตไปแต่งงานกับคนภายนอก เธอก็รับประทานเครื่องถวายที่บริสุทธิ์นั้นไม่ได้ 13ถ้าบุตรสาวของปุโรหิตเป็นแม่ม่ายหรือแม่ร้างและไม่มีบุตร และกลับมาอยู่บ้านบิดาอย่างเมื่อยังสาว นางรับประทานอาหารของบิดาได้ แต่คนภายนอกรับประทานไม่ได้ 14ถ้าคนใดรับประทานของถวายบริสุทธิ์โดยไม่เจตนา เขาจะต้องเพิ่มค่าของนั้นหนึ่งในห้า และมอบของถวายบริสุทธิ์นั้นแก่ปุโรหิต 15ห้ามปุโรหิตทำของถวายที่บริสุทธิ์ของคนอิสราเอลที่นำมาถวายแด่พระยาห์เวห์เป็นมลทิน 16ซึ่งจะทำให้เขารับโทษด้วยความผิดที่รับประทานของถวายที่บริสุทธิ์ เพราะเราคือยาห์เวห์ ผู้ชำระเขาให้บริสุทธิ์”

เครื่องบูชาที่พระเจ้าโปรดปราน

 17พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 18“จงกล่าวแก่อาโรนและบุตรหลานของเขา และแก่คนอิสราเอลทั้งหมดว่า เมื่อคนอิสราเอลหรือคนต่างด้าวในอิสราเอลคนใดถวายเครื่องบูชา เป็นเครื่องแก้บนหรือเครื่องบูชาด้วยใจสมัคร ซึ่งถวายแด่พระยาห์เวห์เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว 19เพื่อให้พวกเจ้าเป็นที่โปรดปราน จงถวายสัตว์ตัวผู้ปราศจากตำหนิ คือโคผู้หรือแกะหรือแพะ 20ห้ามถวายสิ่งใดที่มีตำหนิ เพราะพวกเจ้าจะไม่เป็นที่โปรดปราน 21เมื่อคนใดถวายเครื่องศานติบูชาแด่พระยาห์เวห์เพื่อแก้บนหรือถวายด้วยใจสมัคร เป็นสัตว์ที่ได้มาจากฝูงโค หรือฝูงแพะแกะ สัตว์นั้นต้องไม่มีตำหนิจึงจะเป็นที่โปรดปราน สัตว์นั้นจะต้องไม่มีตำหนิเลย 22สัตว์ที่ตาบอดหรือพิการ หรือมีแผล หรือมีสิ่งไหลออก หรือเป็นขี้กลาก หรือเป็นสะเก็ดผิวหนัง ห้ามนำมาถวายแด่พระยาห์เวห์ หรือนำมาเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟบนแท่นถวายแด่พระยาห์เวห์ 23โคหรือลูกแกะที่มีอวัยวะยาวเกินไป หรือสั้นเกินไปสักส่วนหนึ่ง ท่านจะนำมาถวายเป็นเครื่องบูชาด้วยใจสมัครก็ได้ แต่ถ้าเป็นเครื่องบูชาแก้บนจะไม่เป็นที่โปรดปราน 24สัตว์ตัวใดที่มีลูกอัณฑะช้ำ หรือถูกทุบ หรือฉีกขาด หรือมีรอยตัด ห้ามนำมาถวายแด่พระยาห์เวห์ ให้เป็นเครื่องบูชาในแผ่นดินของพวกเจ้า 25ห้ามนำสัตว์เหล่านี้ซึ่งได้มาจากคนต่างด้าวถวายเป็นพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเจ้า เพราะสัตว์นั้นมีตำหนิด้วยความพิการ พวกเจ้าจึงไม่เป็นที่โปรดปราน”
 26พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 27“เมื่อโค หรือแกะ หรือแพะเกิดมา ให้อยู่กับแม่เจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่แปดเป็นต้นไปจะใช้เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์ก็เป็นที่โปรดปราน 28ไม่ว่าแม่สัตว์นั้นจะเป็นโค หรือแกะก็ดี ห้ามฆ่ามันพร้อมกับลูกของมันในวันเดียวกัน 29เมื่อถวายเครื่องสัตวบูชาเป็นเครื่องบูชาขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์ จงถวายเครื่องสัตวบูชานั้นให้เป็นที่โปรดปราน 30จงรับประทานเครื่องบูชานั้นในวันถวายเครื่องบูชา ห้ามเหลือไว้จนรุ่งเช้า เราคือยาห์เวห์
 31“เพราะฉะนั้นเจ้าจงรักษาบัญญัติของเราและทำตาม เราคือยาห์เวห์ 32ห้ามทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นที่เหยียดหยาม แต่ให้เราเป็นที่สรรเสริญในหมู่คนอิสราเอล เราคือยาห์เวห์ ผู้ชำระเจ้าให้บริสุทธิ์ 33ผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือยาห์เวห์”

อรรถาธิบาย

นมัสการพระเจ้า

มีการเน้นย้ำเป็นอย่างมากถึงการ ‘ไม่ทำให้นามของเราเป็นมลทิน’ (22:2) ของพระเจ้าในพระธรรมตอนนี้ ในบทที่ 22 พระเจ้าตรัสกับประชาชนของพระองค์ถึง 9 ครั้งว่า ‘เราคือยาห์เวห์’ (ข้อ 2-3, 8-9, 16, 30-33) เหตุใดพระเจ้าจึงเน้นย้ำถึงพระนามของพระองค์ในข้อพระคัมภีร์เหล่านี้?

ชื่อมีความสำคัญมากในสมัยโบราณ พวกเขาเชื่อว่าชื่อจะบอกบางสิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับคน ๆ นั้นที่อยู่ในประเด็น ดังที่เราได้เห็น แม้แต่พระนามของพระเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น พระนามว่า ยาห์เวห์ (YHWH) ประกาศถึงความเป็นหนึ่งเดียว และความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

พระนามของพระเจ้ายังเตือนผู้คนถึงความสัมพันธ์พิเศษเฉพาะของพระเจ้ากับพวกเขา เป็นพระนามที่ได้เปิดเผยแก่โมเสสเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อประชาชนของพระองค์ (อพยพ 3)

แต่ละครั้งที่พระเจ้าประกาศว่า ‘เราคือพระยาห์เวห์’ เป็นการย้ำเตือนเราถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์และความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ พระบัญญัติแต่ละประการในบทนี้บัญญัติขึ้นจากความจริงเหล่านี้และบัญญัติขึ้นเพื่อเล็งถึงพวกเขา

ใจความสำคัญของพระธรรมเลวีนิติ 21 คือความบริสุทธิ์ของพระเจ้า และความจำเป็นของปุโรหิตเพื่อประชาชนจะสามารถเข้าใกล้พระเจ้า ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เราจะเห็นว่าพระเยซูทรงเป็นมหาปุโรหิตผู้ยิ่งใหญ่ และโดยพระองค์เราจึงสามารถเข้าใกล้พระเจ้า พระเยซูทรงเป็น:

1.\tผู้บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์

มหาปุโรหิตต้องเข้าพิธีชำระให้สะอาด (21:11ข) พระเยซูทรงสมบูรณ์แบบทางศีลธรรม พระเยซูทรง เป็น ‘ผู้บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ ไม่พ่ายแพ้ต่อบาป’ (ฮีบรู 7:26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2.\tผู้อุทิศตนเพื่อพระเจ้า

มหาปุโรหิตต้องเป็นผู้อุทิศตนเพื่อพระเจ้า (เลวีนิติ 21:12) ดังที่พระเยซูทรงเป็น (ลูกา 2:22)

3.\tผู้ได้รับการเจิม

มหาปุโรหิตต้องได้รับการเจิมด้วยน้ำมัน (เลวีนิติ 21:12) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูทรงได้รับการเจิมโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์จากบัพติศมาของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้ได้รับการเจิม คือพระคริสต์

หากเราได้รับการย้ำเตือนถึงความจำเป็นของปุโรหิตที่สมบูรณ์แบบในบทที่ 21 เราก็ได้รับการย้ำเตือนถึงความจำเป็นของเครื่องบูชาที่สมบูรณ์แบบในบทที่ 22 ด้วยเช่นกัน เครื่องบูชาต้อง ‘ปราศจากตำหนิ' (22:19,21) พระเยซูทรงเป็นทั้งปุโรหิตที่สมบูรณ์แบบและเครื่องบูชาที่สมบูรณ์แบบ

นำทั้งสามข้อนี้มารวมกันและใคร่ครวญด้วยการคร่ำครวญฝ่ายจิตวิญญาณเป็นอย่างมากว่า ‘พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ฟีลิปปี 2:11) และด้วยความรักอันอัศจรรย์ของพระองค์ที่มีให้กับเราทรงสำแดงผ่านการถูกตรึงกางเขนเพื่อเรา และท่าทีที่เหมาะสมของเราในการ ‘รักพระยาห์เวห์’ (สดุดี 31:23ก)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ต้องการนมัสการพระองค์ ทรงเป็นพระองค์ที่ทำให้ข้าพระองค์บริสุทธิ์ ทรงเป็นพระองค์ที่ปกป้องข้าพระองค์จากการถูกจองจำ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ข้าพระองค์รักพระองค์พระเจ้าของข้า

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สดุดี 31:24

‘จงเข้มแข็ง และให้ใจของพวกท่านกล้าหาญเถิด ท่านทุกคนผู้รอคอยพระยาห์เวห์’

ฉันต้องการกำลังอย่างมากในวันนี้ อันที่จริงฉันต้องการเกือบทุกวัน! ขอทรงเสริมกำลังข้าพระองค์มากขึ้น โปรดเถิดพระเจ้า

ข้อพระคำประจำวัน

สดุดี 31:23 (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

‘พระเจ้าทรงปกป้องทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดพระองค์’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม