พระเจ้าประทานสิ่งดีให้กับคุณ
เกริ่นนำ
เราทุกคนต่างแสวงหาความสุข และต่างก็แสวงหาความรัก เราทุกคนหมดสิ้นซึ่งสันติสุข แต่บ่อยครั้งที่เราแสวงหากันผิดที่
นักบุญออกัสติน อธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ... พระองค์ได้สร้างเรามาเพื่อพระองค์เองและหัวใจของเราจะไม่สงบจนกว่าจะพบการพักพิงในพระองค์’ พระเจ้าทรงเป็นแหล่งของสิ่งดีงามทั้งหมด
สดุดี 4:1-8
คำอธิษฐานเวลาเย็น แสดงความวางใจในพระเจ้า
1ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงให้ข้าพระองค์เป็นฝ่าย
ชอบธรรม ขอทรงตอบเมื่อข้าพระองค์
ร้องทูล
เมื่อข้าพระองค์จนตรอก ขอประทานช่องทาง
ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์ และขอทรง ฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
2ข้าแต่ท่านผู้สูงศักดิ์ ท่านจะหมิ่นศักดิ์ศรีของ
ข้าพเจ้าไปอีกนานเท่าใด?
ท่านจะรักคำไร้ค่า และแสวงการมุสาอีก
นานเท่าใด?
3จงทราบเถิดว่า พระยาห์เวห์ทรงแยกผู้จงรัก
ภักดีไว้สำหรับพระองค์
พระยาห์เวห์ทรงสดับฟังเมื่อข้าพเจ้าทูล
พระองค์
4แม้ถูกยั่วยุ ก็อย่าทำบาป
จงตรึกตรองในใจเวลาอยู่บนที่นอนและสงบอยู่
5จงถวายเครื่องสัตวบูชาให้ถูกต้อง
และวางใจในพระยาห์เวห์
6หลายคนกล่าวว่า “เราอยากเห็นสิ่งดีๆ บ้าง
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเงยพระพักตร์ที่สว่าง
ของพระองค์มาเหนือพวกข้าพระองค์”
7พระองค์ได้ประทานความยินดีแก่จิตใจของ
ข้าพระองค์
มากกว่าเมื่อได้ข้าวและเหล้าองุ่นมากมาย
8ข้าพระองค์จะเอนกายลงนอนหลับอย่าง เป็นสุข
ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์เท่านั้นที่ ทรงทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่าง
ปลอดภัย
อรรถาธิบาย
แหล่งของความชื่นชมยินดีและสันติสุข
บ่อยครั้งที่เราแสวงหาความชื่นชมยินดีและสันติสุขผิดวิธี 'ท่านจะรักคำไร้ค่า และแสวงการมุสาอีกนานเท่าใด?’ (ข้อ 2) เราคิดว่าทรัพย์สินเงินทองหรือความสำเร็จจะเป็นคำตอบ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนการทดลองและพระจอมปลอม ความชื่นชมยินดีและสันติสุขที่แท้จริงตามที่ดาวิดกล่าวไว้ พบได้ในความสัมพันธ์กับพระเจ้า (ข้อ 3)
พระองค์ไม่ได้สัญญาว่าชีวิตเราจะปราศจากปัญหา พระธรรมสดุดีเริ่มต้นด้วยการคร่ำครวญว่า ‘เมื่อข้าพระองค์จนตรอกขอประทานช่องทาง...และขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์’ (ข้อ 1ข) ดาวิดมั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงสดับ ‘ฟังเมื่อข้าพเจ้าร้องทูลพระองค์’ (ข้อ 3ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเจ้าทรงเป็นแหล่งแห่งความชื่นชมยินดีและสันติสุขที่แท้จริงแต่เพียงผู้เดียว ‘ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้แสงสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์ส่องเหนือข้าพระองค์ทั้งหลายพระองค์ทรงให้จิตใจของข้าพระองค์เปี่ยมล้นด้วยความชื่นชมยินดียิ่งกว่าคนเหล่านั้นที่มีธัญญาหารและเหล้าองุ่นใหม่บริบูรณ์ข้าพระองค์จะเอนกายลงและนอนหลับด้วยความสงบสุขข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ผู้เดียวทรงทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย’ (ข้อ 6ข-8)
มีความสุขในการทรงสถิตของพระเจ้าก็ดีกว่ามีความมั่งคั่งหรูหราทางวัตถุ ความมั่งคั่งแม้ดูแล้วนำมาซึ่งความมั่นคงปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราเอนกายนอนหลับด้วยความสงบสุขเสมอไป มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่เราจะ ‘อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย’ ได้ (ข้อ 8)
คำอธิษฐาน
มัทธิว 4:23-5:20
การทรงปรนนิบัติมวลชน
23พระเยซูได้เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของพวกเขา ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และทรงรักษาบรรดาโรคภัยไข้เจ็บของชาวเมืองให้หาย 24กิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วประเทศซีเรีย พวกเขาจึงพาคนทั้งหลายที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ พวกที่เจ็บปวดทรมาน พวกที่ถูกผีเข้า พวกที่เป็นลมบ้าหมูและเป็นอัมพาตมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักษาเขาให้หาย 25และมีมหาชนติดตามพระองค์ซึ่งมาจากแคว้นกาลิลี แคว้นทศบุรี กรุงเยรูซาเล็ม แคว้นยูเดีย และแม่น้ำจอร์แดนฟากตะวันออก
คำเทศนาบนภูเขา
1เมื่อทอดพระเนตรเห็นฝูงชน พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาและเมื่อประทับแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์มาเฝ้าพระองค์ 2แล้วพระองค์จึงตรัสสอนพวกเขาว่า
ผู้เป็นสุข
3“คนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข
เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย
4“คนที่โศกเศร้าก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับการหนุนใจ
5“คนที่สุภาพอ่อนโยนก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
6“คนที่หิวและกระหาย ความชอบธรรมก็เป็นสุข
เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่ม
7“คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ
8“คนที่มีใจบริสุทธิ์ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า
9“คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข
เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก
10“คนที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรมก็เป็นสุข
เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย
11“เมื่อพวกเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายต่างๆ เป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข 12จงชื่นชมและยินดี เพราะว่าบำเหน็จของพวกท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะพวกเขาข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน
เกลือและความสว่าง
13“ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกได้อย่างไร ตั้งแต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะถูกทิ้งเสียให้คนเหยียบย่ำ 14“ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลกยน.8:12; 9:5 นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะถูกปิดบังไว้ไม่ได้ 15เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านนั้น 16ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์
พระเยซูทรงสอนเรื่องธรรมบัญญัติ
17“อย่าคิดว่าเรามาล้มเลิกธรรมบัญญัติและคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะ เราไม่ได้มาล้มเลิก แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ 18เพราะเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า จนกว่าฟ้าและดินจะล่วงไป แม้อักษรที่เล็กที่สุด หรือขีด ขีดหนึ่ง ก็จะไม่มีวันสูญไปจากธรรมบัญญัติ จนกว่าทุกสิ่งจะเกิดขึ้น 19เพราะฉะนั้น ใครทำให้ข้อเล็กน้อยเพียงข้อหนึ่งในพระบัญญัตินี้ มีความสำคัญน้อยลง และสอนคนอื่นให้ทำอย่างนั้นด้วย คนนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ แต่ใครที่ประพฤติและสอนตามธรรมบัญญัติ คนนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์ 20เพราะเราบอกพวกท่านว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่มากกว่าความชอบธรรมของพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี พวกท่านจะไม่มีวันได้เข้าสู่แผ่นดินสวรรค์
อรรถาธิบาย
แหล่งของความโปรดปรานและความสุขที่แท้จริงของพระเจ้า
ตามที่พระเยซูกล่าวไว้ความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากทุกสิ่งที่สังคมชี้แนะให้เรา มันไม่ได้มาจากคนมีชื่อเสียง ความสวยงาม ความมั่งคั่งและทรัพย์สินเงินทอง ไม่เกี่ยวกับว่ารู้สึกอย่างไร ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณมีหรือแม้แต่สิ่งที่คุณทำ
ในภาษากรีก ‘makarios’ (ใช้ใน 5:3-11) หมายถึง ‘เป็นสุข’ ‘โชคดี’ ‘มีความสุข’ หรือผู้ได้รับสิทธิพิเศษจากความโปรดปรานของพระเจ้า หรือในพระคัมภีร์ฉบับ Amplified กล่าวไว้ว่า ‘ความสุข ความน่าอิจฉาและความจำเริญขึ้นทางจิตวิญญาณ ด้วยความสุขและความพึงพอใจในชีวิต...โดยไม่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขภายนอกของพวกเขา’
ในพระธรรมตอนผู้เป็นสุข (‘ท่าทีที่ดีงาม!’) พระเยซูทรงเน้นถึงสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดแปดประการที่คุณจะได้รับความโปรดปราน และพระพรที่มาจากพระเจ้า
1. ขัดสนด้านจิตวิญญาณเพื่อพระเจ้า
‘คนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข’ (ข้อ 3ก) คำว่า ‘ยากจน’ หมายถึง ‘การอ้อนวอน หรือขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของผู้อื่น’ ในที่นี้หมายถึงการถูกทำให้ต่ำลงหรืออ่อนแอลง จนถึงจุดที่ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาพระเยซู ‘ความสุขมีแด่ผู้มีชีวิตอยู่ที่ปลายเชือกของตน’ (ข้อ 3ก พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผู้ยากจนฝ่ายวิญญาณก็ได้รับพระพรผ่านสิ่งที่พระเยซูทรงทำให้เป็นไปได้นั้น ‘เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย’ (ข้อ 3ข)
2. โศกเศร้ากับสภาพชีวิต
‘คนที่โศกเศร้าก็เป็นสุข’ (ข้อ 4ก) อาลัยให้กับความบาปและความยุ่งเหยิงในโลกนี้คร่ำครวญให้กับคนที่เศร้าโศก ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะโศกเศร้าเสียใจกับการสูญเสียคนที่คุณรัก พระสัญญาของพระเยซูคือผู้ที่โศกเศร้า ‘จะได้รับการหนุนใจ’ (ข้อ 4ข) การปลอบโยนของพระเจ้านั้นเหนือกว่าการปลอบโยนธรรมดาทั่วไป ดังที่จอยซ์ ไมเออร์ เขียนไว้ ‘แทบจะคุ้มค่าที่จะมีปัญหาชีวิตเพื่อที่เราจะได้สัมผัสกับ “การปลอบโยนของพระเจ้า”’
3. พึงพอใจกับสิ่งที่คุณเป็น
‘คนที่สุภาพอ่อนโยน ก็เป็นสุข’ (ข้อ 5ก) ในภาษากรีกคำว่า ‘meek’ หมายถึง ‘อ่อนโยน’ ‘ถ่อมใจ’ ‘ไม่อวดดี’ เป็นการแสดงความกรุณาและความรักต่อผู้อื่น ตรงกันข้ามกับความเย่อหยิ่งและเห็นแก่ตนเอง มันหมายถึง ‘แตก’ ไม่ได้หมายถึงเศษแก้วที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่แตกเหมือนดั่งม้าที่เชื่อง คือมีความแข็งแกร่งแต่อยู่ภายใต้การควบคุม โดยทางพระเยซูผู้ที่มีใจถ่อมสุภาพจะได้รับพร ‘เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก’ (ข้อ 5ข)
‘ความสุขมีแต่ผู้ที่พึงพอใจในตนเอง ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้’ (ข้อ 5ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
4. หิวกระหายองค์พระผู้เป็นเจ้า
‘คนที่หิวและกระหาย ความชอบธรรมก็เป็นสุข’ (ข้อ 6ก) ‘ความสุขมีแด่ผู้ที่ได้เจริญอาหารฝ่ายจิตวิญญาณเพื่อพระเจ้า’ (ข้อ 6ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การแสวงหาการติดสนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งในชีวิตของคุณ การแสวงหาสิ่งอื่นใดเพื่อประโยชน์ของตัวเองท้ายที่สุดก็ทำให้คุณว่างเปล่า พระพรของผู้หิวกระหายพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ ทรงจะให้ ‘อิ่ม’ (ข้อ 6ข)
5. รับการให้อภัยและเมตตาต่อผู้อื่น
‘คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุขเพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ’ (ข้อ 7ก) อย่ามอบสิ่งที่ ‘สมควรได้รับ’ แก่คนอื่น แต่จงให้สิ่งที่พวกเขาไม่สมควรได้รับ ดังที่ ซี.เอส. ลูอิส กล่าวไว้ว่า ‘การเป็นคริสเตียนหมายถึงการให้อภัยผู้ที่ไม่สามารถให้อภัยได้เพราะพระเจ้าทรงให้อภัยสิ่งที่ไม่สามารถให้อภัยได้ในตัวคุณด้วยเช่นกัน’ ผู้ที่มีใจเมตตาจะได้รับพรเพราะ ‘เขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ’ (ข้อ 7ข)
6. มีจิตใจบริสุทธิ์
‘ความสุขมีแด่ผู้ที่ความคิดและจิตวิญญาณของเขาอยู่ในทางชอบธรรม’ (ข้อ 8ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘คนที่มีใจบริสุทธิ์ ก็เป็นสุข’ (ข้อ 8 ก) นี่ไม่ใช่แค่ความบริสุทธิ์ภายนอก แต่เป็นความสัตย์ซื่อ ความบริสุทธิ์ใจ และ ความจริงใจ ความบริสุทธิ์จะช่วยให้คุณ ‘เห็นพระเจ้า’ ได้อย่างแท้จริง (ข้อ 8ข) จิตใจที่บริสุทธิ์เริ่มต้นจากความคิดของคุณเองเพราะความคิดแปลเปลี่ยนเป็นคำพูด การกระทำและตัวตนของคุณ
กุญแจสำคัญในการมีจิตใจบริสุทธิ์คือการยอมให้ผู้อื่นมองเห็นความแตกสลายและความอ่อนแอในตัวเรา
7. มุ่งมั่นที่จะนำสันติสุข
‘คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข’ (ข้อ 9ก) อย่าปลุกปั่นความขัดแย้ง แต่จงสร้างสันติสุข พระเยซูพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาเพื่อสร้างสันติสุขให้กับคุณบนไม้กางเขน (โคโลสี 1:20) ผู้สร้างสันติก็เป็นสุข ‘เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก’ (มัทธิว 5:9ข)
‘ความสุขมีแด่ผู้สามารถสำแดงให้ผู้คนเห็นวิธีการร่วมมือกันแทนที่จะชิงดีชิงเด่นหรือต่อสู้กัน’ (ข้อ 9ก พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
8. ไม่คาดหวังอะไรนอกจากข่มเหง
‘คนที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ก็เป็นสุข’ (ข้อ 10 ก) อย่าคาดหวังสิ่งใดตอบแทนจากโลกเว้นเสียแต่คำวิจารณ์ แต่พระเจ้าอยู่กับคริสตจักรที่ถูกข่มเหง ‘เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย’ (ข้อ 10ข)
‘ความสุขมีแด่ผู้ยอมให้การอุทิศตนเพื่อพระเจ้าเป็นเหตุได้รับการข่มเหง’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราได้เห็นทั้งสามวิธีที่พระเยซูทรงทำให้พันธสัญญาเดิมนั้นสมบูรณ์ ทั้งเรายังได้เห็นพระเยซูทรงเติมเต็มประวัติศาสตร์ในพันธสัญญาเดิม (1:1-17) และวิธีที่พระองค์ทำให้พระสัญญาในคำพยากรณ์จากพระคัมภีร์เดิมสำเร็จ (1:18-4:16) และตอนนี้ในคำเทศนาบนภูเขา พระเยซูทรงบรรลุธรรมบัญญัติในพันธสัญญาเดิมโดยเผยให้เห็นถึงความล้ำลึกและความหมายอย่างลึกซึ้ง ‘อย่าคิดว่าเรามาเพื่อจะทำลายพระราชบัญญัติหรือคำของศาสดาพยากรณ์ เรามิได้มาเพื่อจะทำลาย แต่มาเพื่อจะให้สำเร็จ’ (5:17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
จอห์น วิมเบอร์ อดีตนักร้องวงร็อคชาวอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นศิษยาภิบาลกล่าวไว้ว่า ‘พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ที่ไม่ยอมหย่อนมาตรฐาน แม้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำพระองค์จะพอพระทัย แต่ไม่มีอะไรที่จะเติมเต็มมาตรฐานของพระองค์ได้เลย ต่อให้ผมพึงพอใจในพระองค์ แต่พระองค์จะยังไม่รู้สึกเต็มอิ่มกับผม พระองค์ยังคงเพิ่มมาตรฐานขึ้นไปเรื่อย ๆ และทรงดำเนินอยู่บนแท่นบูชาที่สูงส่ง’
ในคำเทศนาบนภูเขา พระเยซูทรง ‘ยกมาตรฐาน’ ไว้สูงเสียดฟ้า ไม่ใช่เพื่อให้เราล้มเหลว แต่เพื่อยกชูเราขึ้น ‘เราจะยกเจ้าบนเชิงเทียนแห่งยอดภูเขาสูง... จงส่องสว่าง’ (5:16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
ปฐมกาล 9:18-11:9
โนอาห์กับบุตร
18บุตรของโนอาห์ซึ่งออกมาจากเรือชื่อ เชม ฮาม และยาเฟท ฮามเป็นบิดาของคานาอัน 19สามคนนี้เป็นบุตรชายของโนอาห์ มนุษย์จึงกระจายออกไปทั่วโลกจากคนเหล่านี้
20โนอาห์เริ่มเป็นคนทำสวนและปลูกองุ่น 21แล้วท่านดื่มเหล้าองุ่นและเมา แล้วก็นอนเปลือยกายอยู่กลางเต็นท์ของท่าน 22ฮามผู้เป็นบิดาคานาอันเห็นบิดาของเขาเปลือยกายอยู่ จึงบอกพี่ชายทั้งสองที่อยู่ภายนอก 23เชมกับยาเฟทก็เอาผ้าพาดบ่าทั้งสองคนแล้วก็เดินถอยหลังเข้าไปปกปิดกายของบิดาที่เปลือยอยู่ โดยไม่ได้หันหน้าดูบิดาที่เปลือยกายอยู่นั้น 24เมื่อโนอาห์สร่างเมาแล้ว และรู้ว่าบุตรสุดท้องทำกับท่านอย่างไร 25จึงพูดว่า
“คานาอันจงถูกแช่ง
ให้เป็นทาสต่ำสุดของพี่น้อง”
26ท่านกล่าวด้วยว่า
“สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเชม
และให้คานาอันเป็นทาสของเขาเถิด
27ขอพระเจ้าทรงเพิ่มพูนยาเฟทให้ทวียิ่งขึ้น
ให้เขาอาศัยอยู่ในเต็นท์ของเชม
และให้คานาอันเป็นทาสของเขาเถิด”
28หลังน้ำท่วม โนอาห์มีชีวิตต่อไปอีก 350 ปี 29รวมอายุของโนอาห์ได้ 950 ปี จึงสิ้นชีวิต
ปฐมกาล 10
ประชาชาติที่สืบเชื้อสายจากโนอาห์
1ต่อไปนี้เป็นพงศ์พันธุ์บุตรทั้งหลายของโนอาห์ คือ เชม ฮามและยาเฟท ซึ่งมีบุตรสืบมาหลังน้ำท่วม
2บุตรของยาเฟทชื่อโกเมอร์ มาโกก มาดัย ยาวาน ทูบัล เมเชค และทิราส 3บุตรของโกเมอร์ชื่ออัชเคนัส รีฟาท และโทการมาห์ 4บุตรของยาวานชื่อเอลีชาห์ ทารชิช คิทธิม และโดดานิม 5จากพงศ์พันธุ์เหล่านี้ประชาชาติตามฝั่งทะเลกระจายไปในแผ่นดินของพวกเขา แต่ละคนตามภาษาตามตระกูลตามชาติของพวกเขา
6บุตรของฮามชื่อคูช อียิปต์ พูต และคานาอัน 7บุตรของคูชชื่อเส-บา ฮาวิลาห์ สับทาห์ ราอามาห์ และสับเทคา ส่วนบุตรของราอามาห์ชื่อเชบาและเดดาน 8คูชมีบุตรชื่อนิมโรด นิมโรดเริ่มเป็นนักรบบนแผ่นดิน 9นิมโรดเป็นพรานเก่งกล้าเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะฉะนั้นจึงมีคำกล่าวว่า “เหมือนกับนิมโรดพรานเก่งกล้าเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์” 10อาณาจักรแรกๆ ของนิมโรดเริ่มจาก บาเบล เอเรก อัคคัด และคาลเนห์ในแผ่นดินชินาร์ 11นิมโรดไปจากแผ่นดินนั้นยังอัสซีเรีย และสร้างนีนะเวห์ เรโหโบทอีร์ และคาลาห์ 12และเรเสน ซึ่งอยู่ระหว่างนีนะเวห์กับคาลาห์ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ 13อียิปต์มีบุตรชื่อลูดิม อานามิม เลหะบิม นัฟทูฮิม 14ปัทรุสิม คัสลูฮิม (ผู้เป็นต้นตระกูลคนฟีลิสเตีย) และคัฟโทริม
15คานาอันมีบุตรชื่อไซดอนเป็นคนหัวปีและเฮท 16กับคนเยบุส คนอาโมไรต์ คนเกอร์กาชี 17คนฮีไวต์ คนอารคี คนสินี 18คนอารวัด คนเศเมอร์ และคนฮามัธ ภายหลังตระกูลของคนคานาอันก็กระจายออกไป 19เขตของคนคานาอันเริ่มจากไซดอน ไปทางเก-ราร์ จนถึงกาซา และไปทางโสโดม โกโมราห์ อัดมาห์ และเศโบยิมจนถึงลาชา 20คนเหล่านี้เป็นพงศ์พันธุ์ของฮาม ตามตระกูล ตามภาษา ตามดินแดน และตามชาติของพวกเขา
21ฝ่ายเชมพี่ชายคนโตของยาเฟทก็มีบุตรเช่นกัน และเป็นบิดาของพงศ์พันธุ์เอเบอร์ทั้งหมด 22บุตรของเชมนั้นชื่อเอลาม อัสชูร อารปัคชาด ลูด และอารัม 23บุตรอารัมชื่ออูส ฮูล เกเธอร์ และมัช 24อารปัคชาดมีบุตรชื่อเช-ลาห์ ส่วนเช-ลาห์มีบุตรชื่อเอเบอร์ 25เอเบอร์มีบุตรสองคน คนหนึ่งชื่อเปเลกแปลว่า การแบ่ง ด้วยว่าในช่วงอายุของเปเลกนั้น ดินแดนถูกแบ่งกัน และน้องชายของเปเลกชื่อโยกทาน 26โยกทานมีบุตรชื่ออัลโมดัด เชเลฟ ฮาซารมาเวท เยราห์ 27ฮาโดรัม อุซาล ดิคลาห์ 28โอบาล อาบีมาเอล เชบา 29โอฟีร์ ฮาวิลาห์ และโยบับ คนเหล่านี้เป็นบุตรของโยกทานทั้งนั้น 30ดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่เริ่มจากเมชาไปทางเสฟาร์ถึงเทือกเขาทางทิศตะวันออก 31คนเหล่านี้เป็นพงศ์พันธุ์ของเชม ตามตระกูล ตามภาษา ตามดินแดนและตามชาติของเขา
32คนเหล่านี้เป็นพงศ์พันธุ์ที่สืบมาจากบุตรของโนอาห์ ตามลำดับพงศ์ ตามชาติของพวกเขา และจากคนเหล่านี้ประชาชาติทั้งหลายในโลกก็กระจายออกไปภายหลังน้ำท่วม
ปฐมกาล 11
หอบาเบล
1ในเวลานั้นคนทั่วโลกพูดภาษาเดียวกัน และมีศัพท์สำเนียงเดียวกัน 2เมื่อย้ายไปทางทิศตะวันออก ก็พบทุ่งราบในดินแดนชินาร์ จึงตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นั่น 3แล้วพวกเขาก็พูดกันว่า “มาเถิด เราจงทำอิฐ และเผาให้สุกแข็ง” เขาจึงใช้อิฐต่างหิน และใช้ยางมะตอยต่างปูน 4พวกเขาจึงว่า “มาเถิด ให้เราสร้างเมืองขึ้นสำหรับเราและสร้างหอให้ยอดเทียมฟ้า ให้เราทำชื่อเสียงไว้ เพื่อเราจะไม่ถูกทำให้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินโลก” 5พระยาห์เวห์เสด็จลงมาทอดพระเนตรเมือง และหอที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น 6แล้วพระยาห์เวห์ตรัสว่า “ดูสิ คนเหล่านี้เป็นชนชาติเดียวหมด มีภาษาเดียว นี่เป็นเพียงเบื้องต้นของสิ่งที่พวกเขาจะทำ และบัดนี้ไม่มีอะไรยับยั้งทุกสิ่งที่พวกเขาคิดจะทำ 7มาเถิด ให้เราลงไป ทำให้ภาษาของพวกเขาวุ่นวายที่นั่น เพื่อไม่ให้พวกเขาเข้าใจภาษาของกันและกันได้” 8พระยาห์เวห์จึงทรงทำให้พวกเขากระจัดกระจายจากที่นั่นไปทั่วพื้นแผ่นดิน คนเหล่านั้นก็เลิกสร้างเมืองนั้น 9เหตุฉะนี้จึงเรียกเมืองนั้นว่าบาเบล เพราะว่าที่นั่นพระยาห์เวห์ทรงทำให้ภาษาของทั้งโลกวุ่นวายไป และพระยาห์เวห์ทรงทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วพื้นแผ่นดิน
อรรถาธิบาย
แหล่งของความรักและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ความรัก ปกคลุมและปกป้อง ไม่พยายามมองหาจุดอ่อนและข้อบกพร่องของผู้อื่น ไม่ยินดีในความเคราะห์ร้ายของผู้อื่น
พระธรรมตอนนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องราวที่ค่อนข้างแปลกเมื่อครั้งที่โนอาห์เมา ความจริงก็คือการที่เขาเป็นคนชอบธรรมไม่ได้หมายความว่าเขาสมบูรณ์แบบ เชมและยาเฟทได้รับการยกย่องเพราะพวกเขา ‘เข้าไปปกปิดกายของบิดาที่เปลือยอยู่’ (9:23)
ความรักนั้นจับมือมาคู่กับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หอคอยบาเบลเป็นสัญลักษณ์ของความแตกแยก (11:1-9) ผู้คนกล่าวว่า ‘มาเถิด ให้เราสร้างเมืองขึ้นสำหรับเราและสร้างหอให้ยอดเทียมฟ้า ให้เราทำชื่อเสียงไว้’ (ข้อ 4) การกระทำที่ความเย่อหยิ่งและโหยหาอำนาจนี้นำไปสู่ความแตกแยกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสับสนของภาษาต่าง ๆ ในโลก ‘เพราะว่าที่นั่นพระยาห์เวห์ทรงทำให้ภาษาของทั้งโลกวุ่นวายไป และพระยาห์เวห์ทรงทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วพื้นแผ่นดิน’ (ข้อ 9)
วันเพ็นเทคอสต์เป็นการพลิกกลับของบาเบล พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้ผู้คนพูดกันว่า ‘ทำไมเราทุกคนถึงได้ยินพวกเขาพูดภาษาของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา’ (กิจการ 2:8) ของประทานจากภาษาพูดแปลก ๆ เป็นสัญลักษณ์ของความจริงที่ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพลิกผันการแตกแยกของบาเบลและรวมชนชาติและภาษาทั้งหมดเข้าด้วยกัน
นี่เป็นประสบการณ์ที่พบได้ในทุกวันนี้ ที่เห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำความรักและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวเข้ามาในคริสตจักร ภาษาต่างกันและทุกชนชาติ
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
มัทธิว 4:24
‘พวกเขาจึงพาคนทั้งหลายที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ...พระองค์ก็ทรงรักษาเขาให้หาย’
ฉันจะอธิษฐานให้ใครก็ตามที่ฉันรู้จักที่ป่วยหรือทุกข์ทรมานในวันนี้ เป็นรายการที่ค่อนข้างยาวทีเดียว
ข้อพระคำประจำวัน
สดุดี 4:8
‘ข้าพระองค์จะเอนกายลงนอนหลับอย่างเป็นสุขข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)