วิธีถวายเกียรติองค์พระผู้เป็นเจ้า
เกริ่นนำ
ผู้คนหนึ่งพันล้านคนได้ดูการกู้ภัยครั้งสำคัญ ในวันที่ 13 ตุลาคม 2010 เวลาสี่ทุ่ม (GMT) โฮเซ่ เฮนริกซ์ กอนซาเลซ โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินลึก 2,300 ฟุต หลังจากที่ตกลงไปเป็นเวลา 69 วันจากเหตุการณ์เหมืองซาน โฮเซ่ ถล่มทางตอนเหนือของประเทศชิลี
เดิมทีมีความคิดว่าไม่น่าจะมีใครรอดออกมาได้จากการถล่มครั้งนี้ หรือทั้งสามสิบสามชีวิตที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินคงหิวจนตายก่อนที่พวกเขาจะถูกพบ
หลายคนในนั้นเคยเป็นทั้งอเทวนิยม (atheists -ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า แต่เชื่อในกฎธรรมชาติ) อไญยนิยม (agnostics - ผู้ที่อ้างว่าไม่อาจพิสูจน์ได้ว่ามีหรือไม่มีพระเจ้า) คนไม่มีศาสนา หรือคนที่เชื่อเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ โฮเซ่ เฮนริกซ์ กอนซาเลซ ได้ถูกขนานนามว่าเป็น ‘นักประกาศ’ เพราะเขานำผู้คนมากมายมาสู่ความเชื่อพระเยซูคริสต์ เขาก่อตั้งและนำกลุ่มอธิษฐาน เขานำเฝ้าเดี่ยววันละ 2 ครั้ง กับพระคัมภีร์เล่มน้อยอีก 33 เล่มที่เพื่อน ๆ ส่งลงมาให้
พวกเขาเป็นพยานว่ามีบุคคลที่ 34 อยู่ด้วย จิมมี่ ซานเช่ คนงานเหมืองอายุ 19 ปี กล่าวว่า ‘เรามีกันทั้งหมด 34 คน เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งเราไปไหน’ พระเยซูทรงอยู่ที่นั่นกับพวกเขา เมื่อพวกเขาออกมาจากเหมืองนั้นได้สำเร็จ ก็ได้พบว่าทีมกู้ภัยทุกคนใส่เสื้อเหมือนกัน ด้านหน้าเขียนว่า ‘ขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า’ และที่ด้านหลังเขียนไว้ว่า ‘ขอพระเกียรติและพระสิริจงมีแด่พระองค์’
ผมได้รับเกียรติที่ได้สัมภาษณ์ โฮเซ่ เฮนริกซ์ กอนซาเลซ ที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตั้น ‘วีรบุรุษตัวจริงคือพระเยซูคริสต์’ เขากล่าว ‘พระองค์ควรเป็นวีรบุรุษเพียงผู้เดียวที่ควรถูกกล่าวถึง นอกเหนือจากสิ่งที่มนุษย์ได้ทำไปทั้งในและนอกเหมือง พระองค์เป็นผู้เดียวที่คู่ควรแก่พระเกียรติและพระสิริ’
พระเยซูสอนเราให้อธิษฐานว่า พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ(มัทธิว 6:9) ความกลัวอันยิ่งใหญ่ของผมคือ ผมอาจทำหรือพูดบางอย่างที่ทำให้พระนามพระเจ้าเสื่อมพระเกียรติ ความต้องการส่วนลึกที่สุดของผมคือการได้เห็นพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้รับเกียรติอีกครั้งในสังคมของเรา
คุณควรทำตัวอย่างไรเพื่อจะได้เห็นพระนามของพระองค์ได้รับเกียรติ?
สุภาษิต 30:24-33
24มีสี่สิ่งในโลกที่เล็กเหลือเกิน
แต่มีปัญญามากเหลือล้น
25มด เป็นประชากรที่ไม่แข็งแรง
แต่มันยังเตรียมอาหารของมันไว้ในฤดูแล้ง 26ตัวกระจงผา เป็นประชากรที่ไม่มีกำลัง แต่มันยังสร้างบ้านของมันในซอกหิน 27ตั๊กแตนปาทังก้าไม่มีราชา แต่มันทั้งหมดยังเดินขบวนเป็นแถว 28จิ้งจกนั้น เจ้าเอามือจับได้ แต่มันยังอยู่ในพระราชวัง 29มีสามสิ่งที่เยื้องย่างได้สง่างาม มีสี่สิ่งที่เดินได้สง่างาม 30คือ สิงโตซึ่งเป็นสัตว์ที่มีกำลังมากที่สุดในหมู่สัตว์ และไม่ยอมหันหลังให้สิ่งใดเลย 31พ่อไก่ที่เดินป้ออยู่ แพะผู้ และพระราชาที่ทรงดำเนินอยู่หน้าประชาชนของพระองค์ 32ถ้าเจ้าเป็นคนโง่เขลาและพูดยกย่องตนเอง หรือถ้าเจ้าคิดแผนชั่ว จงเอามือปิดปากไว้ 33`เพราะเมื่อกวนน้ำนมก็ได้เนย
เมื่อบีบจมูกก็ได้โลหิต
และเมื่อกวนโทโสก็ได้การวิวาท
อรรถาธิบาย
เร้าให้เกิดแต่การดี ไม่ใช่การร้าย
ทั้งชีวิตของเรา ควรอุทิศให้กับการยกชูพระนามของพระเยซูไม่ใช่ตัวเราเอง ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตกล่าวว่า ‘ถ้าเจ้าเป็นคนโง่เขลาและพูดยกย่องตนเอง หรือถ้าเจ้าคิดแผนชั่ว จงเอามือปิดปากไว้ เพราะเมื่อกวนน้ำนมก็ได้เนย เมื่อบีบจมูกก็ได้โลหิต และเมื่อกวนโทโสก็ได้การวิวาท’ (ข้อ 32–33) เราเรียกคนนั้นว่า ‘ตัวกวน’ ถ้าพวกเขาเร้าให้เกิดการโต้เถียง ความขัดแย้ง และความโกรธ
สิ่งที่ตรงกันข้ามคือเร้าให้เกิดแต่สิ่งดี พยายามที่จะเป็นคนที่ไม่กวนโมโห แต่เร้าให้เกิดสิ่งดีแทน อย่าพยายามที่จะยกตัวเองขึ้น แต่ให้ยกย่องพระเยซูเท่านั้น พยายามถวายเกียรติแก่พระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ
คำอธิษฐาน
วิวรณ์ 9:13-10:11
13เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่หกเป่าแตรขึ้น ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงหนึ่งออกมาจากเชิงงอนมุม[ทั้งสี่]ของแท่นบูชาทองคำ ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า 14เสียงนั้นกล่าวกับทูตสวรรค์องค์ที่หกที่ถือแตรนั้นว่า “จงปล่อยทูตสวรรค์ทั้งสี่ที่ถูกมัดไว้ที่แม่น้ำใหญ่คือแม่น้ำยูเฟรติสนั้น” 15แล้วทูตสวรรค์ทั้งสี่ก็ถูกปล่อย พวกเขาได้รับการเตรียมไว้สำหรับชั่วโมง วัน เดือนและปี เพื่อจะฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งส่วนสาม 16จำนวนกองทหารม้าคือสองร้อยล้าน ข้าพเจ้าได้ยินจำนวนของพวกเขา 17ในนิมิตนั้น ข้าพเจ้าเห็นม้าทั้งหลายเป็นอย่างนี้คือ ผู้ที่นั่งบนหลังม้าพวกนั้นมีเกราะป้องกันอกสีแดงเพลิง สีน้ำเงินคราม และสีเหลืองกำมะถัน หัวม้าทั้งหลายเหมือนอย่างหัวสิงโต มีไฟ ควัน และกำมะถันพลุ่งออกจากปากของมัน 18มนุษย์ถูกฆ่าหนึ่งส่วนสามด้วยภัยพิบัติสามอย่างนี้ คือ ไฟ ควัน และกำมะถันที่พลุ่งออกจากปากของมัน 19เพราะว่าอำนาจของม้านั้นอยู่ที่ปากและที่หางของมัน เพราะหางของพวกมันเหมือนงูที่มีหัวซึ่งพวกมันใช้ทำร้ายคนได้
20มนุษย์ที่เหลืออยู่ที่ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัติเหล่านี้ ไม่ได้กลับใจจากการกระทำที่เกิดจากน้ำมือของพวกเขา ไม่ได้เลิกบูชาผีและรูปเคารพต่างๆ ที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ หินและไม้ ซึ่งไม่สามารถดู หรือฟัง หรือเดิน 21และพวกเขาก็ไม่ได้กลับใจจากการฆาตกรรม หรือจากการใช้เวทมนตร์ หรือจากการล่วงประเวณี หรือจากการลักขโมย
วิวรณ์ 10
ทูตสวรรค์และหนังสือม้วนเล็ก
1และข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อีกองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ มีเมฆห่อหุ้มตัวท่านและมีรุ้งบนศีรษะของท่าน หน้าของท่านเหมือนอย่างดวงอาทิตย์ และขาของท่านเหมือนอย่างเสาเพลิง 2ท่านถือหนังสือม้วนเล็กๆ ที่เปิดอยู่ในมือของท่าน เท้าขวาของท่านยืนอยู่บนทะเล เท้าซ้ายของท่านยืนอยู่บนบก 3ท่านร้องเสียงดังดุจเสียงสิงโตคำราม เมื่อท่านร้อง เสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดก็พูดขึ้นมา 4และเมื่อเสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดพูดขึ้นมา ข้าพเจ้าก็เริ่มลงมือเขียน แต่ข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์บอกว่า “จงผนึกตราปิดข้อความที่ฟ้าร้องทั้งเจ็ดพูดออกมานั้น อย่าเขียนลงไป” 5แล้วทูตสวรรค์องค์ที่ข้าพเจ้าเห็นยืนอยู่ทั้งบนทะเลและบนบกนั้น
ยกมือขวาขึ้นสู่ท้องฟ้า
6และสาบานโดยอ้างพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์
ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ และสรรพสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ ผู้ทรงสร้างแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินโลก ผู้ทรงสร้างทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในทะเล ว่าจะไม่มีการเนิ่นนานอีกต่อไป 7แต่ในวันเวลาที่มีเสียงแตรจากทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดที่กำลังจะเป่าแตรนั้น ความล้ำลึกของพระเจ้าจะเสร็จสมบูรณ์ เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงประกาศแก่บรรดาผู้เผยพระวจนะซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
8และเสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินจากสวรรค์นั้น กล่าวกับข้าพเจ้าอีกว่า “จงไปรับหนังสือม้วนที่เปิดอยู่ในมือของทูตสวรรค์องค์ที่ยืนอยู่ทั้งบนทะเลและบนบกนั้น” 9ข้าพเจ้าจึงไปหาทูตสวรรค์องค์นั้น และขอให้มอบหนังสือม้วนเล็กแก่ข้าพเจ้า ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เอาไปเถิด แล้วกินให้หมด มันจะทำให้ท้องของเจ้าขม แต่เมื่ออยู่ในปากของเจ้ามันจะหวานเหมือนอย่างน้ำผึ้ง” 10ข้าพเจ้าจึงรับหนังสือม้วนเล็กนั้นจากมือของทูตสวรรค์แล้วก็กินจนหมด ขณะที่มันอยู่ในปากของข้าพเจ้านั้นมันก็หวานเหมือนอย่างน้ำผึ้ง แต่เมื่อกินเข้าไปแล้ว ท้องของข้าพเจ้าก็ขม 11แล้วมีผู้บอกข้าพเจ้าว่า “เจ้าต้องเผยพระวจนะอีกครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับชนชาติต่างๆ ประชาชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ และกษัตริย์จำนวนมาก”
อรรถาธิบาย
พูดเรื่องของพระเยซูคริสต์
คุณถวายเกียรติพระนามพระเยซูเมื่อคุณบอกโลกเกี่ยวกับพระองค์ ไม่ใช่ทุกคนจะสนใจ แต่บางคนจะสนใจ สำหรับคนที่เชื่อ ข้อความเหล่านี้จะ ‘หวานเหมือนอย่างน้ำผึ้ง’ (10:9) และชีวิตของพวกเขาจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยพระเยซู
สัญญาณเตือนร้ายแรงของการพิพากษาดำเนินต่อไปด้วยทูตสวรรค์องค์ที่ 6 ที่เป่าแตร จะเกิด สงครามอันน่าสยดสยอง(‘จำนวนกองทหารม้าคือสองร้อยล้าน’, 9:16) การตายอย่างทารุณ และบาดเจ็บสาหัส
ศตวรรษที่ 20 น่าจะเป็นช่วงที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการทำสงคราม แต่การกลับใจใหม่นั้นกลับเกิดขึ้นเพียงน้อยนิด
‘มนุษย์ที่เหลืออยู่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัติเหล่านี้ ไม่ได้กลับใจจากการกระทำที่เกิดจากน้ำมือของพวกเขา... พวกเขาไม่ได้กลับใจจากการฆาตกรรม หรือจากการใช้เวทมนตร์ หรือจากการล่วงประเวณี หรือการลักขโมย’ (ข้อ 20–21 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณแค่ดูข่าว คุณจะพบว่าคำเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในยุคของเรา
จากนั้นยอห์นได้เห็น ‘ทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อีกองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์’ (10:1) ดูเหมือนจะเป็นองค์พระเยซูเอง มีเมฆห่อหุ้มตัวท่าน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการทรงสถิตของพระเจ้า และมีรุ้งบนศีรษะของท่าน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระสัญญาของพระเจ้า ‘หน้าของท่านเหมือนอย่างดวงอาทิตย์ และขาของท่านเหมือนอย่างเสาเพลิง’ (ข้อ 1) สิ่งนี้นั้นคล้ายคลึงกับการบรรยายถึงพระเยซูในบทแรกของพระธรรมวิวรณ์ (1:12–16)
‘ท่านร้องเสียงดังดุจเสียงสิงโตคำราม’ (10:3) พระเยซูคือ ‘สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์’ (5:5) (ในบทของวันนี้จากพระธรรมสุภาษิต สิงโตถูกพรรณาไว้ว่าเป็น ‘ราชาแห่งสัตว์ทั้งปวง,ไม่ยอมหันหลังให้สิ่งใดเลย’สุภาษิต 30:30, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูให้หนังสือม้วนเล็กแก่ยอห์น และบอกให้เขารับมันและกินมัน ‘มันจะทำให้ท้องของเจ้าขม แต่เมื่ออยู่ในปากของเจ้ามันจะหวานเหมือนอย่างน้ำผึ้ง’ (วิวรณ์ 10:9) สารแห่งพระกิตติคุณจะมีรสขมสำหรับคนที่ปฏิเสธ แต่สำหรับทุกคนผู้ยอมรับจะ ‘หวานเหมือนอย่างน้ำผึ้ง’ (ข้อ 9)
จากนั้นยอห์นถูกบอกให้กล่าวข้อความนี้ออกมา ‘แล้วมีผู้บอกข้าพเจ้าว่า “เจ้าต้องเผยพระวจนะอีกครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับชนชาติต่างๆ ประชาชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ และกษัตริย์จำนวนมาก”’ (ข้อ 11)
คำอธิษฐาน
เอสรา 2:68-4:5
68หัวหน้าครอบครัวบางคน เมื่อเขามาถึงพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็มได้ถวายตามความสมัครใจเพื่อพระนิเวศของพระเจ้า เพื่อจะสร้างพระนิเวศขึ้นในที่เดิม 69เขาถวายตามกำลังของเขาแก่กองทรัพย์เพื่องานนี้ เป็นทองคำ 500 กิโลกรัม เงิน 2,800 กิโลกรัม และเครื่องแต่งกายปุโรหิต 100 ตัว
70พวกปุโรหิต คนเลวี และประชาชนส่วนหนึ่ง และนักร้อง คนเฝ้าประตู และบ่าวไพร่ประจำพระวิหารอยู่ตามเมืองของตน และอิสราเอลทั้งปวงอยู่ตามเมืองของเขา
เอสรา 3
รื้อฟื้นการนมัสการที่เยรูซาเล็ม
1เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด พงศ์พันธุ์อิสราเอลอยู่ตามเมืองต่างๆ ประชาชนได้มาชุมนุมพร้อมกันที่เยรูซาเล็ม 2แล้วเยชูอาบุตรโยซาดักพร้อมกับพี่น้องปุโรหิตด้วยกัน และเศรุบบาเบล บุตรเชอัลทิเอลพร้อมกับญาติของเขา ได้เริ่มงานสร้างแท่นบูชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวบนนั้น ตามที่บันทึกไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า 3พวกเขาได้ตั้งแท่นบูชาไว้บนฐานของมันเพราะเขากลัวชนชาติทั้งหลายในแผ่นดินเหล่านั้นและเขาถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวบนแท่นนั้นแด่พระยาห์เวห์ เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวเวลาเช้าและเวลาเย็น 4และเขาถือเทศกาลอยู่เพิง ตามที่บันทึกไว้ และถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวประจำวันตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดให้ทำในแต่ละวัน 5ต่อมาก็ถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวเนืองนิตย์ ถวายเครื่องบูชาในวันขึ้นหนึ่งค่ำ และตามเทศกาลกำหนดทั้งหมดของพระยาห์เวห์ และถวายเครื่องบูชาตามใจสมัครของทุกคนแด่พระยาห์เวห์ 6เขาเริ่มต้นถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ตั้งแต่วันแรกของเดือนที่เจ็ด แต่เขายังไม่ได้วางรากฐานพระวิหารของพระยาห์เวห์ 7พวกเขาจึงให้เงินแก่ช่างสกัดหิน และช่างไม้ และมอบอาหารเครื่องดื่มและน้ำมันแก่คนไซดอนและคนไทระ เพื่อให้นำไม้สนสีดาร์มาจากเลบานอนไปถึงทะเล ถึงเมืองยัฟฟาตามที่พวกเขาได้รับอนุญาตมาจากไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย
วางรากฐานพระวิหาร
8ในปีที่สองซึ่งเขามาถึงพระนิเวศของพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม ในเดือนที่สอง เศรุบบาเบล บุตรเชอัลทิเอลและเยชูอา บุตรโยซาดัก ได้ทำการตั้งต้นพร้อมพี่น้องของเขาที่เหลืออยู่ คือ พวกปุโรหิตและชนเลวีและคนทั้งปวง ซึ่งมาจากการเป็นเชลยยังเยรูซาเล็ม เขาได้เลือกตั้งคนเลวี ตั้งแต่อายุยี่สิบปีขึ้นไป เพื่อให้ดูแลการงานของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 9และเยชูอาได้ลุกขึ้น กับบุตรและพี่น้องของท่าน คือขัดมีเอล และบุตรของเขา คือพงศ์พันธุ์โฮดาวิยาห์ร่วมกันควบคุมคนงานในพระนิเวศของพระเจ้า คือบุตรเฮนาดัด พร้อมกับบุตรและญาติของเขาผู้เป็นคนเลวี
10และเมื่อช่างก่อสร้างได้วางรากของพระวิหารแห่งพระยาห์เวห์ พวกปุโรหิตก็แต่งเครื่องยศออกมาพร้อมกับแตรและคนเลวี พงศ์พันธุ์ของอาสาฟ พร้อมกับฉาบ ถวายสรรเสริญพระยาห์เวห์ตามพระราชกำหนดของดาวิด กษัตริย์แห่งอิสราเอล 11และพวกเขาร้องเพลงตอบกัน สรรเสริญและขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์ว่า
“เพราะพระองค์ประเสริฐ
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ต่ออิสราเอล”
และประชาชนทั้งปวงก็โห่ร้องด้วยเสียงดังเมื่อเขาสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะว่ารากฐานของพระนิเวศของพระยาห์เวห์วางเสร็จแล้ว 12แต่พวกปุโรหิตและคนเลวีและหัวหน้าตระกูลหลายคน คือคนแก่ผู้ได้เห็นพระนิเวศหลังก่อน เมื่อเห็นรากฐานของพระนิเวศหลังนี้ได้วางแล้ว จึงร้องไห้ด้วยเสียงดัง แต่คนเป็นอันมากได้โห่ร้องด้วยความชื่นบาน 13ประชาชนจึงแยกไม่ออกระหว่างเสียงโห่ร้องด้วยความชื่นบาน และเสียงประชาชนร้องไห้ เพราะประชาชนโห่ร้องเสียงดังมาก และเสียงนั้นก็ได้ยินไปไกล
เอสรา 4
ต่อต้านงานสร้างพระวิหารขึ้นใหม่
1เมื่อศัตรูของยูดาห์และเบนยามินได้ยินว่า พวกที่ถูกกวาดไปเป็นเชลย กำลังสร้างพระวิหารถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 2พวกเขาได้เข้ามาหาเศรุบบาเบลและหัวหน้าของตระกูล และพูดกับพวกเขาว่า “ให้เราสร้างด้วยกันกับท่าน เพราะว่าพวกเรานมัสการพระเจ้าของท่านอย่างท่านทั้งหลาย และเราได้ถวายสัตวบูชาแด่พระองค์ ตั้งแต่วันที่เอสารฮัดโดนกษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้นำเรามาที่นี่” 3แต่เศรุบบาเบล เยชูอา และคนอื่นๆ ที่เป็นหัวหน้าของตระกูลในอิสราเอล พูดกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านไม่มีส่วนกับเราในการสร้างพระนิเวศถวายแด่พระเจ้าของเรา แต่พวกเราเท่านั้นจะสร้างถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตามที่กษัตริย์ไซรัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซียทรงบัญชาไว้แก่เรา”
4แล้วประชาชนแห่งแผ่นดินนั้นได้ทำให้ประชาชนยูดาห์ท้อถอย และทำให้พวกเขากลัวที่จะสร้าง 5และได้จ้างที่ปรึกษาไว้ขัดขวางเขาไม่ให้บรรลุจุดประสงค์ของเขา ตลอดรัชกาลของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย แม้ถึงรัชกาลของดาริอัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย
อรรถาธิบาย
เสียสละเพื่อเกียรติแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า
เราไม่ควรคาดหวังชีวิตที่ปลอดปัญหา พระเยซูเตือนเราว่า ในชีวิตนี้เราจะเจอกับความยากลำบาก (ยอห์น 16:33) ความเชื่อไม่ได้ช่วยให้เราพ้นจากปัญหา อย่าจดจ่อที่ปัญหา แต่จดจ่อที่ผู้ซึ่งจะนำคุณให้ผ่านพ้นมันไปได้ และเต็มใจที่จะเสียสละเพื่อนำเกียรติมาสู่พระนามของพระองค์
ประชากรของพระเจ้าปรารถนาที่จะสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อพระวิหารนั้นได้ถูกทำลายลงโดยชาวบาบิโลนทำให้พระนามของพระเจ้าเสียพระเกียรติ ตอนนี้เป็นโอกาสของพวกเขาแล้วที่จะสร้างพระวิหารขึ้นมาใหม่ และได้เห็นพระนามของพระเจ้าได้รับพระเกียรติอีกครั้ง
พวกเขาเจิมตั้งคนเผ่าเลวีที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไป เพื่อมาดูแลการก่อสร้างพระนิเวศแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า (เอสรา 3:8) นี่ตัวอย่างที่ดีในการแต่งตั้งผู้นำที่อายุยังน้อย พวกเขายินดีที่จะสละทรัพย์สิ่งของและเงินทองของตนเอง ‘เขาถวายตามกำลังของเขาแก่กองทรัพย์เพื่องานนี้ เป็นทองคำ 500 กิโลกรัม เงิน 2,800 กิโลกรัม และเครื่องแต่งกายปุโรหิต 100 ตัว’ (เอสรา 2:68-69)
การถวายเป็นส่วนสำคัญมากในการนมัสการและการรับใช้พระเจ้าของคุณ การถวายของคุณไม่ควรเป็นไปด้วยความฝืนใจหรือโดนบังคับ แต่ทำด้วยใจที่กว้างขวาง‘ถวายตามความสมัครใจ’ อย่าเปรียบเทียบการให้ของคุณกับผู้อื่น แต่ถวายตามกำลัง สิ่งดีเรื่องการถวายในครั้งนี้ก็คือ พวกเขาทุกคนต่างถวายตามความสามารถและกำลังของตัวเอง และในที่สุดพวกเขาก็มีทรัพย์เพียงพอสำหรับงานนี้
ถ้าทุกคนในคริสตจักรถวายด้วยความเสียสละ ด้วยใจกว้างขวาง ตามความสามารถของแต่ละคน แผ่นดินของพระเจ้าจะถูกขยายออกไปอย่างรวดเร็ว และพระนามของพระองค์จะได้รับเกียรติ
แม้ว่าจะมีการต่อต้านอยู่โดยรอบ (‘เขากลัวชนชาติทั้งหลายในแผ่นดิน’, 3:3ก) พวกเขาเริ่มนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกครั้งและถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ ในวันนี้ การนมัสการพระเจ้าโดยการมอบกายของคุณให้เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต (โรม 12:2) หมายถึง การที่คุณมอบถวายทุกสิ่งที่คุณมี ทุกสิ่งที่คุณเป็น เพื่อถวายเกียรติแด่พระนามของพระองค์
พวกเขาไม่ได้รอจนพระวิหารเสร็จสมบูรณ์ก่อนแล้วค่อยเริ่มนมัสการ ในทันทีที่การวางรากฐานของพระนิเวศสำเร็จ ‘และพวกเขาร้องเพลงตอบกัน สรรเสริญและขอบพระคุณแด่พระยาห์เวห์ว่า: “เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงค์เป็นนิตย์ต่ออิสราเอล” และประชาชนทั้งปวงก็โห่ร้องด้วยเสียงดังเมื่อเขาสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะว่ารากฐานของพระนิเวศของพระยาห์เวห์วางเสร็จแล้ว’ (เอสรา 3:11)
การนมัสการอย่างฮึกเหิมไม่ได้เป็นแค่ปรากฏการณ์ร่วมสมัยเท่านั้น! ‘คนเป็นอันมากได้โห่ร้องด้วยความชื่นบาน และเสียงนั้นก็ได้ยินไปไกล’ (ข้อ 12ข-13) แต่แม้จะมีผู้ที่โห่ร้องด้วยความชื่นบาน แต่พวกผู้อาวุโสของชุมชน ‘เมื่อเห็นรากฐานของพระนิเวศหลังนี้ได้วางแล้ว จึงร้องไห้ด้วยเสียงดัง’ (ข้อ 12ก)
นี่อาจจะเป็นเพราะว่าหินที่นำมาใช้นั้นมีขนาดเล็กกว่าพระวิหารเดิม และไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม เป็นสิ่งเตือนใจว่าพระวิหารนี้ไม่ใช่คำตอบแต่เป็นเหมือนเงาสะท้อนล่วงหน้าของพระนิเวศของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นก็คือ ประชากรของพระเจ้า โดยมีพระเยซูเป็นศิลามุมเอก (เอเฟซัส 2:19-22)
การสร้างพระวิหารนั้นถูกต่อต้าน: ‘...ประชาชนแห่งแผ่นดินนั้นได้ทำให้ประชาชนยูดาห์ท้อถอย และทำให้พวกเขากลัวที่จะสร้าง และได้จ้างที่ปรึกษาไว้ขัดขวางเขาไม่ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของเขา ตลอดรัชการของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย แม้ถึงรัชกาลของดาริอัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย’ (เอสรา 4:4-5)
เมื่อคุณเริ่มถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า คุณอาจจะถูกต่อต้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคริสตจักรขึ้นใหม่ในวันนี้ หรืองานอื่น ๆ แห่งแผ่นดินของพระเจ้า ล้วนแล้วแต่ต้องมีการต่อต้านเกิดขึ้น การต่อต้านเหล่านี้ถ่วงให้ช้าลง แต่ไม่สามารถที่จะมีชัยชนะเหนือเราได้
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
วิวรณ์ 10:1-3
‘และข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อีกองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ มีเมฆห่อหุ้มตัวท่านและมีรุ้งบนศีรษะของท่าน หน้าของท่านเหมือนอย่างดวงอาทิตย์ และขาของท่านเหมือนอย่างเสาเพลิง... เท้าขวาของท่านยืนอยู่บนทะเล เท่าซ้ายของท่านยืนอยู่บนบก ท่านร้องเสียงดังดุจเสียงสิงโตคำราม...’
เราอาจรู้สึกราวกับว่าโลกนี้อยู่นอกการควบคุม แต่พระเจ้าของเราทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
ข้อพระคำประจำวัน
วิวรณ์ 10:1
‘…หน้าของท่านเหมือนอย่างดวงอาทิตย์’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)