วัน 353

กษัตริย์ของคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 145:1-7
พันธสัญญาใหม่ วิวรณ์ 11:1-19
พันธสัญญาเดิม เอสรา 4:6-5:17

เกริ่นนำ

การเสด็จพระราชสมภพของเจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์ในเดือนกรกฏาคม 2013 นำมาซึ่งความชื่นชมยินดี และการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์ในอนาคตของประเทศอังกฤษ และเป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 3 ของการครองราชย์แห่งราชวงศ์อังกฤษ

สหราชอาณาจักร ถูกปกครองโดยกษัตริย์และราชินีมานับศตวรรษ และราชวงศ์ของเราเป็นส่วนสำคัญของชีวิตชนทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์ในยุคปัจจุบันมีอำนาจที่จำกัด ตรงกันข้ามยุคโบราณ ที่ความเป็นกษัตริย์มีอำนาจเหนือทุกสิ่งอย่าง และกษัตริย์ทรงเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดในทุกด้านของราชการแห่งชาติ ในพันธสัญญาเดิมตอนนี้ เราอ่านถึงการปกครองของกษัตริย์แห่งเปอร์เซียและอิสราเอล แต่ควบคู่ไปกับสิ่งนี้ แต่ละตอนที่เราอ่านยังชี้ไปที่กษัตริย์ผู้ทรงยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือ พระเจ้า

แนวคิดสำคัญในคำสอนของพระเยซู คือ แผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งไม่ได้สื่อถึงอาณาจักรทางการเมืองหรือในแง่ภูมิประเทศ แต่สื่อถึงเจตนาของพระราชกิจ การปกครองและการครอบครอง แผ่นดินของพระเจ้า หมายถึง ‘การปกครองและการครอบครองของพระเจ้า

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 145:1-7

ความยิ่งใหญ่และความดีของพระเจ้า

บทเพลงสรรเสริญของดาวิด
1ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์
 ข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์เป็นนิตย์นิรันดร์
2ทุกๆ วัน ข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระองค์
 ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระนามของพระองค์เป็นนิตย์นิรันดร์
3พระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่ และสมควรจะสรรเสริญอย่างยิ่ง
 ความใหญ่ยิ่งของพระองค์นั้นเหลือจะหยั่งรู้ได้
4คนรุ่นหนึ่งจะยกย่องพระราชกิจของพระองค์ ให้คนอีกรุ่นหนึ่งฟัง
 และจะประกาศกิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์
5ข้าพระองค์จะตรึกตรองถึงความยิ่งใหญ่ในศักดิ์ศรีอันสูงส่งของพระองค์
 และตรึกตรองถึงการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์
6มนุษย์จะกล่าวถึงอานุภาพแห่งกิจการอันน่าเกรงขามของพระองค์
 และข้าพระองค์จะเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
7เขาทั้งหลายจะเล่าขานถึงคุณความดีอันอุดมของพระองค์ออกมา
 และจะร้องเพลงด้วยความยินดีถึงความชอบธรรมของพระองค์

อรรถาธิบาย

นมัสการองค์จอมกษัตริย์ของคุณ

‘ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ และจะถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์เป็นนิตย์นิรันดร์’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ดาวิดนมัสการองค์จอมกษัตริย์แห่งสรรพสิ่งทั้งปวง: ‘ข้าพระองค์ยกย่องพระองค์ในการสรรเสริญ’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขากล่าวต่อไปว่า ‘ความยิ่งใหญ่ในศักดิ์ศรีอันสูงส่งของพระองค์’ (ข้อ 5ก) และ ‘พระสิริแห่งราชอาณาจักรของพระองค์” (ข้อ 11) ‘ศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่แห่งราชอาณาจักรของพระองค์’ (ข้อ 12) และ ‘ราชอาณาจักรของพระองค์เป็นราชอาณาจักรนิรันดร์ และการครอบครองของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์’ (ข้อ 13)

เขานมัสการองค์จอมกษัตริย์ของเขาทุกวัน: ‘ทุก ๆ วันข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระองค์’ (ข้อ 2ก) และกล่าวว่าเขาจะนมัสการต่อไป ‘บัดนี้จนถึงนิตย์นิรันดร์’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาสามารถ ‘นมัสการอย่างไม่หยุดหย่อน’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดาวิดแต่งบทเพลงแห่งการนมัสการ: ‘ข้าพระองค์แต่งเพลงจากการอัศจรรย์ของพระองค์’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

สรรเสริญพระเจ้าในอำนาจและการปกครองของพระองค์ และใน ‘คุณความดีอันอุดมของพระองค์และ ... ความชอบธรรมของพระองค์’ (ข้อ 7) ความชื่นบาน และความปิติยินดีของพระธรรมสดุดี เกิดจากความจริงสองประการที่ว่าพระเจ้าเป็นกษัตริย์ และพระเจ้าทรงแสนดีคุณสามารถวางใจได้ว่า พระองค์ทรงควบคุมอยู่ และนี่คือข่าวดี!

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ครอบครอง พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งกัลปจักรวาล พระองค์ทรงสมควรแก่การสรรเสริญของข้าพระองค์ ทุก ๆ วันข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์
พันธสัญญาใหม่

วิวรณ์ 11:1-19

พยานทั้งสอง

 1แล้วข้าพเจ้าได้รับมอบไม้อ้อท่อนหนึ่งรูปร่างเหมือนไม้วัด และได้รับคำสั่งว่า “จงลุกขึ้น และไปวัดพระวิหารของพระเจ้า และแท่นบูชา และคำนวณคนที่นมัสการในนั้น 2แต่ลานชั้นนอกของพระวิหารนั้นให้เว้นไว้ไม่ต้องวัด เพราะว่าที่นั่นได้มอบให้กับคนต่างชาติแล้ว และเขาจะเหยียบย่ำวิสุทธินครตลอดสี่สิบสองเดือน 3เราจะให้ฤทธานุภาพแก่พยานทั้งสองของเรา และทั้งสองจะเผยพระวจนะตลอดหนึ่งพันสองร้อยหกสิบวันโดยแต่งตัวด้วยผ้ากระสอบ
 4“พยานทั้งสองนั้นคือต้นมะกอกสองต้นและคันประทีปสองอันที่ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินโลก 5ถ้าใครคิดจะทำร้ายพยานทั้งสอง ไฟก็จะพลุ่งออกจากปากของทั้งสองและเผาผลาญศัตรูเหล่านั้น ใครที่คิดทำร้ายพยานทั้งสองก็จะต้องตายอย่างนั้น 6พยานทั้งสองมีสิทธิอำนาจที่จะปิดท้องฟ้าได้ เพื่อไม่ให้ฝนตกในระหว่างวันเหล่านั้นที่เขากำลังเผยพระวจนะ และมีสิทธิอำนาจเหนือน้ำที่จะเปลี่ยนมันเป็นเลือดได้ และมีสิทธิอำนาจกระหน่ำแผ่นดินโลกด้วยภัยพิบัติทุกอย่างกี่ครั้งก็ได้ตามที่ต้องการ 7และเมื่อเขาทั้งสองเสร็จสิ้นการเป็นพยานแล้ว สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากบาดาลลึกก็จะต่อสู้กับเขา มันจะชนะและฆ่าเขาทั้งสองเสีย 8และศพของเขาทั้งสองจะอยู่บนถนนในมหานครนั้น ที่เรียกตามภาษาอุปไมยว่าโสโดม และอียิปต์ซึ่งเป็นเมืองที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาถูกตรึงกางเขน 9คนจากชนชาติต่างๆ เผ่าต่างๆ ภาษาต่างๆ และประชาชาติต่างๆ จะมองดูศพเขาทั้งสองตลอดสามวันครึ่ง และไม่ยอมให้เอาศพไปวางไว้ในอุโมงค์เลย 10คนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกจะยินดีด้วยเรื่องเขาทั้งสอง พวกเขาจะรื่นเริงและจะให้ของขวัญแก่กันและกัน เพราะว่าผู้เผยพระวจนะทั้งสองคนนี้ได้ทรมานคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก” 11หลังจากนั้นสามวันครึ่ง ลมปราณจากพระเจ้าก็เข้าสู่ศพของเขา และเขาทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนด้วยขาตัวเอง คนทั้งหลายที่เห็นก็ตกอยู่ในความกลัวอย่างยิ่ง 12แล้วเขาทั้งสองได้ยินเสียงดังจากสวรรค์กล่าวว่า “จงขึ้นมาที่นี่เถิด” พวกศัตรูก็เห็นเขาทั้งสองขึ้นสู่สวรรค์ด้วยเมฆ 13และในเวลานั้นเองก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ยิ่ง เมืองนั้นก็ถล่มลงมาเสียหนึ่งส่วนสิบ มีคนตายเพราะแผ่นดินไหวเจ็ดพันคน และคนที่เหลืออยู่นั้นก็เกิดความหวาดกลัว และถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าแห่งสวรรค์ 14วิบัติอย่างที่สองผ่านไปแล้ว นี่แน่ะ วิบัติอย่างที่สามก็จะมาถึงในเร็วๆ นี้

แตรคันที่เจ็ด

 15แล้วทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เป่าแตรขึ้น และมีเสียงหลายๆ เสียงกล่าวขึ้นดังๆ ในสวรรค์ว่า

“อาณาจักรของโลกนี้กลับกลายเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว
 และเป็นของพระคริสต์ของพระองค์
 และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์”

 16และผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ของตนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ก็ทรุดตัวซบหน้าลงนมัสการพระเจ้า 17และทูลว่า

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
  ผู้ที่ทรงเป็นอยู่และผู้ที่ทรงเคยเป็นอยู่
 พวกข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์
เพราะพระองค์ทรงถือครองฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว
 และทรงเริ่มครอบครอง
18บรรดาประชาชาติมีความโกรธแค้น
 แต่พระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว
ถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาคนทั้งหลายที่ตายไป
 และถึงเวลาที่จะประทานบำเหน็จแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
  คือพวกผู้เผยพระวจนะและพวกธรรมิกชน
และแก่คนทั้งหลายที่ยำเกรงพระนามของพระองค์
 ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต
 และถึงเวลาแล้ว ที่พระองค์จะทรงทำลายพวกที่ทำลายแผ่นดินโลก”

 19แล้วพระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ก็เปิดออก และหีบพันธสัญญาของพระองค์ก็ปรากฏในพระวิหารนั้น แล้วก็เกิดฟ้าแลบ เสียงครืนๆ ฟ้าร้อง และแผ่นดินไหว ทั้งลูกเห็บก็ตกอย่างหนัก

อรรถาธิบาย

หวังใจในองค์จอมกษัตริย์ของคุณ

ทำไมชีวิตจึงต่อสู้ดิ้นรนเช่นนี้?? ทำไมผู้บริสุทธิ์จึงยังคงต้องทุกข์ยาก? แล้วมันจะเป็นเช่นนี้ต่อไปหรือไม่? ความทุกข์ยากลำบากนี้จะมาถึงจุดสิ้นสุดหรือไม่? ยังคงมีความหวังเหลืออยู่บ้างไหม? อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?

ในพระคัมภีร์ของวันนี้ เราได้เห็นแวบหนึ่งว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา อาณาจักรของโลกนี้จะเปลี่ยนแปลงเป็นราชอาณาจักรของพระเจ้าของเรา และองค์พระเมสสิยาห์ผู้ที่ ‘จะปกครองตลอดนิตย์นิรันดร’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูเสด็จมาประกาศถึงแผ่นดินของพระเจ้า มีทั้งในแง่ของ ‘ตอนนี้’ และ แง่ที่‘ยังมาไม่ถึง’

ทุกสิ่งที่พระเยซูทรงทำในพันธกิจของพระองค์ แสดงให้เห็นถึงความจริงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าในตอนนี้ การปกครองและการครอบครองของพระเจ้าถูกแสดงให้เห็นด้วยการปราบปรามความชั่วร้าย พิธีเปิดแผ่นดินของพระเจ้าเห็นได้จาก ตัวอย่างเรื่อง การอภัยบาป การขับผี และการรักษาคนป่วย

ในอีกด้านหนึ่ง แง่มุมอนาคตของแผ่นดินพระเจ้าปรากฏชัดขึ้นโดยทางพระเยซู พระองค์สอนสาวกให้อธิษฐานว่า ‘ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่’ (มัทธิว 6:10) พระองค์กล่าวถึงฤดูเก็บเกี่ยวว่า ‘เวลาสิ้นยุค’ (13:39) ดูเหมือนว่าแผ่นดินของพระเจ้ายังไม่ถูกตระหนักอย่างเต็มที่จนกว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมา

พระธรรมวิวรณ์ในวันนี้พรรณนาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนที่แผ่นดินของพระเจ้าจะมาตั้งอยู่อย่างบริบูรณ์ ประชากรของพระเจ้า ถูกข่มเหง และได้รับการปกป้องไปในขณะเดียวกัน

จะมีพยานทั้งสอง (วิวรณ์ 11:3) ระบบทางกฏหมายในพันธสัญญาเดิมระบุว่าต้องมีพยาน 2 ปากเสมอ (เฉลยธรรมบัญญัติ 19:15; ยอห์น 8: 17) พระเยซูทรงส่งพยานออกไปทีละคู่เสมอ

พยานทั้งสองนี้ น่าจะหมายถึง โมเสส (ผู้ที่เปลี่ยน ‘น้ำจะกลายเป็นเลือดได้ อพย.7:17-19’ วิวรณ์ 11:6) และเอลียาห์ (‘ปิดท้องฟ้าได้’, ข้อ 6) ‘เพราะผู้เผยพระวจนะทั้งสองนี้ได้ทรมานคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก ทำให้การมีความสุขในความบาปของพวกเขานั้นเป็นไปไม่ได้’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พยานทั้งสองเผยพระวจนะเป็นเวลา 1,260 วัน (42 เดือน หรือ สามปีครึ่ง) นี่เป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาระหว่างการเสด็จมาครั้งแรกและครั้งที่สองของพระเยซู

พวกเขาถูกสัตว์ร้ายฆ่าตายก่อนสิ้นยุคเพียงเล็กน้อย ศพของเขาทั้งสองอยู่บน ‘ถนนในมหานครนั้น’ (ข้อ 8) นั่นก็คือกรุงโรมหรือบาบิโลน ที่มีชื่อสัญลักษณ์ว่า ‘โสโดมและอียิปต์' และ ‘ซึ่งเป็นเมืองที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาถูกตรึงกางเขน’ (ข้อ 8) คือ กรุงเยรูซาเล็ม

ในช่วงเวลาอันแสนสั้น ๆ (‘3 วันครึ่ง’, ข้อ 9) คนทั้งหลายยินดีด้วยเรื่องการตายเขาทั้งสอง (ข้อ 10) แล้วพระเจ้าก็ทรงให้เขาทั้งสองฟื้นคืนชีพ: ‘ลมปราณจากพระเจ้าก็เข้าสู่ศพของเขา และเขาทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนด้วยขาตัวเอง –คนทั้งหลายที่ยินดีจากการตายของเขาทั้งสองเมื่อได้เห็นดังนั้นก็ตกอยู่ในความกลัวอย่างยิ่ง’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แล้วเขาทั้งสองก็ขึ้นสู่สวรรค์เพราะช่วงเวลาแห่งการพิพากษาครั้งสุดท้ายนั้นได้ใกล้เข้ามาแล้ว (ข้อ 12-13)

นี่คือช่วงเวลาที่แตรคันที่เจ็ดถูกเป่าขึ้นมีสามลำดับต่อเนื่องกันในเรื่องนี้ อย่างแรก แผ่นดินพระเจ้าได้มาถึงความบริบูรณ์ (ข้อ 15) อย่างที่สอง คริสตจักรที่บริบูรณ์ (‘ผู้อาวุโส 24 คน’, ข้อ 16) นมัสการองค์กษัตริย์ ซบหน้าลงนมัสการพระเจ้าและทูลว่า

‘ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
 ผู้ที่เป็นอยู่และผู้ที่ทรงเคยเป็นอยู่
 เพราะพระองค์ทรงถือครองฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว
 และทรงเริ่มครอบครอง’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อย่างที่สาม การพิพากษาครั้งสุดท้ายได้เริ่มต้นขึ้น (ข้อ 18) ผู้ที่ทำลายจะถูกทำลาย พระเจ้าจะประทานบำเหน็จแก่ ‘ผู้เผยพระวจนะและธรรมิกชน’ ของพระองค์ ทั้ง ‘ใหญ่และเล็ก’ จะได้รับบำเหน็จ

เช่นเคย ในพระธรรมวิวรณ์ ฉากต่าง ๆ เหล่านี้เป็นดั่งสัญลักษณ์ โมเสสและเอลียาห์ เขาทั้งสองเป็นพยานของพระเจ้า พวกเขาเป็นภาพแห่งความกล้าหาญและอำนาจอันใหญ่ยิ่ง ที่เผชิญการต่อต้านและทุกข์ก่อนที่จะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นไทครั้งสุดท้าย

นี่คือความเป็นจริงของสิ่งที่คุณคาดหวังได้ในช่วงเวลาระหว่างการเสด็จมาครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ของพระเยซู ช่วงเวลาที่คุณมีชีวิตอยู่ในตอนนี้นี่คือการต่อสู้ระหว่างราชอาณาจักรของพระเจ้าและอาณาจักรของ ‘สัตว์ร้าย’ แต่คือการต่อสู้ที่คุณรู้ว่าจะลงเอยเช่นไร

การต่อสู้ในชีวิตของคุณจะมาถึงจุดจบ ผู้บริสุทธิ์จะไม่ทนทุกข์อีกต่อไป นี่คือความหวังอันยิ่งใหญ่แห่งอนาคต พระเยซูจะเสด็จกลับมา พระองค์จะครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่วันหนึ่งแผ่นดินโลกจะกลายมาเป็นแผ่นดินขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และของพระคริสต์ และที่พระองค์จะครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์
พันธสัญญาเดิม

เอสรา 4:6-5:17

ขัดขวางการสร้างเยรูซาเล็มขึ้นใหม่

 6และในรัชกาลอาหสุเอรัสต้นรัชกาลของพระองค์ พวกเขาได้เขียนฟ้องชาวยูดาห์ และเยรูซาเล็ม
 7และในสมัยของอารทาเซอร์ซีส บิชลาม มิทเรดาท และทาเบเอล และผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ของเขาได้เขียนไปทูลอารทาเซอร์ซีส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย จดหมายนั้นได้เขียนขึ้นเป็นภาษาอาราเมคและอธิบายด้วยภาษาอาราเมค 8เรฮูมผู้บังคับบัญชา และชิมชัยอาลักษณ์ได้เขียนหนังสือปรักปรำเยรูซาเล็ม ถวายกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสดังต่อไปนี้ 9แล้วเรฮูมผู้บังคับบัญชา ชิมชัยอาลักษณ์ กับผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ของท่านคือพวกผู้พิพากษา พวกผู้ตรวจราชการ ข้าราชการ ชาวเปอร์เซีย คนเอเรก ชาวบาบิโลน ชาวสุสา คือคนเอลาม 10และคนของประชาชาติอื่นๆ ผู้ซึ่งโอสนัปปาร์ เจ้านายผู้ใหญ่ได้ส่งมาให้อาศัยอยู่ในเมืองของสะมาเรีย และในส่วนอื่นๆ ของมณฑลทางฟากแม่น้ำข้างตะวันตก 11และนี่เป็นสำเนาจดหมายที่พวกเขาส่งไปถึงพระองค์ “กราบทูลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส จากข้าราชการของพระองค์ คือคนของมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตก 12ขอพระองค์ทรงทราบว่า พวกยิวซึ่งมาจากพระองค์มาหาข้าพระองค์นั้นได้ไปยังเยรูซาเล็ม พวกเขากำลังก่อสร้างเมืองที่มักกบฏและชั่วร้ายขึ้นใหม่ เขากำลังจะทำกำแพงเมืองเสร็จและซ่อมแซมรากฐาน 13บัดนี้ขอกษัตริย์ทรงทราบว่า ถ้าเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่และกำแพงเมืองเสร็จแล้ว เขาจะไม่ส่งบรรณาการ ค่าธรรมเนียม หรือภาษี และเงินรายได้ของหลวงก็จะขาดไป 14เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายกตัญญูและภักดีต่อราชบัลลังก์ จึงไม่สมควรที่ข้าพระองค์ทั้งหลายจะมองดูการเสื่อมเกียรติของกษัตริย์ ฉะนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายจึงส่งมากราบทูลแก่กษัตริย์ 15เพื่อจะได้ทรงค้นดูในหนังสือบันทึกของบรรพบุรุษของพระองค์ พระองค์จะพบในหนังสือบันทึกว่า เมืองนี้เป็นเมืองมักกบฏ เป็นอันตรายต่อบรรดากษัตริย์และมณฑลทั้งหลายและได้มีการปลุกปั่นขึ้นจากสมัยก่อน ดังนั้นเมืองนี้จึงถูกทิ้งร้าง 16ข้าพระองค์ทั้งหลายขอกราบทูลให้กษัตริย์ทรงทราบว่า ถ้าเมืองนี้ได้สร้างใหม่เสร็จและกำแพงเมืองก็สำเร็จแล้ว พระองค์จะไม่มีกรรมสิทธิ์ในมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตก”
 17กษัตริย์ทรงส่งพระราชสารตอบไปว่า “ถึงเรฮูม ผู้บังคับบัญชาและชิมชัยอาลักษณ์ และผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ของเขาที่อาศัยในสะมาเรีย และในส่วนอื่นของมณฑลทางฟากแม่น้ำข้างตะวันตก ขอคำนับมา 18บัดนี้จดหมายที่ท่านส่งไปยังเราได้ให้อ่านและแปลต่อหน้าเรา 19และเราได้ออกคำสั่ง และได้ค้นดูแล้ว พบว่าเมืองนี้ แต่ก่อนได้ลุกขึ้นต่อสู้กษัตริย์ และมีการกบฏและการปลุกปั่นเกิดขึ้นในเมืองนี้ 20เคยมีกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจได้ครองเยรูซาเล็ม เป็นผู้ทรงปกครองมณฑลทั้งสิ้นฟากแม่น้ำข้างตะวันตกซึ่งเขาถวายบรรณาการ ค่าธรรมเนียม และภาษีให้ 21เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกคำสั่งว่า ให้คนเหล่านี้หยุดและไม่ต้องสร้างเมืองนี้ใหม่ จนกว่าเราจะออกกฤษฎีกา 22และระวังอย่าหย่อนในเรื่องนี้ ทำไมจะให้ความเสื่อมเสียเกิดขึ้นเป็นภยันตรายต่อกษัตริย์”
 23แล้วเมื่อได้อ่านสำเนาราชสารของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสต่อหน้าเรฮูมและชิมชัยอาลักษณ์ และผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ของท่าน พวกเขาจึงรีบไปหายิวที่เยรูซาเล็ม และใช้กำลังและอำนาจทำให้เขาหยุด 24งานพระนิเวศแห่งพระเจ้า ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็มจึงหยุดจนถึงปีที่สองแห่งรัชกาลดาริอัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย

เอสรา 5

สร้างพระวิหารขึ้นใหม่

 1ส่วนผู้เผยพระวจนะฮักกัย และเศคาริยาห์บุตรอิดโด ได้เผยพระวจนะแก่พวกยิวผู้อยู่ในยูดาห์และเยรูซาเล็มในพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้สถิตเหนือพวกเขา 2แล้วเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลและเยชูอาบุตรโยซาดัก ได้เริ่มต้นสร้างพระนิเวศแห่งพระเจ้าซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ และผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าได้อยู่กับท่าน ช่วยเหลือท่าน
 3ในเวลาเดียวกันนั้นทัทเธนัย ผู้ว่าราชการมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตกและเชธาร์โบเซนัย และผู้ร่วมงานของเขาได้มาหาท่าน และพูดกับท่านดังนี้ว่า “ใครที่ให้กฤษฎีกาแก่ท่าน ให้สร้างพระนิเวศและโครงร่างนี้จนสำเร็จ” 4เขาถามท่านอย่างนี้ด้วยว่า “ผู้ที่กำลังสร้างตึกนี้นั้นมีชื่อใครบ้าง? ” 5แต่พระเนตรของพระเจ้าของเขาทั้งหลายอยู่เหนือพวกผู้ใหญ่ของพวกยิว และเขาก็ยับยั้งเขาทั้งหลายไม่ได้จนกว่าเรื่องนี้จะทราบถึงดาริอัส และมีคำตอบเป็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้มา
 6สำเนาจดหมายซึ่งทัทเธนัยผู้ว่าราชการมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตก และเชธาร์โบเซนัย และผู้ร่วมงานของท่านซึ่งเป็นผู้ตรวจราชการอยู่ในมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตกส่งไปทูลกษัตริย์ดาริอัส 7ท่านทั้งหลายได้ส่งหนังสือซึ่งมีข้อความต่อไปนี้ “กราบทูลกษัตริย์ดาริอัสขอทรงพระเจริญ 8ขอพระองค์ทรงทราบว่าพวกข้าพระบาทไปยังมณฑลยูดาห์ ถึงพระนิเวศของพระเจ้ายิ่งใหญ่ ซึ่งกำลังสร้างขึ้นด้วยหิน และวางไม้ไว้บนผนัง งานนี้ได้ดำเนินไปอย่างขยันขันแข็ง และเจริญขึ้นในมือของเขา 9แล้วพวกข้าพระบาทได้ถามพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นว่า ‘ใครให้กฤษฎีกาแก่ท่านให้สร้างพระนิเวศและทำกำแพงนี้จนสำเร็จ’ 10พวกข้าพระบาทได้ถามชื่อของเขาด้วย เพื่อกราบทูลให้ฝ่าพระบาททรงทราบเพื่อข้าพระบาทจะได้เขียนชื่อบุคคลเหล่านั้น ที่เป็นหัวหน้าของเขาลงไว้ 11และนี่เป็นคำตอบของเขาแก่ข้าพระบาท ‘เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และเรากำลังสร้างพระนิเวศซึ่งได้สร้างมาหลายปีแล้วขึ้นใหม่ ซึ่งกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอิสราเอลได้ทรงสร้างให้สำเร็จ 12แต่เพราะว่าบรรพบุรุษของเราได้ทำให้พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์กริ้ว พระองค์ทรงมอบท่านเหล่านั้นไว้ในพระหัตถ์ของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลน คนเคลเดีย ผู้ทรงทำลายพระนิเวศนี้ และทรงกวาดเอาประชาชนไปยังบาบิโลน 13อย่างไรก็ตามในปีแรกแห่งรัชกาลไซรัสกษัตริย์แห่งบาบิโลน พระองค์ทรงออกกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศหลังนี้ของพระเจ้าขึ้นใหม่ 14และเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงกวาดไปจากพระวิหารซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม และทรงนำไปยังพระวิหารของบาบิโลนนั้น สิ่งเหล่านี้กษัตริย์ไซรัสทรงนำออกมาจากพระวิหารของบาบิโลน และทรงมอบไว้กับคนหนึ่งชื่อเชชบัสซาร์ ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการเมือง 15และพระองค์ตรัสกับท่านดังนี้ว่า “จงรับเครื่องใช้เหล่านี้ไปเก็บไว้ในพระวิหารซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม และจงสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิมนั้น” 16แล้วเชชบัสซาร์คนนี้ได้มาวางรากพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็มและตั้งแต่เวลานั้นจนบัดนี้ก็กำลังสร้างอยู่และยังไม่สำเร็จ’ 17เพราะฉะนั้น ถ้ากษัตริย์ทรงเห็นดีก็ขอทรงให้ค้นดูในคลังราชทรัพย์ที่ในบาบิโลน เพื่อดูว่ากษัตริย์ไซรัส ทรงออกกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศหลังนี้ของพระเจ้าขึ้นใหม่ในเยรูซาเล็มหรือไม่? และขอพระองค์รับสั่งแก่พวกข้าพระบาท ตามพระทัยของพระองค์ในเรื่องนี้”

อรรถาธิบาย

วางใจในองค์จอมกษัตริย์ของคุณ

คุณเคยถูกใส่ร้าย หรือถูกวิพากษ์วิจารณ์กับเจ้านาย หรือบางคนที่มีอำนาจเหนือคุณ อย่างไม่ยุติธรรมหรือไม่?

คุณเคยรู้สึกบ้างไหมว่า การงานของพระเจ้านั้นถูกขัดขวาง หรืออาจจะต้องหยุด เพราะการต่อต้าน จากเขตเทศบาล จากเจ้านายของคุณในที่ทำงาน หรือจากองค์กรอื่น ๆ ที่มีอำนาจ

ผู้นำที่เป็นมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยอำนาจ และพวกเขาสามารถใช้มันในการทำสิ่งที่ดีหรือชั่วก็ได้ อารทาเซเซอร์ซีสเป็นกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย (4:7) ทรงได้รับสิ่งที่ถูกอธิบายไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็น 1 ใน ‘จดหมายที่น่าหวาดกลัว’ เป็นจดหมายจากผู้ที่ต่อต้านงานของพระเจ้า ในจดหมายนั้นเต็มไปด้วยคำเยินยอ ความจริงเพียงครึ่งเดียวและแม้กระทั่งคำโกหก

ผู้ที่เขียนจดหมายนั้นพยายามที่จะทำให้มันดูราวกับว่า พวกเขากำลังช่วยเหลือองค์กษัตริย์อยู่ ‘ขอพระองค์ทรงทราบ.....’ (ข้อ 12-13) มันพรรณนาถึงกรุงเยรูซาเล็มว่าเป็นเมืองแห่งการกบฏและความชั่วร้าย จากนั้นในตอนนี้เงินในเมืองนี้ถูกบริหารจัดการอย่างไม่เหมาะสม และคำขู่ว่า ‘เขาจะไม่ส่งบรรณาการ ค่าธรรมเนียม หรือภาษี และเงินรายได้ของหลวงก็จะขาดไป’ (ข้อ 13) เป็นสิ่งที่ทรงพลัง เพราะบอกเป็นนัยว่า องค์กษัตริย์จะถูกทำให้ ‘เสื่อมเกียรติ’ (ข้อ 14) โดยเมืองที่กบฏและสร้างปัญหานี้ ผลก็คืองานของการสร้างพระวิหารและกรุงเยรูซาเล็มขึ้นต้องหยุดชะงัก (ข้อ 24)

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องรับความเกลียดชังเช่นนั้นเป็นสิ่งหนุนใจที่ได้ทราบว่าคุณไม่ใช่แค่เพียงคนเดียวที่ได้รับจดหมาย ‘กล่าวหา’ นั้น (ข้อ 6) จากประชากรผู้ถูกข่มขู่ (ข้อ 22) และผู้ที่อยากให้งานนี้หยุด (ข้อ 21) เรารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะไม่มีใครต่อต้านได้สำเร็จ หากพระเจ้าทรงอยู่เบื้องหลังแผนการณ์นั้น อย่างไรก็ตาม มันสามารถถ่วงเวลา และทำให้งานนี้หยุดลงแค่ชั่วคราวเท่านั้น

สุดท้ายแล้ว บรรดาผู้ใส่ร้ายก็ทำไม่สำเร็จ เมื่อกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองอำนาจและเราได้รับทราบว่า ‘แต่พระเนตรของพระเจ้าอยู่เหนือเหล่าผู้นำ’ (5:5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำรายงานที่ดีถูกส่งไปยังกษัตริย์ดาริอัส ในจดหมายได้กล่าวถึงกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอิสราเอลผู้สร้างพระวิหารจนสำเร็จ (ข้อ 11) และการอนุญาตครั้งนี้มาจากพระราชกฤษฎีกาของกษัตริย์ไซรัสแห่งบาบิโลน (ข้อ 13)

ที่สุดแล้วคุณสามารถวางใจในอธิปไตยของพระเจ้า ‘พระทัยพระราชาเหมือนธารน้ำในพระหัตถ์พระยาห์เวห์ พระเจ้าจะทรงชักนำไปทางไหนก็ตามแต่จะโปรด’ (สุภาษิต 21:1) อย่าฝากความหวังอันสูงสุดของคุณไว้กับผู้นำที่เป็นมนุษย์ จงหวังใจในพระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์กษัตริย์ของคุณ

ผู้นำที่เป็นมนุษย์มาแล้วจากไป บางคนก็ดี บางคนชั่วร้าย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุดอยู่เหนือประวัติศาสตร์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ความเป็นกษัตริย์ทั้งปวงล้วนชี้ไปยังความเป็นกษัตริย์ของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้เห็นราชอาณาจักรของพระเจ้ามาตั้งอยู่ ในชนชาติ ในเมือง และในชุมชนที่ข้าพระองค์อาศัยอยู่

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สดุดี 145:4

‘คนรุ่นหนึ่งจะยกย่องพระราชกิจของพระองค์ให้คนอีกรุ่นหนึ่งฟัง และจะประกาศกิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์’

เรามีความรับผิดชอบในการส่งต่อพระกิตติคุณ เพื่อบอกให้คนรุ่นต่อไปได้รู้ถึงการรักษาโรค คำพยาน และเรื่องราวอันอัศจรรย์เหล่านี้ ที่พระเจ้าทรงกำลังกระทำอยู่ในชีวิตของเรา ที่เราได้ยินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตลอดชีวิตของเรา

ข้อพระคำประจำวัน

สดุดี 145:2

‘ทุก ๆ วันข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระองค์...’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม