ปลดล็อกวิวรณ์
เกริ่นนำ
มาร์ติน ชีน และ มาร์ลอน แบรนโด้ เป็นนักแสดงนำในมหากาพย์หนังสงครามเวียดนาม เรื่อง ‘กองทัพอำมหิต (Apocalypse now)' ในปี 1979 การใช้คำว่า ‘การเปิดเผย (apocalypse)' อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจคำนี้ผิดไปอย่างแพร่หลายว่าหมายถึง 'การทำลายล้าง (destruction)'
คำภาษากรีก อะพอคาลูพสิส (apokalupsis) ซึ่งแปลว่า ‘สำแดง’ (วิวรณ์ 1:1) ประกอบด้วย 2 คำ คือ apo (ออกมาจาก) และ kalupsis (‘การซ่อนอยู่’) ที่จริงแล้วคำนี้ แปลว่า ‘สำแดง’ ในพระธรรมวิวรณ์ ผ้าคลุมถูกเปิดออก และเรื่องราวอันล้ำลึกถูกเปิดเผย
‘วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 1) มีความหมายด้วยกัน 2 ประการ ประการแรก คือการสำแดงจากพระเยซู ประการที่สองคือการเปิดเผยเกี่ยวกับพระเยซู ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม และสำแดงในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ในพระธรรมวิวรณ์ พระเยซูทรงได้รับการเปิดเผย โดยเราเห็นการเปิดเผยนี้ชัดเจนขึ้นผ่านความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีต่อเรา และชัยชนะของพระองค์เหนือความชั่วร้าย
สดุดี 140:1-5
คำอธิษฐานขอทรงช่วยให้พ้นจากศัตรู
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
1ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากคนชั่วร้าย
ขอทรงปกป้องข้าพระองค์ไว้จากคนทารุณ
2ผู้คิดแผนร้ายอยู่ในใจ
และปลุกปั่นทุกวันให้เกิดสงคราม
3เขาทำลิ้นของเขาให้คมเหมือนลิ้นงู
มีพิษของงูพิษอยู่ใต้ริมฝีปากของเขา
เส-ลาห์
4ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงคุ้มครองข้าพระองค์ให้พ้นจากมือของคนอธรรม
ขอทรงปกป้องข้าพระองค์ไว้จากคนทารุณ
ผู้คิดแผนการจะให้ข้าพระองค์ล้มลง
5คนโอหังได้ซ่อนกับดักข้าพระองค์
และกางเชือกตาข่ายที่ข้างทาง
เขาวางบ่วงแร้วดักข้าพระองค์
อรรถาธิบาย
การสำแดงความชอบธรรมของพระเจ้า
ดาวิดอธิษฐานให้รอดพ้นจากคนชั่วร้าย ที่ปลุกปั่นตามแผนร้ายที่อยู่ในใจ (ข้อ 2ก) ถ้อยคำชั่วร้าย (ข้อ 3) และการกระทำอันชั่วร้าย (ข้อ 4)
ความชั่วร้ายไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนอื่นเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของตัวเราด้วย เราทุกคนล้วนเคยมีความคิดชั่วร้าย กล่าวถ้อยคำทำร้ายจิตใจ และกระทำผิด เราทุกคนต่างล้มเหลวที่จะเป็นเป็นผู้ชอบธรรม
อัครสาวกเปาโล เขียนไว้ว่า 'ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียวไม่มีเลย’ (โรม 3:10) แล้วอธิบายต่อไปถึงประเด็นโดยใช้ข้อพระคัมภีร์จากพระธรรมสดุดีของเรา ‘พิษของงูพิษอยู่ใต้ริมฝีปากของเขา’ (สดุดี 140:3 และ โรม 3:13)
แต่เปาโลได้อธิบายว่าความชอบธรรมจากพระเจ้าได้ ‘ปรากฏ’ (โรม 3:21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Good News Bible โดยผู้แปล) ความชอบธรรมจากพระเจ้าได้เข้ามาสู่ผู้เชื่อทุกคนผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 22)
คำอธิษฐาน
วิวรณ์ 1:1-20
อารัมภบทและการทักทาย
1วิวรณ์ของพระเยซูคริสต์ที่พระเจ้าประทานแก่พระองค์ เพื่อสำแดงต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์เกี่ยวกับสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ และพระองค์ทรงใช้ทูตสวรรค์ไปแจ้งกับยอห์นผู้รับใช้ของพระองค์ 2ยอห์นเป็นพยานให้กับพระวจนะของพระเจ้าและให้กับคำพยานของพระเยซูคริสต์ คือทุกสิ่งที่ท่านเห็น 3ความสุขมีแก่ผู้ที่อ่านและแก่บรรดาผู้ที่ฟังคำเผยพระวจนะ แล้วประพฤติตามสิ่งต่างๆ ที่เขียนไว้ในนั้น เพราะว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว
4ยอห์น ขอเรียนคริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแคว้นเอเชีย
ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับพระคุณและสันติสุขจากพระองค์ผู้ทรงเป็นอยู่ ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมาและจากพระวิญญาณทั้งเจ็ดที่เฝ้าอยู่หน้าพระที่นั่งของพระองค์ 5และจากพระเยซูคริสต์พยานผู้ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นจากตาย และเป็นผู้ทรงครอบครองเหนือบรรดากษัตริย์ในโลก
พระองค์ทรงรักเรา ทรงปลดปล่อยเราจากบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์ 6และทรงตั้งเราให้เป็นอาณาจักรและเป็นพวกปุโรหิตของพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ ขอพระเกียรติและอานุภาพจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน
7นี่แน่ะ พระองค์จะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆ
และนัยน์ตาทุกดวงจะเห็นพระองค์
แม้แต่คนทั้งหลายที่แทงพระองค์
และมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะคร่ำครวญเพราะพระองค์
จะเป็นไปอย่างนั้น อาเมน
8พระเจ้าผู้ทรงเป็นอยู่ ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ที่จะเสด็จมา และผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ตรัสว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา”
นิมิตเกี่ยวกับพระคริสต์
9ข้าพเจ้าคือยอห์น พี่น้องของท่านทั้งหลาย ผู้มีส่วนร่วมในความยากลำบาก และในอาณาจักร และในความทรหดอดทนในพระเยซู ข้าพเจ้ามาอยู่ที่เกาะปัทมอสเพราะเหตุพระวจนะของพระเจ้าและคำพยานของพระเยซู 10พระวิญญาณทรงดลใจข้าพเจ้าในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงดังเหมือนอย่างเสียงแตรมาจากข้างหลังข้าพเจ้า 11ตรัสว่า “สิ่งที่ท่านเห็นนั้นจงเขียนไว้ในหนังสือม้วน และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด คือคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส เมืองสเมอร์นา เมืองเปอร์กามัม เมืองธิยาทิรา เมืองซาร์ดิส เมืองฟีลาเดลเฟียและเมืองเลาดีเซีย”
12แล้วข้าพเจ้าก็หันกลับมาดูตรงที่พระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้านั้น และเมื่อหันกลับมาแล้วข้าพเจ้าก็เห็นคันประทีปทองคำเจ็ดคัน 13ในท่ามกลางคันประทีปเหล่านั้นมีผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์ ทรงฉลองพระองค์ยาวคลุมพระบาท และทรงคาดแถบทองคำที่พระอุระ 14พระเศียรและพระเกศาของพระองค์ขาวเหมือนอย่างขนแกะ และขาวเหมือนอย่างหิมะ พระเนตรของพระองค์เหมือนอย่างเปลวไฟ 15พระบาทของพระองค์เหมือนทองสัมฤทธิ์ ประหนึ่งหลอมบริสุทธิ์แล้วในเตาไฟ พระสุรเสียงของพระองค์เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลาย 16พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวง และมีดาบสองคมที่คมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ และพระพักตร์ของพระองค์เหมือนอย่างดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแรงกล้า
17เมื่อข้าพเจ้าเห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนอย่างคนตาย และพระองค์วางพระหัตถ์ขวาบนตัวข้าพเจ้า แล้วตรัสว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย 18เป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ เราได้ตายแล้ว แต่นี่แน่ะ เรายังดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และเราถือลูกกุญแจทั้งหลายแห่งความตายและแห่งแดนคนตาย 19เพราะฉะนั้น จงเขียนสิ่งที่เจ้าเห็นแล้วคือสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ขณะนี้ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ 20ส่วนความล้ำลึกของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าเห็นในมือขวาของเรา และของคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้น ดาวเจ็ดดวงก็คือบรรดาทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันนั้นก็คือคริสตจักรทั้งเจ็ด
อรรถาธิบาย
การสำแดงของพระเยซูคริสต์
พระธรรมเล่มนี้เป็นบันทึกของอัครสาวกยอห์นถึงการเปิดเผยสำแดงของพระเยซู ซึ่งมาถึงเขาในขณะที่กำลังนมัสการ ยูจีน ปีเตอร์สัน เขียนไว้ว่า ‘เราได้อยู่ในรายชื่อของผู้ที่มีส่วนร่วมในการนมัสการพระเจ้าของคริสเตียนในหลากหลายมิติ’ ยอห์น ‘ได้นมัสการพระเจ้าภายในใจของเขาและได้คิดใคร่ครวญเกี่ยวกับการนมัสการนั้น’ พระเจ้าตรัสผ่านยอห์น ในขณะที่เขากำลังนมัสการ และพระเยซูทรงปรากฏขึ้น
พระธรรมวิวรณ์เขียนถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดในแคว้นเอเชียไมเนอร์ (ข้อ 11) ซึ่งอัครสาวกยอห์นผู้ซึ่งถูกเนรเทศมาที่เกาะปัทมอสเป็นผู้อภิบาลอยู่ ‘เพราะเหตุพระวจนะของพระเจ้าและคำพยานของพระเยซู’ (ข้อ 9) ยอห์นได้เห็น ‘คันประทีปทองคำเจ็ดคัน’ (ข้อ 12) ซึ่งเขาบอกเราว่า นี่เป็นตัวแทนของ ‘คริสตจักรทั้งเจ็ด’ (ข้อ 20)
เลขเจ็ด (7) ในพระคัมภีร์เป็นตัวเลขแห่งความสมบูรณ์ และความบริบูรณ์ ดังนั้น นี่อาจหมายถึงคริสตจักรทั้งหมด จดหมายนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคุณและผม พระเยซูทรงเรียกยอห์นให้เขียนสิ่งที่เขาเห็น เขาจึงเริ่มที่จะปลดล็อก ‘ความล้ำลึก’ “ดาวเจ็ดดวงก็คือบรรดาทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันนั้นก็คือคริสตจักรทั้งเจ็ด” (ข้อ 20) สิ่งนี้บอกเราว่า ในทุกคริสตจักรรวมถึงคริสตจักรของคุณด้วย มีทูตสวรรค์เป็นของตัวเอง พระเยซูทรงถือทุกคริสตจักรเอาไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
ยอห์นได้เปิดเผยถึงธรรมชาติของความจริงฝ่ายวิญญาณ โดยใช้บทประพันธ์ บทเพลง ภาพเปรียบเทียบ นิมิต สัญลักษณ์ และรูปภาพ ส่วนต่าง ๆ ในพระธรรมวิวรณ์นั้นยากที่จะเข้าใจได้ แต่คุ้มค่าที่จะค้นคว้าต่อไป นี่เป็นพระธรรมเพียงเล่มเดียวจากพระคัมภีร์ทั้งเล่มที่ถูกกล่าวไว้อย่างเจาะจงว่า บุคคลที่อ่านพระธรรมเล่มนี้จะได้รับพระพร ‘ความสุขมีแก่ผู้ที่อ่านและแก่บรรดาผู้ที่ฟังคำเผยพระวจนะ แล้วประพฤติตามสิ่งต่าง ๆ ที่เขียนไว้ในนั้น’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ดูเหมือนว่า คริสเตียนในยุคแรกเริ่มได้เปลี่ยนวันหยุดพักและการนมัสการพระเจ้าจากวันเสาร์ (วันสะบาโต) มาเป็นวันอาทิตย์ การเปิดเผยเริ่มต้นขึ้น ‘ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า...’ (ข้อ 10) คือ วันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ฟื้นคืนพระชนม์ หรือวันอาทิตย์นั่นเอง
เช่นเดียวกับพระคัมภีร์ทั้งเล่ม ศูนย์กลางของพระธรรมวิวรณ์อยู่ที่พระเยซู ‘พระเยซูคริสต์ พยานผู้ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นจากตาย และเป็นผู้ทรงครอบครองเหนือบรรดากษัตริย์ในโลก’ (ข้อ 5) ง่ายมากที่จะจมลงในรายละเอียดของพระธรรมวิวรณ์ สิ่งสำคัญคือ จดจ่อที่พระเยซู สาระกว้างๆ ของพระธรรมเล่มนี้ชี้ชัดว่า พระเยซูชนะ!
พระเยซูทรงเป็นผู้เดียวที่ ‘ทรงรักเรา ทรงปลดปล่อยเราจากบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์ และทรงตั้งเราให้เป็นอาณาจักรและเป็นพวกปุโรหิตของพระเจ้าพระบิดาของพระองค์’ (ข้อ 5ข-6) ผ่านทางพระเยซู คุณเป็นที่รัก และได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการของคุณ และได้รับการยกชูขึ้น
คุณค่าของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำ หรือสิ่งที่คุณเป็น หรือสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับคุณ คุณมีค่า และคุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะพระเยซูทรงรักคุณมาก จนหลั่งพระโลหิตของพระองค์เพื่อคุณ
พระเยซูกำลังจะเสด็จมาอีกครั้ง และจะไม่เกิดขึ้นอย่างลับ ๆ ทุกคนจะได้เห็น ‘นี่แน่ะ พระองค์จะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆ และนัยน์ตาทุกดวงจะเห็นพระองค์ แม้แต่คนทั้งหลายที่แทงพระองค์’ (ข้อ 7) คุณอยู่ฝ่ายผู้ชนะ พระเยซูกำลังเสด็จกลับมา และคุณจะได้ชื่นชมยินดีชั่วนิรันดร์ร่วมกับพระองค์
ยอห์นเห็น ‘ผู้หนึ่ง “เหมือนบุตรมนุษย์”’ (ข้อ 13) นี่คือวิธีการที่พระเยซูชอบใช้ในการอ้างถึงพระองค์เอง เขาเห็นพระเยซูทรงเต็มไปด้วยพระสง่าราศีทั้งสิ้น ‘ทรงฉลองพระองค์ยาวคลุมพระบาท และทรงคาดแถบทองคำที่พระอุระ’ (ข้อ 13) เขาเห็นพระองค์ในความบริสุทธิ์และทรงอยู่เหนือกาลเวลา ‘พระเศียรและพระเกศาของพระองค์… ขาวเหมือนอย่างหิมะ พระเนตรของพระองค์เหมือนอย่างเปลวไฟ พระบาทของพระองค์เหมือนทองสัมฤทธิ์ประหนึ่งหลอมบริสุทธิ์แล้วในเตาไฟ พระสุรเสียงของพระองค์เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลาย’ (ข้อ 14-15)
เขาเห็นความงดงามทั้งสิ้นในการปรากฎของพระองค์ ‘พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวง และมีดาบสองคมที่คมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ และพระพักตร์ของพระองค์เหมือนอย่างดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแรงกล้า’ (ข้อ 16) บางครั้ง เมื่อผู้คนได้ใช้เวลาอยู่ในการทรงสถิตของพระเยซู ใบหน้าของพวกเขาดูเหมือนจะทอแสง สิ่งนี้ทำให้เราสัมผัสว่า องค์พระเยซูเองทรงเป็นอย่างไร
การตอบสนองของยอห์นต่อการปรากฏของพระเยซูคือนมัสการ: ล้มลง ‘แทบพระบาทของพระองค์เหมือนอย่างคนตาย’ (ข้อ 17) พระเยซูทรงวางพระหัตถ์บนเขา กล่าวว่า ‘อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย เป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และเราถือกุญแจทั้งหลายแห่งความตายและแห่งแดนคนตาย’ (ข้อ 17-18 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
เศคาริยาห์ 9:1-11:17
การพิพากษาศัตรูของอิสราเอล
1ครุวาท
พระวจนะของพระยาห์เวห์มากล่าวโทษเมืองหัดราก
และจะมาอยู่เหนือเมืองดามัสกัส
เพราะว่าเมืองซีเรียเป็นของพระยาห์เวห์
แม้กระทั่งอิสราเอลทุกเผ่าด้วย
2เมืองฮามัทซึ่งมีเขตแดนติดกันก็รวมอยู่ด้วย
ไทระกับไซดอนแม้จะเป็นเมืองฉลาดก็ตาม
3ไทระสร้างกำแพงป้อมไว้กันเมือง
และสะสมเงินไว้เป็นกองอย่างกองฝุ่น
และทองคำอย่างฝุ่นตามท้องถนน
4นี่แน่ะ องค์เจ้านายจะทรงปลดเอาข้าวของของเมืองนี้ไปเสีย
และเหวี่ยงทรัพย์สินของเมืองนี้ลงไปในทะเล
และไทระจะถูกไฟเผาผลาญเสีย
5เมืองอัชเคโลนจะเห็น และกลัว
เมืองกาซาจะเห็น และสั่นสะท้านอย่างยิ่ง
เมืองเอโครนด้วยเหมือนกัน เพราะความหวังของเมืองนี้จะหมดไป
กษัตริย์จะตายไปจากเมืองกาซา
เมืองอัชเคโลนจะไม่มีคนอาศัยอยู่
6คนเลือดประสมจะมาอยู่ในเมืองอัชโดด
เราจะทำให้ความหยิ่งผยองของฟีลิสเตียสูญสิ้นไป
7เราจะเอาโลหิตออกไปเสียจากปากของเขา
และเอาของโสโครกออกไปจากระหว่างซี่ฟันของเขาเสีย
คนที่เหลืออยู่ในเมืองนี้จะเป็นของพระเจ้าของเราด้วย
จะเป็นเหมือนตระกูลหนึ่งในยูดาห์
และคนเอโครนจะเหมือนคนเยบุส
8และเราจะตั้งค่ายที่นิเวศของเราเป็นกองยาม
เพื่อจะไม่ให้ใครเดินทัพไปมาได้
จะไม่มีผู้บีบบังคับมาข่มขี่เขาได้
เพราะบัดนี้เราเห็นกับตาของเราเอง
กษัตริย์ที่จะมาครอบครองประชากรของพระเจ้า
9ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร่าเริงอย่างยิ่งเถิด
โอ บุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงโห่ร้อง
นี่แน่ะ กษัตริย์ของเธอเสด็จมาหาเธอ
ทรงความยุติธรรมและความรอด
พระองค์ทรงอ่อนสุภาพและทรงลา
ทรงลูกลา
10พระองค์จะทรงกำจัดรถรบเสียจากเอฟราอิม
และม้าเสียจากเยรูซาเล็ม
ธนูสงครามถูกกำจัดเสียด้วย
และพระองค์จะทรงบัญชาสันติภาพให้มีแก่ประชาชาติทั้งหลาย
อาณาจักรของพระองค์จะตั้งอยู่จากทะเลนี้ไปถึงทะเลโน้น
และจากแม่น้ำนั้นไปถึงสุดปลายพิภพ
11ส่วนเจ้าเล่า เพราะโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อเจ้า
เราจะปลดปล่อยเชลยในพวกเจ้าให้เป็นอิสระจากบ่อแห้งนั้น
12โอ เชลยที่มีความหวังเอ๋ย จงกลับไปยังที่กำบังเข้มแข็งของเจ้า
วันนี้เราประกาศว่า เราจะคืนแก่เจ้าสองเท่า
13เพราะเราได้ดัดยูดาห์เหมือนโค้งคันธนู
เราได้ทำเอฟราอิมให้เป็นลูกธนู
โอ ศิโยนเอ๋ย เราจะเร้าใจบุตรทั้งหลายของเจ้าให้ต่อสู้
ต่อสู้บุตรทั้งหลายของเจ้านะกรีซเอ๋ย
และแกว่งเจ้าอย่างดาบของนักรบ
14แล้วพระยาห์เวห์จะทรงปรากฏเหนือเขาทั้งหลาย
และลูกธนูของพระองค์จะออกไปเหมือนฟ้าแลบ
พระยาห์เวห์องค์เจ้านายจะทรงเป่าเขาสัตว์
และเสด็จไปในลมพายุจากทิศใต้
15พระยาห์เวห์จอมทัพจะพิทักษ์รักษาพวกเขาไว้
และเขาจะล้างผลาญและเหยียบนักยิงสลิงลง
และจะดื่มโลหิตของเขาอย่างเหล้าองุ่น
และจะอิ่มเหมือนชาม
เปียกชุ่มเหมือนมุมแท่นบูชา
16ในวันนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาจะทรงช่วยเขา
เพราะเขาทั้งหลายเป็นประชากรของพระองค์ดังฝูงแกะ
เขาจะส่องแสงในแผ่นดินของพระองค์
อย่างกับเพชรที่อยู่ในมงกุฎ
17เออ นั่น ช่างดีและสวยงามเสียจริงๆ
เมล็ดข้าวจะทำให้คนหนุ่มเติบโต
และเหล้าองุ่นจะทำให้หญิงสาวเจริญวัย
เศคาริยาห์ 10
การที่พระยาห์เวห์ทรงไถ่ชนชาติของพระองค์
1จงขอฝนจากพระยาห์เวห์
ในช่วงเวลาฝนชุกปลายฤดู
ขอจากพระยาห์เวห์ผู้ทรงปั้นเมฆพายุ
ผู้ประทานสายฝนแก่มนุษย์
และผักหญ้าในทุ่งนาแก่ทุกคน
2เพราะว่ารูปเคารพประจำบ้านพูดไร้สาระ
และผู้ทำนายก็เห็นนิมิตเท็จ
คนช่างฝันเล่าความฝันเท็จ
และให้คำเล้าโลมที่เปล่าประโยชน์
เพราะฉะนั้น ประชาชนจึงหลงไปอย่างแกะ
เขาต้องทนทุกข์เพราะขาดผู้เลี้ยง
3“เราโกรธพวกผู้เลี้ยงแกะอย่างรุนแรง
และเราจะลงโทษบรรดาผู้นำทั้งหลาย
เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพทรงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์
คือพงศ์พันธุ์ยูดาห์
และจะทรงทำเขาให้เป็นเหมือนม้าศึกฮึกเหิมในสงคราม
4ศิลามุมเอกจะออกมาจากเขา
หมุดขึงเต็นท์จะออกมาจากเขา
คันธนูรบศึกจะออกมาจากเขา
และผู้ครอบครองทุกคนจะออกมาจากเขาทั้งหมด
5รวมกันเข้าพวกเขาจะเป็นอย่างชายฉกรรจ์ในสงคราม
เหยียบย่ำศัตรูไปในโคลนตามถนน
พวกเขาจะสู้รบเพราะพระยาห์เวห์สถิตกับเขา
เขาจะทำให้ทหารม้าอับอายขายหน้า
6“เราจะหนุนกำลังพงศ์พันธุ์ยูดาห์
และเราจะช่วยพงศ์พันธุ์โยเซฟให้รอด
เราจะนำพวกเขากลับมา เพราะเราสงสารเขา
และเขาจะกลับเป็นเหมือนอย่างว่าเราไม่เคยทอดทิ้งเขา
เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เราจะตอบเขา
7แล้วเอฟราอิมจะเป็นเหมือนชายฉกรรจ์
และจิตใจพวกเขาจะเปรมปรีดิ์เหมือนได้ดื่มเหล้าองุ่น
ลูกหลานของเขาจะได้เห็นและชื่นชม
และจิตใจของเขาจะยินดีเหลือล้นในพระยาห์เวห์
8“เราจะเรียกเขาและรวบรวมเขาเข้ามา
เพราะเราได้ไถ่เขาไว้แล้ว
และเขาจะมีจำนวนมากเหมือนกาลก่อน
9แม้เราได้หว่านเขาไปท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
แต่เขาจะระลึกถึงเราในประเทศที่ห่างไกลนั้น
เขาจะเลี้ยงบุตรหลานให้โตและกลับมา
10เราจะนำเขากลับจากแผ่นดินอียิปต์
และรวบรวมเขามาจากอัสซีเรีย
และเราจะนำเขามายังแผ่นดินกิเลอาดและเลบานอน
จนจะไม่มีที่ให้เขาอยู่
11พวกเขาจะผ่านข้ามทะเลแห่งความระทม
และคลื่นทะเลจะถูกทำลาย
และที่ลึกทั้งสิ้นของแม่น้ำไนล์จะแห้งไป
ความเห่อเหิมของอัสซีเรียจะตกต่ำ
และคทาของอียิปต์จะพรากไปเสีย
12เราจะทำให้พวกเขาเข้มแข็งในพระยาห์เวห์
และเขาจะอวดพระนามของพระองค์”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
เศคาริยาห์ 11
1โอ เลบานอนเอ๋ย จงเปิดบรรดาประตูของเจ้า
เพื่อไฟจะได้เผาผลาญไม้สนสีดาร์ของเจ้าเสีย
2โอ ต้นสนสามใบเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะไม้สนสีดาร์ล้มลงเสียแล้ว
เพราะบรรดาไม้ที่สง่างามพินาศลงสิ้นไปแล้ว
ต้นโอ๊กเมืองบาชานเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด
เพราะป่าทึบถูกโค่นเสียแล้ว
3ฟังสิ เสียงร่ำไห้ของผู้เลี้ยงแกะ
เพราะศักดิ์ศรีของพวกเขาก็ถูกทำลายไปแล้ว
ฟังซิ เสียงสิงห์หนุ่มคำราม
เพราะว่าดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดนก็ร้างเปล่า
ผู้เลี้ยงสองแบบ
4พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสดังนี้ว่า “จงเลี้ยงฝูงแพะแกะที่ต้องถูกฆ่า 5บรรดาผู้ที่ซื้อมันไปก็ฆ่าเสีย และไม่ต้องมีโทษ และบรรดาคนที่ขายมันกล่าวว่า ‘สาธุการแด่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ามั่งมีแล้ว’ และผู้เลี้ยงไม่สงสารมันเลย” 6พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะไม่สงสารชาวแผ่นดินอีกต่อไป นี่แน่ะ เราก็จะทำให้เขาต่างคนตกในมือเพื่อนบ้านของเขา และในหัตถ์ของกษัตริย์ของเขา และคนเหล่านั้นจะทำลายแผ่นดิน และเราจะไม่ช่วยสักคนให้พ้นมือของพวกนั้นเลย”
7ดังนั้น ในฐานะตัวแทนของผู้ที่ค้าแกะ ข้าพเจ้าจึงได้เลี้ยงดูฝูงแกะที่กำหนดจะถูกฆ่า ข้าพเจ้าจึงเอาไม้เท้า 2 อัน อันหนึ่งให้ชื่อว่า พระคุณ อีกอันหนึ่งข้าพเจ้าให้ชื่อว่า สหภาพ และข้าพเจ้าก็เลี้ยงดูแกะ 8ในเดือนเดียวข้าพเจ้าขจัดผู้เลี้ยง 3 คนนั้นเสีย แต่ข้าพเจ้าเบื่อคนค้าแกะเสียแล้ว และพวกเขาก็เกลียดชังข้าพเจ้าด้วย 9ข้าพเจ้าจึงว่า “ข้าจะไม่เลี้ยงแกะให้เจ้า อะไรที่จะต้องตายก็ให้ตายไป อะไรที่จะต้องถูกทำลายก็ให้ถูกทำลายไป และให้พวกที่เหลืออยู่นั้นกินเนื้อซึ่งกันและกัน” 10และข้าพเจ้าก็เอาไม้เท้าที่ชื่อพระคุณนั้นมาหัก ล้มเลิกพันธสัญญาซึ่งข้าพเจ้าได้ทำไว้กับชนชาติทั้งหลายเสีย 11จึงเป็นอันล้มเลิกในวันนั้น และบรรดาผู้ที่ค้าแกะ ผู้ซึ่งคอยดูข้าพเจ้าอยู่นั้นก็รู้ว่านั่นเป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์ 12แล้วข้าพเจ้าจึงพูดกับเขาว่า “ถ้าพวกเจ้าเห็นควรก็ให้ค่าจ้างแก่ข้าพเจ้า ถ้าไม่เห็นควรก็ไม่ต้อง” แล้วเขาก็ชั่งเงิน 30 แผ่นให้แก่ข้าพเจ้าเป็นค่าจ้าง 13แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงโยนเงินนั้นเข้าไปในคลัง” คือเงินก้อนงดงามเหลือเกินที่เขาจ่ายให้ข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเอาเงิน 30 แผ่นโยนเข้าไปในคลังในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 14แล้วข้าพเจ้าก็หักไม้เท้าอันที่สองที่ชื่อสหภาพนั้นเสีย ล้มเลิกภราดรภาพระหว่างยูดาห์และอิสราเอล
15แล้วพระยาห์เวห์จึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงหยิบเครื่องใช้ของผู้เลี้ยงแกะผู้ไร้ค่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง 16เพราะนี่แน่ะ เรากำลังตั้งผู้เลี้ยงคนหนึ่งในแผ่นดินนี้ ผู้ไม่สนใจแกะที่กำลังพินาศ หรือแสวงหาตัวที่หลงหายหรือรักษาตัวที่กระดูกหัก หรือเลี้ยงดูตัวที่เป็นปกติ แต่กินเนื้อของแกะอ้วนทุกตัว ฉีกกินจนกระทั่งถึงกีบของมัน
17“วิบัติแก่ผู้เลี้ยงแกะผู้ไร้ค่าของเรา
ผู้ที่ทอดทิ้งฝูงแกะเสีย
ขอให้ดาบฟันแขนของเขา
และฟันตาขวาของเขาเถิด
ขอให้แขนของเขาลีบไปเสีย
และให้ตาขวาของเขาบอดทีเดียว”
อรรถาธิบาย
การสำแดงของพระผู้ช่วยให้รอด
ทำไมบางคนจึงสามารถคิดบวกได้ตลอดเวลา? ทั้งหมดล้วนเกิดจากคำสั้นๆ ว่า ‘ความหวัง’ ดังที่ปรากฏในบทนี้ พระเยซูทรงปลดปล่อยให้ผู้ถูกคุมขังได้เป็นอิสระจาก ‘คุกที่ไร้ซึ่งความหวังของพวกเขา’ (9:11 , พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูทรงเติมคุณด้วยความหวัง ไม่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของคุณจะเลวร้ายเพียงใด อย่าหมดหวัง เราต่างเป็น ‘เชลยที่มีความหวัง’ (ข้อ 12) จอยซ์ ไมเยอร์ เขียนไว้ว่า ‘ความหวังที่แท้จริง คือ ทัศนคติแง่บวกแบบคงเส้นคงวา ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสถานการณ์ตอนนี้ สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น’
ถ้อยคำของเศคาริยาห์นั้นเป็นจริงในหลายระดับ ซึ่งไปไกลเกินกว่าที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของบทที่ 9 (ผ่านทางพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชและกองทัพแมคคาบีส์)ซึ่งสำเร็จเป็นจริงแล้วในพระเยซู
‘นี่แน่ะกษัตริย์ของเธอเสด็จมาหาเธอ ทรงความชอบธรรมและความรอด พระองค์ทรงอ่อนสุภาพและทรงลา ทรงลูกลา’ (ข้อ 9) ถ้อยคำเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริงในวันอาทิตย์ทางตาลแรก เมื่อพระเยซูเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มด้วยการทรงลา (มัทธิว 21:1-5, มาระโก 11:1-11)
เศคาริยาห์เห็นล่วงหน้าว่า กษัตริย์ผู้ถ่อมใจและชอบธรรมจะนำความรอดมา พระองค์ทรงอ่อนน้อม มีใจถ่อม และยากจนแต่เพียงภายนอก ราชอาณาจักรของพระองค์นั้นมิได้มาโดยการสู้รบเหมือนอาณาจักรทั่วไป พระองค์ไม่ใช่กษัตริย์นักรบ (เศคาริยาห์ 9:10)
พระองค์จะนำสันติภาพมาสู่ชาวยิวและคนต่างชาติ (ข้อ 10 ดูเอเฟซัส 2:17) แผ่นดินของพระองค์จะตั้งอยู่จากทะเลนี้ไปถึงทะเลโน้น (เศคาริยาห์ 9:10) คุณจะได้มีประสบการณ์ในพระพรอันยิ่งใหญ่ ‘เพราะโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อเจ้า’ (ข้อ 11)
พระองค์นำอิสรภาพมาสู่เชลย(ข้อ 11 ดู อิสยาห์ 61:1, ลูกา 4:18) พระองค์ทรงนำความมั่นคงมา ‘เชลยที่มีความหวังเอ๋ย จงกลับไปยังที่กำบังเข้มแข็งของเจ้า’ (เศคาริยาห์ 9:12) พระองค์นำพระพรยิ่งใหญ่มา ‘เราจะคืนแก่เจ้าสองเท่า’ (ข้อ 12) ไม่มีใครสามารถเอาชนะพระองค์ได้ ‘อย่างดาบของนักรบ’ (ข้อ 13 ดูวิวรณ์ 1:16) พระองค์นำความรอดมา (เศคาริยาห์ 9:16, ดูลูกา 12:32, ยอห์น 10:1-16)
มีพระสัญญาอันงดงามอีกมากมายในคำพยากรณ์ของเศคาริยาห์ รวมถึงพระเยซู ‘ศิลามุมเอก’ (เศคาริยาห์ 10:4) และผู้ ‘เลี้ยงดูฝูงแกะ’ ผู้ซึ่งจะอภิบาลฝูงแกะด้วย ‘พระคุณ’ และ ‘สหภาพ’ (11:7) ในทางตรงกันข้ามกับเหล่าผู้เลี้ยงแกะ ‘ผู้ไร้ค่า’ ที่ถูกกล่าวถึงในที่นี้ (ข้อ 15) คุณถูกเรียกให้ ‘แสวงหาตัวที่หลงหาย’ ‘รักษาตัวที่กระดูกหัก’ และ ‘เลี้ยงดูตัวที่ปกติ’ (ข้อ 16)
เรายังเห็นในพระธรรมตอนนี้ ถึงสิ่งที่เป็นเงาล่วงหน้าเรื่อง การทรยศของยูดาส ‘เงิน 30 แผ่น’ (ข้อ 12) ที่เป็นราคาค่าหัวของพระเยซู (ดูมัทธิว 26:15)
แทบทุกรายละเอียดของชีวิตพระเยซู บุคลิกลักษณะ พันธกิจ การวายพระชนม์ การฟื้นคืนพระชนม์ และชัยชนะนั้นได้ถูกกล่าวไว้ล่วงหน้าในทางใดทางหนึ่งในพันธสัญญาเดิม และถูกเปิดเผยในพันธสัญญาใหม่
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
วิวรณ์ 1:13-17
ในการเห็นพระเยซู ยอห์นเขียนไว้ว่า ‘เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ ก็ล้มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนอย่างคนตาย’
เป็นการง่ายที่จะคิดถึงพระเยซูในฐานะพระอาจารย์ผู้อ่อนโยนที่เดินอยู่รอบ ๆ เมืองกาลิลี และทำสิ่งดีงาม แต่ในที่นี้ เราได้เห็นพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์ ในพระสง่าราศีทั้งสิ้นของพระองค์ ที่ซึ่งการตอบสนองอย่างเหมาะสมมีเพียงการก้มกราบนมัสการพระองค์
ข้อพระคำประจำวัน
วิวรณ์ 1:17–18
‘อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย เป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ และได้ตายแล้ว แต่นี่แน่ะ เรายังดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)