วิธีพบพระเยซู
เกริ่นนำ
พระคัมภีร์ทั้งเล่มล้วนเกี่ยวข้องกับพระเยซู มาร์ติน ลูเธอร์ กล่าวว่า ‘พระคำของพระเจ้าคือรางหญ้าที่พระเยซูประทับอยู่’ เช่นเดียวกับพ่อแม่ที่เดินไปหาลูกน้อยที่เปล ดังนั้นคริสเตียนก็ต้องไปที่พระคัมภีร์เพื่อพบพระเยซู อย่ามัวแต่ตรวจสอบเปลอยู่จนกระทั่งลืมที่จะนมัสการทารกน้อยนั้น
ในพระธรรมของวันนี้ เราจะเห็นว่าพระเยซูคริสต์ได้รับการเปิดเผยไม่เพียงแค่ในพระธรรมวิวรณ์ในพันธสัญญาใหม่เท่านั้น แต่ในพันธสัญญาเดิมด้วยเช่นกัน คือในพระธรรมสุภาษิต และเศคาริยาห์
สุภาษิต 30:1-10
ถ้อยคำของอากูร์
1ถ้อยคำของอากูร์ บุตรของยาเคห์แห่งมัสสา
ชายคนนั้นพูดกับอิธีเอล
กับอิธีเอลและอูคาลว่า
2แท้จริงข้าก็โง่เกินกว่าจะเป็นคน
ข้าไม่มีความรอบรู้อย่างมนุษย์
3ข้าไม่เคยเรียนรู้ปัญญา
ทั้งไม่มีความรู้เกี่ยวกับองค์บริสุทธิ์
4ใครเล่าได้ขึ้นสวรรค์และลงมา?
ใครรวบรวมลมไว้ในอุ้งมือของตน?
ใครเอาเสื้อผ้าห่อห้วงน้ำไว้?
ใครสถาปนาที่สุดปลายแห่งแผ่นดินโลก?
ผู้นั้นชื่ออะไร? และบุตรของผู้นั้นชื่ออะไร?
ท่านจะต้องรู้แน่
5พระดำรัสทุกคำของพระเจ้าพิสูจน์แล้วว่าจริง
พระองค์ทรงเป็นโล่แก่ผู้ลี้ภัยในพระองค์
6อย่าเพิ่มอะไรเข้ากับพระวจนะของพระองค์
เกรงว่าจะทรงตำหนิเจ้าและทรงตัดสินว่าเจ้าพูดมุสา
7ข้าพระองค์ขอสองสิ่งจากพระองค์
ขออย่าทรงปฏิเสธ ก่อนข้าพระองค์ตาย
8ขอให้ความเท็จและคำมุสาไกลจากข้าพระองค์
ขออย่าประทานความยากจนหรือความมั่งคั่งแก่ข้าพระองค์
ขอทรงเลี้ยงข้าพระองค์ด้วยอาหารที่จำเป็นแก่ข้าพระองค์
9เกรงว่าข้าพระองค์จะอิ่ม และปฏิเสธพระองค์
แล้วพูดว่า “พระยาห์เวห์เป็นใครเล่า?”
หรือเกรงว่าข้าพระองค์จะยากจนและขโมย
และลบหลู่พระนามพระเจ้าของข้าพระองค์
10อย่ากล่าวร้ายคนรับใช้ให้นายของเขาฟัง
เกรงว่าเขาจะแช่งเจ้า และเจ้าจะต้องรับโทษ
อรรถาธิบาย
พระนามของพระเยซู
มีหลักฐานอะไรเรื่องพระเจ้าบ้างหรือไม่?
‘บุคคลช่างสงสัยสาบานว่า “ไม่มีพระเจ้า ไม่มีพระเจ้า ข้าพเจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ... ข้าพเจ้าไม่เห็นหลักฐานใด ๆ ที่เกี่ยวกับพระเจ้าผู้บริสุทธิ์”’ (ข้อ 1–3 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
บุคคลช่างสงสัยถามต่อไปอีก 5 คำถาม (ข้อ 4):
- ใครเล่าได้ขึ้นสวรรค์แล้วกลับลงมา?
- ใครรวบรวมลมไว้ในอุ้งมือของตน?
- ใครเอาเสื้อผ้าห่อห้วงน้ำไว้?
- ใครสถาปนาที่สุดปลายแห่งแผ่นดินโลก?
- ผู้นั้นชื่ออะไร และบุตรของผู้นั้นชื่ออะไร?
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เปิดเผยคำตอบของแต่ละข้อจากทั้ง 5 คำถามนี้ นั่นก็คือ พระเยซู พระเยซู พระเยซู พระเยซู พระเยซู พระเยซูคือผู้ที่เสด็จขึ้นสู่เบื้องบน (ดูตัวอย่างใน เอเฟซัส 4:8-10) โดยทางพระเยซูทั้งโลกจึงเป็นขึ้นมา (ยอห์น 1:1-3) พระองค์คือพระนามที่อยู่เหนือนามทั้งปวง (ฟิลิปปี 2:9) หลักฐานเกี่ยวกับพระเจ้านั้นพบได้ในพระเยซู
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เปิดเผยพระนามของพระเจ้าว่าคือ พระเยซู ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตใส่ใจอย่างมากใน ‘พระนามพระเจ้าของข้าพระองค์’ (สุภาษิต 30:9) และขอให้ ‘อย่าประทานความยากจนหรือความมั่งคั่ง’ (ข้อ 8) เขาเกรงว่าความมั่งคั่งนั้นจะทำให้เขาปฏิเสธพระเจ้า และความยากจนนั้นจะทำให้เขาลักขโมยและทำให้ “ลบหลู่พระนามพระเจ้าของข้าพระองค์” (ข้อ 9)
คำอธิษฐาน
วิวรณ์ 2:1-17
ถ้อยคำถึงคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส
1“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสดังนี้ว่า
2“เรารู้จักความประพฤติของเจ้า รู้เรื่องการตรากตรำและความทรหดอดทนของเจ้า และรู้ว่าเจ้าไม่ยอมทนต่อพวกคนชั่ว เจ้าทดสอบพวกที่อ้างตัวว่าเป็นอัครทูต แต่ไม่ได้เป็น และเจ้าก็พบว่าพวกเขาโกหก 3เรารู้ว่าพวกเจ้ามีความทรหดอดทน และยอมทนเพราะนามของเรา และไม่ได้อ่อนระอา 4แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือว่าเจ้าละทิ้งความรักครั้งแรกของเจ้า 5เพราะฉะนั้นจงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าตกลงมาแล้วนั้น จงกลับใจใหม่และทำตามที่ประพฤติในตอนแรก มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีปของเจ้าออกจากที่ของมัน นอกจากว่าเจ้าจะกลับใจใหม่ 6แต่ว่าเจ้ายังมีข้อดีอยู่ คือว่าเจ้าเกลียดชังความประพฤติของพวกนิโคเลาส์ที่เราเองก็เกลียดชัง 7ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย คนที่ชนะ เราจะให้เขากินผลจากต้นไม้ที่ให้ ชีวิต ที่อยู่ในเมืองบรมสุขเกษมของพระเจ้า” ’
ถ้อยคำถึงคริสตจักรเมืองสเมอร์นา
8“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า ‘พระองค์ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก ตรัสดังนี้ว่า
9“เรารู้เรื่องความยากลำบากและยากจนของเจ้า (แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี) และรู้เรื่องการกล่าวร้ายของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นยิวและไม่ได้เป็น แต่เป็นธรรมศาลาของซาตาน 10อย่ากลัวการทนทุกข์ที่เจ้าจะได้รับนั้น นี่แน่ะ มารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื่อทดลองพวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับความยากลำบากถึงสิบวัน แต่เจ้าจงซื่อสัตย์จวบจนวันตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า 11ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย คนที่ชนะจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สองเลย” ’
ถ้อยคำถึงคริสตจักรเมืองเปอร์กามัม
12“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเปอร์กามัมว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดาบสองคมที่คมกริบตรัสดังนี้ว่า
13“เรารู้จักที่อยู่ของเจ้า ที่ซึ่งเป็นบัลลังก์ของซาตาน ถึงกระนั้นเจ้าก็ยึดมั่นในนามของเรา และไม่ปฏิเสธความเชื่อในเรา แม้ในเวลาที่อันทีพาสพยานผู้ซื่อสัตย์ของเราต้องถูกฆ่าท่ามกลางพวกเจ้า ในที่ซึ่งซาตานอยู่นั้น 14แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าสองสามข้อ คือเจ้ามีบางคนที่ยึดถือคำสอนของบาลาอัมอยู่ที่นั่น ผู้ซึ่งสอนบาลาคให้วางสิ่งสะดุดต่อหน้าพวกอิสราเอล คือให้พวกเขากินอาหารที่บูชารูปเคารพและล่วงประเวณี 15เช่นเดียวกันเจ้าก็มีคนที่ยึดถือคำสอนของพวกนิโคเลาส์ด้วย 16เพราะฉะนั้นจงกลับใจใหม่ มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้าโดยเร็ว และจะต่อสู้กับพวกเขาด้วยดาบในปากของเรา 17ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย เราจะให้มานาที่ซ่อนอยู่แก่คนที่ชนะ และจะให้หินขาวแก่เขาด้วย และบนหินนั้นจะมีชื่อใหม่จารึกไว้ซึ่งไม่มีใครรู้เลยนอกจากผู้ที่ได้รับ” ’
อรรถาธิบาย
พระคำของพระเยซู
ถ้อยคำเหล่านี้ของพระเยซู (‘พระองค์ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับมีชีวิตอีก’, ข้อ 8) ต่อคริสตจักรทั้งเจ็ดนั้นมีความท้าทายอย่างมาก พระเยซูผู้ฟื้นคืนพระชนม์ เสด็จสู่เบื้องบนและเต็มไปด้วยสง่าราศี ทรงเปิดเผยถึงคริสตจักรแบบที่พระองค์ทรงปรารถนา
- อย่าละทิ้งความรักครั้งแรกของเจ้า
พระเยซูทรงมองหาคริสตจักรที่มีชื่อเสียงดีในด้านความรักเหนือสิ่งอื่นใด
คุณจำได้ไหมว่าคุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้พบพระเยซูครั้งแรก? บางทีคุณอาจมีประสบการณ์แห่งความชื่นชมยินดี สันติสุข และแง่มุมใหม่ ๆ ในเรื่องความหมายและวัตถุประสงค์ รวมไปถึงความตื่นเต้น คุณ ‘ตกหลุมรัก’ หรือไม่? เคยมี ‘ช่วงหวานชื่น’ ไหม?
เมื่อชีวิตดำเนินไปเรื่อย ๆ เป็นเรื่องง่ายที่จะสูญเสีย ‘ความรักครั้งแรก’ (ข้อ 4) ไป เพราะมีสิ่งอื่นคืบคลานเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ความยุ่งเหยิงของชีวิต หรือแม้กระทั่งงานรับใช้ของคุณเองก็สามารถนำคุณห่างไกลออกไปจากความปรารถนาอันแรงกล้าแห่งรักครั้งแรกของคุณ
พระเยซูทรงยกย่องงานรับใช้ของพวกเขา ‘เรารู้จักความประพฤติของเจ้า รู้เรื่องการตรากตรำและความทรหดอดทนของเจ้า’ (ข้อ 2) แต่มีหลายช่วงเวลาในชีวิตของผมที่ได้ตรากตรำทำงานอย่างหนักเพื่อแผ่นดินของพระเจ้าจนได้ละเลยองค์จอมกษัตริย์ไป
พระเยซูทรงชื่มชมความทรหดอดทนต่อความยากลำบากของพวกเขา 'พวกเจ้า..ทรหดอดทน และยอมทนเพราะนามของเรา’ (ข้อ 3) แต่มีหลายช่วงเวลาที่ผมจดจ่ออยู่กับปัญหาและความยากลำบากของตัวเอง จนสูญเสียความกระตือรือร้นไป
พระองค์ทรงยกย่องหลักปฏิบัติตามความเชื่อของพวกเขา ที่พวกเขาไม่ยอมทนต่อพวกคนชั่ว (ข้อ 2) แต่มีหลายช่วงเวลาที่ผมกังวลอย่างมากเกี่ยวหลักปฏิบัติจนลืมที่จะรัก
พระเยซูทรงท้าทายว่า ‘เจ้าละทิ้งความรักครั้งแรกของเจ้า’ (ข้อ 4) นี่เป็นถ้อยคำที่ติดอยู่ในใจ คุณควรทำอะไร หากสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว?
พระเยซูทรงเตือนคุณให้:
ระลึกถึงความรักครั้งแรก เพื่อที่จะระลึกได้ว่าคุณได้ตกลงมาไกลแค่ไหนแล้ว (ข้อ 5) อย่าสูญเสียความรักครั้งแรก ความกระตือรือร้น และความตื่นเต้นของคุณเรื่องพระเยซู
กลับใจใหม่ และสะสางการกระทำ ถ้าคุณได้ไถลเข้าไปในจุดอิ่มตัวหรือการประนีประนอม คุณอาจต้องทิ้งขี้แร่เสีย ดังที่เราได้อ่านในพระธรรมเศคาริยาห์ “ถลุงเขาเหมือนถลุงเงินและทดสอบเขาเหมือนทดสอบทองคำ เขาจะร้องทูลออกนามของเรา และเราจะตอบเขา เราจะกล่าวว่า ‘เขาทั้งหลายเป็นชนชาติของเรา’และเขาจะกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์คือพระเจ้าของข้าพเจ้า”’ (เศคาริยาห์ 13:9)
ถ้าคุณกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการทดสอบและการทดลองในชีวิต พระเจ้าจะใช้ความร้อนดั่งไฟเพื่อชำระคุณให้บริสุทธิ์
- กลับมาทำในสิ่งที่คุณเคยทำเมื่อครั้งที่พบกับพระเยซูครั้งแรก ‘จงทำตามที่ประพฤติในตอนแรก’ (วิวรณ์ 2:5)
- ยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับการถูกข่มเหง
ศิษยาภิบาลยูเซฟ นาดาร์คานี ได้ถูกจองจำในคุกประเทศอิหร่านเพราะความเชื่อของเขาในพระเยซูคริสต์ เขาถูกตัดสินประหารชีวิต แต่เพราะแรงกดดันจากนานาชาติทำให้เขาถูกปล่อยตัว และได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง ผมได้สิทธิพิเศษในการสัมภาษณ์เขาที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน เราทุกคนได้รับแรงบันดาลใจจากความสัตย์ซื่อ และความกล้าหาญของเขา
มีเพียงแค่สองจากเจ็ดคริสตจักรเท่านั้นที่พระเยซูไม่พบข้อบกพร่อง คือเมืองสเมอร์นา และฟิลาเดเฟีย เมืองสเมอร์นามีความมั่งมีในฝ่ายจิตวิญญาณแม้ถูกข่มเหงหลายต่อหลายครั้ง และมีความยากจนในเรื่องวัตถุสิ่งของ ‘เรารู้เรื่องความยากลำบากและยากจนของเจ้า แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี’ (ข้อ 9)
ถ้อยคำของพระเยซูต่อคริสตจักรนี้ไม่ใช่ ‘กลับใจใหม่’ (ดังที่มักพบในคริสตจักรอื่น ๆ) แต่เป็น ‘อย่ากลัว’ (ข้อ 10) เช่นเดียวกับคริสตจักรที่ถูกข่มเหงในวันนี้ พวกเขาเผชิญกับการจองจำ การข่มเหง และแม้กระทั่งความตาย แต่พระเจ้าทรงตั้งขีดจำกัด (‘ถึงสิบวัน’) และทรงสัญญาว่า ‘เราจะมอบมงกุฏแห่งชีวิตให้แก่เจ้า’ (ข้อ 10ข)
- ต่อสู้เพื่อความจริง
คริสตจักรเมืองเปอร์กามัมอยู่ในสถานที่ซึ่งปราศจากพระเจ้าอย่างที่สุดบนโลกนี้ ‘ที่ซึ่งเป็นบัลลังก์ของซาตาน’ (ข้อ 13) แต่พระเยซูกล่าวว่า ‘เจ้าก็ยึดมั่นในนามของเรา’ (ข้อ 13) พวกเขาไม่ได้ละทิ้งความเชื่อในพระเยซูแม้จะมีการข่มเหง
อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงท้าทายพวกเขาเกี่ยวกับการยึดถือคำสอนเทียมเท็จ และการทำผิดฐานล่วงประเวณี (ข้อ 14) ความจริงเป็นสิ่งสำคัญ พระองค์ทรงเรียกให้พวกเขากลับใจใหม่ (ข้อ 16) และทรงสัญญาว่าถ้าพวกเขาเอาชนะได้ พระองค์จะประทานอาหารที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณแก่พวกเขา (‘มานาที่ซ่อนอยู่’ ข้อ 17) และความมั่นคงนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์
คำอธิษฐาน
เศคาริยาห์ 12:1-14:21
การช่วยกู้เยรูซาเล็ม
ครุวาท
1พระวจนะของพระยาห์เวห์เกี่ยวกับเรื่องอิสราเอล พระยาห์เวห์ผู้ทรงขึงท้องฟ้าออก และวางรากพิภพ และปั้นจิตวิญญาณให้มีอยู่ในมนุษย์ ตรัสว่า 2“นี่แน่ะ เรากำลังจะทำกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นถ้วยน้ำเมาสำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบยูดาห์มารวมในถ้วยนั้นด้วยเมื่อกรุงเยรูซาเล็มถูกล้อม 3ในวันนั้น เราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นหินหนักแก่บรรดาชนชาติทั้งหลาย ผู้ที่พยายามยกหินนั้นขึ้นจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บอย่างสาหัส และประชาชาติทั้งสิ้นในพิภพจะสมทบกันสู้เยรูซาเล็ม 4พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในวันนั้น เราจะให้ม้าทุกตัววุ่นวาย และทำให้คนขี่บ้าคลั่ง แต่เราจะดูแลพงศ์พันธุ์ยูดาห์ เมื่อเราทำให้ม้าทุกตัวของชนชาติทั้งหลายตาบอดไป 5แล้วหัวหน้าตระกูลยูดาห์จะรำพึงในใจว่า ‘ชาวเยรูซาเล็มมีกำลังเนื่องจากพระยาห์เวห์จอมทัพพระเจ้าของเขา’
6“ในวันนั้น เราจะทำให้หัวหน้าตระกูลยูดาห์ทั้งหลายเป็นเหมือนหม้อร้อนแดงอยู่ท่ามกลางกองฟืน เหมือนคบเพลิงอยู่ท่ามกลางฟ่อนข้าว และจะเผาผลาญพวกชนชาติที่อยู่ล้อมรอบไปทางขวาและไปทางซ้ายเสีย ส่วนเยรูซาเล็มจะมีคนอาศัยอยู่ในที่เดิมนั้นเอง คือในเยรูซาเล็ม
7“และพระยาห์เวห์จะช่วยกู้บรรดาเต็นท์ของทหารยูดาห์ก่อน เพื่อว่าศักดิ์ศรีแห่งราชวงศ์ดาวิด และศักดิ์ศรีแห่งชาวเยรูซาเล็มจะไม่ได้เป็นที่ยกย่องเหนือกว่าศักดิ์ศรีของยูดาห์ 8ในวันนั้นพระยาห์เวห์จะทรงปกป้องชาวเยรูซาเล็มไว้ เพื่อว่าคนที่อ่อนแอที่สุดท่ามกลางเขา ในวันนั้นจะเป็นเหมือนดาวิด และราชวงศ์ของดาวิดจะเป็นเหมือนพระเจ้า เหมือนทูตของพระยาห์เวห์นำหน้าเขาทั้งหลาย 9ในวันนั้น เราจะหาโอกาสทำลายประชาชาติทั้งสิ้น ซึ่งเข้ามาต่อสู้เยรูซาเล็ม
การไว้ทุกข์เพื่อผู้ที่ถูกแทง
10“และเราจะเทวิญญาณแห่งความโปรดปรานและการวิงวอนบนราชวงศ์ดาวิดและชาวเยรูซาเล็ม ดังนั้นเมื่อเขาทั้งหลายมองดูท่าน ผู้ซึ่งเขาเองได้แทง เขาจะไว้ทุกข์เพื่อท่าน เหมือนคนไว้ทุกข์เพื่อบุตรคนเดียวของตน และร้องไห้อย่างขมขื่นเพื่อท่าน เหมือนอย่างคนร้องไห้เพื่อบุตรหัวปีของตน 11ในวันนั้น การไว้ทุกข์ในเยรูซาเล็มจะใหญ่โตอย่างการไว้ทุกข์เพื่อฮาดัดริมโมน ณ ที่ราบเมกิดโด 12แผ่นดินจะไว้ทุกข์ ตามครอบครัวแต่ละครอบครัว ครอบครัวราชวงศ์ดาวิดต่างหาก และบรรดาภรรยาของพวกเขาต่างหาก ครอบครัวของวงศ์นาธันต่างหาก และบรรดาภรรยาของพวกเขาต่างหาก 13ครอบครัวของวงศ์เลวีต่างหาก และภรรยาของพวกเขาต่างหาก ครอบครัวตระกูลชิเมอีต่างหาก และภรรยาของพวกเขาต่างหาก 14และทุกครอบครัวที่เหลืออยู่ก็ไว้ทุกข์ต่างหาก และบรรดาภรรยาของพวกเขาต่างหาก
เศคาริยาห์ 13
1“ในวันนั้น จะมีน้ำพุพลุ่งขึ้นสำหรับราชวงศ์ของดาวิดและชาวเยรูซาเล็ม เพื่อจะชำระเขาให้พ้นจากบาปและมลทิน
การไหว้รูปเคารพจะถูกกำจัด
2“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ในวันนั้น เราจะกำจัดชื่อของรูปเคารพเสียจากแผ่นดิน เพื่อชื่อนั้นจะไม่ถูกระลึกถึงอีกเลย และเราจะไล่บรรดาผู้เผยพระวจนะและวิญญาณที่ไม่สะอาดไปเสียจากแผ่นดิน 3ถ้ามีใครปรากฏตัวเป็นผู้เผยพระวจนะอีก บิดามารดาผู้ให้เขาเกิดมาจะพูดกับเขาว่า ‘เจ้าอย่ามีชีวิตอยู่เลย เพราะเจ้าพูดโกหกในพระนามของพระยาห์เวห์’ เมื่อเขาเผยพระวจนะ บิดามารดาผู้ให้เขาเกิดมาจะแทงเขาให้ทะลุ 4ในวันนั้น ผู้เผยพระวจนะแต่ละคนจะมีความละอายเพราะนิมิตของเขาเมื่อเผยพระวจนะ เขาจะไม่สวมผ้ามีขนเพื่อล่อลวงอีกต่อไป 5แต่เขาจะกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะ ข้าพเจ้าเป็นชาวนา เพราะว่าพื้นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของข้าพเจ้า ตั้งแต่ข้าพเจ้ายังหนุ่มๆ’ 6และถ้าใครจะถามเขาว่า ‘ทำไมท่านมีแผลที่อก?’ เขาจะตอบว่า ‘ข้าพเจ้าได้แผลนั้นในบ้านของพวกเพื่อนข้าพเจ้า’ ”
ผู้เลี้ยงถูกตีและฝูงแกะกระจัดกระจาย
7พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า
“ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นต่อสู้ผู้เลี้ยงแกะของเรา
จงต่อสู้ผู้ที่สนิทกับเรา
จงตีผู้เลี้ยง และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป
เราจะพลิกมือของเรามาต่อสู้กับตัวเล็กตัวน้อย”
8พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ทั่วทั้งแผ่นดิน
จะต้องกำจัดสองในสามให้พินาศไปเสีย
และเหลือไว้หนึ่งในสาม
9เราจะเอาหนึ่งในสามนี้ใส่ไฟ
และถลุงเขาเหมือนถลุงเงิน
และทดสอบเขาเหมือนทดสอบทองคำ
เขาจะร้องทูลออกนามของเรา
และเราจะตอบเขา
เราจะกล่าวว่า ‘เขาทั้งหลายเป็นชนชาติของเรา’
และเขาจะกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์คือพระเจ้าของข้าพเจ้า’ ”
เศคาริยาห์ 14
สงครามและชัยชนะ
1นี่แน่ะ จะมีวันหนึ่งมาถึงเพื่อพระยาห์เวห์ เมื่อทรัพย์สินที่เขาริบไปจากเจ้านั้น เขาจะแบ่งกันท่ามกลางเจ้า 2เพราะเราจะรวบรวมประชาชาติทั้งสิ้นให้ทำศึกกับเยรูซาเล็ม เมืองนั้นจะถูกยึด ทรัพย์ในบ้านจะถูกปล้นและผู้หญิงจะถูกข่มขืน พลเมืองครึ่งหนึ่งจะตกไปเป็นเชลย แต่ประชาชนส่วนที่เหลืออยู่จะไม่ถูกตัดออกเสียจากเมือง 3แล้วพระยาห์เวห์จะเสด็จออกไปต่อสู้กับประชาชาติเหล่านั้น เหมือนเมื่อพระองค์ทรงต่อสู้ในวันสงคราม 4ในวันนั้น พระบาทของพระองค์จะทรงยืนอยู่ที่ภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่หน้ากรุงเยรูซาเล็มด้านตะวันออก และภูเขามะกอกเทศนั้นจะแยกออกเป็น 2 ส่วน จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก โดยมีหุบเขากว้างมากคั่นอยู่ ภูเขากึ่งหนึ่งจึงจะถอยไปทางเหนือ และอีกกึ่งหนึ่งจะถอยไปทางใต้ 5และท่านจะต้องหนีทางหุบเขาของเรานั้น เพราะว่าหุบเขาแห่งบรรดาภูเขาจะมาจรดอาซาล และท่านทั้งหลายจะต้องหนีไป อย่างที่หนีจากแผ่นดินไหวสมัยอุสซียาห์ กษัตริย์ประเทศยูดาห์ แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะเสด็จมา และบรรดาทูตทั้งสิ้นจะมากับพระองค์
6ในวันนั้นจะไม่มีความหนาวเหน็บและน้ำค้างแข็ง 7จะมีแต่วัน (พระยาห์เวห์ทรงทราบ) ไม่ใช่วันสลับคืน แต่เวลาเย็นค่ำจะมีแสงสว่าง
8ในวันนั้นน้ำพุจะไหลออกจากเยรูซาเล็ม ครึ่งหนึ่งจะไหลไปสู่ทะเลด้านตะวันออก และครึ่งหนึ่งจะไหลไปสู่ทะเลด้านตะวันตก จะไหลเรื่อยไปทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว
9และพระยาห์เวห์จะทรงเป็นกษัตริย์เหนือพิภพทั้งสิ้น ในวันนั้นพระยาห์เวห์จะทรงเป็นเอก และพระนามของพระองค์ก็เป็นเอกด้วย
10แผ่นดินทั้งสิ้นจะกลายเป็นที่ราบจากเกบาถึงริมโมนใต้เยรูซาเล็ม แต่เยรูซาเล็มจะดำรงสูงเด่นอยู่ในที่ตั้งของเมืองนั้น จากประตูเบนยามินถึงสถานที่ที่เป็นประตูเก่าถึงประตูมุม และจากหอคอยฮานันเอลถึงบ่อย่ำองุ่นของกษัตริย์ 11และจะมีผู้คนอาศัยอยู่เพราะไม่มีการแช่งให้พินาศอีกแล้ว เยรูซาเล็มจะอยู่อย่างปลอดภัย
12ต่อไปนี้เป็นภัยพิบัติซึ่งพระยาห์เวห์จะทรงใช้โจมตีบรรดาชนชาติทั้งหลายที่มาทำสงครามกับเยรูซาเล็ม คือ เนื้อของเขาจะเน่าเสียเมื่อเขายังยืนอยู่ได้ ตาของเขาจะเน่าคาเบ้าตา และลิ้นของเขาจะเน่าคาปาก 13ในวันนั้น ความสับสนอลหม่านอย่างใหญ่โตจากพระยาห์เวห์จะตกลงเหนือพวกเขา แล้วคนหนึ่งจะจับมือเพื่อนของตน และเขาจะยกมือขึ้นต่อสู้กันและกัน 14แม้ว่ายูดาห์ก็จะต่อสู้กันที่เยรูซาเล็ม ทรัพย์สมบัติของประชาชาติทั้งสิ้นที่อยู่ล้อมรอบจะถูกเก็บ มีทองคำ เงิน และเสื้อผ้ามากมาย 15และภัยพิบัติที่เหมือนภัยพิบัติอย่างนี้จะโจมตีม้า ล่อ อูฐ ลา และไม่ว่าสัตว์เลี้ยงชนิดใดซึ่งมีอยู่ในค่ายเหล่านั้น
16และอยู่มาบรรดาคนที่เหลืออยู่ในทุกชาติซึ่งยกขึ้นมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม จะขึ้นไปปีแล้วปีเล่าเพื่อนมัสการกษัตริย์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ และจะถือเทศกาลอยู่เพิง 17ถ้าตระกูลใดในพื้นพิภพไม่ขึ้นไปยังเยรูซาเล็ม เพื่อนมัสการกษัตริย์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ ฝนก็จะไม่ตกให้เขาเหล่านั้น 18และถ้าตระกูลอียิปต์ไม่ขึ้นไปปรากฏตัวที่นั่นก็จะไม่รับฝนเหมือนกัน เขาจะรับภัยพิบัติเหมือนภัยพิบัติซึ่งพระยาห์เวห์ทรงใช้โจมตีประชาชาติอื่นๆ ซึ่งไม่ขึ้นไปถือเทศกาลอยู่เพิง 19ที่กล่าวนี้จะเป็นการลงทัณฑ์อียิปต์และประชาชาติทั้งสิ้น ซึ่งไม่ขึ้นไปถือเทศกาลอยู่เพิง
20และในวันนั้น ลูกพรวนที่ผูกม้าจะมีคำจารึกว่า “บริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์” และหม้อปรุงอาหารซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์จะเป็นเหมือนชามซึ่งอยู่หน้าแท่นบูชา 21เออ และหม้อปรุงอาหารทุกใบในเยรูซาเล็มและยูดาห์ จะเป็นของบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์จอมทัพ เพื่อว่าทุกคนที่มาถวายสัตวบูชาจะเอาหม้อไปบ้าง และจะต้มเนื้อในหม้อเหล่านั้น ในวันนั้นจะไม่มีพ่อค้าในพระนิเวศของพระยาห์เวห์จอมทัพอีกต่อไป
อรรถาธิบาย
พระคุณของพระเยซู
พระเจ้าทรงสัญญากับประชากรของพระองค์ว่า ‘และเราจะเท...วิญญาณแห่งความโปรดปรานและการวิงวอน’ (12:10) พระวิญญาณบริสุทธิ์คือ วิญญาณแห่งพระคุณ และการวิงวอน พระองค์ทรงเทพระคุณของพระเจ้าลงมาในจิตใจของคุณ (ความรักของพระองค์ที่เราไม่สมควรได้รับ) และช่วยเราให้อธิษฐาน (ดู โรม 8:26–27) พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำงานในความคิดคุณ ทรงเร้าใจคุณให้อธิษฐานเผื่อผู้คน และสถานการณ์ต่าง ๆ
สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้อย่างไร? เศคาริยาห์กล่าวต่อไปว่า ‘เขาทั้งหลายมองดูท่าน ผู้ซึ่งเขาเองได้แทง’ (เศคาริยาห์ 12:10) ใครคือคนที่เขาทั้งหลายแทง? อัครสาวกยอห์นให้คำตอบว่า ‘ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระเยซู…สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์... “พวกเขาจะมองดูพระองค์ผู้ที่เขาแทง”’ (ยอห์น 19:34-37)
ผลลัพธ์คืออะไร? ‘ในวันนั้นจะมีน้ำพุพลุ่งขึ้นสำหรับราชวงศ์ของดาวิดและชาวเยรูซาเล็มเพื่อชำระเขาให้พ้นจากบาปและมลทิน’ (เศคาริยาห์ 13:1) นี่คือพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ผ่านทางการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ผ่านการถูกแทงเพื่อคุณ พระองค์ทำให้การที่คุณจะได้รับการชำระจากความบาปทุกอย่าง และมลทินทั้งสิ้นนั้นเป็นไปได้
ดูเหมือนว่าพระเยซูมีพระธรรมตอนนี้อยู่ในพระทัย เมื่อพระองค์ทรงคิดถึงความตายของพระองค์เอง พระองค์กล่าวใน เศคาริยาห์ 13:7 เมื่อทรงทำนายสิ่งนั้น ทันทีที่ทรงถูกจับกุม สาวกทั้งหลายจะทอดทิ้งพระองค์ ‘เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะและแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’ (ข้อ 7 ดู มัทธิว 26:31,56)
ถ้อยคำในพระธรรมเศคาริยาห์บทที่ 14 สามารถเห็นได้จากการรอคอยในชีวิต การตาย และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู และการเสด็จกลับมาของพระองค์:
- พระเยซูคือผู้ที่พระบาทของพระองค์จะทรงยืนอยู่ที่ภูเขามะกอกเทศ (เศคาริยาห์ 14:4, มัทธิว 21:1)
- พระเยซูคือผู้ที่เสด็จออกไปต่อสู้กับประชาชาติเหล่านั้นในวันแห่งสงคราม (เศคาริยาห์ 14:3, วิวรณ์ 20)
- พระเยซูคือแหล่งที่น้ำพุแห่งชีวิตไหลหลั่งออกมา (เศคาริยาห์ 14:8, ยอห์น 7:37–39)
- พระเยซูคือผู้ที่จะได้รับการนมัสการดั่งจอมกษัตริย์ (เศคาริยาห์ 14:16, วิวรณ์ 5)
- พระเยซูคือผู้ที่จะทำให้เป็นได้ว่า ‘บริสุทธิ์แด่องค์พระยาห์เวห์’ จะถูกจารึกบนทุกสิ่ง (เศคาริยาห์ 14:20)
- พระเยซูทรงทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างโลกียวิสัยและความศักดิ์สิทธิ์ หม้อปรุงอาหารเป็นภาชนะที่ใช้กันทั่วไปในทุกครัวเรือน แต่ก็มีคำจารึกด้วยว่า ‘บริสุทธิ์แด่องค์พระยาห์เวห์’ (ข้อ 20)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
วิวรณ์ 2:1-17
“จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส...ที่เมืองสเมอร์นา..ที่เมืองเปอร์กามัม”
ฉันสงสัยว่าพระเยซูจะพูดอะไรบ้างเกี่ยวกับคริสตจักรของเรา บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเราทำได้ดี แต่พระองค์อาจไม่ประทับใจในสิ่งนั้นเลย แต่พระองค์อาจชื่นชมในการกระทำเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความเชื่อที่พวกเราเองไม่สังเกตเห็น
ข้อพระคำประจำวัน
สุภาษิต 30:5
‘… พระองค์ทรงเป็นโล่กำบังแก่ผู้ลี้ภัยในพระองค์’

App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)