อย่างแรงกล้า
เกริ่นนำ
คุณถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับพระเจ้า พระเยซูเสด็จมาเพื่อทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ บางครั้ง ผมพบว่าผมสูญเสียการจดจ่อเพราะบางสิ่งบางอย่าง แม้กระทั่งงานรับใช้เพื่อพระเจ้าก็สามารถทำให้ผมห่างจากความสัมพันธ์กับพระองค์ ในบางครั้ง ผมต้องการพระเมตตา พระกรุณา และการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างมาก เมื่อเราพบว่าตัวเองอยู่ในจุดที่หมดหวัง สิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงเราไว้ คือ การทรงสถิตของพระเจ้า
สดุดี 139:17-24
17ข้าแต่พระเจ้า สำหรับข้าพระองค์แล้ว พระดำริของพระองค์ล้ำค่ายิ่ง
รวมกันเข้าก็มากมายนักหนา
18ถ้าข้าพระองค์จะนับพระดำรินั้นก็มากกว่าเม็ดทราย
เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์จะยังอยู่กับพระองค์
19ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสังหารคนอธรรมเสีย
ส่วนเจ้า พวกคนกระหายเลือด จงไปให้พ้นข้า
20พวกเขากล่าวถึงพระองค์ด้วยเจตนาร้าย
พวกศัตรูของพระองค์ใช้พระนามไปในทางที่ผิด
21ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์มิได้เกลียดผู้ที่เกลียดพระองค์หรือ?
และข้าพระองค์มิได้ชิงชังผู้ที่ลุกขึ้นต่อสู้พระองค์ดอกหรือ?
22ข้าพระองค์เกลียดพวกเขาเข้ากระดูกดำ
และนับเขาเป็นศัตรูของข้าพระองค์
23ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตรวจค้นข้าพระองค์และทรงรู้จักจิตใจของข้าพระองค์
ขอทรงทดสอบข้าพระองค์และทรงรู้จักความคิดของข้าพระองค์ 24`และขอทอดพระเนตรว่ามีทางชั่วใดๆ ในข้าพระองค์หรือไม่
และขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางนิรันดร์
อรรถาธิบาย
ต้องการพระดำริของพระเจ้าอย่างยิ่ง
เป็นพระพรอันน่าทึ่งมากที่สามารถตื่นขึ้นมาในแต่ละวัน และรู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่กับคุณ และพระองค์อยากพูดคุยกับคุณ: ‘เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์จะยังอยู่กับพระองค์!’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมผมชอบอ่านพระคัมภีร์เป็นสิ่งแรกในตอนเช้า เพราะผมอยากจะรู้พระดำริของพระเจ้าอย่างยิ่ง
ดาวิดนั้นต้องการพระเจ้าอย่างยิ่ง เขาอยากรู้ความคิดของพระเจ้า: ‘พระดำริของพระองค์ล้ำค่ายิ่ง รวมกันเข้าก็มากมายนักหนา ถ้าข้าพระองค์จะนับพระดำรินั้นก็มากกว่าเม็ดทราย เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์จะยังอยู่กับพระองค์’ (ข้อ 17-18)
ดาวิดยัง*ต้องการอย่างแรงกล้าที่จะไม่ทำให้พระเจ้าขุ่นเคืองพระทัยใด ๆ *
ขอทรงตรวจค้นข้าพระองค์ และรู้จักจิตใจของข้าพระองค์ ขอทดสอบข้าพระองค์และทรงรู้จักความคิดของข้าพระองค์ และขอทรงทอดพระเนตรว่ามีทางชั่วใด ๆ ในข้าพระองค์หรือไม่ และขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางนิรันดร์ (ข้อ 23-24)
คำอธิษฐาน
ยูดา 1:1-25
การทักทาย
1ยูดาส ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์และเป็นน้องชายของยากอบ
เรียน คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงเรียก ผู้เป็นที่รักของพระเจ้าพระบิดา และได้รับการคุ้มครองรักษาไว้เพื่อพระเยซูคริสต์
2ขอพระเมตตา สันติสุข และความรักจงเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลายยิ่งๆ ขึ้นเถิด
การพิพากษาลงโทษผู้สอนเท็จ
3ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเขียนถึงท่านเรื่องความรอดที่เรามีร่วมกัน แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า จำเป็นจะต้องเขียนวิงวอนท่านให้ต่อสู้เพื่อหลักความเชื่อที่ได้ทรงมอบให้กับพวกธรรมิกชนครั้งเดียวสำหรับตลอดไป 4เพราะว่าบางคนได้แอบแฝงเข้ามาในหมู่ท่าน การลงโทษคนพวกนี้มีเขียนไว้นานแล้ว พวกเขาเป็นคนอธรรมที่ถือเอาพระคุณของพระเจ้าของเรามาบิดเบือนเป็นช่องทางทำความชั่วช้าลามก และได้ปฏิเสธพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นเจ้านายและองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแต่องค์เดียว
5ถึงพวกท่านจะรู้ข้อความเหล่านี้หมดแล้ว ข้าพเจ้าก็ปรารถนาให้ท่านระลึกว่าแม้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยชนชาติหนึ่งให้รอดพ้นจากแผ่นดินอียิปต์ แต่ภายหลังก็ทรงทำลายคนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อ 6และพวกทูตสวรรค์ที่ไม่รักษาอำนาจครอบครองของตนเอง แต่ละทิ้งถิ่นฐานของตน พระองค์ก็ทรงจองจำไว้ด้วยโซ่อันไม่รู้จักสลายในที่มืดจนกว่าจะถึงเวลาพิพากษาในวันยิ่งใหญ่นั้น 7สำหรับเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ และเมืองต่างๆ ที่อยู่รอบๆ นั้นก็เช่นเดียวกัน ได้ประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศและมัวเมาในกามวิตถาร จึงเป็นตัวอย่างของการรับโทษในไฟนิรันดร์
8ในทำนองเดียวกันพวกนักเพ้อฝันเหล่านี้ทำให้ตัวเป็นมลทิน และปฏิเสธสิทธิอำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า และพูดลบหลู่เทวทูตผู้มีศักดิ์ศรี 9แม้แต่มีคาเอลหัวหน้าทูตสวรรค์ เมื่อโต้เถียงกับมารเรื่องศพของโมเสส ท่านเองก็ยังไม่บังอาจพูดลบหลู่มารเลย แต่พูดเพียงว่า “ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดุว่าเจ้าเถิด” 10แต่ว่าคนเหล่านี้พูดลบหลู่สิ่งที่เขาเองไม่เข้าใจ และดังนั้นโดยสิ่งที่พวกเขารู้ตามสัญชาตญาณ อย่างสัตว์ที่ไร้เหตุผล เขาจึงถูกทำลาย 11วิบัติมีแก่พวกเขา เพราะเขาดำเนินตามทางของคาอิน และปล่อยตัวทำตามความผิดพลาดของบาลาอัม เพราะเห็นแก่ได้ ฉะนั้นจึงพินาศไปอย่างกบฏของโคราห์ 12คนเหล่านี้เป็นพวกที่ทำให้งานเลี้ยงเชื่อมความรักสามัคคีของพวกท่านเสื่อมเสียไป ขณะที่พวกเขาร่วมกินเลี้ยงกับพวกท่านโดยปราศจากความยำเกรง เขาเป็นผู้เลี้ยงแกะที่เลี้ยงแต่ตัวเอง เป็นเมฆที่ไม่มีน้ำที่ถูกพัดลอยไปตามลม เป็นต้นไม้ที่ไร้ผลในฤดูที่ออกผลและตายมาสองหนแล้วเพราะถูกถอนออกทั้งราก 13เป็นคลื่นรุนแรงในทะเลที่ซัดฟองแห่งความบัดสีของตนเองขึ้นมา เป็นดวงดาวที่พลัดออกไปนอกวงโคจร ความมืดมิดถูกสงวนไว้สำหรับพวกเขาตลอดกาล
14คนเหล่านี้แหละที่เอโนคซึ่งเป็นคนชั่วอายุที่เจ็ดนับจากอาดัมพยากรณ์ไว้ว่า นี่แน่ะ องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังเสด็จมาพร้อมกับผู้บริสุทธิ์ของพระองค์นับเป็นหมื่นๆ 15เพื่อทำการพิพากษาทุกคน และเพื่อทำให้คนอธรรมทุกคนสำนึกตัวถึงการอธรรมทุกอย่าง ที่พวกเขาทำไปตามวิถีทางอธรรมนั้น และสำนึกตัวถึงความหยาบช้าทั้งหมด ที่คนบาปชั่วได้กล่าวร้ายต่อพระองค์ 16คนเหล่านี้เป็นพวกช่างบ่นช่างติ ดำเนินชีวิตตามความปรารถนาชั่วของตัวเอง และปากของพวกเขาคุยโวโอ้อวด และยกยอผู้อื่นเพื่อหวังประโยชน์ของตน
คำตักเตือนและคำแนะนำ
17แต่ว่าท่านที่รักทั้งหลาย พึงระลึกถึงคำพยากรณ์ของพวกอัครทูตของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 18ท่านเหล่านั้นบอกท่านว่า “ในวาระสุดท้ายจะมีคนที่ชอบเยาะเย้ยเกิดขึ้น ที่ดำเนินชีวิตตามความปรารถนาชั่วของตัวเอง” 19คนเหล่านี้คือคนที่ก่อให้เกิดความแตกแยก หมกมุ่นอยู่ในโลกียวิสัย และปราศจากพระวิญญาณ 20แต่ท่านที่รักทั้งหลาย จงสร้างตัวของท่านขึ้นบนความเชื่ออันบริสุทธิ์ที่สุดของท่าน และจงอธิษฐานโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 21จงรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า ขณะคอยให้พระเมตตาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานำท่านไปสู่ชีวิตนิรันดร์ 22และจงมีใจเมตตาคนที่ยังสงสัยอยู่ 23จงช่วยคนให้รอดด้วยการฉุดเขาออกจากไฟ และจงเมตตาผู้อื่นด้วยความยำเกรงพระเจ้า และจงรังเกียจแม้แต่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนด้วยกายที่เป็นมลทิน
คำถวายพระพร
24แด่พระองค์ผู้ทรงสามารถปกป้องพวกท่านไม่ให้สะดุดล้ม และทรงตั้งพวกท่านอยู่เบื้องหน้าพระสิริของพระองค์ โดยปราศจากตำหนิและมีความร่าเริงยินดี 25ขอพระเกียรติ ความยิ่งใหญ่ อานุภาพ และสิทธิอำนาจ จงมีแด่พระเจ้าองค์เดียว ผู้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ทั้งในอดีตกาล ปัจจุบันกาล และในกาลต่อๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน
อรรถาธิบาย
ต้องการความจริงของพระเจ้าอย่างยิ่ง
เมื่อไม่นานมานี้ ผมพบว่า มีลัทธิที่ไม่ชอบมาพากล และหลอกลวงจากทางประเทศเกาหลีใต้ ชื่อว่า ชินชอนจี แอบแฝงเข้ามาในคริสตจักรของเรา และคริสตจักรอื่น ๆ ทั่วโลก ผู้สอนผิดเหล่านี้เชิญชวนให้คนรุ่นใหม่ เข้าร่วม ‘กลุ่มศึกษาพระคัมภีร์’ แล้วสอนให้พวกเขาออกจากทางของพระเจ้า และสอนให้ไปหลอกลวงคนอื่นต่อไป
พระธรรมยูดานั้นต้องการให้ผู้อ่านทุกคนยึดมั่นในความจริงของพระเจ้าและที่จะไม่ถูกล่อลวงให้หลงไปตามคำสอนผิด ‘ข้าพเจ้าเห็นว่าจำเป็นจะต้องเขียนวิงวอนท่านให้ต่อสู้เพื่อหลักความเชื่อที่ได้ทรงมอบให้กับธรรมิกชนครั้งเดียวสำหรับตลอดไป’ (ข้อ 3 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ยูดาหนุนใจให้ผู้อ่านพระธรรมของเขายึดตามคำสอนที่ได้ถูกมอบให้ตั้งแต่แรกเริ่ม และที่จะ ‘ต่อสู้เพื่อหลักความเชื่อ’ (ข้อ 3) ความจริงนั้นมีความสำคัญอย่างมาก คุณได้รับความไว้วางใจแล้ว (ข้อ 3) คุณต้องต่อสู้กับบรรดาผู้สอนผิดและคำสอนผิดเพื่อความจริง ทำไมต้องทำเช่นนั้น?
ประการแรก เพราะเรารู้ว่าการพิพากษาของพระเจ้านั้นอยู่กับพวกเขา และจะต้องถูกจัดการ (ข้อ 5-10) ประการที่สอง เพราะเรารู้ว่าวิบัติแฝงมากับคำสอนผิดและผู้สอนผิดเหล่านั้น ซึ่งจะส่งผลร้ายแรง (ข้อ 11-16) ‘คนเหล่านี้ก่อให้เกิดความแตกแยกในคริสตจักร หมกมุ่นอยู่แต่กับพวกเขาเอง’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ยูดาให้คำจำกัดความของลักษณะของผู้สอนผิด และคำสอนผิด อย่างน้อยลัทธิสอนผิดเหล่านี้จะสำแดงอย่างน้อย 1 ลักษณะจากรายการต่อไปนี้
- พวกเขาเสแสร้ง พวกเขา ‘ได้แอบแฝงเข้ามาในหมู่ท่าน’ (ข้อ 4)
- พวกเขาปฏิเสธสิทธิอำนาจ พวกเขาต้องการที่จะแทนที่ ‘พระคุณของพระเจ้า’ ด้วย ‘ช่องทางทำความชั่วช้า’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- พวกเขาปฏิเสธพระเยซูคริสต์ ‘ผู้ทรงเป็นเจ้านายและองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่องค์เดียว’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- พวกเขาดูถูกและ ‘ลบหลู่สิ่งที่เขาเองไม่เข้าใจ’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- พวกเขา ‘ปล่อยตัวทำในสิ่งที่เขาอยากทำ’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- พวกเขาผิดศีลธรรม ‘ดื่มอย่างมึนเมาปราศจากความละอาย’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- พวกเขาช่างบ่น ช่างติ และคอยจ้องจับผิด (ข้อ 16)
- พวกเขามัก ‘แสวงหาเพียงแค่ประโยชน์ของตน’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
- พวกเขาคุยโวโอ้อวด ‘ปากของพวกเขาคุยโวโอ้อวด และยกย่องผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ข้างหน้า’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ประชากรของพระเจ้าได้รับการหนุนน้ำใจให้ปรารถนาอย่างแรงกล้าในความจริงของพระเจ้า จุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายของจดหมายพูดถึงความสัมพันธ์ที่ติดสนิทกับพระเจ้า และวิธีใช้ชีวิตอย่างไรให้สมกับที่มีความต้องการความจริงของพระเจ้าอย่างแรงกล้า
ผมชอบการเริ่มของจดหมายฉบับนี้ของยูดา เขาเห็นตัวเองเป็น ‘ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 1) ไม่มีการทรงเรียกใด ๆ ที่สูงส่ง และมีอิสรภาพมากไปกว่าการที่ได้เห็นทุก ๆ วันเป็นโอกาสในการรับใช้พระเยซูคริสต์
จากนั้นเขาได้ให้ความมั่นใจแก่ผู้อ่านว่า พวกเขาได้ ‘รับการทรงเรียก’ และ ‘เป็นที่รัก’ โดยพระเจ้าพระบิดา ‘ได้รับการคุ้มครองรักษาไว้เพื่อพระเยซูคริสต์’ สิ่งนี้เป็นความจริงกับคริสเตียนทุกคน สิ่งที่เขาต้องการให้ผู้อ่านได้รับ คือ ‘พระเมตตา’ ‘สันติสุข’ และ ‘ความรัก’ (ข้อ 2) ถ้านี่เป็นเพียงข้อพระคัมภีร์ที่เรามีสำหรับพระคัมภีร์ทั้งเล่ม เราสามารถที่จะใคร่ครวญมันได้ตลอดชั่วชีวิตของเรา
เขาจบพระธรรมนี้ด้วยการหนุนใจว่า:
- ศึกษาความจริง: ‘จงสร้างตัวของท่านขึ้นบนความเชื่ออันบริสุทธิ์’ (ข้อ 20)
- อธิษฐาน: ‘จงอธิษฐานโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (ข้อ 20) พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำทางท่านสู่ความจริง
- อยู่ใกล้ชิดพระเจ้าเสมอ ‘จงรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า’ (ข้อ 21)
- จงมีความเมตตากรุณา ‘จงมีใจเมตตาต่อคนบาป แต่ไม่ยอมปนเปื้อนด้วยบาป’ (ข้อ 23 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
เศคาริยาห์ 5:1-8:23
นิมิตที่หกเรื่องหนังสือม้วนที่เหาะไป
1“ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นอีกก็แลเห็น นี่แน่ะ หนังสือม้วนหนึ่งเหาะอยู่นั่น 2ทูตสวรรค์จึงถามข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าเห็นอะไร?’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนหนึ่งเหาะอยู่ มันยาว 10 เมตร และกว้าง 5 เมตร’ 3แล้วท่านจึงบอกข้าพเจ้าว่า ‘นี่แหละเป็นคำสาปที่แผ่ออกไปทั่วพื้นแผ่นดินทั้งสิ้น ทุกคนที่ขโมยต้องถูกกำจัด ตามความในหนังสือม้วนนั้นด้านหนึ่ง และทุกคนที่สาบานเท็จจะต้องถูกกำจัด ตามที่กำหนดไว้อีกด้านหนึ่ง 4พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า เราส่งคำสาปนั้นออกไป และคำนั้นจะเข้าไปในเรือนของโจร และในเรือนของคนที่สาบานเท็จโดยออกนามของเรา และคำนั้นจะค้างอยู่ในเรือน ผลาญเรือนนั้นเสียทั้งตัวไม้และศิลา’
นิมิตที่เจ็ดเรื่องผู้หญิงในถังเอฟาห์
5“ทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้าได้ออกมาพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘จงเงยหน้าขึ้นดูว่า สิ่งที่ออกไปนั้นคืออะไร’ 6ข้าพเจ้าจึงว่า ‘นั่นคืออะไร?’ ท่านจึงตอบว่า ‘นี่คือถังเอฟาห์ที่ออกไป’ และท่านจึงว่า ‘นี่คือความผิดในแผ่นดินทั้งสิ้น’ 7และฝาถังเอฟาห์ที่ทำด้วยตะกั่วก็ถูกยกขึ้น มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในถังนั้น 8และท่านกล่าวว่า ‘นี่คือความอธรรม’ และท่านก็ผลักนางนั้นเข้าไปในถังเอฟาห์ แล้วก็ผลักฝาที่ทำด้วยตะกั่วนั้นปิดปากมันไว้ 9แล้วข้าพเจ้าก็เงยหน้าขึ้นแลเห็น นี่แน่ะ ผู้หญิง 2 คนบินมา มีปีกแข็งแรงเหมือนปีกของนกกระสาดำ และนางก็ยกถังเอฟาห์ขึ้นระหว่างพื้นโลกและฟ้าสวรรค์ 10แล้วข้าพเจ้าจึงพูดกับทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้าว่า ‘หญิงทั้งสองจะนำถังเอฟาห์ไปที่ไหน?’ 11ท่านตอบข้าพเจ้าว่า ‘ไปยังแผ่นดินชินาร์ ไปสร้างเรือนไว้ให้มัน เสร็จแล้วจะวางถังนั้นไว้บนฐานของมัน’
เศคาริยาห์ 6
นิมิตที่แปดเรื่องรถรบสี่คัน
1“และข้าพเจ้าได้เงยหน้าขึ้นอีกแลเห็น นี่แน่ะ มีรถรบ 4 คันออกมาระหว่างภูเขา 2 ลูก ภูเขานั้นเป็นภูเขาทองสัมฤทธิ์ 2รถรบคันแรกเทียมด้วยพวกม้าสีแดง คันที่สองพวกม้าสีดำ 3คันที่สามพวกม้าสีขาว คันที่สี่พวกม้าด่างสีเทา 4แล้วข้าพเจ้าจึงถามทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้าว่า ‘นายเจ้าข้า พวกนี้คืออะไร?’ 5และทูตสวรรค์นั้นตอบข้าพเจ้าว่า ‘พวกนี้คือลมทั้งสี่ทิศของฟ้าสวรรค์กำลังออกมา หลังจากที่ได้เข้าเฝ้าองค์เจ้านายแห่งพิภพทั้งสิ้นแล้ว 6รถรบที่เทียมม้าสีดำตรงไปยังดินแดนทางเหนือ ม้าสีขาวตรงไปยังแดนตะวันตก และม้าสีด่างตรงไปยังแดนใต้’ 7เมื่อม้าแข็งแรงออกมา มันก็ร้อนใจที่จะไปตรวจตราพื้นพิภพ และท่านกล่าวว่า ‘ไปสิ ไปตรวจตราพิภพ’ ดังนั้นม้าเหล่านั้นจึงตรวจตราพิภพ 8แล้วท่านจึงร้องบอกข้าพเจ้าว่า ‘นี่แน่ะ ม้าที่ไปยังประเทศเหนือทำให้วิญญาณของเราสงบนิ่งในประเทศเหนือนั้น’ ”
การสวมมงกุฎให้พระอังกูร
9และพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 10“จงเอาเงินและทองคำจากเฮลดัย โทบียาห์ และเยดายาห์ ซึ่งเป็นเชลยที่กลับจากบาบิโลน และในวันเดียวกันนั้นจงไปยังเรือนของโยสิยาห์ บุตรเศฟันยาห์ 11จงเอาเงินและทองคำนั้นทำเป็นมงกุฎ และสวมบนศีรษะของมหาปุโรหิต คือโยชูวาบุตรเยโฮซาดัก 12และกล่าวแก่เขาว่า ‘พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ ชายผู้ที่มีชื่อว่าพระอังกูร เพราะท่านจะแผ่กิ่งก้านในสถานที่ของท่าน และจะสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ 13ท่านผู้นี้แหละจะเป็นผู้สร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ และจะรับเกียรติศักดิ์ และจะนั่งและปกครองอยู่บนราชบัลลังก์ของท่านและจะมีปุโรหิตผู้หนึ่งอยู่ข้างบัลลังก์ของท่าน และจะมีการประสานงานอย่างดีระหว่างท่านทั้งสอง’ 14และมงกุฎนั้นจะอยู่ในพระวิหารของพระยาห์เวห์ เพื่อให้เป็นอนุสรณ์และอยู่ในการดูแลของเฮลดัย โทบียาห์ เยดายาห์ และโยสิยาห์ บุตรเศฟันยาห์
15“บรรดาผู้ที่อยู่ห่างไกลจะมาช่วยสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์ และท่านทั้งหลายจะทราบว่า พระยาห์เวห์จอมทัพทรงใช้ข้าพเจ้ามายังท่าน ถ้าท่านทั้งหลายจะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอย่างเคร่งครัด สิ่งนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน”
เศคาริยาห์ 7
การอดอาหารอย่างไม่จริงใจถูกตำหนิ
1ในปีที่ 4 ของรัชกาลพระราชาดาริอัส พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเศคาริยาห์ในวันที่ 4 เดือนที่ 9 ซึ่งเป็นเดือนคิสเลฟ 2ชาวเมืองเบธเอลได้ใช้ให้ชาเรเซอร์ และเรเกมเมเลค พร้อมกับพรรคพวกของเขาไปทูลขอพระกรุณาต่อพระยาห์เวห์ 3และร้องขอต่อบรรดาปุโรหิตที่พระนิเวศแห่งพระยาห์เวห์จอมทัพ และต่อผู้เผยพระวจนะว่า “ควรที่ข้าพเจ้าจะไว้ทุกข์และอดอาหารในเดือนที่ 5 อย่างที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้วเป็นเวลาหลายปีนั้นหรือไม่?” 4แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์จอมทัพมายังข้าพเจ้าว่า 5“จงกล่าวแก่ชาวบ้านทั้งสิ้นและแก่บรรดาปุโรหิตว่า ‘เมื่อเจ้าทั้งหลายอดอาหารและไว้ทุกข์ในเดือนที่ 5 และในเดือนที่ 7 ตั้ง 70 ปีนั้น เจ้าได้อดอาหารเพื่อเราคือเราเองหรือ? 6และเมื่อเจ้ารับประทานและเมื่อเจ้าดื่ม เจ้าก็รับประทานเพื่อตัวเจ้าเองและดื่มเพื่อตัวเจ้าเองไม่ใช่หรือ? 7ในสมัยที่เยรูซาเล็มและเมืองล้อมรอบมีคนอยู่และเจริญรุ่งเรืองนั้น เนเกบและแดนเนินเชเฟลาห์ก็มีคนอยู่ ถ้อยคำเหล่านี้เป็นพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ทรงประกาศโดยผู้เผยพระวจนะรุ่นก่อนๆ ไม่ใช่หรือ?’ ”
ความไม่เชื่อฟังเป็นสาเหตุของการเป็นเชลย
8และพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ว่า 9“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า จงพิพากษาตามความจริง จงแสดงความกรุณาและความปรานีต่อพี่น้องของตน 10อย่าบีบบังคับหญิงม่าย ลูกกำพร้าพ่อ คนต่างด้าวหรือคนยากจน และอย่าคิดอุบายชั่วในใจต่อพี่น้องของตน 11แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะฟัง เขาดื้อและหันหลังให้ เขาอุดหูเพื่อจะไม่ได้ยิน 12เออ พวกเขาได้ทำใจให้แข็งเหมือนเพชร เกรงว่าจะได้ยินพระบัญญัติและพระวจนะ ซึ่งพระยาห์เวห์จอมทัพตรัสทางผู้เผยพระวจนะรุ่นก่อนโดยพระวิญญาณของพระองค์ เพราะเหตุนั้นพระพิโรธอันยิ่งใหญ่จึงได้มาจากพระยาห์เวห์จอมทัพ 13พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า เมื่อเราร้องเรียก เขาไม่ฟังอย่างไร เมื่อเขาร้องทูล เราก็ไม่ฟังอย่างนั้น 14และเราก็ให้เขากระจัดกระจายไปด้วยลมพายุท่ามกลางประชาชาติทั้งสิ้นซึ่งเขาไม่รู้จัก ดังนั้นแผ่นดินที่เขาทิ้งไปจึงว่างเปล่า จนไม่มีใครเข้าออก และแผ่นดินที่น่าอยู่ก็เป็นที่ร้างเปล่า”
เศคาริยาห์ 8
พระสัญญาของพระเจ้าต่อศิโยน
1และพระวจนะของพระยาห์เวห์จอมทัพมายังข้าพเจ้าว่า 2“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า เราหวงแหนศิโยนด้วยความหวงแหนอันยิ่งใหญ่และเราหวงแหนเธอด้วยความกริ้วมาก 3พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราจะกลับไปยังศิโยน และอยู่ท่ามกลางเยรูซาเล็ม และเขาจะเรียกเยรูซาเล็มว่าเมืองซื่อตรง และเรียกภูเขาของพระยาห์เวห์จอมทัพว่าภูเขาบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ 4พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ชายชราและหญิงชราจะนั่งอยู่ตามลานเมืองเยรูซาเล็มอีก ต่างก็จะมีไม้เท้าอยู่ในมือเพราะอายุมากแล้ว 5และลานเมืองนั้นก็จะเต็มไปด้วยเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงวิ่งเล่นอยู่ 6พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาดสำหรับประชาชนที่เหลืออยู่ในสมัยนี้แล้ว พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ก็ควรจะประหลาดสำหรับเราด้วยหรือ? 7พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ดูสิ เราจะช่วยประชากรของเราให้พ้นจากประเทศตะวันออกและจากประเทศตะวันตก 8และเราจะพาพวกเขามาอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม และเขาจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขาด้วยความเที่ยงตรงและความชอบธรรม
9“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า เจ้าทั้งหลายผู้ได้ยินพระวจนะในช่วงเวลานี้ จากปากบรรดาผู้เผยพระวจนะ ในวันที่ได้วางรากฐานพระนิเวศของพระยาห์เวห์จอมทัพ เพื่อจะได้ก่อสร้างพระวิหารนั้นขึ้น จงให้มือของพวกเจ้าแข็งแรง 10เพราะว่าก่อนสมัยนั้นไม่มีค่าจ้างให้แก่คน หรือให้แก่สัตว์ ทั้งผู้ที่เข้าออกก็ไม่มีความปลอดภัยจากศัตรู เพราะเราปล่อยให้คนทั้งหลายต่อสู้กับเพื่อนบ้านของตน 11พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ในสมัยนี้เราจะไม่ทำต่อประชาชนที่เหลืออยู่นี้เหมือนอย่างสมัยก่อน 12เพราะว่าจะมีการหว่านความสมบูรณ์พูนสุข เถาองุ่นจะมีลูกและแผ่นดินจะให้ผล และท้องฟ้าจะให้น้ำค้าง และเราจะทำให้ประชาชนที่เหลืออยู่นี้ถือกรรมสิทธิ์สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด 13โอ พงศ์พันธุ์ยูดาห์และพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเคยถูกใช้เป็นคำแช่งสาปท่ามกลางประชาชาติทั้งหลายอย่างไร เราจะช่วยเจ้าและเจ้าจะได้เป็นแหล่งพระพรอย่างนั้น อย่ากลัวเลย แต่จงให้มือของเจ้าแข็งแรงเถิด
14“เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า เมื่อบรรพบุรุษของเจ้ายั่วเย้าให้เราโกรธนั้น เราก็ตั้งใจว่าจะลงโทษเจ้า ในเวลานั้นเราไม่ยอมหย่อนความตั้งใจลง พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ 15ในวันนี้เราจึงตั้งใจใหม่ว่า จะทำดีต่อเยรูซาเล็มและต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์ อย่ากลัวเลย 16ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำ จงพูดความจริงแก่กันและกัน จงให้การพิพากษาที่ประตูเมืองของเจ้าเที่ยงตรงและนำไปสู่สันติภาพ 17อย่าคิดอุบายชั่วในใจต่อกันและกัน อย่ารักคำสาบานเท็จ สิ่งเหล่านี้เราเกลียดชัง” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
การอดอาหารด้วยความชื่นชมยินดี
18และพระวจนะของพระยาห์เวห์จอมทัพมายังข้าพเจ้าว่า 19“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า การอดอาหารในเดือนที่ 4 การอดอาหารในเดือนที่ 5 และการอดอาหารในเดือนที่ 7 และการอดอาหารในเดือนที่ 10 จะเป็นที่ให้ความบันเทิงและความร่าเริง และเป็นการเลี้ยงที่สร้างความชื่นชมแก่พงศ์พันธุ์ยูดาห์ เพราะเหตุนั้นเจ้าจงรักความเที่ยงตรงและสันติภาพ
ชนชาติทั้งหลายจะพากันไปกรุงเยรูซาเล็ม
20“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ชนชาติทั้งหลายยังจะมา คือประชาชนที่ยังอาศัยอยู่ในเมืองทั้งหลาย 21ชาวเมืองหนึ่งจะไปหาชาวเมืองอีกเมืองหนึ่ง กล่าวว่า ‘ให้เราไปกันทันที ไปทูลขอพระกรุณาต่อพระยาห์เวห์และแสวงหาพระยาห์เวห์จอมทัพ ข้าพเจ้าก็จะไปด้วย’ 22เออ ชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก และบรรดาประชาชาติที่เข้มแข็งจะมาแสวงหาพระยาห์เวห์จอมทัพในเยรูซาเล็ม และทูลขอพระกรุณาต่อพระยาห์เวห์ 23พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ในสมัยนั้น 10 คนจากทุกชาติทุกภาษา จะยึดชายเสื้อคลุมของยิวคนหนึ่งไว้แล้วกล่าวว่า ‘ขอให้เราไปกับท่านทั้งหลายเถิด เพราะเราได้ยินว่า พระเจ้าสถิตกับพวกท่าน’ ”
อรรถาธิบาย
ต้องการความยุติธรรม และพระพรของพระเจ้าอย่างยิ่ง
เศคาริยาห์ได้เตือนถึงการพิพากษาของพระเจ้า และความจำเป็นของความยุติธรรมของพระองค์ (บทที่ 5) ยังมีความหวังอันยิ่งใหญ่ตามที่ผู้เผยพระวจนะได้พยากรณ์ถึงการสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ และการรื้อฟื้นการทรงสถิตของพระเจ้าในหัวใจของผู้คน
โยชูวามหาปุโรหิตทำนายถึงพระคริสต์ว่า พระองค์ทรงมีมงกุฏบนศีรษะ (6:11) และทรงมีพระนามว่า ‘พระอังกูร' พระองค์จะทรงสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นใหม่ และจะรับเกียรติศักดิ์และจะนั่งและจะปกครองอยู่บนราชบัลลังก์ของพระองค์ และปุโรหิตผู้หนึ่งอยู่ข้างพระที่นั่งของพระองค์เอง (ข้อ 13) เช่นเดียวกับ เมลคีเซเดค เขารวมไว้ทั้งบทบาทการเป็นกษัตริย์และปุโรหิต ซึ่งสำเร็จเป็นจริงแล้วในพระเยซู องค์จอมกษัตริย์ (วิวรณ์ 17:14) และมหาปุโรหิตของเรา (ฮีบรู 4:14)
คุณเองก็เหมือนกับประชากรของพระเจ้าในตอนนั้น ที่ถูกเรียกให้สะสางความประพฤติของคุณ และแสดงความยุติธรรมต่อทุกคน ‘พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “จงพิพากษาตามความจริง จงแสดงความกรุณาและความปรานีต่อพี่น้องของตน อย่าบีบบังคับหญิงม่าย ลูกกำพร้าพ่อ คนต่างด้าวหรือคนยากจน และอย่าคิดอุบายชั่วในใจต่อพี่น้องของตน”’ (เศคาริยาห์ 7:9-10)
มีความปรารถนาในพระทัยของพระเจ้า ซึ่งอาจสามารถเรียกได้ว่า เกือบจะเป็นความสิ้นหวังในพระทัยของพระองค์เอง “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า "เราหวงแหนศิโยนด้วยความหวงแหนอันยิ่งใหญ่และเราหวงแหนเธอด้วยความกริ้วมาก...เราจะกลับไปยังศิโยนและอยู่ท่ามกลางเยรูซาเล็ม และเขาจะเรียกเยรูซาเล็มว่าเมืองซื่อตรง และเรียกภูเขาของพระยาห์เวห์จอมทัพว่าภูเขาบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์” (8:2-3)
พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสถึงอนาคตอันอัศจรรย์สำหรับประชากรของพระเจ้าว่า จะมีสันติภาพ ความกลมเกลียว ความมั่งมี ความสุข และความจริง ประชาชนทั้งสองกลุ่มในตอนนั้นและพวกเราในตอนนี้ พระพรบางอย่างก็เพื่อตอนนี้ และบางพระพรก็ยังมาไม่ถึง พระเจ้าตรัสว่า 'ในสมัยนี้ เราจะไม่ทำต่อประชาชนที่เหลืออยู่นี้เหมือนอย่างสมัยก่อน’ (ข้อ 11) และ ‘ในวันนี้ เราจึงตั้งใจใหม่ว่า จะทำดีต่อเยรูเซาเล็มและต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์’ (ข้อ 15)
คุณมีประสบการณ์ในพระพรมากมายในตอนนี้ ผ่านการติดสนิทกับพระคริสต์ แต่พระพรบางอย่าง คุณจะได้สัมผัสอย่างเต็มรูปแบบในอนาคตเท่านั้น คือ ในสวรรค์ใหม่ และโลกใหม่
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เราต้องทำงานในการนำพระพรนี้มา ‘โอ พงศ์พันธุ์ยูดาห์และพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเคยถูกใช้เป็นคำแช่งสาปท่ามกลางประชาชาติทั้งหลายอย่างไร เราจะช่วยเจ้าและเจ้าจะได้เป็นแหล่งพระพรอย่างนั้น อย่ากลัวเลย แต่จงให้มือของเจ้าแข็งแรงเถิด’ (ข้อ 13)
ยกตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงห่วงใยทุกคนไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม เราเองก็ควรห่วงใย ทั้งคนชราและคนหนุ่มสาว ‘ชายชราและหญิงชราจะนั่งอยู่ตามลานเมืองเยรูซาเล็มอีก ต่างก็จะมีไม้เท้าอยู่ในมือเพราะอายุมากแล้ว และลานเมืองนั้นก็จะเต็มไปด้วยเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงวิ่งเล่นอยู่’ (ข้อ 4-5)
อีกครั้ง พระเจ้าทรงสนพระทัยทั้งความจริงและสันติสุข ดังนั้น เราเองจึงสมควรที่จะสนใจในสิ่งเหล่านี้เช่นกัน ‘ต่อไปนี้คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำ จงพูดความจริงแก่กันและกัน จงให้การพิพากษาที่ประตูเมืองของเจ้าเที่ยงตรงและนำไปสู่สันติภาพ อย่าคิดอุบายชั่วในใจต่อกันและกัน อย่ารักคำสาบานเท็จ.. เพราะเหตุนั้นเจ้าจงรักความเที่ยงตรงและสันติภาพ’ (ข้อ 16-19)
เหนือสิ่งอื่นใด พระเจ้าทรงสนพระทัยที่จะให้มีคนจำนวนมากมายได้มีประสบการณ์แห่งพระพรจากการทรงสถิตของพระองค์ คุณจะเป็นพระพรสู่ผู้คนรอบข้างผู้ซึ่งยังไม่ได้รู้จักพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์ และเป็นผู้ชี้นำคนมาสู่พระเจ้าผ่านทางการกระทำ และคำพูดของคุณเอง เมื่อคนอื่นได้เห็นความแตกต่างที่พระเจ้าทรงทำในชีวิตคุณ พวกเขาจะถูกนำเข้ามาใกล้พระองค์ ‘พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ในสมัยนั้น 10 คนจากทุกชาติทุกภาษา จะยึดชายเสื้อคลุมของยิวคนหนึ่งไว้แล้วกล่าวว่า “ขอให้เราไปกับท่านทั้งหลายเถิด เพราะเราได้ยินว่า พระเจ้าสถิตกับพวกท่าน”’(ข้อ 23)
เมื่อใดที่คุณปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นช่องทางแห่งความรัก ความยุติธรรม และพระพรของพระเจ้า จะทำให้คนอื่น ๆ มารู้จักการทรงสถิตของพระเจ้า
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สดุดี 139:23-24
‘ขอทรงตรวจค้นข้าพระองค์และรู้จักจิตใจของข้าพระองค์ ขอทดสอบข้าพระองค์และทรงรู้จักความคิดของข้าพระองค์ และขอทรงทอดพระเนตรว่ามีทางชั่วใด ๆ ในข้าพระองค์หรือไม่ และขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางนิรันดร์’
ให้พระเจ้าได้เข้ามาตรวจค้นหัวใจของเรา เพราะเรายังสามารถหลอกตัวเองได้อย่างง่ายดาย ฉันมีความกังวลมากมาย แต่พระเจ้าทรงรู้จักมันทั้งหมด ฉันต้องมอบให้พระเจ้า ปล่อยวาง และยอมให้พระองค์เข้ามานำฉัน
ข้อพระคำประจำวัน
ยูดา 1
‘ได้รับการทรงเรียก …เป็นที่รัก…และได้รับการคุ้มครองรักษาไว้เพื่อพระเยซูคริสต์’

App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)