สิบเหตุผลในการให้ด้วยใจกว้างขวาง
เกริ่นนำ
มิก ฮอว์กินส์ เป็นคนใจกว้างที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา เขามักจะส่งมอบและเสนอตัวที่จะจับจ่ายสำหรับทุกอย่างเสมอ พวกเราคิดว่าเขาต้องรวยมากแน่ ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่คิด เขาแค่เป็นคนใจกว้างมาก ๆ เท่านั้นเอง ชีวิตของเขาเปี่ยมล้นด้วยการขอบคุณพระเจ้า สิ่งนี้ช่วยเปิดหัวใจและกระเป๋าเงินของเขาในแบบที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคนที่รู้จักเขา
ผมอยากเป็นเหมือนมิก ผมปรารถนาให้คริสตจักรของพระเยซูคริสต์เต็มไปด้วยผู้คนเช่นเขา ดังที่เราจะได้เห็นในพระธรรมในวันนี้ คือพระคุณ การขอบพระคุณ และความใจกว้างนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด
สดุดี 106:1-15
อิสราเอลสารภาพบาปต่อพระเจ้า
1สรรเสริญพระยาห์เวห์
จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ประเสริฐ
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
2ผู้ใดจะพรรณนาถึงกิจการอันทรงอานุภาพของพระยาห์เวห์
หรือร้องสรรเสริญพระองค์ให้ครบถ้วนได้?
3ผู้ที่รักษาความยุติธรรมก็เป็นสุข
คือผู้ที่ทำความชอบธรรมตลอดเวลา
4ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์
เมื่อพระองค์ทรงโปรดปรานประชากรของพระองค์
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขา
5เพื่อข้าพระองค์จะเห็นความเจริญรุ่งเรืองของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร
เพื่อข้าพระองค์จะยินดีในความชื่นบานแห่งประชาชาติของพระองค์
เพื่อข้าพระองค์จะสรรเสริญร่วมกับมรดกของพระองค์
6ทั้งข้าพระองค์ทั้งหลายและบรรพบุรุษได้ทำบาป
ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปผิด
ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ประพฤติชั่ว
7บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย เมื่ออยู่ในอียิปต์
ท่านมิได้สนใจการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์
ท่านมิได้ระลึกถึงความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์
แต่ได้กบฏที่ทะเล ที่ทะเลแดง
8ถึงกระนั้น พระองค์ยังทรงช่วยท่านเหล่านั้นให้รอดเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์
เพื่อจะให้ทราบถึงพระอานุภาพของพระองค์
9พระองค์ทรงขนาบทะเลแดง มันก็แห้งไป
และพระองค์ทรงนำท่านข้ามที่ลึกอย่างกับเดินข้ามถิ่นทุรกันดาร
10พระองค์จึงทรงช่วยท่านเหล่านั้นให้พ้นมือของผู้ที่เกลียดชังท่าน
และช่วยกู้ท่านให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู
11และน้ำได้ท่วมคู่อริของท่าน
ไม่เหลือพวกเขาสักคนเดียว
12แล้วท่านเชื่อพระวจนะของพระองค์
ท่านร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
13แต่ไม่ช้าท่านเหล่านั้นก็ลืมบรรดาพระราชกิจของพระองค์เสีย
ท่านไม่คอยคำปรึกษาของพระองค์
14แต่ในถิ่นทุรกันดารนั้น ท่านเกิดความอยากอย่างรุนแรง
และได้ทดลองพระเจ้าในที่แห้งแล้ง
15พระองค์ประทานสิ่งที่ท่านขอ
แต่ทรงส่งโรคผอมแห้งมาท่ามกลางท่าน
อรรถาธิบาย
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณด้วยการนมัสการ
เมื่อเรามีประสบการณ์กับพระคุณพระเจ้า ความซาบซึ้งใจอย่างเป็นธรรมชาติและการตอบสนองอย่างเหมาะสม ผู้เขียนสดุดีเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกขอบคุณและนมัสการพระเจ้า โดยกล่าวว่า ‘สรรเสริญพระยาห์เวห์ จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์’ (ข้อ 1)
ผู้เขียนสดุดีพูดต่อไปว่า ‘เราทำบาปมามากแล้ว... เราล้มลง ทำร้ายคนมามากมาย.... ลืมความรักอันยิ่งใหญ่และวิเศษของพระองค์ไป’ (ข้อ 6-7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขา ‘กบฏ’ ต่อพระเจ้า (ข้อ 7ง)
หลายปีก่อน จากสดุดีตอนนี้ ผมได้เขียนไว้ตรงขอบกระดาษด้านหนึ่งของพระคริสตธรรมคัมภีร์ของผมว่า ‘บางครั้งผมสงสัยว่าผมทำบาปมากกว่าคริสเตียนคนอื่น ๆ หรือไม่... พระเจ้าจะทรงให้อภัยต่อไปได้อย่างไร?’ หากคุณรู้สึกเช่นนั้นในบางครั้ง คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น
แต่ข้อถัดไปพระคริสตธรรมคัมภีร์ เริ่มต้นด้วยคำว่า ‘ยังทรง’ นี่คือพระคุณพระเจ้า ทั้งๆที่มีทุกอย่าง:
- ‘พระองค์ยังทรงช่วยท่านเหล่านั้นให้รอดเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์' (ข้อ 8ก)
- ‘พระองค์ทรงนำท่านข้ามที่ลึก’ (ข้อ 9ข)
- ‘ช่วยกู้ท่าน’ (ข้อ 10ข)
เนื่องด้วยพระคุณอันน่าอัศจรรย์ของพระเจ้า ‘ท่านเชื่อพระวจนะของพระองค์ ท่านร้องเพลงสรรเสริญพระองค์’ (ข้อ 12) แต่ ‘ไม่ช้าท่านเหล่านั้นก็ลืมบรรดาพระราชกิจของพระองค์เสีย ท่านไม่คอยคำปรึกษาของพระองค์’ (ข้อ 13)
อีกครั้ง ผมได้เขียนไว้ที่ขอบกระดาษด้านหนึ่งว่า ‘นี่คือเรื่องราวชีวิตคริสเตียนในอดีตของผม เป็นเวลาหนึ่งหรือสองวัน หรือแม้กระทั่งหนึ่งหรือสองสัปดาห์ ผมเชื่อในพระสัญญาของพระองค์และร้องเพลงสรรเสริญพระองค์... แต่แล้วผมก็ออกไป และลืมสิ่งที่พระองค์ได้กระทำ และล้มเหลวที่จะรอคำแนะนำของพระองค์ หรือไม่ขอคำแนะนำของพระองค์ในทุกเรื่อง’
อย่าเป็นอย่างที่พวกเขาเป็นเลย บ่นอยู่เรื่อย ๆ และต้องการสิ่งที่พวกเขายังไม่มี (ข้อ 14) พวกเขา ‘โลภอย่างมาก’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) และพระเจ้า ‘ประทานสิ่งที่ท่านขอ แต่ทรงส่งโรคผอมแห้งมาท่ามกลางท่าน’ (ข้อ 15) บางครั้งพระเจ้าตรัสว่า ‘ขอให้เป็นไปตามใจของเจ้า’ และประทานในสิ่งที่ผู้คนทูลขอ แม้ว่ามันยังไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดก็ตาม แทนที่จะร้องขอมากขึ้นและมากขึ้น แต่จงยินดีและขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่คุณได้รับผ่านทางพระคุณและพระเมตตาที่พระองค์มีต่อคุณ
คำอธิษฐาน
2 โครินธ์ 9:6-15
6นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก 7แต่ละคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่ให้ด้วยความเสียดาย ไม่ใช่ให้ด้วยความจำใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนที่ให้ด้วยใจยินดี 8และพระเจ้าสามารถประทานพรทุกอย่างแก่ท่านทั้งหลายอย่างเหลือล้น เพื่อว่าเมื่อมีทุกอย่างเพียงพออยู่เสมอ ท่านยังจะมีเหลือล้นสำหรับการดีทุกอย่างด้วย 9ตามที่เขียนไว้ว่า
“เขาแจกจ่าย เขาให้แก่บรรดาคนยากจน
ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่เป็นนิตย์”
10และพระองค์ผู้ประทานเมล็ดพืชแก่คนที่หว่าน และอาหารแก่คนที่กิน ก็จะประทานเมล็ดพืชแก่พวกท่าน และจะทรงเพิ่มพูนเมล็ดพืชของท่าน ทั้งจะทรงให้การเก็บเกี่ยวแห่งความชอบธรรมของท่านเจริญขึ้น 11โดยทรงให้ท่านทั้งหลายมั่งคั่งขึ้นในทุกสิ่ง เพื่อบริจาคด้วยใจกว้างขวางอยู่เสมอ และจะทำให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้าผ่านเรา 12เพราะการปรนนิบัติในงานรับใช้นี้ ไม่เพียงเป็นการจัดหาให้กับธรรมิกชนที่ขัดสนเท่านั้น แต่ยังทำให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าอย่างมากมายเหลือล้นด้วย 13โดยผลของการปรนนิบัตินี้ พวกเขาจะสรรเสริญพระเจ้าในเรื่องที่ท่านทั้งหลายยอมเชื่อฟังสมกับที่กล่าวยอมรับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ และในเรื่องที่ท่านแบ่งปันกับพวกเขาและทุกคนด้วยใจกว้างขวาง 14และเขาก็จะวิงวอนขอเพื่อท่านทั้งหลายและคิดถึงท่าน เพราะเหตุพระคุณของพระเจ้าที่อยู่ในท่านอย่างมากมาย 15ขอขอบพระคุณพระเจ้า เพราะของประทานที่เกินความคาดคิดซึ่งพระองค์ประทานนั้น
อรรถาธิบาย
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณด้วยการให้
ในพระธรรมตอนนี้ เปาโลให้เหตุผลกับเราอย่างน้อยสิบประการในการให้ด้วยใจกว้างขวาง:
*1. การให้ คือ การลงทุนที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้*
ไม่ต่างจากการเก็บเกี่ยว การให้คือการหว่านเมล็ดพืช ชาวนาจะเก็บเกี่ยวมากกว่าสิ่งที่หว่านไป (ข้อ 6) ‘ชาวไร่ตระหนี่ได้พืชผลอย่างตระหนี่ ชาวไร่ที่หว่านไม่อั้นได้พืชผลอย่างไม่อั้น’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
สิ่งนี้ใช้ได้กับทุกสิ่งในชีวิต สิ่งที่คุณมอบให้พระเจ้า พระองค์จะเพิ่มให้ทวีคูณ ทั้งเวลาของคุณ ของประทานของคุณ ความตั้งใจมุ่งมั่นของคุณ และการเงินของคุณ
2. การให้ควรเป็นเรื่องสนุก การให้ไม่ควรเป็นไปด้วยการบังคับหรือฝืนใจ แต่ควรให้อย่างสมัครใจและชื่นชมยินดี ‘พระเจ้าทรงรักคนที่ให้ด้วยใจยินดี’ (ข้อ 7) ใจยินดีในภาษากรีก คือ hilaros พวกเรามักจะพูดเล่นที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้บรอมพ์ตั้นว่าการให้ของเราควรจะเป็นเรื่องที่เริงร่า! มันควรจะต้องสนุกที่จะให้ ความใจกว้างนำไปสู่ความสุข
3. การให้ขจัดภาระความกังวลทางการเงิน อาจารย์เปาโลเขียนว่า ‘และพระเจ้าสามารถประทานพรทุกอย่างแก่ท่านทั้งหลายอย่างเหลือล้น เพื่อว่าเมื่อมีทุกอย่างเพียงพออยู่เสมอ ท่านยังจะมีเหลือล้นสำหรับการดีทุกอย่างด้วย’ (ข้อ 8) การให้ไม่ได้หมายถึงการมอบความรับผิดชอบทางการเงินให้แก่พระเจ้า แต่หมายถึงการมอบความกังวล และภาระให้กับพระเจ้า
4. การให้ ‘เพิ่มพูน’ แก่คุณ
เมื่อพระเจ้าเชื้อเชิญให้คุณให้ เพระองค์กระตุ้นไม่เพียงแต่อารมณ์ของคุณเท่านั้นแต่กระตุ้นไปยังเหตุผลของคุณด้วย ‘แล้วคุณจะร่ำรวยขึ้นในทุกสิ่ง และในทุก ๆ ด้านด้วย เพื่อว่าคุณจะสามารถเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Amplified Bible โดยผู้แปล) ในแง่ของวัตถุ คุณจะมีมากพอที่จะบริจาคด้วยใจกว้างขวาง (ข้อ 11) ตัวตนของคุณจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น (ข้อ 10) พระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญ (ข้อ 11)
5. การให้เปลี่ยนแปลงตัวตนของคุณ
เปาโลพูดถึง ‘การเก็บเกี่ยวแห่งความชอบธรรมของท่าน’ (ข้อ 10ข) ชำระตัวตนจากการยึดติดกับวัตถุนิยมซึ่งสามารถทำลายชีวิต
6. การให้สร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น
‘...บริจาคด้วยใจกว้างขวางอยู่เสมอ และจะทำให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้า... โดยผลของการปรนนิบัตินี้ พวกเขาจะสรรเสริญพระเจ้า’ (ข้อ 11ข – 13ก)
7. การให้เพื่อสนองความจำเป็นของผู้อื่น
ใจที่กว้างขวางเป็นพระพรแก่ผู้อื่น เป็นการจัดหาเพื่อสนองความต้องการของประชากรของพระเจ้า ‘ช่วยเหลือเพื่อตอบสนองความจำเป็นในเรื่องที่คริสเตียนผู้ขัดสนกำลังผจญอยู่’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
8. การให้ คือหลักฐานของความเชื่อแท้
การให้อย่างใจกว้างเป็นการแสดงออกของการเชื่อฟัง ซึ่งควรควบคู่ไปกับ ‘กล่าวยอมรับข่าวประเสริฐของพระคริสต์’ (ข้อ 13) การให้คือการกระทำแห่งความไว้วางใจ ในการกระทำดังกล่าว คุณกำลังบอกว่าไม่ใช่ตัวคุณเองหรือใครก็ตาม แต่เป็นพระเจ้าที่จัดหาเพื่อตอบสนองความต้องการของคุณอย่างถึงที่สุด
9. การให้ทำให้คุณเป็นผู้มีส่วนในคริสตจักร
เปาโลพูดถึง ‘ในเรื่องที่ท่านแบ่งปันกับพวกเขาและทุกคนด้วยใจกว้างขวาง’ (ข้อ 13ข) ในทำนองเดียวกัน เมื่อคุณแบ่งห้องชุดขนาดเล็กหรือใหญ่ของคุณให้เช่าเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย คุณได้แบ่งสิ่งที่คุณมีและได้รับกลับจากคนกลุ่มเดียวกัน ตัวอย่างเดียวกันนี้ก็เหมือนทุกครั้งที่คุณนำคนมารู้จักพระคริสต์เพื่อแบ่งปันพระพรร่วมกัน คุณก็ได้รับพระพร
10. การให้เป็นการตอบสนองต่อของประทานที่พระเจ้ามอบให้แก่คุณ พระเจ้ารักคุณมากจนประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อคุณจะได้มีชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16) การให้ของเราเป็นการตอบสนองต่อพระคุณอันน่าอัศจรรย์ของพระเจ้า ‘ของประทานที่เกินความคาดคิด’ (2 โครินธ์ 9:15) เป็นของประทานจากพระบุตรของพระองค์ ‘ขอบคุณพระเจ้าสำหรับของประทานนี้ อันเป็นของประทานของพระองค์ ไม่มีคำใดจะสามารถสรรเสริญได้เพียงพอ’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
อิสยาห์ 14:1-16:14
การฟื้นฟูยูดาห์
1แต่พระยาห์เวห์จะทรงพระเมตตาต่อยาโคบและจะทรงเลือกอิสราเอลอีก ทั้งจะตั้งเขาทั้งหลายไว้ในแผ่นดินของเขา แล้วคนต่างด้าวจะมาสมทบกับเขาทั้งหลาย และจะผูกพันเข้ากับเชื้อสายของยาโคบ 2ชนชาติทั้งหลายจะรับพวกเขาและนำเขาทั้งหลายมายังที่ของเขา และเชื้อสายของอิสราเอลจะได้ชนชาติทั้งหลายเป็นกรรมสิทธิ์ โดยให้เป็นทาสและทาสีในแผ่นดินของพระยาห์เวห์ พวกที่เคยจับเขาทั้งหลายเป็นเชลยจะถูกพวกเขาจับเป็นเชลย และพวกเขาจะปกครองเหนือพวกที่เคยบีบบังคับเขา
ความหายนะของพระราชาบาบิโลน
3เมื่อพระยาห์เวห์ประทานให้เจ้าได้หยุดพักจากความเจ็บปวดและความวุ่นวายของเจ้า และจากงานหนักซึ่งเจ้าถูกบังคับให้ทำ 4เจ้าจะยกคำเย้ยหยันนี้กล่าวกับพระราชาของบาบิโลนว่า
“เออ ผู้บีบบังคับสงบไปอย่างไรหนอ
ความเกรี้ยวกราดของเขาก็สงบไปด้วยหนอ
5พระยาห์เวห์ทรงหักไม้พลองของคนอธรรม
คทาของผู้ครอบครอง
6ซึ่งตีชนชาติทั้งหลายด้วยความพิโรธ
ด้วยการตีอย่างไม่หยุดยั้ง
ซึ่งครอบครองประชาชาติด้วยความโกรธ
ด้วยการข่มเหงอย่างไม่รามือ
7ทั่วทั้งโลกก็หยุดพักและสงบอยู่
เขาทั้งหลายโห่ร้องด้วยความยินดี
8ต้นสนสามใบก็เปรมปรีดิ์เพราะเจ้าด้วย
ต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอนกล่าวว่า
‘ตั้งแต่เจ้าตกต่ำ
ก็ไม่มีคนตัดไม้ขึ้นมาหาเรา’
9แดนคนตายเบื้องล่างก็ตื่นเต้น
เพื่อต้อนรับเจ้าเมื่อเจ้ามา
มันปลุกให้พวกคนตายมารับเจ้า
คือทุกคนที่เคยเป็นผู้นำของแผ่นดินโลก
มันทำให้พวกที่เคยเป็นพระราชาของประชาชาติทั้งหลาย
ลุกขึ้นมาจากบัลลังก์ของพวกเขา
10พวกเขาทุกคนจะพูด
และกล่าวแก่เจ้าว่า
‘เจ้ากลายเป็นคนอ่อนแอเหมือนเราด้วย
เจ้าก็เป็นเหมือนอย่างเรา’
11ความโอ่อ่าของเจ้าถูกนำลงมาถึงแดนคนตาย
พร้อมกับเสียงพิณของเจ้า
ตัวดักแด้จะเป็นที่นอนอยู่ใต้ตัวเจ้า
และตัวหนอนจะเป็นผ้าห่มของเจ้า
12“โอ เจ้าร่วงลงจากฟ้าสวรรค์อย่างไรหนอ
เจ้าผู้ส่องแสง คือโอรสแห่งรุ่งอรุณ
เจ้าถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ
เจ้าผู้ทำให้ประชาชาติทั้งหลายตกต่ำ
13เจ้าเองรำพึงในใจของเจ้าว่า
‘ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์
ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า
เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า
ข้าจะนั่งบนขุนเขาแห่งการชุมนุมขุนเขาแห่งการชุมนุม คือ สถานที่ที่พวกเทพใช้ประชุมกัน
ณ สุดปลายอุดรอันไกลโพ้น
14ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ
ข้าจะทำให้ตัวของข้าเองเหมือนองค์ผู้สูงสุด’
15แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย
ยังก้นบาดาล
16บรรดาผู้เห็นเจ้าจะจ้องมองเจ้า
และจะคิดพิจารณาตัวเจ้าว่า
‘ชายคนนี้หรือที่ทำให้โลกสั่นสะเทือน?
ที่เขย่าอาณาจักรทั้งหลาย?
17ที่ทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร
และทำลายเมืองต่างๆ ในโลกเสีย?
ผู้ไม่ยอมปล่อยให้เชลยของตนกลับบ้าน?’
18พระราชาทั้งหมดของบรรดาประชาชาตินอนอยู่อย่างมีเกียรติ
ต่างก็อยู่ในอุโมงค์ของตน
19แต่เจ้าถูกเหวี่ยงออกไปจากหลุมศพของเจ้า
เป็นเหมือนกิ่งไม้ถูกทิ้ง
พวกถูกฆ่าจะเป็นเหมือนเสื้อที่คลุมเจ้าไว้ คือพวกถูกแทงด้วยดาบ
ซึ่งลงไปยังศิลาของที่ลึก
เป็นศพที่ถูกเหยียบย่ำ
20เจ้าจะไม่มีส่วนร่วมกับเขาในการฝังศพ
เพราะเจ้าได้ทำลายแผ่นดินของเจ้า
เจ้าได้สังหารประชาชนของเจ้า
“ขออย่าให้มีใครเอ่ยถึง
เชื้อสายของผู้ทำความชั่วตลอดไป
21จงเตรียมการสังหารลูกๆ ของเขา
เพราะความชั่วของบิดาพวกเขา
อย่าให้เขาทั้งหลายลุกขึ้นมาครอบครองโลก
หรือทำให้พื้นพิภพเต็มด้วยเมืองต่างๆ”
22พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า “เราจะลุกขึ้นสู้กับพวกเขา และจะตัดชื่อคนที่เหลืออยู่เสียจากบาบิโลน ทั้งตัดลูกหลานและพงศ์พันธุ์เสีย” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ 23“และเราจะทำให้บาบิโลนเป็นที่ยึดครองของพวกอีกาบ้าน และทำให้เป็นหนองน้ำ และจะกวาดด้วยไม้กวาดของการทำลาย” พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ
ครุวาทเกี่ยวกับอัสซีเรีย
24พระยาห์เวห์จอมทัพทรงปฏิญาณว่า
“เราวางแผนไว้อย่างไร
ก็จะเป็นไปอย่างนั้น
และเรามุ่งหมายไว้อย่างไร
ก็จะเกิดอย่างนั้น
25คือเราจะตีคนอัสซีเรีย ให้แตกในแผ่นดินของเรา
และจะเหยียบย่ำเขาบนภูเขาของเรา
แล้วแอกของเขาจะถูกยกออกไปจากเขาทั้งหลาย
และภาระของเขาออกไปจากบ่าเขาทั้งหลาย”
26นี่คือแผนงานที่วางไว้
เกี่ยวกับแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
และนี่เป็นพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออก
เหนือบรรดาประชาชาติทั้งหมด
27เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพทรงมุ่งหมายไว้
ใครเล่าจะลบล้างได้?
พระหัตถ์ของพระองค์เหยียดออก
และผู้ใดจะหันให้กลับมาได้?
ครุวาทเกี่ยวกับฟีลิสเตีย
28ในปีที่กษัตริย์อาหัสสิ้นพระชนม์ ครุวาทคำพูดที่หนักและรุนแรงนี้มีมาว่า
29“ฟีลิสเตียเอ๋ย พวกเจ้าทั้งหมดอย่าได้เปรมปรีดิ์ไปเลย
ว่ากระบองซึ่งตีเจ้านั้นหักเสียแล้ว
เพราะงูพิษจะออกมาจากรากเหง้าของงู
และผลของมันจะเป็นงูแมวเซา
30ลูกหัวปีของคนยากจนจะมีอาหารกิน
และคนขัดสนจะนอนลงอย่างปลอดภัย
แต่เราจะให้รากเหง้าของเจ้าตายด้วยการกันดารอาหาร
และคนเหลืออยู่ของเจ้าจะถูกฆ่า
31ประตูเมืองเอ๋ย จงคร่ำครวญ กรุงเอ๋ย จงร่ำไห้
ฟีลิสเตียเอ๋ย พวกเจ้าทุกคนจงละลายไปเสีย
เพราะควันออกมาจากทางเหนือ
และไม่มีใครแตกออกจากแถวของตนเลย”
32จะตอบพวกทูตของประเทศนั้นว่าอย่างไร?
ก็ว่า “พระยาห์เวห์ได้ทรงสถาปนาศิโยนไว้
และบรรดาคนยากไร้ของชนชาติของพระองค์
จะพบที่ลี้ภัยในที่นั้น”
อิสยาห์ 15
ครุวาทเกี่ยวกับโมอับ
1ครุวาทคำพูดที่หนักและรุนแรงเกี่ยวกับโมอับ
เพราะเมืองอาร์ถูกทำลายในคืนเดียว
โมอับถูกทำให้ย่อยยับ
เพราะเมืองคีร์ถูกทำลายในคืนเดียว
โมอับถูกทำให้ย่อยยับ
2เมืองดีโบนขึ้นไปยังวิหาร
ไปยังปูชนียสถานสูงเพื่อร้องไห้
โมอับคร่ำครวญ
ถึงเมืองเนโบและเมืองเมเดบา
ศีรษะทุกศีรษะก็โล้น
และหนวดเคราของทุกคนล้วนถูกโกน
3พวกเขาคาดผ้ากระสอบเป็นสัญลักษณ์ของการไว้ทุกข์อยู่ตามถนน
ทุกคนคร่ำครวญน้ำตานอง
ทั้งบนหลังคาบ้านและตามลานเมือง
4เมืองเฮชโบนและเมืองเอเลอาเลห์ส่งเสียงร้อง
เสียงของพวกเขาได้ยินไปถึงเมืองยาฮาส
เพราะฉะนั้น ชายที่ถืออาวุธของโมอับจึงร้องเสียงดัง
ตัวของเขาก็สั่นเทา
5ใจของข้าพเจ้าร้องออกมาเพื่อโมอับ
ผู้ลี้ภัยโมอับหนีไปยังเมืองโศอาร์
ไปยังเมืองเอกลัทเชลีชิยาห์
เพราะตามทางที่ขึ้นไปเมืองลูฮีท
เขาขึ้นไปและร่ำไห้
ตามถนนสู่เมืองโฮโรนาอิม
เขาเปล่งเสียงร้องถึงการถูกทำลาย
6ธารน้ำที่นิมริม
ก็กลายเป็นที่ร้าง
หญ้าก็เหี่ยวแห้ง และหญ้าอ่อนก็ไม่งอก
พืชเขียวสดไม่มีอีกแล้ว
7เพราะฉะนั้น ความมั่งคั่งที่เขาได้มา
และที่เขาสะสมเอาไว้
พวกเขาขนเอามันไป
ข้ามลำธารต้นหลิวคือลำธารบริเวณชายแดนของโมอับกับเอโดม
8เพราะเสียงร่ำร้องกระจายไป
ทั่วทั้งแผ่นดินโมอับ
เสียงคร่ำครวญไปถึงเมืองเอกลาอิม
เสียงคร่ำครวญไปถึงเมืองเบเออร์เอลิม
9เพราะลำน้ำของเมืองดีโมนเต็มด้วยเลือด
ถึงกระนั้นเรายังจะเพิ่มภัยแก่ดีโมนอีก
คือให้สิงโตแก่คนโมอับที่หลบหนีไป
และแก่คนเหลืออยู่ในแผ่นดิน
อิสยาห์ 16
1จงส่งลูกแกะ
ไปยังผู้ปกครองแผ่นดิน
จากเมืองเส-ลาไปตามทางถิ่นทุรกันดาร
ไปยังภูเขาของธิดาศิโยน
2เหมือนนกที่กำลังบินหนี
อย่างลูกนกที่พลัดพรากจากรัง
บรรดาธิดาแห่งโมอับก็เป็นอย่างนั้น
ที่ตรงท่าข้ามของแม่น้ำอารโนน
3ช่วยให้คำแนะนำ
และอำนวยความยุติธรรม
ทำร่มเงาของท่านเหมือนกลางคืน
ณ เวลาเที่ยงวัน
ช่วยซ่อนผู้ถูกขับไล่
และอย่าได้หักหลังผู้ลี้ภัย
4ให้ผู้ถูกขับไล่ของโมอับอาศัยอยู่กับท่าน
ให้ที่หลบซ่อนแก่พวกเขาเพื่อให้พ้นจากผู้ทำลาย
เมื่อไม่มีผู้บีบบังคับแล้ว
และการทำลายหยุดหมดแล้ว
ผู้เหยียบย่ำหายไปจากแผ่นดินอย่างสิ้นเชิง
5แล้วพระที่นั่งจะได้รับการสถาปนาด้วยความรักมั่นคง
และจะมีผู้หนึ่งนั่งอยู่บนนั้นด้วยความซื่อสัตย์
ในเต็นท์ของดาวิด
คือผู้พิพากษาที่แสวงหาความยุติธรรม
ที่ทำความชอบธรรมอย่างเร่งด่วน
6พวกข้าพเจ้าได้ยินถึงความเย่อหยิ่งของโมอับ
โมอับนั้นช่างหยิ่งเหลือเกิน
และยังได้ยินถึงความยโส ความเย่อหยิ่ง และความอวดดีของเขา
การคุยโม้ของเขาก็เป็นความเท็จ
7เพราะฉะนั้น โมอับจะคร่ำครวญ
ทุกคนจะคร่ำครวญเพื่อโมอับ
พวกท่านจะครวญครางเพื่อขนมลูกเกดของเมืองคีร์หะเรเซท
เพราะว่าท่านจะถูกทำลายจนหมดสิ้น
8เพราะทุ่งนาแห่งเมืองเฮชโบนเหี่ยวแห้ง
ทั้งเถาองุ่นของเมืองสิบมาห์
พวกเจ้านายของบรรดาประชาชาติ
ได้หักกิ่งก้านทั้งหลายของมันลง
กิ่งที่แผ่ไปถึงเมืองยาเซอร์
และหลงเจิ่นไปถึงถิ่นทุรกันดาร
หน่อของมันแตกออกอย่างกว้างขวาง
แล้วผ่านข้ามทะเลไป
9เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงร้องไห้ด้วยการร้องไห้ของเมืองยาเซอร์
เนื่องด้วยเถาองุ่นของเมืองสิบมาห์
ข้าพเจ้าจะให้ท่านท่วมด้วยน้ำตาของข้าพเจ้านะ
เมืองเฮชโบน และเมืองเอเลอาเลห์
เพราะเสียงโห่ร้องในผลไม้หน้าร้อนของท่าน
และในการเก็บเกี่ยวของท่านได้สิ้นสุดลง
10ความชื่นบาน และความยินดีถูกเอาไป
เอาไปจากสวนผลไม้
ไม่มีการร้องอย่างชื่นบานตามสวนองุ่น
ไม่มีเสียงโห่ร้องยินดี
ไม่มีคนย่ำให้เหล้าองุ่นออกในบ่อย่ำองุ่น
เราได้ทำให้เสียงเฮย่ำองุ่นเงียบหายไป
11ฉะนั้น จิตของข้าพเจ้าร่ำไห้เหมือนเสียงพิณเพื่อโมอับ
และใจของข้าพเจ้าร่ำไห้เพื่อเมืองคีร์เฮเรส
12และเมื่อโมอับเข้าเฝ้าและเหน็ดเหนื่อยอยู่ที่ปูชนียสถานสูง และเขาเข้ามาอธิษฐานในสถานศักดิ์สิทธิ์ของเขา เขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ
13นี่เป็นพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับโมอับในอดีต 14แต่บัดนี้ พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ภายใน 3 ปีตามปีจ้างลูกจ้าง ศักดิ์ศรีของโมอับจะถูกเหยียดหยาม แม้มวลชนทั้งหมดจะมีจำนวนมหาศาล แต่คนเหลืออยู่นั้นจะมีน้อยและอ่อนปวกเปียก”
อรรถาธิบาย
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณพระองค์ในชีวิต
เราจะอธิบายความชั่วร้ายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสได้อย่างไร ทั้งการตัดหัว การตรึงกางเขนชาวคริสต์และยาซิดิส ผู้หญิงและเด็กที่ถูกขายไปเป็นทาส? แล้วเรื่องราวเหล่านี้ด้วย จะอธิบายอย่างไรในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การทำลายล้างของสตาลิน หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดา?
นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ตอนในพระคัมภีร์ที่บ่งบอกถึงที่มาของซาตานและอำนาจชั่ว
ความงดงามของเพชรจะเจิดจรัสที่สุด คือ เมื่อเพชรอยู่บนผ้ากำมะหยี่สีดำ ความงดงามของพระคุณของพระเจ้าจะปรากฎในเห็นเป็นพระสิริเปี่ยมล้นและปัญญามากล้ำเมื่อปะทะกับความมืดอันชั่วร้าย ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์กล่าวถึงความเมตตาอันน่าอัศจรรย์ของพระเจ้า (14:1) ที่มาของความมืดมิดคือความชั่วร้ายของประชาชาติรอบข้าง ในกลุ่มชาติบาบิโลน พบความโหดร้าย การทรมาน การกดขี่ข่มเหง และการค้าทาส
อิสยาห์พรรณาถึงการล่มสลายของบาบิโลนว่า ‘โอ เจ้าร่วงลงจากฟ้าสวรรค์อย่างไรหนอ เจ้าผู้ส่องแสง คือโอรสแห่งรุ่งอรุณ เจ้าถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้ทำให้ประชาชาติทั้งหลายตกต่ำ เจ้าเองรำพึงในใจของเจ้าว่า ‘ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะนั่งบนขุนเขาแห่งการชุมนุม ณ สุดปลายอุดรอันไกลโพ้น ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะทำให้ตัวของข้าเองเหมือนองค์ผู้สูงสุด’ แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังก้นบาดาล’ (ข้อ 12-15)
พระเยซูทรงอธิบายการล่มสลายของซาตานในทำนองเดียวกัน (ลูกา 10:18) บางทีอาจจะเป็นด้วยความจองหองและเย่อหยิ่งที่นำไปสู่การล้มลงของทูตสวรรค์ ก่อนการล้มลงของอดัมและเอวา
แต่ในความมืดเหมือนผ้ากำมะหยี่ เพชรที่สวยงามที่สุดถูกซ่อนอยู่ด้วย
‘ทรราชล้มลง
การสังหารที่บั้นปลาย
สัญญาณของความโหดร้ายมลายไปนาน
คณะปกครองใหม่เปี่ยมด้วยรักจะกำเนิดขึ้น
เป็นเชื้อสายที่น่านับถือของดาวิด
ผู้ปกครองที่เจ้าสามารถพึ่งพาได้
หัวหน้าของคณะปกครองนี้
คณะปกครองที่ยึดมั่นในความยุติธรรม
ผู้ปกครองที่ปรับเปลี่ยนทุกสิ่งสู่ความถูกต้องอย่างรวดเร็ว (อิสยาห์ 16:4ข-5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ไม่ว่าการเติมเต็มทางประวัติศาสตร์จะเป็นอย่างไร มีเพียงผู้เดียวที่เหมาะกับคำอธิบายนี้ที่สุดนั่นคือพระเยซูพระเมสสิยาห์ ผู้เป็นหน่อเนื้อเชื้อสายของดาวิด ผู้ทรงนำความรักและความยุติธรรมของพระเจ้ามารวมกัน แตกต่างจากซาตาน ‘ข้าจะ’ (14 :13,14) พระเยซูปฏิเสธตัวเองและกล่าวว่า ‘อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์’ (มัทธิว 26:39)
การตอบสนองที่เหมาะสมเพียงอย่างเดียวต่อพระคุณอันน่าอัศจรรย์ของพระเจ้าที่เปิดเผยในพระเยซูคริสต์คือการขอบคุณพระองค์ด้วยการนมัสการ การให้ และทั้งชีวิตของคุณ ยอมมอบชีวิตของคุณให้กับพระองค์และพูดว่า ‘ข้าพระองค์เต็มใจจะทำสิ่งที่พระองค์ต้องการ’
ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญอะไรอยู่ คุณสามารถวางใจได้ว่าพระประสงค์ของพระเจ้าจะบรรลุผลสำเร็จในที่สุด ‘เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพทรงมุ่งหมายไว้ ใครเล่าจะลบล้างได้?’ (อิสยาห์ 14:27)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
2 โครินธ์ 9:6
‘คนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก’
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างการวางเมล็ดพันธุ์หนึ่งอย่างระมัดระวังเป็นแนวระเบียบโดยวางตามหลังเมล็ดต่อเมล็ด แทนที่จะโยนเมล็ดเป็นกำไปทุกที่โดยไม่กังวลว่าบางเมล็ดอาจจะพลาดเป้า
ฉันค่อนข้างระมัดระวังเป็นนิสัยซึ่งอาจจะต้องยอมเสี่ยงบ้างก็เป็นได้ ด้วยฉันเองก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับความใจกว้างที่ไม่ธรรมดาโดยพระกายของพระคริสต์ซึ่งท้าทายและท่วมท้นฉันอย่างต่อเนื่อง
ข้อพระคำประจำวัน
2 โครินธ์ 9:6
‘คนที่หว่านมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)