วัน 251

ชนะการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 106:16-31
พันธสัญญาใหม่ 2 โครินธ์ 10:1-18
พันธสัญญาเดิม อิสยาห์ 17:1-19:25

เกริ่นนำ

ภาพที่น่าเศร้าเป็นสิ่งที่ลืมไม่ลง เช่นเดียวกับหลาย ๆ คน ผมร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นรูปภาพของร่างเล็ก ๆ อลัน เคอร์ดี ในวัย 3 ขวบที่ถูกซัดมาเกยตื้นที่ชายฝั่งในตุรกี เขาจมน้ำพร้อมกับพี่ชาย และแม่ของเขาในขณะที่ครอบครัวของเขาหนีมาจากสงครามในซีเรีย

ในปัจจุบัน หนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่สุดของวิกฤติผู้ลี้ภัยในยุโรปคือสงคราม มีผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 คนในสงครามกลางเมืองในซีเรียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในอิรัก กลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสสังหารผู้บริสุทธิ์ไปหลายพันคน (ส่วนใหญ่เป็นคริสเตียน) และทำให้ผู้คนหลายหมื่นต้องพลัดถิ่น (อีกครั้ง หลาย ๆ คนเป็นคริสเตียน) การโจมตีของผู้ก่อการร้ายอันน่าสยดสยองทั่วโลกขณะนี้เกิดขึ้นจนเป็นปกติอย่างน่าตกใจ

ความโหดร้ายเหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงและน่าสยดสยองของการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในทุกระดับของสังคมเสมอมา ‘พี่น้องต่อสู้พี่น้อง เพื่อนบ้านต่อสู้เพื่อนบ้าน บ้านเมืองสู้เมือง อาณาจักรสู้อาณาจักรอนาธิปไตย และความโกลาหลและการฆ่า’ (อิสยาห์ 19:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

แทบทุกวันในสื่อเราเห็นความน่าสะพรึงกลัวของสงคราม เราอาศัยอยู่ในโลกที่พัฒนาอาวุธสงครามทางกายภาพที่น่ากลัวอย่างต่อเนื่อง อาวุธเหล่านี้มีพลังในการทำให้พิการ คร่าชีวิต และทำลายล้าง แต่การสู้รบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทางกายภาพไปเสียทั้งหมด ประเด็นต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหาทั้งในด้านการเมืองและสื่อต่าง ๆ เป็นเรื่องศีลธรรมและจิตวิญญาณอย่างหนักหน่วง

การทำสงครามในโลกฝ่ายเนื้อหนังเป็นปัญหาระดับโลกที่ร้ายแรง แล้วถ้าเป็นดังนั้นแล้ว อัครสาวกเปาโลกล่าว ถึง การทำสงครามฝ่ายวิญญาณ (ดู เอเฟซัส 6:10-20) สิ่งนี้มองไม่เห็น แต่มันก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน นักเทศนาชาวเวลส์ผู้กว้างขวาง ดร. มาร์ติน ลอยด์ โจนส์ เคยกล่าวไว้ว่า ‘ไม่มีการบิดเบือนข้อความของคริสเตียนใดที่ร้ายแรงหรือมากไปกว่าสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าข้อความเหล่านั้นเป็นการหยิบยื่นชีวิตที่แสนสบายโดยปราศจากการต่อสู้และอุปสรรค์ใด ๆ เลย...ผู้เชื่อทุกคนไม่ช้าก็เร็วต้องค้นพบว่าชีวิตคริสเตียนคือสนามรบ ไม่ใช่สนามเด็กเล่น’

ในการต่อสู้ครั้งนี้ คุณถูกเรียกไม่ให้เอาชนะความกลัว แต่ให้เอาชนะความชั่วด้วยความดี (โรม 12:21) คุณได้รับอาวุธที่จะเอาชนะการต่อสู้นี้ อาจารย์เปาโลเขียนว่า ‘เราก็ไม่ได้สู้รบตามแบบมนุษย์ทั่ว ๆ ไป เพราะว่าอาวุธของเราที่ใช้สู้รบไม่ใช่แบบมนุษย์ แต่เป็นฤทธานุภาพจากพระเจ้าที่จะทำลายป้อมปราการได้’ (2 โครินธ์ 10:3ข–4)

อาวุธเหล่านี้คืออะไร? คุณใช้พวกมันอย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 106:16-31

16เมื่อคนในค่ายอิจฉาโมเสส
 และอาโรน คนบริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์
17แผ่นดินก็อ้าปากกลืนดาธาน
 และกลบพวกของอาบีรัมเสีย
18ไฟได้ลุกไหม้ท่ามกลางพวกของท่าน
 และเปลวเพลิงผลาญคนอธรรมเสีย
19บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายได้สร้างลูกโคในโฮเรบ
 และนมัสการรูปเคารพที่ได้หล่อขึ้น
20ท่านเหล่านั้นเอาพระสิริของพระเจ้าแลกกับ
 รูปปั้นของวัวที่กินหญ้า
21ท่านลืมพระเจ้าผู้ทรงช่วยท่านให้รอด
 ผู้ได้ทรงทำพระราชกิจใหญ่โตในอียิปต์
22ทรงทำการอัศจรรย์ต่างๆ ในแผ่นดินของฮาม
 และสิ่งน่าคร้ามกลัวที่ทะเลแดง
23เพราะฉะนั้น พระองค์ตรัสว่าจะทำลายท่านเหล่านั้นเสีย
 แต่ยังดีที่โมเสสผู้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรร
ได้มายืนเฝ้าทัดทานพระองค์
 เพื่อหันพระพิโรธของพระองค์เสียจากการทำลาย
24ต่อมาบรรพบุรุษของข้าพระองค์ก็ดูถูกแผ่นดินอันร่มรื่นนั้น
 ไม่เชื่อพระวจนะของพระองค์
25ท่านเหล่านั้นบ่นอยู่ในเต็นท์ของท่าน
 และไม่ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์
26เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงปฏิญาณต่อท่านว่า
 จะทำให้ท่านล้มตายในถิ่นทุรกันดาร
27และจะกระจายพงศ์พันธุ์ของท่านไปท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
 หว่านท่านไปทั่วประเทศทั้งหลาย
28ต่อมาท่านเหล่านั้นก็ไปติดพันอยู่กับพระบาอัลแห่งเมืองเปโอร์
 และรับประทานเครื่องสัตวบูชาที่บูชาพระตาย
29ท่านยั่วเย้าพระองค์ให้กริ้วด้วยการกระทำของท่าน
 แล้วโรคระบาดก็เกิดขึ้นท่ามกลางท่าน
30แต่ฟีเนหัสได้ยืนขึ้นจัดการลงโทษ
 และโรคระบาดนั้นก็หยุด
31ที่เขาทำนั้นพระองค์ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่เขา
 ทุกชั่วชาติพันธุ์เป็นนิตย์

อรรถาธิบาย

อาวุธแห่งการอธิษฐาน

ผู้เขียนสดุดีระลึกถึงความเป็นผู้นำและการทำพันธกิจของโมเสส บางคนอิจฉาที่พระเจ้าใช้โมเสสและอาโรนอย่างทรงพลัง ‘คนในค่ายอิจฉาโมเสสและอาโรน' (ข้อ 16)

การตอบสนองของโมเสสไม่ใช่การปกป้องตัวเอง แต่เป็นการอธิษฐานเผื่อพวกคนในค่าย โมเสส ‘ยืนเฝ้าทัดทาน’ ต่อพระพักตร์พระเจ้า (ข้อ 23) และวิงวอนแทนพวกเขา เรื่องราวในอพยพ 32:11-14 เราเห็นว่ามันเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนเส้นทางของประวัติศาสตร์ด้วยพลังของการอธิษฐาน

ฟีเนหัสเป็นอีกคนหนึ่งที่ ‘จัดการลงโทษ’ เพื่อประชาชน (ดูกันดารวิถี 25) จัดการลงโทษของฟีเนหัสต้องเกิดจากความเชื่อของเขา คำบอกเล่าถึงตอนนี้ว่าเช่นเดียวกับอับราฮัม เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ชอบธรรม (สดุดี 106:31)

อาวุธอันทรงพลังของการอธิษฐานมีเอาไว้ให้คุณ อธิษฐานเผื่อครอบครัว เพื่อนฝูง และทุกคนที่พระวิญญาณทรงดลใจให้คุณอธิษฐานเผื่อ ‘ยืนเฝ้าทัดทาน’ และร้องขอแทนผู้อื่น ดังที่ เจเรมี เจนนิงส์ เอ่ยเมื่อสิ้นสุดการประชุมอธิษฐานเผื่อที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน ทุกครั้งว่า ‘ขอบคุณสำหรับการอธิษฐานคุณได้สร้างความแตกต่างขึ้นมาแล้ว

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณสำหรับพลังของการอธิษฐานวิงวอน วันนี้ ข้าพระองค์ต้องการยืนหยัดเฝ้าทัดทาน และร้องขอให้...
พันธสัญญาใหม่

2 โครินธ์ 10:1-18

เปาโลกล่าวปกป้องพันธกิจของท่าน

 1ข้าพเจ้า เปาโล ขอร้องพวกท่านด้วยตัวเอง โดยเห็นแก่ความสุภาพอ่อนโยนและความกรุณาของพระคริสต์ ข้าพเจ้าผู้เป็นคนถ่อมตัวเมื่ออยู่กับท่านทั้งหลาย แต่เมื่ออยู่ห่างก็เป็นคนห้าวหาญต่อพวกท่าน 2คือข้าพเจ้าขอร้องท่านว่าเมื่อมาอยู่กับพวกท่าน อย่าให้ข้าพเจ้าต้องห้าวหาญ ด้วยความมั่นใจที่ทำให้ข้าพเจ้าคิดว่า จะต้องกล้าหาญต่อบางคนซึ่งคิดว่าเราดำเนินชีวิตตามแบบมนุษย์ทั่วๆ ไป 3เพราะว่า ถึงแม้ว่าเราดำเนินชีวิตอยู่ในร่างกายมนุษย์ แต่เราก็ไม่ได้สู้รบตามแบบมนุษย์ทั่วๆ ไป 4เพราะว่าอาวุธของเราที่ใช้สู้รบไม่ใช่แบบมนุษย์ แต่เป็นฤทธานุภาพจากพระเจ้าที่จะทำลายป้อมปราการได้ คือทำลายเหตุผลปลอมทั้งหลาย 5และความเย่อหยิ่งทุกรูปแบบที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และจะยึดกุมความคิดทุกประการให้มาเชื่อฟังพระคริสต์ 6และเราพร้อมจะลงโทษทุกคนที่ไม่เชื่อฟัง เมื่อพวกท่านเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์แล้ว
 7จงดูสิ่งที่ปรากฏกับตาจงดูสิ่งที่ปรากฏกับตา แปลได้อีกว่า พวกท่านมองแต่เพียงภายนอก ถ้าใครมั่นใจว่าตัวเขาเป็นของพระคริสต์ ก็ให้เขาคิดถึงตัวเองดูอีกทีอย่างนี้ว่า เมื่อเขาเป็นของพระคริสต์ เราก็เป็นของพระคริสต์เหมือนกัน 8ถึงแม้ข้าพเจ้าจะอวดมากไปสักหน่อย ในเรื่องสิทธิอำนาจของเราที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ไว้เพื่อเสริมสร้าง ไม่ใช่เพื่อทำลายพวกท่าน ข้าพเจ้าก็จะไม่ได้รับความอับอาย 9ข้าพเจ้าไม่ต้องการให้ดูราวกับว่า ข้าพเจ้าทำให้ท่านกลัวด้วยจดหมาย 10เพราะมีบางคนพูดว่า “จดหมายของเปาโลนั้นมีน้ำหนักและมีอำนาจมากก็จริง แต่ตัวเขาดูอ่อนแอเมื่อมาถึงและคำพูดของเขาก็ใช้ไม่ได้” 11จงให้คนเหล่านั้นเข้าใจอย่างนี้ว่า เราพูดไว้ในจดหมายอย่างไรเมื่อไม่อยู่ เราก็จะทำอย่างนั้นเมื่ออยู่เช่นกัน 12เพราะว่าเราไม่กล้าเทียบชั้นหรือเปรียบเทียบตัวเองกับบางคนที่ยกย่องตัวเอง แต่เมื่อพวกเขาเอาตัวเองเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวเองเปรียบเทียบกันและกันแล้ว พวกเขาก็ปราศจากความเข้าใจ
 13ส่วนเราจะไม่อวดเกินขอบเขต แต่จะอวดในขอบเขตที่พระเจ้าทรงจัดไว้ให้ และขอบเขตนั้นก็ครอบคลุมถึงพวกท่านด้วย 14เพราะว่าเราไม่ได้ทำเลยขอบเขตของตนเอง นอกจากว่าเราไม่เคยมาหาท่าน เราเป็นพวกแรกที่นำข่าวประเสริฐของพระคริสต์มายังพวกท่าน 15เราไม่ได้อวดเกินขอบเขต ไม่ได้อวดในการงานของคนอื่น แต่เราหวังว่า เมื่อความเชื่อของท่านเจริญขึ้น ขอบเขตงานของเราจะขยายออกไปอย่างกว้างขวางในพวกท่าน 16เพื่อว่าเราจะได้ประกาศข่าวประเสริฐในที่ที่อยู่เลยขอบเขตของพวกท่าน โดยไม่อวดสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของคนอื่นที่ทำไว้แล้วนั้น 17“ถ้าใครจะอวด ก็จงอวดองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” 18เพราะว่าคนที่ยกย่องตัวเองจะไม่ได้รับการรับรอง แต่คนที่พระเจ้าทรงยกย่องต่างหากจะได้รับ

อรรถาธิบาย

อาวุธแห่งพระกิตติคุณ

จิตใจของคุณคือสนามรบ ความคิดของคุณผูกกับคำพูด และการกระทำของคุณ มารพยายามสร้างป้อมปราการในใจของคุณ อาจารย์เปาโลรู้ว่าแก่นของการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ คือ การต่อสู้ในจิตใจ มีความรู้สึกบอกเราว่าเราแต่ละคนมีส่วนร่วมในการต่อสู้ทางฝ่ายวิญญาณในจิตใจของเราเอง เป็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทุกวันเพื่อต่อกลอนกับการทดลองเกี่ยวกับความคิดที่ผิด ๆ และต่อสู้กับการถูกผูกมัดทุกความคิดให้ห่างจากการเชื่อฟังพระคริสต์ (ข้อ 5)

แม้เปาโลจะหยิบยกถึงการต่อสู้ทางจิตใจของแต่ละคนในที่นี้ แต่โดยหลักแล้วเขากำลังคิดถึงบางสิ่งที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย มีการต่อสู้ทางวัฒนธรรมเกิดขึ้น: การต่อสู้ทางความคิด ปรัชญา และโลกทัศน์ เขามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการต่อสู้นี้เพื่อยึดเองความคิด ปรัชญา และโลกทัศน์ เพื่อผูกมัดสิ่งเหล่านั้นเข้าสู่การเชื่อฟังพระคริสต์

เปาโลเขียนไว้ว่า ‘โลกนี้ไร้ซึ่งศิลธรรม สุนัขกินสุนัขด้วยกันเองในโลก! โลกไม่ได้ต่อสู้อย่างยุติธรรม แต่เราไม่ได้มีชีวิตอยู่หรือต่อสู้ในการต่อสู้เช่นนั้น ไม่เคยและไม่มีวัน เครื่องมือทางการค้าของเราไม่ได้มีเอาไว้สำหรับทำการตลาดหรือจัดการควบคุม แต่พวกมันมีไว้เพื่อทำลายวัฒนธรรมที่คอรัปชั่นอย่างมหาศาลทั้งหมด’

‘เราใช้อาวุธอันทรงพลังจากพระเจ้าเพื่อทำลายความเข้าใจลึกซึ้งอันบิดเบี้ยว ทำลายกำแพงที่สร้างขึ้นเพื่อต่อต้านความจริงของพระเจ้า กระชับทุกความคิด อารมณ์และแรงกระตุ้นที่ที่หละหลวมให้เข้าสู่สู่โครงสร้างแห่งชีวิตที่หล่อหลอมโดยพระคริสต์ อาวุธของเราพร้อมสำหรับการขจัดทุกอุปสรรคและสร้างชีวิตแห่งการเชื่อฟังให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น' (ข้อ 3-6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

‘อาวุธ’ ที่อาจารย์เปาโลใช้มี ‘ฤทธานุภาพ’ ในการ ‘ทำลายป้อมปราการ’ (ข้อ 4) ฤทธอำนาจของเขามาจากการเป็นของพระคริสต์ (ข้อ 7) และเขาได้รับสิทธิอำนาจจากองค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 8)

ผมพบว่าเป็นการหนุนจิตชูใจมากเมื่อบางคนพูดถึงเปาโลว่า ‘ตัวเขาดูอ่อนแอเมื่อมาถึงและคำพูดของเขาก็ใช้ไม่ได้’ (ข้อ 10) อย่างไรก็ตาม อาจารย์เปาโลชี้ให้เห็นว่า ‘การเปรียบเทียบ และการจัดลำดับ และการแข่งขันทั้งหมดนี้ พวกเขาค่อนข้างพลาดประเด็น’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การเปรียบเทียบมีฤทธิ์กัดกร่อน อาจทำให้คุณลำพองขึ้นเพื่อจะภาคภูมิใจหรือผลักดันคุณไปสู่ความสิ้นหวังก็ได้

อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคริสเตียนคนอื่น รวมถึงของประทานของคุณกับของประทานของพวกเขาและ ‘ความสำเร็จของคุณ’ กับ ‘ความสำเร็จของพวกเขา’ เราทุกคนอยู่ฝ่ายเดียวกัน เราควรพยายามช่วยเหลือ รัก และหนุนใจกันและกันในขณะที่เราสู้รบทางฝ่ายวิญญาณไปด้วยกัน

ขอบคุณพระเจ้า ที่คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวให้น่าประทับใจ และไม่ต้องเป็นผู้สื่อสารที่ยอดเยี่ยมเพื่อสั่งสอนพระกิตติคุณ อำนาจของเปาโลมาจาก ‘ข่าวประเสริฐของพระคริสต์’ (ข้อ 14) ความปรารถนาของเขาคือ ‘ประกาศข่าวประเสริฐ’ (ข้อ 16) แก่คนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

ท้ายที่สุดแล้ว มันคือ ‘พระวจนะของพระคริสต์’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ที่จะเปลี่ยนวัฒนธรรมที่คุณยึดมั่น เป็นข้อความที่ทรงพลังที่สุดในโลก มันคือการเปลี่ยนแปลงชีวิต มันคือการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม มันคือการเปลี่ยนแปลงโลก

ทุกครั้งที่คุณบอกเพื่อนเกี่ยวกับพระเยซู เชิญพวกเขาไปที่คริสตจักรหรือพาพวกเขาไปที่อัลฟ่า นี่คือตัวอย่างว่าคุณกำลังมีส่วนร่วมในการต่อสู้ทางฝ่ายวิญญาณ ด้วยอาวุธอันทรงพลังคือข่าวประเสริฐ (ดู โรม 1:16)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ทรงช่วยข้าพระองค์ให้ผูกมัดทุกความคิดมาสู่การเชื่อฟังพระองค์ และประทานความกล้าหาญให้ข้าพระองค์ในการใช้อาวุธอันทรงพลังของข่าวประเสริฐเพื่อทำลายป้อมปราการของมาร
พันธสัญญาเดิม

อิสยาห์ 17:1-19:25

ครุวาทเกี่ยวกับเมืองดามัสกัส

1ครุวาทคำพูดที่หนักและรุนแรงเกี่ยวกับเมืองดามัสกัส
 นี่แน่ะ ดามัสกัสจะไม่เหลือเป็นเมือง
 และจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
2เมืองทั้งหลายของอาโรเออร์จะถูกทิ้งร้าง
 จะกลายเป็นที่สำหรับฝูงแพะแกะ
 ที่ซึ่งพวกมันจะนอนลงโดยไม่มีใครทำให้มันกลัว
3ป้อมปราการจะหายไปจากเอฟราอิม
 และราชอาณาจักรจะหายไปจากดามัสกัส
และคนเหลืออยู่ของซีเรีย
 จะเป็นเหมือนศักดิ์ศรีของคนอิสราเอล
 พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ
4และอยู่มาในวันนั้น
 ศักดิ์ศรีของยาโคบจะตกต่ำ
 และร่างกายที่อ้วนของเขาจะซูบผอมลง
5และจะเป็นเหมือนคนเกี่ยวข้าวที่รวบรวมต้นข้าวซึ่งตั้งอยู่
 แขนของเขาจะเกี่ยวรวงข้าว
และจะเป็นเหมือนเมื่อคนเก็บรวงข้าว
 ที่หุบเขาเรฟาอิม
6แต่การเก็บเกี่ยวที่เหลืออยู่ในนั้น
 จะเป็นเหมือนการตีต้นมะกอก
ที่มีเพียงสองหรือสามลูก
 ซึ่งเหลืออยู่บนยอดสูงสุด
หรือสี่ถึงห้าลูก
 ซึ่งอยู่ตามกิ่งของต้นไม้
 พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้แหละ

 7ในวันนั้น คนจะเอาใจใส่ในพระผู้สร้างของตน และดวงตาของเขาจะมองดูองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล 8เขาจะไม่เอาใจใส่แท่นบูชา ซึ่งทำด้วยแปลได้อีกว่า หรือสิ่งที่ทำด้วยมือของเขา และเขาจะไม่มองสิ่งที่นิ้วของเขาเองทำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเสาอาเช-ราห์ หรือที่เผาเครื่องหอม
 9ในวันนั้นเมืองทั้งหลายที่แข็งแกร่งของเขา ซึ่งพวกเขาทิ้งให้ร้างเพราะคนอิสราเอล จะเป็นเหมือนที่ทิ้งร้างในป่าหรือในดงไม้และจะกลายเป็นที่ร้างเปล่า

 10เพราะเจ้าได้หลงลืมพระเจ้าแห่งความรอดของเจ้า
 และไม่ได้จดจำพระศิลาแห่งการลี้ภัยของเจ้า
ดังนั้นเจ้าปลูกต้นไม้แห่งความยินดี
 และปักกิ่งองุ่นของคนต่างด้าวไว้
11แม้ว่าเจ้าทำให้มันงอกในวันที่เจ้าปลูกมัน
 และทำให้มันออกดอกในเช้าของวันที่เจ้าหว่าน
ถึงกระนั้นผลการเก็บเกี่ยวก็จะหนีไป
 ในวันแห่งความโศกเศร้าและความเจ็บปวดที่รักษาไม่ได้
12เอ๊ะ เสียงอึกทึกของประชาชนมากมาย
 ดังสนั่นเหมือนเสียงดังสนั่นของทะเล
เอ๊ะ เสียงดังกึกก้องของชนชาติทั้งหลาย
 ดังกึกก้องเหมือนเสียงกึกก้องของน้ำที่มีพลังมหาศาล
13บรรดาชนชาติส่งเสียงกึกก้องเหมือนเสียงของน้ำเป็นอันมาก
 แต่พระองค์จะทรงกำราบเขา และเขาจะหนีไปไกลๆ
ถูกไล่ไปเหมือนแกลบที่ต้องลมบนภูเขา
 เหมือนฝุ่นแปลได้อีกว่า เหมือนหญ้าแห้งที่ปลิวไปต่อหน้าพายุ
14ดูซิ พอเวลาเย็น ก็มีความสยดสยอง
 ก่อนรุ่งเช้า เขาทั้งหลายก็ไม่มีแล้ว
นี่เป็นสภาพของพวกที่แย่งทรัพย์ของเรา
 และเป็นส่วนของพวกที่ปล้นเรา

อิสยาห์ 18

ครุวาทเกี่ยวกับพวกคูช

1เอ๊ะ แผ่นดินแห่งปีกที่กระหึ่ม
 ซึ่งอยู่เลยแม่น้ำแห่งคูช
2ซึ่งส่งทูตไปโดยทางทะเล
 โดยเรือต้นกกบนน้ำ
จงไป พวกผู้สื่อสารที่รวดเร็วเอ๋ย
 ไปยังประชาชาติหนึ่งที่คนมีร่างสูงและเกลี้ยงเกลา
ไปยังชนชาติที่คนทั้งใกล้และไกลต่างเกรงกลัว
 ประชาชาติที่เข้มแข็งที่เข้มแข็ง และกดขี่ผู้อื่น
 ซึ่งแผ่นดินของเขาถูกแบ่งด้วยแม่น้ำ
3ท่านทุกคนผู้เป็นชาวพิภพ
 ผู้อาศัยทั้งหลายบนแผ่นดินโลก
เมื่อมีธงสัญญาณยกขึ้นบนภูเขา พวกท่านจะมองเห็น
 เมื่อมีการเป่าเขาสัตว์ ท่านจะได้ยิน
4เพราะพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า
 “เราจะมองจากที่อาศัยของเราอย่างเงียบๆ
เหมือนความร้อนที่ระอุกลางแสงแดด
 เหมือนหมอกของน้ำค้างในความร้อนของฤดูเกี่ยว”
5เพราะก่อนถึงฤดูเกี่ยว เมื่อดอกไม้บานแล้ว
 และดอกกลายเป็นผลองุ่นที่กำลังสุก
พระองค์จะทรงตัดกิ่งออกด้วยขอลิดแขนง
 และจะทรงบั่นและฟันกิ่งก้านสาขาทิ้ง
6และเขาทั้งหลายจะถูกทิ้งไว้ด้วยกัน
 ให้แก่เหยี่ยว
และแก่สัตว์ป่าบนแผ่นดิน
 และเหยี่ยวจะกินเสียในฤดูร้อน
 และสัตว์ป่าทั้งหมดบนแผ่นดินจะกินเสียในฤดูหนาว
 7ในเวลานั้น ชนชาติที่มีคนรูปร่างสูงและเกลี้ยงเกลาจะนำของมาถวายแด่พระยาห์เวห์จอมทัพ คือชนชาติที่คนทั้งใกล้และไกลต่างเกรงกลัว อันเป็นประชาชาติที่เข้มแข็งและคอยกดขี่ ซึ่งแผ่นดินของเขาถูกแบ่งด้วยแม่น้ำ และพวกเขาจะมายังสถานที่แห่งพระนามของพระยาห์เวห์จอมทัพคือที่ภูเขาศิโยน

อิสยาห์ 19

ครุวาทเกี่ยวกับอียิปต์

1ครุวาทคำพูดที่หนักและรุนแรงเกี่ยวกับอียิปต์
 ดูสิ พระยาห์เวห์ทรงเมฆอันรวดเร็ว
และเสด็จมายังอียิปต์
 รูปเคารพของอียิปต์จะสั่นระริกเฉพาะพระพักตร์พระองค์
 และใจของคนอียิปต์จะละลายไปภายในตัวเขา
2เราจะเร้าให้คนอียิปต์ต่อสู้กับคนอียิปต์
 แต่ละคนสู้กับพี่น้องของตน
และแต่ละคนสู้กับเพื่อนบ้านของตน
 เมืองสู้กับเมือง อาณาจักรสู้กับอาณาจักร
3และใจของคนอียิปต์จะหดหู่อย่างยิ่ง
 และเราจะทำให้แผนงานของเขายุ่งเหยิง
พวกเขาจะปรึกษารูปเคารพและผู้ติดต่อกับวิญญาณคนตาย
 รวมทั้งคนทรง และหมอผี
4และเราจะมอบคนอียิปต์ไว้
 ในมือของเจ้านายโหดเหี้ยม
และพระราชาดุร้ายองค์หนึ่งจะปกครองเหนือพวกเขา
 พระยาห์เวห์จอมทัพผู้เป็นองค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
5และน้ำจะแห้งไปจากทะเล
 แม่น้ำไนล์จะแล้งน้ำและแห้งผาก
6และคลองทั้งหลายจะเน่าเหม็น
 แควต่างๆ ของอียิปต์จะงวดและแห้งไป
 ต้นอ้อและกอปรือจะเหี่ยวแห้ง
7พวกต้นกกที่แม่น้ำไนล์
 ที่ปากแม่น้ำไนล์
และทุกสิ่งซึ่งหว่านลงข้างแม่น้ำนั้นจะแห้งไป
 จะถูกขจัดออกและไม่เหลืออีกเลย
8ชาวประมงจะร้องไห้
 และทุกคนที่ตกเบ็ดในแม่น้ำไนล์จะคร่ำครวญ
และพวกทอดแหในน้ำจะอ่อนใจ
9คนทำป่านซึ่งหวีแล้วจะหมดหวัง
 ทั้งคนทอผ้าฝ้ายขาวด้วย
10บรรดาคนทอผ้า ต่างปวดร้าวใจ  และพวกทำงานรับจ้างจะเศร้าใจ
11พวกเจ้านายของเมืองโศอันโง่บัดซบทีเดียว
 ที่ปรึกษาอันฉลาดของฟาโรห์ให้คำปรึกษาอย่างโง่เขลา
พวกเจ้าจะพูดกับฟาโรห์ได้อย่างไรว่า
 “ข้าพระบาทเป็นบุตรของนักปราชญ์
 เป็นเชื้อสายของกษัตริย์โบราณ? ”
12พวกนักปราชญ์ของเจ้าอยู่ที่ไหน?
 ขอให้เขาบอกเจ้า และให้พวกเขาแจ้งให้ทราบซิ
 ว่าพระยาห์เวห์จอมทัพมีพระประสงค์ต่ออียิปต์อย่างไร
13เจ้านายของเมืองโศอันกลายเป็นคนโง่
 และเจ้านายของเมืองเมมฟิสถูกหลอกแล้ว
บรรดาผู้ใหญ่ในเผ่าต่างๆ ของอียิปต์
 ได้นำอียิปต์ให้หลงทางไป
14พระยาห์เวห์ทรงปนวิญญาณจิตแห่งการบิดเบือน
 ลงไปในอียิปต์
และพวกเขาทำให้อียิปต์โซเซในการกระทำทุกอย่าง
 เหมือนคนเมาโซเซอยู่บนสิ่งที่เขาอาเจียน
15ไม่มีอะไรที่คนจะทำเพื่อช่วยอียิปต์ได้
 ไม่ว่าจะเป็นหัวหรือหาง ใบตาลหรือต้นอ้อเล็ก

 16ในวันนั้น คนอียิปต์จะเป็นเหมือนผู้หญิง ซึ่งตัวสั่นและหวาดกลัวต่อหน้าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์จอมทัพ ซึ่งจะทรงกวัดแกว่งต่อสู้เขา 17และแผ่นดินยูดาห์จะเป็นที่หวาดหวั่นของคนอียิปต์ ชื่อนี้ถูกเอ่ยขึ้นกับใคร เขาก็จะหวาดกลัวกันทุกคน เพราะพระประสงค์ของพระยาห์เวห์จอมทัพที่ทรงประสงค์จะต่อสู้เขาทั้งหลาย

อียิปต์ อัสซีเรียและอิสราเอลจะรับพร

 18ในวันนั้น จะมี 5 เมืองในแผ่นดินอียิปต์ที่พูดภาษาของคานาอัน และสาบานต่อพระยาห์เวห์จอมทัพ ส่วนเมืองหนึ่งจะถูกเรียกว่าเมืองดวงอาทิตย์
 19ในวันนั้น จะมีแท่นบูชาแด่พระยาห์เวห์แท่นหนึ่งในท่ามกลางแผ่นดินอียิปต์ และมีเสาอนุสรณ์แด่พระยาห์เวห์ที่พรมแดน 20ซึ่งจะเป็นหมายสำคัญและเป็นสักขีพยานให้พระยาห์เวห์จอมทัพในแผ่นดินอียิปต์ เมื่อเขาทั้งหลายร้องทูลต่อพระยาห์เวห์เนื่องด้วยผู้กดขี่พวกเขา พระองค์จะทรงส่งผู้ช่วยและผู้ปกป้องคนหนึ่งมาให้เขา และผู้นั้นจะช่วยกู้เขาทั้งหลาย 21แล้วพระยาห์เวห์จะทรงให้พระองค์เป็นที่รู้จักของคนอียิปต์ และในวันนั้นคนอียิปต์จะรู้จักพระยาห์เวห์ ทั้งจะนมัสการด้วยเครื่องบูชาและธัญบูชา และเขาทั้งหลายจะบนบานและแก้บนต่อพระยาห์เวห์ 22พระยาห์เวห์จะทรงโจมตีอียิปต์ แต่เมื่อโจมตีแล้วก็จะรักษา และเขาทั้งหลายจะหันกลับมาหาพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์จะทรงฟังคำวิงวอนของเขาและทรงรักษาพวกเขา
 23ในวันนั้น จะมีทางหลวงจากอียิปต์ถึงอัสซีเรีย และคนอัสซีเรียจะมายังอียิปต์ และคนอียิปต์ไปยังอัสซีเรีย แล้วคนอียิปต์และคนอัสซีเรียจะนมัสการด้วยกัน
 24ในวันนั้น อิสราเอลจะเป็นที่สามร่วมกับอียิปต์และอัสซีเรีย ซึ่งเป็นพรท่ามกลางแผ่นดินโลก 25และเป็นพวกที่พระยาห์เวห์จอมทัพทรงอวยพรว่า “อียิปต์ชนชาติของเรา อัสซีเรียผลงานแห่งมือของเรา และอิสราเอลมรดกของเรา จงรับพรเถิด”

อรรถาธิบาย

อาวุธแห่งความเป็นหนึ่งเดียว

ทุกปีในการประชุมผู้นำ ของเราที่หอประชุม รอยัล อัลเบิร์ต ในกรุงลอนดอน เรามีโอกาสได้ต้อนรับผู้นำคริสเตียนหลายพันคนจากทั่วทุกมุมโลก มีบางสิ่งที่ทรงพลังมากเกี่ยวกับผู้นำจากหลายประเทศที่มารวมตัวกันในการนมัสการ และมีเป้าประสงค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนี้

อิสยาห์ยังคงพยากรณ์กล่าวโทษผู้ที่ ‘ลืมพระเจ้าแห่งความรอดของเจ้า’ (17:10) เขาประกาศการพิพากษาของพระเจ้าต่อเมืองดามัสกัส คูช และอียิปต์

อย่างไรก็ตาม พระวจนะมาถึงเราในวันนี้จบลงด้วยข้อความแห่งความหวัง 'ในวันนั้น จะมีแท่นบูชาแด่พระยาห์เวห์แท่นหนึ่งในท่ามกลางแผ่นดินอียิปต์... และมีเสาอนุสรณ์แด่พระยาห์เวห์ที่พรมแดนซึ่งจะเป็นหมายสำคัญและเป็นสักขีพยานให้พระยาห์เวห์จอมทัพในแผ่นดินอียิปต์ เมื่อเขาทั้งหลายร้องทูลต่อพระยาห์เวห์เนื่องด้วยผู้กดขี่พวกเขา พระองค์จะทรงส่งผู้ช่วยและผู้ปกป้องคนหนึ่งมาให้เขา และผู้นั้นจะช่วยกู้เขาทั้งหลาย แล้วพระยาห์เวห์จะทรงให้พระองค์เป็นที่รู้จักของคนอียิปต์ และในวันนั้นคนอียิปต์จะรู้จักพระยาห์เวห์... ทั้งจะนมัสการด้วยเครื่องบูชาและธัญบูชา และเขาทั้งหลายจะบนบานและแก้บนต่อพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์จะทรงโจมตีอียิปต์ แต่เมื่อโจมตีแล้วก็จะรักษา และเขาทั้งหลายจะหันกลับมาหาพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์จะทรงฟังคำวิงวอนของเขาและทรงรักษาพวกเขา' (19:19-22)

เขากล่าวต่อไปว่าชาวอียิปต์และชาวอัสซีเรีย (ชาวอิรักในปัจจุบัน) จะนมัสการด้วยกัน ‘ไม่ใช่คู่แข่งกันอีกต่อไป พวกเขาจะนมัสการร่วมกัน ชาวอียิปต์และชาวอัสซีเรีย!’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อิสยาห์เห็นการกลับใจใหม่ของคนต่างชาติ เขาเล็งเห็นถึงเวลาที่คนอื่น ๆ นอกจากพวกอิสราเอลจะ 'หันกลับมาหาพระยาห์เวห์' (ข้อ 22) พระองค์จะทรงฟังคำอธิษฐานของพวกเขาและทรงเยียวยาพวกเขา ชนชาติต่าง ๆ จะนมัสการพระเจ้าร่วมกัน (ข้อ 23) ความสามัคคีนี้จะนำมาซึ่งพระพรอันยิ่งใหญ่

อิสยาห์รับรู้ล่วงหน้าถึงเวลาที่ผู้คนของพระเจ้าจะมาจากอียิปต์ อิรัก และอิสราเอล มารวมตัวกันเพื่อนมัสการ แน่นอนว่าเราเห็นผ่านตอนหนึ่งว่าคำพยากรณ์นี้จะสำเร็จเมื่อคริสเตียนจากในบรรดาประชาชาติเหล่านี้ และประชาชาติอื่น ๆ มารวมตัวกันในการนมัสการ

อย่างไรก็ตาม เราสามารถอธิษฐานขอและตั้งตารอวันที่คำพยากรณ์นี้จะสำเร็จอย่างสมบูรณ์ เมื่อฝูงชน ‘จากทุกชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษา’ จะนมัสการร่วมกันต่อหน้าพระที่นั่งของพระเจ้า (วิวรณ์ 7:9)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับพลังของอาวุธที่พระองค์มอบให้เราสำหรับการต่อสู้ทางฝ่ายวิญญาณ เมื่อเรารวมกันอธิษฐานและประกาศข่าวประเสริฐ ขอให้เราเห็นชัยชนะของพระองค์ในชีวิตของเราและในสังคมของเราในพระนามของพระเยซู

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 โครินธ์ 10:1

'ข้าพเจ้า เปาโล... เป็นคน "ถ่อมตัว" เมื่ออยู่กับท่านทั้งหลาย แต่เมื่ออยู่ห่างก็เป็นคน "ห้าวหาญ" ต่อพวกท่าน'

ฉันสามารถเข้าถึงสิ่งนั้นได้อย่างแน่นอน ช่างหนุนใจเมื่อทราบว่า เปาโลรู้สึกหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญกับคริสตจักรโครินธ์ การพูดคุยแบบเจอหน้ากันกับใครบางคนในสถานการณ์ที่ยากลำบากมักเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำ จดหมายที่เขียนมาอย่างดี และมีรายละเอียดเหมาะสมมีประโยชน์เช่นกัน แต่การส่งอีเมลระหว่างข้ามถนนอาจเป็นอันตรายได้นะ!

ข้อพระคำประจำวัน

2 โครินธ์ 10:4

'อาวุธของเราที่ใช้สู้รบไม่ใช่แบบมนุษย์ แต่เป็นฤทธานุภาพจากพระเจ้าที่จะทำลายป้อมปราการได้'

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม