วัน 249

วิธีรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 105:37-45
พันธสัญญาใหม่ 2 โครินธ์ 8:16-9:5
พันธสัญญาเดิม อิสยาห์ 10:20:13:22

เกริ่นนำ

เกิดอะไรผิดปกติกับคนพวกนั้น? พวกเขาพิลึกนะ? นั่นมันเป็นความคลั่งไคล้หรือเปล่า? คำที่เขาเปล่งออกมาช่างแปลกอะไรอย่างนี้?

แน่นอนว่าผมรู้ว่าพระเจ้าหรือแม้แต่พระเยซู พวกเราสามารถเรียกพระองค์ว่าเป็น ‘พระเจ้า (Lord)’ แต่ไม่เคยได้ยินพระเจ้าถูกเรียกว่า ‘พระยาห์เวห์ (The Lord)’ ได้บ่อยขนาดนี้โดยคนกลุ่มหนึ่งมาก่อน นับจากตอนนั้นมาเมื่อผมได้มาศึกษาพระคริสตธรรมคัมภีร์ ผมถึงได้เข้าใจในตัวคริสเตียนเหล่านั้นที่ผมพบที่มหาวิทยาลัย ซึ่งพวกเขาแสดงออกเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง: พวกเขารักพระเจ้าของพวกเขา! บัดนี้พระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์ของข้าพระองค์ และผมก็รักพระยาห์เวห์ด้วยเช่นกัน

‘พระยาห์เวห์’ เป็นคำทั่วไปที่ใช้มากที่สุดในการอ้างถึงพระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เมื่อเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ คำนี้แปลว่าพระเจ้าในพันธสัญญาของชาวยิวนั่นคือคำว่า YHWH เพื่อเป็นการเคารพพระเจ้า ชาวยิวจึงไม่ใช้คำนี้ ในอดีต เรามักจะออกเสียงคำว่า ‘พระยะโฮวา' (Jehovah) ซึ่งจริงๆ แล้วคำนี้ฟังดูเหมือนคำว่า ‘พระยาห์เวห์' (Yahweh) มากกว่า เมื่อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมถูกแปลเป็นภาษากรีกครั้งแรก (250 ปีก่อนคริสตศักราช) คำว่า YHWH ได้รับการแปลเป็น Kurios ในภาษากรีก (The Lord ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งปรากฎในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่

พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ทำให้เราเข้าใจตรีเอกานุภาพของ ‘พระยาห์เวห์’ เป็นการกล่าวอ้างที่น่าทึ่งว่า พระเยซู คือ องค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจริง ๆ แล้วการที่ใครจะพูดว่า พระเยซูเป็นพระเจ้า กลายเป็นบททดสอบการเป็นคริสเตียนแท้ (1 โครินธ์ 12:3) นอกจากนี้ยังมีการอ้างว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระเจ้า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น’ (2 โครินธ์ 3:17)

พระเจ้าพระบิดาทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าพระบุตรทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น ‘มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว... พระเจ้าองค์เดียว’ (เอเฟซัส 4:5-6) ตรีเอกานุภาพพระองค์เดียวคือพระเจ้า ความเข้าใจในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าช่วยให้เราตีความการใช้คำว่า ‘พระยาห์เวห์’ พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเสริมความเข้าใจของเราว่าพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวไว้อย่างไรเมื่อพูดถึง ‘พระยาห์เวห์’

คุณรักองค์พระผู้เป็นพระเจ้าของคุณได้อย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 105:37-45

37แล้วพระองค์ทรงนำอิสราเอลออกไป พร้อมกับเงินและทองคำ
 และไม่มีสักคนหนึ่งในเผ่าของพระองค์สะดุด
38เมื่อเขาทั้งหลายจากไป อียิปต์ก็ยินดี
 เพราะอียิปต์หวาดกลัวอิสราเอล
39พระองค์ทรงกางเมฆเป็นเครื่องกำบัง
 และไฟให้ความสว่างเวลากลางคืน
40เขาทั้งหลายร้องขอ แล้วพระองค์ทรงนำนกคุ่มมา
 และทรงให้พวกเขาอิ่มด้วยอาหารจากฟ้า
41พระองค์ทรงเปิดหิน แล้วน้ำก็ไหลออกมา
 มันไหลไปเป็นแม่น้ำในที่แห้งแล้ง
42เพราะพระองค์ทรงระลึกถึงพระสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์
 และอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์
43พระองค์จึงทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาด้วยความชื่นบาน
 ทรงนำผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้นั้นด้วยการร้องเพลง
44และพระองค์ประทานแผ่นดินของบรรดาประชาชาติแก่เขา
 และพวกเขาได้ผลแห่งแรงงานของชาวประเทศทั้งหลายเป็นกรรมสิทธิ์
45เพื่อพวกเขาจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์
 และรักษาธรรมบัญญัติของพระองค์

สรรเสริญพระยาห์เวห์

อรรถาธิบาย

สรรเสริญพระยาห์เวห์ในการนมัสการ

‘สรรเสริญพระยาห์เวห์' (ข้อ 45ข) ข้อนี้สรุปพระธรรมสดุดีทั้งหมดไว้ ผู้เขียนสดุดีได้นมัสการและสรรเสริญพระเจ้าในสิ่งที่พระองค์เป็น และทุกสิ่งที่พระองค์ทำ เพื่อประชากรของพระองค์ การช่วยเหลือ (ข้อ 37) การปกป้อง (ข้อ 39ก) การทรงนำ (ข้อ 39ข) การตอบคำอธิษฐาน (ข้อ 40ก) ความพอพระทัย (ข้อ 40 ข) ความสัตย์ซื่อ (ข้อ 42) ความปิติยินดี (ข้อ 43) และความหวัง (ข้อ 44)

ผู้เขียนสดุดีเขียนไว้ ‘พวกเขาได้ผลแห่งแรงงานของชาวประเทศทั้งหลายเป็นกรรมสิทธิ์’ (ข้อ 44) แน่นอนว่าข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์นี้แต่เดิมสื่อถึงการอพยพ อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งในชีวิต เราเองที่ ‘ได้ผลแห่งแรงงาน’ หรือเข้ายึดครองสิ่งที่ผู้อื่นตรากตรำเพื่อมัน

ผมมักจะนึกถึงเรื่องในหลักสูตรอัลฟ่า ผู้คนจำนวนมากทำงานอย่างหนักเป็นพิเศษเป็นเวลาหลายต่อหลายปีเพื่อวางรากฐานสำหรับอัลฟ่า อาทิ ชาร์ลส์ มาร์นแฮม, จอห์น เออร์ไวน์, จอห์น คอลลินส์, แซนดี้ มิลลาร์ และนิคกี้ ลี เป็นต้น ในตอนนี้พวกเราที่เกี่ยวข้องต่างได้ผลแห่งแรงงานของสิ่งที่คนอื่นได้ตรากตรำเป็นกรรมสิทธิ์

มีคนแบบนี้ในชีวิตของคุณบ้างไหม? มีพ่อแม่ เพื่อน ศิษยาภิบาล หรือคนอื่น ๆ บ้างไหมที่คุณสามารถขอบคุณพระเจ้าได้ในวันนี้เนื่องจากคุณได้ผลแห่งแรงงานที่คนอื่นได้ตรากตรำเป็นกรรมสิทธิ์?

ที่สุดแล้ว เราเห็นพระคำข้อนี้สำเร็จในพระเยซู คุณได้ผลของทุกสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อคุณ ผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระองค์และฟื้นขึ้นจากความตาย พระเยซูทรงงานหนัก เราเป็นผู้ได้รับมรดก

อย่าลืมสรรเสริญ และขอบคุณพระเจ้า สำหรับพระพรทั้งหมดของพระองค์

คำอธิษฐาน

ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ พระเจ้า พระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์ได้นำการให้อภัย สันติสุข ความปิติยินดีวัตถุประสงค์ในชีวิต ความพอใจ ความบริบูรณ์ ความหวัง การสามัคคีธรรม เสรีภาพ ความรัก อำนาจ การทรงนำ และแสงสว่างมาให้แก่ข้าพระองค์ สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า!
พันธสัญญาใหม่

2 โครินธ์ 8:16-9:5

ทิตัสและบรรดาผู้ร่วมงาน

 16แต่ขอขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงให้ทิตัสมีใจกระตือรือร้นเพื่อพวกท่านอยู่ในใจของเขา ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่เรามีอยู่ 17เพราะเขาไม่เพียงรับคำขอร้องของเราเท่านั้น แต่ยังไปหาท่านทั้งหลายด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง และเขาเองก็มีความตั้งใจอยู่แล้ว 18เราส่งพี่น้องคนหนึ่งที่คริสตจักรทุกแห่งยกย่องในเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐไปพร้อมกับเขาด้วย 19และไม่เพียงเท่านั้น คริสตจักรต่างๆ ยังตั้งคนนี้ให้เป็นผู้ร่วมเดินทางกับเราและเป็นผู้ร่วมงานปรนนิบัติในคุณความดีนี้ ที่เราทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และเพื่อแสดงถึงความกระตือรือร้นของเรา 20เราระวังตัวเช่นนี้เพื่อจะไม่ให้ใครติเตียนเราได้ ในเรื่องของบริจาคมากมายซึ่งเรารับมาแจกนั้น 21เพราะเรามุ่งจะเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่เฉพาะในสายพระเนตรองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่ในสายตาของคนทั้งหลายด้วย 22เราส่งพี่น้องอีกคนหนึ่งของเราไปกับเขาทั้งสอง เขาเป็นคนที่เราได้ทดสอบแล้วว่า มีความกระตือรือร้นในหลายๆ สิ่ง และบัดนี้เขายิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น เพราะมีความมั่นใจในพวกท่านมาก 23ส่วนทิตัส เขาเป็นหุ้นส่วนและผู้ร่วมงานของข้าพเจ้าในการรับใช้ท่านทั้งหลาย ส่วนพี่น้องสองคนนั้นของเรา เขาเป็นตัวแทนของคริสตจักรทั้งหลายซึ่งเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระคริสต์ 24เพราะฉะนั้นจงสำแดงความรักของท่านและสิ่งที่เราได้อวดเกี่ยวกับท่านให้พวกเขาเห็น และสำแดงต่อหน้าคริสตจักรทั้งหลายด้วย

2 โครินธ์ 9

การถวายเพื่อช่วยธรรมิกชน

 1เพราะว่าข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องเขียนถึงท่านเกี่ยวกับเรื่องการช่วยเหลือบรรดาธรรมิกชน 2เพราะว่าข้าพเจ้ารู้ว่าท่านทั้งหลายพร้อมอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจึงพูดอวดเรื่องพวกท่านกับพวกมาซิโดเนียว่า พวกอาคายาจัดเตรียมไว้พร้อมตั้งแต่ปีกลายแล้ว และความกระตือรือร้นของพวกท่านก็เร้าใจพวกเขาเป็นอย่างมาก 3แต่ข้าพเจ้าส่งพี่น้องเหล่านี้ไปก็เพื่อไม่ให้การโอ้อวดของเราเกี่ยวกับพวกท่านในเรื่องนี้ต้องสูญเปล่า และเพื่อท่านจะจัดเตรียมให้พร้อมตามที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้แล้ว 4มิฉะนั้น ถ้าชาวมาซิโดเนียบางคนมากับข้าพเจ้า และพบว่าท่านไม่ได้เตรียมพร้อม อย่าว่าแต่พวกท่านเลย เราเองก็จะขายหน้าที่มั่นใจอย่างนี้ด้วย 5เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงคิดว่าจำเป็นต้องขอร้องพี่น้องเหล่านี้เพื่อให้ไปหาพวกท่านก่อน และให้ไปจัดเตรียมของบริจาคที่พวกท่านสัญญาไว้นั้น การเตรียมพร้อมเช่นนี้จะแสดงถึงการให้ด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ

อรรถาธิบาย

ถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในการให้

เงินเป็นสิ่งสำคัญ มันอาจจะเป็นคำสาปหรือพระพรก็ได้ สามารถนำเกียรติมาสู่พระเจ้าหรือทำให้พระองค์ต้องเสื่อมเสีย

ความปรารถนาของเปาโล คือ ‘ถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า’ (8:19) ในที่นี้ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ ดูเหมือนจะหมายถึงพระเยซูคริสต์ (ดูข้อ 23) เขาปรารถนาที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 21)

ในการจัดการเรื่องของถวาย (ข้อ 19) ลำดับแรก เปาโลมีความตั้งใจที่จะทำเพื่อถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยตัวเอง โดย ‘ระมัดระวังไม่ให้คนตำหนิติเตียนเราได้’ (ข้อ 19-20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ซึ่งรวมถึงโอกาสใด ๆ ก็ตามที่อาจสร้างความสงสัยของผู้คนเกี่ยวกับตัวเขาเองว่าใช้เงินไปเพื่อตัวเอง (ข้อ 20–21)

ประการที่สอง mjkoพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เพียงในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่ยัง ‘ระมัดระวังชื่อเสียงของเราต่อหน้าสาธารณชน’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

วิธีหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือทำให้แน่ใจว่าผู้ที่จัดการเรื่องเงินในคริสตจักรนั้นจะเป็นเหมือนติตัส ซึ่งอาจารย์เปาโลอธิบายว่าเป็น ‘ผู้ที่มั่นคงและเชื่อถือ’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เป็นการทดสอบที่ดีสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดการเงินในคริสตจักรพวกเขา ‘ผู้ที่มั่นคงและเชื่อถือ' หรือไม่?

อีกวิธีหนึ่งที่เราสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยเงินของเรา คือ ใจที่กว้างขวาง

พระเจ้ามีเมตตาต่อเรามาก เปาโลคาดหวังให้ชาวโครินธ์ใจกว้าง โดยกล่าวว่า 'ให้ไปจัดเตรียมของบริจาคที่พวกท่านสัญญาไว้นั้น... ด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ’ (9:5)

ความกระตือรือร้นของกลุ่มคริสเตียนกลุ่มหนึ่งถ่ายทอดไปยังคนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ แม้จะไม่มีรูปแบบการสื่อสารสมัยใหม่ก็ตาม อัครทูตเปาโลเขียนไว้ว่า ‘...ความกระตือรือร้นของพวกท่านก็เร้าใจพวกเขาเป็นอย่างมาก’ (ข้อ 2) ผลกระทบที่คุณสามารถมีได้ในขณะนี้โดยการสื่อสารทั่วโลกจะยิ่งใหญ่กว่ามากเพียงใด ศักยภาพที่ยิ่งใหญ่นี้จะทำให้คริสตจักรได้ถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอความใจกว้างของข้าพระองค์สะท้อนถึงพระเมตตาที่แสนพิเศษของพระองค์แก่ข้าพระองค์ ขอให้ความใจกว้างของข้าพระองค์ถวายเกียรติแด่พระนามของพระองค์
พันธสัญญาเดิม

อิสยาห์ 10:20:13:22

การกลับใจของคนอิสราเอลที่เหลืออยู่

 20ในวันนั้น คนอิสราเอลที่เหลืออยู่และคนรอดตายแห่งเชื้อสายของยาโคบ จะไม่พึ่งพิงผู้ตีเขาอีก แต่จะพึ่งพิงพระยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลด้วยจริงใจ 21คนที่เหลืออยู่จะกลับมายังพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ คือคนที่เหลืออยู่ของยาโคบ 22อิสราเอลเอ๋ย เพราะแม้ว่าชนชาติของเจ้าจะเป็นดั่งทรายในทะเล คนที่เหลืออยู่เท่านั้นจะกลับมา การทำลายนั้นถูกกำหนดไว้แล้วด้วยความชอบธรรมอย่างล้นหลาม 23เพราะว่าพระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทรงให้การทำลายอย่างหมดสิ้นเกิดขึ้นท่ามกลางแผ่นดินโลกทั้งหมด ตามที่กำหนดไว้
 24ฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสดังนี้ว่า “ชนชาติของเราผู้อยู่ในศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวคนอัสซีเรียผู้ตีพวกเจ้าด้วยตะบองและยกไม้พลองของเขาขึ้นสู้เจ้าเหมือนอย่างบนถนนในอียิปต์ 25เพราะอีกไม่นานความกริ้วของเราจะสิ้นสุด และความโกรธของเราจะมุ่งสู่การทำลายพวกเขา” 26และพระยาห์เวห์จอมทัพจะทรงเหวี่ยงแส้มาสู้เขา เหมือนดังที่พระองค์ทรงโจมตีคนมีเดียน ณ ศิลาโอเรบ และไม้พลองของพระองค์ที่เคยอยู่เหนือทะเล พระองค์จะทรงยกขึ้นอย่างที่ทำในอียิปต์ 27และในวันนั้นภาระของเขาจะหลุดจากบ่าของท่านและแอกของเขาจากคอของท่าน และแอกก็ถูกทำลายเพราะความอ้วน

28เขามาถึงอัยยาทแล้ว
 เขาผ่านมิโกรนไปแล้ว
 เขาเก็บสัมภาระของเขาไว้ที่มิคมาช
29เขาทั้งหลายผ่านช่องหว่างเขามาแล้ว
 เกบาเป็นที่พักค้างคืนของเรา
รามาห์สะทกสะท้าน
 กิเบอาห์ของซาอูลหนีไปแล้ว
30ธิดาของกัลลิมเอ๋ย จงส่งเสียงร้องซี
 ไลชาห์เอ๋ย ฟังซี
 อานาโธท ช่างน่าอนาถ
31มัดเมนาห์กำลังวิ่งหนี
 ชาวเมืองเกบิมรีบหลบภัย
32แต่ในวันนี้เองเขาจะหยุดอยู่ที่เมืองโนบ
 เขาจะสั่นกำปั้นของเขา
เข้าใส่ภูเขาของธิดาศิโยน
 เข้าใส่เนินเขาแห่งเยรูซาเล็ม
33ดูสิ องค์เจ้านาย คือพระยาห์เวห์จอมทัพ
 จะทรงตัดกิ่งไม้ด้วยกำลังอันน่าคร้ามกลัว
ต้นที่สูงยิ่งจะถูกโค่นลงมา
 และต้นที่สูงจะต้องถูกทลายลง
34พระองค์จะทรงใช้ขวานโค่นป่าทึบ
 และเลบานอนซึ่งมีต้นไม้สูงตระหง่านจะล้มลง

อิสยาห์ 11

อาณาจักรแห่งสันติสุข

1จะมีหน่อหนึ่งแตกออกจากตอของเจสซี  และกิ่งหนึ่งที่งอกจากรากของเขานั้นจะเกิดผล
2และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะทรงอยู่บนท่าน
 คือพระวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ
พระวิญญาณแห่งคำปรึกษาและอานุภาพ
 พระวิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระยาห์เวห์
3ความชื่นชอบของท่านคือความยำเกรงพระยาห์เวห์
 ท่านจะไม่พิพากษาตามสิ่งที่ตาท่านได้เห็น
 หรือตัดสินตามสิ่งที่หูท่านได้ยิน
4แต่ท่านจะพิพากษาคนจนด้วยความชอบธรรม
 และตัดสินให้กับคนต่ำต้อยของแผ่นดินด้วยความเที่ยงธรรม
ท่านจะตีแผ่นดินโลกด้วยตะบองจากปากของท่าน
 และท่านจะประหารคนอธรรมด้วยลมจากริมฝีปากท่าน
5ความชอบธรรมจะเป็นสายคาดเอวของท่าน
 และความซื่อสัตย์จะเป็นผ้าคาดที่บั้นเอวของท่าน
6สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ
 และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ
ลูกโคกับสิงโตหนุ่มจะหากินด้วยกัน
 และเด็กเล็กๆ จะนำพวกมันไป
7แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน
 ลูกๆ ของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน
 และสิงโตจะกินฟางเหมือนวัวผู้
8และทารกที่กินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูของงูเห่า
 และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง
9จะไม่มีการทำให้เจ็บปวดหรือการทำลาย
 ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา
เพราะว่าแผ่นดินโลกจะเต็มด้วยความรู้ในเรื่องของพระยาห์เวห์
 เหมือนน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น

คนที่เหลืออยู่ของอิสราเอลและยูดาห์จะกลับมา

 10ในวันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นสัญญาณแก่ชนชาติทั้งหลาย และท่านจะเป็นที่แสวงหาของบรรดาประชาชาติ และที่พำนักของท่านจะรุ่งโรจน์
 11ในวันนั้น องค์เจ้านายจะยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกไปเป็นครั้งที่สอง เพื่อจะเอาคนที่เหลืออยู่ของชนชาติพระองค์กลับคืนมาจากอัสซีเรีย จากอียิปต์ จากปัทโรส จากคูช จากเอลาม จากชินาร์ จากฮามัท และจากแผ่นดินชายทะเล

12พระองค์จะทรงชูธงสัญญาณขึ้นให้แก่ประชาชาติทั้งหลาย
 และจะชุมนุมอิสราเอลที่พลัดพราก
และรวบรวมยูดาห์ที่กระจัดกระจาย
 จากมุมทั้งสี่ของแผ่นดินโลก
13ความริษยาของเอฟราอิมจะจากไป
 และพวกที่รังควานยูดาห์จะถูกตัดออกไป
เอฟราอิมจะไม่ริษยายูดาห์
 และยูดาห์จะไม่รังควานเอฟราอิม
14แต่เขาทั้งหลายจะโฉบลงเหนือไหล่เขาของคนฟีลิสเตียทางตะวันตก
 แล้วพวกเขาจะร่วมกันปล้นประชาชนทางตะวันออก
พวกเขาจะยื่นมือออกต่อสู้เอโดมและโมอับ
 แล้วคนอัมโมนจะเชื่อฟังเขาทั้งหลาย
15และพระยาห์เวห์จะทรงทำลาย
 อ่าวแห่งทะเลของอียิปต์อย่างสิ้นเชิง
และจะโบกพระหัตถ์เหนือแม่น้ำนั้นคือแม่น้ำยูเฟรติส
 ด้วยลมร้อนผ่าวของพระองค์
แล้วจะโจมตีมันให้กลายเป็นลำธารเจ็ดสาย
 และคนสวมรองเท้าจะเดินข้ามไปได้
16จะมีทางหลวงจากอัสซีเรีย
 สำหรับคนที่เหลืออยู่ของชนชาติพระองค์
เหมือนทางสำหรับอิสราเอล
 เมื่อพวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์

อิสยาห์ 12

การสรรเสริญและการขอบพระคุณ

1ในวันนั้น ท่านจะกล่าวว่า
 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์
เพราะแม้ว่าพระองค์ทรงพระพิโรธต่อข้าพระองค์
 ความกริ้วของพระองค์ก็หันกลับไปแล้ว
 และพระองค์ทรงปลอบโยนข้าพระองค์
2“ดูสิ พระเจ้าเป็นความรอดของข้าพเจ้า
 ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่กลัว
เพราะพระยาห์เวห์ คือพระยาห์เวห์เองทรงเป็นกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้า
 และพระองค์ทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้าแล้ว”

 3ท่านทั้งหลายจะตักน้ำจากบ่อน้ำแห่งความรอดด้วยความชื่นบาน 4และในวันนั้น พวกท่านจะกล่าวว่า

“จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์
 จงร้องทูลออกพระนามของพระองค์
จงประกาศบรรดาพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
 จงให้พวกเขารำลึกว่าพระนามของพระองค์เป็นที่เชิดชู
5“จงร้องเพลงสรรเสริญพระยาห์เวห์
 เพราะพระองค์ทรงทำกิจอันดีเลิศ  จงให้เรื่องนี้เป็นที่รู้กันทั่วไปในแผ่นดินโลก 6ชาวศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องและเปล่งเสียงด้วยความยินดี  เพราะว่าองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลนั้นทรงยิ่งใหญ่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน”

อิสยาห์ 13

ครุวาทเกี่ยวกับบาบิโลน

 1ครุวาทเกี่ยวกับบาบิโลนตามซึ่งอิสยาห์บุตรชายของอามอสได้เห็น

2จงชูธงสัญญาณขึ้นบนภูเขาหัวโล้น
 จงตะโกนเรียกเขาทั้งหลาย
จงโบกมือให้เขาเข้าไป
 ในประตูเมืองของบรรดาเจ้านาย
3เราเองได้บัญชาพวกที่เราคัดเลือกไว้
 และได้เรียกบรรดานักรบของเราด้วย
คือผู้ยินดีต่อศักดิ์ศรีของเรา
 ให้จัดการตามความโกรธของเรา
4ฟังซิ เสียงอึกทึกบนภูเขา
 เหมือนเสียงมวลชนจำนวนมหาศาล
ฟังซิ เสียงอึงคะนึงของอาณาจักรทั้งหลาย
 ของบรรดาประชาชาติที่รวมตัวเข้าด้วยกัน
พระยาห์เวห์จอมทัพกำลังระดมพล
 เพื่อเข้าทำสงคราม
5เขาทั้งหลายมาจากดินแดนไกลโพ้น
 มาจากที่สุดขอบฟ้า
พระยาห์เวห์และอาวุธแห่งพระพิโรธของพระองค์
 เพื่อจะทำลายแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
6จงร้องห่มร้องไห้ เพราะวันแห่งพระยาห์เวห์มาใกล้แล้ว
 วันนั้นจะมาเหมือนอย่างการทำลายจากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
7เพราะฉะนั้น ทุกๆ มือจะอ่อนเปลี้ย
 และใจของทุกคนจะละลายไป
8และเขาทั้งหลายจะตกใจกลัว
 ความเจ็บและความปวดจะยึดกุมเขา
เขาจะทุรนทุรายดั่งหญิงกำลังคลอดบุตร
 เขาจะมองตากันอย่างตกตะลึง
 ใบหน้าของพวกเขาเหมือนแสงไฟ
9นี่แน่ะ วันแห่งพระยาห์เวห์จะมา
 ดุร้ายด้วยความพิโรธและความโกรธเกรี้ยว
เพื่อจะทำให้แผ่นดินเป็นที่ร้างเปล่า
 และเพื่อจะทำลายคนบาปของมันเสียจากแผ่นดินนั้น
10เพราะดวงดาวทั้งหลายของฟ้าสวรรค์ และหมู่ดาวในนั้น
 จะไม่ทอแสงของมัน
ดวงอาทิตย์จะมืดเวลามันขึ้น
 และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงของมัน
11เราจะลงโทษโลกเพราะความชั่วร้าย
 และลงโทษคนอธรรมเพราะความผิดบาปของพวกเขา
เราจะทำให้ความเย่อหยิ่งของคนจองหองสิ้นสุด
 และทำให้ความยโสของคนโหดร้ายลดต่ำลง
12เราจะทำให้การหาคนนั้นยากกว่าการหาทองคำนพคุณ
 และการหามนุษย์ยากกว่าการหาทองคำแห่งโอฟีร์
13เพราะฉะนั้นเราจะทำให้ฟ้าสวรรค์สะท้าน
 และแผ่นดินโลกจะสั่นสะเทือนออกจากที่ของมัน
โดยพระพิโรธของพระยาห์เวห์จอมทัพ
 ในวันแห่งความโกรธเกรี้ยวของพระองค์
14ดั่งละมั่งที่ถูกล่า
 หรือเหมือนแกะที่ไม่มีผู้รวมฝูง
ทุกคนจะหันกลับไปหาชนชาติของตนเอง
 และคนทุกคนจะหนีไปยังแผ่นดินของตนเอง
15ถ้าคนใดถูกพบก็จะถูกแทงจนทะลุ
 และถ้าคนใดถูกจับก็จะล้มลงด้วยดาบ
16ทารกของพวกเขาจะถูกฟาดลงอย่างยับเยิน
 ต่อหน้าต่อตาเขา
บ้านของเขาทั้งหลายจะถูกปล้น
 และภรรยาของเขาจะถูกข่มขืน
17นี่แน่ะ เรากำลังปลุกเร้าชาวมีเดียให้มาสู้เขา
 ผู้ซึ่งไม่สนใจเรื่องเงิน
 และไม่ไยดีเรื่องทองคำ
18คันธนูของพวกเขาจะสังหารชายหนุ่ม
 เขาจะไม่ปรานีต่อผลของครรภ์
 นัยน์ตาของเขาทั้งหลายจะไม่สงสารเด็ก
19และบาบิโลนซึ่งเป็นความงดงามของบรรดาราชอาณาจักร
 เมืองที่สง่าและเป็นที่ภาคภูมิใจของชาวเคลเดีย
 จะเป็นเหมือนดังเมื่อพระเจ้าทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์
20จะไม่มีใครเข้าไปพำนัก
 หรือเข้าไปอาศัยตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์
คนอาหรับจะไม่กางเต็นท์ของเขาที่นั่น
 ผู้เลี้ยงแกะจะไม่ให้แกะของเขานอนลงที่นั่น
21แต่สัตว์ป่าจะนอนลงที่นั่น
 และบ้านเรือนในนั้นจะเต็มด้วยนกทึดทือ
นกกระจอกเทศจะอาศัยอยู่ที่นั่น
 พวกแพะจะเต้นรำอยู่ที่นั่น
22หมาจิ้งจอกจะเห่าหอนอยู่ในป้อมของเมืองนั้น
 และหมาป่าจะอยู่ในวังแสนสุข
เวลาของเมืองนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว
 และวันของมันจะไม่ถูกยืดออกไป

อรรถาธิบาย

รู้จักพระยาห์เวห์ในความสัมพันธ์

ความจริงอันน่าอัศจรรย์ ขอบพระคุณพระเยซูที่คุณและผมมารู้จักพระองค์ได้ เราทุกคนสามารถรู้จักพระเจ้าได้

พระเจ้าทรงเรียกคนของพระองค์ให้มีความสัมพันธ์กับพระองค์ คำว่า ‘พระยาห์เวห์’ ปรากฎยี่สิบครั้งในพระธรรมอิสยาห์ตอนนี้ ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์คาดการณ์ถึงเวลาที่ ‘แผ่นดินโลกจะเต็มด้วยความรู้ในเรื่องของพระยาห์เวห์เหมือนน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น’ (11:9ข) รูปแบบความสัมพันธ์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกให้คุณทำ คือ:

1. ความสัมพันธ์อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ
ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ตั้งตารอเวลาที่ประชาชนของพระเจ้า ‘จะพึ่งพิงพระยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลด้วยจริงใจ’ (10:20) อิสยาห์กล่าวต่อว่า ในวันนั้นพวกเขาจะกล่าวว่า ‘พระเจ้าเป็นความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่กลัว เพราะพระยาห์เวห์ คือพระยาห์เวห์เองทรงเป็นกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้า และพระองค์ทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้าแล้ว’ (12:2)

แก่นของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เราเห็นว่าความเชื่อ (‘ข้าพเจ้าจะวางใจ’) และความรอดเชื่อมโยงกันอย่างแน่นแฟ้น พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เต็มไปด้วยความชัดเจนว่าคุณได้รับความรอดโดยความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า (พระเยซู)

2. ความสัมพันธ์อยู่บนพื้นฐานของความยำเกรง
อิสยาห์กล่าวถึง ‘ความยำเกรงพระเจ้า’ อิสยาห์เรียกให้บรรดาคนของพระเจ้าให้ยำเกรงพระองค์แต่ ‘อย่ากลัวคนอัสซีเรีย’ (10:24) ถ้าหากคุณยำเกรงพระเจ้าอย่างแท้จริง (ตามความหมายในพระคริสตธรรมคัมภีร์ คือความยำเกรงอันบริสุทธิ์) ไม่มีสิ่งใดหรือไม่มีผู้ใดที่คุณจำเป็นต้องกลัว

3. ความสัมพันธ์ที่เกิดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
การรู้จักกับพระเจ้าเกี่ยวข้องกับการจับจ้องและรับฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์ และยอมให้พระองค์นำคุณในจิตใจ อิสยาห์เขียนไว้ว่า:

‘และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะทรงอยู่เหนือท่าน
 คือพระวิญญาณที่ทรงนำปัญญาและความเข้าใจ
พระวิญญาณที่มอบคำปรึกษาและอานุภาพ
 พระวิญญาณที่บ่มเพาะความรู้และความยำเกรงพระยาห์เวห์’ (11:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสถิตในชีวิตของคุณพระองค์นำคุณเข้าสู่ความสัมพันธ์ในการรู้จักกับองค์พระผู้เป็นเจ้า สำหรับผม เมื่อผมมีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ กลายเป็นถ้อยคำที่เปล่งออกมาอย่างมีค่าที่สุดในโลกนี้

คำเผยพระวจนะของอิสยาห์สำเร็จในพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ ‘จะมีหน่อหนึ่งแตกออกจากตอของเจสซีและกิ่งหนึ่งที่งอกจากรากของเขานั้นจะเกิดผล และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะทรงอยู่บนท่าน’ (11:1-2ก ดูเทียบ 53:2)

อิสยาห์กล่าวต่อไปว่าพระเจ้าจะทรงเป็นผู้พิพากษาที่สมบูรณ์แบบได้อย่างไร (11:3ข -5) การปกครองด้วยความยุติธรรมและสันติสุขของพระองค์จะพลิกผันผลของการล้มลงในความบาป (ดู โรม 8:19-22) ‘สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ’ (อิสยาห์ 11:6) ถ้อยคำในพระสัญญานี้ผลักให้เราจินตนาการถึงโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง แต่เมื่อถึงวันหนึ่ง ‘ทั้งสัตว์และมนุษย์จะไม่ทำร้ายหรือฆ่า’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้ามีนิมิตของโลกนี้ ‘โลกทั้งโลกจะเปี่ยมด้วยความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ความรู้ที่ไม่มีวันหมดสิ้นเกี่ยวกับพระเจ้าซึ่งหยั่งลงไปแล้วลึกและกว้างเหมือนน้ำในมหาสมุทร’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เราควรจะรับรู้เช่นนั้น วิลเลียม บูทซ์ องค์กรซาลเวชันอาร์มี (Salvation Army) กล่าวว่า ‘ผมมีแผน เมื่อแผนนั้นริเริ่มแล้ว มันจะนำพระพรมาสู่โลกกว้าง’

พระเยซูทำให้เป็นไปได้ที่คุณจะรู้จักกับพระเจ้า พระวิญญาณองค์เดียวกันขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งสถิตอยู่กับพระเยซูได้ถูกมอบให้กับคุณเช่นกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานสติปัญญาและความเข้าใจ ให้คำปรึกษาและพลังอำนาจแก่คุณ เพื่อที่ชีวิตของคุณจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลก

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเติมเต็มข้าพระองค์ด้วยพระวิญญาณของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้แสวงหาความยุติธรรมเพื่อคนยากจนและคนขัดสน ช่วยข้าพระองค์ให้เป็นผู้สร้างสันติและมีส่วนในการเผยแพร่ความรู้ของพระเจ้าจนท่วมแผ่นดินโลก ‘ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา’ (ข้อ 9)

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 โครินธ์ 8:19-21

น่าสนใจว่า เปาโลจัดการกับเงินอย่างจริงจังเพียงใด ดูจะเป็นอะไรที่น่านับถือในการครอบครองและจัดการของถวายในตอนนั้น เปาโลและทิตัสตระหนักดีว่าเงินอาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ เช่น การทุจริต การหลอกลวง หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ผู้นำคริสตจักรและคริสตจักรจำนวนมากประสบปัญหาเหล่านี้เสียเอง เปาโลและทิตัสเอง ‘พยายามอย่างหนัก’ พวกเขาไม่เพียงแค่ทำสิ่งที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยพระเจ้าเท่านั้น แต่ทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อไม่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่คริสตจักรด้วย ฉันรู้ว่าฉันต้องการสติปัญญาที่มั่นคง และจิตใจที่บริสุทธิ์ในการจัดการกับเงินทองทั้งหมด

ข้อพระคำประจำวัน

อิสยาห์ 12:2

‘ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่กลัว’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม