สติปัญญาจากพระเจ้าในด้านการเงินของคุณ
เกริ่นนำ
‘ฉันมีความสุขจนแทบร้องไห้ ฉันตื่นเต้นมากที่เรามีโอกาสได้ไปค่ายโฟกัส (ช่วงวันหยุดของคริสตจักรของเรา!) ฉันรอไม่ไหวที่จะได้เห็นสีหน้าของพวกเด็ก ๆ ตอนที่ฉันบอกพวกเขา!’ นี่เป็นปฏิกิริยาของแม่ที่มีลูกเล็ก ๆ สองคนในกลุ่มของเราเมื่อเธอได้ยินว่าเธอจะได้รับความช่วยเหลือ (ส่วนลด) เพื่อเข้าร่วมค่ายโฟกัส ในช่วงสุดสัปดาห์ เธอเขียนว่า ‘มันเป็นวันหยุดที่ดีที่สุดที่เราเคยมีมาในครอบครัว ฉันมีความสุขมาก’
ผมชอบความจริงที่ว่ามีคนหลายร้อยคนเข้าร่วมค่ายโฟกัส โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงิน หรือไม่ต้องชำระเงิน คนอื่น ๆ มีน้ำใจเพื่อให้คนเหล่านั้นสามารถที่จะเข้าร่วมค่ายโฟกัสได้
ไม่กี่เดือนต่อมา แม่ของเด็กสองคนนั้นเขียนจดหมายถึงผมว่าเธอได้รับเงินมรดกจากญาติห่าง ๆ โดยไม่คาดคิด เธอจึงให้ผู้อื่นด้วยจิตใจที่ไม่เห็นแก่ตัว ให้ในจำนวนที่มากกว่าเงินซึ่งเธอและครอบครัวเคยได้รับสนับสนุนเพื่อเข้าร่วมค่ายโฟกัสก่อนหน้านั้นเสียอีก
นี่เป็นการปฏิบัติตามหลักการในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ คือผู้ที่มีมากช่วยเหลือผู้ที่มีน้อย เพื่อจะให้มีความเท่าเทียมกัน ‘คือที่พวกท่านมีอยู่อย่างเหลือล้นในเวลานี้ ก็เพื่อช่วยเขาทั้งหลายที่ขัดสน และในยามที่เขาทั้งหลายมีอย่างเหลือล้น เขาก็จะได้ช่วยพวกท่านเมื่อขัดสน’ (2 โครินธ์ 8:14) เราอยู่ในโลกที่คนส่วนมากหมกมุ่นอยู่กับการคิด การเขียน และการพูดถึงเงิน ความมั่งคั่ง และความร่ำรวย พระคริสตธรรมคัมภีร์มีเรื่องเล่ามากมายในหัวข้อเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องของเงินในพระคริสตธรรมคัมภีร์อยู่ในมาตรฐานที่ตรงกันข้ามกับวัฒนธรรมในโลกปัจจุบัน
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ในปัจจุบัน เปาโลบอกเราว่าสิ่งหลักในการกลับมาของพระเยซูคือการที่คุณอาจ ‘จะได้เป็นคนมั่งคั่ง’ (ข้อ 9) อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ข้อความนั้นได้กำหนดนิยามใหม่ ให้เข้าใจใหม่เกี่ยวกับคำว่า ‘ร่ำรวย’
สุภาษิต 21:27-22:6
7ความทารุณของคนอธรรมจะกวาดพวกเขาไป
เพราะพวกเขาไม่ยอมทำสิ่งที่ยุติธรรม
8ทางของคนบาปหนานั้นคด
แต่ความประพฤติของคนบริสุทธิ์นั้นเที่ยงตรง
9อยู่ที่มุมบนหลังคา
ดีกว่าอยู่ร่วมบ้านกับหญิงขี้ทะเลาะ
10คนอธรรมย่อมปรารถนาความชั่ว
เพื่อนบ้านของเขาไม่ได้รับความเมตตาจากเขา
11เมื่อคนชอบเยาะเย้ยถูกลงโทษ คนรู้น้อยจึงมีปัญญา
เมื่อคนมีปัญญาได้รับการสั่งสอน เขาก็ได้ความรู้
12พระเจ้าผู้ชอบธรรมทรงพิเคราะห์ดูบ้านของคนอธรรม
พระองค์ทรงทำให้บรรดาคนอธรรมพินาศ
13คนที่ปิดหูไม่ฟังเสียงร้องทุกข์ของคนจน
ตัวเขาเองจะร้องตะโกนแต่ไม่มีใครตอบ
14ของกำนัลซึ่งให้ในที่ลับตาย่อมขจัดโทสะ
และสินบนลับๆ ก็กำจัดความโกรธเกรี้ยวได้
15เมื่อมีการปฏิบัติอย่างยุติธรรม คนชอบธรรมก็ยินดี
แต่คนประพฤติชั่วหวาดผวา
16มนุษย์ที่หลงไปจากทางแห่งความเข้าใจ
จะพักอยู่ในที่ประชุมของคนตาย
17คนที่รักความบันเทิงจะเป็นคนจน
คนที่รักเหล้าองุ่นและน้ำมันจะไม่มั่งคั่ง
18คนชั่วเป็นค่าไถ่คนชอบธรรม
และคนอธรรมเป็นค่าไถ่คนเที่ยงธรรม
19อาศัยอยู่ในแดนกันดาร
ดีกว่าอยู่กับหญิงขี้ทะเลาะและจู้จี้ขี้บ่น
20คลังทรัพย์ล้ำค่าและน้ำมันมีอยู่ในที่อาศัยของคนมีปัญญา
แต่คนโง่ผลาญมันจนเกลี้ยง
21คนที่ติดตามความชอบธรรมและความกรุณา
จะพบชีวิต ความชอบธรรม และเกียรติยศ
22คนมีปัญญาปีนเข้าเมืองของคนมีกำลัง
และพังทลายที่มั่นซึ่งเขาไว้วางใจ
23คนที่ระวังปากและลิ้นของตน
ก็ปกป้องตัวเองจากความยุ่งยาก
24“คนชอบเยาะเย้ย” เป็นชื่อของคนเย่อหยิ่งจองหอง
ผู้ประพฤติตัวด้วยความโอหัง
25ความอยากของคนเกียจคร้านฆ่าตัวเขาเอง
เพราะมือของเขาไม่ยอมทำงาน
26คนโลภก็โลภอยู่วันยังค่ำ
แต่คนชอบธรรมให้อย่างไม่อั้น
27เครื่องบูชาของคนอธรรมเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง
และยิ่งแย่กว่านั้น เมื่อเขานำมาด้วยเจตนาชั่ว
28พยานเท็จจะพินาศ
แต่พยานที่พูดตามที่ได้ยินจะยืนยงอยู่ได้
29คนอธรรมทำให้หน้าของตนด้านไป
แต่คนเที่ยงธรรมพิเคราะห์ดูทางของตนพิเคราะห์ดูทางของตน
30ปัญญาก็ดี ความเข้าใจก็ดี
คำแนะนำก็ดี จะเอาชนะพระยาห์เวห์ไม่ได้
31ม้าก็เตรียมไว้แล้วสำหรับวันทำศึก
แต่ชัยชนะเป็นของพระยาห์เวห์
สุภาษิต 22
1ชื่อเสียงดีนั้นควรเลือกยิ่งกว่าความมั่งคั่งมากมาย
และมีคนนับถือก็ดีกว่ามีเงินมีทอง
2คนมั่งคั่งและคนยากจนเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง
คือพระยาห์เวห์ทรงสร้างพวกเขาทั้งสิ้น
3คนสุขุมเห็นอันตรายและซ่อนตัวเสีย
แต่คนรู้น้อยเดินเรื่อยไปและรับอันตรายนั้น
4บำเหน็จของความถ่อมตัวและความยำเกรงพระยาห์เวห์
คือความมั่งคั่ง เกียรติ และชีวิต
5หนามและบ่วงอยู่ในทางของคนตลบตะแลง
คนที่ระมัดระวังตัวจะอยู่ห่างจากสิ่งเหล่านี้
6จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป
และเมื่อเขาเติบใหญ่ เขาจะไม่พรากจากทางนั้น
อรรถาธิบาย
ยึดมั่นในชื่อเสียงของคุณมากกว่าความมั่งคั่ง
ไม่ว่าคุณจะหาเงินมาได้มากเท่าไร มันไม่ได้รับประกันความสำเร็จในชีวิต ‘ชัยชนะเป็นของพระยาห์เวห์' (ข้อ 31)
ชื่อเสียงสำคัญกว่าความมั่งคั่งมาก การทำสิ่งที่ถูกต้องดีกว่าการทำเงินโดยการคดโกง ‘ชื่อเสียงของเงินปอนด์ดีกว่ามูลค่าของเงินปอนด์ จิตใจที่กรุณาดีกว่ามูลค่าของเงินในธนาคาร’ (22:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
วัฒนธรรมของมนุษย์ให้ความสำคัญกับ ‘คนรวย’ มากกว่าการตายจากความอดอยากในพื้นที่ยากจนของโลก ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า คนรวยและคนจนจับมือกันได้อย่างเท่าเทียม เพราะพระเจ้าสร้างพวกเขาทั้งสิ้น (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
หนทางแห่งความมั่งคั่งที่แท้จริง คือ ‘ความถ่อมใจ และความยำเกรงพระเจ้า’ (ข้อ 4ก) สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่ง ‘ความมั่งคั่ง เกียรติ และชีวิต’ (ข้อ 4ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) บางครั้งสิ่งเหล่านี้อาจนำความมั่งคั่งทางวัตถุมาให้ แต่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่บอกเราว่าสิ่งที่ได้มามีค่ายั่งยืนกว่าเสมอ คือ ความมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณในพระคริสต์
จงยกพระเจ้าให้เป็นลำดับแรกในชีวิตของคุณ แผนการของพระองค์สำหรับคุณนั้น ‘อะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม’ (โรม 12:2) และ ‘ชัยชนะเป็นของพระยาห์เวห์’ (สุภาษิต 21:30)
คำอธิษฐาน
2 โครินธ์ 8:1-15
การให้ด้วยใจกว้างขวาง
1พี่น้องทั้งหลาย เราอยากให้ท่านรู้ถึงพระคุณของพระเจ้าที่พระองค์ประทานแก่คริสตจักรต่างๆ ในแคว้นมาซิโดเนีย 2เพราะในขณะที่พวกเขาเผชิญการทดสอบมากมายจากความยากลำบากนั้น ความยินดีที่เต็มล้นและความยากจนอย่างที่สุดของพวกเขาได้ล้นออกมาเป็นใจกว้างขวางยิ่ง 3เพราะข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่าพวกเขาถวายตามความสามารถ ที่จริงก็เกินความสามารถ และทำด้วยความสมัครใจ 4พวกเขาวิงวอนเราอย่างมาก ขอร้องให้มีส่วนในคุณความดีในการช่วยเหลือธรรมิกชนด้วย 5และไม่เหมือนที่เราคาดหมายไว้ แต่พวกเขาถวายตัวเองแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วจึงมอบตัวให้กับเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า 6เพราะเหตุนี้ เราจึงขอร้องทิตัสให้ไปช่วยพวกท่านในการทำคุณความดีนี้จนสำเร็จเช่นเดียวกับที่เขาเริ่มต้นไว้ 7ดังนั้นเมื่อพวกท่านมีทุกสิ่งอย่างเหลือล้น คือความเชื่อ ฝีปาก ความรู้ ความกระตือรือร้น และความรักที่เรามีต่อพวกท่านสำเนาโบราณบางฉบับว่า ความรักของพวกท่านที่มีต่อเรา ท่านทั้งหลายก็จงมีคุณความดีนี้อย่างเหลือล้นด้วย
8ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเป็นคำสั่ง แต่นำเรื่องความกระตือรือร้นของคนอื่นๆ มาทดสอบความรักของท่านทั้งหลายว่ามีความจริงใจหรือไม่ 9เพราะว่าท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์ทรงมั่งคั่ง ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งคั่ง เนื่องจากความยากจนของพระองค์ 10และข้าพเจ้าขอออกความเห็นในเรื่องนี้ว่า เมื่อปีกลายนี้ พวกท่านไม่เพียงเป็นพวกแรกที่ลงมือทำ แต่ยังเป็นพวกแรกที่มีความปรารถนาจะทำด้วย 11บัดนี้พวกท่านก็ควรจะทำเสียให้เสร็จ เพื่อว่าความกระตือรือร้นที่ปรารถนาจะทำเป็นอย่างไร การทำให้เสร็จตามความสามารถที่มีอยู่ก็จะเป็นอย่างนั้น 12เพราะว่าถ้ามีความกระตือรือร้นอยู่แล้ว พระเจ้าก็จะทรงรับตามที่เขามีอยู่ ไม่ใช่ตามที่เขาไม่มี 13ข้าพเจ้าไม่ได้หมายความจะให้งานของคนอื่นเบาลง และของพวกท่านหนักขึ้น แต่เป็นเรื่องของความเสมอภาค 14คือที่พวกท่านมีอยู่อย่างเหลือล้นในเวลานี้ ก็เพื่อช่วยเขาทั้งหลายที่ขัดสน และในยามที่เขาทั้งหลายมีอย่างเหลือล้น เขาก็จะได้ช่วยพวกท่านเมื่อขัดสน ซึ่งจะทำให้มีความเสมอภาคกัน 15ตามที่เขียนไว้ว่า
“คนที่เก็บได้มากนั้น ไม่มีเหลือ
และคนที่เก็บได้น้อยก็ไม่ขาด”
อรรถาธิบาย
ดำเนินตามแบบอย่างองค์พระผู้ทรงสละตนจากมั่งคั่งสู่ยาจก
นักร้องสาว ลิลี่ อัลเลน สะท้อนให้เห็นอย่างง่ายดายสิ่งที่หลายคนคิดในเพลงของเธอ ‘The Fear - ความกลัว':
‘ฉันอยากรวย และอยากได้เงินเยอะ ๆ
ฉันไม่สนเรื่องความฉลาด ฉันไม่ใจเรื่องน่าสนุก
ฉันต้องการเสื้อผ้าจำนวนมาก และเพชรจำนวนมาก’
คนมากมายจริง ๆ ที่อยากร่ำรวย มีตัวอย่างของผู้คนมากมายที่เปลี่ยนจาก ‘มั่งคั่งสู่ยาจก’ อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่จงใจเลือกที่จะเปลี่ยนจากมั่งคั่งสู่ยาจก!
กระนั้น ผู้ที่มีหัวใจของความเชื่อ คือ คนที่จงใจเลือกเปลี่ยนตนจากมั่งคั่งสู่ยาจก 'เพราะว่าท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์ทรงมั่งคั่ง ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งคั่ง เนื่องจากความยากจนของพระองค์’ (ข้อ 9) นี่คือหัวใจของพระกิตติคุณ
พระเยซูเป็นแบบอย่างที่พวกเราต้องปฏิบัติตาม พระองค์ไม่เพียงละทิ้งความมั่งคั่งในสวรรค์เพื่อความยากจนทางโลกเท่านั้น พระองค์ทรงเลือกที่จะเกิดในความยากจนและสิ้นพระชนม์ในความยากไร้สุดโต่งเท่าที่จะจินตนาการไปถึงได้
พระเยซูเสด็จมาบนโลกโดยไม่มีที่จะวางศีรษะ และทรงถูกแขวนตรึงไว้บนไม้กางเขน ทั้งเปลือยเปล่าและทุกข์ทรมาน พระองค์ทรงทำเช่นนี้เพื่อที่คุณจะมั่งคั่ง เพื่อคุณจะได้มีขุมทรัพย์ฝ่ายวิญญาณของพระคริสต์ พระเยซูทรงแสดงให้เราเห็นตัวอย่างอันเป็นที่สุดของใจกว้างขวางยิ่ง และความหมายของ ‘เป็นคนมั่งคั่ง’
คริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนียทำตามแบบอย่างของพระเยซู ‘การทดลองเผยให้เห็นตัวตนจริงของพวกเขา พวกเขามีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อถึงแม้จะยากจนอย่างยิ่ง แรงกดดันที่ได้รับก่อให้เกิดบางสิ่งที่คาดไม่ถึงจริง ๆ นั่นคือ การเทของประทานที่บริสุทธิ์และใจที่กว้างชขวาง ข้าพระองค์อยู่ที่นั่นและเห็นด้วยตาของตน พวกเขาให้ทุกสิ่งที่พวกเขาให้ได้ ให้มากกว่าที่พวกเขาจะจ่ายเองไหว ข้าพระองค์วิงวอนขอพระคุณในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ของบรรดาคริสเตียนผู้ตกอยู่ในความทุกข์ยาก’ (ข้อ 2-4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
แม้ว่าชาวโครินธ์จะยากจนมาก แต่ว่าพวกเขาพยายามหาเงินที่จะถวายให้ได้ และถวายจนเกินกว่าที่หามาได้
เปาโลกระตุ้นให้ชาวโครินธ์ทำตามแบบอย่างของพระคริสต์ หลายด้านในชีวิตของพวกเขาช่างยอดเยี่ยม เปาโลกล่าวว่า ‘ท่านทั้งหลายก็จงมีคุณความดีนี้อย่างเหลือล้นด้วย’ (ข้อ 7ค)
เปาโลอธิบายพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ว่า ผู้มีควรให้เพื่อสนับสนุนผู้ที่ไม่มี (ข้อ 13-15) เราเห็นหลักการนี้ในการทำงานในค่ายโฟกัส และในโอกาสอื่น ๆ มากมาย รวมถึงช่วงอัลฟ่า สุดสัปดาห์ เราขอเชิญชวนผู้ที่ไม่มีเงินพอจะจ่ายให้มาตัวเปล่า (หรือมาด้วยอะไรก็ตามที่พวกเขาพอจะจ่ายได้) ในช่วงสุดสัปดาห์ เรามีข้อเสนอเพื่อให้ผู้ที่สามารถจ่ายได้ช่วยจ่ายเงินสำหรับผู้ที่ขาดแคลน
คำอธิษฐาน
อิสยาห์ 8:11-10:19
11เพราะว่าพระยาห์เวห์ตรัสเช่นนี้กับข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์อันทรงพลัง และทรงเตือนข้าพเจ้าไม่ให้ดำเนินในทางของชนชาตินี้ โดยตรัสว่า 12“พวกเจ้าอย่าเรียกว่าการร่วมคิดกบฏ ในทุกสิ่งที่ชนชาตินี้เรียกว่า การร่วมคิดกบฏ และพวกเจ้าอย่ากลัวในสิ่งที่เขาทั้งหลายกลัวและอย่าหวาดหวั่น” 13แต่พระยาห์เวห์จอมทัพนั้นแหละ ที่พวกท่านต้องถือว่าศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ท่านต้องกลัว และทรงเป็นผู้ที่ท่านต้องหวาดหวั่น 14แล้วพระองค์จะเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็จะเป็นหินสะดุดและเป็นศิลาที่ทำให้เชื้อสายทั้งสองของอิสราเอลหกล้ม ทั้งเป็นกับดักและเป็นบ่วงแร้วสำหรับชาวเยรูซาเล็ม 15และคนจำนวนมากจะหกล้มเพราะหินนั้น จะล้มคะมำและแตกหัก พวกเขาจะติดบ่วงและถูกจับไป
16จงเก็บคำพยานไว้ และจงผนึกตราธรรมบัญญัติไว้ในพวกสาวกของข้าพเจ้า 17ข้าพเจ้าจะรอคอยพระยาห์เวห์ผู้ซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากเชื้อสายของยาโคบ และข้าพเจ้าจะมุ่งหวังในพระองค์ 18ดูสิ ข้าพเจ้าและบุตรซึ่งพระยาห์เวห์ประทานแก่ข้าพเจ้านั้นเป็นหมายสำคัญและเป็นสัญลักษณ์ในอิสราเอลที่มาจากพระยาห์เวห์จอมทัพ ผู้ประทับบนภูเขาศิโยน 19และเมื่อเขาทั้งหลายกล่าวกับพวกท่านว่า “จงปรึกษากับคนทรงหรือพ่อมดแม่มดผู้ร้องเสียงจ้อกแจ้กและเสียงพึมพำ” ไม่ควรหรือที่ประชาชนจะปรึกษาพระเจ้าของเขา? ควรหรือที่เขาจะไปปรึกษาคนตายเพื่อคนเป็น? 20ไปดูธรรมบัญญัติและถ้อยคำพยาน แน่ทีเดียวคนที่ไม่พูดเช่นข้าพเจ้าภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า พูดเช่นนี้ก็จะเป็นคนที่ไม่มีรุ่งอรุณเลย 21พวกเขาจะผ่านแผ่นดินไปด้วยความทุกข์ลำบากและด้วยความหิว เมื่อเขาหิว เขาจะเกรี้ยวกราดและแช่งด่าพระราชาของเขาและพระเจ้าของเขา เมื่อแหงนหน้าขึ้นข้างบน 22และเมื่อมองดูบนแผ่นดินโลก ดูสิ มีแต่ความทุกข์ใจและความมืดมน ความเศร้าของความระทมใจ และเขาจะถูกผลักไสเข้าไปในความมืดทึบ
อิสยาห์ 9
การปกครองอันชอบธรรมของกษัตริย์ผู้จะเสด็จมา
1แต่เมืองนั้นที่อยู่ในสภาพโศกเศร้าจะไม่ทุกข์ระทมอีก ในกาลก่อนพระองค์ทรงให้แคว้นเศบูลุนและแคว้นนัฟทาลีเป็นที่ดูหมิ่น แต่ในภายหลัง พระองค์จะทรงทำหนทางฝั่งทะเล และดินแดนฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คือกาลิลีของบรรดาประชาชาตินั้นให้รุ่งโรจน์
2ชนชาติที่ดำเนินในความมืด
เห็นความสว่างยิ่งใหญ่
บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งเงามัจจุราช
แสงสว่างส่องมาบนเขาทั้งหลาย
3พระองค์ทรงทวีจำนวนคนในชาตินั้นขึ้น
พระองค์ทรงเพิ่มพูนความชื่นบานของพวกเขา
เขาทั้งหลายเปรมปรีดิ์เฉพาะพระพักตร์พระองค์
ดั่งความชื่นบานในฤดูเกี่ยวเก็บ
ดั่งคนยินดีเมื่อเขาแบ่งของริบให้แก่กัน
4เพราะว่าแอกอันเป็นภาระหนักของเขาก็ดี
ไม้พลองที่ตีบ่าเขาก็ดี
ไม้ตะบองของผู้บีบบังคับเขาก็ดี
พระองค์ทรงหักเสียเหมือนอย่างในวันของคนมีเดียน
5เพราะรองเท้าทหารทุกคู่ที่กระทืบจนสั่นสะเทือน
และเสื้อคลุมทุกตัวที่เกลือกอยู่ในโลหิต
จะถูกเผาเป็นเชื้อเพลิงใส่ไฟ
6ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา
มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา
และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน
และเขาจะขนานนามของท่านว่า
“ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช”
7การเพิ่มพูนขึ้นของการปกครองและสันติภาพของท่าน
จะไม่มีที่สิ้นสุด
บนพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์
เพื่อจะสถาปนาและเชิดชูมันไว้
ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดร์กาล
ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์จอมทัพจะทำการนี้
การพิพากษาพวกจองหองและกดขี่ผู้อื่น
8องค์เจ้านายทรงใช้พระวจนะไปต่อสู้ยาโคบ
และจะตกอยู่เหนืออิสราเอล
9และประชาชนทั้งหมดจะรู้เรื่อง
คือเอฟราอิมและชาวสะมาเรีย
ผู้กล่าวด้วยความเย่อหยิ่งและด้วยจิตใจจองหองว่า
10“ก้อนอิฐทั้งหลายพังลงแล้ว
แต่เราจะสร้างด้วยศิลาสลัก
ต้นมะเดื่อถูกโค่นลง
แต่เราจะทดแทนด้วยต้นสนสีดาร์”
11พระยาห์เวห์จึงทรงหนุนปฏิปักษ์ของเรซีนมาสู้เขาทั้งหลาย
และทรงกระตุ้นพวกศัตรูของเขา
12คือคนซีเรียทางตะวันออกและคนฟีลิสเตียทางตะวันตก
และพวกเขาจะอ้าปากออกกลืนกินอิสราเอลเสีย
ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังไม่ได้หันกลับ
และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
13แต่ประชาชนก็ไม่ได้หันมาหาพระองค์ผู้ทรงตีพวกเขา
และไม่ได้แสวงหาพระยาห์เวห์จอมทัพ
14พระยาห์เวห์จึงทรงตัดหัวและตัดหางของอิสราเอลออก
ทั้งใบตาลและต้นอ้อเล็กในวันเดียว
15ผู้ใหญ่และคนมีตำแหน่งสูงคือหัว
ส่วนผู้เผยพระวจนะและผู้สอนเท็จคือหาง
16เพราะพวกคนที่นำชนชาตินี้ได้นำเขาทั้งหลายให้หลง
และคนที่ถูกพวกเขานำก็ถูกกลืนกินไป
17ฉะนั้น องค์เจ้านายไม่ทรงเปรมปรีดิ์ในพวกคนหนุ่มของเขา
และไม่ทรงเมตตาลูกกำพร้าหรือหญิงม่ายของเขา
เพราะว่าทุกคนล้วนไม่มีพระเจ้าและเป็นคนทำความชั่ว
และปากทุกปากก็กล่าวคำโฉดเขลา
ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังไม่ได้หันกลับ
และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
18เพราะความอธรรมก็ไหม้เหมือนไฟไหม้
มันเผาทั้งหนามย่อยและหนามใหญ่
มันจุดไฟเข้าไปที่พุ่มไม้ของป่าทึบ
แล้วป่าก็สลายตัวเป็นกลุ่มควันลอยขึ้น
19เพราะพระพิโรธของพระยาห์เวห์จอมทัพ
แผ่นดินนั้นก็ถูกเผา
และประชาชนก็เหมือนเชื้อเพลิง
ไม่มีใครไว้ชีวิตพี่น้องของตน
20เขาฉวยได้ด้านขวา แต่ยังหิวอยู่
เขากินด้านซ้ายแต่ก็ยังไม่อิ่ม
ต่างก็กินเนื้อจากผู้ที่เป็นเหมือนแขน
21มนัสเสห์กินเอฟราอิม เอฟราอิมกินมนัสเสห์
และทั้งคู่ก็ต่อสู้กับยูดาห์
ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังไม่ได้หันกลับ
และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
อิสยาห์ 10
1วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่ออกกฎหมายอธรรม
และแก่พวกที่เขียนกฎมาบีบบังคับ
2เพื่อผลักไสคนขัดสนไปจากความยุติธรรม
และปล้นสิทธิของคนจนแห่งชนชาติของเรา
เพื่อให้หญิงม่ายกลายเป็นของริบของพวกเขา
และทำให้ลูกกำพร้าพ่อกลายเป็นเหยื่อ
3พวกท่านจะทำอย่างไรในวันลงโทษ?
และในวันทำลายล้างซึ่งมาจากที่ไกล?
ท่านทั้งหลายจะหนีไปพึ่งใคร?
และพวกท่านจะเก็บทรัพย์สมบัติของท่านไว้ที่ไหน?
4ไม่มีอะไรเหลือนอกจากจะก้มตัวลงอยู่กับพวกนักโทษ
หรือล้มลงในหมู่คนที่ถูกฆ่า
ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังไม่ได้หันกลับ
และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
อัสซีเรียผู้เย่อหยิ่งก็ถูกพิพากษาด้วย
5วิบัติแก่อัสซีเรีย ผู้เป็นตะบองแห่งความกริ้วของเรา
และไม้พลองในมือของพวกเขาเป็นความเกรี้ยวกราดของเรา
6เราใช้เขาไปสู้ประเทศชาติหนึ่งที่ทิ้งพระเจ้า
เราบัญชาเขาให้ไปสู้ชนชาติที่เรากริ้ว
ให้ไปเอาของริบและฉวยของปล้น
และให้เหยียบย่ำลงเหมือนเหยียบเลนบนถนน
7แต่เขาไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น
และจิตใจของเขาก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น
เพราะในใจของเขาคิดแต่จะทำลาย
และทำลายประชาชาติไปไม่ใช่น้อย
8เพราะเขาพูดว่า
“พวกผู้บัญชาการของข้าล้วนเป็นกษัตริย์ไม่ใช่หรือ?
9เมืองคาลโนก็เหมือนเมืองคารเคมิชไม่ใช่หรือ?
เมืองฮามัทก็เหมือนเมืองอารปัดไม่ใช่หรือ?
เมืองสะมาเรียก็เหมือนเมืองดามัสกัสไม่ใช่หรือ?
10เหมือนอย่างที่มือของข้ายื่นไปถึงบรรดาราชอาณาจักรของรูปเคารพ
ซึ่งมีรูปเคารพแกะสลักใหญ่กว่าของเยรูซาเล็มและสะมาเรีย
11แล้วข้าจะไม่ทำกับเยรูซาเล็มและรูปเคารพของเขา
อย่างที่ข้าได้ทำกับสะมาเรียและรูปเคารพของเขาหรือ? ”
12เมื่อองค์เจ้านายทำพระราชกิจทั้งหมดของพระองค์ที่ภูเขาศิโยนและที่เยรูซาเล็มเสร็จแล้ว พระองค์จะทรงลงโทษการโอ้อวดของพระราชาของอัสซีเรีย และการยกตัวด้วยสายตายโสของเขา 13เพราะเขาว่า
“ข้าทำการนี้ด้วยกำลังมือของข้า
และด้วยสติปัญญาของข้า เพราะข้ามีความเข้าใจ
ข้าได้รื้อเขตแดนของชนชาติทั้งหลาย
และได้ปล้นทรัพย์สมบัติของเขา
ข้าเป็นเหมือนผู้ทรงพลังที่ได้ฉุดบรรดากษัตริย์ลงมา
14มือของข้าได้ฉวยทรัพย์สมบัติของชนชาติทั้งหลาย
เหมือนฉวยรังนก
และคนเก็บไข่นกที่ถูกทิ้งอย่างไร
ข้าก็รวบรวมแผ่นดินโลกทั้งหมดอย่างนั้น
ไม่มีใครขยับปีกมาปกป้อง
หรืออ้าปากหรือร้องเสียงจ้อกแจ้ก”
15ขวานจะคุยข่มคนที่ใช้มันจามหรือ?
หรือเลื่อยจะทะนงตัวเหนือผู้ที่ใช้มันเลื่อยหรือ?
ราวกับว่าไม้ตะบองจะยกผู้ที่ถือมันได้?
หรือไม้พลองจะยกผู้ที่ไม่ใช่ท่อนไม้ได้?
16ฉะนั้น องค์เจ้านาย พระยาห์เวห์จอมทัพ
จะทรงให้โรคผอมแห้งมาในหมู่คนกำยำล่ำสันของเขา
และจะมีการเผาไหม้ลุกโชนขึ้นใต้ศักดิ์ศรีของเขา
เหมือนอย่างกับไฟไหม้
17ความสว่างแห่งอิสราเอลจะเป็นไฟ
และองค์บริสุทธิ์ของเขาจะเป็นเปลวเพลิง
แล้วไฟจะเผาและทำลาย
หนามใหญ่และหนามย่อยของเขาในวันเดียว
18พระองค์จะทรงทำลายศักดิ์ศรีของป่าและสวนผลไม้ของเขา
รวมทั้งจิตใจและร่างกาย
และจะเป็นเหมือนเมื่อคนป่วยซูบตายไป
19ต้นไม้ในป่าของเขาจะเหลือน้อยเต็มที
จนเด็กนับจำนวนได้
อรรถาธิบาย
จดจ่อในบัลลังก์ของพระเยซูมากกว่าความมั่งคั่ง
อย่างที่ ลิลี่ อัลเลน ร้องในเพลง ‘The Fear – ความกลัว’ หากเรามุ่งความสนใจไปผิดจุด เราก็ ‘ถูกความกลัวครอบงำ’ แต่อิสยาห์กล่าวว่า ‘อย่ากลัวสิ่งที่พวกเขากลัว อย่ารับเอาความกังวลของพวกเขามา ถ้าเจ้ากำลังจะกังวล จงกังวลเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ คือความยำเกรงพระเจ้าผู้นำกองทัพทูตสวรรค์’ (8:12-13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ยาถอนพิษความกลัวและความกังวลซึ่งรบกวนจิตใจของเราอยู่นั้นคือความเชื่อ อิสยาห์เขียนไว้ว่า ‘ข้าพเจ้าจะรอคอยพระยาห์เวห์... ข้าพเจ้าจะมุ่งหวังในพระองค์’ (ข้อ 17)
เขาเตือนว่าอย่ามุ่งความสนใจไปที่ไสยศาสตร์ หมอดู ผู้ที่ใช้เวทมนตร์ และคนทรง (ข้อ 19) ‘ปฏิเสธพวกเขาว่า “ไม่ละ เราจะศึกษาพระคัมภีร์” คนที่พยายามหาทางอื่นจะไม่พบทางออก จะพบแต่ทางตัน มีแต่หลุมแห่งความว่างเปล่า พวกเขาจะดับลงในความมืดโดยไม่มีอะไรเหลือเลย’ (ข้อ 20-22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ทั้งยังเตือนถึงความเย่อหยิ่ง และ ‘จิตใจจองหอง’ (9:9) นอกจากนี้เขาได้พูดเกี่ยวกับความมั่งคั่งไว้มากมาย
ประการแรก มั่งคั่งในตัวเองจะไม่เป็นที่พอใจ ‘ความอยากอาหารที่ไม่รู้จักพอ การยัดเข้าไปและขบเคี้ยวฟันไปทางซ้ายและขวา มีทั้งผู้คนและสิ่งของ แต่พวกเขาจะยังคงหิวโหย’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ไม่ว่าเราจะหาเงินได้มากเท่าไร มันจะไม่มีวันตอบสนองความหิวโหยทางฝ่ายวิญญาณในหัวใจมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง
ประการที่สอง อิสยาห์เตือนว่าอย่าสร้างความมั่งคั่งด้วยเงินของคนยากจน (10:1-3) ความอยุติธรรมเป็นแก่นของความเจ็บปวดทุกข์ทรมานในโลก ‘ความพินาศแก่ผู้ออกกฎหมายที่ชั่วร้าย ผู้ทำให้คนตกเป็นเหยื่อของกฎหมาย กฎหมายที่สร้างความทุกข์เข็ญให้แก่คนยากจน ปล้นศักดิ์ศรีไปจากคนยากไร้ ใช้ประโยชน์จากหญิงม่ายที่ปกป้องตนเองไม่ได้ หาประโยชน์จากลูกกำพร้าไร้บ้าน’ (ข้อ 1-2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
มีหลายประเทศในโลกที่เราสามารถมองเห็นกฎหมายถูกใช้อย่างผิด ๆ ได้อย่างชัดเจน มีเพียงไม่กี่คนที่มั่งคั่งเพราะเห็นแก่คนจน หญิงม่าย และเด็กกำพร้า ประเทศเหล่านั้นมีกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีความยุติธรรมให้แก่ประชาชน อิสยาห์ตั้งคำถามเกี่ยวกับวันพิพากษา ‘พวกท่านจะเก็บทรัพย์สมบัติของท่านไว้ที่ไหน?’ (ข้อ 3ง) เงินทั้งหมดในตอนท้ายจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ‘เงินทั้งหมดของคุณจะมีประโยชน์อันดีอะไร?’ (ข้อ 3ง, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ในโลกของความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำนี้ ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เห็นผู้ปกครองแบบต่าง ๆ ถือกำเนิดขึ้น แน่นอนว่าสิ่งนี้สำเร็จเป็นจริงในองค์พระเยซูคริสต์:
'ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา
มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา
และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน
และเขาจะขนานนามของท่านว่า
“ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช”
การเพิ่มพูนขึ้นของการปกครองและสันติภาพของท่าน
จะไม่มีที่สิ้นสุด(9:6-7ก)
ยิ่งคุณยอมให้การปกครองของพระเยซูเข้ามาในชีวิตของคุณมากเท่าไร พระองค์ก็จะยิ่งทรงนำในแผนการของคุณ การตัดสินใจของคุณ การสนทนาและความคิดของคุณ ยิ่งคุณฉลาดขึ้น แทนที่จะ ‘ถูกความกลัวครอบงำ' คุณจะยิ่งพบกับความสงบสุขมากขึ้นเท่านั้น
สันติสุขไม่ได้มาจากเงิน ความมั่งคั่ง ความสำเร็จ การเลื่อนตำแหน่ง เสื้อผ้า หรือเพชร สันติสุขมาจากการใช้ชีวิตภายใต้การปกครองของพระเยซูในความยุติธรรมและความชอบธรรม การดำเนินชีวิตตามแบบอย่างการเสียสละอันมหาศาลของพระองค์
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สุภาษิต 22:6
‘จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเติบใหญ่ เขาจะไม่พรากจากทางนั้น’
ฉันรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทเวลา ความรัก และการอธิษฐานให้กับลูก ๆ ของเรา อย่าประเมินความสำคัญของเวลาที่คุณให้กับพวกเด็ก ๆ ต่ำไป ไม่ว่าจะเป็นในฐานะพ่อแม่ ผู้ดูแลเด็กหรือครู การลงทุนลงแรงของคุณจะช่วยสร้างความเชื่อและบุคลิกในตัวผู้คน
ข้อพระคำประจำวัน
สุภาษิต 21:30
‘ปัญญาก็ดี ความเข้าใจก็ดี
คำแนะนำก็ดี จะเอาชนะพระยาห์เวห์ไม่ได้’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)