วัน 82

สายด่วนถึงพระเจ้า

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 37:1-9
พันธสัญญาใหม่ ลูกา 4:38-5:16
พันธสัญญาเดิม กันดารวิถี 15:1-16:35

เกริ่นนำ

ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1962 มีความขัดแย้งกันระหว่างประธานาธิบดีเคนเนดี้แห่งสหรัฐอเมริกา และนายกรัฐมนตรีครุสชอฟแห่งสหภาพโซเวียตเกี่ยวกับการสร้างขีปนาวุธในคิวบา วิกฤตขีปนาวุธคิวบาน่าจะใกล้เคียงที่สุดที่เราจะเรียกว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่มันก็ถูกหันเหไปเนื่องจากมีการคมนาคมเข้ามา

ในยุคก่อนจะมีโทรศัพท์มือถือและการส่งข้อความโต้ตอบแบบสมัยใหม่ มีการตกลงให้วางโทรศัพท์สีแดงเครื่องหนึ่งไว้บนโต๊ะทำงานของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกเครื่องหนึ่งไว้บนโต๊ะทำงานของนายกรัฐมนตรีแห่งสหภาพโซเวียต การเชื่อมต่อการสื่อสารนี้เรียกว่า ‘สายด่วน’ หากมีช่วงเวลาใดก็ตามที่อาจมีอันตรายที่เกิดจากความเข้าใจผิด พวกเขาสามารถยกโทรศัพท์ขึ้นและสื่อสารกัน

การสื่อสารมีความสำคัญต่อทุกความสัมพันธ์ การจัดสรรเวลาเพื่อสร้างและดูแลการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ พระเยซูทรงประทาน ‘สายด่วน’ ถึงพระเจ้าให้กับคุณ ที่ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น แต่มีไว้เพื่อใช้ตลอดเวลา

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 37:1-9

คำหนุนใจให้อดทนและวางใจในพระยาห์เวห์

ของดาวิด

1อย่าฉุนเฉียวเพราะคนทำชั่ว
 อย่าอิจฉาคนทำผิด
2เพราะไม่ช้าพวกเขาจะเหี่ยวไปเหมือนต้นหญ้า
 และแห้งไปเหมือนพืชที่เคยเขียวสด
3จงวางใจในพระยาห์เวห์ และจงทำความดี
 จงอาศัยอยู่ในแผ่นดิน และจงชื่นบานกับความปลอดภัย
4จงปีติยินดีในพระยาห์เวห์
 และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน
5จงมอบทางของท่านไว้กับพระยาห์เวห์
 จงวางใจในพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงช่วยท่าน
6พระองค์จะทรงให้ความชอบธรรมของท่านปรากฏอย่างความสว่าง
 และให้ความยุติธรรมของท่านปรากฏอย่างเที่ยงวัน
7จงสงบอยู่ต่อพระยาห์เวห์ และเพียรรอคอยพระองค์
 อย่าฉุนเฉียวเมื่อคนพบความสำเร็จในทางของเขา
 หรือเมื่อคนทำตามแผนชั่ว
8จงระงับความโกรธ และละความพิโรธ
 อย่าฉุนเฉียว มีแต่จะชั่วไป
9เพราะคนที่ทำชั่วจะถูกตัดออกไป
 แต่ผู้ที่รอคอยพระยาห์เวห์จะได้แผ่นดินเป็นมรดก

อรรถาธิบาย

จงเปิดใจต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า

ความปรารถนาของคุณจะสำเร็จได้อย่างไร? ดาวิดผู้เขียนพระธรรมสดุดีตอนนี้กล่าวว่า ‘จงปีติยินดีในพระยาห์เวห์ และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน’ (ข้อ 4) แทนที่จะทำตามสิ่งที่คุณปรารถนา ถ้าคุณปีติยินดีในพระเจ้า พระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของคุณ การยอมให้พระเจ้าประทานสิ่งต่าง ๆ ให้กับคุณดีกว่าการพยายามให้ได้มาซึ่งสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวคุณเอง พระองค์ทรงสัญญาว่า:

1.\tความเชื่อท่ามกลางความหวาดกลัวของคุณ

อาจมีหลายอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้คุณกลัวและหวั่นวิตก แต่ดาวิดได้ย้ำถึง 3 ครั้งว่า ‘อย่าฉุนเฉียว’ (ข้อ 1, 7ข, 8ข) และอย่าอิจฉา (ข้อ 1ข) แต่จงหันไปหาพระเจ้า นำความกลัวของคุณให้ไว้กับพระองค์และ ‘จงวางใจในพระยาห์เวห์’ (ข้อ 3) ความเชื่อคือความวางใจ ซึ่งตรงกันข้ามกับความกลัวและความหวั่นวิตก

2.\tการทรงนำในการตัดสินใจของคุณ

‘จงมอบทางของท่านไว้กับพระยาห์เวห์’ (ข้อ 5) หัวใจสำคัญของการทรงนำคือมอบการตัดสินใจไว้กับพระเจ้าทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์และวางใจในพระองค์ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมใช้ข้อพระคัมภีร์นี้ในชีวิตของผมเอง ทั้งยังได้ใช้พระธรรมข้อนี้ในการอธิษฐานเผื่อคนอื่น ๆ ที่กำลังต่อสู้กับการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับงานหรือคู่พระพรในอนาคตของพวกเขา

นี่เป็น 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ขั้นแรกคือมอบการตัดสินใจไว้กับพระเจ้าในคำอธิษฐาน ขอให้พระองค์เปิดประตูที่ถูกต้องสำหรับคุณ และปิดประตูที่ไม่ถูกต้อง จากนั้นขั้นที่สองคือวางใจว่าเราอยู่ในความควบคุมของพระองค์ ขั้นที่สามคือจงมองหาการทรงนำของพระองค์ในความเชื่อ ขณะที่คุณยังคงก้าวต่อไปบน ‘หนทาง' ของคุณด้วยใจคาดหวังว่าถ้าเป็นพระเจ้า พระองค์จะทรงกระทำการเช่นไร

3.\tสันติสุขภายในใจ

จงใช้สายด่วนของคุณถึงพระเจ้า จัดสรรเวลาเพื่อ ‘สงบอยู่ต่อพระยาห์เวห์ และเพียรรอคอยพระองค์’ (ข้อ 7) นี่คือแหล่งที่ทำให้ ‘ความชอบธรรมของท่านปรากฏอย่างความสว่าง’ (ข้อ 6) นี่เป็นหนทางเพื่อหลีกเลี่ยงความฉุนเฉียวและความโกรธ และเพื่อพบกับสันติสุขและความหวัง (ข้อ 8-9)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดทรงปกป้องข้าพระองค์จากความกลัว การอิจฉา และความโกรธเพราะข้าพระองค์วางใจในพระองค์ วันนี้ข้าพระองค์ต้องการมอบทางของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์ ข้าพระองค์จะสงบอยู่ต่อพระองค์ ข้าพระองค์จะปีติยินดีในพระองค์
พันธสัญญาใหม่

ลูกา 4:38-5:16

คนเจ็บป่วยมากมายได้รับการรักษา

 38เมื่อพระองค์ทรงลุกออกจากธรรมศาลา ก็เสด็จเข้าไปในบ้านของซีโมน แม่ยายของซีโมนกำลังป่วยมีไข้สูง พวกเขาจึงอ้อนวอนขอให้พระองค์ช่วยนาง 39พระองค์ทรงยืนอยู่ข้างคนป่วย ตรัสสั่งไข้ให้ออกจากนาง แล้วไข้ก็หาย และในทันใดนั้นแม่ยายของซีโมนก็ลุกขึ้นมาปรนนิบัติพระองค์กับพวกของพระองค์ 40พอตะวันยอแสง ใครที่มีคนเจ็บเป็นโรคต่างๆ ก็พามาหาพระองค์ พระองค์วางพระหัตถ์ถูกต้องเขาทุกคนให้หายจากโรค 41ผีก็ออกจากตัวของหลายคนและร้องว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงห้ามพวกมันพูด เพราะมันรู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสต์

การทรงเทศนาสั่งสอนตามที่ต่างๆ

 42พอถึงรุ่งเช้า พระองค์เสด็จออกไปยังที่เงียบสงัด ฝูงชนก็เที่ยวเสาะหาพระองค์ เมื่อพบแล้วก็หน่วงเหนี่ยวพระองค์ไว้ไม่ให้จากพวกเขาไป 43แต่พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราต้องไปประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแก่เมืองอื่นๆ ด้วย พระองค์ทรงใช้เรามาก็เพราะเหตุนี้” 44พระองค์จึงทรงเทศนาสั่งสอนต่อไปในธรรมศาลาต่างๆ ทั่วยูเดีย

ลูกา 5

การทรงเรียกสาวกกลุ่มแรก

 1ต่อมาขณะที่พระองค์ทรงยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท และฝูงชนกำลังเบียดเสียดพระองค์เพื่อฟังพระวจนะของพระเจ้านั้น 2พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำจอดอยู่ที่ริมฝั่งทะเลสาบ แต่ชาวประมงขึ้นจากเรือแล้วและกำลังซักอวนอยู่ 3พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นเรือของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยออกไปจากฝั่งหน่อยหนึ่ง แล้วพระองค์ประทับลงสอนฝูงชนจากเรือลำนั้น 4เมื่อพระองค์ตรัสสอนเสร็จแล้ว จึงตรัสกับซีโมนว่า “จงถอยออกไปที่น้ำลึก แล้วหย่อนอวนลงจับปลา” 5ซีโมนทูลตอบว่า “อาจารย์ เราทอดอวนมาตลอดทั้งคืนแล้วไม่ได้อะไรเลย แต่ข้าพเจ้าก็จะหย่อนอวนลงตามคำของท่าน” 6เมื่อพวกเขาหย่อนลงแล้วก็จับปลาได้จำนวนมากจนอวนของเขาเริ่มจะปริ 7พวกเขาจึงทำสัญญาณบอกเพื่อนๆ ที่อยู่ในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย พวกเขาก็มา และได้ปลาเต็มเรือทั้งสองลำจนเรือเพียบ 8เมื่อซีโมนเปโตรเห็นอย่างนั้นแล้ว ก็ทรุดตัวลงที่เข่าของพระเยซูทูลว่า “นายเจ้าข้า ขอท่านไปให้ห่างจากข้าพเจ้าเถิด เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป” 9เนื่องจากเขากับคนทั้งหลายที่อยู่ด้วยกันประหลาดใจเรื่องปลาที่เขาจับได้นั้น 10ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกับซีโมนก็ประหลาดใจเหมือนกัน พระเยซูตรัสกับซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคำกริยาเป็นคำที่ใช้เกี่ยวกับการจับปลาคน” 11เมื่อนำเรือมาถึงฝั่งแล้ว พวกเขาก็สละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและตามพระองค์ไป

การทรงรักษาคนโรคเรื้อน

 12ต่อมาขณะที่พระเยซูประทับอยู่ในเมืองแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อนเต็มทั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระเยซูก็ซบหน้าลงถึงดินทูลอ้อนวอนพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอเพียงแต่พระองค์เต็มพระทัยเท่านั้น ก็จะทำให้ข้าพระองค์หายสะอาดได้” 13พระองค์จึงยื่นพระหัตถ์แตะต้องเขาแล้วตรัสว่า “เราเต็มใจ จงหายสะอาดเถิด” ทันใดนั้นโรคเรื้อนของเขาก็หาย 14พระองค์จึงกำชับเขาไม่ให้บอกใคร และตรัสว่า “จงไปแสดงตัวต่อปุโรหิต และถวายเครื่องบูชาสำหรับคนที่หายโรคเรื้อนแล้วตามที่โมเสสสั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันต่อทุกคน” 15แต่กิตติศัพท์ของพระองค์ยิ่งเลื่องลือไป และมหาชนมาชุมนุมกันเพื่อจะฟังพระองค์และรับการรักษาโรคต่างๆ 16แต่พระองค์มักจะเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน

อรรถาธิบาย

ฟังพระวจนะของพระเจ้า

สายด่วนของคุณถึงพระเจ้าเกี่ยวข้องกับการสื่อสารสองทาง มันข้องเกี่ยวกับทั้งการพูดคุยกับพระเจ้าผ่านทางการอธิษฐาน และการฟังพระวจนะของพระองค์ นี่คือเคล็ดลับในการทำพันธกิจของพระเยซู ไม่เคยมีใครทำพันธกิจได้ทรงพลังมากไปกว่าพระเยซู ไม่เคยมีใครที่ต้องการเวลาและกำลังของพระองค์มากไปกว่าพระเยซู

ทุก ๆ คนต้องการความช่วยเหลือของพระองค์ เมื่อพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือของพระเยซูให้รักษาแม่ยายของซีโมน พระองค์ทรงรักษานางให้หาย พระองค์ทรงวางมือทุกคนที่ถูกนำมายังพระองค์และรักษาพวกเขาให้หาย พระองค์ทรงเทศนาสั่งสอนต่อไป (4:44) พระองค์ทรงรักษาคนโรคเรื้อน ฝูงชนเพิ่มจำนวนมากขึ้น ‘มหาชนมาชุมนุมกันเพื่อจะฟังพระองค์และรับการรักษาโรคต่าง ๆ’ (5:15)

พระองค์ทรงทำได้อย่างไร? เคล็ดลับของพระองค์คืออะไร? ที่มาของฤทธิ์เดชของพระองค์คือที่ไหน? ‘พอถึงรุ่งเช้า พระเยซูเสด็จออกไปยังที่เงียบสงัด’ (4:42) ‘พระเยซูมักจะเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน’ (5:16) คุณจะไม่มีวันรับมือกับความต้องการของชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้าได้ นอกเสียจากว่าคุณจะได้รับการเสริมกำลังผ่านการต่อทางสายด่วนถึงพระเจ้า

ฝูงชนเบียดเสียดพระเยซู ‘เพื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าได้ดีขึ้น’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูทรงใช้เรือลำหนึ่งเป็นธรรมาสน์เพื่อสอนฝูงชน (ข้อ 3) การได้ยินถ้อยคำของพระเจ้าผ่านทางพระเยซูได้เปลี่ยนชีวิตของเปโตร

เปโตรไม่เพียงแต่จับได้ปลาฝูงใหญ่ แต่เขายังได้เห็นภาพที่ยิ่งใหญ่ว่าพระเจ้าสามารถทำสิ่งใดบ้างในชีวิตของเขา สามปีต่อมาเขาได้เทศนาซึ่งมีคน 3,000 คน กลับใจในวันเดียว เขาได้วางรากฐานซึ่ง 2,000 ปีต่อมาคนมากกว่าสองพันล้านคนยอมรับพระนามของพระเยซู เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องราวที่แสดงออกมานี้?

1.\tศักยภาพมีอยู่มากมาย

พวกเขาไม่ได้จับปลาเลยแต่มีปลามากมายให้จับ ในทะเลกาลิลีมีฝูงปลามากมายที่ปกคลุมท้องทะเลราวกับว่ามันยาวต่อเนื่องถึงหนึ่งเอเคอร์

ถึงแม้การทำความสะอาดอวนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวประมง แต่เป้าหมายหลักคือการจับปลา งานหลักของคริสตจักรคือการทำพันธกิจ พระเยซูตรัสว่า ‘จงถอยออกไปที่น้ำลึก แล้วหย่อนอวนลงจับปลา’ (ข้อ 4) มีผู้คนมากมายที่ต้องการได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซู

2.\tไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเยซู

ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเปโตรเป็นเชิงลบและมองในแง่ร้าย เขาไม่คิดว่ามันจะได้ผล ‘เราทอดอวนมาตลอดทั้งคืนแล้วไม่ได้อะไรเลย’ (ข้อ 5ก) อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ว่าหลังจากฉุกคิดพักใหญ่ เขาจึงพูดว่า ‘แต่ข้าพเจ้าก็จะหย่อนอวนลงตามคำของท่าน’ (ข้อ 5ข) พระเยซูทรงกระทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ‘เมื่อพวกเขาหย่อนลงแล้วก็จับปลาได้จำนวนมาก จนอวนของเขาเริ่มจะปริ’ (ข้อ 6)

3.\tไม่สามารถทำได้โดยลำพังแต่โดยร่วมมือกันเท่านั้น

‘พวกเขาจึงทำสัญญาณบอกเพื่อน ๆ ที่อยู่ในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย พวกเขาก็มา และได้ปลาเต็มเรือทั้งสองลำจนเรือเพียบ’ (ข้อ 7) การร่วมมือกันเป็นหัวใจสำคัญของพันธกิจ ความแตกแยกทำให้ผูู้คนจากภายนอกคริสตจักรไม่พึงพอใจนัก แต่การร่วมมือกันและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นสิ่งที่น่าดึงดูด

4.\tเป็นนิมิตที่ควรค่าแก่การมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มา

ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเปโตรคือการสัมผัสได้ถึงความไม่คู่ควรของตัวเขาเอง ‘ขอท่านไปให้ห่างจากข้าพเจ้าเถิด เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป!’ (ข้อ 8) ในขณะเดียวกัน เขาและคนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจที่จับปลาได้ (ข้อ 9) พวกเขาต้องกลัวมาก แต่พระเยซูตรัสว่า ‘อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน’ (ข้อ 10) พวกเขาเห็นว่าเป็นนิมิตที่ควรค่าแก่การมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มา ‘เมื่อนำเรือมาถึงฝั่งแล้ว พวกเขาก็สละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและตามพระองค์ไป’ (ข้อ 11)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ประทานสายด่วนถึงพระองค์แก่ข้าพระองค์ ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ เช่นเดียวกับพระเยซู ให้แสวงหาการอยู่ลำพังกับพระองค์ ให้ปลีกตัวไปยังที่เปลี่ยว อธิษฐาน และได้ยินถ้อยคำของพระองค์
พันธสัญญาเดิม

กันดารวิถี 15:1-16:35

เครื่องบูชาชนิดต่างๆ

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“จงกล่าวกับคนอิสราเอลคือพูดกับพวกเขาว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายเข้าในแผ่นดินที่เจ้าจะไปอาศัยอยู่ซึ่งเราให้แก่พวกเจ้านั้น 3ถ้าพวกเจ้านำเครื่องเผาบูชาจากฝูงโคหรือฝูงแพะแกะมาถวายพระยาห์เวห์เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว หรือเป็นเครื่องสัตวบูชาเพื่อแก้บน หรือเป็นเครื่องบูชาถวายด้วยความสมัครใจ หรือถวายในเทศกาลเลี้ยงตามกำหนด เพื่อให้มีกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ 4ก็ให้คนที่นำเครื่องบูชามาถวายแด่พระยาห์เวห์นั้น นำธัญบูชามาถวายคือแป้งอย่างดีหนึ่งกิโลกรัมเคล้าน้ำมันประมาณหนึ่งลิตร 5และเจ้าจงจัดเหล้าองุ่นประมาณหนึ่งลิตร เป็นเครื่องดื่มบูชาคู่กับลูกแกะทุกตัวที่เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว หรือที่เป็นเครื่องสัตวบูชา 6และสำหรับแกะผู้ตัวหนึ่ง เจ้าจงจัดธัญบูชาด้วยแป้งอย่างดีสองกิโลกรัมเคล้าน้ำมันประมาณหนึ่งลิตรครึ่ง 7แต่สำหรับเครื่องดื่มบูชานั้น เจ้าจงถวายเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรครึ่งให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ 8และเมื่อเจ้าจัดลูกโคเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว หรือเป็นเครื่องสัตวบูชาเพื่อแก้บน หรือเป็นศานติบูชาแด่พระยาห์เวห์ 9ก็ให้นำธัญบูชามาถวายคู่กับโคผู้นั้นคือแป้งอย่างดีสามกิโลกรัมเคล้าน้ำมันสองลิตร 10และให้นำเครื่องดื่มบูชาคือเหล้าองุ่นสองลิตรเพื่อการเผาบูชา และเป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระยาห์เวห์
 11“จงทำเช่นนี้สำหรับโคผู้หรือแกะผู้ทุกตัว หรือสำหรับลูกแกะผู้หรือลูกแพะทุกตัว 12จงทำเช่นนี้กับสัตว์ทุกตัวตามจำนวนที่เจ้าจัดถวาย 13คนพื้นเมืองจะต้องทำเช่นนี้ทุกคน เมื่อจะถวายเครื่องเผาบูชาเป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ 14ถ้าคนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่กับเจ้าชั่วคราว หรือผู้ที่อยู่อย่างถาวรท่ามกลางพวกเจ้า จะถวายเครื่องเผาบูชาเป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ ก็ให้เขาทั้งหลายทำเช่นเดียวกับที่พวกเจ้าทำนั้น 15จะต้องมีกฎเกณฑ์อย่างเดียวกันสำหรับชุมนุมชน และสำหรับคนต่างด้าวผู้มาอาศัยอยู่กับเจ้า เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชาติพันธุ์ของเจ้า คือพวกเจ้าเป็นอย่างไร คนต่างด้าวก็ต้องเป็นอย่างนั้นเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 16จะต้องมีธรรมบัญญัติและกฎหมายอย่างเดียวกันสำหรับพวกเจ้า และสำหรับคนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่กับเจ้า”
 17พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 18“จงกล่าวกับคนอิสราเอลคือพูดกับพวกเขาว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายมาถึงแผ่นดินที่เราจะให้เจ้าเข้าไป 19และเมื่อเจ้ารับประทานอาหารของแผ่นดินนั้น เจ้าจงถวายเครื่องถวายแด่พระยาห์เวห์ 20จงเอาแป้งส่วนแรกของเจ้าที่บดแล้วมาทำขนมก้อนหนึ่งถวายเป็นเครื่องถวาย เป็นเครื่องถวายที่ได้จากลานนวดข้าว เจ้าจงถวายขนมนี้ 21จงเอาแป้งส่วนแรกของเจ้าที่บดแล้วถวายเป็นเครื่องถวายแด่พระยาห์เวห์ตลอดชาติพันธุ์ของเจ้าทั้งหลาย
 22“แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายทำผิดโดยไม่เจตนา และไม่ได้ทำตามพระบัญญัติทั้งหมดนี้ ซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสส 23คือทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาพวกเจ้าโดยโมเสส ตั้งแต่วันที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชา และสืบต่อๆ ไปตลอดชาติพันธุ์ของเจ้าทั้งหลาย 24และถ้าเป็นการทำผิดโดยไม่เจตนา โดยที่ชุมนุมชนไม่รู้เห็นด้วย ให้ชุมนุมชนทั้งหมดถวายโคหนุ่มตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ พร้อมกับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่คู่กันตามกฎเกณฑ์ รวมทั้งถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป 25และให้ปุโรหิตลบมลทินบาปให้แก่ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด และเขาทั้งหลายจะได้รับการอภัย เพราะเป็นการทำผิดโดยไม่เจตนา และเขาได้ถวายเครื่องเผาบูชาของพวกเขาแด่พระยาห์เวห์ และถวายเครื่องบูชาลบล้างบาปเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพื่อความผิดโดยไม่เจตนาของเขา 26แล้วชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดจะได้รับการอภัย พร้อมกับคนต่างด้าวผู้อาศัยอยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลาย เพราะว่าประชาชนทั้งหมดเกี่ยวพันกับความผิดโดยไม่เจตนานั้น
 27“ถ้าผู้ใดทำบาปที่เป็นความผิดโดยไม่เจตนา ก็ให้คนนั้นถวายแพะเมียอายุหนึ่งปีเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป 28และให้ปุโรหิตลบมลทินบาปให้คนนั้นเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เนื่องจากบาปที่เขาทำผิดโดยไม่เจตนา ให้ลบมลทินบาปแก่เขาแล้วเขาจะได้รับการอภัย 29จงมีธรรมบัญญัติอย่างเดียวกันสำหรับผู้ทำผิดโดยไม่เจตนา คือทั้งคนอิสราเอลผู้เป็นคนพื้นเมือง และคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา 30แต่ถ้าคนใดคนหนึ่งทำผิดอย่างจงใจ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนพื้นเมืองหรือเป็นคนต่างด้าว คนนั้นได้หมิ่นประมาทพระยาห์เวห์ เขาจะต้องถูกตัดออกจากท่ามกลางชนชาติของตน 31เพราะเขาดูหมิ่นพระดำรัสของพระยาห์เวห์ และขัดขืนพระบัญญัติของพระองค์ เขาต้องถูกตัดออกอย่างแน่นอน เขาต้องรับโทษของตน”

โทษของคนที่ละเมิดวันสะบาโต

32ขณะที่คนอิสราเอลอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาพบชายคนหนึ่งไปเก็บฟืนในวันสะบาโต 33พวกที่พบเขาเก็บฟืนก็พาเขามาหาโมเสส อาโรน และชุมนุมชนทั้งหมด 34เขาจึงขังคนนั้นไว้ เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำกับเขาอย่างไร 35แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “ชายคนนั้นจะต้องถูกลงโทษถึงตาย ชุมนุมชนทั้งหมดต้องเอาหินขว้างเขาให้ตายที่นอกค่าย” 36ชุมนุมชนทั้งหมดจึงพาเขามาที่นอกค่าย และเอาหินขว้างเขาจนตาย ตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสส ติดพู่ที่ชายเสื้อคลุม
 37แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 38“จงพูดกับคนอิสราเอลและสั่งพวกเขาให้ทำพู่ที่มุมของชายเสื้อคลุมตลอดชาติพันธุ์ของเขา และให้เอาด้ายสีฟ้าติดที่พู่ของแต่ละมุม 39เพื่อเจ้าทั้งหลายจะมองดูพู่นั้น และจดจำพระบัญญัติทั้งหมดของพระยาห์เวห์แล้วปฏิบัติตาม เพื่อเจ้าจะไม่ทำอะไรตามความพอใจของเจ้า หรือตามที่ตาของพวกเจ้าอยากเห็น ซึ่งนำให้เจ้าหลงไปเล่นชู้ตามนั้น 40เพื่อว่าพวกเจ้าจะจดจำและทำตามพระบัญญัติทั้งหมดของเรา และเป็นคนบริสุทธิ์แด่พระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย 41เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าผู้นำพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”

กันดารวิถี 16

การกบฏของโคราห์ ดาธานและอาบีรัม

 1โคราห์บุตรอิสฮาร์ ผู้เป็นบุตรโคฮาท ผู้เป็นบุตรเลวีพาคนไปพร้อมกับดาธาน อาบีรัมบุตรเอลีอับ และโอนบุตรเปเลทซึ่งเป็นบุตรรูเบน 2แล้วเริ่มต่อต้านโมเสส พร้อมกับผู้ชายอิสราเอลจำนวน 250 คน ซึ่งเป็นผู้นำของชุมนุมชนที่เลือกมาจากที่ประชุม และเป็นคนมีชื่อเสียง 3เขาทั้งหลายมาชุมนุมกันต่อต้านโมเสสและอาโรน กล่าวกับท่านทั้งสองว่า “ท่านทำเกินเหตุ เพราะว่าชุมนุมชนทั้งหมดก็บริสุทธิ์ทุกๆ คน และพระยาห์เวห์สถิตท่ามกลางพวกเขา ทำไมท่านทั้งสองจึงผยองขึ้นเหนือที่ประชุมของพระยาห์เวห์?” 4เมื่อโมเสสได้ยินแล้วก็ซบหน้าลง 5ท่านจึงพูดกับโคราห์และพรรคพวกของเขาว่า “พรุ่งนี้เช้าพระยาห์เวห์จะทรงสำแดงให้รู้ว่า ใครเป็นของพระองค์และใครเป็นคนบริสุทธิ์ และจะทรงให้คนนั้นเข้าใกล้พระองค์ ใครคือคนที่พระองค์ทรงเลือก พระองค์จะโปรดให้เขาเข้าไปใกล้พระองค์ 6จงทำอย่างนี้ ให้โคราห์และพรรคพวกของเขานำกระถางไฟมา 7จงเอาไฟใส่ลงไปพร้อมกับเครื่องหอมเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ในวันพรุ่งนี้ คนที่พระยาห์เวห์ทรงเลือกก็จะเป็นคนบริสุทธิ์ บุตรของเลวีเอ๋ย พวกท่านทำเกินเลยไปแล้ว” 8และโมเสสพูดกับโคราห์ว่า “พวกท่านผู้เป็นบุตรของเลวีจงฟัง 9การที่พระเจ้าของอิสราเอลแยกพวกท่านออกจากชุมนุมชนอิสราเอล เพื่อนำพวกท่านให้มาใกล้พระองค์ ให้ทำหน้าที่ในพลับพลาของพระยาห์เวห์ และให้มายืนอยู่ต่อหน้าชุมนุมชนเพื่อปรนนิบัติพวกเขานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับท่านหรือ? 10พระองค์ทรงนำท่านและพี่น้องทั้งหมดของท่าน คือบุตรหลานของเลวีมาใกล้พระองค์ และท่านทั้งหลายยังแสวงหาตำแหน่งปุโรหิตด้วยอีกหรือ? 11เพราะฉะนั้นท่านและพรรคพวกของท่านประชุมกันก็เป็นการต่อสู้พระยาห์เวห์ ส่วนอาโรน เขาเป็นใครเล่าที่ท่านบ่นว่าเขา?”
 12โมเสสส่งคนไปเรียกดาธานและอาบีรัมบุตรเอลีอับ แต่เขาทั้งสองว่า “เราไม่ไป 13การที่ท่านนำเราออกจากแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์เพื่อจะฆ่าเสียในถิ่นทุรกันดาร และเพื่อท่านจะเป็นเจ้านายเหนือเราด้วยนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยอยู่หรือ? 14ยิ่งกว่านั้น ท่านก็ไม่ได้นำเราเข้าไปยังแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ ทั้งไม่ได้ให้เรารับที่นาหรือสวนองุ่นเป็นมรดก ท่านจะควักตาคนเหล่านี้ออกหรือ? เราไม่ขึ้นไป”
 15โมเสสโกรธมากและกราบทูลพระยาห์เวห์ว่า “ขออย่าทรงรับเครื่องบูชาของพวกเขา ข้าพระองค์ไม่ได้เอาลาของเขามาแม้แต่ตัวเดียว และข้าพระองค์ไม่ได้ทำร้ายพวกเขาสักคนเดียว” 16และโมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ตัวท่านและพรรคพวกของท่านทั้งหมดจงมาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ในวันพรุ่งนี้ ทั้งตัวท่าน พรรคพวกของท่าน และอาโรน 17ให้ทุกคนนำกระถางไฟของตนไป และใส่เครื่องหอมในนั้น แล้วให้ทุกคนนำกระถางไฟมาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ มีกระถางไฟ 250 ใบด้วยกัน ทั้งตัวท่านและอาโรนต่างก็ให้เอากระถางไฟของตนไป” 18ดังนั้นแต่ละคนจึงนำกระถางไฟของตนมา แล้วต่างเอาไฟและเครื่องหอมใส่ และพวกเขาไปยืนอยู่ตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบพร้อมกับโมเสสและอาโรน 19โคราห์ก็รวบรวมชุมนุมชนทั้งหมดตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ และประจันหน้าท่านทั้งสอง แล้วพระสิริของพระยาห์เวห์ก็ปรากฏต่อชุมนุมชนทั้งหมด
 20พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 21“จงแยกตัวจากท่ามกลางชุมนุมชนนี้ เพื่อเราจะผลาญพวกเขาเสียในพริบตาเดียว” 22เขาทั้งสองซบหน้าลงกราบทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าแห่งวิญญาณของมนุษย์ทุกคน เมื่อคนเดียวทำบาป พระองค์จะทรงพระพิโรธต่อชุมนุมชนทั้งหมดหรือ?” 23พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 24“จงพูดกับชุมนุมชนว่า จงออกห่างจากที่อยู่ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม”
 25แล้วโมเสสก็ลุกขึ้นไปหาดาธานและอาบีรัม และพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอลก็ตามท่านไป 26โมเสสจึงพูดกับชุมนุมชนนั้นว่า “ท่านทั้งหลายจงออกห่างจากเต็นท์ของคนชั่วพวกนี้ อย่าแตะต้องอะไรของพวกเขา มิฉะนั้นท่านทั้งหลายจะถูกกวาดไปกับการบาปทั้งหมดของเขาด้วย” 27ดังนั้นเขาทั้งหลายก็ออกห่างจากรอบๆ ที่อยู่ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม ส่วนดาธานกับอาบีรัมออกมายืนอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน พร้อมกับภรรยา บุตรชาย และลูกเล็กๆ ของเขา 28และโมเสสกล่าวว่า “ดังนี้แหละท่านทั้งหลายจะทราบว่า พระยาห์เวห์ทรงใช้ข้ามาทำการทั้งหมดนี้ ข้าไม่ได้ทำตามอำเภอใจของข้าเอง 29ถ้าคนเหล่านี้ตายอย่างคนปกติทุกคนที่ตายไป หรือมีเคราะห์ร้ายอย่างคนปกติมาถึงพวกเขา ก็หมายความว่าพระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงใช้ข้ามา 30แต่ถ้าพระยาห์เวห์ทรงบันดาลสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น และแผ่นดินอ้าปากกลืนพวกเขาเข้าไปพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขา และเขาทั้งหลายลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น ท่านทั้งหลายก็จงทราบเถิดว่า คนเหล่านี้ได้หมิ่นประมาทพระยาห์เวห์”
 31เมื่อท่านกล่าวถ้อยคำทั้งหมดนี้จบ แผ่นดินใต้ที่พวกเขายืนอยู่ก็แยกออก 32และแผ่นดินก็อ้าปากกลืนเขาทั้งหลายกับครัวเรือน และคนทั้งหมดของโคราห์กับข้าวของทั้งหมดของเขา 33ดังนั้นเขาทั้งหลายพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขาก็ลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น และแผ่นดินก็ปิดเขาไว้ และเขาทั้งหลายก็พินาศไปจากท่ามกลางที่ประชุม 34อิสราเอลทั้งหมดที่อยู่รอบๆ พวกเขาได้ยินเสียงร้องของเขาก็พากันวิ่งหนี โดยกล่าวว่า “เกรงว่าแผ่นดินจะกลืนเรา” 35และไฟออกมาจากพระยาห์เวห์ เผาผลาญคนทั้ง 250 ที่ถวายเครื่องหอมนั้น

อรรถาธิบาย

จัดลำดับความสำคัญในการสื่อสารกับพระเจ้า

เมื่อคุณอ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม โดยเฉพาะข้อพระธรรมบางตอนสำหรับวันนี้ คุณอาจพบว่าพวกเขาค่อนข้างตกใจ ไม่มีคำตอบที่ง่ายหรือคำอธิบายพล่อย ๆ มีหลายสิ่งซึ่งยากที่จะเข้าใจ บางทีอาจจะดีกว่าที่จะจดจ่อกับสิ่งที่เราสามารถเข้าใจได้

สิ่งที่ชัดเจนในพระธรรมตอนนี้คือความสำคัญยิ่งของความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า และการใช้เวลากับพระองค์ คำพูดที่แสดงออกว่า ‘เป็นที่พอพระทัยแด่พระยาห์เวห์’ ปรากฏอยู่หลายครั้ง (15:7, 10, 13, 24) เครื่องบูชาเป็นสิ่งจำเป็นในการ ‘ลบล้างบาป’ (ข้อ 25) ‘การลบล้างบาป’ (At-one-ment) นำเราไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า สำหรับสิ่งนี้การให้อภัยเป็นสิ่งจำเป็น (ข้อ 25-26, 28) ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมเราสำหรับการที่พระเยซูทรงสละพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา นำมาซึ่งการให้อภัยและการลบล้างบาปทั้งสิ้น เพื่อที่คุณจะได้มีสายด่วนถึงพระเจ้า

พระเยซูทรงเปลี่ยนความเข้าใจของเราเกี่ยวกับวันสะบาโต ประชาชนของพระเจ้าให้ความสำคัญกับวันสะบาโตเป็นอย่างมาก เป็นวันที่ต้องหยุดพักเพื่อใช้เวลากับพระเจ้า กฎของวันสะบาโตอาจจะไม่ได้นำมาใช้อยู่อีกแล้ว แต่หลักปฏิบัติของวันสะบาโตคือการให้เราหยุดเพื่อพักผ่อนและใช้เวลากับพระเจ้ายังคงใช้อยู่

จุดประสงค์ของการหยุดพักในวันสะบาโตคือเพื่อบังคับให้เราได้หยุดคิดและหยุดพัก ‘เพื่อเจ้าจะไม่ทำอะไรตามความพอใจของเจ้า หรือตามที่ตาของพวกเจ้าอยากเห็น’ (ข้อ 39) และกลายเป็นรูปเคารพของคุณ แต่คุณควรจะถวายตัวแด่พระเจ้า (ข้อ 40) และพระเจ้าต้องการนำคุณมาใกล้พระองค์ (16:9) เป็นเพราะความสำคัญของความสัมพันธ์ที่การคุกคามใด ๆ อันเกิดจากการโอหังและการกบฏ (ข้อ 1-2) ถือเป็นเรื่องร้ายแรง (ข้อ 1-35)

เรามีสิทธิพิเศษเป็นอย่างมากที่ได้ใช้ชีวิตในยุคของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสามารถเพลิดเพลินกับอิสรภาพที่พระเยซูนำมาให้ผ่านทางไม้กางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ สิ่งนี้ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับสายด่วนถึงพระเจ้าโดยปราศจากความกลัว ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ส่งเสริมให้คุณใช้สิทธิพิเศษนี้ให้มากที่สุด และใช้เวลาตามลำพังกับพระองค์ ปีติยินดีในการทรงสถิตของพระองค์ และนำความปรารถนาของคุณร้องทูลต่อพระองค์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้นำชีวิตให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์ ให้อยู่ใกล้ชิดพระองค์ในแต่ละวัน และให้หาเวลาเพื่อใช้เวลาตามลำพังกับพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สดุดี 37:4

‘จงปีติยินดีในพระยาห์เวห์ และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน’ (ข้อ 4)

ฉันพยายามที่จะจดจำไว้ว่า ‘ความปีติยินดี’ ต้องมาก่อน ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่า ‘พระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน’ แต่นี่ยังคงเป็นพระสัญญาอันน่าอัศจรรย์ คือถ้าเราทำ พระองค์ก็จะทำ

ข้อพระคำประจำวัน

สดุดี 37:4

‘จงปีติยินดีในพระยาห์เวห์   และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม