สิ่งที่พระเจ้าทรงสะสมไว้สำหรับคุณ
เกริ่นนำ
แซมอายุ 23 ปี เขาเป็นผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า เขาเชื่อมโยงตัวเองกับคำสอนของกลุ่มต่อต้านความเชื่อทางศาสนา ในเย็นวันหนึ่งเขาออนไลน์ และพบว่าหลักสูตรอัลฟ่ากำลังจะเริ่มขึ้น ซึ่งจากบ้านของเขาสามารถไปร่วมได้ไม่ยากนัก เขาจึงมาที่คริสตจักรของเราด้วยความคิดว่า ‘ฉันจะกำจัดคริสเตียนที่ไม่มีเหตุผลที่นี่สัก 2-3 คน’
แต่การเผชิญหน้ากับคำสอนและคนของพระเยซูคริสต์ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้
ในแบบสอบถามของเขาในตอนจบหลักสูตร เขาเขียนว่า ‘ผมพบพระเยซูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจากเป็นคนที่ไม่มีความเชื่อกลายเป็นคนที่มีความหวังอันยิ่งใหญ่ การดำเนินชีวิตในสภาพความไม่เป็นจริงกับการดำเนินชีวิตในความจริงสำหรับผมแล้วก็คือความแตกต่างระหว่างการถูกผูกมัดกับการได้รับอิสระอย่างสมบูรณ์’
สามเดือนต่อมา เขารับบัพติศมา เขาบอกกับผมว่า ‘ผมเป็นอิสระจากชีวิตเก่า ผมเป็นทาสของหลายสิ่งหลายอย่าง ผมเป็นทาสของสังคม เป็นทาสของคนรอบข้าง... แต่บัดนี้ผมมีอิสระที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสะสมไว้สำหรับผม’ ความรอดหมายถึงอิสรภาพ แซมได้รู้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระได้อย่างไร
สดุดี 34:11-22
11มาเถิด ลูกเอ๋ย มาฟังเรา
เราจะสอนเจ้าถึงความยำเกรงพระยาห์เวห์
12ผู้ใดปรารถนาชีวิต
และอยากมีอายุยืนเพื่อจะได้เห็นสิ่งดี?
13ก็จงระวังลิ้นของเจ้าจากความชั่ว
และอย่าให้ริมฝีปากพูดล่อลวง
14จงหันจากความชั่ว และจงทำความดี
จงแสวงหาสันติภาพ และจงติดตามมันไป
15พระเนตรของพระยาห์เวห์เฝ้าดูคนชอบธรรม
และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของเขา
16แต่พระพักตร์ของพระยาห์เวห์ตั้งต่อสู้ผู้ทำความชั่ว
เพื่อจะตัดอนุสรณ์ของพวกเขาเสียจากแผ่นดินโลก
17เมื่อคนชอบธรรมร้องทูล พระยาห์เวห์ทรงสดับ
และทรงช่วยกู้เขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น
18พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย
และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง
19คนชอบธรรมอาจมีความทุกข์ใจหลายอย่าง
แต่พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้เขาออกมาให้พ้นหมด
20พระองค์ทรงปกป้องกระดูกทุกชิ้นของเขา
ไม่หักสักซี่เดียว
21ความชั่วจะสังหารคนอธรรม
และบรรดาผู้ที่เกลียดชังคนชอบธรรมจะถูกลงโทษ
22พระยาห์เวห์ทรงไถ่ชีวิตผู้รับใช้ของพระองค์
ทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระองค์จะไม่ถูกลงโทษ
อรรถาธิบาย
ใช้ชีวิตอย่างอิสระ
คุณกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ เรื่องการเงิน ความสัมพันธ์ สุขภาพ ครอบครัว หรือสถานการณ์ที่ยากลำบากอื่น ๆ ในชีวิตของคุณหรือไม่? ในพระธรรมสดุดีตอนนี้เต็มไปด้วยคำแนะนำ และพระสัญญาสำหรับผู้ที่เผชิญกับ ‘ความทุกข์ใจหลายอย่าง’ (ข้อ 19)
อัครสาวกเปโตรยกพระธรรมสดุดีตอนนี้ในจดหมายฉบับหนึ่ง เพื่อเป็นหลักฐานว่าเราควรจะมีชีวิตแบบไหน คือมีชีวิตที่สะท้อนอิสรภาพครั้งใหม่ของเราในฐานะที่เป็นลูกของพระเจ้า
เปโตรกล่าวถึงการทรงเรียกดาวิดสู่การดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมโดยได้อธิบายว่า ‘เพราะพระองค์ได้ทรงเรียกให้พวกท่านทำเช่นนั้น’ (1 เปโตร 3:9) ‘ผู้ใดปรารถนาชีวิตและอยากมีอายุยืนเพื่อจะได้เห็นสิ่งดี? ก็จงระวังลิ้นของเจ้าจากความชั่วและอย่าให้ริมฝีปากพูดล่อลวง จงหันจากความชั่ว และจงทำความดี จงแสวงหาสันติภาพ และจงติดตามมันไป พระเนตรของพระยาห์เวห์เฝ้าดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของเขา แต่พระพักตร์ของพระยาห์เวห์ตั้งต่อสู้ผู้ทำความชั่ว’ (สดุดี 34:12-16ก; 1 เปโตร 3:10-12)
‘พระยาห์เวห์...ทรงช่วย’ (สดุดี 34:18) คุณไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พระเจ้าทรงปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระ
พระเจ้าของเราทรงช่วยเรา พระองค์ทรงเฝ้าดูคุณ รอคอยที่จะสดับคำอธิษฐานของคุณ ‘พระกรรณของ พระองค์สดับคำอ้อนวอน [ของเขา]’ (ข้อ 15ข) เมื่อเราร้องทูล ‘พระยาห์เวห์ทรงสดับ’ (ข้อ 17ก) และทรงช่วยกู้เราจาก ‘ความยากลำบากทั้งสิ้น’ (ข้อ 17ข) ผมพบว่ามันเป็นประโยชน์ที่จะมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่มี ‘ความยากลำบาก’ มากมาย ผมได้เขียนไว้ในที่ว่างในพระคัมภีร์และเพื่อจะได้เห็นว่าพระเจ้าทรงช่วยผมอย่างไร มันเป็นแรงผลักดันให้ผมร้องทูลอีกครั้ง
พระเจ้าไม่ได้บอกว่าคุณจะไม่มีความยากลำบากใด ๆ (ข้อ 19ก) แต่พระองค์ทรงสัญญาว่าจะช่วยกู้คุณจากปัญหาทั้งหมด (ข้อ 19ข) พระองค์ทรงอยู่ใกล้ในเวลายากลำบาก ‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลายและทรงช่วยผู้สิ้นหวัง’ (ข้อ 18) เมื่อคุณกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าพระเจ้าทรงอยู่ใกล้ แต่พระองค์ทรงอยู่ใกล้ ‘พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นทุกเมื่อ’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
‘พระเจ้าทรงจ่ายเพื่ออิสรภาพของทาสแต่ละคน’ (ข้อ 22ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรงสัญญาว่าจะไม่มีการลงโทษสำหรับทุกคนที่ ‘เข้าลี้ภัยในพระองค์’ (ข้อ 22ข, ดูใน โรม 8:1) คุณได้รับความชอบธรรมจากพระเจ้าผ่านทางพระคริสต์ ดังนั้นคุณจึงสามารถนับตัวคุณเองอยู่ในกลุ่มของ ‘คนชอบธรรม’ (สดุดี 34:17,19,21)
คำอธิษฐาน
ลูกา 1:57-80
การกำเนิดของยอห์นผู้ให้บัพติศมา
57เมื่อถึงเวลาที่นางเอลีซาเบธจะคลอดบุตร นางก็คลอดบุตรชาย 58เมื่อเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของนางได้ยินว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระเมตตาแก่นางอย่างมาก เขาทั้งหลายก็พากันชื่นชมยินดี 59พอถึงวันที่แปด เขาก็พากันมาให้ทารกนั้นเข้าสุหนัตพิธีตัดหนังปลายองคชาต ผู้ชายเข้าศาสนายิวโดยพิธีนี้ และเขาจะตั้งชื่อทารกว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา 60แต่มารดาตอบว่า “ไม่ได้ ต้องตั้งชื่อว่ายอห์น” 61พวกเขาตอบนางว่า “ไม่มีใครในพวกญาติของท่านที่มีชื่ออย่างนั้น” 62แล้วพวกเขาจึงทำบุ้ยใบ้กับบิดาถามว่าท่านอยากจะให้บุตรนั้นชื่ออะไร 63บิดาจึงขอกระดานชนวนมา เขียนว่า “ชื่อของเขาคือยอห์น” คนทั้งหลายก็ประหลาดใจ 64ทันใดนั้นปากและลิ้นของท่านก็กลับเป็นปกติพูดได้อีก แล้วท่านกล่าวสรรเสริญพระเจ้า 65เพื่อนบ้านของท่านก็เกิดความกลัว และเหตุการณ์เหล่านี้ก็เลื่องลือไปทั่วแถบภูเขาแคว้นยูเดีย 66บรรดาคนที่ได้ยินก็จดจำไว้ในใจ และกล่าวว่า “ทารกคนนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไปข้างหน้านะ?” เพราะว่าพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา
คำพยากรณ์ของเศคาริยาห์
67เศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาก็เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และกล่าวพยากรณ์ว่า
68“สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล
เพราะว่าพระองค์ทรงเยี่ยมเยียนและทรงไถ่ชนชาติของพระองค์
69และทรงให้ผู้ช่วยทรงฤทธิ์เกิดมาเพื่อเรา
ในเชื้อวงศ์ของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
70ตามที่พระองค์ตรัสไว้ตั้งแต่โบราณ โดยปากของผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ของพระองค์
71คือทรงให้เรารอดพ้นจากพวกศัตรูและพ้นจากเงื้อมมือของทุกคนที่เกลียดชังเรา
72ดังนั้นพระองค์จึงทรงสำแดงพระกรุณาตามที่ทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของเรา
และทรงระลึกถึงพันธสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์
73คือคำปฏิญาณที่พระองค์ทรงทำไว้กับอับราฮัมบรรพบุรุษของเราว่า
74เมื่อเราพ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูแล้ว
จะโปรดให้เราปรนนิบัติพระองค์โดยปราศจากความกลัว 75ด้วยความบริสุทธิ์และด้วยความชอบธรรม
เฉพาะพระพักตร์พระองค์ตลอดชีวิต
76ทารกเอ๋ย เขาจะเรียกเจ้าว่าผู้เผยพระวจนะของผู้สูงสุด
เพราะว่าเจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและจัดเตรียมมรรคา
77เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์รู้ถึงความรอด
ซึ่งมาทางการทรงยกโทษบาปเขาเหล่านั้น
78โดยพระทัยเมตตาของพระเจ้าของเรา
แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา
79ส่องสว่างแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด และในเงาของความมรณา
เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข”
80ทารกน้อยนั้นก็เจริญวัยขึ้น และจิตวิญญาณก็มีกำลังทวีขึ้น ท่านไปอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่ท่านมาปรากฏแก่ชนชาติอิสราเอล
อรรถาธิบาย
คิดถึงอิสรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ
ในเวลานี้ประชาชนของพระเจ้ากำลังทุกข์ทรมานจากการกดขี่ของการปกครองของโรมัน พวกเขารู้สึกถูกล้อมไปด้วยความมืดมิดและความตาย พวกเขาโหยหาคนช่วยกู้ที่จะปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ จากสถานการณ์ความเจ็บปวดและความโศกเศร้า พวกเขามองหาใครสักคนมาทำสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้อง พวกเขาเฝ้ารอคอยมานาน
เศคาริยาห์เป็นบิดาของยอห์นผู้ให้บัพติศมา ระยะเวลา 9 เดือนแห่งความเงียบงันของเขาอาจเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาแห่งความเงียบงันที่ยาวนานในคำพยากรณ์กำลังจะจบลง ทันใดนั้น ‘ปากและลิ้นของท่านก็กลับเป็นปกติพูดได้อีก’ (ข้อ 64) เศคาริยาห์ ‘เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และกล่าวคำพยากรณ์’ (ข้อ 67)
กำเนิดของยอห์นบัพติศมาเป็นโอกาสแห่งการเฉลิมฉลอง ความปีติยินดี และความหวังครั้งยิ่งใหญ่ (ข้อ 57-66) เมื่อเศคาริยาห์ (ขณะที่พูดไม่ได้) ได้เขียนว่า ‘“ชื่อของเขาคือยอห์น” นั่นทำให้ทุกคนประหลาดใจ ความประหลาดใจที่ตามมาก็คือปากของเศคาริยาห์เปิดออก ลิ้นของเขาคลายและเขาพูดได้ และกล่าวสรรเสริญพระเจ้า!’ (ข้อ 63-64, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
แม้กระทั่งชื่อของยอห์นยังแสดงถึงการอวยพรของพระเจ้า ซึ่งหมายถึง ‘พระเจ้าทรงเป็นผู้ให้ที่เมตตา’
มีผู้กล่าวถึงยอห์นผู้ให้บัพติศมาว่า ‘พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา’ (ข้อ 66) นั่นเป็นคำอธิษฐานที่ดีที่คุณสามารถอธิษฐานเผื่อตัวคุณเอง ครอบครัว และสังคม คือพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับคุณ
เศคาริยาห์เปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และกล่าวพยากรณ์ถึงการมาของพระผู้ช่วยให้รอด เขากล่าวว่า ‘พระองค์ทรงตั้งพลังแห่งความรอดไว้ที่ศูนย์กลางของชีวิตเรา' (ข้อ 69, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเกิดมาเพื่อ ‘จะให้ชนขาติของพระองค์รู้ถึงความรอด ซึ่งมาทางการยกโทษบาปเขาเหล่านั้น’ (ข้อ 77 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เศคาริยาห์เห็นว่าพระเจ้าจะเสด็จมาเพื่อนำความรอดมาสู่ประชาชนของพระองค์ แต่คำพยากรณ์ของเขา มากกว่าความรอดทางการเมือง แต่เป็นสิ่งที่ลึกและกว้างกว่ากำลังจะเกิดขึ้นเพื่อทำให้พระสัญญาอันยิ่งใหญ่ในพันธสัญญาเดิมนั้นสำเร็จ สิ่งนี้รวมไปถึงการ ‘ทรงไถ่’ (ข้อ 68ข) ช่วยเราจากศัตรู (ข้อ 74ก) และทรงยกโทษบาป (ข้อ 77ข) ความรอดเป็น ‘ทางสันติสุข’ (ข้อ 79) เศคาริยาห์อธิบายถึงความรอดนี้ โดยสรุปว่าจะมีอิสรภาพมากมายซึ่งพระเยซูจะทรงนำมาสู่เรา อันได้แก่
*\tอิสระจากความกลัว (ข้อ 74ข) *\tอิสระที่จะรับใช้พระเจ้า (ข้อ 74ข) *\tอิสระที่จะเป็นคนบริสุทธิ์ (ข้อ 75) *\tอิสระที่จะเป็นคนชอบธรรม (ข้อ 75) *\tอิสระจากความตาย (ข้อ 79ข)
คำอธิษฐาน
กันดารวิถี 4:1-5:10
วงศ์วานโคฮาท
1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 2“จงทำสำมะโนครัววงศ์วานโคฮาทจากเผ่าพันธุ์เลวีตามตระกูล และตามสกุล 3ตั้งแต่คนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปจนถึง 50 ปี คือทุกคนที่ทำหน้าที่ได้ เพื่อทำงานในเต็นท์นัดพบ 4นี่เป็นงานที่วงศ์วานโคฮาททำในเต็นท์นัดพบซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด 5คือเมื่อจะเคลื่อนย้ายค่าย ให้อาโรนและลูกๆ ของเขาเข้าไปข้างในและปลดม่านกำบังออก แล้วนำมาคลุมหีบแห่งสักขีพยานไว้ 6จากนั้นเอาหนังอย่างดีหนังอย่างดีคลุม และเอาผ้าสีฟ้าล้วนปูบนนั้น พร้อมทั้งสอดคานหาม 7ให้พวกเขาเอาผ้าสีฟ้าปูลงบนโต๊ะขนมปังเฉพาะพระพักตร์ แล้ววางจาน ชามเล็ก อ่าง และคนโทรินเครื่องดื่มบูชาลงบนนั้น ทั้งขนมปังตั้งถวายเนืองนิตย์ก็ให้วางอยู่บนนั้นด้วย 8แล้วเอาผ้าสีแดงปูทับ และเอาหนังอย่างดีคลุมบนนั้นอีกทีหนึ่ง พร้อมทั้งสอดคานหาม 9ให้พวกเขาเอาผ้าสีฟ้าคลุมคันประทีปที่ใช้ส่องแสง ตะเกียง ตะไกรตัดไส้ตะเกียง ถาด และภาชนะใส่น้ำมันเติมตะเกียงทุกชิ้นที่ใช้กับคันประทีป 10และเอาหนังอย่างดีห่อคันประทีปและชิ้นส่วนทั้งหมด แล้วใส่ไว้บนโครงหาม 11ให้พวกเขาเอาผ้าสีฟ้าปูบนแท่นบูชาทองคำ แล้วเอาหนังอย่างดีคลุมทับไว้ พร้อมทั้งสอดคานหาม 12และให้พวกเขาเอาภาชนะทั้งหมดสำหรับการปรนนิบัติที่ใช้อยู่ในสถานนมัสการไปวางบนผ้าสีฟ้าและคลุมด้วยหนังอย่างดีแล้วใส่ไว้บนโครงหาม 13ทั้งให้พวกเขาเอาขี้เถ้าออกจากแท่นบูชา แล้วเอาผ้าสีม่วงปูบนแท่นนั้น 14และให้เอาภาชนะทั้งหมดของแท่นที่พวกเขาใช้ในการปรนนิบัตินั้น ซึ่งมีกระถาง ไฟ ส้อม พลั่ว อ่าง และภาชนะทั้งหมดของแท่นวางไว้บนแท่น แล้วเอาหนังอย่างดีคลุม พร้อมทั้งสอดคานหาม
15“ในการเคลื่อนย้ายค่าย ให้อาโรนและบุตรชายคลุมสถานนมัสการและเครื่องใช้ทุกอย่างของสถานนมัสการให้เสร็จก่อน หลังจากนั้นวงศ์วานโคฮาทจึงเข้ามาหาม แต่ไม่ให้พวกเขาแตะต้องของบริสุทธิ์เพื่อจะไม่ต้องตาย สิ่งเหล่านี้เป็นของในเต็นท์นัดพบที่วงศ์วานของโคฮาทจะต้องหาม
16“เอเลอาซาร์บุตรชายของปุโรหิตอาโรนจะต้องดูแลน้ำมันสำหรับจุดตะเกียง เครื่องหอม เครื่องธัญบูชาเนืองนิตย์ และน้ำมันเจิม รวมทั้งดูแลพลับพลาทั้งหมดกับทุกสิ่งในนั้น คือสถานนมัสการและเครื่องใช้”
17พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 18“อย่าทำให้เผ่าพันธุ์ตระกูลของโคฮาทถูกทำลาย 19แต่จงทำเช่นนี้ต่อพวกเขาเพื่อให้พวกเขามีชีวิตอยู่และไม่ต้องตาย คือในขณะที่เขาทั้งหลายเข้าใกล้ของบริสุทธิ์ที่สุด ให้อาโรนและลูกๆ ของอาโรนเข้าไปด้วย และตั้งพวกเขาแต่ละคนไว้ตามหน้าที่และความรับผิดชอบของเขา 20แต่ห้ามตระกูลโคฮาทเข้าไปมองของบริสุทธิ์แม้แต่แวบเดียว เพื่อว่าพวกเขาจะไม่ต้องตาย”
วงศ์วานเกอร์โชนและเมรารี
21พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 22“จงทำสำมะโนครัววงศ์วานเกอร์โชนตามสกุล และตามตระกูลของเขาด้วย 23เจ้าจงนับคนที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปจนถึง 50 ปี คือทุกคนที่เข้าไปทำหน้าที่ได้เพื่อทำงานในเต็นท์นัดพบ 24นี่เป็นงานของตระกูลเกอร์โชน ทั้งงานปรนนิบัติและงานขนย้าย 25ให้เขาทั้งหลายขนม่านของพลับพลา และขนเต็นท์นัดพบพร้อมกับผ้าคลุมและหนังอย่างดีที่คลุมอยู่ข้างบน และขนผ้าม่านสำหรับบังประตูเต็นท์นัดพบ 26ม่านบังลาน บังตาของทางเข้าประตูลานซึ่งอยู่รอบพลับพลาและแท่นบูชา เชือกโยง และเครื่องใช้ทั้งหมดสำหรับการปรนนิบัติ ให้พวกเขาทำงานทุกอย่างที่ต้องทำ 27ให้อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาบัญชาวงศ์วานเกอร์โชนเกี่ยวกับทุกสิ่งที่ต้องขนและงานทุกอย่างที่ต้องทำ และเจ้าจะต้องกำหนดทุกสิ่งที่ต้องหามให้เป็นงานของพวกเขา 28นี่เป็นงานของตระกูลแห่งวงศ์วานเกอร์โชนในเต็นท์นัดพบภายใต้อิธามาร์บุตรชายของปุโรหิตอาโรน
29“ส่วนวงศ์วานของเมรารีนั้น เจ้าจงนับพวกเขาตามตระกูล ตามสกุล 30จงนับคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปจนถึง 50 ปี คือทุกคนที่เข้าไปทำหน้าที่ได้เพื่อทำงานในเต็นท์นัดพบ 31และนี่คืองานเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องขน ซึ่งเป็นงานทั้งหมดของพวกเขาในเต็นท์นัดพบ ได้แก่กรอบไม้พลับพลา ไม้กลอน ไม้เสา และฐานรอง 32เสารอบๆ ลานพร้อมกับฐานรอง หลักหมุดและเชือกโยง รวมทั้งอุปกรณ์ทั้งหมดและทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการใช้งานของเสา เจ้าจงระบุชื่อของสิ่งที่พวกเขาต้องหาม 33นี่เป็นงานของตระกูลแห่งวงศ์วานเมรารี เป็นงานทั้งหมดของพวกเขาในเต็นท์นัดพบ ภายใต้การดูแลของอิธามาร์บุตรชายของปุโรหิตอาโรน”
การทำสำมะโนครัวคนเลวี
34โมเสส อาโรน และบรรดาผู้นำชุมนุมชนได้นับวงศ์วานของโคฮาทตามตระกูล และตามสกุลของพวกเขา 35ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปจนถึง 50 ปี คือทุกคนที่เข้าไปทำหน้าที่ได้เพื่อทำงานในเต็นท์นัดพบ 36จำนวนของเขาตามตระกูลของพวกเขาคือ 2,750 คน 37นี่เป็นจำนวนคนในตระกูลของโคฮาท คือทุกคนที่ทำงานในเต็นท์นัดพบ ซึ่งโมเสสและอาโรนนับไว้ตามพระดำรัสที่พระยาห์เวห์ตรัสผ่านโมเสส
38จำนวนคนในวงศ์วานเกอร์โชนตามตระกูล ตามสกุลของพวกเขา 39ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปจนถึง 50 ปี คือทุกคนที่เข้าไปทำหน้าที่ได้เพื่อทำงานในเต็นท์นัดพบ 40จำนวนของเขาตามตระกูล ตามสกุลของพวกเขาคือ 2,630 คน 41นี่เป็นจำนวนคนในตระกูลแห่งบุตรหลานของเกอร์โชน คือทุกคนที่ทำงานในเต็นท์นัดพบ ซึ่งโมเสสและอาโรนนับไว้ตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์
42จำนวนคนในตระกูลแห่งวงศ์วานเมรารีตามตระกูล ตามสกุล 43ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปจนถึง 50 ปี คือทุกคนที่เข้าไปทำหน้าที่ได้เพื่อทำงานในเต็นท์นัดพบ 44จำนวนของเขาตามตระกูลคือ 3,200 คน 45นี่เป็นจำนวนคนในตระกูลแห่งวงศ์วานเมรารี ซึ่งโมเสสและอาโรนนับไว้ตามพระดำรัสที่พระยาห์เวห์ตรัสผ่านโมเสส
46จำนวนคนเลวีทั้งหมดที่โมเสส อาโรนและบรรดาผู้นำของคนอิสราเอลนับไว้ตามตระกูล ตามสกุลของพวกเขา 47ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปจนถึง 50 ปี ที่เข้าไปทำงานในงานปรนนิบัติและทำงานขนสัมภาระได้ในเต็นท์นัดพบ 48จำนวนคนที่นับได้คือ 8,580 คน 49เขาทั้งหลายถูกแต่งตั้งตามพระดำรัสที่พระยาห์เวห์ตรัสผ่านทางโมเสส ให้แต่ละคนทำงานปรนนิบัติหรือทำงานขนของตนเอง ดังนั้นโมเสสได้นับเขาทั้งหลายไว้ตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาท่าน
กันดารวิถี 5
ผู้ที่เป็นมลทิน
1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“จงบัญชาคนอิสราเอลให้ย้ายทุกคนที่เป็นโรคเรื้อน ทุกคนที่มีสิ่งไหลออก และทุกคนที่เป็นมลทินเพราะถูกต้องซากศพออกไปนอกค่าย 3ให้ย้ายทั้งผู้ชายและผู้หญิงออกไปนอกค่าย เพื่อจะไม่ทำให้ค่ายของพวกเขาซึ่งเราสถิตท่ามกลางนั้นเป็นมลทิน” 4คนอิสราเอลก็ทำตาม และย้ายคนเหล่านี้ออกไปนอกค่าย คนอิสราเอลก็ทำตามที่พระยาห์เวห์ตรัสสั่งโมเสส
การสารภาพบาปและการชดใช้
5และพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 6“จงบอกคนอิสราเอลว่า ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ดีที่ทำบาปต่อกัน อันเป็นการทำผิดต่อพระยาห์เวห์ คนนั้นจึงมีความผิด 7ให้คนนั้นสารภาพความบาปที่ได้ทำ และให้เขาชดใช้การทำผิดของเขาอย่างเต็มที่พร้อมกับเพิ่มอีกหนึ่งส่วนห้า แล้วมอบให้แก่คนที่เขาได้ล่วงละเมิด 8ถ้าคนนั้นไม่มีญาติสนิทที่จะรับค่าชดใช้ ก็ให้ถวายค่าชดใช้นั้นแด่พระยาห์เวห์สำหรับปุโรหิต พร้อมทั้งแกะผู้สำหรับลบมลทินบาป ซึ่งจะลบมลทินบาปของเขา 9นอกจากนี้เครื่องถวายที่บริสุทธิ์ของคนอิสราเอลซึ่งนำมาให้แก่ปุโรหิตต้องเป็นของปุโรหิต 10สิ่งของบริสุทธิ์ของแต่ละคนให้เป็นของปุโรหิต และทุกสิ่งที่นำไปให้ปุโรหิตก็ต้องเป็นของปุโรหิต”
อรรถาธิบาย
อย่าใช้อิสรภาพอย่างไม่เห็นคุณค่า
คุณได้รับใช้ในคริสตจักรของคุณหรือไม่? คุณเป็นผู้ที่ให้หรือเป็นเพียงผู้รับ? พระเจ้าทรงมีหน้าที่และความรับผิดชอบสำหรับคุณ
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เราเห็นถึงความคาดหมายและเงาสะท้อนล่วงหน้าของคริสตจักร โดยสมาชิกแต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกัน (เอเฟซัส 4:7,11-13) ดังที่เราได้อ่านเรื่องราวของวงศ์วานโคฮาท เกอร์โชน และเมรารี คนที่มีอายุระหว่างสามสิบถึงห้าสิบปี คือคนที่มา ‘เพื่อทำงาน’ เราจะเห็นว่าพระเจ้าทรงมอบหมายงานให้แต่ละคนเฉพาะเจาะจง (กันดารวิถี 4:3-4, 24-25, 31-32) เช่นเดียวกับในวันนี้ที่พระเจ้าทรงมอบหมายงานเฉพาะอย่างในคริสตจักรให้กับคุณ
สำหรับคนอิสราเอล การปฏิบัติศาสนกิจมีศูนย์กลางอยู่ที่เต็นท์นัดพบคือที่ประทับของพระเจ้า ตอนนี้ที่ประทับของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางประชาชนของพระองค์ในพระกายของพระคริสต์ งานและศาสนกิจที่คุณถูกเรียกให้ทำนั้นก็เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ นี่เป็นหนทางหนึ่งที่คุณจะได้สัมผัสกับการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้า ที่ประทับของพระเจ้าไม่ได้จำกัดอยู่ในสถานที่ใดที่หนึ่ง แต่อยู่ในทุก ๆ ที่ ที่ประชาชนของพระเจ้าอยู่
ในตอนนี้ จะเห็นว่าเราไม่สามารถใช้อิสรภาพอย่างไม่เห็นคุณค่า เราได้รับการเตือนให้ระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้า และความจริงที่ว่าต้องมีสิ่งอัศจรรย์บางอย่างที่ทำให้คุณมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าในแบบที่คุณสามารถมีได้ในขณะนี้
พระเจ้าทรงเตือนโมเสสว่าความบาปทุกอย่างเป็นการกระทำที่ไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ‘จงบอกคนอิสราเอลว่า ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ดีที่ทำบาปต่อกัน อันเป็นการทำผิดต่อพระยาห์เวห์ คนนั้นจึงมีความผิด’ (5:6) คนที่มีความผิดต้องสารภาพบาป ชดใช้การทำผิด และถวายเครื่องบูชาลบมลทินบาป (ข้อ 6-8)
เราไม่สามารถลบมลทินบาปของเราเองได้ การลบมลทินต้องถูกกระทำขึ้นเพื่อเรา นั่นคือสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำเพื่อเราบนไม้กางเขน พระเจ้าทรงทำให้คุณเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ กำแพงของความบาปถูกทำลายผ่านทางพระเยซู ดังนั้นคุณและผมจึงสามารถพูดได้ว่า ‘เราเคยเป็นทาส แต่บัดนี้เราเป็นไท’
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สดุดี 34:18
‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง’
หลาย ๆ ครั้งฉันได้เห็นความรักของพระเจ้าค้ำจุนผู้ที่กำลังเดินผ่านความยากลำบากด้วยวิธีที่น่าอัศจรรย์ ‘คนชอบธรรมอาจมีความทุกข์ใจหลายอย่าง แต่พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้เขาออกมาให้พ้นหมด’ (สดุดี 34:19) ฉันจะรู้สึกชอบมากกว่า ถ้าพระคำตอนนี้กล่าวว่าคนชอบธรรมจะไม่มีความทุกข์ใจหลายอย่าง แต่พระธรรมกล่าวว่า ‘อาจ’ มีความทุกข์ใจหลายอย่าง ฉันคิดว่าถ้าเราไม่เคยผ่านช่วงเวลายากลำบาก เราก็จะไม่รู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วย และเราสามารถวางใจในพระองค์ในช่วงเวลาเหล่านั้น
ข้อพระคำประจำวัน
สดุดี 34:18
‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง’

App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)