วิธีการเฉลิมฉลอง
เกริ่นนำ
จะเป็น ‘การเฉลิมฉลองอย่างปีติยินดียิ่ง' -ช่วงเวลาแห่ง ‘ความสุข ความยินดี ความชื่นบานและเกียรติ’ (ดู เอสเธอร์ 8:16-17)
ผมและพิพพาชอบการประชุมผู้นำประจำปีของเรา ซึ่งมักจัดที่หอประชุมรอยัลอัลเบิร์ต ฮอลล์ (สร้างขึ้นที่จุดศูนย์กลางของกรุงลอนดอนเพื่อแสดงถึง ‘ความยิ่งใหญ่ และฤทธานุภาพ เกียรติ และชัยชนะ และความสง่าผ่าเผยของพระเจ้า’) ผู้คนนับพันมารวมตัวกัน มีช่วงเวลาแห่งการลี้ยงฉลองอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมาพร้อมกับการนมัสการ ‘แห่งฟ้าสวรรค์’ และคำสอนอันทรงพลังที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน ผู้คนได้รับแรงบันดาลใจ ความสดใหม่ และถูกเตรียมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกรอบตัว น่าเสียดายที่การประชุมของปีนี้ ต้องต่างออกไปด้วยสถานการณ์โควิด-19 แต่เราก็รอคอยช่วงเวลาที่จะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ซึ่งจะยิ่งปีติยินดี และเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง
พระคัมภีร์กล่าวไว้มากมายเรื่องการเฉลิมฉลอง มีงานฉลองในสวรรค์ทุก ๆ ครั้งที่คนหนึ่งคนได้หันมาหาพระคริสต์ เมื่อบุตรผู้หลงหายกลับมาหาพ่อของเขา พ่อของเขากล่าวว่า ‘จงไปเอาลูกวัวตัวที่อ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกันเพื่อความรื่นเริง’ (ลูกา 15:23)
ในพันธสัญญาเดิมของวันนี้ เราจะพบว่า ‘ชาวเมืองสุสาก็โห่ร้องยินดี’ (เอสเธอร์ 8:15) ‘พวกเขา...โห่ร้องด้วยความยินดี’ (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขากำลังเฉลิมฉลองอะไรอยู่? คุณควรจะเฉลิมฉลองอะไรในตอนนี้? และควรจะเฉลิมฉลองอย่างไร?
สดุดี 142:1-7
คำอธิษฐานขอทรงช่วยให้พ้นจากผู้ข่มเหง
มัสคิลบทหนึ่งของดาวิด เมื่อท่านอยู่ในถ้ำ คำอธิษฐาน
1ข้าพเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์ ด้วยเสียงของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอพระกรุณาจากพระยาห์เวห์ ด้วยเสียงของข้าพเจ้า
2ข้าพเจ้าระบายความทุกข์ของข้าพเจ้าต่อพระองค์
ข้าพเจ้าทูลเรื่องความลำบากต่อพระองค์
3เมื่อจิตวิญญาณของข้าพระองค์อ่อนระอา
พระองค์ทรงรู้จักทางของข้าพระองค์
ในวิถีที่ข้าพระองค์เดินไป
พวกเขาซ่อนกับไว้ดักข้าพระองค์
4ขอทรงมองทางขวาข้าพระองค์และทอดพระเนตร
เพราะไม่มีใครเหลียวแลข้าพระองค์
ข้าพระองค์ไม่มีที่หลบภัย
ไม่มีใครห่วงใยข้าพระองค์
5ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์
ข้าพระองค์ทูลว่า พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
เป็นมรดกส่วนของข้าพระองค์ในแผ่นดินของคนเป็น
6ขอทรงฟังเสียงร้องทูลของข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์ตกต่ำมากนัก
ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากผู้ข่มเหง
เพราะพวกเขาแข็งแรงเกินกำลังข้าพระองค์
7ขอทรงพาข้าพระองค์ออกจากคุก
เพื่อข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระนามของพระองค์
คนชอบธรรมจะล้อมข้าพระองค์ไว้
เพราะพระองค์จะทรงทำแก่ข้าพระองค์อย่างดี
อรรถาธิบาย
เฉลิมฉลองในคำอธิษฐานที่ได้รับคำตอบแล้ว
หลายปีมานี้เมื่อผมอ่านพระธรรมสดุดี ผมจดรายการของ ‘ปัญหา’ และสถานการณ์ที่ผมร้องขอพระเมตตา และความช่วยเหลือจากพระเจ้า เมื่อมองย้อนกลับไป ช่างน่าทึ่งที่ได้เห็นวิธีการที่พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเหล่านั้น
บริบทของพระธรรมสดุดีตอนนี้ คือ กษัตริย์ดาวิดถูกคุมขังอยู่ในถ้ำ (1 ซามูเอล 22:1-2) หวาดกลัว และร้องต่อพระเจ้าด้วยเสียงอันดัง ระบายถึงปัญหาและขอพระเมตตาจากพระเจ้า (สดุดี 142:1-2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาอธิษฐานว่า:
‘ขอทรงช่วยข้าพระองค์ออกจากคุก
เพื่อข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ต่อหน้าชุมนุมชน
คนชอบธรรมจะล้อมข้าพระองค์ไว้
เพราะพระองค์จะทรงเทพระพรมาสู่ข้าพระองค์!’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ดาวิดรอคอยที่จะสรรเสริญพระเจ้าที่ทรงตอบคำอธิษฐานของเขา และช่วยกู้เขา เขาทรงสัญญาว่าเมื่อรอดออกมาแล้ว เขาจะเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเป็นการนมัสการ และรวมคนมาเฉลิมฉลองความดีงามของพระเจ้า
เป็นสิ่งสำคัญที่จะฉลองคำอธิษฐานที่ได้รับคำตอบ เพื่อสรรเสริญพระนามพระเจ้า และเฉลิมฉลองความดีงามของพระองค์ ซึ่งจะเพิ่มความเชื่อของคุณ และเพิ่มพูนความรักของคุณต่อพระเจ้า
คำอธิษฐาน
วิวรณ์ 4:1-11
การนมัสการในสวรรค์
1หลังจากนั้นข้าพเจ้าเห็นประตูที่เปิดอ้าอยู่ในสวรรค์ และพระสุรเสียงแรกที่ข้าพเจ้าได้ยินนั้น ตรัสกับข้าพเจ้าเหมือนอย่างเสียงแตรว่า “จงขึ้นมาบนนี้เถิด และเราจะสำแดงให้เจ้าเห็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นหลังจากนี้” 2ในทันใดนั้น พระวิญญาณก็ทรงดลใจข้าพเจ้า และนี่แน่ะ มีพระที่นั่งตั้งอยู่ในสวรรค์และมีท่านผู้หนึ่งประทับบนพระที่นั่งนั้น 3และท่านที่ประทับบนพระที่นั่งนั้นปรากฏเหมือนแจสเพอร์และคาร์เนเลียน และมีรุ้งรอบๆ พระที่นั่งนั้น ปรากฏเหมือนมรกต 4และรอบพระที่นั่งนั้นมีบัลลังก์อีกยี่สิบสี่บัลลังก์ มีผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนนั่งอยู่บนบัลลังก์เหล่านั้น ทุกคนสวมเสื้อผ้าสีขาวและสวมมงกุฎทองคำบนศีรษะของพวกเขา 5และมีฟ้าแลบ เสียงครืนๆ และฟ้าร้อง ดังออกมาจากพระที่นั่งนั้น และมีคบเพลิงเจ็ดอันจุดอยู่ตรงหน้าพระที่นั่ง คบเพลิงเหล่านั้นคือพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า 6และตรงหน้าพระที่นั่งนั้นเป็นเหมือนอย่างทะเลแก้วที่ใสเหมือนแก้วผลึก
และบริเวณรอบพระที่นั่งทั้งสองข้างนั้น มีสิ่งมีชีวิตสี่ตนที่มีตาเต็มทั้งข้างหน้าและข้างหลัง 7สิ่งมีชีวิตที่หนึ่งนั้นเหมือนสิงโต สิ่งมีชีวิตที่สองนั้นเหมือนโค สิ่งมีชีวิตที่สามนั้นมีหน้าเหมือนอย่างมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตที่สี่เหมือนนกอินทรีที่บินอยู่ 8สิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น แต่ละตนมีปีกหกปีก และมีตาอยู่รอบๆ และข้างในเต็มไปหมด และพวกเขาร้องตลอดวันตลอดคืนไม่ได้หยุดเลยว่า
“บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์
องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ทรงเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมา”
9เมื่อใดก็ตามที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นถวายพระสิริ พระเกียรติ และคำขอบพระคุณแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่ง และผู้ทรงพระชนม์อยู่ตลอดไปเป็นนิตย์นั้น 10ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่ท่านก็ทรุดตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น และนมัสการพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และถอดมงกุฎออกวางตรงหน้าพระที่นั่งร้องว่า
11“องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงสมควรที่จะได้รับพระสิริ พระเกียรติและฤทธานุภาพ
เพราะว่าพระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่ง
และสรรพสิ่งก็ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์”
อรรถาธิบาย
เฉลิมฉลองต่อหน้าพระที่นั่งในสวรรค์
เรามีห้องอธิษฐาน 24 ชั่วโมง (24-7) ที่คริสตจักรของเรา มีการนมัสการและการอธิษฐานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ‘ตลอดวันตลอดคืน ไม่ได้หยุดเลย’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คุณไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้ได้ไปสวรรค์ก่อน จึงค่อยมีประสบการณ์การนมัสการแห่ง ‘ฟ้าสวรรค์’ การนมัสการเช่นนี้เกิดขึ้นตลอด 24-7 ในสวรรค์ ในพระธรรมตอนนี้เราได้เห็นภาพแวบหนึ่งว่ามันเป็นเช่นไร ทุกครั้งที่คุณนมัสการ คุณได้ร่วมการนมัสการแห่งฟ้าสวรรค์แล้ว
สายตาของยอห์นเปลี่ยนจากการมองคริสตจักรบนแผ่นดินโลกไปยังคริสตจักรบนแผ่นดินสวรรค์ เขามองผ่านประตูสวรรค์ที่เปิดอ้า (ข้อ 1) ยอห์นได้รับคำเชิญ ‘จงขึ้นมาและเข้าไป ข้าพเจ้าจะทำให้ท่านเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
สิ่งที่ตามมาคือนิมิตแห่งความยิ่งใหญ่และพระสิริของพระเจ้า พระเจ้าทรงประทับที่ศูนย์กลางจักรวาล ล้อมรอบไปด้วยพระฉายแห่งผู้ที่พระองค์ทรงเป็นและสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ ‘พระที่นั่ง’ สื่อถึงสิทธิอำนาจสูงสุด ‘รุ้ง’ คือ รุ้งแห่งพระสัญญา ‘มีฟ้าแลบ เสียงครืนๆ และฟ้าร้อง’ แสดงถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า และ ‘ทะเลแก้วที่ใสเหมือนแก้วผลึก’ สื่อถึงสันติภาพและความมั่นคง (ข้อ 2-6)
‘คบเพลิงเจ็ดอันจุดอยู่ตรงหน้าพระบัลลังก์(นี่คือวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า)’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เพียงหนึ่งเดียวแต่คบเพลิงทั้งเจ็ดเป็นวิธีที่แตกต่างกันที่พระองค์ทรงสำแดงพระองค์เอง เพื่อให้คุณมีประสบการณ์กับความบริบูรณ์ของพระองค์ในชีวิต
รอบ ๆ พระที่นั่งมีผู้อาวุโส 24 คนนั่งอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งอาจเป็นตัวแทนของ 12 เผ่าในพันธสัญญาเดิม และอัครสาวกทั้ง 12 คนในพันธสัญญาใหม่ นี่เป็นคริสตจักรที่สมบูรณ์และไร้ตำหนิของพระเยซูคริสต์ และคุณถูกรวมไว้ในนั้น (1 เปโตร 2:9-10)
ในขณะที่ผู้ที่อยู่รอบ ๆ พระที่นั่งใคร่ครวญถึงความอัศจรรย์ของพระเจ้า การตอบสนองตามธรรมชาติคือการหันไปนมัสการ- และนี่คือสิ่งแรกที่ยอห์นพบว่ากำลังเกิดขึ้นในสวรรค์ มี 5 บทเพลงนมัสการด้วยกันในสองบทถัดไป
‘พวกเขาร้องตลอดวันตลอดคืนไม่ได้หยุดเลยว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ทรงเคยเป็นอยู่ ผู้ทรงเป็นอยู่ และผู้ที่จะเสด็จมา”’ (ข้อ 8) (สำหรับใครที่พบว่าการพูดคำซ้ำ ๆ นั้นเป็นเรื่องยาก อาจจำเป็นต้องชินกับคำพูดซ้ำๆ อีกมาก!)
'เมื่อใดก็ตามที่สิ่งมีชีวิตถวายเกียรติ พระสิริ และคำขอบพระคุณแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่ง และผู้ที่ทรงพระชนม์ตลอดไปเป็นนิตย์ ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่ท่านได้ทรุดตัวลงจำเพาะพระพักตร์พระองค์ผู้ทรงประทับบนพระที่นั่งนั้น และนมัสการพระองค์ผู้ทรงพระชนม์ตลอดไปเป็นนิตย์ และถอดมงกุฎออกวางตรงหน้าพระที่นั่งร้องว่า...’ (ข้อ 9-11)
คริสตจักร ทูตสวรรค์ และสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างต่างก้มกราบและนมัสการพระเจ้า พระบิดานิรันดร์ประทับบนพระที่นั่งที่ล้อมรอบไปด้วยชุมชนแห่งการนมัสการ
ตามที่จอห์น สตอทท์ เขียนไว้ วันหนึ่งคุณจะ ‘ร่วมกับชัยชนะของคริสตจักร และผู้คนจำนวนมากที่ไม่มีใครสามารถนับได้ซึ่งมาจากทุกชนชาติ ทุกเผ่า ประชาชนและทุกภาษา และคุณจะยืนอยู่กับพวกเขาทั้งหลายต่อหน้าพระที่นั่งของพระเจ้า กษัตริย์แห่งจักรวาลจะประทานการลี้ภัยในป้อมปราการแห่งพระที่นั่งของพระองค์ คุณจะพบพระองค์และนมัสการพระองค์ตลอดทั้งวันและคืน พระเมษโปดกจะกลายเป็นผู้เลี้ยงที่จะนำคุณและฝูงแกะที่เหลือของพระองค์ ไปยังบ่อน้ำพุแห่งชีวิต คุณจะไม่กระหายอีกเลยที่น้ำพุนิรันดร์ของพระองค์’
คำอธิษฐาน
เอสเธอร์ 6:1-8:17
กษัตริย์ทรงยกย่องโมรเดคัย
1คืนวันนั้น กษัตริย์บรรทมไม่หลับ จึงมีรับสั่งให้นำหนังสือบันทึกเหตุการณ์ที่น่าจดจำ คือพงศาวดารมา พวกเขาก็อ่านถวายกษัตริย์ 2และก็พบคำเขียนว่าโมรเดคัยได้ทูลแจ้งเรื่องบิกธานาและเทเรชขันทีสองคนของกษัตริย์ ผู้เฝ้าธรณีประตูผู้หาทางจะปลงพระชนม์กษัตริย์อาหสุเอรัส 3กษัตริย์ตรัสว่า “ได้ให้เกียรติและยศศักดิ์อะไรแก่โมรเดคัยเพราะเรื่องนี้บ้าง?” ข้าราชการของกษัตริย์ผู้ปรนนิบัติพระองค์ทูลว่า “ยังไม่ได้ให้สิ่งใด พ่ะย่ะค่ะ” 4กษัตริย์ตรัสว่า “ใครอยู่ในลานบ้าน?” ส่วนฮามานเพิ่งเข้ามาถึงลานชั้นนอกของพระราชวัง เพื่อจะทูลกษัตริย์เรื่องเอาโมรเดคัยแขวนคอเสียที่ตะแลงแกง ซึ่งได้เตรียมไว้สำหรับเขา 5ข้าราชการของกษัตริย์จึงทูลพระองค์ว่า “นั่นท่านฮามาน กำลังยืนอยู่ในพระลาน พ่ะย่ะค่ะ” และกษัตริย์ตรัสว่า “ให้เขาเข้ามา” 6ฮามานจึงเข้ามา กษัตริย์ตรัสกับเขาว่า “ควรจะทำอย่างไรกับคนที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่อง?” และฮามานรำพึงในใจว่า “ใครเล่าที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่องมากกว่าข้า?” 7แล้วฮามานทูลกษัตริย์ว่า “สำหรับคนที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่องนั้น 8โปรดให้นำฉลองพระองค์ และม้าทรงที่มีมงกุฎบนหัวของมันมา 9และทรงมอบฉลองพระองค์และม้านั้นแก่เจ้านายชั้นสูงที่สุดคนหนึ่งของกษัตริย์ และทรงให้เขาแต่งตัวให้กับคนที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่อง และให้เขาช่วยท่านผู้นั้นขึ้นนั่งบนหลังม้าและนำท่านไปตามถนนในเมือง และให้เขาป่าวร้องไปข้างหน้าท่านว่า ‘ผู้ที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่องก็เป็นอย่างนี้แหละ’ ” 10กษัตริย์จึงตรัสกับฮามานว่า “รีบเข้าเถอะ เอาเสื้อและม้าอย่างที่ท่านว่า แล้วทำอย่างนั้นกับโมรเดคัยคนยิว ซึ่งนั่งที่ประตูพระราชวัง อย่าละเว้นสิ่งใดตามที่ท่านกล่าวมานั้นเลย” 11ฮามานจึงนำฉลองพระองค์กับม้าและแต่งตัวให้โมรเดคัย และให้ท่านขึ้นม้าไปตามถนนในเมือง ฮามานก็ป่าวร้องไปข้างหน้าท่านว่า “คนที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่องก็เป็นอย่างนี้แหละ”
12แล้วโมรเดคัยก็กลับมายังประตูพระราชวัง แต่ฮามานรีบกลับบ้าน คลุมศีรษะและคร่ำครวญ 13และฮามานก็เล่าทุกสิ่งที่เกิดกับเขาให้เศเรชภรรยาและเพื่อนทุกคนของเขาฟัง ที่ปรึกษาและเศเรชภรรยาของเขากล่าวว่า “ถ้าท่านเริ่มล้มลงต่อหน้าโมรเดคัย และเพราะเขาเป็นชาติยิว ท่านจะไม่ชนะเขา แต่จะล้มลงต่อหน้าเขาแน่”
ฮามานพบความหายนะ แต่โมรเดคัยพบความรุ่งเรือง
14ขณะที่เขาทั้งหลายกำลังพูดกับฮามานอยู่ พวกขันทีของกษัตริย์ก็มาถึงและรีบพาฮามานไปยังงานเลี้ยงซึ่งพระนางเอสเธอร์ทรงจัดขึ้นนั้น
เอสเธอร์ 7
1กษัตริย์จึงเสด็จพร้อมกับฮามานไปงานเลี้ยงของพระราชินีเอสเธอร์ 2ในวันที่สองขณะกำลังดื่มเหล้าองุ่นอยู่ กษัตริย์ตรัสกับพระนางเอสเธอร์อีกว่า “ราชินีเอสเธอร์ เธอจะร้องขออะไร? เราจะให้ และเธอจะทูลขออะไร? แม้ถึงครึ่งราชอาณาจักรของเรา ก็จะได้” 3พระราชินีเอสเธอร์ทูลตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ถ้าหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานของฝ่าพระบาท และถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ขอประทานชีวิตของหม่อมฉันตามคำร้องขอของหม่อมฉัน และขอไว้ชีวิตชนชาติของหม่อมฉันตามคำทูลขอของหม่อมฉัน 4เพราะพวกเราถูกขายทั้งหม่อมฉันและชนชาติของหม่อมฉัน ให้ถูกทำลาย ให้ถูกสังหารและให้ถูกล้างผลาญ ถ้าพวกเราถูกขายเพียงให้เป็นทาสชายและหญิง หม่อมฉันก็จะไม่ปริปาก เพราะความทุกข์ยากเพียงแค่นี้ไม่อาจเปรียบกับความเสียหายของกษัตริย์ได้” 5กษัตริย์อาหสุเอรัสจึงตรัสกับพระราชินีเอสเธอร์ว่า “คนนั้นเป็นใคร? อยู่ที่ไหน? จึงบังอาจคิดทำการเช่นนี้” 6และพระนางเอสเธอร์ทูลว่า “คู่อริและศัตรูคือฮามานคนชั่วช้าผู้นี้ เพคะ” ฮามานก็ตกใจกลัวต่อพระพักตร์กษัตริย์และพระราชินี 7กษัตริย์ทรงลุกขึ้นจากงานเลี้ยงด้วยพระพิโรธ และเสด็จเข้าในพระราชอุทยาน แต่ฮามานยังอยู่เพื่อทูลขอชีวิตจากพระราชินีเอสเธอร์ เพราะเขาเห็นว่ากษัตริย์ทรงมุ่งร้ายต่อเขาแล้ว 8เมื่อกษัตริย์เสด็จกลับจากพระราชอุทยานมายังที่ซึ่งดื่มเหล้าองุ่น ฮามานยังกราบอยู่ที่พระแท่นซึ่งพระนางเอสเธอร์ประทับอยู่นั้น กษัตริย์ตรัสว่า “เขายังจะข่มขืนพระราชินีต่อหน้าต่อตาเราในบ้านของเราหรือ?” พอพระดำรัสหลุดจากพระโอษฐ์กษัตริย์ พวกเขาก็มาคลุมหน้าฮามาน 9ฮารโบนาขันทีคนหนึ่งที่อยู่เฉพาะพระพักตร์กษัตริย์ทูลว่า “ดูสิ ตะแลงแกงสูงยี่สิบสองเมตรซึ่งฮามานเตรียมไว้สำหรับโมรเดคัย ผู้ทูลรายงานและช่วยชีวิตกษัตริย์ก็ยังตั้งอยู่ที่บ้านของฮามาน” กษัตริย์ตรัสว่า “แขวนคอมันบนนั้นแหละ” 10พวกเขาก็แขวนคอฮามานบนตะแลงแกงซึ่งฮามานเตรียมไว้สำหรับโมรเดคัย แล้วพระพิโรธของกษัตริย์ก็สงบลง
เอสเธอร์ 8
พระนางเอสเธอร์ช่วยชีวิตพวกยิว
1ในวันนั้น กษัตริย์อาหสุเอรัสประทาน บ้านของฮามานศัตรูของพวกยิวแก่พระราชินีเอสเธอร์ โมรเดคัยก็เข้าเฝ้ากษัตริย์ เพราะพระนางเอสเธอร์ได้ทูลว่าท่านเป็นอะไรกับพระนาง 2กษัตริย์จึงถอดแหวนตราซึ่งพระองค์ทรงเอามาจากฮามานและประทานแก่โมรเดคัย ส่วนพระนางเอสเธอร์ก็ทรงตั้งโมรเดคัยเป็นใหญ่เหนือบ้านของฮามาน
3แล้วพระนางเอสเธอร์ทูลกษัตริย์อีก พระนางกราบลงที่พระบาทของพระองค์ และวิงวอนพระองค์ด้วยน้ำพระเนตร เพื่อขอให้ยุติแผนชั่วของฮามาน คนอากัก และการคิดร้ายต่อพวกยิวเสีย 4กษัตริย์จึงยื่นพระคทาสุวรรณแก่พระนางเอสเธอร์ พระนางเอสเธอร์ก็ทรงลุกขึ้นยืนเฝ้ากษัตริย์ 5พระนางทูลว่า “ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ และถ้าหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานต่อพระพักตร์ของพระองค์ท่าน ถ้าสิ่งนั้นถูกต้องเหมาะสมต่อพระพักตร์กษัตริย์ และหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ท่าน ขอทรงให้มีพระอักษรรับสั่งให้กลับความในจดหมายซึ่งฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ได้คิดและเขียนขึ้นเพื่อทำลายพวกยิวที่อยู่ในมณฑลทั้งสิ้นของกษัตริย์ 6เพราะหม่อมฉันจะทนดูเหตุร้ายมาถึงชนชาติของหม่อมฉันได้อย่างไร? หม่อมฉันจะทนดูการทำลายญาติพี่น้องของหม่อมฉันได้อย่างไร?” 7กษัตริย์อาหสุเอรัสจึงตรัสกับพระราชินีเอสเธอร์และกับโมรเดคัยคนยิวว่า “ดูสิ เรามอบบ้านของฮามานแก่พระนางเอสเธอร์แล้ว และพวกเขาก็แขวนคอมันบนตะแลงแกง เพราะมันยื่นมือออกทำร้ายพวกยิว 8พวกท่านจงเขียนเกี่ยวกับพวกยิวตามที่เห็นว่าดี ในนามของกษัตริย์และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ เพราะว่ากฤษฎีกาที่เขียนในนามของกษัตริย์ และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ จะเปลี่ยนกลับไม่ได้”
9แล้วพระองค์ทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในเวลานั้น ในเดือนที่สาม คือเดือนสิวัน ณ วันที่ยี่สิบสาม และให้เขียนกฤษฎีกาตามที่โมรเดคัยบัญชาทุกประการ ส่งถึงพวกยิว ถึงบรรดาสมุหเทศาภิบาล และพวกข้าหลวงและเจ้านายแห่งมณฑล ตั้งแต่อินเดียถึงคูช 127 มณฑล ไปถึงทุกมณฑลเป็นตัวอักษรของมณฑลนั้น และถึงชนทุกชาติเป็นภาษาของเขา และถึงพวกยิวเป็นตัวอักษรและภาษาของเขา 10และโมรเดคัยเขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัสและประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ และส่งจดหมายนั้นไปโดยผู้ถือสารที่ขึ้นม้าเร็วซึ่งเป็นพันธุ์ม้าหลวง 11ตามจดหมายเหล่านี้กษัตริย์ทรงอนุญาตให้พวกยิวผู้อยู่ในทุกเมืองมาชุมนุมกันเพื่อป้องกันชีวิตของตน เพื่อทำลาย เพื่อสังหารและเพื่อล้างผลาญกองกำลังทั้งสิ้นของประชาชนหรือของมณฑล ซึ่งจะมาทำร้ายพวกเขาทั้งเด็กและผู้หญิง และมาปล้นข้าวของของพวกเขาไป 12ภายในวันเดียวในทุกมณฑลของกษัตริย์อาหสุเอรัสคือ วันที่สิบสามเดือนสิบสอง คือเดือนอาดาร์ 13สำเนาของหนังสือที่เขียนนั้นจะต้องออกเป็นกฤษฎีกาในทุกมณฑล และแจ้งให้ประชาชนทุกคนทราบ และให้พวกยิวพร้อมกันในวันนั้นเพื่อแก้แค้นศัตรูของตน 14ผู้ถือสารจึงขึ้นม้าหลวง รีบเร่งขี่ไปตามพระบัญชาของกษัตริย์ กฤษฎีกานั้นออกในสุสาเมืองป้อม
15ขณะที่โมรเดคัยออกไปพ้นพระพักตร์กษัตริย์ ท่านสวมฉลองพระองค์สีฟ้าและสีขาว พร้อมกับมงกุฎทองคำใหญ่และเสื้อคลุมผ้าป่านสีม่วง ส่วนชาวเมืองสุสาก็โห่ร้องยินดี 16พวกยิวมีความสุข ความยินดี ความชื่นบานและเกียรติ 17ในทุกมณฑลทุกเมือง ไม่ว่าที่ใดที่พระบัญชาของกษัตริย์และกฤษฎีกาของพระองค์มาถึง ก็มีความยินดีและความชื่นบานท่ามกลางพวกยิว มีการเลี้ยงและวันรื่นเริง คนจำนวนมากมาจากชนหลายชาติของประเทศก็เข้าเป็นยิว เพราะความกลัวพวกยิวครอบงำพวกเขา
อรรถาธิบาย
เฉลิมฉลองพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
บางครั้งเมื่อเรามองไปที่โลก ดูเหมือนว่าความชั่วร้ายกำลังได้รับชัยชนะ คนดีต้องทนทุกข์ หรือแม้แต่ถูกกดขี่ข่มเหงเพราะความเชื่อของพวกเขา สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปงอย่างถูกต้องได้หรือไม่?
แน่นอน มันจะเป็นเช่นนั้น พระเจ้ามายังโลกนี้ในพระภาคพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซู (การที่พระเจ้าทรงรับสภาพมนุษย์ เราจึงฉลองวันคริสต์มาส) พระองค์ทรงมีชัยเหนือความชั่วร้ายที่ไม้กางเขนและฟื้นคืนพระชนม์(เราจึงฉลองวันอีสเตอร์) ชัยชนะครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อพระเยซูเสด็จมาอีกครั้ง ในระหว่างนี้ พระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่คุณ เพื่อที่คุณสามารถมีประสบการณ์การลิ้มลองชัยชนะครั้งสุดท้ายล่วงหน้าได้ในตอนนี้ (เราจึงฉลองเทศกาลเพ็นเทคอสต์)
พระเจ้าทรงเตรียมประชากรของพระองค์เพื่อเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ในพระธรรมเอสเธอร์ เราได้เห็นภาพของสิ่งที่จะมาในพระเยซู
ในจุดเปลี่ยนสำคัญ แผนของฮามานล้มเหลว โมรเดคัย ‘ชาวยิว' ได้รับเกียรติ คำตัดสินตกกับคนชั่วและคนยโส คือฮามาน ส่วนเอสเธอร์ถูกพระเจ้าใช้ให้ปกป้องประชากรของพระองค์
นี่เป็นจุดกำเนิดของการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ของชาวยิวแห่งเทศกาลปูริม พระหัตถ์แห่งการจัดเตรียมของพระเจ้ากอบกู้ประชากรของพระองค์จากการ ‘ถูกขายทั้งหม่อมฉันและชนชาติของหม่อมฉัน ให้ถูกทำลาย ให้ถูกสังหารและให้ถูกล้างผลาญ’ (7:4)
เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อ ‘กษัตริย์บรรทมไม่หลับ จึงมีรับสั่งให้นำหนังสือบันทึกเหตุการณ์ที่น่าจดจำ คือพงศาวดารมา พวกเขาก็อ่านถวายกษัตริย์’ (6:1) พระองค์จึงถูกเตือนใจถึงความภักดีและอาจหาญของโมรเดคัย (ข้อ 2)
คุณเคยทำบางสิ่งสำเร็จแล้วถูกคนอื่นขโมยเครดิตนั้นไปบ้างหรือไม่? ฮามานพยายามขโมยเกียรติของโมรเดคัยไปเป็นของตน การตอบสนองของโมรเดคัยเป็นต้นแบบแห่งความถ่อมใจและความไว้วางใจในพระเจ้า คนอื่นอาจไม่เห็นสิ่งที่คุณทำ แต่พระเจ้าเห็นและพระองค์จะทรงประทานบำเหน็จแก่คุณ
แทนที่จะถูกแขวนคอ โมรเดคัยกลับได้รับเกียรติและการระลึกถึง กษัตริย์ได้ออกพระกฤษฏีกาอนุญาตให้ชาวยิวในทุกเมือง ‘อนุญาตให้พวกยิวผู้อยู่ในทุกเมืองมาชุมนุมกันเพื่อป้องกันชีวิตของตน’ (8:11)
เมืองสุสาก็ ‘โห่ร้องยินดี’ (ข้อ 15) มันเป็น ช่วงเวลาแห่ง ‘ความสุข ความยินดี ความชื่นบานและเกียรติ’ (ข้อ 16) ด้วย’การเลี้ยงและวันรื่นเริง’ (ข้อ 17)
‘คนจำนวนมากมาจากชนหลายชาติของประเทศก็เข้าเป็นยิว เพราะความกลัวพวกยิวครอบงำพวกเขา’ (ข้อ 17) นี่เป็นการอ้างอิงแรกสุดต่อคนจำนวนมากที่ไม่ใช่ชาวฮีบรูที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า และมีกรณีรายบุคคลที่เข้ามาสู่ความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า (ตัวอย่างเช่น นางรูธ และอุไรอาห์คนฮิตไทท์) แต่ไม่เคยมีการเคลื่อนไหวใดยิ่งใหญ่เท่าครั้งนี้มาก่อน
เมื่อฉลองเทศกาลปูริมของชาวยิว จะมีการอ่านพระธรรมเอสเธอร์ ตอนนี้เทศกาลนี้เป็น 1 ใน 3 เทศกาลใหญ่ของชาวยิว
คริสตจักรเองก็มีเทศกาลเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ 3 ครั้งเช่นกัน ได้แก่ คริสต์มาส อีสเตอร์ และเพ็นเทคอสต์ นี่ควรจะเป็นงานเฉลิมฉลองอย่างปีติยินดีแห่งความสุข ความดีใจ เกียรติ และการเลี้ยงฉลอง - เพื่อเฉลิมฉลองพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในประวัติศาสตร์ การที่ทรงลงมารับสภาพมนุษย์ การฟื้นคืนพระชนม์แห่งพระเยซูผู้วายพระชนม์เพื่อเราบนไม้กางเขน การเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับงานเฉลิมฉลองประจำปีอื่น ๆ เฉลิมฉลองเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เหล่านี้ทุกวันในหัวใจของคุณ
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
เอสเธอร์ 6:6ข
‘ฮามานพึงรำพันในใจว่า “ใครเล่าที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่องมากกว่าข้า?”’
การคิดถึงแต่ตนเองมากเกินไปไม่ใช่เรื่องดีซักเท่าไหร่!
ข้อพระคำประจำวัน
สดุดี 142:3
‘เมื่อจิตวิญญาณข้าพระองค์อ่อนระอา พระองค์ทรงรู้จักทางของข้าพระองค์’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)