วัน 328

การเป็นแบบอย่างของคุณ

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 28:18-28
พันธสัญญาใหม่ 1 เปโตร 3:1-22
พันธสัญญาเดิม  เอเสเคียล 45:1-46:24

เกริ่นนำ

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสหยุดครู่หนึ่งเพื่ออธิษฐานให้กับผู้ฟังคนหนึ่งของท่าน ท่านโอบกอด และวางมือบนชายที่เป็นโรคท้าวแสนปม (neurofibromatosis) ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ร่างกายเสียโฉมอย่างรุนแรง ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยเนื้องอก ภาพของการโอบกอดของสมเด็จพระสันตะปาปาในจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์แพร่ในโซเชียลมีเดีย สร้างแรงบันดาลใจให้คนนับล้านด้วยแบบอย่างอันเจ็บปวดของพระคริสต์

มีพลังอันยิ่งใหญ่ในการเป็นแบบอย่าง เป็นการยากที่เราจะเติบโตหากไร้ซึ่งแบบอย่างอื่นใดที่นอกเหนือจากตัวเราเองที่จะปฏิบัติตาม ตัวอย่างที่ดีไม่ได้เป็นเพียงการสร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังทำให้เรามีรูปแบบในการลอกเลียนแบบและเรียนรู้จากตัวอย่างนั้น

คุณไม่เพียงได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำตามแบบอย่างของผู้อื่นเท่านั้น แต่แบบอย่างของคุณมีความสำคัญหากคุณต้องมีอิทธิพลต่อไปยังผู้อื่น อัลเบิร์ต ชไวเซอร์ นักศาสนศาสตร์ นักปรัชญา และแพทย์ชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า ‘ตัวอย่างไม่ใช่สิ่งสำคัญในการมีอิทธิพลต่อผู้อื่น แต่เป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น’ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณดำเนินชีวิตมากกว่าสิ่งที่คุณพูด สิ่งที่คุณฝึกฝนมากกว่าสิ่งที่คุณสั่งสอน สิ่งที่คุณกระทำมากกว่าสิ่งที่คุณบอกออกไป

สิ่งที่คนได้เห็นนั้นเป็นสิ่งสำคัญกว่าที่พวกเขาได้ยิน คนจะทำในสิ่งที่เห็น ดังที่จอห์น แมกซ์เวลล์เขียนไว้ว่า ‘89 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งที่ผู้คนเรียนรู้มาจากการกระตุ้นด้วยภาพ 10 เปอร์เซ็นต์โดยการกระตุ้นด้วยเสียงและ 1 เปอร์เซ็นต์ผ่านประสาทสัมผัสอื่น ๆ ... สิ่งที่พวกเขาได้ยินพวกเขาเข้าใจ สิ่งที่พวกเขาเห็นพวกเขาเชื่อ!

ตามที่เราได้อ่านเมื่อวานนี้ คุณถูกเรียกให้ทำตามแบบอย่างของพระเยซูในชีวิตของคุณ (1 เปโตร 2:21) วันนี้เราจะได้เห็นความหมายบางอย่างของสิ่งนี้

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 28:18-28

18คนที่ดำเนินชีวิตอย่างไร้ตำหนิจะได้รับการช่วยกู้
 แต่คนคดโกงในทางของเขาจะล้มลงอย่างฉับพลัน
19คนที่ไถนาของตนจะมีอาหารบริบูรณ์
 แต่คนที่ติดตามสิ่งไร้ค่าจะยิ่งยากจน
20คนซื่อสัตย์จะได้รับพระพรมากมาย
 แต่คนที่รีบเร่งรวยทางลัดจะถูกลงโทษ
21การลำเอียงนั้นไม่ดี
 คนอาจทำผิดเพราะอาหารชิ้นหนึ่งก็เป็นได้
22คนตระหนี่เร่งหาทรัพย์สมบัติ
 และไม่ทราบว่าความขัดสนจะมาถึงเขา
23ผู้ที่ตักเตือนคนอื่น จะได้รับความโปรดปรานภายหลัง
 มากกว่าผู้ที่ใช้ลิ้นป้อยอ
24คนที่ขโมยของของบิดาหรือมารดาของตน
 และพูดว่า “อย่างนี้ไม่ผิด”
 เขาก็เป็นเพื่อนของนักทำลาย
25คนโลภเร้าให้เกิดการวิวาท
 แต่ผู้ที่วางใจในพระยาห์เวห์จะเจริญรุ่งเรือง
26คนที่เชื่อใจตัวเองเป็นคนโง่
 แต่คนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญาจะปลอดภัย
27ผู้ที่ให้แก่คนยากจนจะไม่ขัดสน
 แต่ผู้ที่เพิกเฉยจะถูกแช่งสาปมาก
28เมื่อคนอธรรมเรืองอำนาจ คนก็ซ่อนตัวเสีย
 แต่เมื่อเขาทั้งหลายพินาศไป คนชอบธรรมก็ทวีขึ้น

อรรถาธิบาย

ดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา

ความรู้เป็นดั่งแนวนอน สติปัญญาอยู่ในแนวตั้ง คือลงมาจากเบื้องบน การทำตามแบบอย่างของพระเยซูหมายถึงการดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา พระเยซูทรงดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญาตั้งแต่วัยเยาว์ ทรง ‘เต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา’ (ลูกา 2:40) ‘คนจำนวนมากที่ได้ยินพระองค์ก็ประหลาดใจ พูดกันว่า ปัญญาที่เขาได้รับเป็นปัญญาแบบไหนกัน…?’ (มาระโก 6:2)

การดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญาหมายถึงอะไร? ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตกล่าวว่า ‘เดินตรง จะอยู่ดีกินดีและจะอยู่รอดแต่ชีวิตที่หลอกลวงจะเป็นชีวิตที่ถูกตัดสินโทษ’ (สุภาษิต 28:18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และกล่าวต่ออีกว่า ‘ถ้าท่านคิดว่าท่านรู้ทั้งหมด คุณเป็นคนโง่แน่ ๆ ผู้รอดชีวิตที่แท้จริงเรียนรู้ปัญญาจากผู้อื่น’ (ข้อ 26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เป็นการดีที่จะทำงานหนักมากกว่าที่จะ ‘ติดตามสิ่งไร้ค่า’ (ข้อ 19) ‘ทำงานส่วนของท่าน ท่านจะจบลงด้วยอาหารมากมาย ถ้ามัวแต่เล่นกับสังสรรค์ ท่านจะจบลงด้วยจานเปล่า’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

การซื่อสัตย์ดีกว่ามีท่าทีที่ ‘รีบเร่งรวยทางลัด’ (ข้อ 20) เป็นการดีที่จะเป็นคนใจกว้างเพราะ ‘คนตระหนี่เร่งหาทรัพย์สมบัติ และไม่ทราบว่าความขัดสนจะมาถึงเขา.... ผู้ที่ให้แก่คนยากจนจะไม่ขัดสน แต่ผู้ที่เพิกเฉยจะถูกแช่งสาปมาก’ (ข้อ 22, 27)

บางครั้งการเผชิญหน้าเป็นสิ่งจำเป็น ‘ผู้ที่ตักเตือนคนอื่น จะได้รับความโปรดปรานภายหลัง มากกว่าผู้ที่ใช้ลิ้นป้อยอ’ (ข้อ 23) พระเยซูไม่เคยกลัวการเผชิญหน้า ‘ในท้ายที่สุดตำหนิอย่างรุนแรงเป็นที่นิยมมากกว่าซึ่งประจบเยินยอ’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ให้เราวางใจในพระเจ้า ผู้ที่วางใจในพระยาห์เวห์จะเจริญรุ่งเรือง (ข้อ 25ข) และ ‘คนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญาจะปลอดภัย’ (ข้อ 26ข)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา ซึ่งคือการวางใจในพระองค์
พันธสัญญาใหม่

1 เปโตร 3:1-22

ภรรยาและสามี

 1ส่วนพวกท่านที่เป็นภรรยาก็เช่นกัน จงยอมเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าแม้สามีบางคนไม่เชื่อพระวจนะ แต่ความประพฤติของภรรยาก็อาจจะจูงใจพวกเขาให้เชื่อได้ โดยไม่ต้องพูดเลยสักคำเดียว 2คือเมื่อพวกเขาได้เห็นความประพฤติที่นอบน้อมและบริสุทธิ์ของพวกท่าน 3อย่าประดับตัวแต่ภายนอก ด้วยการถักผม การสวมใส่เครื่องทอง หรือการนุ่งห่มเสื้อผ้า 4แต่จงประดับด้วยบุคลิกที่ซ่อนอยู่ในใจ ด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย คือด้วยจิตใจที่สุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า 5เพราะว่าบรรดาสตรีผู้บริสุทธิ์ในสมัยก่อนนั้น ผู้ซึ่งหวังในพระเจ้า ก็ได้ประดับกายโดยยอมเชื่อฟังสามีของตน 6เช่นนางซาราห์เชื่อฟังอับราฮัมและเรียกท่านว่านาย ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติดี และไม่มีความหวาดกลัวสิ่งใด พวกท่านก็เป็นบุตรหลานของนาง
 7พวกท่านที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจ ในฐานะที่เธอเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และจงให้เกียรติเธอในฐานะที่เป็นทายาทร่วมรับชีวิตอันเป็นพระคุณ เพื่อคำอธิษฐานของพวกท่านจะไม่ถูกขัดขวาง

ยอมทนทุกข์เพราะเห็นแก่ความชอบธรรม

 8ในที่สุดนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน รักกันฉันพี่น้อง มีจิตใจอ่อนโยนและถ่อมตัว 9อย่าทำชั่วตอบแทนชั่ว หรืออย่าด่าตอบการด่า แต่ตรงกันข้าม จงอวยพร เพราะพระองค์ได้ทรงเรียกให้พวกท่านทำเช่นนั้น เพื่อพวกท่านจะได้รับพระพร 10เพราะว่า

ผู้ใดรักชีวิตและปรารถนา
 จะเห็นวันเวลาดี
ก็ให้ผู้นั้นยั้งลิ้นของตนไม่พูดชั่ว
 และห้ามปาก ไม่ให้พูดล่อลวง
11 ให้เขาละความชั่วและทำความดี
 ให้เขาใฝ่หาสันติสุขและดำเนินตาม
12 เพราะว่าพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรม
 และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของพวกเขา
 แต่พระพักตร์ของพระองค์ต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ทำชั่ว

 13ถ้าพวกท่านขวนขวายทำดี ใครจะทำร้ายพวกท่าน 14แต่ถ้าพวกท่านต้องทนทุกข์ เพราะทำสิ่งถูกต้อง พวกท่านก็เป็นสุข อย่ากลัวการข่มขู่ของพวกเขา และอย่าวิตกไปเลย 15แต่ในใจของพวกท่าน จงเคารพนับถือพระคริสต์ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมพร้อมเสมอ ที่จะอธิบายกับทุกคนที่ขอทราบเหตุผลเกี่ยวกับความหวังของพวกท่าน 16แต่จงตอบด้วยความสุภาพอ่อนโยนและด้วยความนับถือ จงมีมโนธรรมที่บริสุทธิ์ เพื่อเมื่อพวกท่านถูกใส่ร้าย คนที่กล่าวร้ายความประพฤติดีของพวกท่านในพระคริสต์จะต้องอับอาย 17เพราะว่าการทนทุกข์เพราะทำดี ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ก็ดีกว่าการทนทุกข์เพราะทำชั่ว 18เพราะพระคริสต์ทรงทนทุกข์ครั้งเดียวเป็นพอเพราะบาป คือพระองค์ผู้ชอบธรรมเพื่อผู้ไม่ชอบธรรม เพื่อจะนำพวกท่านไปถึงพระเจ้า ฝ่ายกายพระองค์จึงสิ้นพระชนม์ แต่ฝ่ายจิตวิญญาณทรงคืนพระชนม์ 19และโดยทางวิญญาณ พระองค์ได้เสด็จไปบอกพวกวิญญาณที่ติดคุกอยู่ 20ซึ่งในสมัยก่อนไม่เชื่อฟังพระเจ้า คราวเมื่อพระเจ้าทรงอดทนรอคอยให้กลับใจในสมัยโนอาห์ ขณะที่ท่านกำลังต่อเรือใหญ่ ในเรือนั้นมีน้อยคน คือแปดชีวิตรอดผ่านน้ำ 21บัดนี้น้ำนั้นที่เล็งถึงพิธีบัพติศมาก็ช่วยพวกท่านให้รอดเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เป็นการชำระมลทินทางกาย แต่เป็นการวิงวอนพระเจ้าเพื่อจะมีมโนธรรมที่ดี ความรอดนั้นมาโดยทางการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ 22พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ และประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าแล้ว มีพวกทูตสวรรค์และพวกวิญญาณที่มีอำนาจ และพวกวิญญาณที่มีฤทธานุภาพอยู่ใต้บังคับของพระองค์

อรรถาธิบาย

มีชัยชนะได้ทั้งโดยคำพูดหรือปราศจากคำพูด

การดำเนินชีวิตตามแบบคริสเตียนเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการส่งต่อข่าวประเสริฐไปยังผู้ที่อยู่ใกล้คุณมาก สิ่งนี้ใช้ได้กับครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และคนที่คุณอาศัยอยู่ด้วยอย่างแน่นอน บ่อยครั้งคุณสามารถเทศนาด้วยชีวิตซึ่งดีกว่าด้วยริมฝีปากของคุณ

สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งหากสามีหรือภรรยาของคุณไม่ใช่คริสเตียน เปโตรหนุนใจภรรยาที่เป็นคริสเตียนว่าถ้าคนใดในพวกเขามีสามีที่ไม่เชื่อพระวจนะ พวกเขาอาจถูกเอาชนะได้โดยที่ไม่ต้องพูด เพราะพวกเขาเห็นความบริสุทธิ์ และความประพฤติที่นอบน้อมในชีวิตของพวกนาง (ข้อ 2)

พวกเขาอาจไม่สนใจคำพูดใด ๆ เกี่ยวกับพระเจ้า แต่พวกเขาจะ ‘หลงใหลในชีวิตอันบริสุทธิ์ของท่าน สิ่งที่สำคัญไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกของท่าน… แต่เป็นนิสัยภายในของท่าน’ (ข้อ 3–4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) มีสิ่งที่งดงามมากกว่าความงามภายนอกนั่นคือ ‘บุคลิกที่ซ่อนอยู่ในใจ ด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย คือด้วยจิตใจที่สุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า’ (ข้อ 4)

คำสอนของพระเยซูและของอัครสาวกเกี่ยวกับวิธีที่สามีควรประพฤติตนถือเป็นการปฏิวัติเลยทีเดียว ในสังคมที่มีแต่ภรรยาเท่านั้นที่มีหน้าที่และสามีเท่านั้นที่มีสิทธิ แต่เปโตรกล่าวว่าทั้งคู่ต่างมีหน้าที่ต่อกันและกัน

ตามที่เปโตรได้กล่าวแก่ผู้ที่เป็นภรรยาว่าจง ‘เป็นภรรยาที่ดี’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และบอกสามีให้เป็น ‘สามีที่ดี’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘จงให้เกียรติพวกเธอ เขามีความสุขในตัวพวกเธอ… ปฏิบัติต่อภรรยาของท่านอย่างเท่าเทียมกันเพื่อที่คำอธิษฐานของท่านจะไม่มีอุปสรรค’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สามีควรเอาใจใส่และให้เกียรติภรรยา ถ้าหากเราไม่ดำเนินในความสัมพันธ์นี้อย่างถูกต้อง คำอธิษฐานของคุณจะไม่เป็นผล (ข้อ 7)

อะไรคือวิถีชีวิตที่จะชนะใจคนโดยไม่พูดอะไร? นั่นคือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน มีจิตใจอ่อนโยนและถ่อมตัว ไม่ตอบแทนการร้ายด้วยการร้าย หรือด่าว่าตอบแทนการด่าว่า แต่จงอวยพรกัน (ข้อ 8–9) ไม่มีการตอบโต้ ไม่มีการเสียดกันด้วยการเหน็บแนม แต่จงอวยพรกัน นั่นคืองานของท่านคือการอวยพร ท่านจะได้เป็นพระพรและยังได้รับพระพรด้วย (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมลิ้นของคุณ ‘ไม่พูดอะไรที่ชั่วร้ายหรือทำให้บาดเจ็บ’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ลองฝึกตัวเองให้พูดในแง่บวกและความจริงอยู่เสมอ คุณต้อง ‘ดูแคลนความชั่วและปลูกฝังความดี วิ่งตามสันติสุขเพื่อทุกสิ่งที่คุณมีค่า’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งนี้จะนำไปสู่ชีวิตที่ปราศจากความกลัว (ข้อ 14) ที่ซึ่งพระเยซูได้ถูกสงวนไว้ในใจของคุณว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 15)

‘การไม่พูด’ อาจเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการเอาชนะใจคนที่อยู่ใกล้คุณ อย่างไรก็ตาม คำพูดก็มีความสำคัญเช่นกัน อย่าอายที่จะพูดแต่ ‘จงเตรียมพร้อมเสมอ ที่จะอธิบายกับทุกคนที่ขอทราบเหตุผลเกี่ยวกับความหวังของพวกท่าน แต่จงตอบด้วยความสุภาพอ่อนโยนและด้วยความนับถือ’ (ข้อ 15)

ความเย่อหยิ่ง และความหยาบคายไม่ค่อยจะชนะใจใคร เช่นเดียวกับการทุ่มเถียงด้วยวาจา คุณจำเป็นต้องมีการแก้ต่างทางศีลธรรม คือมโนธรรมที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้คนสามารถพูดในสิ่งที่พวกเขาชื่นชมเกี่ยวกับตัวคุณและมันไม่สำคัญอะไรเพราะพระเจ้าทราบถึงความจริงทั้งหมดแล้ว ‘จงรักษามโนธรรมที่ชัดเจนต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อว่าเมื่อมีคนโยนโคลนใส่คุณ มันจะไม่ติดตัวคุณ’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ดังที่ ริค วอร์เรนกล่าวไว้ว่า ‘คุณไม่สามารถควบคุมคำโกหกต่าง ๆ ที่ผู้คนอาจจะพูดถึงเกี่ยวกับคุณ แต่คุณสามารถควบคุมความจริง โดยใช้ชีวิตอยู่กับมัน จนทำให้ผู้คนที่ต้องการกล่าวหาคุณจำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหกขึ้นมา’ นั่นคือไม้กางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ที่ทำให้จิตสำนึกที่ชัดเจนเป็นไปได้ พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อบาปเพียงครั้งเดียว... เพื่อนำคุณมาหาพระเจ้า (ข้อ 18)

นี่คือสิ่งที่เล็งถึงพิธีบัพติศมา ‘ไม่ใช่เป็นการชำระมลทินทางกาย แต่เป็นการวิงวอนพระเจ้าเพื่อจะมีมโนธรรมที่ดี’ (ข้อ 21)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตด้วยมโนธรรมที่ดี
พันธสัญญาเดิม

 เอเสเคียล 45:1-46:24

พื้นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์

 1“เมื่อพวกเจ้าแบ่งแผ่นดินให้เป็นกรรมสิทธิ์นั้น เจ้าจงถวายที่ดินส่วนหนึ่งแด่พระยาห์เวห์ให้เป็นพื้นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ยาว 12.5 กิโลเมตร และกว้าง 10 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นที่บริสุทธิ์ตลอดบริเวณนั้น 2และในบริเวณนั้นให้มีพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสแปลงหนึ่งยาว 250 เมตร และกว้าง 250 เมตรสำหรับสถานนมัสการ และให้มีบริเวณที่ว่างโดยรอบอีก 25 เมตร 3และจากพื้นที่บริสุทธิ์นี้ เจ้าจงวัดส่วนหนึ่งออกมาคือ ยาว 12.5 กิโลเมตร และกว้าง 5 กิโลเมตร ในบริเวณนี้จะเป็นที่ตั้งของสถานนมัสการ คือที่บริสุทธิ์ที่สุด 4ให้เป็นส่วนบริสุทธิ์ของแผ่นดิน ซึ่งจะให้เป็นของบรรดาปุโรหิตผู้ปรนนิบัติอยู่ในสถานนมัสการ และผู้เข้าใกล้พระยาห์เวห์เพื่อปรนนิบัติพระองค์ คือให้เป็นที่สำหรับปลูกบ้านเรือนของพวกเขา และเป็นที่บริสุทธิ์สำหรับสถานนมัสการ 5อีกส่วนหนึ่งซึ่งยาว 12.5 กิโลเมตรและกว้าง 5 กิโลเมตรนั้นเป็นที่ของคนเลวีผู้ปรนนิบัติอยู่ที่พระนิเวศ คือให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาที่จะสร้างเมืองเพื่ออาศัย
 6“ใกล้ๆ กับส่วนที่ตั้งไว้เป็นพื้นที่บริสุทธิ์นั้น พวกเจ้าจะต้องกำหนดที่ดินอีกผืนหนึ่งยาว 12.5 กิโลเมตร และกว้าง 2.5 กิโลเมตร ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดสำหรับสร้างเมือง
 7“แผ่นดินด้านข้างทั้งสองด้านของพื้นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ และส่วนของเมืองนั้นให้เป็นของเจ้านาย โดยให้อยู่ติดกับพื้นที่บริสุทธิ์และส่วนของเมือง โดยวัดออกไปทางด้านตะวันตกและด้านตะวันออก ส่วนด้านยาวนั้นจะขนานไปกับเขตแดนจากตะวันตกไปทางตะวันออกของส่วนที่ยกให้กับเผ่าเผ่าหนึ่ง 8นี่เป็นส่วนของเจ้านายในอิสราเอล และบรรดาเจ้านายของเราจะไม่บีบคั้นประชากรของเราอีก แต่เขาจะยอมให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลได้แผ่นดินตามส่วนของเผ่าตน
 9“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า โอ บรรดาเจ้านายของอิสราเอลเอ๋ย พอเสียทีเถิด จงทิ้งการทารุณและการบีบคั้นเสีย แล้วทำสิ่งที่ยุติธรรมและชอบธรรม จงเลิกขับไล่ประชากรของเราจากที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

ตาชั่งและเครื่องตวง

 10“พวกเจ้าจงมีตาชั่ง เครื่องตวงของแห้งและของเหลวที่เที่ยงตรง 11เครื่องตวงของแห้งและของเหลวนั้นให้เป็นขนาดเดียวกัน เครื่องตวงของเหลวขนาด 1 บัทนั้นเท่ากับหนึ่งในสิบของโฮเมอร์ และเครื่องตวงของแห้งขนาด 1 เอฟาห์นั้นเท่ากับหนึ่งในสิบของโฮเมอร์ ให้โฮเมอร์เป็นเครื่องตวงมาตรฐาน 12น้ำหนัก 1 เชเขลเท่ากับ 20 เก-ราห์ ตุ้มน้ำหนัก 20 เชเขล รวมกับตุ้มน้ำหนัก 25 เชเขล รวมกับตุ้มน้ำหนัก 15 เชเขล ทั้งหมดจะเท่ากับ 1 มินา

บรรดาเครื่องถวาย

 13“ต่อไปนี้เป็นเครื่องถวายที่เจ้าทั้งหลายจะต้องถวาย คือ ข้าวสาลี 1 โฮเมอร์ ให้ถวายหนึ่งในหกเอฟาห์ ข้าวบาร์เลย์ 1 โฮเมอร์ให้ถวายหนึ่งในหกเอฟาห์ 14และส่วนกำหนดประจำของน้ำมัน คือ น้ำมันหนึ่งโคระ ให้ถวายหนึ่งในสิบบัท (เครื่องตวงขนาด 1 โคระก็เหมือนเครื่องตวงขนาด 1 โฮเมอร์ คือจุ 10 บัท) 15แกะฝูงหนึ่งจำนวน 200 ตัวจากทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ของอิสราเอลนั้น ให้ถวายหนึ่งตัว นี่แหละเป็นของถวายสำหรับธัญบูชา เครื่องบูชาเผาทั้งตัว และเครื่องศานติบูชา เพื่อทำการลบมลทินให้เขาทั้งหลาย พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ 16“ให้ประชาชนทุกคนของแผ่นดินนี้มอบเครื่องถวายเหล่านี้แก่เจ้านายของอิสราเอล 17ให้เป็นหน้าที่ของเจ้านายที่จะจัดเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ธัญบูชา เครื่องดื่มบูชา ณ งานเทศกาลทั้งหลายในวันขึ้นค่ำและวันสะบาโต ในงานเทศกาลที่กำหนดไว้ของพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด ให้เขาจัดเครื่องบูชาลบล้างบาป ธัญบูชา เครื่องบูชาเผาทั้งตัว และเครื่องศานติบูชา เพื่อทำการลบมลทินให้แก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล

บรรดาเทศกาล

 18“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ในวันที่ 1 ของเดือนที่ 1 เจ้าจงเอาโคหนุ่มที่ปราศจากตำหนิตัวหนึ่ง และเจ้าจงชำระสถานนมัสการเสีย 19ให้ปุโรหิตเอาเลือดของเครื่องบูชาลบล้างบาปมาบ้าง และจงพรมที่เสาประตูพระนิเวศ ที่สี่มุมของแท่นบูชาและบนเสาประตูของลานชั้นใน 20ในวันที่ 7 ของเดือนนั้นเจ้าจงทำเช่นเดียวกัน เพื่อคนหนึ่งคนใดที่ทำบาปด้วยความพลั้งเผลอหรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ เพื่อว่าเจ้าจะได้ลบมลทินพระนิเวศ
 21“ในวันที่ 14 ของเดือนแรก เจ้าจงฉลองเทศกาลปัสกา จงกินขนมปังไร้เชื้อตลอดเทศกาล 7 วัน 22ในวันนั้นให้เจ้านายจัดหาโคหนุ่มตัวหนึ่งสำหรับตนเองและประชาชนทั้งหมด เพื่อเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป 23และตลอด 7 วันที่มีเทศกาลเลี้ยงนั้น ให้เจ้านายจัดหาโคหนุ่ม 7 ตัว กับแกะผู้ 7 ตัวที่ปราศจากตำหนิ ให้เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ทุกๆ วันตลอด 7 วันนั้น และจัดหาแพะผู้ตัวหนึ่งทุกวันให้เป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป 24และให้เจ้านายจัดหาธัญบูชาปริมาณ 17.5 ลิตรคู่กับโคผู้หนึ่งตัว และอีก 17.5 ลิตรคู่กับแกะผู้หนึ่งตัว รวมทั้งน้ำมัน 3 ลิตรต่อแป้ง 17.5 ลิตร 25ในวันที่ 15 ของเดือนที่ 7 และตลอด 7 วันในเทศกาลเลี้ยงนั้น ให้เขาจัดทำแบบเดียวกันสำหรับเครื่องบูชาลบล้างบาป เครื่องบูชาเผาทั้งตัว ธัญบูชา และน้ำมัน

เอเสเคียล 46

กฎเกณฑ์อื่นๆ

 1“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ประตูลานชั้นในที่หันหน้าไปทางตะวันออกนั้นให้ปิดไว้ระหว่างวันทำงานทั้งหกวัน แต่ในวันสะบาโตนั้นให้เปิด และในวันขึ้น 1 ค่ำก็ให้เปิด 2ตัวเจ้านายนั้นให้เข้ามาจากข้างนอกทางมุขของหอประตู แล้วมายืนอยู่ที่เสาประตู และให้ปุโรหิตถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องศานติบูชาของเขา และเขาจะนมัสการอยู่ที่ธรณีประตู แล้วเขาจะออกไป แต่อย่าปิดประตูนั้นจนกว่าจะถึงเวลาเย็น 3ประชาชนในแผ่นดินจะนมัสการเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ตรงทางเข้าประตูนั้น ทั้งในวันสะบาโตและในวันขึ้นค่ำ 4เครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่เจ้านายจะต้องถวายแด่พระยาห์เวห์ในวันสะบาโตนั้น คือลูกแกะปราศจากตำหนิ 6 ตัว และแกะผู้ปราศจากตำหนิ 1 ตัว 5และธัญบูชาที่คู่กับแกะผู้นั้นได้แก่แป้ง 17.5 ลิตร ส่วนธัญบูชาที่คู่กับลูกแกะนั้นให้ถวายตามใจปรารถนาของเขา ทั้งให้ถวายน้ำมัน 3 ลิตรต่อแป้ง 17.5 ลิตร 6ในวันขึ้นค่ำเจ้านายจะต้องถวายโคหนุ่มปราศจากตำหนิ 1 ตัว พร้อมกับลูกแกะ 6 ตัว และแกะผู้ 1 ตัวซึ่งล้วนต้องปราศจากตำหนิ 7ส่วนธัญบูชานั้นเขาจะต้องจัดแป้ง 17.5 ลิตรคู่กับโคหนุ่มตัวนั้น และอีก 17.5 ลิตรคู่กับแกะผู้ตัวนั้น แต่ส่วนที่คู่กับลูกแกะนั้น ให้เขาจัดตามที่สามารถทำได้ ทั้งให้ถวายน้ำมัน 3 ลิตรต่อแป้ง 17.5 ลิตร 8เมื่อเจ้านายเข้ามา เขาจะเข้าทางมุขของหอประตู และกลับออกไปตามทางเดียวกันนั้น
 9“เมื่อประชาชนของแผ่นดินจะเข้ามาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ณ เทศกาลเลี้ยงตามกำหนด ผู้ที่เข้ามาทางประตูเหนือเพื่อนมัสการจะต้องกลับออกไปทางประตูใต้ ส่วนผู้ที่เข้ามาทางประตูใต้จะต้องกลับออกไปทางประตูเหนือ อย่าให้ใครกลับออกไปตามประตูที่เขาเข้ามา แต่ให้เขาออกไปทางประตูฝั่งตรงข้าม 10เมื่อประชาชนเข้าไป เจ้านายจะเข้าไปพร้อมกัน และเมื่อประชาชนออกไป เจ้านายจะออกไปด้วย
 11“ธัญบูชาที่ใช้ในเทศกาลเลี้ยงและเทศกาลตามกำหนดนั้น ให้เป็นแป้ง 17.5 ลิตรคู่กับโคหนุ่มหนึ่งตัว และ 17.5 ลิตรคู่กับแกะผู้หนึ่งตัว ส่วนที่คู่กับลูกแกะก็ให้ถวายตามใจปรารถนาของเขา ทั้งให้ถวายน้ำมัน 3 ลิตรต่อแป้ง 17.5 ลิตร 12เมื่อเจ้านายถวายเครื่องบูชาตามใจสมัคร อาจจะเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว หรือเครื่องศานติบูชา เพื่อถวายแด่พระยาห์เวห์เป็นเครื่องบูชาตามใจสมัครนั้น ให้เปิดประตูที่หันหน้าไปทางตะวันออกแก่เขา แล้วเขาจะถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว หรือเครื่องศานติบูชาของเขาเหมือนอย่างที่เขาทำในวันสะบาโต เสร็จแล้วเขาจะออกไป เมื่อเขาออกไปแล้วก็ให้ปิดประตูนั้นเสีย
 13“เจ้านายจะต้องจัดหาลูกแกะตัวหนึ่งอายุหนึ่งปีปราศจากตำหนิถวายเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์เป็นประจำวัน จะต้องจัดหาทุกๆ เช้า 14และให้จัดหาเครื่องธัญบูชาที่คู่กันทุกๆ เช้าด้วย คือแป้งประมาณ 3 ลิตรพร้อมกับน้ำมัน 1 ลิตร เพื่อเคล้าแป้งให้ชุ่มให้เป็นธัญบูชาแด่พระยาห์เวห์ นี่เป็นระเบียบตลอดไป 15ดังนี้แหละจะต้องจัดหาลูกแกะและเครื่องธัญบูชาพร้อมกับน้ำมันทุกๆ เช้า เพื่อเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวตลอดไป
 16“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ถ้าเจ้านายจะมอบของขวัญให้แก่บุตรชายคนใดคนหนึ่ง ก็ให้ส่วนนั้นตกเป็นมรดกของบุตรชายของเขา โดยเป็นส่วนหนึ่งของมรดกในกรรมสิทธิ์ของครอบครัวพวกเขา 17แต่ถ้าเขานำเอาส่วนหนึ่งจากมรดกของเขา มามอบให้คนใช้คนหนึ่งของเขาเป็นของขวัญ ส่วนนั้นจะเป็นของคนใช้นั้นจนถึงปีอิสรภาพ แล้วส่วนนั้นจะกลับมาเป็นของเจ้านาย มรดกของเจ้านายจะเป็นของบุตรของเขาเท่านั้น คือเป็นของครอบครัวพวกเขา 18แต่เจ้านายจะต้องไม่ยึดสิ่งใดจากมรดกของประชาชน โดยบีบคั้นให้ออกไปจากส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาทั้งหลาย เจ้านายจะต้องมอบส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองให้เป็นมรดกแก่บุตรของเขา เพื่อว่าจะไม่มีประชากรของเราสักคนหนึ่งที่ต้องพลัดพรากไปจากส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน”

ครัวของพระนิเวศ

 19แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ามาตามทางเข้าที่อยู่ข้างประตู มายังห้องบริสุทธิ์ของปุโรหิตที่หันหน้าไปทางเหนือ ณ ที่นั่นข้าพเจ้าเห็นที่หนึ่งซึ่งอยู่ตรงสุดปลายด้านตะวันตก 20และท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นสถานที่ซึ่งปุโรหิตจะใช้ต้มเครื่องบูชาชดใช้บาปและเครื่องบูชาลบล้างบาป และเป็นที่ซึ่งเขาจะปิ้งธัญบูชาเพื่อจะไม่ต้องนำออกไปยังลานชั้นนอก อันเป็นการนำสิ่งบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ไปถูกประชาชน”
 21แล้วท่านจึงนำข้าพเจ้าออกมาที่ลานชั้นนอก และพาข้าพเจ้าไปยังมุมทั้งสี่ของลานนั้น และดูสิ ที่มุมลานแต่ละมุมก็มีลานเล็กอยู่อีกลานหนึ่ง 22คือที่มุมทั้งสี่ของลาน มีลานเล็กๆ ยาว 20 เมตร กว้าง 15 เมตร ลานเล็กทั้งสี่มีขนาดเดียวกัน 23ภายในลานเล็กทั้งสี่นั้นมีสิ่งที่ก่อเป็นกำแพงเตี้ยอยู่โดยรอบ มีเตาอยู่ด้านล่างของกำแพงเตี้ย 24แล้วท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ที่เหล่านี้เป็นครัว ซึ่งผู้ปรนนิบัติอยู่ในพระนิเวศจะใช้ต้มเครื่องสัตวบูชาของประชาชน”

อรรถาธิบาย

นมัสการในวิถีทางของพระเจ้า

ในนิมิตเอเสเคียลมองเห็น ‘พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระเจ้า’ (45:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พื้นที่ทั้งหมดนั้นบริสุทธิ์ (ข้อ 1) และรวมถึงสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ปุโรหิตปรนนิบัติต่อพระพักตร์พระเจ้า (ข้อ 2-4) และทรัพย์สินสำหรับชาวเลวี เจ้านาย และประชาชนทั้งหมด นี่เป็นนิมิตที่ทำให้ผู้คนต่างมีสันติสุข โดยที่ส่วนต่าง ๆ และสังคมในทุกระดับชั้นอยู่ร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและเป็นธรรมต่อกันและกัน

ไม่ใช่แค่ประชาชนอยู่ด้วยกันอย่างสุขสบายเท่านั้น นี่ยังเป็นสถานที่ที่ประชาชนในแผ่นดินจะ ‘นมัสการเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์’ (46:3) ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้คนเกิดจากพระเจ้า และหัวใจของทุกสิ่งคือการนมัสการ

มีสองสิ่งที่จำเป็นในการถวายนมัสการในทางของพระเจ้า ประการแรกคือการกลับใจ ข้อความของพระเจ้าถึงบรรดาผู้นำ (‘เจ้านายแห่งอิสราเอล’) คือ ‘เลิกกลั่นแกล้งและเอาเปรียบประชาชนของเรา ทำในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลง ใช้เตาชั่งที่ซื่อสัตย์ ตุ้มน้ำหนักที่ซื่อสัตย์และมาตเครื่องชั่งที่ซื่อสัตย์’ (45:9–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ประการที่สองคือการลบมลทิน (ข้อ 15, 17) เทศกาลปัสกาเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าพระเจ้าข้ามผ่านความบาปของคุณเนื่องด้วยการเสียสละของพระเยซู เลือดถูกทาบนเสาประตูถือเป็นทำนายเรื่องพระโลหิตของพระคริสต์ล่วงหน้า

เลข 7 เป็นตัวเลขสมบูรณ์ ‘ในวันที่ 7… ตลอด *7 *วันที่มีเทศกาลเลี้ยงนั้น ให้เจ้านายจัดหาโคหนุ่ม 7 ตัว กับแกะผู้ 7 ตัวที่ปราศจากตำหนิ ... ตลอด 7 วันนั้น... เริ่มในเดือนที่ 7…’ (ข้อ 20, 21, 23, 25)

สิ่งนี้ชี้ไปที่ การเสียสละที่สมบูรณ์แบบ และเพียงพอและการลบมลทินของพระเยซูสำหรับคุณ ซึ่งทำให้คุณสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าและดำเนินชีวิตแห่งการนมัสการ

ให้เราดำเนินชีวิตในวิถีทางของไม้กางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู และใช้ชีวิตเพื่อเอาชนะใจคน รักษามโนธรรมที่ดีและดำเนินชีวิตโดยปราศจากความกลัว ทำตามแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบของพระเยซู แล้วชีวิตของคุณจะเป็นแบบอย่างสำหรับผู้อื่น

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์สิ้นพระชนม์ ทรงเป็นผู้ชอบธรรมเพื่อคนอธรรม เพื่อนำข้าพระองค์มาหาพระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตแห่งการนมัสการ ตามแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบของพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

1 เปโตร 3:6 (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Revised Standard Version โดยผู้แปล)

‘ซาราห์เชื่อฟังอับราฮัม จึงเรียกท่านว่านาย’

มีสองครั้งที่ฉันเรียกนิคกี้ว่า ‘ท่าน’ แต่โดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันยังเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ อาจเป็น ‘แม่’ และนอกเหนือจากนี้อีกสองสามชื่อ!

ข้อพระคำประจำวัน

1 เปโตร 3:15

‘จงเตรียมพร้อมเสมอ ที่จะอธิบายกับทุกคนที่ขอทราบเหตุผลเกี่ยวกับความหวังของพวกท่าน แต่จงตอบด้วยความสุภาพอ่อนโยนและด้วยความนับถือ…’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม