วัน 329

รู้ว่าเมื่อใดต้องคุกเข่า

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 133:1-3
พันธสัญญาใหม่ 1 เปโตร 4:1-19
พันธสัญญาเดิม  เอเสเคียล 47:1-48:35

เกริ่นนำ

คุณพ่อรานิเอโร กันตาลาเมซซา เป็นพระคาปูชิน ในปี 1977 ท่านถูกส่งไปเป็นผู้สังเกตการณ์ในการประชุมที่แคนซัสซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยวาติกัน ซึ่งมีชาวคาทอลิก 20,000 คนและคริสเตียนอีก 20,000 คนในวันสุดท้ายของการประชุม หลังจากมีคนพูดถึงโศกนาฏกรรมของความแตกแยกทั้งหมดในพระกายของพระคริสต์ (คริสตจักร) ผู้คน 40,000 คนคุกเข่าสำนึกผิด ขณะที่คุณพ่อรานิเอโรมองออกไป ท่านเห็นคำว่า ‘พระเยซูคือพระเจ้า’ บนป้ายไฟนีออนขนาดใหญ่เหนือสถานที่จัดการประชุม ท่านอธิบายว่า ในขณะนั้นท่านมองเห็นภาพรวมของความเป็นหนึ่งเดียวของคริสเตียนได้อย่างไร คือมี 40,000 คนคุกเข่าสำนึกผิดภายใต้การครอบครองของพระเยซู

ท่านขอให้ ‘คริสเตียนโปรเตสแตนต์คนหนึ่ง’ อธิษฐานให้ท่านได้สัมผัสกับพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเติมเต็มในท่าน ท่านได้สัมผัสกับความรักที่พระเจ้ามีต่อท่านในรูปแบบใหม่ ท่านพบว่าตัวเองกำลังพูด ‘ในลักษณะเหมือนพูดภาษาแปลก ๆ’ พระคัมภีร์มีชีวิตขึ้นมาในรูปแบบใหม่ ท่านได้รับพันธกิจใหม่ ในปี 1980 ท่านได้รับเชิญจากสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ให้เป็นนักเทศน์ประจำของสมเด็จพระสันตะปาปา นี่คือสิ่งที่ท่านเป็นตั้งแต่นั้นมา ท่านเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระคาร์ดินัล สามประเด็นสำคัญที่มีอิทธิพลเหนือพันธกิจที่โดดเด่นของท่านคือ ความเป็นหนึ่งเดียว ความรัก และพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ละสิ่งมีความชัดเจนแต่ก็มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 133:1-3

พระพรแห่งการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว

บทเพลงใช้แห่ขึ้น ของดาวิด

1ดูเถิด เป็นการดีและน่าชื่นใจมากสักเท่าใด
 ที่พี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
2เหมือนน้ำมันประเสริฐอยู่บนศีรษะ ไหลลงมาบนหนวดเครา
 บนหนวดเคราของอาโรน ไหลลงมาบนคอเสื้อของท่าน
3เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน ซึ่งตกลงบนเทือกเขาศิโยน
 เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงบัญชาพระพรที่นั่น คือชีวิตยืนยาวเป็นนิตย์

อรรถาธิบาย

อยู่ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

พระเจ้าอวยพรความ ‘เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว’ (ข้อ 1) ผมได้เห็นสิ่งนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ที่พระองค์ทรงอวยพรความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในการแต่งงาน ครอบครัว ทีมงาน ชุมชน ประเทศชาติ และในคริสตจักร เมื่อคริสเตียนจากหลากหลายคริสตจักร วัฒนธรรม และนิกายต่าง ๆ มารวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ‘นั่นคือที่ ๆ พระเจ้าจะบัญชาพระพร’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผู้เขียนพระธรรมสดุดีเขียนไว้ว่า ‘ช่างวิเศษเหลือเกิน เมื่อพี่น้องเข้ากันได้ดีจริง ๆ !’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) มีสุภาษิตที่ว่า ‘สามัคคีคือพลัง’ สิ่งที่เป็นจริงในชีวิตคนเรา เมื่อคนที่อ่อนแอเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันก็กลายเป็นคนที่เข้มแข็งได้

ผู้เขียนยังได้อธิบายความเป็นนำหนึ่งใจเดียวกันที่เป็นเหมือนกับ ‘น้ำมันประเสริฐ’ (ข้อ 2, ใช้ภาพจาก เลวีนิติ 8:12) เหมือน ‘น้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน’ (สดุดี 133:3) ภูเขาเฮอร์มอนเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ มักจะมีหิมะปกคลุม สูงจากระดับน้ำทะเล 9,100 ฟุต คาดว่าน้ำค้างจะคงความสดไว้ทั่วทั้งแผ่นดิน

ภาพน้ำมันและน้ำค้างเหล่านี้เป็นภาพแห่งพระพร ที่ใดมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว นั่นเป็นเพราะ ‘เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงบัญชาพระพรที่นั่น’ (ข้อ 3)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงอวยพรความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างมาก ขอให้มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในคริสตจักรของเรา และระหว่างคริสตจักรทั่วโลก
พันธสัญญาใหม่

1 เปโตร 4:1-19

ผู้รับมอบฉันทะที่ดีของพระเจ้า

 1ดังนั้น โดยเหตุที่พระคริสต์ได้ทรงทนทุกข์ทางพระกายแล้ว พวกท่านก็จงติดอาวุธตัวเองโดยมีความคิดเดียวกันกับพระองค์ เพราะว่าผู้ที่ทนทุกข์ทางกายก็เลิกข้องเกี่ยวกับบาปอีกต่อไป 2เพื่อจะไม่ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกตามตัณหาของมนุษย์ แต่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า 3จงให้เวลาที่ผ่านไปแล้วนั้น เพียงพอสำหรับการทำสิ่งที่คนต่างชาติชอบกระทำ คือการปล่อยตัวตามราคะตัณหา ตามใจปรารถนาชั่ว การเมาเหล้าองุ่น การเลี้ยงกันอย่างถึงใจ การกินเหล้าวุ่นวายกัน และการไหว้รูปเคารพอันน่ารังเกียจ 4พวกเขาแปลกใจที่เดี๋ยวนี้พวกท่านไม่ได้ร่วมสำมะเลเทเมาอย่างเดียวกับพวกเขา และพวกเขาก็กล่าวร้ายพวกท่าน 5คนเหล่านั้นจะต้องให้การต่อพระองค์ ผู้พร้อมแล้วที่จะทรงพิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย 6ด้วยเหตุนี้เอง ข่าวประเสริฐจึงได้ประกาศแม้แก่คนตาย เพื่อพวกเขาจะมีชีวิตทางจิตวิญญาณตามอย่างพระเจ้า แม้ว่าพวกเขาถูกพิพากษาเหมือนอย่างมนุษย์ปุถุชน
 7อวสานของสิ่งทั้งปวงมาใกล้แล้ว เพราะฉะนั้น พวกท่านจงมีสติสัมปชัญญะ และจงรู้จักสงบใจเพื่อการอธิษฐาน 8เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ จงรักกันและกันให้มาก เพราะความรักให้อภัยบาปมากมายได้ 9พวกท่านจงต้อนรับเลี้ยงดูกันและกันโดยไม่บ่น 10ตามที่แต่ละคนได้รับของประทาน ก็ให้ใช้ของประทานนั้นปรนนิบัติกันและกัน ดังเช่นผู้รับมอบฉันทะที่ดีเกี่ยวกับพระคุณนานาประการของพระเจ้า 11ถ้าใครจะพูด ก็ให้พูดดังเช่นพูดพระวจนะของพระเจ้า ถ้าใครจะปรนนิบัติ ก็จงปรนนิบัติดังเช่นทำด้วยกำลังซึ่งพระเจ้าประทาน เพื่อพระเจ้าจะได้รับพระเกียรติในทุกสิ่ง ทางพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริและอานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน

การยอมทนทุกข์อย่างคริสตชน

 12ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าแปลกใจกับความทุกข์ยากแสนสาหัสที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกท่าน เพื่อทดสอบพวกท่านนั้น ราวกับว่าสิ่งประหลาดเกิดกับพวกท่าน 13แต่จงชื่นชมยินดีเสมอ ที่ได้มีส่วนร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์ เพื่อว่าเมื่อพระสิริของพระองค์ปรากฏ พวกท่านก็จะชื่นชมยินดีจนเนื้อเต้น 14ถ้าพวกท่านถูกด่าเพราะพระนามของพระคริสต์ พวกท่านก็เป็นสุข เพราะว่าพระวิญญาณแห่งพระสิริคือพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับพวกท่าน 15แต่อย่าให้ใครในพวกท่านทนทุกข์ฐานเป็นฆาตกร หรือเป็นขโมย หรือเป็นคนทำชั่ว หรือเป็นคนที่เที่ยวยุ่งกับธุระของคนอื่น 16แต่ถ้าทนทุกข์เพราะได้ชื่อว่าเป็นคริสตชน ก็อย่าให้คนนั้นละอายเลย แต่ให้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะชื่อนั้น 17เพราะถึงเวลาแล้ว ที่การพิพากษาจะเริ่มต้นที่ครอบครัวของพระเจ้า และถ้าเริ่มต้นที่พวกเราก่อน ปลายทางของคนเหล่านั้น ที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะเป็นอย่างไร? 18และ

ถ้าคนชอบธรรมจะรอดได้อย่างยากเย็นแล้ว
 คนอธรรมและคนบาปจะไปอยู่ที่ไหน?

 19ดังนั้น ขอให้คนทั้งหลายที่ทนทุกข์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ฝากวิญญาณจิตของตนไว้กับพระผู้สร้าง ผู้ซื่อสัตย์ และทำดีต่อไป

อรรถาธิบาย

จงรักกันและกันให้มาก

อัตรสาวกเปโตร เขียนไว้ว่า ‘จงรักกันและกันให้มาก’ (ข้อ 8ก) คำภาษากรีกที่ใช้สำหรับ ‘ให้มาก’ เป็นคำที่ใช้สำหรับม้าที่ควบมาเต็มกำลัง มันหมายถึง ‘ยืดออกไป’ และบางครั้งก็แปลว่า ‘อย่างแรงกล้า’

ความรักแบบนี้ ‘ปกปิดความบาปมากมาย (ให้อภัยและไม่นึกถึงความผิดของผู้อื่น)’ (ข้อ 8ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ความรักให้อภัยความผิดพลาดของผู้อื่นเพราะคุณรู้จักความรักและพระคุณที่ให้อภัยของพระเจ้าในชีวิตของคุณเอง

นี่เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีและหลีกเลี่ยงทำผิดกับคนอื่นง่าย ๆ คุณรู้ว่าในชีวิตของคุณเองพระเจ้ารักคุณมากแค่ไหน และได้อภัยบาปของคุณเอง จงเต็มใจมองข้ามความผิด และความบาปของผู้อื่น

นี่ไม่ได้หมายความว่าบาปไม่สำคัญ ตรงกันข้าม เปโตรหนุนใจให้เรา ‘เลิกข้องเกี่ยวกับบาป’ (ข้อ 1) ให้เราเลิกชีวิตเก่าที่มีความปรารถนาของมนุษย์ที่ชั่วร้ายและดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า (ข้อ 2)

ผมจำปฏิกิริยาของเพื่อนบางคนได้ดีเมื่อตอนที่ผมพบพระเยซูครั้งแรก พวกเขาประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงและคิดว่ามันแปลก เปโตรเขียนว่า ‘คุณได้ใช้เวลาของคุณในวิถีชีวิตที่ไม่สนใจพระเจ้า สังสรรค์คืนแล้วคืนเล่า ชีวิตที่เมาและสุรุ่ยสุร่าย ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่หยุดเสียที แน่นอน เพื่อนเก่าของท่านไม่เข้าใจว่าทำไมท่านไม่เข้าร่วมกลุ่มเดิมอีกต่อไป’ (ข้อ 3–4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คุณถูกเรียกให้ดำเนินชีวิตที่แตกต่าง คือให้มีสติปัญญา และควบคุมตนเองเพื่อที่คุณจะได้ตั้งมั่นในการอธิษฐาน (ข้อ 7) เหนือสิ่งอื่นใดนั่นคือความรัก (ข้อ 8) มีอัธยาศัยดีและใช้ของประทานให้เกิดผล (ข้อ 9–10) ‘ที่สำคัญที่สุด รักกันราวกับว่าชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับมัน ความรักชดเชยได้ทุกอย่าง จงไวในการให้อาหารแก่ผู้หิวโหย และให้ที่นอนแก่คนเร่ร่อนด้วยใจอย่างร่าเริง’ (ข้อ 8–9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เช่นเดียวกับอัครสาวกเปาโล เปโตรกำหนดการใช้ของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในบริบทของความรัก (ข้อ 10–11; ดู 1 โครินธ์ 12–14 ด้วย) จุดประสงค์ของของประทานคือความรัก

แม้ความรักของคุณจะแรงกล้า แต่ความรักนั้นก็อาจจะไม่ได้กลับคืนมาเสมอไป คาดหวังในสิ่งที่ตรงกันข้าม อย่าได้แปลกใจ ‘เมื่อชีวิตลำบากจริง ๆ อย่าด่วนสรุปว่าพระเจ้าไม่อยู่ด้วยในงานนั้น แต่จงดีใจที่ท่านอยู่ในสิ่งที่พระคริสต์ประสบ นี่เป็นกระบวนการขัดเกลาจิตวิญญาณที่มีสง่าราศีอยู่ใกล้แค่เอื้อม’(1 เปโตร 4:12–13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่เป็นความทุกข์ทรมานแบบหนึ่งที่คริสเตียนทุกคนที่ถูกเรียกให้มีประสบการณ์ ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ พระเจ้าใช้ความทุกข์เพื่อขัดเกลาคุณและกำจัดความบาปในชีวิตของคุณ (ข้อ 1–2) บาดแผลแห่งการดูหมิ่นถือเป็นพรอย่างแท้จริงเพราะ ‘ถ้าคุณถูกทำร้ายเพราะพระคริสต์ จงถือว่าตัวเองโชคดี เป็นพระวิญญาณของพระเจ้าและสง่าราศีของพระองค์ในตัวคุณที่นำคุณไปสู่การเป็นพรแก้ผู้อื่น’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

แม้ว่าการดูหมิ่นจะทำร้ายจิตใจ แต่คำวิจารณ์ทั้งหมดก็เป็นพรในที่สุด เท่าที่มันเป็นเรื่องจริง สิ่งนี้เป็นพระพรเพราะคุณสามารถเรียนรู้จากมันได้ หากไม่เป็นความจริงและคุณ ‘ถูกด่าเพราะพระนามของพระคริสต์ พวกท่านก็เป็นสุข’ (ข้อ 14) นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีชีวิตร่วมกับพระเยซู ที่การแบ่งปันความทุกข์ยากของพระองค์ก็เป็นพระพร ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เมื่อคุณเข้าใจสิ่งนี้แล้ว คุณจะสามารถเข้าใจคำวิจารณ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด เพราะสิ่งนั้นเป็นพร!

บางครั้งเราทนทุกข์เพราะบาปของเราเอง (ข้อ 15) แต่การทนทุกข์เพราะการเป็นคริสเตียนไม่ใช่เหตุให้อับอาย แต่เป็นเหตุให้เปรมปรีดิ์และการสรรเสริญพระเจ้า (ข้อ 13,16) นั่นไม่ควรทำให้คุณท้อใจ แต่มันทำให้คุณริเริ่มกระทำแต่สิ่งที่ดี ‘ดังนั้น ถ้าท่านพบว่าชีวิตยากลำบากเพราะท่านกำลังทำในสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้ จงก้าวไปข้างหน้า วางใจในพระองค์ พระองค์รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ และพระองค์จะทำต่อไป’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) มาร์ติน ลูเธอร์ คิง กล่าวว่า ‘ผมตัดสินใจที่จะยึดมั่นในความรัก ความเกลียดชังเป็นภาระที่หนักหนาเกินกว่าจะรับไหว’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยเราให้เป็นชุมชนที่รักกันอย่างลึกซึ้ง และความรักให้อภัยบาปมากมายได้
พันธสัญญาเดิม

 เอเสเคียล 47:1-48:35

น้ำที่ไหลจากพระนิเวศ

 1แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ากลับมาที่ทางเข้าพระนิเวศ และดูสิ มีน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระนิเวศตรงไปทางทิศตะวันออก (เพราะพระนิเวศหันหน้าไปทางทิศตะวันออก) และน้ำไหลลงมาจากข้างล่างทางด้านทิศใต้ของพระนิเวศ คือทิศใต้ของแท่นบูชา 2แล้วท่านนำข้าพเจ้าออกมาทางประตูเหนือ และนำข้าพเจ้าอ้อมไปภายนอกถึงประตูชั้นนอกที่หันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นไหลออกมาจากด้านใต้
 3ชายผู้นั้นเดินไปทางตะวันออกมีเชือกวัดอยู่ในมือ ท่านวัดระยะออกไป 500 เมตร แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป และน้ำลึกเพียงตาตุ่ม 4แล้วท่านก็วัดอีก 500 เมตร แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไปและน้ำลึกถึงเข่า แล้วท่านก็วัดอีก 500 เมตร แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป น้ำนั้นลึกเพียงเอว 5แล้วท่านก็วัดอีก 500 เมตร และกลายเป็นแม่น้ำที่ข้าพเจ้าลุยข้ามไม่ได้ เพราะน้ำขึ้นแล้วลึกพอที่จะว่ายได้ เป็นแม่น้ำที่ลุยข้ามไม่ได้ 6และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือ?”
 แล้วท่านก็พาข้าพเจ้ากลับมาตามฝั่งแม่น้ำ 7ขณะเมื่อข้าพเจ้ากลับ ดูสิ ข้าพเจ้าเห็นต้นไม้มากมายอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำทั้งสองฟาก 8และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “น้ำนี้ไหลตรงไปในบริเวณตะวันออก และไหลลงไปถึงอารบาห์ และเมื่อน้ำไหลไปถึงทะเล น้ำที่ลงทะเลก็จะทำน้ำให้จืด 9แม่น้ำนั้นไปถึงที่ไหน สัตว์ทุกชนิดที่อยู่กันเป็นฝูงก็จะมีชีวิตอยู่ได้ และที่นั่นจะมีปลามากมาย เพราะว่าแม่น้ำนี้ไปถึงที่ไหนก็จะทำน้ำให้จืด แม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิตอยู่ได้ 10ชาวประมงก็ยืนอยู่ที่ข้างทะเล จากเอนเกดีถึงเอนเอก-ลาอิมจะเป็นที่สำหรับตากอวน ปลาในที่นั้นมีหลายชนิด เหมือนปลาในทะเลใหญ่ 11แต่ส่วนที่เป็นบึงและหนองน้ำจะไม่จืด ต้องทิ้งไว้ให้เป็นเกลือ 12ตามสองฝั่งของแม่น้ำจะมีต้นไม้ทุกชนิดที่ใช้เป็นอาหารปลูกไว้ ใบของมันจะไม่เหี่ยวและผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ๆ ทุกเดือน เพราะว่าน้ำสำหรับต้นไม้นั้นไหลจากสถานนมัสการ ผลไม้นั้นใช้เป็นอาหารและใบก็ใช้รักษาโรค”

เขตแดนใหม่ของแผ่นดิน

 13พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า “นี่เป็นเขตแดนซึ่งพวกเจ้าจะใช้แบ่งแผ่นดินให้เป็นมรดกท่ามกลางอิสราเอลทั้งสิบสองเผ่า โยเซฟจะได้สองส่วน 14และพวกเจ้าจงแบ่งให้เท่าๆ กัน เราปฏิญาณที่จะมอบให้แก่บรรพบุรุษของเจ้า และแผ่นดินนี้จะตกเป็นมรดกของเจ้าทั้งหลาย
 15“ต่อไปนี้เป็นเขตแดนของแผ่นดินนี้ ด้านเหนือจากทะเลใหญ่ไปตามทางเมืองเฮทโลน ถึงทางเข้าเมืองฮามัท และต่อไปถึงเมืองเศดัด 16เมืองเบโรธาห์ เมืองสิบราอิม (ซึ่งอยู่ตรงพรมแดนระหว่างเมืองดามัสกัสกับเมืองฮามัท) จนถึงเมืองฮาเซอร์ฮัททิโคน ซึ่งอยู่ที่พรมแดนเมืองเฮาราน 17ดังนั้น เขตแดนจะยื่นจากทะเลถึงเมืองฮาซาเรโนน ซึ่งมีพรมแดนเมืองดามัสกัสอยู่ใต้ มีพรมแดนของเมืองฮามัทอยู่ทางทิศเหนือ นี่เป็นเขตแดนด้านเหนือ
 18“ทางด้านตะวันออก เขตแดนจะยื่นจากบริเวณระหว่างเฮารานและดามัสกัส เรื่อยไปตามแม่น้ำจอร์แดน ระหว่างกิเลอาดกับแผ่นดินอิสราเอลถึงทะเลทางตะวันออก และไปจนถึงทามาร์ นี่เป็นเขตแดนด้านตะวันออก
 19“ทางด้านใต้เขตแดนจะยื่นจากทามาร์จนถึงห้วงน้ำเมริบัทคาเดช เรื่อยไปตามลำธารอียิปต์ถึงทะเลใหญ่ นี่เป็นเขตด้านใต้
 20“ทางด้านตะวันตก ทะเลใหญ่เป็นเขตแดนเรื่อยไปจนถึงบริเวณที่อยู่ตรงข้ามเมืองเลอโบ-ฮามัท นี่เป็นเขตแดนด้านตะวันตก
 21“ดังนั้น เจ้าทั้งหลายจงแบ่งแผ่นดินนี้ท่ามกลางพวกเจ้าตามเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล 22เจ้าทั้งหลายจงแบ่งส่วนเป็นมรดกให้กับพวกเจ้าเอง ทั้งให้กับคนต่างด้าวผู้มาอาศัยอยู่ท่ามกลางเจ้าและเกิดบุตรหลานอยู่ท่ามกลางเจ้า เขาทั้งหลายจะมีสัญชาติอิสราเอล ให้เขาได้รับส่วนมรดกพร้อมกับเจ้าท่ามกลางเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล 23คนต่างด้าวไม่ว่าอยู่ในที่ของเผ่าใด เจ้าจงกำหนดที่ดินให้เป็นมรดกของเขาที่นั่น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

เอเสเคียล 48

ส่วนแบ่งของเผ่าต่างๆ

 1“ต่อไปนี้เป็นชื่อของเผ่าต่างๆ ตั้งต้นบริเวณพรมแดนทางเหนือด้านทะเลไปตามทางเฮทโลน ถึงเมืองเลอโบ-ฮามัทจนถึงฮาเซอเรโนน (ซึ่งอยู่ตรงพรมแดนทางเหนือด้านดามัสกัส กับเมืองฮามัท) โดยเริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตกนั้นเป็นส่วนของเผ่าดาน 2ติดกับเขตแดนของดานเริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตกนั้นเป็นส่วนของเผ่าอาเชอร์ 3ติดกับเขตแดนของอาเชอร์เริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตกนั้นเป็นส่วนของเผ่านัฟทาลี 4ติดกับเขตแดนของนัฟทาลีเริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตกนั้น เป็นหนึ่งส่วนของเผ่ามนัสเสห์ 5ติดกับเขตแดนของมนัสเสห์เริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตกนั้น เป็นส่วนของเผ่าเอฟราอิม 6ติดกับเขตแดนเอฟราอิมเริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตกนั้น เป็นส่วนของเผ่ารูเบน 7ติดกับเขตแดนรูเบนเริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตกนั้นเป็นส่วนของเผ่ายูดาห์
 8“ติดกับเขตแดนยูดาห์เริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตกนั้น จะเป็นส่วนซึ่งพวกเจ้าจะต้องแยกไว้ต่างหาก กว้าง 12.5 กิโลเมตร และยาวเท่ากับส่วนของเผ่าเผ่าหนึ่ง เริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตก และจะมีสถานนมัสการอยู่กลาง 9และส่วนที่เจ้าทั้งหลายจะแยกไว้เพื่อพระยาห์เวห์นั้น ให้มีด้านยาว 12.5 กิโลเมตร และด้านกว้าง 5 กิโลเมตร 10และส่วนแบ่งของส่วนบริสุทธิ์นี้เป็นเช่นนี้ คือปุโรหิตจะได้ส่วนแบ่งทางด้านเหนือยาว 12.5 กิโลเมตร ทางด้านตะวันตกกว้าง 5 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกกว้าง 5 กิโลเมตร ทางด้านใต้ยาว 12.5 กิโลเมตร และมีสถานนมัสการของพระยาห์เวห์อยู่ตรงกลาง 11ส่วนนี้ให้เป็นส่วนของบรรดาปุโรหิตที่ชำระไว้ให้บริสุทธิ์ คือบรรดาบุตรของศาโดก ซึ่งได้รักษาคำสั่งของเรา และไม่ได้หลงไปเหมือนดังที่คนเลวีได้หลงไปเมื่อประชาชนอิสราเอลหลงไป 12และให้ที่ดินนี้เป็นของเขาทั้งหลายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากส่วนถวายของแผ่นดิน เป็นบริเวณที่บริสุทธิ์ที่สุด ติดกับเขตของคนเลวี 13เคียงข้างกับเขตของปุโรหิตนั้น ให้เป็นส่วนแบ่งของคนเลวี ยาว 12.5 กิโลเมตร กว้าง 5 กิโลเมตร ส่วนยาวทั้งหมดจะเป็น 12.5 กิโลเมตร และส่วนกว้าง 5 กิโลเมตร 14ห้ามพวกเขาขาย และห้ามเขาแลกเปลี่ยนส่วนหนึ่งส่วนใดของที่ดินส่วนนี้ ห้ามเขาเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ของที่ดินดีเยี่ยมนี้ เพราะเป็นส่วนบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์
 15“ส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งยาว 12.5 กิโลเมตร และกว้าง 2.5 กิโลเมตรนั้น ให้เป็นที่ใช้สอยทั่วไปของตัวเมือง คือเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นทุ่งหญ้า และตัวนครจะอยู่ตรงกลาง 16ต่อไปนี้เป็นขนาดของด้านต่างๆ ของนคร คือด้านเหนือ 2,250 เมตร ด้านใต้ 2,250 เมตร ด้านตะวันออก 2,250 เมตร และด้านตะวันตก 2,250 เมตร 17นครนั้นจะต้องมีบริเวณทุ่งหญ้า โดยวัดจากด้านเหนือออกไป 125 เมตร ด้านใต้ 125 เมตร ด้านตะวันออก 125 เมตร และด้านตะวันตก 125 เมตร 18ส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งวัดไปตามด้านยาวของบริเวณนี้ซึ่งขนานไปกับส่วนที่บริสุทธิ์ โดยวัดออกไปทางตะวันออกยาว 5 กิโลเมตร และไปตะวันตกยาว 5 กิโลเมตร และให้อยู่ติดกับส่วนที่บริสุทธิ์ พืชผลที่ได้ในส่วนนี้จะเป็นอาหารของคนงานในนครนั้น 19คนงานของนครนั้นซึ่งมาจากอิสราเอลทุกเผ่า จะเป็นคนไถที่ผืนนี้ 20ส่วนถวายทั้งหมดซึ่งพวกเจ้าจะต้องแบ่งไว้นั้นให้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวด้านละ 12.5 กิโลเมตร ซึ่งก็คือส่วนบริสุทธิ์รวมกับส่วนของตัวนคร
 21“บริเวณที่เหลือซึ่งอยู่ทั้งสองข้างของส่วนบริสุทธิ์และส่วนของตัวนครนั้นให้เป็นของเจ้านาย โดยวัดจากส่วนบริสุทธิ์ออกไปยาว 12.5 กิโลเมตรไปทางพรมแดนตะวันออก และวัดไปทางตะวันตก 12.5 กิโลเมตรไปทางพรมแดนตะวันตก ขนานไปกับส่วนต่างๆ ของเผ่า ส่วนนี้ให้เป็นของเจ้านาย โดยมีส่วนบริสุทธิ์พร้อมกับสถานนมัสการของพระนิเวศนั้นอยู่ตรงกลาง 22ส่วนที่เป็นของคนเลวีและส่วนของนครนั้นจะอยู่ตรงกลางของที่ดินซึ่งเป็นของเจ้านายเช่นเดียวกัน และที่ดินของเจ้านายนี้จะอยู่ระหว่างเขตแดนของยูดาห์และเขตแดนของเบนยามิน
 23“ส่วนเผ่าที่เหลืออยู่นั้น เริ่มจากด้านตะวันออกไปด้านตะวันตก เป็นส่วนของเผ่าเบนยามิน 24ติดกับเขตแดนของเบนยามินเริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตก เป็นส่วนของเผ่าสิเมโอน 25ติดกับเขตแดนของสิเมโอน เริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตก เป็นส่วนของเผ่าอิสสาคาร์ 26ติดกับเขตแดนของอิสสาคาร์ เริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตก เป็นส่วนของเผ่าเศบูลุน 27ติดกับเขตแดนของเศบูลุน เริ่มจากด้านตะวันออกไปถึงด้านตะวันตก เป็นส่วนของเผ่ากาด 28และเขตแดนของกาดทางด้านใต้นั้นจะเริ่มจากเมืองทามาร์ ถึงห้วงน้ำเมรีบาห์ ที่คาเดช และเรื่อยไปตามลำธารอียิปต์ถึงทะเลใหญ่ 29นี่เป็นแผ่นดินซึ่งพวกเจ้าจะแบ่งให้เป็นมรดกท่ามกลางเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล นี่เป็นส่วนแบ่งของเขาทั้งหลาย” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
 30“ต่อไปนี้เป็นทางออกของนครทางด้านเหนือซึ่งวัดได้ 2,250 เมตร 31มีประตู 3 ประตู คือประตูรูเบน ประตูยูดาห์ และประตูเลวี ประตูทั้งหลายของนครนั้นตั้งชื่อตามชื่อเผ่าทั้งหลายของคนอิสราเอล 32ทางออกด้านตะวันออกยาว 2,250 เมตร มี 3 ประตู คือประตูโยเซฟ ประตูเบนยามิน และประตูดาน 33ทางออกด้านใต้ยาว 2,250 เมตร มีประตู 3 ประตู คือประตูสิเมโอน ประตูอิสสาคาร์ และประตูเศบูลุน 34ทางออกด้านตะวันตกยาว 2,250 เมตร มีประตู 3 ประตู คือประตูกาด ประตูอาเชอร์ และประตูนัฟทาลี 35นครนั้นวัดโดยรอบได้ความยาวรวม 9 กิโลเมตร ตั้งแต่นี้ไปนครนี้จะได้ชื่อว่า ‘พระยาห์เวห์สถิตที่นั่น’ ”

อรรถาธิบาย

ปรารถนาการเทของพระวิญญาณบริสุทธิ์

เมื่อความรักของพระเจ้าเทลงในหัวใจของคุณโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (โรม 5:5) พระวิญญาณของพระเจ้าจะนำชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ การเติบโตฝ่ายวิญญาณ การเกิดผลและการรักษามาสู่ชีวิตของคุณ

เอเสเคียลเห็นภาพนี้เมื่อเห็นน้ำไหลออกมาจากใต้พระวิหาร มันพุ่งออกมาและกลายเป็นแม่น้ำที่ลึกถึงข้อเท้าแรก จากนั้นลึกถึงเข่า แล้วก็ลึกถึงเอว และในที่สุด ‘มันเป็นแม่น้ำที่อยู่เหนือหัวของข้าพเจ้า เป็นน้ำที่แหวกว่ายในน้ำได้ ไม่มีใครสามารถเดินผ่านได้’ (เอเสเคียล 47:5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สองฝั่งแม่น้ำมีต้นไม้มากมาย (ข้อ 7) แม่น้ำไหลไปทางไหน ท้องทะเลก็สดใส (ข้อ 8)

แม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิตอยู่ได้ มีฝูงปลามากมาย เพราะแม่น้ำทำให้ทะเลเค็มเป็นน้ำจืด แม่น้ำไปถึงแห่งไหน สิ่งมีชีวิตก็มีมากมาย ชาวประมง... ทอดแห ทะเลจะเต็มไปด้วยปลานานาชนิด...

‘แต่แม่น้ำทั้งสองฝั่งจะปลูกไม้ผลทุกชนิด ใบจะไม่เหี่ยวแห้ง ผลก็จะไม่ร่วงหล่นไป ทุกเดือนมันจะออกผลสดใหม่เพราะแม่น้ำจากพระนิเวศไหลมา ผลของมันจะใช้เป็นอาหารและใบของมันสำหรับการรักษา’ (ข้อ 8–12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูตรัสว่าพระสัญญาเหล่านี้ในพระธรรมเอเสเคียลจะไม่สำเร็จในที่ใดที่หนึ่ง แต่จะสำเร็จในตัวผู้หนึ่ง คือองค์พระเยซูเอง (ยอห์น 7:37–39) โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ธารน้ำแห่งชีวิตจะไหลออกจากคุณเช่นกัน พระเยซูตรัสว่า ‘และให้คนที่วางใจในเราดื่ม ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น’ (ข้อ 38)

แม่น้ำดำรงชีวิตจึงเป็นภาพของการงานของพระวิญญาณ ผู้ทรงนำชีวิต ความอุดมสมบูรณ์ และพระพรมาสู่คุณ แล้วไหลออกจากตัวคุณเพื่อสร้างผลดีต่อผู้อื่น ภาพทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงชีวิต การเติบโต การเกิดผล และการเยียวยา เป็นภาพของคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ที่กำลังเติบโตและทำให้ชีวิตไม่ว่าแม่น้ำจะไหลไปที่ใด

ในที่สุดภาพของแม่น้ำเป็นนิมิต และการคาดการณ์ถึงกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งเป็นนครที่พระเจ้าทรงประทับอยู่ ชื่อเมืองคือ ‘พระยาห์เวห์สถิตที่นั่น’ (เอเสเคียล 48:35) สิ่งนี้ทำให้เห็นถึงฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ (ดู วิวรณ์ 22:1–2) ซึ่งพระเยซูจะทรงนำมาเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับพระวิญญาณบริสุทธิ์และพระสัญญาว่าแม่น้ำดำรงชีวิตจะไหลออกจากส่วนลึกของข้าพระองค์ โปรดเติมเต็มข้าพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันนี้ เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้นำชีวิต ความรัก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และการเยียวยาในทุกที่ที่ข้าพระองค์ไป

เพิ่มเติมโดยพิพพา

1 เปโตร 4:9

‘จงต้อนรับเลี้ยงดูกันและกันโดยไม่บ่น’

เนื่องจากมีคนเข้าออกที่บ้านเป็นจำนวนมากทุกวัน จึงต้องอ่านข้อนี้ต่อไป!

ข้อพระคำประจำวัน

1 เปโตร 4:8

‘จงรักกันและกันให้มาก เพราะความรักให้อภัยบาปมากมายได้’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม