พระเจ้าอยู่ที่ไหน?
เกริ่นนำ
เอลิ วีเซล เกิดในครอบครัวชาวยิวในโรมาเนีย เขาเป็นเพียงวัยรุ่นเมื่อเขาและครอบครัวของเขาถูกพวกนาซีจับกุมและพาไปที่เอาชวิทซ์ก่อน จากนั้นจึงไปที่บูเคินวัลด์ ในหนังสือชื่อ Night ของเขา เขาเล่าเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวและการใกล้ชิดความโหดร้ายที่ทวีคูณมากขึ้นที่เขาต้องกัดฟันทน นั่นคือการตายของพ่อแม่และน้องสาววัยแปดขวบของเขา และการสูญเสียความไร้เดียงสาของเขาด้วยน้ำมือมนุษย์อันที่ป่าเถื่อน
ในคำนำของหนังสือเล่มนี้ ฟรองซัว เมาริอัค เขียนถึงการพบกับ เอลิ วีเซล ว่า ‘ในวันที่เลวร้ายที่สุดท่ามกลางวันเลวร้ายอื่น ๆ เมื่อเด็กคนหนึ่งเห็นการแขวนคอ (ใช่แล้ว!) ของเด็กอีกคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าของทูตสวรรค์ที่น่าเศร้า เขาได้ยินเสียงคนข้างหลังเขาคร่ำครวญ “เห็นแก่พระเจ้าเถอะ พระเจ้าอยู่ที่ไหน?” และจากภายในตัวผม ผมได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า “พระเจ้าอยู่ที่ไหน? อยู่ที่นี่ คือที่แขวนจากตะแลงแกง”’
ฟรองซัว เมาริอัค กล่าวต่อไปว่า ‘และผมเป็นผู้ที่เชื่อว่าพระเจ้าคือความรัก จะให้คำตอบอะไรกับคู่สนทนาหนุ่มผู้นี้... ผมควรพูดอะไรกับเขาหรือ? ผมได้บอกกับเขาเกี่ยวกับชาวยิวคนหนึ่งเป็นชายที่ถูกตรึงที่กางเขนซึ่งอาจคล้ายกันนี้และไม้กางเขนของเขาผู้นั้นพิชิตโลกนี้หรือไม่?
‘ผมอธิบายให้เขาฟังหรือไม่ว่า สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำหรับความเชื่อของเขาได้กลายเป็นศิลามุมเอกของผมไปแล้ว? และในความคิดของผม ความเชื่อมโยงระหว่างไม้กางเขนกับความทุกข์ทรมานของมนุษย์ยังคงเป็นกุญแจสู่ความลึกลับที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ซึ่งความเชื่อในวัยเด็กของเขาได้สูญเสียไป... นั่นคือสิ่งที่ผมควรจะพูดกับเด็กชาวยิวคนนั้น แต่สิ่งที่ผมทำได้คือโอบกอดเขาและร้องไห้’
แน่นอนคำพูดของ ฟรองซัว เมาริอัค ชี้ไปที่คำตอบที่ลึกซึ้งที่สุดสำหรับคำถามที่ว่า ‘พระเจ้าอยู่ที่ไหน?’ พระเจ้าอยู่ในพระคริสต์ พระองค์ทรงอยู่บนกางเขนแบกบาปของเราไว้บนพระกายของพระองค์ บัดนี้ผู้ถูกตรึงอยู่ในหมู่ประชากรของพระองค์ พระองค์ไม่เพียงทนทุกข์เพื่อคุณเท่านั้น แต่ตอนนี้พระองค์ทนทุกข์กับคุณด้วย
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม พลับพลา (และต่อมาคือพระวิหาร) เป็นสถานที่ที่ผู้คนไปพบกับพระเจ้า นี่คือบ้านของพระเจ้าดังที่เราเห็นในข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมของเราในวันนี้ (เอเสเคียล 43:5)
ข้อความในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ของเราคือพระสิริและการทรงสถิตของพระเจ้าที่พบได้เด่นชัดที่สุดในพระเยซู ในช่วงเวลานี้เองที่พระเยซูถูกปฏิเสธและถูกตรึงที่กางเขน การทรงสถิตของพระเจ้าท่ามกลางผู้คนได้สำเร็จเป็นจริงในที่สุด จากจุดนั้นทำให้ไม่จำเป็นต้องมีพระวิหาร การสร้างคริสตจักรที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่คืออาคารที่สร้างจากมนุษย์ (เอเฟซัส 2:20–22) ซึ่งก่อตั้งและสร้างขึ้นบนพระเยซู ซึ่งเป็นศิลามุมเอก พระวิหารบริสุทธิ์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่สร้างจาก ‘ศิลาที่มีชีวิต’ (1 เปโตร 2:5) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคนอย่างคุณและผม คือบ้านใหม่ของพระเจ้า
สดุดี 132:1-18
ที่ประทับถาวรของพระเจ้าในศิโยน
บทเพลงใช้แห่ขึ้น
1ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกถึงดาวิด
และความลำบากทั้งสิ้นของท่าน
2คือท่านได้ปฏิญาณต่อพระยาห์เวห์
และได้บนตัวไว้ต่อองค์ผู้ทรงฤทธิ์ของยาโคบว่า
3“ข้าพระองค์จะไม่เข้าบ้าน
หรือเข้านอน
4ข้าพระองค์จะไม่ให้ดวงตาข้าพระองค์หลับ
หรือให้หนังตาหย่อน
5จนกว่าข้าพระองค์จะหาสถานที่สำหรับพระยาห์เวห์ได้
คือที่ประทับขององค์ผู้ทรงฤทธิ์ของยาโคบ”
6นี่แน่ะ พวกเราได้ยินเรื่องนี้ในเอฟราธาห์
ได้พบสิ่งนี้ในนาของยาอาร
7“ให้เราไปยังที่ประทับของพระองค์
ให้เรานมัสการที่แท่นรองพระบาทของพระองค์”
8ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้นเสด็จไปยังที่พำนักของพระองค์
ทั้งพระองค์และหีบแห่งอานุภาพของพระองค์
9ขอให้ปุโรหิตของพระองค์สวมความชอบธรรม
และให้ผู้จงรักภักดีของพระองค์โห่ร้องด้วยความยินดี
10เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
ขออย่าเมินพระพักตร์หนีจากผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้นั้น
11พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณกับดาวิด อันเป็นสัจจะ
ซึ่งพระองค์จะไม่ทรงหันกลับว่า
“เราจะตั้งลูกในไส้ของเจ้า
ไว้บนบัลลังก์ของเจ้า
12ถ้าลูกทั้งหลายของเจ้าปฏิบัติตามพันธสัญญา
และพระโอวาทซึ่งเราจะสอนพวกเขา
แล้วลูกทั้งหลายของพวกเขา
จะนั่งบนบัลลังก์ของเจ้าเป็นนิตย์”
13เพราะพระยาห์เวห์ทรงเลือกศิโยน
พระองค์มีพระประสงค์จะให้เป็นที่ประทับของพระองค์
14ตรัสว่า “นี่เป็นที่พำนักของเราเป็นนิตย์
เราจะอยู่ที่นี่ เพราะเราปรารถนาเช่นนั้น
15เราจะอวยพรอย่างมากมายแก่เสบียงของเมืองนี้
เราจะให้คนจนของเมืองนี้อิ่มด้วยอาหาร
16เราจะเอาความรอดห่มปุโรหิตของเมืองนี้
และผู้จงรักภักดีของเมืองนี้จะโห่ร้องด้วยความยินดี
17ณ ที่นั้น เราจะทำให้มีเขาหนึ่งงอกขึ้นมาสำหรับดาวิด
เราได้เตรียมตะเกียงดวงหนึ่งสำหรับผู้รับการเจิมของเรา
18เราจะเอาความอายห่มศัตรูของท่าน
แต่มงกุฎของท่านจะแวววับอยู่บนท่าน”
อรรถาธิบาย
พบบ้านของพระเจ้า
ความปรารถนาในใจของดาวิดคือการถวายเกียรติแด่พระเจ้าและให้พระองค์อยู่เหนือความสบายทางวัตถุ ‘ข้าพเจ้าจะไม่กลับบ้าน ข้าพเจ้าจะไม่เข้านอน ข้าพเจ้าจะไม่นอน ไม่แม้แต่จะพักผ่อน จนกว่าข้าพเจ้าจะพบบ้านสำหรับพระเจ้า’ (ข้อ 3–5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ประชากรกล่าวว่า ‘ให้เราไปยังที่ประทับของพระองค์เถิด ให้เรานมัสการที่แท่นรองพระบาทของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้นเสด็จไปยังที่พำนักของพระองค์ ทั้งพระองค์และหีบแห่งอานุภาพของพระองค์’ (ข้อ 7-8) พระเจ้าตรัสว่า ‘… ที่นี่จะเป็นบ้านของเราเสมอ’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
1 เปโตร 2:4-25
4จงมาหาพระองค์ พระศิลาที่มีชีวิต ที่แม้ถูกมนุษย์ปฏิเสธแล้ว แต่กลับเป็นศิลาที่ทรงเลือกสรร และล้ำค่าในสายพระเนตรพระเจ้า 5และพวกท่านเองเป็นดังศิลาที่มีชีวิต จงรับการสร้างขึ้นเป็นพระนิเวศฝ่ายวิญญาณ เพื่อเป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ เพื่อถวายเครื่องบูชาฝ่ายวิญญาณ อันเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์ 6เพราะมีคำกล่าวไว้ในพระคัมภีร์แล้วว่า
“นี่แน่ะ เราวางศิลาก้อนหนึ่งลงในศิโยน
เป็นศิลาหัวมุมที่เลือกสรรอันล้ำค่า
และใครที่เชื่อในพระองค์ก็จะไม่ผิดหวัง ”
7เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงมีค่ามหาศาลสำหรับพวกท่านที่เชื่อ แต่สำหรับคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อนั้น
ศิลาที่ช่างก่อสร้างปฏิเสธไม่เอาแล้ว
ศิลานี้กลับกลายเป็นศิลามุมเอก
8และ
เป็นศิลาที่ทำให้คนสะดุด
และเป็นหินที่ทำให้คนหกล้ม
ที่พวกเขาสะดุดนั้น เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังพระวจนะ ตามที่พวกเขาถูกกำหนดให้ทำเช่นนั้น
9แต่พวกท่านเป็นพงศ์พันธุ์ที่ทรงเลือกสรร เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์ เป็นประชากรอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เพื่อให้พวกท่านประกาศพระเกียรติคุณของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกพวกท่านให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์
10เมื่อก่อนพวกท่านไม่ใช่ประชากร
แต่บัดนี้พวกท่านเป็นประชากรของพระเจ้าแล้ว
เมื่อก่อนพวกท่านไม่ได้รับพระเมตตา
แต่บัดนี้พวกท่านได้รับพระเมตตาแล้ว
จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า
11ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่าน ผู้เป็นคนแปลกถิ่นและคนต่างด้าว ให้เว้นจากตัณหาของเนื้อหนัง ซึ่งต่อสู้กับวิญญาณจิต 12จงรักษาความประพฤติอันดีของพวกท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ เพื่อว่าเมื่อพวกเขาใส่ร้ายพวกท่านว่าประพฤติชั่ว พวกเขาจะได้เห็นคุณความดีของพวกท่าน และจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมาเยือน
13พวกท่านจงยอมเชื่อฟังผู้มีสิทธิอำนาจ เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นจักรพรรดิผู้มีอำนาจ 14หรือจะเป็นบรรดาผู้ว่าราชการเมืองที่จักรพรรดิส่งไปให้ลงโทษผู้ทำชั่วและยกย่องผู้ทำดี 15เพราะพระเจ้าทรงประสงค์จะให้พวกท่านระงับความโง่ของคนโฉดเขลาด้วยการทำดี 16จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า 17จงให้เกียรติทุกคน จงรักพวกพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่จักรพรรดิ
พระคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างของการทนทุกข์
18พวกท่านที่เป็นคนใช้ จงยอมอยู่ใต้บังคับนายของพวกท่านด้วยความยำเกรงทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะนายที่เป็นคนใจดีและเห็นอกเห็นใจเท่านั้น แต่ทั้งนายที่ร้ายด้วย 19เพราะว่าสิ่งนี้เป็นที่พอพระทัย ก็ต่อเมื่อคนหนึ่งคนใดด้วยเห็นแก่พระเจ้ายอมแบกรับความเจ็บปวดต่างๆ โดยทนทุกข์อย่างไร้ความเป็นธรรม 20เพราะจะเป็นความดีความชอบอย่างไร ถ้าพวกท่านสู้ทนเมื่อถูกเฆี่ยนเพราะการทำชั่วนั้น? แต่ถ้าพวกท่านทำดีและต้องทนทุกข์ลำบาก สิ่งนี้ก็จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า 21เพราะพระเจ้าทรงเรียกพวกท่านเพื่อจุดประสงค์นี้ เพราะว่าพระคริสต์ทรงทนทุกข์เพื่อพวกท่าน พระองค์ทรงวางแบบอย่างแก่พวกท่าน เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์
22พระองค์ไม่ได้ทรงทำบาปเลย
และไม่พบการล่อลวงในพระโอษฐ์ของพระองค์เลย
23เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้ทรงขู่อาฆาต แต่ทรงมอบพระองค์เองไว้แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม 24พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปทั้งหลายของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราจะตายต่อบาปได้ และดำเนินชีวิตเพื่อความชอบธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ พวกท่านจึงได้รับการรักษาให้หาย 25เพราะว่าพวกท่านได้หลงเจิ่นไปเหมือนแกะ แต่เดี๋ยวนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยงและผู้ดูแลวิญญาณจิตของพวกท่านแล้ว
อรรถาธิบาย
พบพระเจ้าในพระเยซู
พระเยซูทรงเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
พระองค์ทรงเป็นศิลามุมเอกของบ้านใหม่ ที่สร้างจากมนุษย์ ‘จงมาหาพระองค์ พระศิลาที่มีชีวิต ที่แม้ถูกมนุษย์ปฏิเสธแล้ว แต่กลับเป็นศิลาที่ทรงเลือกสรร และล้ำค่าในสายพระเนตรพระเจ้า และพวกท่านเองเป็นดังศิลาที่มีชีวิต จงรับการสร้างขึ้นเป็นพระนิเวศฝ่ายวิญญาณ’ (ข้อ 4–5ก)
พระเยซูทรงเป็นศิลามุมเอกและเป็นศิลาที่ทำให้คนสะดุด (ข้อ 7–8) ทุกวันนี้หลายคนยังพบว่าพระเยซูเป็นศิลาที่ทำให้สะดุด แต่ถ้าคุณทำให้พระองค์เป็นศิลามุมเอกในชีวิตของคุณและวางใจในพระองค์ ‘จะไม่ผิดหวัง’ (ข้อ 6)
เปโตรบอกทุกคนที่เชื่อว่าเราถูกเรียกให้เป็นศิลาที่มีชีวิตซึ่งประกอบขึ้นเป็นนิเวศฝ่ายวิญญาณซึ่งสร้างขึ้นห้อมล้อมพระเยซู เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมเพิ่งรู้สึกประทับใจกับภาพลักษณ์ของคริสตจักรในฐานะครอบครัวของพระเจ้า เมื่อคุณพบพระเยซู คุณจะกลับบ้าน
ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้มีคำอธิบายการเปลี่ยนแปลงคือ ‘แต่ท่านเป็นคนที่พระเจ้าเลือก ซึ่งได้รับเลือกสำหรับการทรงเรียกสูงสุดสำหรับงานปุโรหิต ได้รับเลือกให้เป็นคนบริสุทธิ์ เป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการทำงานของพระองค์และพูดเกี่ยวกับพระองค์ เพื่อบอกคนอื่น ๆ ถึงความแตกต่างทั้งกลางวันและกลางคืนที่พระองค์สร้างให้ท่าน จากไม่มีอะไรเลยเป็นมีบางสิ่งเกิดขึ้น จากถูกปฏิเสธเป็นการยอมรับ’ (ข้อ 9,พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ด้วยเหตุนี้ จงใช้ชีวิตอย่างแตกต่างไปจากโลกรอบตัวคุณ ‘เพื่อนเอ๋ย ๆ โลกนี้ไม่ใช่บ้านของท่าน ดังนั้นอย่าทำให้ตัวเองอบอุ่น และสะดวกสบายในนั้น’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราเป็นคนของพระเจ้า คุณได้รับความเมตตา (ข้อ 10) ตอนนี้คุณมีการต่อสู้ในมือของคุณ มันเป็นเรื่องจริงมาก ๆ คุณต้องละเว้นจากตัณหาของเนื้อหนังที่ต่อสู้กับวิญญาณจิตของคุณ (ข้อ 11)
อย่าแปลกใจกับการกล่าวหาว่าทำผิด (ข้อ 12) พยายามดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ซึ่งจะรวมถึงการเคารพผู้มีอำนาจ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การทำความดี (ข้อ 15) การปฏิบัติต่อทุกคนที่คุณพบอย่างมีศักดิ์ศรี (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความรักต่อครอบครัวฝ่ายวิญญาณของคุณ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ไม่กล่าวตอบโต้ (ข้อ 23) การทนทุกข์เพราะการทำความดี (ข้อ 20) และการวางใจ ‘ผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม’ (ข้อ 23)
เป็นไปได้อย่างไรในขณะที่เราเป็นมนุษย์คนบาป? คำตอบของเปโตรคือชี้ไปที่พระเยซู ‘พระองค์ทรงใช้พระกายของพระองค์แบกบาปของเราไปที่ไม้กางเขนเพื่อเราจะได้กำจัดบาป เป็นอิสระในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง บาดแผลของพระองค์กลายเป็นการรักษาของเรา’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง เปโตรนำเอาอิสยาห์บทที่ 53 ซึ่งเผยพระวจนะถึงวิธีที่พระเมสสิยาห์จะสิ้นพระชนม์แทนประชากรของพระองค์ นี่คือสิ่งที่หมายถึงการที่ศิลามุมเอกจะถูกปฏิเสธ นี่คือศิลาที่เป็นรากฐานแห่งความเชื่อของคุณ และนี่คือวิธีที่คุณถูกนำกลับเข้าสู่ที่ประทับของพระเจ้า ที่กางเขน สถานที่ทุกข์ได้กลายเป็นที่แห่งความรอด
คำอธิษฐาน
เอเสเคียล 43:1-44:31
พระสิริของพระเจ้ากลับมายังพระนิเวศ
1แล้วท่านนำข้าพเจ้ามายังประตู คือประตูที่หันหน้าไปทิศตะวันออก 2และ ดูสิ พระสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลมาจากทิศตะวันออก และพระสุรเสียงของพระองค์ก็เหมือนเสียงน้ำไหลแรง และแผ่นดินก็สว่างด้วยพระสิริของพระองค์ 3และนิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นมีลักษณะเหมือนนิมิตซึ่งข้าพเจ้าเห็นเมื่อพระองค์เสด็จมาทำลายเมืองนั้น และมีลักษณะเหมือนนิมิตซึ่งข้าพเจ้าได้เห็นที่ริมแม่น้ำเคบาร์ แล้วข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงถึงดิน 4เมื่อพระสิริของพระยาห์เวห์เข้าไปในพระนิเวศทางประตูที่หันไปทางทิศตะวันออก 5พระวิญญาณก็ยกข้าพเจ้าขึ้น และนำข้าพเจ้ามาที่ลานชั้นใน และดูสิ พระสิริของพระยาห์เวห์ก็เต็มพระนิเวศ
6ขณะที่ชายคนนั้นยังยืนอยู่ข้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าดังออกมาจากพระนิเวศ 7และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย บัลลังก์ของเราและสถานที่วางเท้าของเราอยู่ที่นี่ เป็นที่ที่เราจะอยู่ท่ามกลางชนชาติอิสราเอลเป็นนิตย์ และพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะไม่ทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นที่ลบหลู่อีก ไม่ว่าโดยตัวเขาทั้งหลายเองหรือกษัตริย์ของเขา ด้วยการเล่นชู้ของเขาและด้วยศพของบรรดากษัตริย์ของเขาที่ตายไป 8โดยการวางธรณีประตูของเขาทั้งหลายไว้ข้างธรณีประตูของเรา และโดยตั้งเสาประตูของเขาไว้ข้างเสาประตูของเรา มีเพียงผนังกั้นไว้ระหว่างเรากับเขาเท่านั้น พวกเขาได้ทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทินด้วยสิ่งน่าสะอิดสะเอียนของเขาที่เขาได้ทำไป ดังนั้น เราจึงเผาผลาญเขาเสียด้วยความกริ้วของเรา 9บัดนี้ให้พวกเขาทิ้งการเล่นชู้ทั้งหลายของเขา และให้ศพของบรรดากษัตริย์ของเขาห่างไกลจากเรา แล้วเราจะอยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลายเป็นนิตย์
10“เจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงบรรยายแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลให้รับรู้ถึงพระนิเวศ และให้เรียนรู้แบบของพระนิเวศนั้น เพื่อว่าพวกเขาจะได้ละอายในเรื่องบาปชั่วของเขา 11และเมื่อเขาละอายในสิ่งทั้งหลายที่เขาทำมาแล้ว จงแสดงแบบแผนของการจัดวางต่างๆ ทางออกทางเข้า และจงให้พวกเขารู้แบบแผนทั้งหมด กฎเกณฑ์ทั้งหมด และธรรมบัญญัติทั้งหมดของพระนิเวศนั้น จงเขียนลงไว้ต่อหน้าต่อตาของเขา เพื่อเขาจะได้รักษาและทำตามแบบแผนและกฎเกณฑ์ทั้งหมดของพระนิเวศ 12นี่เป็นธรรมบัญญัติของพระนิเวศ คือบริเวณโดยรอบที่อยู่บนยอดภูเขาจะเป็นที่บริสุทธิ์ที่สุด ดูสิ นี่เป็นธรรมบัญญัติของพระนิเวศ”
แท่นบูชา
13ต่อไปนี้เป็นขนาดของแท่นบูชาวัดเป็นเมตร (ตามมาตรฐานการวัด) รอบฐานมีร่องลึก 50 เซนติเมตร และกว้าง 50 เซนติเมตร ริมร่องด้านนอกนั้นยกริมเป็นขอบสูง 25 เซนติเมตร ส่วนความสูงของแท่นบูชาเป็นดังนี้ 14จากพื้นร่องถึงฐานชั้นที่สองนั้นสูง 1 เมตร ฐานชั้นแรกมีส่วนกว้างที่ยื่นยาวกว่าชั้นสองข้างละ 50 เซนติเมตร จากพื้นของฐานชั้นที่สองถึงพื้นของฐานชั้นสามนั้นสูง 2 เมตร ฐานชั้นสองก็มีส่วนกว้างที่ยื่นยาวกว่าชั้นสามข้างละ 50 เซนติเมตร 15และชั้นสามที่เป็นเตาแท่นบูชานั้นสูง 2 เมตร และจากแท่นเตามีเชิงงอนยื่นขึ้นไป 4 เชิงงอน 16ตัวเตาแท่นบูชานั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาว 6 เมตร กว้าง 6 เมตร 17ฐานชั้นสองก็เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาว 7 เมตร กว้าง 7 เมตร ยกริมโดยรอบเป็นขอบสูง 25 เซนติเมตร มีร่องกว้าง 50 เซนติเมตรโดยรอบ บันไดแท่นบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
18และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์ของแท่นบูชา ในวันที่สร้างเสร็จแล้ว เพื่อจะถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และจะพรมด้วยเลือด 19เจ้าจงมอบโคหนุ่มตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปแก่ปุโรหิตคนเลวีจากเชื้อสายศาโดก ผู้ซึ่งเข้ามาใกล้เพื่อปรนนิบัติเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ 20เจ้าจงเอาเลือดโคนั้นเล็กน้อยทาไว้ที่เชิงงอนทั้งสี่ของแท่น และมุมทั้งสี่ของชั้นข้างเตา และที่ยกริมโดยรอบ ทำดังนี้แล้วเจ้าจะได้ชำระแท่นและทำการลบมลทินของแท่นนั้นไว้ 21เจ้าจงเอาโคผู้ซึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป และเจ้าจงเผามันเสียภายนอกสถานบริสุทธิ์ในที่ที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นของพระนิเวศ 22และในวันที่สองเจ้าจงถวายแพะตัวผู้ที่ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป และชำระแท่นบูชาอย่างที่ชำระด้วยโคหนุ่ม 23เมื่อเจ้าได้ชำระแท่นเสร็จแล้ว เจ้าจงถวายโคหนุ่มปราศจากตำหนิ และแกะตัวผู้ที่ปราศจากตำหนิจากฝูง 24เจ้าจงนำมาถวายเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และปุโรหิตจะเอาเกลือโรยลงบนนั้น และถวายเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ 25เจ้าจงถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปทุกวันจนครบเจ็ดวัน และจงถวายโคหนุ่มและแกะผู้ที่ปราศจากตำหนิจากฝูงด้วย 26เขาทั้งหลายจะต้องทำการลบมลทินแท่นบูชาอยู่ 7 วันจึงจะชำระเสร็จ และถวายให้เป็นสิ่งบริสุทธิ์ 27และเมื่อครบตามวันที่กำหนดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 เป็นต้นไป ปุโรหิตจะต้องถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวของพวกเจ้า และเครื่องศานติบูชาของพวกเจ้าบนแท่นนั้น แล้วเราจะโปรดปรานเจ้าทั้งหลาย” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
เอเสเคียล 4
ประตูที่ถูกปิดไว้
1แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ากลับมาที่ประตูด้านนอกของสถานบริสุทธิ์ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และประตูนั้นปิดอยู่ 2แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ประตูนี้จะปิดอยู่เรื่อยไป อย่าให้เปิดและไม่ให้ใครเข้าไปทางนี้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลได้เสด็จเข้าไปทางนี้ จึงต้องปิดไว้ 3เฉพาะเจ้านายเท่านั้นที่จะนั่งรับประทานอาหารเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ในประตูนี้ได้ แต่เขาจะต้องเข้ามาทางมุขของหอประตูและต้องออกไปตามทางเดียวกัน”
การเข้าไปยังพระนิเวศ
4แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ามาตามทางของประตูเหนือ มาที่ข้างหน้าพระนิเวศ แล้วข้าพเจ้ามองดู และดูสิ พระสิริของพระยาห์เวห์ก็เต็มพระนิเวศของพระยาห์เวห์ แล้วข้าพเจ้าก็ซบหน้าลง 5และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงตั้งใจให้ดี จงดูด้วยตาของเจ้า และฟังด้วยหูของเจ้าในทุกสิ่งที่เราจะบอกเจ้า เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ทั้งหมดของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และธรรมบัญญัติทั้งหมดของพระนิเวศนั้น และจงจดจำเรื่องผู้ที่จะเข้าพระนิเวศ และพวกที่ห้ามเข้าสถานบริสุทธิ์ไว้ให้ดี 6แล้วจงบอกพงศ์พันธุ์มักกบฏ คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ขอให้การน่าสะอิดสะเอียนทั้งหมดของพวกเจ้าสิ้นสุดเสียที 7คือการยินยอมให้คนต่างด้าวที่ไม่เข้าสุหนัตทางใจและไม่เข้าสุหนัตทางร่างกายเข้ามาในสถานนมัสการของเรา ซึ่งเป็นการลบหลู่พระนิเวศเรา เมื่อเจ้าถวายอาหารของเราแก่เรา คือไขมันและเลือด พวกเจ้าได้ทำลายพันธสัญญาของเราด้วยการน่าสะอิดสะเอียนทุกอย่างของพวกเจ้า 8และพวกเจ้าไม่ได้รักษาหน้าที่ในสิ่งบริสุทธิ์ทั้งหลายของเรา แต่เจ้าได้ตั้งคนนอกให้รักษาหน้าที่แทนตัวเจ้า ซึ่งเรามอบให้เจ้าในสถานนมัสการของเรา
9“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า อย่าให้คนต่างด้าว ที่ไม่เข้าสุหนัตทางใจและไม่เข้าสุหนัตทางกายเข้าไปในสถานนมัสการของเรา คือคนต่างด้าวทั้งหมดที่อยู่ท่ามกลางชนชาติอิสราเอล 10ส่วนคนเลวีที่ห่างไกลจากเราคือได้หลงจากเราไปติดตามรูปเคารพของเขา เมื่อคนอิสราเอลหลงไปนั้น จะต้องได้รับโทษความผิดบาปของตน 11แต่พวกเขายังอาจปรนนิบัติอยู่ในสถานนมัสการของเรา โดยตรวจตราดูอยู่ที่ประตูพระนิเวศ และปฏิบัติอยู่ในพระนิเวศ เขาจะฆ่าเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องสัตวบูชาให้ประชาชน และเขาจะต้องยืนอยู่ต่อหน้าประชาชน เพื่อจะรับใช้เขาทั้งหลาย 12เพราะพวกเขาเคยปรนนิบัติประชาชนอยู่หน้ารูปเคารพของประชาชน จึงกลายเป็นสิ่งสะดุดให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลทำความผิดบาป เพราะฉะนั้น เราจึงได้ปฏิญาณด้วยเรื่องเขาทั้งหลายว่า ‘เขาทั้งหลายจะต้องได้รับโทษของเขา’ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ 13ห้ามพวกเขาเข้ามาใกล้เรา เพื่อจะรับใช้เราในตำแหน่งปุโรหิต หรือเข้ามาใกล้ของบริสุทธิ์ทั้งหลายของเรา หรือของที่บริสุทธิ์ที่สุดนั้น แต่เขาต้องทนรับความอับอายขายหน้า เพราะการน่าสะอิดสะเอียนที่เขาได้ทำ 14ถึงกระนั้นเราจะให้เขาทำหน้าที่ในพระนิเวศ คือให้ทำการบริการทั้งหมดและทำทุกสิ่งที่ต้องทำในพระนิเวศนั้น
บรรดาปุโรหิตชาวเลวี
15“แต่ปุโรหิตคนเลวี ผู้เป็นเชื้อสายของศาโดก ผู้ที่ยังคงรักษาหน้าที่ในสถานนมัสการของเรา ครั้งเมื่อคนอิสราเอลหลงไปจากเรานั้น ให้พวกเขาเข้ามาใกล้เราเพื่อปรนนิบัติเรา และให้ยืนอยู่ต่อหน้าเราที่จะถวายไขมันและเลือด พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ 16พวกเขาจะเข้ามาในสถานนมัสการของเราได้ และให้เขาเข้ามาใกล้โต๊ะของเราเพื่อจะปรนนิบัติเรา และให้เขารักษาคำกำชับของเรา 17เมื่อพวกเขาเข้าประตูลานชั้นในนั้น ให้เขาสวมเสื้อผ้าป่าน ห้ามมีสิ่งใดที่ทำด้วยขนแกะบนตัวเขา ขณะเมื่อปรนนิบัติอยู่ที่ประตูลานชั้นใน และอยู่ข้างใน 18ให้เขาโพกผ้าป่านไว้บนศีรษะ และสวมกางเกงผ้าป่านเพียงเอว อย่าให้เขาคาดตัวด้วยสิ่งใดที่ทำให้มีเหงื่อ 19และเมื่อพวกเขาออกไปยังลานชั้นนอก คือไปหาประชาชนยังลานชั้นนอก ให้เขาถอดเสื้อผ้าชุดที่ใช้ปรนนิบัตินั้นออกเสีย และวางไว้ในห้องบริสุทธิ์ แล้วจึงสวมเสื้อผ้าอื่น เกรงว่าเขาจะนำความบริสุทธิ์ไปแตะต้องประชาชนด้วยเสื้อผ้าของเขา 20ห้ามเขาโกนศีรษะหรือปล่อยให้ผมยาว แต่ให้เขาขลิบผมบนศีรษะเขาเท่านั้น 21ห้ามปุโรหิตทุกคนที่จะเข้าไปในลานชั้นในดื่มเหล้าองุ่น 22ห้ามพวกเขาแต่งงานกับหญิงม่ายหรือหญิงที่ถูกหย่าแล้ว แต่ให้แต่งงานกับหญิงพรหมจารีที่สืบเชื้อสายจากพงศ์พันธุ์อิสราเอล หรือหญิงม่ายซึ่งเป็นหญิงม่ายของปุโรหิต 23เขาจะต้องสั่งสอนประชากรของเราถึงความแตกต่างระหว่างของบริสุทธิ์และของสามัญ และทำให้พวกเขารู้ว่าอะไรเป็นมลทินและอะไรไม่เป็นมลทิน 24ถ้ามีคดีความกัน ปุโรหิตจะต้องทำหน้าที่ผู้พิพากษา และเขาจะต้องพิพากษาตามกฎหมายของเรา เขาจะต้องรักษาธรรมบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเราเรื่องงานเทศกาลตามกำหนดของเรานั้น ทั้งจะต้องรักษาวันสะบาโตของเราให้บริสุทธิ์ 25พวกเขาต้องไม่ทำตัวให้เป็นมลทินด้วยการเข้าไปแตะต้องคนตาย แต่ถ้าเป็นบิดาหรือมารดา หรือบุตรชายหรือบุตรหญิง หรือพี่น้องผู้ชายหรือพี่น้องผู้หญิงที่ยังไม่มีสามี ก็จะให้เป็นมลทินได้ 26หลังจากที่ได้รับการชำระแล้ว เขายังต้องรออีก 7 วัน 27ในวันที่พวกเขาเข้าไปในสถานนมัสการ คือที่ลานชั้นในเพื่อจะปรนนิบัติอยู่ในสถานนมัสการนั้น เขาจะต้องถวายเครื่องบูชาลบล้างบาปเสียก่อน พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
28“เราเองจะเป็นมรดกของพวกปุโรหิต และพวกเจ้าไม่ต้องให้เขาถือกรรมสิทธิ์ใดๆ ในอิสราเอล เราเองจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา 29ให้พวกเขากินเครื่องธัญบูชา เครื่องบูชาลบล้างบาป และเครื่องบูชาชดใช้บาป รวมทั้งทุกสิ่งที่ถวายไว้ในอิสราเอลจะเป็นของเขา 30และผลดีที่สุดของผลรุ่นแรกทุกชนิด และของถวายทุกอย่างจากเครื่องถวายทั้งหมดของพวกเจ้า จะเป็นของบรรดาปุโรหิต เจ้าจงมอบแป้งอย่างดีที่สุดของเจ้าให้แก่ปุโรหิต เพื่อว่าการอวยพรจะอยู่เหนือครัวเรือนของเจ้า 31ห้ามปุโรหิตกินนกหรือสัตว์ใดๆ ที่ตายเองหรือถูกกัดตาย
อรรถาธิบาย
พบพระเจ้าใน ‘พระนิเวศ’ ของพระยาห์เวห์
พระวิญญาณของพระเจ้าทำให้พระเยซูเป็นจริงในชีวิตคุณ ‘พระวิญญาณก็ยกข้าพเจ้าขึ้น และนำข้าพเจ้ามาที่ลานชั้นใน และดูสิ พระสิริของพระยาห์เวห์ก็เต็มพระนิเวศ’ (43:5)
พระเยซูเป็นพระสิริของพระเจ้า ‘พระวาทะทรงเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา เราเห็นพระสิริของพระองค์ คือพระสิริที่สมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง’ (ยอห์น 1:14)
ในนิมิตเอเสเคียลเห็นพระเยซู ‘พระเจ้าแห่งอิสราเอล’ (เอเสเคียล 43:2) ‘พระสุรเสียงของพระองค์ก็เหมือนเสียงน้ำไหลแรง และแผ่นดินก็สว่างด้วยพระสิริของพระองค์’ (ข้อ 2) สถานที่ที่พระเยซูอยู่ ทุกสิ่งรอบตัวจะสว่างไสว ในการทรงสถิตของพระองค์ สิ่งที่เราทุกคนทำได้คือซบหน้าลงและนมัสการ (ข้อ 3) ‘ข้าพเจ้ามองดู และดูเถิด สง่าราศีของพระเจ้าเต็มพระนิเวศของพระเจ้า และข้าพเจ้าซบหน้าลง’ (44:4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
ทุกครั้งที่ผู้คนของพระเจ้ามารวมตัวกันในการนมัสการ เช่น ในการนมัสการในวันอาทิตย์ ให้เราคาดหวัง ‘พระสิริของพระเจ้า’ ที่จะเติมเต็มพระนิเวศ นี่คือเหตุผลที่คริสตจักรควรมีความตื่นเต้น มีฤทธิ์อำนาจ และมีการเปลี่ยนแปลงชีวิต
ขณะที่คุณอ่านในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเกี่ยวกับการถวายเครื่องบูชาทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำเพื่อลบบาปของพวกเขา จำไว้ว่าหนังสือพระธรรมฮีบรูบอกเราว่าภาพประกอบ (ฮีบรู 9) เหล่านี้เป็น ‘แบบจำลอง’ ของสวรรค์ (ข้อ 23) พวกเขาเป็น ‘เงา’ ของสิ่งประเสริฐทั้งหลายที่จะมาในภายหลัง (10:1) พวกเขาต้องถวายเครื่องบูชาลบล้างบาป (เอเสเคียล 43:19) ด้วยเลือด (ข้อ 20) เพื่อชำระและลบมลทิน (ข้อ 20) แพะต้องปราศจากตำหนิ (ข้อ 22)
สิ่งนี้พยากรณ์การไถ่บาปที่สมบูรณ์แบบของพระเยซูคริสต์ (1 เปโตร 2:24)
การเป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ในเอเสเคียลบทที่ 44 เล็งเห็นถึงฐานะปุโรหิตบริสุทธิ์ที่อธิบายไว้ใน 1 เปโตร 2:5 ตอนนี้เป็นหน้าที่ของคริสเตียนทุกคน หน้าที่แรกของคุณในฐานะ ‘ปุโรหิต’ คือต้องรักษาตัวเองให้บริสุทธิ์ รักษาตัวให้บริสุทธิ์เพื่อพระเจ้าจะทรงใช้คุณ หน้าที่ที่สองของคุณคือช่วยผู้อื่นให้ทำเช่นเดียวกันโดยคำสอนของคุณและตามแบบอย่างของคุณ (เอเสเคียล 44:23)
พระเจ้าทรงอยู่ที่ใดตอนนี้? ทรงอยู่ในคุณโดยทางพระวิญญาณ พระองค์อยู่ที่นั่นเมื่อเรารวมตัวกันในพระนามของพระองค์และซบหน้าลงต่อหน้าพระองค์ในการมัสการ การเทิดทูนและสรรเสริญ
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
1 เปโตร 2:24ข
‘....ด้วยบาดแผลของพระองค์ พวกท่านจึงได้รับการรักษาให้หาย’
ความเจ็บปวดทั้งหมดที่เราเผชิญในชีวิตสามารถนำไปที่กางเขนและมอบให้พระเยซูได้ เราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอดีต พระเยซูทรงทนทุกข์และสิ้นพระชนม์ เพื่อเราจะได้รับการรักษาให้หายทั้งทางร่างกาย อารมณ์ จิตวิญญาณ
ข้อพระคำประจำวัน
1 เปโตร 2:24
‘พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปทั้งหลายของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ...ด้วยบาดแผลของพระองค์ พวกท่านจึงได้รับการรักษาให้หาย’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)