วัน 326

จะเติบโตฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 131:1-3
พันธสัญญาใหม่ 1 เปโตร 1:1-2:3
พันธสัญญาเดิม เอเสเคียล 41:1-42:20

เกริ่นนำ

ผมจำคืนแรกได้ดีทุกครั้งที่เราได้ยินเสียงเบา ๆ เราจะรีบลุกขึ้นจากเตียงและอุ้มเขาขึ้นมา เขาตัวเล็กมาก ไม่ใหญ่กว่ามือผมมากนัก นี่คือชีวิตใหม่ ลูกคนแรกของเราเกิดมาเราภูมิใจมาก ลูกจะหิวนมคืนละสามถึงสี่ครั้ง พิพพาจะให้นมลูกเป็นประจำ แน่นอนเขาก็โตขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ผมมองดูที่ลูกของผมคนนี้ ตอนนี้เขาตัวใหญ่เป็นสองเท่าของพิพพา มันยากที่จะเชื่อว่าครั้งหนึ่งเขาเคยตัวเล็กจิ๋วเดียว

ชีวิตใหม่เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น เช่นเดียวกับการเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ พระเยซูตรัสว่า ‘ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า’ (ยอห์น 3:3) ข้อพระคัมภีร์ในวันนี้เปโตรเขียนเกี่ยวกับ ‘การบังเกิดใหม่’ (1 เปโตร 1:3) ‘เพราะพระเยซูทรงฟื้นขึ้นจากความตาย เราจึงได้รับชีวิตใหม่ และมีทุกสิ่งเพื่อดำรงชีวิต’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

การเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณแตกต่างจากการเกิดโดยธรรมชาติที่นำไปสู่ชีวิตที่คุณเติบโตมากับ ‘ความหมดหวังและไร้ปัญญา’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

การบังเกิดใหม่หมายถึงคุณสามารถเรียกพระเจ้าว่าพระบิดา (ข้อ 17) แท้จริงแล้วตรีเอกนุภาพประกอบด้วย ‘พระเจ้า พระบิดาทรงจับตาดูทุกคนและได้ตัดสินพระทัยผ่านการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อให้คุณเชื่อฟังผ่านการสละพระชนม์ของพระเยซู’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

การเกิดตามธรรมชาติวันหนึ่งจะสิ้นสุดลงด้วยการตายตามธรรมชาติ แต่การบังเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณนำไปสู่ชีวิตนิรันด์ คือ ‘อนาคตบนสวรรค์ และอนาคตได้เริ่มขึ้นตอนนี้!’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ชีวิตฝ่ายธรรมชาติเหมือนหญ้าที่เหี่ยวแห้ง แต่ชีวิตใหม่ที่ให้กำเนิดโดยพระเจ้า ยังคงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ (ข้อ 23–25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ข้อพระคัมภีร์ในวันนี้ เราจะเห็นความเกี่ยวข้องของการบังเกิดใหม่ ในแต่ละขั้นของการเป็นบุตราและบุตรีของพระเจ้า และ ‘เติบโตขึ้นสู่ความรอด’ (2:2)

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 131:1-3

บทเพลงแสดงความวางใจอย่างสงบ

บทเพลงใช้แห่ขึ้น ของดาวิด

1ข้าแต่พระยาห์เวห์ ใจของข้าพระองค์มิได้เห่อเหิม
 และตาของข้าพระองค์มิได้ยโส
ข้าพระองค์มิได้ไปยุ่งกับเรื่องใหญ่โต
 หรือเรื่องอัศจรรย์เกินตัวของข้าพระองค์
2แต่ข้าพระองค์ได้สงบและระงับจิตใจของข้าพระองค์
 อย่างเด็กที่หย่านมแล้วสงบอยู่ที่อกมารดาของตน
 จิตใจของข้าพระองค์สงบอยู่ภายในข้าพระองค์ อย่างเด็กที่หย่านมแล้ว
3อิสราเอลเอ๋ย จงหวังในพระยาห์เวห์
 ตั้งแต่บัดนี้สืบไปเป็นนิตย์

อรรถาธิบาย

วางใจเหมือนเด็กทารก

บางครั้งผมก็กังวล หวั่นวิตก และถึงกับหวาดกลัว นั่นเป็นเหตุผลที่ผมชอบพระธรรมสดุดีนี้ เป็นภาพที่สวยงามของความไว้วางใจทั้งหมด ‘เหมือนทารกพอใจในอ้อมแขนของมารดา’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เมื่อผมมองดูหลานตัวน้อยของเราในอ้อมแขนของพ่อแม่ของเขา ผมเห็นภาพของความไว้วางใจและความปลอดภัยอย่างสุดใจ

ความไว้วางใจอย่างสุดใจนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ประการแรก ลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของจักรวาลนี้หยุดพยายามควบคุมทุกคนและทุกสิ่ง ผู้แต่งพระธรรมสดุดีเขียนว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ได้พยายามที่จะปกครองราก ข้าพเจ้าไม่ต้องการที่จะเป็นราชาแห่งขุนเขา ไม่ได้เข้าไปยุ่งในที่ที่ไม่มีธุรกิจหรือกับแผนยิ่งใหญ่ที่เพ้อฝัน’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ประการที่สอง จงวางใจในพระเจ้าในแบบเดียวกับที่ทารกวางใจในพ่อแม่อย่างสุดใจ ‘ข้าพเจ้ายืนหยัดบนพื้นดิน ข้าพเจ้าได้ปลูกฝังจิตใจที่สงบนิ่ง เช่นเดียวกับทารกพอใจในอ้อมแขนของมารดา จิตวิญญาณของข้าพระเจ้าพอใจเหมือนกับทารกที่พอใจ’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานสันติสุขในวันนี้ เหมือนเด็กที่หย่านมแล้วกับแม่ของเขา
พันธสัญญาใหม่

1 เปโตร 1:1-2:3

การทักทาย

 1เปโตร อัครทูตของพระเยซูคริสต์
 เรียน ท่านทั้งหลายที่เป็นคนต่างด้าว ที่ทรงเลือกสรร ที่ได้กระจัดกระจายไปอยู่ในแคว้นปอนทัส แคว้นกาลาเทีย แคว้นคัปปาโดเซีย แคว้นเอเชีย และแคว้นบิธีเนีย 2ตามที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้า และพระวิญญาณทรงทำให้บริสุทธิ์ เพื่อจะเชื่อฟังพระเยซูคริสต์ และได้รับการประพรมด้วยพระโลหิตของพระองค์ ขอพระคุณและสันติสุขจงเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลายยิ่งขึ้นเถิด

ความหวังที่ยั่งยืน

 3สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยพระเมตตาล้นเหลือของพระองค์ ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่ เข้าในความหวังที่ยั่งยืน โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ 4และเข้าในมรดก ซึ่งไม่เสื่อมสลายและไร้มลทิน และไม่ร่วงโรย ซึ่งได้เก็บรักษาไว้ในสวรรค์แล้วเพื่อพวกท่าน 5ผู้ได้รับการคุ้มครองโดยฤทธิ์เดชของพระเจ้าทางความเชื่อให้เข้าในความรอด ซึ่งพร้อมจะปรากฏในวาระสุดท้าย 6ในสิ่งนี้พวกท่านชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่พวกท่านต้องทนทุกข์ในการทดลองต่างๆ นานาชั่วระยะหนึ่ง 7เพื่อการทดสอบความเชื่อของพวกท่าน (อันล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำ ที่แม้ว่าจะเสื่อมสลายไปได้ก็ยังถูกทดสอบด้วยไฟ) จะนำไปสู่การสรรเสริญ ศักดิ์ศรี และเกียรติ ในเวลาที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาปรากฏ 8พระองค์ผู้ที่พวกท่านไม่เคยเห็น แต่พวกท่านยังรักพระองค์อยู่ แม้ว่าขณะนี้พวกท่านไม่เห็นพระองค์ แต่พวกท่านยังเชื่อและชื่นชมยินดี ด้วยความยินดีเป็นล้นพ้นสุดจะพรรณนา 9เพราะได้รับความรอดแห่งวิญญาณจิตอันเป็นผลจากความเชื่อของพวกท่าน
 10พวกผู้เผยพระวจนะผู้ได้พยากรณ์ถึงพระคุณซึ่งจะเกิดแก่พวกท่าน ก็ได้เสาะหาและสืบค้นอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับเรื่องความรอดนี้ 11พวกเขาได้สืบหาบุคคลและเวลา ซึ่งพระวิญญาณของพระคริสต์ผู้สถิตอยู่ในพวกเขาได้ทรงแจ้งไว้ โดยทรงบอกล่วงหน้าถึงความทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และพระสิริที่จะมาภายหลังความทุกข์เหล่านั้น 12พระองค์ทรงเผยให้ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นทราบว่า พวกเขาไม่ได้ปรนนิบัติตัวเองในเรื่องเหล่านี้ แต่ปรนนิบัติพวกท่าน บัดนี้เรื่องเหล่านี้ถูกประกาศแก่พวกท่านทางผู้ประกาศข่าวประเสริฐ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ประทานจากสวรรค์ เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งซึ่งพวกทูตสวรรค์ปรารถนาจะได้ดู

การทรงเรียกให้ดำเนินชีวิตบริสุทธิ์

 13เพราะฉะนั้น จงเตรียมตัวเตรียมใจของพวกท่านไว้ให้ดี จงรู้จักควบคุมตัวเอง จงตั้งความหวังทั้งหมดไปที่พระคุณ ซึ่งจะประทานแก่พวกท่าน ในเวลาที่พระเยซูคริสต์เสด็จมาปรากฏ 14เช่นเดียวกับบุตรที่เชื่อฟัง อย่าประพฤติตามกิเลสตัณหา อันเกิดจากความโง่เขลาของพวกท่านในอดีต 15แต่พระองค์ผู้ทรงเรียกพวกท่านนั้นบริสุทธิ์อย่างไร พวกท่านเองก็จงเป็นคนบริสุทธิ์ในชีวิตทุกด้านอย่างนั้น 16เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า “พวกท่านจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราเองบริสุทธิ์” 17และถ้าพวกท่านร้องเรียกพระองค์ว่าพระบิดา ผู้ทรงพิพากษาอย่างไม่มีอคติตามการกระทำของแต่ละคน พวกท่านก็จงดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงในเวลาที่พวกท่านอยู่ในโลกนี้ 18พวกท่านรู้ว่าพวกท่านได้รับการไถ่ออกจากการดำเนินชีวิตที่ไร้สาระ ซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกท่าน ไม่ใช่ไถ่ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง 19แต่ด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ไร้ตำหนิและไร้จุดด่างพร้อย 20พระคริสต์ทรงถูกกำหนดไว้ก่อนทรงสร้างโลก แต่ทรงปรากฏพระองค์ในวาระสุดท้ายนี้ เพื่อพวกท่าน 21โดยทางพระองค์ พวกท่านจึงวางใจในพระเจ้า ผู้ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย และประทานพระสิริแก่พระองค์ เพื่อให้ความเชื่อและความหวังของพวกท่านอยู่ในพระเจ้า
 22เมื่อพวกท่านได้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์แล้วด้วยการเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพี่น้องอย่างจริงใจ พวกท่านจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง 23ท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากเมล็ดพันธุ์ที่เสื่อมสลายได้ แต่จากเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เสื่อมสลาย คือจากพระวจนะของพระเจ้าที่มีชีวิตและดำรงอยู่ 24เพราะว่า

“มนุษย์ทุกคน เป็นเหมือนต้นหญ้า
 และศักดิ์ศรีทั้งสิ้นของเขาก็เป็นเหมือนดอกหญ้า
ต้นหญ้าเหี่ยวแห้ง
 และดอกก็ร่วงโรยไป
25 แต่พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์”

พระวจนะนี้คือข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศให้พวกท่านทราบแล้ว

1 เปโตร 2

ศิลาที่มีชีวิตและชนชาติบริสุทธิ์

 1เพราะฉะนั้น พวกท่านจงละทิ้งความชั่วทุกอย่าง และการล่อลวงทุกรูปแบบ ความไม่จริงใจ ความอิจฉาริษยา และการใส่ร้ายทุกชนิด 2เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณที่ไร้สิ่งเจือปน เพื่อโดยน้ำนมนั้นพวกท่านจะเติบโตขึ้นสู่ความรอด 3ในเมื่อพวกท่านได้ชิมแล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดีเลิศ

อรรถาธิบาย

เติบโตเหมือนกับเด็ก

ชีวิตในฐานะลูกของพระเจ้านั้นน่าตื่นเต้น อัครสาวกเปโตรเขียนไว้ว่า ‘ด้วยความยินดีเป็นล้นพ้นสุดจะพรรณนา’ (1:8) ที่มาจากการ ‘การบังเกิดใหม่’ (ข้อ 3) เปโตรบอกเราว่า ‘การบังเกิดใหม่’ นำไปสู่:

  1. มีความมั่นคงแม้แก่ตัวลง
    อนาคตของคุณนั้นมั่นคงเพราะมันขึ้นอยู่กับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู พระเยซูถูกฝัง พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย (ข้อ 21) วันหนึ่งสิ่งเดียวกันนั้นจะเกิดขึ้นกับคุณ

คุณเป็นทายาทของมรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีสิ่งใดในชีวิตนี้สมบูรณ์แบบ ทรัพย์สินทางโลกทั้งหมดจะเสื่อมสลายหรือถูกทำลายในที่สุด แต่มรดกของคุณจะ ‘ไม่เสื่อมสลาย’ และจะ ‘ไร้มลทิน’ และไม่มีวัน ‘ร่วงโรย’ (ข้อ 4) ทั้งยังได้รับการประกันว่าจะถูก ‘เก็บรักษาไว้ในสวรรค์แล้วเพื่อพวกท่าน ผู้ได้รับการคุ้มครองโดยฤทธิ์เดชของพระเจ้าทางความเชื่อให้เข้าในความรอด ซึ่งพร้อมจะปรากฏในวาระสุดท้าย’ (ข้อ 4–5) ซึ่งมีชื่อของคุณอยู่ด้วย

ซี.เอส. ลูอิสเขียนว่า ‘เมื่อเราแก่ตัวลง เราก็เป็นเหมือนรถเก่า จำเป็นต้องมีการซ่อมแซมและเปลี่ยนทดแทนมากขึ้นเรื่อย ๆ เราต้องตั้งตารอเครื่องยนต์ใหม่ที่ดีกว่า (เครื่องยนต์โมเดลล่าสุด คือการฟื้นคืนชีวิต) ซึ่งกำลังรอเราอยู่ในโรงรถของพระเจ้า’

  1. ชื่นชมยินดีแม้ทนทุกข์
    ความชื่นชมยินดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ (ข้อ 6–7) ชีวิตไม่ได้ง่ายเสมอไป: ‘ในสิ่งนี้พวกท่านชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่พวกท่านต้องทนทุกข์ในการทดลองต่างๆ นานาชั่วระยะหนึ่ง’ (ข้อ 6) จดหมายฉบับนี้น่าจะเขียนจากกรุงโรม ราว ๆ ปี ค.ศ. 62–64 ก่อนการข่มเหงของจักรพรรดิเนโร คริสเตียนก็ต่างทนทุกข์ระทมอยู่แล้ว ความทุกข์ของผมอาจจะน้อยมากเมื่อเทียบกับพวกเขา แต่เราทุกคนต้องทนทุกข์กับความสูญเสีย ความผิดหวัง การต่อต้าน การล่อลวง และการดิ้นรนทั้งหมดในชีวิต

เปโตร กล่าว่า ‘พวกท่านชื่นชมยินดี’ ( ข้อ 6, ดู ยากอบ 1:2) ด้วย 3เหตุผล ดังนี้:

  • การทดลองระยะสั้นที่ไม่นาน (‘ชั่วระยะหนึ่ง’, 1 เปโตร 1:6) เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่รออยู่ในอนาคต
  • เพราะมีวัตถุประสงค์อยู่เบื้องหลัง คือ ‘ความเชื่อของพวกท่าน อันล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำ’ (ข้อ 7) ที่กำลังถูกทดสอบ
  • ผลเหล่านั้นนำเราไปสู่ ‘การสรรเสริญ ศักดิ์ศรี และเกียรติ’ (ข้อ 7) เมื่อพระเยซูเสด็จมาปรากฏ
  1. สัมพันธ์สนิทแม้มองไม่เห็น
    เปโตรเคยเห็นพระเยซูจริง ๆ แต่คนเหล่านั้นที่เปโตรเขียนถึงยังไม่เคยเห็น ‘พระองค์ผู้ที่พวกท่านไม่เคยเห็น แต่พวกท่านยังรักพระองค์อยู่ แม้ว่าขณะนี้พวกท่านไม่เห็นพระองค์ แต่พวกท่านยังเชื่อและชื่นชมยินดี ด้วยความยินดีเป็นล้นพ้นสุดจะพรรณนา’ (ข้อ 8) คุณก็ไม่เคยเห็นพระเยซู เช่นเดียวกับพวกเขาแต่คุณสามารถมีประสบการณ์ส่วนตัวและมีความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวันกับพระเยซูได้ และรับเป้าหมายแห่งความเชื่อของคุณ นั่นคือความรอดแห่งจิตวิญญาณของคุณเหมือนกับพวกเขาได้เช่นกัน (ข้อ 9)

นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาหลังจากการเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซู คุณอยู่ในยุคของพระวิญญาณ คุณได้รับพระคุณซึ่งพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมทั้งหมดชี้ให้เห็น ‘พระวิญญาณของพระเมสสิยาห์’ กำลังทำงานอยู่ในผู้เผยพระวจนะ ที่บอกความทุกข์ทรมานและสง่าราศีของพระเยซู พระเยซูทรงอยู่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม แต่พวกเขาต้องรอการทรงสำแดงที่สมบูรณ์ของพระองค์

พระองค์จะกลับมา จงเตรียมตัวไว้

ในขณะเดียวกัน จงเติบโตขึ้น ‘ในฐานะลูกที่เชื่อฟัง จงให้ตัวเราเข้าสู่วิถีชีวิตที่หล่อหลอมโดยชีวิตของพระเจ้า คือชีวิตที่มีพลังและสว่างไสวด้วยความบริสุทธิ์ พระเจ้าตรัสว่า “เราบริสุทธิ์ดังนั้นเจ้าจึงบริสุทธิ์”’ (ข้อ 14–16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) (พระวิญญาณบริสุทธิ์ คือผู้เดียวที่ทำให้เกิดการบังเกิดใหม่และตอนนี้สถิตอยู่ในคุณและพระองค์ทำให้คุณบริสุทธิ์)

ละทิ้งวิถีชีวิตที่ว่างเปล่าและใช้ชีวิตที่มี ‘ความรักพี่น้องอย่างจริงใจ’ พวกท่านจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง (ข้อ 22) นี่คือเป้าหมายสูงสุดของชีวิตคริสเตียนคือความรักต่อพระเยซูผู้สิ้นพระชนม์เพื่อทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ (ข้อ 19–20) และความรักด้วยน้ำใสใจจริงต่อกัน (ข้อ 22)

ดังนั้นอัครสาวกเปโตรเขียนว่า ‘จงทำความสะอาดบ้าน! กวาดล้างความอาฆาตพยาบาทและการเสแสร้ง คำพูดที่อิจฉาและทำร้ายจิตใจ คุณได้ลิ้มรสพระเจ้าแล้ว บัดนี้จงดื่มพระกรุณาอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าอย่างสุดซึ้งเช่นเดียวกับทารกที่ดื่มจากอก จากนั้นคุณจะเติบโตและสมบูรณ์ในพระเจ้า’ (2:1–3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่เคยพบพระองค์ แต่ข้าพระองค์รักพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์เติบโต และเป็นลูกของพระเจ้าที่แข็งแรงสมบูรณ์ รักผู้อื่นด้วยน้ำใสใจจริง
พันธสัญญาเดิม

เอเสเคียล 41:1-42:20

 1แล้วท่านนำข้าพเจ้ามายังห้องวิสุทธิสถาน และวัดเสาได้ความกว้างด้านละ 3 เมตร 2และส่วนกว้างของทางเข้านั้นมีขนาด 5 เมตร กำแพงข้างทางเข้าด้านนี้ยาว 2.5 เมตร และกำแพงข้างทางเข้าอีกด้านยาว 2.5 เมตร แล้วท่านก็วัดความยาวของห้องวิสุทธิสถานได้ 20 เมตร และวัดความกว้างได้ 10 เมตร 3แล้วท่านก็เข้าไปในห้องชั้นในและวัดเสาของทางเข้าได้ 1 เมตร ส่วนทางเข้านั้นกว้าง 3 เมตร และกำแพงข้างทางเข้า 3.5 เมตร 4และท่านก็วัดห้องที่อยู่ถัดจากวิสุทธิสถานได้ยาว 10 เมตร และกว้าง 10 เมตร แล้วท่านบอกข้าพเจ้าว่า นี่คืออภิสุทธิสถาน

ด้านนอกของพระนิเวศ

 5แล้วท่านก็วัดกำแพงพระนิเวศได้หนา 3 เมตร และมีห้องระเบียงที่มีความกว้าง 2 เมตรอยู่รอบๆ ด้านนอกของพระนิเวศทุกด้าน 6ห้องระเบียงนั้นมี 3 ชั้นซ้อนกัน แต่ละชั้นมี 30 ห้อง มีหยักบ่าอยู่รอบกำแพงพระนิเวศเพื่อใช้สำหรับหนุนห้องระเบียง เพื่อไม่ให้ห้องระเบียงต้องอาศัยกำแพงพระนิเวศ 7ห้องระเบียงนั้นยิ่งสูงขึ้นไปก็ยิ่งกว้างขึ้น เพราะห้องระเบียงอยู่ล้อมรอบพระนิเวศและสูงขึ้นไปตามพระนิเวศโดยรอบ ฉะนั้น พระนิเวศนั้นยิ่งสูงขึ้นก็ยิ่งกว้างขึ้น คนที่ขึ้นไปจากห้องล่างสุดถึงห้องบนสุดก็ต้องผ่านชั้นกลาง 8ข้าพเจ้ายังเห็นอีกว่า พระนิเวศนั้นมีการยกพื้นอยู่โดยรอบ ฐานของห้องระเบียงวัดได้หนึ่งไม้วัดเต็มคือ 3 เมตร 9กำแพงด้านนอกของห้องระเบียงหนา 2.5 เมตร และมีที่ว่างระหว่างห้องระเบียงต่างๆ ของพระนิเวศ 10ห้องทั้งหลายรอบพระนิเวศทุกด้านกว้าง 10 เมตร 11มีช่องเข้ายังทางเดินซึ่งเป็นที่ว่างข้างห้องระเบียงโดยรอบ ช่องหนึ่งหันไปทางเหนือ ส่วนอีกช่องหนึ่งหันไปทางใต้ ความกว้างของทางเดินซึ่งเป็นที่ว่างนั้นคือ 2.5 เมตรโดยรอบ
 12และมีตัวตึกที่อยู่ด้านหลังลานชั้นในด้านตะวันตกของพระนิเวศ กว้าง 35 เมตร และยาว 45 เมตร ส่วนผนังตึกหนา 2.5 เมตร
 13แล้วท่านก็วัดความยาวพระนิเวศได้ 50 เมตร ส่วนลานชั้นในด้านตะวันตกรวมตัวตึกและผนังตึกมีความยาว 50 เมตร 14ความกว้างของหน้าพระนิเวศด้านตะวันออกเท่ากับของลานชั้นในข้างๆ คือ 50 เมตร
 15แล้วท่านก็วัดความกว้างของตัวตึกด้านตะวันตกที่อยู่ด้านหลังลานชั้นในรวมทั้งระเบียงข้างๆ ได้ 50 เมตร

สภาพภายในของพระนิเวศ

 ห้องวิสุทธิสถานและห้องชั้นในนั้น ทั้งมุขข้างนอก 16และธรณีประตูรวมทั้งช่องหน้าต่าง และเฉลียงที่อยู่รอบทั้งสามด้านจากหน้าธรณีประตูไปนั้นล้วนบุด้วยไม้ คือบุตั้งแต่พื้นถึงช่องหน้าต่าง (ช่องหน้าต่างนี้มีม่านคลุม) 17รวมทั้งที่ว่างซึ่งอยู่เหนือประตูถึงพระนิเวศชั้นในและที่อยู่ด้านนอก นอกจากนี้ยังมีรูปแกะสลักไว้ตามผนังทุกด้านโดยรอบที่ห้องชั้นในและข้างนอก 18คือแกะสลักเป็นรูปเครูบและรูปต้นอินทผลัม โดยมีรูปต้นอินทผลัมระหว่างเครูบกับเครูบ เครูบทุกตนมี 2 หน้า 19หน้าคนนั้นหันไปทางต้นอินทผลัมที่อยู่ข้างหนึ่ง ส่วนหน้าของสิงโตนั้นหันไปทางต้นอินทผลัมที่อยู่อีกข้างหนึ่ง มีรูปแบบนี้แกะไว้เต็มพระนิเวศโดยรอบ 20จากพื้นถึงที่อยู่เหนือประตู มีรูปเครูบและรูปต้นอินทผลัมแกะอยู่บนผนัง
 21ส่วนเสาประตูของห้องวิสุทธิสถานนั้นเป็นสี่เหลี่ยม ข้างหน้าอภิสุทธิสถานมีสิ่งที่มีลักษณะเหมือนกับ 22แท่นบูชาทำด้วยไม้ สูง 1.5 เมตร ยาว 1 เมตร และกว้าง 1 เมตร มุมของมันและฐาน ทั้งผนัง ล้วนทำด้วยไม้ แล้วท่านบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นโต๊ะซึ่งอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์” 23ทั้งห้องวิสุทธิสถานและห้องอภิสุทธิสถานนั้นล้วนมีประตูคู่ 24ประตูนั้นมี 2 บาน แต่ละประตูมีบานเหวี่ยง 2 บาน 25และบนประตูของห้องวิสุทธิสถานนั้นมีเครูบและต้นอินทผลัมแกะไว้ เช่นเดียวกับที่แกะไว้บนผนัง มีกันสาดไม้อยู่ที่หน้ามุขข้างนอก 26มีช่องหน้าต่างและมีต้นอินทผลัมอยู่บนผนังด้านข้างมุขทั้งสองข้าง ทั้งห้องระเบียงพระนิเวศและกันสาด

เอเสเคียล 42

ห้องบริสุทธิ์และกำแพงชั้นนอก

 1แล้วท่านพาข้าพเจ้ามาถึงลานชั้นนอกด้านทิศเหนือ และท่านนำข้าพเจ้ามาถึงห้องแถวซึ่งอยู่ขนานกับลานชั้นในและด้านเหนือของตึก 2ห้องแถวซึ่งมีทางเข้าอยู่ด้านเหนือนั้นยาว 50 เมตร และกว้าง 25 เมตร 3ห้องแถวอยู่ระหว่างพื้นที่ส่วน 10 เมตรของลานชั้นในและพื้นหินซึ่งเป็นส่วนของลานข้างนอก ลักษณะเป็นเฉลียงซ้อนเฉลียงสูง 3 ชั้น 4และด้านหน้าของห้องแถวมีทางเดินกว้าง 5 เมตร ยาว 50 เมตร ประตูของห้องเหล่านี้อยู่ทางเหนือ 5ห้องชั้นบนนั้นแคบกว่า เพราะเฉลียงกินเนื้อที่มากกว่าเฉลียงห้องชั้นล่างและชั้นกลางในตึกนั้น 6เพราะว่าเป็นห้องแถวสามชั้น และไม่มีเสารับน้ำหนักเหมือนเสาที่ลาน เพราะฉะนั้น ห้องชั้นบนจึงร่นเข้าไปมากกว่าห้องชั้นล่างและชั้นกลาง 7และมีกำแพงอยู่ข้างนอกยาว 25 เมตร ชิดกับห้องแถว ยาวไปตามแนวขนานระหว่างลานชั้นนอกและหน้าห้องทั้งหลาย 8ห้องแถวที่อยู่ติดกับลานชั้นนอกนั้นยาว 25 เมตร ส่วนห้องแถวที่อยู่ใกล้กับวิสุทธิสถานนั้นยาว 50 เมตร 9ระหว่างห้องแถวทั้งสองแถวนั้นมีทางเข้าหันหน้าไปทางตะวันออก โดยเข้าไปจากลานชั้นนอก 10ตามแนวของกำแพงด้านใต้ ซึ่งอยู่ขนานกับลานชั้นในและตึกมีห้องแถว 11มีทางเดินอยู่หน้าห้องเหล่านี้ และห้องแถวมีลักษณะเหมือนกับห้องแถวด้านเหนือ ความยาวและความกว้างมีขนาดเท่ากัน มีทางออกและทางเข้าแบบเดียวกัน 12ทางเข้าห้องแถวด้านทิศใต้นั้นก็เหมือนกัน คือต้องเดินเข้าทางตะวันออกโดยเข้ามาตามทางเดินตรงที่มีกำแพง
 13แล้วท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ห้องแถวทางด้านเหนือและด้านใต้ แถวที่อยู่หน้าลานชั้นในนั้นเป็นห้องบริสุทธิ์ที่ปุโรหิตผู้เข้าใกล้พระยาห์เวห์จะใช้รับประทานของถวายอันบริสุทธิ์ที่สุด เขาจะวางของถวายอันบริสุทธิ์ที่สุดนั้นไว้ที่นั่น คือธัญบูชา เครื่องบูชาลบล้างบาป เครื่องบูชาชดใช้บาป เพราะว่าที่นั่นบริสุทธิ์ 14เมื่อปุโรหิตเข้าไปในห้องบริสุทธิ์แล้ว เขาห้ามออกไปยังลานชั้นนอก ก่อนที่จะถอดเครื่องแต่งกายที่เขาสวมปฏิบัติหน้าที่ แล้ววางไว้ที่นั่นเพราะสิ่งเหล่านี้บริสุทธิ์ เขาจะต้องใส่เครื่องแต่งกายอย่างอื่นก่อนที่เขาจะเข้าไปสู่ส่วนที่มีไว้สำหรับประชาชน”
 15เมื่อท่านวัดข้างในบริเวณพระนิเวศเสร็จแล้ว ท่านก็นำข้าพเจ้าออกมาทางประตู ซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และวัดบริเวณโดยรอบ 16ท่านวัดด้านตะวันออกด้วยไม้วัดได้ 250 เมตรตามไม้วัด 17แล้วท่านก็หันมาวัดทางด้านเหนือได้ 250 เมตรตามไม้วัด 18แล้วท่านก็หันมาวัดด้านใต้ได้ 250 เมตรตามไม้วัด 19แล้วท่านก็หันมาวัดด้านตะวันตกได้ 250 เมตรตามไม้วัด 20ท่านวัดทั้งหมดสี่ด้าน มีกำแพงล้อมรอบยาว 250 เมตร กว้าง 250 เมตร ซึ่งใช้แบ่งระหว่างบริเวณที่บริสุทธิ์และที่สาธารณะ

อรรถาธิบาย

เกิดผลในวัยชรา

บางคนไม่เคยสูญเสียความงามของพวกเขา มันเคลื่อนจากใบหน้าไปยังหัวใจของพวกเขา มีสุภาษิตอังกฤษโบราณที่ว่า ‘ยิ่งซออายุมาก ท่วงทำนองยิ่งหวาน’ เมื่ออายุได้เก้าสิบแปดปี ทิเชียนวาดภาพยุทธการแห่งเลปันโต อันงดงามตระการตา วัยชราอาจเป็นช่วงเวลาแห่งการเกิดดอกอกผลก็เป็นได้

เอเสเคียลยังคงบรรยายเรื่องพระวิหารใหม่ต่อไป ขณะที่เขาบรรยายถึง ‘อภิสุทธิสถาน’ (41:4) ดูเหมือนว่าเขาจะเน้นที่ ‘เครูบ’ และ ‘ต้นอินผลัม’ (ข้อ 18) เราอาจสันนิษฐานได้ว่าหน้าที่ของพวกมันเป็นเพียงการตกแต่ง แต่แท้จริงแล้วมันคือสัญลักษณ์ที่มีความหมายอย่างยิ่ง

เนื่องจากเรารู้จากข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ว่าคำเหล่านี้ได้รับการดลใจจาก ‘พระวิญญาณของพระคริสต์’ (1 เปโตร 1:11) อาจจะไม่มากเกินไปที่จะเห็นความสำคัญในใบหน้าทั้งสองของเครูบ หน้าหนึ่งเป็นมนุษย์และอีกหน้าหนึ่งเป็นสิงโต อันชี้ให้ไปที่ผู้ที่เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์และเป็น ‘สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์’ (วิวรณ์ 5:5) นั่นคือพระเยซูคริสต์

ผู้เขียนพระธรรมสดุดีกล่าวว่า ‘คนชอบธรรมจะงอกงามอย่างต้นอินทผลัม...มันยังออกผลเมื่อแก่แล้ว มันมีน้ำเลี้ยงเต็มและเขียวสดอยู่’ (สดุดี 92:12–14)

ต้นปาล์มน่าจะเป็นต้นอินทผลัม ซึ่งเป็นหนึ่งในพืชที่ผลิตอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อินทผลัมให้พลังงาน วิตามิน แร่ธาตุ ไขมัน ไฟเบอร์ โปรตีน น้ำตาล ไรโบฟลาวิน และไนอาซิน ต้นปาล์มหมายถึงความแข็งแกร่ง การบำรุง และความอดทน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ผ่านทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่เกิดใหม่เป็นทารกเกิดใหม่ที่กระหายน้ำนมฝ่ายวิญญาณ จนถึงบุตรที่เชื่อฟังซึ่งเติบโตไปสู่ความรอดของข้าพระองค์ ตลอดทางที่จะออกผลแม้ในวัยชรา ขอให้ข้าพระองค์เป็นเหมือนต้นอินทผลัม เป็นแหล่งของความเข้มแข็ง การบำรุง และความอดทน

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เอเสเคียล 41: 23

‘ทั้งห้องวิสุทธิสถานและห้องอภิสุทธิสถานนั้นล้วนมีประตูคู่’

เราไม่ต้องติดอยู่หลังประตูบานคู่ในลานด้านนอกหรือด้านในของพระวิหาร ที่จะพยายามเข้าใกล้พระเจ้า โดยทางพระเยซูนั้น เราสามารถไปยังที่ประทับของพระเจ้าได้โดยตรง

ข้อพระคำประจำวัน

1 เปโตร 1:8

‘พระองค์ผู้ที่พวกท่านไม่เคยเห็น แต่พวกท่านยังรักพระองค์อยู่ แม้ว่าขณะนี้พวกท่านไม่เห็นพระองค์ แต่พวกท่านยังเชื่อและชื่นชมยินดี ด้วยความยินดีเป็นล้นพ้นสุดจะพรรณนา’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม