วัน 325

วิธีอธิษฐานด้วยฤทธิ์เดช

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 130:1-8
พันธสัญญาใหม่ ยากอบ 5:1-20
พันธสัญญาเดิม เอเสเคียล 40:1-49

เกริ่นนำ

ผมได้รับโทรศัพท์จากใครคนหนึ่งในคริสตจักรของเรา เขาต้องการให้ผมไปอธิษฐานเผื่อภรรยาของเขา ที่เข้ารับการผ่าตัดในโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน

ขณะที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ตัวผมเองก็มีนัดฉีดยาที่ไหล่ใกล้ ๆ กันพอดี ผมมีอาการ ‘ข้อไหล่ติด’ มาเกือบสองปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา จู่ ๆ อาการผมก็ดีขึ้น ผมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมอ หมอมองมาที่ผมและพูดว่า ‘นี่มันเป็นเรื่องอัศจรรย์!’ ผมพูดว่า ‘จู่ ๆ อาการข้อไหล่ติดของผมก็ดีขึ้นงั้นหรือหมอ?’ เขาย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า 'ไม่ใช่ครับ นี่มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์’ เขาเป็นแพทย์ที่ไม่ใช่คริสเตียนที่พยายามเกลี้ยกล่อมศิษยาภิบาลที่ค่อนข้างขาดความเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสามารถอธิบายได้ด้วยอำนาจเหนือธรรมชาติของพระเจ้าเท่านั้น!

ผมขอบคุณหมอมากที่เพิ่มเติมความเชื่อขณะที่ผมกำลังจะไปอธิษฐานในโรงพยาบาล ขณะที่ผมเดินผ่านทางเดิน ผมได้เดินผ่านคนเฝ้าประตูของโรงพยาบาลที่กำลังร้องเพลงอยู่ (เสียงดังมาก!) ‘วางมือบนคนป่วยแล้วพวกเขาจะหายดี' ผมพูดว่า ‘นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะไปและทำ’ เขาดูตกใจ และประหลาดใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่า เขาไม่คิดว่าผมเป็นคนที่เชื่อแบบนั้น!

ผมขึ้นบันไดเพื่อไปอธิษฐานกับผู้หญิงคนนั้น และอธิบายว่า ทำไมความเชื่อของผมเพิ่มขึ้น ผู้หญิงคนนี้กล่าวว่า เธอได้อ่านยากอบบทที่ 5 (ซึ่งเป็นข้อพระคัมภีร์สำหรับวันนี้) ซึ่งบอกว่า ‘มีใครในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ? จงให้คนนั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเผื่อเขา....การอธิษฐานด้วยความเชื่อจะรักษาผู้ป่วยให้หายโรค’ (ยากอบ5:14–15) ถึงตอนนี้พระเจ้าได้ประทานหมายสำคัญ (แม้แต่ผม!) มากพอที่จะอธิษฐานด้วยความเชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือเธอด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ เธอไม่ได้รับการรักษาในทันที (แม้ว่าตอนนี้เธอดีขึ้นแล้วก็ตาม) แต่มันทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับ ‘คำอธิษฐานด้วยความเชื่อ’

วอท์ชแมน นี เขียนว่า ‘คำอธิษฐานเป็นตัวกำหนดรางที่ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าจะเคลื่อนมาได้ เช่นเดียวกับหัวรถจักรที่ทรงพลัง พลังของพระองค์ไม่อาจต้านทานได้ และไม่สามารถเคลื่อนมาหาเราได้หากไม่มีราง’

แล้วคุณจะอธิษฐานด้วยฤทธิ์เดชได้อย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 130:1-8

รอคอยการไถ่จากพระเจ้า

บทเพลงใช้แห่ขึ้น

1ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์จากที่ลึก
2ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงฟังเสียงของข้าพระองค์
 ขอเงี่ยพระกรรณ
 ฟังเสียงวิงวอนของข้าพระองค์
3ข้าแต่พระยาห์เวห์ ถ้าพระองค์จะทรงบันทึกความชั่วไว้
 ข้าแต่องค์เจ้านาย ผู้ใดจะยืนอยู่ได้?
4แต่พระองค์มีการอภัย
 เพื่อคนจะยำเกรงพระองค์
5ข้าพเจ้าคอยพระยาห์เวห์ จิตใจของข้าพเจ้าคอยอยู่
 และข้าพเจ้าหวังในพระวจนะของพระองค์
6จิตใจของข้าพเจ้าคอยองค์เจ้านาย
 ยิ่งกว่าคนยามคอยเวลารุ่งเช้า
 ยิ่งกว่าคนยามคอยเวลารุ่งเช้า
7อิสราเอลเอ๋ย จงหวังในพระยาห์เวห์
 เพราะในพระยาห์เวห์มีความรักมั่นคง
 และในพระองค์มีการไถ่อย่างสมบูรณ์
8และพระองค์เองจะทรงไถ่อิสราเอล
 จากความชั่วทั้งสิ้นของเขา

อรรถาธิบาย

อธิษฐานอย่างสัตย์ซื่อ

คุณเคยรู้สึกอยู่ในห้วงลึกของความสิ้นหวังหรือไม่? คุณเคยรู้สึกหมดหวังหรือไม่ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)? ผู้เขียนพระธรรมสดุดีกล่าวว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์จากที่ลึก ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงฟังเสียงของข้าพระองค์ขอเงี่ยพระกรรณ ฟังเสียงวิงวอนของข้าพระองค์’ (ข้อ 1–2)

คำอธิษฐานของคุณและพระเมตตาของพระเจ้าเหมือนถังน้ำสองใบในบ่อน้ำ เมื่ออันหนึ่งลอยขึ้นอีกอันหนึ่งจมลง

มีความสิ้นหวังอย่างที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับคำอธิษฐานนี้ อย่าพยายามปิดบังความยากลำบากในสถานการณ์ของคุณ แต่ให้ตระหนักถึงการพึ่งพาพระเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระองค์

ให้เราวางใจในพระเมตตาของพระเจ้าและการยกโทษ:

 ‘ถ้าพระองค์บันทึกความผิด
  ใครจะได้รับโอกาส?
 เมื่อมันปรากฏออกมา การให้อภัยคือพระลักษณะของพระองค์’ (ข้อ 3–4ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

หากพระเจ้าไม่จดบันทึกการกระทำผิดของคุณ คุณไม่ควรเก็บ ‘รายการ’ การกระทำความผิดของผู้อื่นที่ผิดต่อคุณเช่นกัน และความรักนั้น ‘ไม่ช่างจดจำความผิด’ (1 โครินธ์ 13:5)

คุณไม่จำเป็นต้องจัดการชีวิตของคุณก่อนที่คุณจะเข้าหาพระเจ้า พระองค์อยากได้ยินเสียงร้องจากก้นลึกในของหัวใจคุณ

ไม่ว่าสถานการณ์จะสิ้นหวังแค่ไหน คุณก็สามารถมั่นใจได้ว่าความช่วยเหลือจะมาจากพระเจ้า (สดุดี130:6) นำคำร้องทูลของคุณมายังพระเจ้า และจงรอคอยอย่างอดทน (ข้อ 5) วางใจในความรักที่มั่นคงของพระองค์ (ข้อ 7)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องขอความช่วยเหลือจากในส่วนลึกของจิตใจ ขอบพระคุณที่ในพระองค์มีการอภัย และความรักที่มั่นคง
พันธสัญญาใหม่

ยากอบ 5:1-20

ตักเตือนคนมั่งมี

 1ฟังให้ดีนะ พวกคนมั่งมี จงร้องไห้และโอดครวญเพราะความทุกข์ที่กำลังจะเกิดกับท่านทั้งหลาย 2ทรัพย์สมบัติของท่านก็ผุพัง เสื้อผ้าของพวกท่านก็ถูกแมลงกัดกิน 3ทองและเงินของพวกท่านก็ขึ้นสนิม และสนิมนั้นก็จะเป็นพยานปรักปรำท่านและจะเผาผลาญเลือดเนื้อของพวกท่านเหมือนกับไฟ ท่านสะสมสมบัติไว้สำหรับวาระสุดท้าย 4นี่แน่ะ ค่าจ้างของคนเหล่านั้นที่เกี่ยวข้าวในนาของพวกท่านที่ท่านฉ้อโกงไว้นั้นก็ฟ้องร้องขึ้น และเสียงร้องทุกข์ของคนงานเหล่านั้นที่เกี่ยวข้าวก็ดังไปถึงพระกรรณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมทัพแล้ว 5ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างฟุ่มเฟือยและปล่อยตัว ทั้งยังบำรุงบำเรอจิตใจของท่านไว้เพื่อรอวันถูกฆ่า 6พวกท่านตัดสินลงโทษและฆ่าคนชอบธรรม และเขาก็ไม่ได้ต่อต้านท่าน

ความอดทนและการอธิษฐาน

 7เพราะฉะนั้น พี่น้องเอ๋ย จงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา ดูซิ ชาวนายังรอคอยพืชผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน อดทนรอคอยจนกว่าฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดูจะมา 8ท่านทั้งหลายก็ต้องอดทนอย่างนั้น จงทำใจให้ดีไว้ เพราะการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว 9พี่น้องทั้งหลาย อย่าบ่นว่ากันและกัน เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกพิพากษา นี่แน่ะ องค์พระผู้พิพากษาทรงยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้ว 10พี่น้องทั้งหลาย จงเอาอย่างการทนทุกข์และการอดทนของบรรดาผู้เผยพระวจนะซึ่งกล่าวในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า 11นี่แน่ะ เราถือว่าคนเหล่านั้นที่สู้ทนก็เป็นสุข ท่านได้ยินเรื่องความทรหดอดทนของโยบ และได้เห็นสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขาในบั้นปลาย คือว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีความสงสารและความเมตตากรุณาเพียงไร
 12พี่น้องของข้าพเจ้า ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ อย่าสาบาน ไม่ว่าจะทำโดยอ้างสวรรค์หรือโลกหรืออ้างคำสาบานอื่นใดก็ตาม ถ้าใช่ก็จงบอกว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ก็จงบอกว่าไม่ใช่ เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่ถูกพิพากษา
 13มีใครในพวกท่านทนทุกข์หรือ? จงให้คนนั้นอธิษฐาน มีใครร่าเริงยินดีหรือ? จงให้คนนั้นร้องเพลงสรรเสริญ 14มีใครในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ? จงให้คนนั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเผื่อเขาและชโลมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า 15การอธิษฐานด้วยความเชื่อจะรักษาผู้ป่วยให้หายโรค และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้เขาลุกขึ้นได้ และถ้าเขาเคยทำบาป พระองค์ก็จะทรงให้อภัย 16เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล 17เอลียาห์ก็เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนอย่างเรา ท่านอธิษฐานอย่างจริงจังขอไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกต้องแผ่นดินถึงสามปีกับหกเดือน 18และเมื่อท่านอธิษฐานขออีกครั้งหนึ่ง สวรรค์ก็ให้ฝน และแผ่นดินก็ผลิตพืชผลของมัน
 19พี่น้องของข้าพเจ้า ถ้าใครในพวกท่านถูกหลอกให้หลงผิดไปจากความจริงและมีคนนำเขากลับมา 20ให้คนนั้นรู้เถิดว่าผู้ที่นำคนบาปกลับจากทางผิดของเขา จะช่วยวิญญาณจิตของคนบาปนั้นให้รอดจากความตาย และจะทำให้บาปมากมายได้รับการอภัย

อรรถาธิบาย

อธิษฐานในทุกสถานการณ์

สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในชีวิตของเราคือการวางใจสิ่งอื่นมากกว่าพระเจ้า ในบางมุมความเชื่อ และความมั่งคั่ง ก็เหมือนน้ำมันกับน้ำ มันผสมกันยาก และบ่อยครั้งที่เข้ากันไม่ได้

การมีเงินทองในตัวเองนั้นไม่มีผิด แต่มีอันตรายทางฝ่ายวิญญาณอย่างยิ่งในการรักความมั่งคั่ง นั่นคือความเย่อหยิ่ง ความโลภ การตามใจตนเอง และการไม่สนใจความต้องการของผู้อื่น (ข้อ 1–6)

อันตรายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคนมั่งคั่ง (ซึ่งอาจรวมถึงพวกเราส่วนใหญ่ในตะวันตกในปัจจุบัน) คือเราวางใจในความมั่งคั่งมากกว่าที่จะวางใจในพระเจ้า (1 ทิโมธี 6:17) เหตุใดจึงดูเหมือนจะพบการอัศจรรย์ในการรักษาโรคในบางพื้นที่ของโลกที่มีคนยากจนมากกว่า? บางทีความมั่งคั่งอาจเป็นอุปสรรคต่อความเชื่อ ทำให้เราวางความเชื่อผิดที่ คุณได้รับการทรงเรียกให้หวังใจในพระองค์ผู้ทรงจัดเตรียมทุกสิ่งที่คุณต้องการ และให้คุณอธิษฐานในทุกสถานการณ์

ผู้อ่านจดหมายฉบับนี้กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างชัดเจน ยากอบหนุนใจพวกเขา ‘ท่านทั้งหลายก็ต้องอดทนอย่างนั้น’ (ยากอบ 5:8) ยากอบยกชีวิตของโยบมาเป็นแบบอย่างของคนที่อดทนต่อความทุกข์ยากและทรหดอดทน (ข้อ 11ก) และย้ำเตือนว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีความสงสารและความเมตตา’ (ข้อ 11ข)

ให้เราอธิษฐานในทุกสถานการณ์ดังต่อนี้:

  1. เมื่อคุณกำลังเจ็บปวด
    ‘มีใครในพวกท่านทนทุกข์หรือ? จงให้คนนั้นอธิษฐาน’ (ข้อ 13ก)

มีคำกล่าวว่า ‘คนส่วนใหญ่มีปัญหาในการอธิษฐานมากเมื่อเรามีปัญหาเล็กน้อย แต่มีปัญหาในการอธิษฐานน้อยเมื่อเรามีปัญหามาก’

  1. เมื่อคุณมีความสุข
    ‘มีใครร่าเริงยินดีหรือ? จงให้คนนั้นร้องเพลงสรรเสริญ’ (ข้อ 13ข)

นักบุญออกัสตินกล่าวว่า ‘ความคิดของคุณกระตุ้น (ใครซักคน) อย่างลึกซึ้งจน (พวกเขา) ไม่สามารถพอใจได้เว้นแต่ พวก(เขา) จะยกย่องคุณ’

  1. เมื่อคุณเจ็บป่วย
    ‘มีใครในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ? จงให้คนนั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักร...’ (ข้อ14)

แน่นอน พระเจ้ามักจะรักษาด้วยความร่วมมือของแพทย์ แต่คาดหวังให้พระเจ้ารักษาอย่างอัศจรรย์ในวันนี้ด้วย

  1. เมื่อคุณทำบาป
    ไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างความบาปและความเจ็บป่วยโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถแยกความเป็นไปได้ ยากอบกล่าวว่า ‘และถ้าเขาเคยทำบาป พระองค์ก็จะทรงให้อภัย เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค’ (ข้อ 15ข–16)

การสารภาพบาปต่อกัน และอธิษฐานเผื่อกัน จะช่วยในกระบวนการเยียวยาและฟื้นฟู เมื่อสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของเราถูกซ่อนไว้ในความมืด สิ่งเหล่านี้สามารถมีพลังทำลายล้างได้ เมื่อเรานำพวกเขาออกไปสู่แสงสว่าง เราก็เป็นอิสระ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องบอกคนทั้งโลก แต่คุณต้องหาคนที่คุณไว้ใจได้อย่างน้อยหนึ่งคน และที่คุณสามารถพูดออกมาได้อย่างเปิดเผย แสดงความอ่อนแอออกมาได้และคุณสามารถปลดปล่อยตัวเองได้อย่างเต็มที่

การอธิษฐานมีพลังและเกิดผล ยากอบชี้ประเด็นนี้อย่างจริงจังโดยดูตัวอย่างของเอลียาห์ เขาควบคุมสภาพอากาศได้ด้วยการอธิษฐาน ทำให้เกิดความแห้งแล้งและหยุดความแห้งแล้งได้ แต่ยากอบประกาศว่า ‘เขาเป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนอย่างเรา’ (ข้อ 17) พูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าเอลียาห์จะทำอะไร คุณก็ทำได้!

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงได้ยินคำอธิษฐานของข้าพระองค์ วันนี้ ข้าพระองค์อธิษฐานขอ....
พันธสัญญาเดิม

เอเสเคียล 40:1-49

นิมิตเกี่ยวกับพระนิเวศหลังใหม่

 1ในปีที่ 25 ที่เราถูกกวาดไปเป็นเชลย คือในปีที่ 14 หลังจากที่กรุงนั้นถูกทำลาย ณ วันที่ 10 ของต้นปีนั้น ในวันนั้นเองพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์มาอยู่เหนือข้าพเจ้า แล้วพระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น 2และทรงนำข้าพเจ้าโดยนิมิตของพระเจ้ามาถึงแผ่นดินอิสราเอล แล้วพระองค์ทรงวางข้าพเจ้าไว้บนภูเขาสูงมากๆ ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างไปทางทิศใต้เหมือนเมืองหนึ่ง 3เมื่อพระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปยังที่นั่น ดูสิ มีชายคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายทองสัมฤทธิ์ และมีเชือกป่านเส้นหนึ่งกับไม้วัดอันหนึ่งอยู่ในมือท่าน และท่านยืนอยู่ที่หอประตู 4และชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองดูด้วยตาเจ้าเอง และจงฟังด้วยหูของเจ้า และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งที่เราจะสำแดงแก่เจ้า เพราะว่าที่เรานำเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อจะสำแดงแก่เจ้า จงประกาศทุกสิ่งที่เจ้าเห็นนั้นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”
 5และดูสิ มีกำแพงล้อมอยู่รอบๆ บริเวณด้านนอกพระนิเวศ และในมือของชายผู้นั้นมีไม้วัดยาว 3 เมตร แต่ละเมตรยาวตามมาตรฐานการวัด ดังนั้น ท่านจึงวัดความหนาของกำแพงได้ 3 เมตร และวัดความสูงได้ 3 เมตร 6แล้วท่านเข้าไปทางหอประตูซึ่งหันหน้าไปทิศตะวันออก ขึ้นไปตามบันไดและวัดธรณีประตูได้ลึก 3 เมตร คือธรณีหนึ่งลึก 3 เมตร 7ส่วนห้องยามลึก 3 เมตร และกว้าง 3 เมตร และที่ว่างระหว่างห้องยามเหล่านั้นกว้าง 2.5 เมตร ส่วนธรณีประตูที่วัดจากริมมุขประตูด้านพระนิเวศนั้นวัดได้ 3 เมตร 8แล้วท่านก็วัดมุขประตูด้านพระนิเวศ 9ได้ลึก 4 เมตร และเสามุขนั้นหนา 1 เมตร และมุขประตูอยู่ด้านพระนิเวศ 10แต่ละด้านของหอประตูตะวันออกมีห้องยามอยู่ 3 ห้อง ห้องทั้งสามมีขนาดเดียวกัน และเสาที่อยู่ทั้งสองข้างก็มีขนาดเดียวกัน 11แล้วท่านจึงวัดความกว้างของช่องทางเข้าหอประตูได้ 5 เมตร แต่วัดความกว้างของหอประตูได้ 6.5 เมตร 12หน้าห้องยามนั้นมีเครื่องกั้นสูงครึ่งเมตร และห้องยามนั้นกว้างและยาวด้านละ 3 เมตร 13แล้วท่านก็วัดหอประตูจากข้างบนของกำแพงด้านหลังห้องยามห้องหนึ่ง ไปยังข้างบนของกำแพงด้านหลังของห้องยามอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีทางเข้าหันหน้าเข้าหากัน ได้กว้าง 12.5 เมตร 14แล้วท่านวัดเสาได้สูง 30 เมตร มีลานรอบๆ หอประตูและเสา 15ระยะจากข้างหน้าหอประตูตรงทางเข้าไปยังปลายด้านในของมุขหอประตูวัดได้ 25 เมตร 16ตามกำแพงห้องยามและกำแพงด้านในหอประตูนั้นมีช่องหน้าต่างอยู่รอบๆ และบริเวณมุขก็มีช่องหน้าต่างอยู่รอบด้านในเหมือนกัน และที่กำแพงด้านในมีต้นอินทผลัมอยู่
 17แล้วท่านนำข้าพเจ้าเข้าไปที่ลานชั้นนอก และดูสิ มีห้องหลายห้อง และมีพื้นหินทำไว้รอบๆ ลาน มีห้อง 30 ห้องหันหน้าเข้าหาพื้นหิน 18และพื้นหินมีแนวไปตามปีกหอประตูและกว้างออกไปตามด้านยาวของหอประตู นี่เป็นพื้นหินชั้นล่าง 19แล้วท่านก็วัดระยะจากด้านในของหอประตูตรงที่อยู่ต่ำกว่าไปยังด้านนอกของลานชั้นในได้ 50 เมตร ทั้งทางตะวันออกและทางเหนือ
 20แล้วท่านก็วัดความยาวและความกว้างของหอประตูลานชั้นนอกหันหน้าไปทางเหนือ 21ห้องยามที่อยู่ด้านละสามห้องนั้นกับเสาและมุขมีขนาดเดียวกับหอประตูตะวันออก ทั้งหมดยาว 25 เมตร กว้าง 12.5 เมตร 22ทั้งหน้าต่าง มุข และต้นอินทผลัมของหอประตูนี้มีขนาดเดียวกับของหอประตู ซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และมีบันได 7 ขั้นนำขึ้นไปถึง และมุขนั้นอยู่ข้างใน 23มีประตูที่เปิดไปสู่ลานชั้นในอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประตูด้านเหนือ เช่นเดียวกับประตูด้านตะวันออก และท่านก็วัดระยะจากประตูนอกไปถึงอีกประตูได้ 50 เมตร
 24แล้วท่านนำข้าพเจ้าตรงไปยังทิศใต้ และดูสิ มีหอประตูทางทิศใต้หอหนึ่ง ท่านก็วัดเสาและวัดมุข ก็มีขนาดเท่ากับหออื่นๆ 25มีช่องหน้าต่างที่หอประตูและที่มุขโดยรอบเหมือนช่องหน้าต่างหอประตูอื่นๆ หอประตูยาว 25 เมตร และกว้าง 12.5 เมตร 26มีบันได 7 ขั้นนำขึ้นไปถึง และมุขนั้นอยู่ข้างใน มีต้นอินทผลัมประดับอยู่ที่กำแพงด้านละต้น 27และมีประตูหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ของลานชั้นใน แล้วท่านก็วัดระยะจากประตูหนึ่งไปยังอีกประตูหนึ่งทางทิศใต้ได้ 50 เมตร
 28แล้วท่านนำข้าพเจ้ามายังลานชั้นในโดยประตูทิศใต้ แล้วท่านก็วัดประตูทิศใต้ มีขนาดเท่ากับของประตูอื่นๆ 29ห้องยาม เสา และมุขของหอประตูนี้มีขนาดเดียวกับที่อื่น มีช่องหน้าต่างโดยรอบที่หอประตูและที่มุข หอประตูยาว 25 เมตร และกว้าง 12.5 เมตร 30มีมุขอยู่รอบลานชั้นใน ยาว 12.5 เมตร และกว้าง 2.5 เมตร 31มุขนั้นหันหน้าสู่ลานชั้นนอก มีต้นอินทผลัมอยู่ที่เสา และมีบันไดขึ้นไป 8 ขั้น
 32แล้วท่านก็พาข้าพเจ้ามาที่ลานชั้นในด้านตะวันออก และท่านก็วัดหอประตูได้ขนาดเท่ากับหอประตูอื่นๆ 33ห้องยาม เสา และมุขของหอประตูนี้มีขนาดเท่ากับที่อื่น มีช่องหน้าต่างและมีมุขโดยรอบ หอประตูยาว 25 เมตร และกว้าง 12.5 เมตร 34มุขของประตูนี้ก็หันหน้าสู่ลานชั้นนอก และมีต้นอินทผลัมอยู่ที่เสาด้านละต้น และมีบันไดขึ้นไป 8 ขั้น
 35แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ามายังประตูเหนือ และท่านก็วัดหอประตูได้ขนาดเท่ากับหอประตูอื่นๆ 36ห้องยาม เสา และมุขของประตูนี้มีขนาดเท่ากับที่อื่น มีช่องหน้าต่างโดยรอบ หอประตูยาว 25 เมตร และกว้าง 12.5 เมตร 37มุขของประตูนี้ก็หันหน้าสู่ลานชั้นนอก และมีต้นอินทผลัมอยู่ที่เสาด้านละต้น และมีบันไดขึ้นไป 8 ขั้น
 38ที่มุขของหอประตูนี้มีห้องหนึ่งที่มีทางเข้า เป็นห้องล้างเครื่องบูชาเผาทั้งตัว 39และมีโต๊ะด้านละสองตัวที่มุขของหอประตู ใช้สำหรับฆ่าเครื่องบูชาเผาทั้งตัว เครื่องบูชาลบล้างบาป และเครื่องบูชาชดใช้บาป 40และทางด้านนอกของมุขตรงทางเข้าหอประตูด้านเหนือมีโต๊ะ 2 ตัว และอีกด้านหนึ่งของมุขหอประตูนั้นก็มีโต๊ะ 2 ตัว 41มีโต๊ะอยู่ข้างหอประตูข้างนี้ 4 ตัว และมีโต๊ะอีก 4 ตัวอยู่อีกข้างหนึ่ง รวมเป็น 8 ตัวด้วยกัน ซึ่งเขาใช้เป็นที่ฆ่าเครื่องสัตวบูชา 42มีโต๊ะ 4 ตัวทำด้วยหินสกัดสำหรับเครื่องบูชาเผาทั้งตัว หน้ากว้าง 75 เซนติเมตร และยาว 75 เซนติเมตร สูง 50 เซนติเมตร สำหรับวางเครื่องมือที่ใช้ฆ่าเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องสัตวบูชา 43มีขอขนาด 7.5 เซนติเมตรติดอยู่ตามกำแพงโดยรอบ เขาวางเนื้อของเครื่องบูชาบนโต๊ะ
 44ใกล้ประตูชั้นใน มีห้องตรงลานชั้นในอยู่ 2 ห้องสำหรับนักร้อง ห้องหนึ่งอยู่ข้างหอประตูเหนือหันหน้าไปทิศใต้ อีกห้องหนึ่งอยู่ข้างหอประตูใต้ หันหน้าไปทิศเหนือ 45และท่านบอกข้าพเจ้าว่า ห้องนี้ซึ่งหันหน้าไปทางใต้ สำหรับปุโรหิตผู้ดูแลพระนิเวศ 46และห้องซึ่งหันหน้าไปทางเหนือนั้นสำหรับปุโรหิตผู้ดูแลแท่นบูชา ปุโรหิตเหล่านี้เป็นวงศ์วานของศาโดก ในบรรดาวงศ์วานของเลวีก็มีพวกเขาเท่านั้นที่เข้ามาใกล้พระยาห์เวห์เพื่อจะปรนนิบัติพระองค์ 47แล้วท่านก็วัดลานชั้นในได้ยาว 50 เมตร และกว้าง 50 เมตรเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส และแท่นบูชาอยู่ข้างหน้าพระนิเวศ

พระนิเวศ

 48แล้วท่านนำข้าพเจ้ามาที่มุขของพระนิเวศ และวัดเสาของมุขได้ 2.5 เมตรทั้งสองด้าน และประตูกว้าง 7 เมตร ส่วนกำแพงข้างกว้าง 1.5 เมตรทั้งสองข้าง 49มุขนั้นยาว 10 เมตรและกว้าง 6 เมตร มีบันได 10 ขั้นนำมาถึงที่นี้ และมีเสาหานอยู่ข้างเสาทั้งสองข้าง

อรรถาธิบาย

อธิษฐานด้วยตาที่เปิดออก และหูที่ตั้งใจฟัง

การอธิษฐานไม่ใช่การพูดคนเดียว มันคือบทสนทนา พระเจ้าตรัสกับคุณขณะที่คุณอธิษฐาน

เอเสเคียลกล่าวว่า ‘พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์มาอยู่เหนือข้าพเจ้า’ (ข้อ 1) พระเจ้าเรียกเขาให้ไปเผยพระวจนะและเทศนา นี่คืองานของผู้เชื่อในพระเยซู เราจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ (ข้อ 4)

  1. ดู: ‘จงมองดูด้วยตาเจ้าเอง’ ดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณด้วยสายตาของพระวิญญาณ ดังที่ ดี เอล มูดี้กล่าวว่า ‘คริสเตียนคุกเข่าจะมองเห็นมากกว่าปราชญ์ที่เขย่งปลายเท้า’

  2. ฟัง: ‘จงฟังด้วยหูของเจ้า’ ฟังสิ่งที่พระเจ้าตรัสทั้งหมด การสื่อสารสองทางของคุณกับพระเจ้า สิ่งที่พระองค์ตรัสกับคุณสำคัญกว่าสิ่งที่คุณพูดกับพระองค์

  3. เอาใส่ใจ: ‘จงเอาใจใส่’ ซิโมน ไวล์เขียนไว้ว่า ‘ความเอาใจใส่เป็นรูปแบบของความเอื้ออาทรที่หาได้ยากและบริสุทธิ์ที่สุด’ สิ่งนี้ใช้ได้กับทุกความสัมพันธ์รวมถึงความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้าด้วย

  4. บอก: ‘จงประกาศทุกสิ่ง’ แค่เห็นด้วยตาและได้ยินเท่านั้นยังไม่พอ เราต้องเชื่อฟัง เต็มใจที่จะพูดในสิ่งที่พระเจ้าบอกให้คุณพูด

เอเสเคียลได้รับนิมิตเรื่องพระนิเวศหลังใหม่ เป็นพระนิเวศที่เป็นภาพที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ คล้ายกับเมืองที่อธิบายไว้ในพระธรรมวิวรณ์ (วิวรณ์ 21:16) ที่มีความสมมาตรและความสมบูรณ์แบบในพระนิเวศนี้

ใจกลางของพระนิเวศเป็นห้องของปุโรหิตที่ ‘เข้ามาใกล้พระยาห์เวห์เพื่อจะปรนนิบัติพระองค์’ (เอเสเคียล 40:46) ‘การเข้ามาใกล้พระยาห์เวห์’ ถูกจำกัดจำนวนบรรดาวงค์วานไม่มากในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม

แต่ปัจจุบันนี้ คุณสามารถเข้ามาใกล้พระยาห์เวห์ เพื่อจะปรนนิบัติพระองค์ ผ่านทางพระโลหิตของพระคริสต์ (เอเฟซัส 2:13) ช่างเป็นสิทธิพิเศษที่ยอดเยี่ยม จงเปิดตาและเปิดหูด้วยความตั้งใจฟังในสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสกับคุณ จงมีใจกล้าหาญและมีความเชื่อที่จะอธิษฐานด้วยคำอธิษฐานแห่งความเชื่อ คุณคือลูกที่พระเจ้าทรงรัก คำอธิษฐานของคุณจึงเต็มไปด้วยฤทธิ์เดช

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับฤทธิ์เดชที่พิเศษของคำอธิษฐาน โปรดตรัสกับข้าพระองค์ในวันนี้เมื่อข้าพระองค์เข้ามาใกล้พระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ยากอบ 5:17

‘เอลียาห์เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนอย่างเรา’

ฉันไม่รู้สึกเหมือนเอลียาห์เลย เอลียาห์อธิษฐาน และฝนไม่ตกสามปีครึ่ง และมันไม่เป็นแบบนั้น ฉันอธิษฐานว่าไม่ให้ฝนตกในวันแต่งงานของลูกสาวฉัน ฝนไม่ตก แต่หิมะตกแทน!

ข้อพระคำประจำวัน

ยากอบ 5:13ก

‘มีใครในพวกท่านทนทุกข์หรือ? จงให้คนนั้นอธิษฐาน’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม