วัน 324

คุณสามารถต่อสู้กับมารได้

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 28:7-17
พันธสัญญาใหม่ ยากอบ 4:1-17
พันธสัญญาเดิม เอเสเคียล 38:1-39:29

เกริ่นนำ

เนื่องด้วยการก่อการร้ายทั่วโลกเพิ่มขึ้น บรรดาผู้นำของโลกจึงพูดถึงการปราบปรามความชั่วร้าย แต่อย่างที่นักเขียนคนหนึ่งของหนังสือพิมพ์ การ์เดี้ยน Guardian ชี้ให้เห็นว่า ‘วาทศิลป์ของพวกเขาเผยให้เห็นความล้มเหลวในการยอมรับความโหดร้ายและความขัดแย้งเป็นลักษณะพื้นฐานของมนุษย์' ดังที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า ‘ผมไม่กลัวพลังระเบิดของระเบิดปรมาณู สิ่งที่ผมกลัว คือ พลังแห่งความชั่วร้ายที่ระเบิดในใจมนุษย์’

เหตุใดจึงมีความชั่วร้ายมากมายในโลกนี้เช่นนี้? ทำไมถึงมีการต่อสู้กับความชั่วร้ายในชีวิตของเราเอง? คุณจะต้านทานต่อมารได้อย่างไร? จะเกิดอะไรขึ้นกับมารซาตานในวาระสุดท้าย?

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 28:7-17

7บุตรที่เฝ้ารักษาธรรมบัญญัติเป็นคนฉลาด
 แต่เพื่อนของคนตะกละทำให้บิดาของตนขายหน้า
8คนที่ทวีทรัพย์สมบัติของตนด้วยดอกเบี้ยและการขูดรีด
 ก็ได้รวบรวมทรัพย์นั้นไว้ให้ผู้ที่เมตตาคนจน
9ถ้าผู้ใดไม่ฟังธรรมบัญญัติ
 แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นที่น่าสะอิดสะเอียน
10คนที่นำคนเที่ยงธรรมหลงเข้าไปในทางชั่ว
 ก็จะตกลงในหลุมของเขาเอง
 แต่คนดีพร้อมจะได้รับสิ่งดีเป็นมรดก
11คนมั่งคั่งก็มีปัญญาในสายตาของตนเอง
 แต่คนยากจนผู้มีความเข้าใจจะรู้จักเขาแจ่มแจ้ง
12เมื่อคนชอบธรรมชนะ ความรุ่งเรืองก็มีมากขึ้น
 แต่เมื่อคนอธรรมเรืองอำนาจ คนก็ซ่อนตัวเสีย
13ผู้ซ่อนการละเมิดของตนไว้จะไม่เจริญ
 แต่ผู้สารภาพและทิ้งมันจะได้ความกรุณา
14คนที่เกรงกลัวพระเจ้าอยู่เสมอก็เป็นสุข
 แต่คนที่ทำใจตนให้แข็งกระด้างจะตกในความยากลำบาก
15คนอธรรมที่ปกครองประชาชนผู้ยากจน
 ก็เหมือนสิงโตคำรามหรือหมีโถมใส่เหยื่อ
16เจ้านายที่ขาดความเข้าใจก็เป็นผู้บีบบังคับตัวฉกาจ
 แต่คนที่เกลียดสิ่งที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรมย่อมมีชีวิตยืนยาว
17คนที่มีความผิดในเรื่องฆาตกรรม
 จะหลบหนีไปจนตาย
 อย่าให้ใครช่วยเขาเลย

อรรถาธิบาย

สารภาพบาป และละทิ้งความชั่ว

นี่คือคำตอบสำหรับความชั่วร้ายที่มีในชีวิตของเรา ‘ผู้ซ่อนการละเมิดของตนไว้จะไม่เจริญแต่ผู้สารภาพและทิ้งมันจะได้ความกรุณา’ (ข้อ 13)

ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตพูดถึงความชั่วร้ายต่าง ๆ ดังนี้ : การฆาตกรรม (ข้อ 17) นำคนเที่ยงธรรมหลงเข้าไปในทางชั่ว (ข้อ 10) ไม่ฟังธรรมบัญญัติ (ข้อ 9) คิดดอกเบี้ยสูงเกินไป (ข้อ 8) และใจแข็งกระด้าง (ข้อ 14)

เขายังพูดถึงผู้ปกครองที่ชั่วร้ายด้วยว่า ‘เมื่อคนดีได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ทุกอย่างก็ดีไปหมด แต่เมื่อคนชั่วได้รับหน้าที่ จงระวัง!’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ในหมู่ผู้นำที่ขาดความเข้าใจ การล่วงละเมิดก็มีมากมาย’ (ข้อ16 ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เราได้เห็นสิ่งนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในหลายประเทศ เช่น ซีเรีย ลิเบีย อิรัก ซิมบับเว เกาหลีเหนือ ซูดาน และอื่น ๆ ความเป็นผู้นำที่ดีนั้นสำคัญมาก

ผู้เขียนกล่าวว่าผู้นำที่ชั่วร้าย ‘เหมือนสิงโตคำรามหรือหมีโถมใส่เหยื่อ’ ซึ่งปกครองประชาชนผู้ยากไร้ (ข้อ 15) เปโตรบรรยายถึงความชั่วร้ายที่เป็นดุจ ‘สิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้’ (1 เปโตร 5:8)

เมื่อคุณสารภาพบาป พระเจ้าทรงประทานความเมตตา ‘คุณไม่สามารถล้างความผิดและสามารถผ่านมันมาได้ แต่คุณจะพบความเมตตาโดยการยอมรับและละทิ้งบาปนั้น’ (สุภาษิต 28:13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) หรือที่ยอห์น กล่าวว่า ‘ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น’ (1 ยอห์น 1:9)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับพระสัญญาที่ดีเลิศซึ่งเมื่อข้าพระองค์สารภาพบาปและละทิ้งความบาป ข้าพระองค์จะพบความเมตตา
พันธสัญญาใหม่

ยากอบ 4:1-17

การเป็นมิตรกับโลก

 1อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม และการทะเลาะวิวาทกันในท่านทั้งหลาย? มันมาจากความปรารถนาชั่วของท่านที่ต่อสู้อยู่ภายในตัวพวกท่านไม่ใช่หรือ? 2ท่านทั้งหลายอยากได้แต่ไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน พวกท่านโลภแต่ไม่ได้ ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ขอ 3พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง 4คนไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายรู้ว่าการเป็นมิตรกับโลกนั้นคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้าไม่ใช่หรือ? เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ต้องการเป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า 5ท่านคิดว่าเป็นสิ่งไร้สาระหรือที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระวิญญาณที่พระเจ้าให้สถิตกับเรานั้นทรงหวงแหนอย่างยิ่ง?” 6แต่พระองค์ก็ประทานพระคุณมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นพระคัมภีร์จึงกล่าวว่า

“พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง
 แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ”

 7เพราะฉะนั้น พวกท่านจงนอบน้อมต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป 8พวกท่านจงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน พวกคนบาปเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด คนสองใจ จงชำระใจให้บริสุทธิ์ 9จงเป็นทุกข์ โศกเศร้า และร้องไห้ ให้เสียงหัวเราะของพวกท่านกลายเป็นความโศกเศร้า และความชื่นชมยินดีกลายเป็นความเศร้าสลด 10พวกท่านจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงยกชูท่าน

การตัดสินพี่น้องของตน

 11พี่น้องเอ๋ย อย่ากล่าวร้ายกันและกัน คนที่กล่าวร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน ก็กล่าวร้ายธรรมบัญญัติและตัดสินธรรมบัญญัติ ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสิน 12ผู้ที่ตั้งธรรมบัญญัติและผู้ที่ตัดสินมีแต่เพียงองค์เดียว ผู้ทรงสามารถช่วยให้รอดหรือทำลายก็ได้ แต่ท่านเป็นใคร ถึงได้ตัดสินเพื่อนบ้านของท่าน?

ตักเตือนเรื่องการอวดอ้าง

 13ฟังให้ดีนะ ท่านทั้งหลายที่พูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น จะอยู่ที่นั่นสักปีหนึ่ง และจะค้าขายแล้วได้กำไร” 14แต่ท่านไม่รู้เรื่องของวันพรุ่งนี้ ชีวิตของพวกท่านเป็นเหมือนอะไร? ก็เป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็จางหายไป 15แต่พวกท่านควรจะพูดว่า “ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะยังมีชีวิตอยู่ และจะทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น” 16แต่เวลานี้ท่านกลับอวดอ้างด้วยความทะนงของตนเอง การอวดอ้างทุกอย่างนั้นล้วนเป็นความชั่ว 17เพราะฉะนั้น คนที่รู้ว่าอะไรเป็นความดีที่ต้องทำ แต่ไม่ได้ทำ คนนั้นจึงมีบาป

อรรถาธิบาย

ต่อสู้กับมาร

เหตุใดจึงมีการแบ่งแยกมากมายในโลก? ยากอบให้คำตอบที่สร้างความลำบากใจให้แก่เรา: 'ท่านคิดว่าสงครามและการทะเลาะวิวาทที่น่าสยดสยองเหล่านี้มาจากไหน? ท่านคิดว่าสิ่งเหล่านี้เพิ่งเกิดขึ้นหรือไม่? คิดดูอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะท่านต้องการให้เป็นตามวิธีของท่านเอง และต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นจากเบื้องลึกในจิตใจท่าน’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระคัมภีร์รับรู้แหล่งที่มาของความชั่วร้ายของมนุษย์ แต่ยังชี้ไปที่แหล่งที่ลึกกว่านั้นด้วย

มนุษย์ทุกคนมีแนวโน้มที่จะทำบาป พระธรรมตอนนี้เน้นกุญแจหลักของสมรภูมิในการต่อสู้กับความชั่วร้ายนั่น คือ ตัวเราเอง เราจำเป็นต้องต้านความชั่วร้ายให้ได้ แล้วคุณจะสามารถชนะสงครามนี้ได้อย่างไร?

ปัญหาแรกที่ยากอบบอกคือเมื่อเราต้องการบางสิ่ง เราออกไปต่อสู้เพื่อสิ่งนั้น แทนที่จะอธิษฐานกับพระเจ้า 'ท่านกระหายในสิ่งที่ท่านไม่มีและเต็มใจที่จะฆ่ามันเพื่อให้ได้มา ท่านต้องการสิ่งที่ไม่ใช่ของตนและเสี่ยงต่อความรุนแรงเพื่อได้สิ่งนั้นมาครอบครอง’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

สิ่งล่อลวงที่น่าพึงพอใจของโลกนี้รุนแรงมาก แต่พระเจ้าต้องการให้เราซื่อสัตย์ต่อพระองค์ เมื่อเราไล่ตามความเพลิดเพลินในโลกนี้ เราก็จะกลายเป็นชู้ในความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า 'พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง’ (ข้อ 3)

เขาพูดต่อไปว่า ‘ท่านกำลังนอกใจพระเจ้า ถ้าสิ่งที่ท่านต้องการคือวิถีของตนเองคือพูดจาเกี้ยวโลกทุกครั้งที่มีโอกาส ท่านก็จะเป็นศัตรูกับพระเจ้าและทางของพระองค์’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งนี้ทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เสียพระทัย 'ท่านคิดว่าเป็นสิ่งไร้สาระหรือที่พระคัมภีร์กล่าวว่า พระวิญญาณที่พระเจ้าให้สถิตกับเรานั้นทรงหวงแหนอย่างยิ่ง?’ (ข้อ 5) เราทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เสียพระทัยเมื่อเราติดตามพระอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่เราจะทำบาปโดยการไม่ทำอะไรเลย บาปไม่ใช่แค่การทำในสิ่งที่รู้ว่าผิด แต่ยังเป็นการไม่ทำสิ่งที่เรารู้ว่าถูกด้วย ‘อันที่จริงแล้ว ถ้าท่านรู้ว่าอะไรถูกต้องแล้วไม่ทำ ถือว่าท่านทำสิ่งชั่วแล้ว’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คุณไม่สามารถเอาชนะความชั่วร้ายได้ด้วยตัวคุณเอง แต่ยังมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมคือ ‘พระองค์ประทานพระคุณมากยิ่งขึ้น' (ข้อ 6ก) พระเจ้าไปทรงประณามคุณ ‘พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหองแต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ’ (ข้อ 6ข) พระองค์ประทานพระคุณให้คุณมากยิ่งขึ้นให้มีชัยชนะเหนือความชั่วร้าย

จงถ่อมใจต่อพระเจ้า 'จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป พวกท่านจงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน’ (ข้อ 7–8ก) สิ่งเหล่านี้เป็นพระสัญญาที่ยอดเยี่ยมซึ่งควรค่าแก่การท่องจำ ‘จงตะโกนเสียงดังว่า ไม่ ต่อมารและดูมันวิ่งหนี พูดว่า ใช่ อย่างเงียบ ๆ กับพระเจ้าและอีกไม่นานพระองค์จะมาอยู่ที่นั่น’ ( ข้อ7–8ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คุณจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? เขาอธิบายต่อว่า ‘หยุดเล่นกับบาป' (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ไม่ใช่สิ่งดีถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถมีชีวิตที่บริสุทธิ์และยังคงมีบาปเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดอยู่ในชีวิต 'ชำระชีวิตภายในของคุณ เลิกเล่นในสนาม... คุกเข่าลงต่อหน้าพระเจ้า' พระเจ้าไม่ได้ทิ้งเราไว้ที่นั่น การคุกเข่าเป็นวิธีที่จะได้กลับมายืนได้อีกครั้ง! (ข้อ 8ข–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เมื่อเราตระหนักถึงข้อบกพร่องของตนเอง เราตระหนักดีว่าเราอยู่ในฐานะที่ตัดสินใครไม่ได้ วิธีลืมความผิดของคนอื่นได้ดีที่สุด คือการกลับไปมองตัวเราเอง ในเมื่อตัวเราเองก็เป็นผู้ละเมิดกฎต่าง ๆ เราเป็นใครจึงจะนั่งตัดสินคนอื่น? (ข้อ11) มีผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถพิพากษาเราทุกคนได้ ‘ผู้ทรงสามารถช่วยให้รอดหรือทำลายก็ได้ แต่ท่านเป็นใคร ถึงได้ตัดสินเพื่อนบ้านของท่าน?’ (ข้อ 12)

ความชั่วอีกอย่างหนึ่งคือความทะนงตัว ‘เต็มไปด้วยตัวตนที่คิดว่าเป็นใหญ่เป็นโต’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เรา ‘ป่าวประกาศอย่างไม่คิดไตร่ตรองว่า “วันนี้ อย่างช้าที่สุด พรุ่งนี้ เรากำลังจะไปเมืองนั้นและเมืองนี้สักปี เรากำลังจะเริ่มธุรกิจและทำเงินได้มากมาย”’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เป็นการดีที่จะวางแผนล่วงหน้า แต่ท้ายที่สุดแล้ว 'คุณไม่รู้เรื่องแรกเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้' (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ชีวิตของคุณทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระเจ้า ‘จงทำให้เป็นนิสัยที่จะพูดว่า 'ถ้าพระเจ้าประสงค์และเรายังมีชีวิตอยู่ เราจะทำอย่างนี้หรือทำอย่างนั้น”’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำว่า ‘พระประสงค์ของพระเจ้า’ ไม่ควรเป็นอะไรที่ทางการ แต่ควรแสดงออกถึงความเป็นจริงของหัวใจที่รับรู้ว่าในท้ายที่สุด พระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมไม่ใช่คุณเป็นคนควบคุม คำอธิษฐานจากหัวใจของคุณควรเป็น ‘ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดอภัยบาปของข้าพระองค์เหมือนที่ข้าพระองค์ยกโทษผู้อื่น อย่านำข้าพระองค์เข้าใกล้การทดลอง แต่ปลดปล่อยจากความชั่ว
พันธสัญญาเดิม

เอเสเคียล 38:1-39:29

พวกโกกรุกราน

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 2“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าของเจ้าต่อสู้โกกแห่งแผ่นดินมาโกกเจ้านายองค์สำคัญของเมเชคและทูบัล และจงเผยพระวจนะกล่าวโทษเขา 3จงกล่าวว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า โอ โกก นี่แน่ะ เราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าผู้เป็นเจ้านายองค์สำคัญของเมเชคและทูบัล 4เราจะให้เจ้าหันกลับ และเอาเบ็ดเกี่ยวขากรรไกรของเจ้า แล้วเราจะนำเจ้าออกมาพร้อมกับกองทัพทั้งหมดของเจ้า ทั้งพวกม้าและบรรดาพลม้า ทุกคนสวมเครื่องยุทธภัณฑ์ครบถ้วน เป็นพรรคพวกใหญ่โต ทุกคนถือดาบ มีโล่และดั้ง 5เปอร์เซีย คูช และพูตอยู่กับพวกเขาด้วย ทุกคนมีโล่และหมวกเหล็ก 6โกเมอร์และกองกำลังทั้งหมดของเขา เบธโทการมาห์จากเหนือสุดพร้อมกับกองกำลังทั้งหมดของเขา มีชนชาติมากมายอยู่กับเจ้า
 7“เจ้าและพลพรรคทั้งหมดซึ่งชุมนุมอยู่กับเจ้า จงเตรียมพร้อมและให้พร้อมไว้เสมอ และจงเป็นยามเฝ้าพวกเขาไว้ 8เมื่อล่วงไปเป็นเวลานานเจ้าจะต้องถูกเรียกตัว ในปีต่อๆ ไปในอนาคต เจ้าจะยกเข้าไปต่อสู้กับแผ่นดินซึ่งได้รับการฟื้นฟูจากสงคราม และถูกรวบรวมจากประชาชนมากมายบนภูเขาอิสราเอล ซึ่งเคยเป็นซากปรักหักพังมาตลอด และแผ่นดินนั้นมาจากประชาชน และทุกคนอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยแล้ว 9และเจ้าจะรุกคืบไปเหมือนพายุ เจ้าจะปกคลุมแผ่นดินนั้นเหมือนเมฆ คือเจ้าและกองกำลังทั้งหมดของเจ้า รวมทั้งชนชาติจำนวนมากที่อยู่กับเจ้า
 10“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นจะบังเกิดความคิดในใจของเจ้า และเจ้าจะคิดแผนการชั่ว 11และเจ้าจะกล่าวว่า ‘เราจะยกทัพไปยังแผ่นดินที่เป็นชนบทไร้กำแพง เราจะไปยังพวกที่อาศัยอยู่อย่างสงบสุขและปลอดภัย พวกเขาทุกคนอาศัยอยู่โดยไม่มีกำแพง ไม่มีดาลและไม่มีประตู’ 12เพื่อปล้นและริบข้าวของ ทั้งยื่นมือของเจ้าต่อสู้ดินแดนที่เคยเป็นซากปรักหักพัง ซึ่งขณะนี้มีคนอาศัยอยู่ และต่อสู้ประชาชนที่ถูกรวบรวมจากบรรดาประชาชาติ ผู้ซึ่งได้ฝูงปศุสัตว์และสมบัติ ทั้งเป็นผู้อาศัยอยู่ ณ ศูนย์กลางของแผ่นดินโลก 13เชบาและเดดาน ทั้งบรรดาพ่อค้าแห่งทารชิช และพวกสิงห์หนุ่มของเมืองนั้นจะกล่าวกับเจ้าว่า ‘ท่านมาเพื่อจะปล้นและริบข้าวของหรือ? ท่านชุมนุมพลพรรคเพื่อจะขนเงินและทองไป ทั้งขนเอาฝูงปศุสัตว์และสมบัติไป และเพื่อจะปล้นข้าวของมากมายหรือ?’
 14“เพราะฉะนั้น บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะและกล่าวกับโกกว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นเมื่ออิสราเอลประชากรของเราอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยแล้ว เจ้าจะเร้าใจเจ้าเอง 15เจ้าจะมาจากที่ของเจ้าทางเหนือสุด ทั้งเจ้าและชนชาติทั้งหลายจำนวนมากที่อยู่กับเจ้า ทุกคนขี่ม้า เป็นพลพรรคทรงพลังยิ่ง เป็นกองทัพมหึมา 16เจ้าจะขึ้นมาต่อสู้อิสราเอลประชากรของเรา เหมือนอย่างเมฆคลุมแผ่นดิน โอ้ โกก ในเวลาภายหน้า เราจะนำเจ้ามาต่อสู้กับแผ่นดินของเรา เพื่อประชาชาติทั้งหลายจะรู้จักเรา เมื่อเราสำแดงความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าต่อตาพวกเขาผ่านตัวเจ้า

พิพากษาโทษโกก

 17“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เจ้าเป็นผู้นั้นหรือ? ผู้ที่เราได้พูดถึงในสมัยก่อนผ่านผู้รับใช้ของเรา คือผู้เผยพระวจนะของอิสราเอล ซึ่งได้เผยพระวจนะในเวลานั้นอยู่หลายปีแล้วว่า ‘เราจะนำเจ้ามาต่อสู้กับเขาทั้งหลาย’ 18พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า และในวันนั้นเมื่อโกกยกมาต่อสู้กับดินแดนอิสราเอล ความโกรธรุนแรงของเราจะพลุ่งขึ้น 19และเราจะประกาศด้วยความหวงแหน และด้วยไฟแห่งความพิโรธของเราว่า ในวันนั้นจะมีการสั่นไหวอย่างรุนแรงในแผ่นดินอิสราเอล 20ปลาในทะเลและนกในอากาศ ทั้งสัตว์ป่าในทุ่งและสัตว์เลื้อยคลานที่คลานอยู่บนพื้นดิน และมนุษย์ทั้งหมดที่อยู่บนพื้นดินจะสั่นสะเทือนต่อหน้าเรา ภูเขาทั้งหลายจะพังลง ทั้งหน้าผาและกำแพงทุกแห่งจะพังลงบนแผ่นดิน 21แล้วเราจะเรียกดาบมาต่อสู้กับโกกบนภูเขาทุกแห่งของเรา และดาบของแต่ละคนจะต่อสู้กับพวกของเขาเอง” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ 22เราจะพิพากษาโทษเขาด้วยโรคระบาดและด้วยโลหิตตก เราจะให้ฝนที่ตกหนัก ก้อนลูกเห็บ ไฟ และกำมะถันถูกเทลงใส่เขาและกองทัพของเขา รวมทั้งบรรดาชนชาติจำนวนมากที่อยู่กับเขา 23ดังนั้นเราจะสำแดงความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของเรา และทำให้เราเป็นที่รู้จักในสายตาของประชาชาติมากมาย แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

เอเสเคียล 39

กองทัพของโกกถูกทำลาย

 1และเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะต่อสู้โกก และกล่าวว่า “พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า โอ โกก ผู้เป็นเจ้านายองค์สำคัญของเมเชคและทูบัล 2เราจะหันเจ้ากลับและลากเจ้าไปตามทาง และนำเจ้าขึ้นมาจากที่เหนือสุด แล้วให้เจ้าเข้าไปต่อสู้ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล 3และเราจะตีคันธนูให้หลุดจากมือซ้ายเจ้า และเราจะให้ลูกธนูตกจากมือขวาเจ้า 4เจ้าจะล้มลงบนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล ทั้งเจ้าและกองทัพทั้งหมดของเจ้า และชนชาติทั้งหลายที่อยู่กับเจ้า เราจะมอบเจ้าให้เป็นอาหารแก่เหยี่ยวทุกชนิดและแก่สัตว์ป่าทุ่ง 5เจ้าจะล้มลงบนพื้นทุ่ง เพราะเราได้ลั่นวาจาแล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ 6เราจะส่งไฟมาเหนือมาโกก และเหนือพวกที่อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยตามแผ่นดินชายทะเล แล้วเขาทั้งหลายจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์
 7“และเราจะทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักท่ามกลางอิสราเอลประชากรของเรา เราจะไม่ยอมให้นามบริสุทธิ์ของเราถูกลบหลู่อีกต่อไป และประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์ในอิสราเอล 8พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า ดูสิ มันมาถึงแล้ว และเกิดขึ้นแล้ว คือวันนั้นซึ่งเราได้ลั่นวาจาไว้
 9“แล้วคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของอิสราเอลจะออกไป แล้วพวกเขาจะจุดไฟเผาเครื่องอาวุธเสีย คือดั้งและโล่ คันธนูและลูกธนู ไม้พลองและหอก และเขาจะจุดไฟเผาเป็นเวลา 7 ปี 10เพราะฉะนั้น พวกเขาไม่ต้องเอาฟืนมาจากทุ่งนาหรือตัดฟืนจากป่า เพราะเขาจะจุดไฟด้วยเครื่องอาวุธ และเขาจะริบข้าวของของพวกที่มาริบข้าวของของเขา และจะปล้นพวกที่มาปล้นเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

การฝังศพพวกโกก

 11“และในวันนั้น เราจะให้โกกมีสุสานอยู่ในอิสราเอล คือหุบเขาของคนสัญจรไปมา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของทะเล มันจะกีดขวางคนที่สัญจรไปมา เพราะว่าโกกและพลพรรคทั้งหมดของโกกจะถูกฝังอยู่ที่นั่น เขาจะเรียกกันว่าหุบเขาพลพรรคโกก 12พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะฝังเขาทั้งหลายอยู่ถึง 7 เดือน เพื่อจะทำให้แผ่นดินนั้นสะอาด 13ประชาชนทั้งหมดของแผ่นดินจะฝังศพพวกโกก และประชาชนจะมีชื่อเสียงในวันนั้นเมื่อเราสำแดงพระสิริของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ  14เขาทั้งหลายจะตั้งคนให้สำรวจแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อฝังศพของพวกบุกรุกซึ่งยังเหลืออยู่บนพื้นแผ่นดิน เพื่อทำให้แผ่นดินสะอาด เขาจะออกตรวจค้นตั้งแต่ปลายเดือนที่ 7 15เมื่อคนเหล่านั้นเดินผ่านไปมาในแผ่นดิน ถ้าใครเห็นกระดูกคนเข้า เขาจะทำเครื่องหมายไว้ข้างกระดูกนั้น จนกว่าคนฝังจะมาฝังกระดูกนั้นไว้ในหุบเขาพลพรรคโกก 16(จะมีเมืองหนึ่งชื่อว่า พลพรรค ด้วย) เขาจะทำให้แผ่นดินสะอาดเช่นนี้แหละ
 17“เจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า จงพูดกับนกทุกชนิดและพูดกับสัตว์ป่าทุ่งทั้งหมดว่า จงชุมนุมและมากันเถิด จงรวมกันมาจากรอบด้าน มายังการเลี้ยงสักการบูชาที่เราเตรียมไว้ให้พวกเจ้า เป็นการเลี้ยงสักการบูชายิ่งใหญ่บนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล แล้วเจ้าจะกินเนื้อและดื่มเลือด 18พวกเจ้าจะกินเนื้อของพวกผู้กล้าหาญ และดื่มเลือดของเจ้านายแห่งพิภพ เหมือนเลือดของแกะผู้ ของลูกแกะ และของแพะกับของโคผู้ ทั้งหมดนี้เป็นสัตว์อ้วนพีแห่งบาชาน 19แล้วพวกเจ้าจะกินไขมันจนเจ้าอิ่มหนำ และดื่มเลือดจนเจ้าเมาในการเลี้ยงสักการบูชาที่เราได้เตรียมไว้ให้เจ้า 20และเจ้าจะอิ่มหนำที่โต๊ะอาหารของเราด้วยเนื้อม้าและเนื้อผู้ขี่ม้า ทั้งเนื้อของพวกผู้กล้าหาญและของนักรบทุกคน พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

อิสราเอลได้รับการช่วยเหลือให้กลับแผ่นดิน

 21“และเราจะสำแดงพระสิริของเราท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย และประชาชาติทั้งหมดจะเห็นการพิพากษาของเราซึ่งเราได้ทำไป และเห็นมือเราที่เราวางไว้บนเขา 22แล้วพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเขาทั้งหลาย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป 23และบรรดาประชาชาติจะรู้ว่าพงศ์พันธุ์อิสราเอลถูกกวาดไปเป็นเชลยเพราะความผิดบาปของเขา เพราะพวกเขาได้ทำต่อเราด้วยความอสัตย์ เราจึงซ่อนหน้าของเราจากเขา และมอบเขาไว้ในมือศัตรูของเขา เขาทุกคนจึงล้มลงด้วยดาบ 24เราทำกับพวกเขาตามมลทินของเขา และตามการละเมิดของเขา และเราซ่อนหน้าของเราเสียจากเขา
 25“เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า บัดนี้เราจะให้ยาโคบกลับจากการเป็นเชลย และเราจะมีความกรุณาต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด และเราจะหวงแหนนามบริสุทธิ์ของเรา 26เมื่อเขาทั้งหลายมาอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดิน โดยไม่มีใครทำให้เขาหวาดกลัว เขาก็จะทนรับความอับอายขายหน้าของเขา ทั้งการทรยศซึ่งเขาได้เคยประพฤติต่อเรา 27เมื่อเรานำพวกเขากลับมาจากชนชาติทั้งหลาย และรวบรวมเขามาจากแผ่นดินศัตรูของเขา เราจะสำแดงความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าต่อตาประชาชาติจำนวนมากผ่านเขา 28แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เพราะแม้เราได้ส่งเขาไปเป็นเชลยยังบรรดาประชาชาติ เราก็จะรวบรวมเขาเข้ามาในแผ่นดินของเขา และจะไม่ปล่อยให้สักคนหนึ่งในพวกเขาหลงเหลืออยู่ที่นั่นอีกเลย 29และเราจะไม่ซ่อนหน้าของเราจากเขาอีกเลย เนื่องจากเราจะเทวิญญาณของเราเหนือพงศ์พันธุ์อิสราเอล” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

อรรถาธิบาย

มั่นใจในชัยชนะแห่งความดี

ความชั่วร้ายจะไม่มีทางได้มีสิทธิ์มีเสียงในภายหลัง ความดีย่อมมีชัยในที่สุด พระเจ้าเป็นผู้มีฤทธิ์อำนาจเหนือทุกสิ่ง แม้แต่โรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก! ดังที่เซนต์โธมัส ควีนาสกล่าวไว้ว่า ‘พระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจจนสามารถชี้นำความชั่วร้ายไปสู่จุดจบที่ดีได้’

เอเสเคียลเผยพระวจนะกล่าวโทษ ‘จงมุ่งหน้าของเจ้าต่อสู้โกกแห่งแผ่นดินมาโกก... โอ โกก นี่แน่ะ เราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า’ (38:2–3) ตัวตนของโกกและมาโกกดูเหมือนจะจงใจให้ลึกลับ แต่เอเสเคียลใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อเป็นตัวแทนของตัวอย่างศัตรูที่ ‘เตรียมแผนชั่ว' ต่อประชากรของพระเจ้า (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ตัวตนนี้จะถูกระบุชัดเจนขึ้นในหนังสือพระธรรมวิวรณ์ (วิวรณ์ 19:11–20:10) ซึ่งอธิบายถึงจุดจบของโลกและการทำลายล้างของซาตาน โกกและมาโกกถูกระบุตัวว่าเป็นซาตานและใช้เพื่อเป็นตัวแทนของกองกำลังชั่วร้ายและคนในโลกนี้ ข้อพระคัมภีร์ของทั้งในพระธรรมวิวรณ์ และเอเสเคียลนั้นชี้ชัดเจนว่า พระเจ้าเป็นผู้มีชัยชนะ!

นี่เป็นข้อความแห่งความหวังที่สำคัญยิ่ง พระเจ้าตรัสว่า 'เราจะพิพากษาโทษเขา (ซาตาน) ... ดังนั้นเราจะสำแดงความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของเรา และทำให้เราเป็นที่รู้จักในสายตาของประชาชาติมากมาย แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์’ (เอเสเคียล 38:22–23)

ในบริบทของเอเสเคียลคือผู้คนถูกกวาดต้อนเพราะพวกเขาไม่สัตย์ซื่อต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นพระองค์จึงทรงซ่อนพระพักตร์จากพวกเขาและมอบพวกเขาให้กับศัตรู (39:23–24) ตอนนี้พระองค์สัญญาว่าวันหนึ่งจะมาถึงเมื่อความชั่วร้ายจะล่มสลาย (ข้อ 4-5) พระเจ้าจะทรงได้รับเกียรติ ‘และประชาชนจะมีชื่อเสียงในวันนั้นเมื่อเราสำแดงพระสิริของเรา' (ข้อ 13)

พระสัญญาของพระเจ้าคือจะทรงเมตตาพวกเขา 'เราจะเห็นอกเห็นใจประชาชนอิสราเอลทุกคน... เราจะใช้พวกเขาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของเรากับบรรดาประชาชาติที่เฝ้าดู... หลังจากที่เราเทพระวิญญาณของเราลงบนอิสราเอลอย่างเต็มเปี่ยมด้วยชีวิตของเรา เราจะไม่หันหลังกลับอีกต่อไป เราจะมองใบหน้าพวกเขาทั้งหมด’ ( ข้อ 25–29, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่เป็นพระสัญญาที่น่าอัศจรรย์ ซาตานเป็นศัตรูที่พ่ายแพ้ จุดจบของมันจะมาถึงในที่สุด คุณสามารถเริ่มสัมผัสกับชัยชนะนี้ได้ทันที คุณสามารถต่อสู้ความชั่วร้ายได้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่อำนาจของมารนั้นได้พ่ายแพ้ ขอการเทลงมาของพระวิญญาณของพระองค์ เพื่อทุกคนจะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ยากอบ 4:7–8

‘จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป พวกท่านจงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน’

ข้อพระคัมภีร์เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจที่ฉันได้ท่องหลายครั้งเมื่อรู้สึกถูกโจมตีด้วยความกลัวหรือความท้อแท้

ข้อพระคำประจำวัน

ยากอบ 4:7–8

‘จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป พวกท่านจงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม