วัน 279

เสือดาวเปลี่ยนลายของมันได้หรือ?

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 118:1-16
พันธสัญญาใหม่ โคโลสี 2:6-23
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 11:18-13:27

เกริ่นนำ

ไบรอัน เอ็มเมตต์ เป็นอาชญากรตัวฉกาจในทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน เป็นพวกนักเลง และคนค้ายา และอยู่ในสมัยของฝาแฝดเครย์ผู้ฉาวโฉ่ผู้ที่เขารู้จักเป็นอย่างดี

ไบรอันมีลูกชายชื่อไมเคิล ผู้ซึ่งเข้าร่วม ‘ธุรกิจครอบครัว’ ตั้งแต่อายุยังน้อย พ่อกับลูกชายทำงานด้วยกันในฐานะนักค้ายาข้ามชาติ กิจกรรมของพวกเขาประสบความสำเร็จจนกระทั่งคืนหนึ่ง พวกเขาถูกจับในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการขนาดใหญ่ของตำรวจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ติดอาวุธสิบสองคนและตำรวจประจำการหกสิบคน ที่ท่าตกปลาเล็ก ๆ ในเมืองเดวอน ที่ซึ่งคลังกัญชาสี่เมตริกตัน มูลค่าค้าปลีก 13 ล้านปอนด์ กำลังเข้าเทียบท่า

ในตอนนั้น เป็นการนำเข้ากัญชาสู่สหราชอาณาจักรล็อตใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาและพวกเขาก็ถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกคนละสิบสองปีหกเดือน

ในปี ค.ศ. 1994 ไบรอันและไมเคิลได้ยินเรื่องราวของหลักสูตรอัลฟ่า ขณะที่อยู่ในเรือนจำเอ็กซีเตอร์ และเค้าทั้งคู่ตัดสินใจที่จะลองเข้าร่วมดู จากนั้นพวกเขาก็ได้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ในขณะที่พ่อกับลูกชายยังคงถูกต้องขังต่อไป พวกเขาก็ถูกย้ายจากเรือนจำหนึ่งไปยังอีกเรือนจำหนึ่งทั่วอังกฤษตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อไปถึงแต่ละแห่ง พวกเขาก็แนะนำอัลฟ่าให้คนอื่น ๆ รู้จัก และนักโทษคนแล้วคนเล่าก็มีประสบการณ์ในความรักของพระเจ้าเป็นครั้งแรก

จากการเริ่มต้นเหล่านี้ อัลฟ่าในเรือนจำ ก็ขยายออกไป ปีที่แล้ว ชายและหญิงกว่า 50,000 คน ได้ผ่านหลักสูตรอัลฟ่าในเรือนจำในหลายสิบประเทศทั่วโลก

เมื่อผมสัมภาษณ์ไมเคิล ผมถามเขาว่า พระเยซูทรงทำให้เกิดความแตกต่างนี้ได้อย่างไร เขาตอบว่า ‘ผมติดยามาหลายปี อยู่ในวังวนในการเป็นอาชญากร ผมมองในส่วนนั้นแต่ภายในผมแตกสลายอย่างมาก มีหลุมในใจของผม และผมพยายามจะเติมเต็มมันด้วยสิ่งต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ได้ผล พระเยซูเป็นความจริง พระองค์ทรงทำกิจภายในผม การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นอย่างกระทันหันมาก ทั้งการเยียวยาและการเปลี่ยนแปลง ความคิดที่เปลี่ยนไปและจิตใจของผมที่ไม่เหมือนเดิม คำสาปแช่งเหนือครอบครัวของผมได้ถูกทำลายลงแล้ว’

ชีวิตของไบรอันและไมเคิลเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าพระเยซูปลดปล่อยพวกเขาออกจากวงจรเสพติดและความบาปต่าง ๆ ซึ่งทำลายชีวิตของเขา หลังจากชีวิตแห่งอาชญากรรมและไม่เคารพกฎหมาย พวกเขาไม่เคยต้องกลับเข้าไปในเรือนจำอีกเลย

มันเป็นไปได้สำหรับคุณด้วยไหมที่จะเปลี่ยนแปลง? หนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือ การเลิกนิสัยแย่ ๆ หรือเลิกทำบาป ตอนหนึ่งของพระธรรมเยเรมีย์ในวันนี้ตั้งคำถามว่า ‘เสือดาวเปลี่ยนลายของมันได้หรือ?’ (เยเรมีย์ 13:23)

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 118:1-16

บทเพลงแห่งชัยชนะ

1จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ประเสริฐ
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
2ให้อิสราเอลกล่าวเถิดว่า
 “ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์”
3ให้วงศ์วานอาโรนกล่าวเถิดว่า
“ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์”
4ให้บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์กล่าวเถิดว่า
 “ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์”
5ข้าพเจ้าได้ร้องทูลพระยาห์เวห์จากความคับแค้นใจ
 พระยาห์เวห์ทรงตอบข้าพเจ้าโดยประทานความโล่งใจให้
6เมื่อพระยาห์เวห์ทรงอยู่ฝ่ายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่กลัว
 มนุษย์จะทำอะไรแก่ข้าพเจ้าได้เล่า?
7พระยาห์เวห์ทรงอยู่ฝ่ายข้าพเจ้าเพื่อช่วยข้าพเจ้า
 ดังนั้นข้าพเจ้าจะมองเห็นคนที่เกลียดข้าพเจ้าแพ้
8เข้าลี้ภัยอยู่ในพระยาห์เวห์ ก็ดีกว่า
 วางใจในมนุษย์
9เข้าลี้ภัยอยู่ในพระยาห์เวห์ ก็ดีกว่า
 วางใจในเจ้านาย
10ประชาชาติทั้งสิ้นได้ล้อมข้าพเจ้า
 แต่โดยพระนามพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าห้ำหั่นพวกเขา
11เขาทั้งหลายได้ล้อมข้าพเจ้า ได้ล้อมข้าพเจ้าทุกด้าน
 แต่โดยพระนามพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าห้ำหั่นพวกเขา
12เขาทั้งหลายได้ล้อมข้าพเจ้าเหมือนฝูงผึ้ง
 พวกเขามอดดับไป เหมือนไฟไหม้หนาม
 โดยพระนามพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าห้ำหั่นพวกเขา
13ข้าพเจ้าถูกผลักอย่างแรง ข้าพเจ้ากำลังจะล้ม
 แต่พระยาห์เวห์ทรงช่วยข้าพเจ้า
14พระยาห์เวห์ทรงเป็นกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้า
 พระองค์ทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้า
15มีเสียงยินดีและไชโย
 อยู่ในเต็นท์ของผู้ชอบธรรมว่า
 “พระหัตถ์ขวาของพระยาห์เวห์ห้าวหาญนัก
16พระหัตถ์ขวาของพระยาห์เวห์เป็นที่เชิดชู
 พระหัตถ์ขวาของพระยาห์เวห์ห้าวหาญนัก”

อรรถาธิบาย

เปลี่ยนแปลงโดยความช่วยเหลือจากพระเจ้า

คุณมีความกลัวเรื่องสิ่งที่คนอื่นคิดหรือพูดเกี่ยวกับคุณไหม? คุณกังวลถึงสิ่งที่พวกเขาอาจทำกับคุณไหม กลัวว่าพวกเขาอาจปฏิบัติต่อคุณอย่างไม่ยุติธรรมหรือปฏิเสธคุณไหม?

ให้เราตระหนักว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เพียงใด และปัญหาของเราเล็กเพียงใดเมื่อเทียบกับฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ผู้เขียนสดุดีขอบพระคุณพระเจ้าเพราะว่าความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ (ข้อ 1–4) เขาเขียนว่า ‘ข้าพเจ้า​ได้​ร้อง​ทูล​พระยาห์เวห์จาก​ความ​คับ​แค้น​ใจ​ พระยาห์เวห์ทรง​ตอบ​ข้าพเจ้า​โดยประทาน​ความ​โล่ง​ใจ​ให้’ (ข้อ 5)

เสรีภาพให้มุมมองใหม่ในชีวิตแก่เรา ผู้เขียนสดุดีหันไปหาพระเจ้าเพราะรู้ว่าเขาสามารถพึ่งพาพระองค์ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ‘มีพระเจ้าอยู่​ฝ่ายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่​กลัว มนุษย์​จะกล้า​ทำ​อะไร​แก่​ข้าพเจ้า​ได้​เล่า? พระเจ้าทรง​เป็นผู้ป้องกันอันเข้มแข็งของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสลัดศัตรูเหมือนดังแมลงวัน’ (ข้อ 6–7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

จงสรรเสริญพระเจ้าวันนี้ เหมือนกับผู้เขียนสดุดี คุณสามารถพูดว่า ‘พระ​ยาห์เวห์ทรง​เป็น​กำลัง​และ​บท​เพลง​ของข้าพเจ้า ​พระ​องค์ทรงเป็น​ความ​รอด​ของข้าพเจ้า’ (ข้อ 14)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงอยู่กับข้าพระองค์เสมอ พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยข้าพระองค์ เป็นความเข้มแข็งของข้าพระองค์ ทรงเป็นความรอดและบทเพลงของข้าพระองค์
พันธสัญญาใหม่

โคโลสี 2:6-23

ชีวิตที่บริบูรณ์ในพระคริสต์

 6เพราะฉะนั้น ในเมื่อพวกท่านรับพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าไว้แล้ว ก็จงดำเนินชีวิตในพระองค์ด้วย 7จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และจงให้การขอบพระคุณทวียิ่งขึ้น
 8จงระวังให้ดี อย่าให้ใครทำให้พวกท่านตกเป็นทาสด้วยหลักปรัชญา และคำหลอกลวงที่เหลวไหลตามตำนานของมนุษย์ ตามพวกภูตผีที่ครอบงำของจักรวาลแปลได้อีกว่า ตามหลักคำสอนเบื้องต้นของโลกนี้ ไม่ใช่ตามพระคริสต์ 9เพราะว่าความเป็นพระเจ้าที่ครบบริบูรณ์ทั้งสิ้นดำรงอยู่ในพระกายของพระองค์ 10และพวกท่านได้รับความครบบริบูรณ์ในพระองค์ ผู้ทรงเป็นศีรษะเหนือภูตผีที่ครอบครองและภูตผีที่มีอำนาจทั้งหมด 11ในพระองค์นั้น ท่านทั้งหลายได้รับการเข้าสุหนัตด้วยพิธีเข้าสุหนัตที่ไม่ได้ทำด้วยมือมนุษย์ โดยการขจัดเนื้อหนังบาปภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ขจัดกายแห่งเนื้อหนังด้วยการเข้าสุหนัตจากพระคริสต์ 12พวกท่านถูกฝังร่วมกับพระองค์ในการบัพติศมา ที่พระเจ้าทรงให้ท่านเป็นขึ้นมาร่วมกับพระองค์ด้วย โดยความเชื่อในพลานุภาพของพระเจ้าผู้ทรงทำให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย 13และท่านซึ่งตายแล้วเนื่องด้วยการละเมิดทั้งหลาย และเนื่องด้วยการไม่ได้เข้าสุหนัตในเนื้อหนังของพวกท่าน พระเจ้าทรงทำให้พวกท่านมีชีวิตร่วมกับพระคริสต์พระคริสต์ และทรงให้อภัยการละเมิดทั้งหลายของเรา 14พระองค์ทรงฉีกเอกสารหนี้ที่มีคำสั่งต่างๆ ซึ่งต่อสู้และขัดขวางเรา และทรงขจัดไปเสียโดยตรึงไว้ที่กางเขน 15พระองค์ทรงปลดพวกภูตผีที่ครอบครองและพวกภูตผีที่มีอำนาจ พระองค์ทรงประจานพวกมันอย่างเปิดเผย และมีชัยชนะเหนือพวกมันโดยทางกางเขนนั้น
 16เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครพิพากษาท่านทั้งหลายในเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล หรือวันต้นเดือน หรือวันสะบาโต 17สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของสิ่งที่มาในภายหลัง แต่ตัวจริงภาษากรีกแปลตรงตัวว่า แต่กายคือพระคริสต์ 18อย่าให้ใครตัดสิทธิ์พวกท่านด้วยการทำทีถ่อมใจและด้วยการนมัสการพวกทูตสวรรค์ พวกเขาใฝ่ฝันอยู่ในนิมิต หยิ่งผยองอย่างไม่มีเหตุตามความคิดฝ่ายเนื้อหนังของเขา 19และไม่ได้ยึดมั่นในพระคริสต์ ผู้ทรงเป็นศีรษะ ซึ่งเป็นเหตุให้ทั่วทั้งร่างกายได้รับการบำรุงเลี้ยง และประสานเข้าด้วยกันโดยข้อและเอ็นต่างๆ จึงได้เจริญขึ้นตามที่พระเจ้าทรงให้เจริญขึ้นนั้น

ชีวิตใหม่ในพระคริสต์

 20ถ้าท่านทั้งหลายตายกับพระคริสต์พ้นจากพวกภูตผีที่ครอบของจักรวาลแล้ว ทำไมท่านจึงมีชีวิตเหมือนกับว่าพวกท่านยังอยู่ฝ่ายโลก? ทำไมท่านยอมอยู่ใต้กฎต่างๆ 21เช่น “อย่าหยิบ” “อย่าชิม” “อย่าแตะต้อง” 22สิ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จะพินาศเมื่อใช้มัน และเป็นเพียงกฎเกณฑ์และคำสอนของมนุษย์ 23จริงอยู่สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนมีปัญญา คือการนมัสการด้วยความสมัครใจ การทำทีถ่อมใจ และการทรมานกาย แต่ไม่มีประโยชน์อะไรในการต่อสู้กับความใคร่ของเนื้อหนัง

อรรถาธิบาย

เปลี่ยนแปลงโดยพระเยซู

บางครั้งเราก็ทำให้ความเชื่อของตัวเองซับซ้อนเกินไป มันอาจเกิดขึ้นหากคุณอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ชนชั้นนำฝ่ายวิญญาณ’ มีสิ่งพิเศษหลายอย่างที่คุณต้องเข้าใจหรือทำ เปาโลท้าทายการสอนเท็จในลักษณะนี้

ทั้งหมดที่คุณต้องการคือพระเยซู ไม่ใช่เรื่องของการเพิ่มอะไรให้กับพระเยซู แต่เป็นการดำเนินชีวิตตามสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในพระองค์: ‘เหตุ​ฉะนั้น​เมื่อ​ท่าน​ได้ต้อนรับ​พระ​เยซู​คริสต์​เจ้า​แล้ว​ฉัน​ใด บัดนี้จง​ปฏิบัติ​พระ​องค์​ด้วย​ฉัน​นั้น​ ท่านได้หยั่ง​รากลึกและก่อร่างสร้างขึ้น​ใน​พระ​องค์ และ​รู้ถึงวิถีของท่านตาม​ความ​เชื่อ ตาม​ที่​ท่าน​ได้รับ​คำ​สั่ง​สอน​มา​แล้ว’ (ข้อ 6–7ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลเตือนชาวโคโลสีเรื่องครูที่สอนผิด ผู้ซึ่งพยายามทำให้พวกเขาตาพร่ามัวไปด้วย ‘ถ้อยคำหรูหรา และการพูดคุยแบบทรงภูมิอันไร้ความหมายใด ๆ’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ท่านไม่ต้องใช้กล้องส่องทางไกล กล้องจุลทรรศน์ หรือการทำนายทายทักใด ๆ เพื่อตระหนักถึงความสมบูรณ์ของพระคริสต์ และความว่างเปล่าของจักรวาลที่ปราศจากพระองค์ เมื่อท่านมาถึงพระองค์ ความบริบูรณ์นั้นก็มาถึงท่านด้วยเช่นกัน ฤทธิ์เดชของพระองค์ทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง’ (ข้อ 9–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ในบริบทโดยรอบนั้นเปาโลกำลังบอกผู้อ่านว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าสุหนัต เขาอธิบายว่า พวกเขาได้เข้าสุหนัตเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้ทำด้วย ‘มือมนุษย์’ แต่ ‘ด้วยการ​เข้า​สุหนัต​จาก​พระ​คริสต์’ (ข้อ 11) ผู้ซึ่งรับบัพติศมาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเข้าสุหนัต (ข้อ 12) การบัพติศมาเป็นสัญลักษณ์ของบางสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าการเข้าสุหนัต การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์

คุณอยู่ในพระคริสต์ ดังนั้น เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ คุณตายไปกับพระองค์ เมื่อพระเยซูทรงถูกฝัง คุณก็ถูกฝังไปกับพระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย คุณก็เป็นขึ้นกับพระองค์ (ข้อ 12) นี่เป็นวิธีที่คุณหลุดพ้นจากธรรมชาติบาปของคุณ และ ‘ได้​สละ​กาย​เนื้อ​หนัง​เสีย’ (ข้อ 11) ให้มันตายไปกับพระคริสต์ และถูกฝังไปพร้อมกับพระองค์ ‘เมื่อท่านยังติดอยู่ในชีวิตเก่าที่ตายด้วยบาปของท่าน ท่านไม่สามารถตอบสนองต่อพระเจ้าได้ พระเจ้าได้นำท่านกลับมามีชีวิต พร้อมกันกับพระคริสต์!’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ในโลกยุคโบราณ ชัยชนะเหนือศัตรูที่เป็นที่เกลียดชังจะถูกเฉลิมฉลองต่อหน้าสาธารณะชน (ข้อ 15) ของที่ริบจากสงครามถูกนำกลับมา มักประกอบด้วยนักโทษแถวยาว ๆ ที่ถูกปลดอาวุธแล้ว

จงเข้าใจและระลึกถึงชัยชนะอันน่าทึ่งของพระเยซูบนกางเขนนั้น ‘ทุกบาปได้รับการอภัยแล้ว ล้างกระดานใหม่หมด หมายจับเก่า ๆ นั้นถูกยกเลิก และถูกตรึงไว้ที่กางเขนของพระคริสต์ พระองค์ทรงปลดทรราชทางวิญญาณทั้งหมดในจักรวาลแห่งอำนาจที่หลอกลวงที่ไม้กางเขน และให้พวกมันเดินขบวนเปลือยเปล่าไปตามถนน’ (ข้อ 13–15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูทรงกระทำทั้งหมดสำเร็จแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มอีก: ‘ดังนั้น อย่าให้ใครต้องกดดันท่านในรายละเอียดของการรับประทาน การประชุมนมัสการ หรือวันบริสุทธิ์’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ทั้งหมดที่คุณต้องการคือพระคริสต์ ‘ผู้ทรงรวบรวมเราไว้ด้วยกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว ผู้ซึ่งมีลมหายใจและโลหิตไหลผ่านเรา พระองค์ทรงเป็นศีรษะ และเราคือกาย เราสามารถเจริญขึ้นได้อย่างมีพลานามัยในพระเจ้าก็ต่อเมื่อพระองค์ทรงบำรุงเลี้ยงเรา’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงถูกตรึงที่กางเขนเพื่อข้าพระองค์ และมนุษยชาติทั้งหมด ในความพ่ายแพ้ที่ชัดเจนของพระองค์ ที่จริงแล้วทรงมีชัยเหนืออำนาจและสิทธิอำนาจแห่งโลกที่มืดมนนี้ ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากความบาป การเสพติด และความตาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ที่จะไม่ยอมให้ใคร หรือสิ่งใดมาจับข้าพระองค์ไปเป็นเชลยอีกเลย
พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 11:18-13:27

การคุกคามต่อชีวิตของเยเรมีย์

18พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็รู้
 พระองค์ทรงเปิดเผยการกระทำของเขาแก่ข้าพระองค์
19แต่ข้าพระองค์เป็นเหมือนลูกแกะเชื่องตัวหนึ่ง
 ซึ่งถูกพาไปฆ่า
ข้าพระองค์ไม่ทราบเลยว่าข้าพระองค์เอง
 ได้ถูกพวกเขาวางแผนการต่อสู้ โดยกล่าวว่า
“ให้เราทำลายต้นไม้กับผลของมันเสียด้วย
 ให้เราตัดเขาออกเสียจากแดนคนเป็น
 เพื่อชื่อของเขาจะไม่เป็นที่ระลึกถึงอีกเลย”
20แต่ว่า ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพผู้ทรงพิพากษาอย่างชอบธรรม
 ผู้ทรงทดลองดูทั้งความคิดและจิตใจ
ขอให้ข้าพระองค์แลเห็นการแก้แค้นของพระองค์ตกแก่พวกเขา
 เพราะข้าพระองค์ได้มอบเรื่องของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์แล้ว
 21เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ เกี่ยวกับคนตำบลอานาโธท ผู้จะเอาชีวิตของเจ้า และกล่าวแก่เจ้าว่า “อย่าเผยพระวจนะในพระนามของพระยาห์เวห์ เพื่อเจ้าจะไม่ต้องตายด้วยมือของพวกเรา” 22เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า “นี่แน่ะ เราจะลงโทษเขาทั้งหลาย พวกคนหนุ่มจะตายด้วยดาบ บรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของเขาจะตายด้วยการกันดารอาหาร 23จะไม่มีใครเหลือเลย เพราะเราจะนำสิ่งร้ายมาสู่คนตำบลอานาโธท คือปีแห่งการลงโทษเขา”

เยเรมีย์ 12

เยเรมีย์ร้องทุกข์ต่อพระเจ้า

1ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงชอบธรรม
 เมื่อข้าพระองค์สู้คดีกับพระองค์
แต่ข้าพระองค์ยังขอทูลเสนอมูลคดีต่อพระองค์
 ทำไมทางของคนอธรรมจึงเจริญขึ้น
 ทำไมทุกคนที่ทรยศก็อยู่เย็นเป็นสุข
2พระองค์ทรงปลูกเขาทั้งหลายและเขาก็หยั่งรากลง
 พวกเขางอกงามขึ้นและเกิดผล
พระองค์ทรงอยู่ใกล้ที่ปากของเขา
 แต่ไกลจากใจของเขา
3ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์
 พระองค์ทรงเห็นข้าพระองค์ และทรงทดลองความคิดของข้าพระองค์ที่มีต่อพระองค์
ขอทรงฉุดพวกเขาออกมาเหมือนแกะสำหรับการฆ่า
 และแยกเขาไว้ต่างหากเพื่อวันประหาร
4แผ่นดินนี้จะไว้ทุกข์นานเท่าใด
 และผักหญ้าตามท้องนาทุกแห่งจะเหี่ยวแห้งไปนานเท่าใด?
เพราะความอธรรมของผู้ที่อาศัยอยู่ในนั้น
 สัตว์และนกก็ถูกกวาดไปสิ้น
เพราะเขาว่า “พระองค์จะไม่ทอดพระเนตรบั้นปลายของเราทั้งหลาย”
 พระเจ้าทรงตอบเยเรมีย์
5“ถ้าเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์ และเขาทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อย  เจ้าจะแข่งกับม้าได้อย่างไร?
และถ้าเจ้ายังล้มลงในแผ่นดินที่ปลอดภัย
 เจ้าจะทำอย่างไรในดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดน?
6เพราะว่าแม้แต่พี่น้องของเจ้าและเชื้อสายของบิดาเจ้า
 ก็ได้ทำการทรยศต่อเจ้า
เขายังร้องไล่ตามเจ้าไปอย่างเต็มเสียง
 แม้ว่าเขาพูดถ้อยคำอย่างดีกับเจ้า
 ก็อย่าเชื่อเขาเลย
7“เราได้ละทิ้งนิเวศของเรา
 เราได้เหวี่ยงมรดกของเราทิ้ง
เราได้มอบผู้เป็นที่รักแห่งจิตใจเรา
 ไว้ในมือศัตรูของเธอ
8มรดกของเรา
 ได้กลายเป็นเหมือนสิงห์ป่าสำหรับเรา
เขาตะเบ็งเสียงใส่เรา
 เพราะฉะนั้น เราจึงเกลียดเขา
9สำหรับเราแล้วมรดกของเราเป็นเหมือนถ้ำของหมาในหรือ?
 ฝูงนกกินเหยื่อรุมล้อมมันอยู่หรือ?
ไปเถอะ ไปรวบรวมสัตว์ป่าในท้องทุ่งทั้งสิ้น
 พาพวกมันมากินเสีย
10ผู้เลี้ยงแกะเป็นอันมากได้ทำลายสวนองุ่นของเรา
 เขาทั้งหลายได้เหยียบย่ำส่วนของเรา
เขาได้ทำให้ส่วนที่เราพอใจ
 กลายเป็นถิ่นทุรกันดารที่ร้างเปล่า
11เขาได้ทำส่วนของเราให้ร้างเปล่า
 ที่ร้างเปล่านั้นก็คร่ำครวญต่อเรา
แผ่นดินทั้งสิ้นก็ถูกทิ้งให้ร้างเปล่า
 แต่ไม่มีใครเอาใจใส่เรื่องนั้น
12ผู้ทำลายล้างได้มา
 บนบรรดาที่สูงโล่งในถิ่นทุรกันดาร
เพราะว่าพระแสงดาบของพระยาห์เวห์ทำลายจากปลายแผ่นดินข้างนี้ไปถึงปลายอีกข้างหนึ่ง
 ไม่มีสวัสดิภาพแก่มนุษย์คนใดเลย
 13เขาทั้งหลายหว่านข้าวสาลีแต่ได้เกี่ยวหนาม
 เขาทำให้ตัวเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่ได้กำไรอะไร
เจ้าทั้งหลายจงอับอายด้วยผลการเกี่ยวของเจ้า
 ด้วยเหตุพระพิโรธร้อนแรงของพระยาห์เวห์”

 14พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “เกี่ยวกับเพื่อนบ้านชั่วช้าของเรา ผู้ได้แตะต้องมรดกสืบทอดซึ่งเราได้ให้แก่อิสราเอลประชากรของเรานั้น นี่แน่ะ เราจะถอนเขาทั้งหลายขึ้นจากแผ่นดินของเขา และเราจะถอนเชื้อสายยูดาห์จากท่ามกลางพวกเขา 15และหลังจากเราได้ถอนเขาขึ้นแล้ว เราจะกลับมีความเมตตาต่อเขาอีก และเราจะนำเขาแต่ละคนมายังมรดกของตนและยังแผ่นดินของตน 16และถ้าเขาทั้งหลายจะอุตส่าห์ศึกษาทางแห่งประชากรของเรา คือปฏิญาณในนามของเราว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ อย่างที่เขาได้สอนประชากรของเราให้ปฏิญาณโดยพระบาอัลแล้ว เขาจะได้รับการสร้างขึ้นไว้ท่ามกลางประชากรของเรา 17แต่ถ้าพวกเขาไม่ฟัง เราก็จะถอนชนชาตินั้นออกและทำลายเขาจนสิ้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ

เยเรมีย์ 13

ผ้าป่านคาดเอว

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงไปซื้อผ้าป่านคาดเอวมาผืนหนึ่ง คาดเอวของเจ้าไว้และอย่าจุ่มน้ำ” 2ข้าพเจ้าจึงซื้อผ้าคาดเอวผืนหนึ่งตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ และคาดเอวของข้าพเจ้าไว้ 3และพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าครั้งที่สองว่า 4“จงเอาผ้าคาดเอวซึ่งเจ้าได้ซื้อมา และคาดอยู่ที่เอวของเจ้า ลุกขึ้นไปยังแม่น้ำยูเฟรติส แล้วซ่อนผ้านั้นไว้ในซอกหินแห่งหนึ่ง” 5ข้าพเจ้าก็ไปและซ่อนผ้านั้นไว้ข้างแม่น้ำยูเฟรติส ดังที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาข้าพเจ้า 6ต่อมาอีกหลายวันพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงลุกขึ้นไปยังแม่น้ำยูเฟรติส และเอาผ้าคาดเอวซึ่งเราได้สั่งเจ้าให้ซ่อนไว้นั้นมาเสียจากที่นั่น” 7แล้วข้าพเจ้าก็ไปที่แม่น้ำยูเฟรติส และขุดเอาผ้าคาดเอวมาจากที่ซึ่งข้าพเจ้าได้ซ่อนไว้ นี่แน่ะ ผ้าคาดเอวนั้นเสียหมด จะใช้การอะไรก็ไม่ได้ 8แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์ก็มายังข้าพเจ้าว่า 9“พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราจะทำลายความทะนงใจของยูดาห์และความทะนงใจใหญ่หลวงของเยรูซาเล็มเสียอย่างนั้นแหละ 10คือชนชาติชั่วร้ายนี้ ผู้ปฏิเสธไม่ฟังถ้อยคำของเรา ผู้ดื้อที่ทำตามใจของตนเอง และได้ติดตามพระอื่นๆ ไป เพื่อจะปรนนิบัติและนมัสการพระเหล่านั้น จะเป็นเหมือนผ้าคาดเอวนี้ซึ่งจะใช้การอะไรก็ไม่ได้ 11เพราะผ้าคาดเอวติดอยู่ที่เอวของมนุษย์ฉันใด เราก็ได้ทำให้ประชาชนทั้งสิ้นของอิสราเอลและประชาชนทั้งสิ้นของยูดาห์ติดอยู่กับเราฉันนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ เพื่อเขาทั้งหลายจะเป็นประชากร ชื่อเสียง คำสรรเสริญ และความภูมิใจของเรา แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง

สัญลักษณ์ของไหเหล้า

12“ฉะนั้น เจ้าจงกล่าวถ้อยคำนี้แก่พวกเขา ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เหล้าองุ่นจะเต็มไหทุกลูก’ และเขาทั้งหลายจะพูดกับเจ้าว่า ‘เราไม่รู้หรือว่าเหล้าองุ่นจะต้องเต็มไหทุกลูก?’ 13แล้วเจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะให้ชาวแผ่นดินนี้ทั้งสิ้นเต็มไปด้วยความมึนเมา คือกษัตริย์ทั้งหลายผู้ประทับบนบัลลังก์ของดาวิด พวกปุโรหิต พวกผู้เผยพระวจนะ และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งสิ้น 14และพระยาห์เวห์ตรัสว่า เราจะเหวี่ยงพวกเขาให้ชนกัน พวกพ่อกับพวกลูก เราจะไม่สงสารหรือไว้ชีวิต หรือมีความเมตตาที่จะไม่ทำลายเขา’ ”

คำเตือนว่าจะต้องเป็นเชลย

15จงฟังและตั้งใจฟัง อย่ายโสไปเลย
 เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสแล้ว
16จงถวายพระสิริแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย
 ก่อนที่พระองค์จะทรงนำความมืดมา
ก่อนที่เท้าของเจ้าจะสะดุด
 บนภูเขาที่มีแสงสลัว
และขณะเมื่อพวกเจ้ามองหาความสว่าง
 พระองค์ทรงกลับให้เป็นความมืดคลุ้ม
 และทรงทำให้เป็นความมืดทึบ
17แต่ถ้าพวกเจ้าไม่ฟัง
 จิตใจของข้าพเจ้าก็จะร้องไห้ในที่ลับ เพราะความหยิ่งของเจ้า
ตาของข้าพเจ้าจะร้องไห้อย่างหนักและมีน้ำตาอาบหน้า
 เพราะฝูงแกะของพระยาห์เวห์ถูกต้อนไปเป็นเชลย
18จงกล่าวแก่กษัตริย์และพระชนนีว่า
 “ขอประทับ ณ ที่ต่ำ
เพราะว่ามงกุฎอันงดงามของพระองค์
 ได้หล่นมาจากพระเศียรของพระองค์แล้ว”
19เมืองต่างๆ ทางทิศใต้ก็ถูกปิด
 โดยไม่มีใครจะเปิดได้
ยูดาห์ทั้งหมดถูกกวาดไปเป็นเชลยแล้ว
 ถูกกวาดไปเป็นเชลยจนหมดสิ้น
20“จงเงยหน้าของเจ้าขึ้นดู
 เขาเหล่านั้นที่มาจากทิศเหนือ
ฝูงแกะที่ได้มอบไว้ให้แก่เจ้านั้นอยู่ที่ไหน?
 คือฝูงแกะที่งดงามของเจ้านั่นน่ะ
21เจ้าจะว่าอย่างไรเมื่อเขาตั้งคนเหล่านั้น
 ผู้ซึ่งตัวเจ้าเองได้สอนให้เป็นมิตรกับเจ้า
ไว้เป็นประมุขของเจ้า?
 ความเจ็บปวดจะไม่เข้ามาครอบงำเจ้า
 อย่างความเจ็บปวดของผู้หญิงที่กำลังคลอดบุตรหรือ?
22และถ้าเจ้าพูดในใจของเจ้าว่า
 ‘ทำไมสิ่งเหล่านี้จึงเกิดกับข้า?’
ก็เพราะความผิดบาปอันมากมายของเจ้า
 เสื้อคลุมของเจ้าจึงต้องถูกถลกขึ้น
 และเจ้าจึงถูกข่มขืน
23คนคูชเปลี่ยนสีผิวของตนเอง
 หรือเสือดาวเปลี่ยนลายของมันได้หรือ?
ถ้าได้แล้วพวกเจ้าผู้ที่เคยชินต่อการทำความชั่ว
 จึงจะมาทำความดีได้ 24เราจะกระจายพวกเขาไปเหมือนแกลบ
 ที่ถูกลมจากถิ่นทุรกันดารพัดไป
25นี่เป็นส่วนของเจ้า
 เป็นส่วนที่เราได้ตวงออกให้แก่เจ้า
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
 เพราะเจ้าได้ลืมเราเสีย
 และไว้วางใจในการมุสา
26ฉะนั้น เราเองจะถลกเสื้อคลุมของเจ้ามาปกหน้าเจ้า
 คือให้เห็นความอับอายขายหน้าของเจ้า
27เราได้เห็นการที่น่าสะอิดสะเอียน
 การล่วงประเวณี ความกำหนัดโหยหา และการเล่นชู้ด้วยตัณหาของเจ้า
บนเนินเขาทั้งหลายที่ในทุ่งนา
 โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย วิบัติแก่เจ้า อีกนานสักเท่าใด เจ้าจึงจะยอมทำให้ตนสะอาดได้?”

อรรถาธิบาย

เปลี่ยนแปลงโดยการทดสอบ

อย่ากลัวความกดดัน ความกดดันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงก้อนถ่านให้กลายเป็นเพชร ชีวิตอาจดูเหมือนการทดสอบที่มาเป็นชุด ๆ เรามักทดสอบสิ่งต่าง ๆ โดยทำให้สิ่งนั้นอยู่ภายใต้ความกดดัน ดังเช่นกล้ามเนื้อร่างกายขยายขึ้นผ่านทางการอยู่ภายใต้ความกดดัน พระเจ้าทรงสนพระทัยว่า จิตใจและความคิดคุณเติบโตขึ้นอย่างไรเมื่อถูกทดสอบ พระองค์ทรงทดลองดู ‘ทั้งความคิดและจิตใจ’ (11:20)

พระเจ้าทรงไม่ได้ประทับใจโดยสิ่งที่เราพูดว่าเราจะทำอะไรได้มากมาย แต่พระองค์ทรงประทับใจกับสิ่งที่เราตอบสนองเมื่อเราตกอยู่ภายใต้ความกดดัน กระบวนการในชีวิตและพันธกิจเกิดขึ้นเมื่อคุณเหน็ดเหนื่อยและถูกทดสอบ และคุณผ่านการทดสอบนั้น เยเรมีย์ถูกทดสอบ เขามีงานที่ไม่มีใครอยากทำนั่นคือการเตือนประชาชนว่าพวกเขากำลังจะต้องลี้ภัย – ‘ฝูง​แกะ​ของ​พระยาห์เวห์ถูก​ต้อน​​ไป​เป็น​เชลย’ (13:17)

ผลก็คือ เขากลายเป็นที่เกลียดชัง และถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง พระเจ้าทรงเปิดเผยแผนการร้ายต่อเขาอันหนึ่ง ‘…พระยาห์เวห์​ทรง​สำแดง​แก่​ข้าพเจ้า​และ​ข้าพเจ้า​ก็​รู้ แล้วพระองค์ทรง​เปิดเผยการกระทำของ​เขา​แก่ข้าพระองค์ (11:18) เขาหันไปหาพระเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ ‘…เพราะข้าพระองค์ได้​มอบ​เรื่อง​ของข้าพระองค์ไว้​กับพระองค์แล้ว​…ข้าพระองค์ยัง​ขอ​ทูล​เสนอ​มูล​คดีต่อพระองค์’ (11:20,12:1)

พระเจ้าทรงเตือนท่านว่าสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นกำลังจะมาถึง ‘ดังนั้น เยเรมีย์ หากเจ้าเหนื่อยล้าในการวิ่งแข่งกับมนุษย์ อะไรทำให้เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถวิ่งแข่งกับม้าได้?’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เยเรมีย์เรียกประชาชนให้เปลี่ยนแปลงวิถีของพวกเขา ท่านกล่าวว่า ‘เสือดาวจะเปลี่ยนลายของมันได้หรือ? แล้วถ้าเจ้ากระทำดีจะได้เปรียบอะไร เจ้าทั้งหลาย​ผู้​ที่​เคย​ต่อ​การ​กระทำ​ความ​ชั่วมาช้านาน?’ (13:23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องยากที่จะผ่านการทดสอบ แต่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่บอกเราว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ผ่านทางพระเยซู ไบรอันและไมเคิล เอ็มเมตต์ เป็นตัวอย่างว่าสิ่งเหล่านี้ยังคงได้ผลในทุกวันนี้ เสือดาวสามารถเปลี่ยนลายของมันได้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์เหน็ดเหนื่อย และถูกทดสอบที่จะลุกขึ้นต่อการท้าทายนั้น ขอบพระคุณที่ทรงทำให้เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงผ่านความช่วยเหลือของพระองค์ และโดยอำนาจแห่งชัยชนะของพระเยซูบนไม้กางเขน ขอให้ชีวิตของข้าพระองค์ได้รับการเปลี่ยนแปลง และให้ข้าพระองค์ยังคงประกาศถึงเรื่องพระเยซู และฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่เปลี่ยนแปลงข้าพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สดุดี 118:7

‘พระ​ยาห์เวห์ทรง​อยู่​ฝ่าย​ข้าพเจ้าเพื่อ​ช่วย​ข้าพเจ้า’

วันนี้ออกจะยุ่ง ๆ ฉันขอพึ่งพาความช่วยเหลือของพระองค์ และการทรงสถิตของพระองค์กับฉันในวันนี้

ข้อพระคำประจำวัน

สดุดี 118:6

‘เมื่อพระยาห์เวห์ทรงอยู่​ฝ่าย​ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะ​ไม่​กลัว’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม