วัน 278

ความหมายของชีวิตคืออะไร?

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 117:1-2
พันธสัญญาใหม่ โคโลสี 1:24-2:5
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 9:17-11:17

เกริ่นนำ

เฟรดดี้ เมอร์คิวรี นักร้องนำวงควีน ได้ทิ้งคำถามในเพลงสุดท้ายในอัลบั้มชื่อ การเสียดสี (Innuendo) ว่า ‘ใครรู้บ้างว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?’

ผู้คนนับล้านถามคำถามนั้นไปโดยปริยาย โจนาธาน กาเบย์ นักเขียนมืออาชีพวัย 31 ปี กำลังเผชิญกับจุดต่ำสุดของชีวิตกับความท้าทายเรื่องการจ้างงานและความเครียด เขาเริ่มถามคำถามเกี่ยวกับความหมายของชีวิต เขาเขียนจดหมายถึงผู้คนที่ผ่านเข้ามาชีวิตตั้งแต่ผู้นำระดับโลก คนไร้บ้าน นักแสดงที่ได้รับรางวัลออสการ์ นักปรัชญา นักแสดงตลก คนขับแท็กซี่ ครู นักสำรวจ และนักโทษที่ถูกประหารชีวิต แถมเขายังเขียนมาถามผมด้วย!

เขาถามทุกคนว่า ‘อะไรคือความหมายของชีวิต?’ กาเบย์ ได้รวบรวมคำตอบเหล่านี้รวมถึงบุคคลอื่นที่แสวงหาคำตอบเดียวกันนี้ด้วย เช่น

ริชาร์ด นิกสัน:‘ชีวิตคือวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่า'

จอห์น เลนนอน:‘ชีวิตคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณในขณะที่คุณกำลังยุ่งอยู่กับการวางแผนอื่น ๆ’

เดนนิส ตัวกวนประดับบ้าน (Dennis the Menace): ‘ชีวิตคือสิ่งที่คุณสร้างขึ้น และฉันกลับทำให้มันเหลือจะทน!’

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์: ‘บุคคลที่ถือว่าชีวิตของเขาและคนอื่น ๆ ที่ติดตามเขาไร้ความหมาย ไม่เพียงแค่ชีวิตไม่มีความสุขเท่านั้น แต่ไม่มีความพอดีด้วย’

หลายคนตอบว่าความหมายและจุดประสงค์ของชีวิตมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ ไม่เพียงแค่แม่ชีเทเรซาและบิลลี่ เกรแฮมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักแสดง นักวิทยาศาสตร์ และอธิการบดีในขณะนั้นด้วย เกรแฮม เคนท์ฟิลล์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติของอังกฤษ (ซึ่งมีลายเซ็นอยู่ในธนบัตรทุกฉบับในขณะนั้น) กล่าวว่า ‘ผมพบความหมายของชีวิตในความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าเท่านั้น’

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 117:1-2

เสียงเรียกให้บรรดาประชาชาตินมัสการพระเจ้า

1ประชาชาติทั้งสิ้นเอ๋ย จงสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
 ชนชาติทั้งปวงเอ๋ย จงยกย่องพระองค์เถิด
2เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อพวกเรานั้นใหญ่ยิ่งนัก
 และความซื่อสัตย์ของพระยาห์เวห์ดำรงเป็นนิตย์

สรรเสริญพระยาห์เวห์

อรรถาธิบาย

ชีวิตคือความรักและการบูชา

บทเพลงสดุดีสั้น ๆ บทนี้บอกอะไรมากมายเกี่ยวกับชีวิต กุญแจสำคัญคือความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า คุณควร ‘สรรเสริญ’ และ ‘ยกย่อง’ พระเจ้า (ข้อ 1) เพราะ ‘ความรัก’ อันยิ่งใหญ่ที่พระองค์มีต่อคุณและ ‘ความซื่อสัตย์’ ที่มีต่อคุณ (ข้อ 2) ผู้ประพันธ์สดุดีให้ข้อมูลสรุปที่สวยงามเกี่ยวกับทัศนคติของพระเจ้าที่มีต่อคุณ และทัศนคติของคุณที่มีต่อพระองค์ควรเป็นอย่างไร

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่พระเยซูทรงสละพระชนม์ชีพเพื่อข้าพระองค์ ขอบคุณที่ข้าพระองค์ได้เป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณสำหรับความรักของพระเจ้าที่เทลงในหัวใจของข้าพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ประทานให้แก่ข้าพระองค์ (โรม 5:5) ขอบพระคุณพระเจ้าในประสบการณ์ความรักที่พระองค์มีต่อข้าพระองค์ ทำให้ข้าพระองค์พบความหมายของชีวิต
พันธสัญญาใหม่

โคโลสี 1:24-2:5

พันธกิจของเปาโลที่มีต่อคริสตจักร

 24เวลานี้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พวกท่าน และความยากลำบากอย่างพระคริสต์ที่ทรงทนเพราะเห็นแก่พระกายของพระองค์คือคริสตจักร ซึ่งยังขาดอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ทนจนครบบริบูรณ์ในเนื้อหนังของข้าพเจ้า 25ข้าพเจ้ามาเป็นผู้ปรนนิบัติของคริสตจักรตามภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อกล่าวพระวจนะของพระเจ้าแก่พวกท่านอย่างเต็มบริบูรณ์ 26คือความล้ำลึกที่ซ่อนไว้หลายยุคและหลายชั่วอายุคน ซึ่งเวลานี้โปรดให้ปรากฏแก่พวกธรรมิกชนของพระองค์แล้ว 27พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะให้พวกเขารู้ว่า ความล้ำลึกนี้มีศักดิ์ศรีอุดมเพียงไรในหมู่คนต่างชาติ นั่นคือพระคริสต์สถิตในพวกท่าน อันเป็นความหวังที่จะได้รับศักดิ์ศรี 28พระองค์นี้แหละที่เราประกาศอยู่โดยการเตือนสติและสั่งสอนทุกคนด้วยสรรพปัญญา เพื่อว่าเราจะถวายทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์ 29เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงตรากตรำต่อสู้ตามกำลังที่พระองค์ทรงทำกิจในตัวข้าพเจ้าอย่างมากมาย

โคโลสี 2

 1เพราะว่าข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทั้งหลายรู้ว่าข้าพเจ้าต่อสู้มากเพียงไรเพื่อท่าน เพื่อชาวเมืองเลาดีเซีย และเพื่อทุกคนที่ไม่เคยเห็นหน้าข้าพเจ้าเป็นส่วนตัว 2เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับการหนุนใจและผูกพันกันในความรัก ซึ่งจะทำให้เขาเปี่ยมด้วยความมั่นใจอย่างบริบูรณ์ในด้านความเข้าใจ และทำให้พวกเขารู้ความล้ำลึกของพระเจ้า คือพระคริสต์ 3ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างซ่อนอยู่ในพระองค์ 4ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้เพื่อจะไม่ให้ใครล่อลวงพวกท่านด้วยคำชักชวนที่น่าฟัง 5เพราะว่าถึงแม้ตัวข้าพเจ้าไม่อยู่ แต่ใจก็อยู่กับท่านทั้งหลาย และมีความชื่นชมยินดีที่เห็นท่านอยู่กันอย่างเรียบร้อย และเห็นความเชื่อมั่นคงของพวกท่านในพระคริสต์

อรรถาธิบาย

ความหมายของชีวิตมีอยู่ในพระเยซูคริสต์

ความหมายของชีวิตคุณพบได้ในพระเยซูคริสต์ คริสต์เตียนคือพระคริสต์ ข้อความนี้เน้นว่าทั้งชีวิตของอาจารย์เปาโล การคิด และการเทศนามุ่งเน้นไปที่พระเยซูคริสต์อย่างไร

เปาโลอยู่ในคุกที่ต้องทนทุกข์เพราะเห็นแก่พระกายของพระคริสต์ นั่นคือคริสตจักร (1:24) เปาโลเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ ได้รับมอบหมายให้เปิดเผยความลึกลับที่ถูกซ่อนไว้นานหลายชั่วอายุคน แต่ขณะนี้ได้เปิดเผยแล้ว (ข้อ 26) พระเจ้า‘ได้เลือกคนต่างชาติและทรงประสงค์ที่จะให้พวกเขารู้ว่า ความล้ำลึกนี้มีศักดิ์ศรีอุดมเพียงไรในหมู่คนต่างชาติ นั่นคือ พระคริสต์สถิตในพวกท่าน อันเป็นความหวังที่จะได้รับศักดิ์ศรี’ (ข้อ 27)

จะมีความว่างเปล่าอยู่ในใจคุณเสมอ จนกว่าพระคริสต์จะเต็มเปี่ยมอยู่ภายในคุณ ทันทีที่คุณวางใจในพระองค์ พระองค์ก็เข้ามาอยู่ในตัวคุณโดยพระวิญญาณของพระองค์ ตอนนี้คุณจะได้พบกับ ‘ความล้ำลึกนี้มีศักดิ์ศรีอุดม’ และมี ‘ความหวังที่จะได้รับศักดิ์ศรี’ (ข้อ 27)

พระเยซูคริสต์ควรเป็นศูนย์กลางของการสอนและการสั่งสอนทั้งหมดของเราในคริสตจักร เปาโลเขียนว่า ‘พระองค์นี้แหละที่เราประกาศอยู่โดยการเตือนสติและสั่งสอนทุกคนด้วยสรรพปัญญา เพื่อว่าเราจะถวายทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์’ (ข้อ 28)

พระคริสต์ไม่เพียงอยู่ในตัวคุณ แต่คุณยังอยู่ ‘ในพระคริสต์’ อีกด้วย ความปรารถนาของเปาโลก็คือว่า ทุกคนควรเติบโตและเติบโตในความสัมพันธ์นี้ นี่คือสิ่งที่ผลักดันเขา: ‘เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงตรากตรำต่อสู้ตามกำลังที่พระองค์ทรงทำกิจในตัวข้าพเจ้าอย่างมากมาย’ (ข้อ 29)

นี่เป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมสำหรับการอภิบาล การเป็นสาวก และการให้คำปรึกษา

1. เป้าหมาย
จุดมุ่งหมายของเปาโลคือการนำ ‘แต่ละคนไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่’ ในพระคริสต์ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  • ภาระใจของเราควรสำหรับ แต่ละคน ในฐานะศิษยาภิบาลที่ดี เปาโลไม่อยากสูญเสียแกะของเขาไป
  • มุ่งสู่วุฒิภาวะทางจิตวิญญาณ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต
  • มุ่งสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ เราไม่ต้องการผูกมัดผู้คนไว้กับตัวเรา แต่ไว้กับพระคริสต์ เช่นเดียวกับที่บิดามารดาที่ดีสนับสนุนให้บุตรธิดาของตนเป็นอิสระ เปาโลได้สนับสนุนให้ผู้เชื่อมีอิสระ ไม่เพียงแต่พึ่งพาตัวท่านเอง แต่ได้รับการเสริมกำลังให้ยึดมั่นในพระคริสต์

2. วิธีการ
วิธีของเราควรจะประกาศเรื่องราวของพระเยซู อาจารย์เปาโลเขียนว่า ‘เราประกาศอยู่โดยการเตือนสติและสั่งสอนทุกคนด้วยสรรพปัญญา’ (ข้อ 28) พระเยซูคริสต์ทรงเป็นกุญแจสู่ความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ เมื่อความรู้และความใกล้ชิดกับพระเยซูเพิ่มขึ้น คุณก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตที่หล่อเลี้ยงความรู้และความใกล้ชิดนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เช่น การนมัสการ การอธิษฐาน และการอ่านพระคัมภีร์

3. ความมุ่งมั่น
เปาโลเขียนว่า ‘เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงตรากตรำต่อสู้ตามกำลังที่พระองค์ทรงทำกิจในตัวข้าพเจ้าอย่างมากมาย’ (ข้อ 29) ในพันธกิจของอาจารย์เปาโล มีความสมดุลระหว่างพระคุณของพระเจ้ากับความรับผิดชอบของท่านเอง มีองค์ประกอบของ ‘งานหนัก’ และ ‘การดิ้นรน’ ซึ่งพันธกิจคริสเตียนที่มีประสิทธิภาพทั้งหมดเกี่ยวข้อง ต้องใช้เวลาและความพยายาม เอาชนะความผิดหวังและความยากลำบาก

ในทางกลับกัน คุณสามารถทำได้โดยผ่านพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น คุณไม่ได้ ‘ใช้งาน’ และ ‘ต่อสู้’ ด้วยตัวเอง คุณทำมันด้วย ‘พลังงานทั้งหมดของพระองค์ซึ่งทำงานอย่างมีประสิทธิภาพใน (คุณ)’ คุณต้องการความช่วยเหลือ และพลังอำนาจของพระองค์สำหรับกิจการงานทุกอย่างที่ทำ

สิ่งที่ทำให้เปาโลพอใจคือการได้เห็น ‘ความเชื่อในพระคริสต์ที่มั่นคง’ ชาวโคโลสีนั่นต่างมี ‘ความเชื่อมั่นคง (ของพวกท่าน) ในพระคริสต์’ (2:5) จุดประสงค์ทั้งหมดในชีวิตของเปาโลเกี่ยวข้องกับพระเยซู: ‘ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านถักทอเป็นพรมแห่งความรัก เชื่อมต่อกับทุกสิ่งเพื่อเรียนรู้จักพระเจ้ามากขึ้น เพื่อมีจิตใจที่มั่นใจและพักสงบ จดจ่ออยู่กับพระคริสต์ ความลึกลับอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ขุมทรัพย์แห่งปัญญาและความรู้ที่ล้ำค่าที่สุดทั้งหมดถูกฝังอยู่ในความลึกลับนั้นและไม่มีที่ไหนอีกแล้ว’ (ข้อ 2–3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์พบความหมายของชีวิตในพระคริสต์ ขอบพระคุณที่พระองค์เข้ามาอยู่ในข้าพระองค์โดยพระวิญญาณของพระองค์ ขอบพระคุณในนามพระเยซูที่ข้าพระองค์พบขุมทรัพย์แห่งสติปัญญาและความรอบรู้ โปรดช่วยข้าพระองค์ประกาศพระนามของพระเยซูคริสต์และนำเสนอพระเยซูคริสต์อย่างครบถ้วน
พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 9:17-11:17

ประชาชนคร่ำครวญในการพิพากษา

17พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
 “จงตรึกตรองดู และเรียกพวกนางร้องไห้มา
 จงให้คนไปตามพวกมืออาชีพมา
18ให้พวกเขารีบส่งเสียงคร่ำครวญเพื่อเราทั้งหลาย
 เพื่อน้ำตาจะไหลจากตาของเรา
 และหนังตาของเราจะมีน้ำตาไหลออกมา
19เพราะได้ยินเสียงคร่ำครวญจากศิโยน
 ‘พวกเราล่มจมแล้ว
เราแสนจะอับอาย
 เพราะเราต้องออกจากแผ่นดิน
 เพราะเขาได้ทำลายที่อาศัยของเราลง’ ”
20พวกผู้หญิงเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์
 และให้หูของพวกเจ้ารับพระวจนะจากพระโอษฐ์ของพระองค์
จงสอนบทคร่ำครวญแก่บุตรีของเจ้า
 จงสอนเพลงไว้อาลัยแก่เพื่อนบ้านของเธอทุกคน
21เพราะความตายได้เข้ามาทางหน้าต่างของเรา
 มันเข้ามาในวังทั้งหลายของเรา
ตัดเด็กๆ ออกเสีย จากถนนหนทาง
 และตัดหนุ่มๆ ออกเสียจากลานเมือง
22จงพูดว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 ศพมนุษย์จะเกลื่อนกลาด
เหมือนมูลสัตว์ตามพื้นทุ่ง
 เหมือนฟ่อนข้าวที่หล่นตามหลังผู้เกี่ยว
 และไม่มีใครจะเก็บ”

 23“พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า อย่าให้ผู้มีปัญญาอวดสติปัญญาของตน อย่าให้ชายฉกรรจ์อวดความเข้มแข็งของตน อย่าให้คนมั่งมีอวดความมั่งคั่งของตน 24แต่ให้ผู้อวดอวดสิ่งนี้ คือการที่เขาเข้าใจและรู้จักเราว่าเราคือพระยาห์เวห์ ผู้สำแดงความรักมั่นคง ความยุติธรรม และความชอบธรรมในโลก เพราะเราพอใจในสิ่งเหล่านี้” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
 25“พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ วันเวลากำลังจะมาถึงแล้ว เมื่อเราจะลงโทษทุกคนที่เข้าสุหนัตเพียงเนื้อหนังคือ 26คนอียิปต์ คนยูดาห์ คนเอโดม คนอัมโมน คนโมอับและทุกคนที่อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารที่โกนผมจอนหู เพราะทุกประชาชาติไม่ได้เข้าสุหนัต และพงศ์พันธุ์ทั้งสิ้นของอิสราเอลก็ไม่ได้เข้าสุหนัตทางใจ”

เยเรมีย์ 10

การบูชารูปเคารพนำการทำลายมาสู่อิสราเอล

1พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกับเจ้า 2พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า

“อย่าเอาอย่างบรรดาประชาชาติ
 หรืออย่าคร้ามกลัวเพราะหมายสำคัญของท้องฟ้า
 ตามที่บรรดาประชาชาติคร้ามกลัวนั้น
3เพราะธรรมเนียมของชนชาติทั้งหลายก็ไร้สาระ
 เขาตัดต้นไม้ต้นหนึ่งมาจากป่า
 เป็นสิ่งที่มือช่างได้ทำด้วยขวาน
4เขาทั้งหลายก็เอาเงินและทองมาประดับ
 เขายึดมันไว้ด้วยค้อนและตะปู
 มันก็ไม่โยกเยก
5รูปเคารพของเขาก็เหมือนหุ่นไล่กาอยู่ในสวนแตงกวา
 มันพูดไม่ได้
คนต้องขนมันไป
 เพราะมันเดินไม่ได้
อย่ากลัวมันเลย
 เพราะมันทำร้ายไม่ได้
 และมันก็ทำดีไม่ได้ด้วย”
6ข้าแต่พระยาห์เวห์ ไม่มีใครเหมือนพระองค์
 พระองค์ทรงเป็นใหญ่ และพระนามของพระองค์มีฤทธิ์มาก
7ข้าแต่กษัตริย์แห่งบรรดาประชาชาติ ใครจะไม่ยำเกรงพระองค์?
 เพราะพระองค์ทรงสมควรได้รับความยำเกรง
เพราะในบรรดาปราชญ์ของประชาชาติทั้งหลาย
 และในอาณาจักรทั้งสิ้นของพวกเขา
 ไม่มีใครเหมือนพระองค์
8เขาทั้งหลายทั้งเขลาและโง่
 การสั่งสอนของรูปเคารพเป็นเพียงไม้
9เครื่องเงินทุบนั้นถูกนำมาจากเมืองทารชิช
 และทองคำก็มาจากเมืองอุฟาส
เป็นผลงานของช่างฝีมือและเป็นผลน้ำมือของช่างทอง
 เสื้อผ้าของรูปเคารพนั้นสีครามและสีม่วง
 ล้วนเป็นผลงานของผู้เชี่ยวชาญทั้งสิ้น
10แต่พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และทรงเป็นพระมหากษัตริย์เนืองนิตย์
เมื่อทรงพระพิโรธแผ่นดินก็หวั่นไหว
 และบรรดาประชาชาติจะไม่สามารถทนต่อความกริ้วของพระองค์ได้
11เจ้าจงพูดกับเขาทั้งปวงดังนี้ว่า “บรรดาพระที่ไม่ได้สร้างสวรรค์
  และโลก จะพินาศไปจากโลก และจากภายใต้สวรรค์”
12แต่พระองค์ทรงสร้างโลกด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์
 ทรงสถาปนาพิภพไว้ด้วยพระสติปัญญาของพระองค์
 และทรงคลี่ท้องฟ้าออกด้วยความเข้าใจของพระองค์
13เมื่อพระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียง ก็มีเสียงน้ำคะนองในท้องฟ้า
 และทรงทำให้หมอกลอยขึ้นจากปลายพิภพ
ทรงทำฟ้าแลบเพื่อฝน
 และทรงนำลมมาจากพระคลังของพระองค์
14มนุษย์ทุกคนเขลาและไม่มีความรู้
 ช่างทองทุกคนจะได้อายเพราะรูปเคารพของตน
เพราะรูปเคารพหล่อของเขาเป็นของปลอม
 และไม่มีลมหายใจในรูปเหล่านั้น
15มันเป็นของไร้ค่า และเป็นผลงานที่น่าเยาะเย้ย
 มันจะต้องพินาศเมื่อถึงเวลาการลงโทษ
16พระองค์ผู้ทรงเป็นส่วนมรดกของยาโคบไม่เหมือนสิ่งเหล่านี้
 เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ก่อร่างทุกสิ่งขึ้น
และอิสราเอลเป็นเผ่าที่เป็นมรดกของพระองค์
 พระยาห์เวห์จอมทัพคือพระนามของพระองค์
 การเนรเทศที่จะมาถึง
17เจ้าทั้งหลายที่อาศัยอยู่ภายใต้วงล้อมเอ๋ย
 จงเก็บข้าวของจากพื้นดิน
18เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “นี่แน่ะ เราจะเหวี่ยงชาวแผ่นดินออกไปเสีย
ณ เวลานี้
 และเราจะนำความทุกข์ใจมาถึงเขาเพื่อให้เขารู้สึก”
19วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะความเจ็บปวดของข้าพเจ้า
 บาดแผลของข้าพเจ้าก็สาหัส
แต่ข้าพเจ้าเคยว่า “แท้จริงนี่เป็นความเจ็บป่วย
 และข้าพเจ้าจะต้องทนเอา”
20เต็นท์ของข้าพเจ้าก็ถูกทำลาย  และเชือกเต็นท์ของข้าพเจ้าก็ขาดสิ้น
ลูกๆ ของข้าพเจ้าจากข้าพเจ้าไปหมด
 และไม่มีพวกเขาอีกแล้ว
ไม่มีใครกางเต็นท์ให้ข้าพเจ้าอีก
 และแขวนม่านของข้าพเจ้าให้
21เพราะว่าผู้เลี้ยงแกะก็เขลาและไม่ได้ทูลถามพระยาห์เวห์
 เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่จำเริญขึ้น
 และฝูงแกะของเขาก็กระจัดกระจายไป
22ดูสิ เสียงเล่าลือมาถึงแล้ว
 เสียงโกลาหลยิ่งใหญ่จากแดนเหนือ
มาทำให้เมืองต่างๆ ของยูดาห์เป็นที่ร้างเปล่า
 ให้เป็นที่อยู่ของหมาป่า
23ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ทราบแล้วว่าทางของมนุษย์ไม่ขึ้นอยู่กับตัวเขา
 คือไม่ได้อยู่ที่มนุษย์ที่จะดำเนินไป และนำย่างเท้าของตนเอง
24ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตีสอนข้าพระองค์ตามสมควร
 ไม่ใช่ด้วยความกริ้วของพระองค์ เกรงว่าพระองค์จะทรงทำลายข้าพระองค์
25ขอพระองค์ทรงเทพระพิโรธของพระองค์เหนือบรรดาชนชาติที่ไม่รู้จักพระองค์
 และเหนือบรรดาตระกูลที่ไม่ออกพระนามของพระองค์
เพราะเขาทั้งหลายได้เผาผลาญยาโคบ
 เขาได้กินท่านเสียและเผาผลาญท่านเสีย
 และทำให้ที่อาศัยของท่านถูกทิ้งร้าง

เยเรมีย์ 11

อิสราเอลและยูดาห์ผิดพันธสัญญา

 1พระวจนะมาจากพระยาห์เวห์ถึงเยเรมีย์ว่า 2“เจ้าจงฟังถ้อยคำในพันธสัญญานี้เถิด และจงกล่าวแก่คนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม 3เจ้าจงกล่าวแก่เขาว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ให้คนที่ไม่เชื่อฟังถ้อยคำในพันธสัญญานี้ถูกแช่งเถิด 4คือพันธสัญญาที่เราบัญชาแก่บรรพบุรุษของพวกเจ้า ผู้ซึ่งเราได้นำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ จากเตาไฟเหล็ก และกล่าวแก่เขาว่า จงฟังเสียงของเรา และจงทำทุกอย่างที่เราบัญชาเจ้าไว้ เจ้าจึงจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า 5เพื่อเราจะทำให้สำเร็จตามคำสาบานซึ่งเราได้ปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเจ้าว่า เราจะให้แผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์แก่เขาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้” แล้วข้าพเจ้าจึงทูลตอบว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้เป็นดังนั้นเถิด”
 6และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงป่าวร้องถ้อยคำทั้งหมดนี้ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และตามถนนของเยรูซาเล็มว่า จงฟังถ้อยคำแห่งพันธสัญญานี้และประพฤติตาม 7เพราะเราได้กล่าวตักเตือนอย่างแข็งขันต่อบรรพบุรุษของเจ้า เมื่อเรานำพวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ตักเตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จนถึงทุกวันนี้ กล่าวว่า จงฟังเสียงของเรา 8แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง ทุกคนดำเนินตามความดื้อด้านแห่งจิตใจอันชั่วร้ายของเขา ดังนั้นเราจึงนำทุกสิ่งตามถ้อยคำแห่งพันธสัญญานี้ที่เราได้บัญชาให้เขากระทำ แต่เขาไม่ได้ทำตามนั้น ให้มาตกเหนือเขา”
 9พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า “มีการคิดกบฏท่ามกลางคนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม 10พวกเขาได้หันกลับไปหาความผิดบาปแห่งบรรพบุรุษของเขา ผู้ปฏิเสธไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา เขาติดตามพระอื่นๆ ไป และปรนนิบัติพระนั้น คนอิสราเอลและคนยูดาห์ได้ผิดพันธสัญญาของเรา ซึ่งเรากระทำต่อบรรพบุรุษของเขา 11เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะนำเหตุร้ายมาเหนือเขา ซึ่งเขาหนีไม่พ้น ถึงเขาจะร้องทุกข์ต่อเรา เราก็จะไม่ฟังเขา 12แล้วเมืองต่างๆ ของยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มจะไปร้องทุกข์ต่อพระ ซึ่งพวกเขาได้เผาเครื่องหอมถวายนั้น แต่พระเหล่านั้นช่วยเขาในเวลาลำบากไม่ได้ 13ยูดาห์เอ๋ย พระทั้งหลายของเจ้าก็มากเท่ากับบรรดาเมืองของเจ้า และตามจำนวนถนนในกรุงเยรูซาเล็ม เจ้าได้ตั้งแท่นบูชาถวายสิ่งที่อับอาย คือแท่นสำหรับเผาเครื่องหอมถวายแก่พระบาอัล
 14“เพราะฉะนั้น เจ้าเองอย่าอธิษฐานเพื่อชนชาตินี้ อย่าวิงวอนหรืออธิษฐานเพื่อพวกเขา เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อเขาร้องต่อเราในเวลาลำบาก 15ผู้เป็นที่รักของเรามาทำอะไรในนิเวศของเราเล่า ในเมื่อนางได้ทำการชั่วช้ามาก? คำบนบานและเนื้อสัตว์ที่สักการบูชาจะหันเหโทษของเจ้าได้หรือ? อย่างนี้แล้วเจ้าจะเริงโลดได้หรือ? 16พระยาห์เวห์ทรงเคยเรียกเจ้าว่า ‘ต้นมะกอกสดงดงามด้วยผลอย่างดี’ แต่พระองค์ทรงก่อไฟเผามันเสียด้วยเสียงดังสนั่น และกิ่งทั้งหลายของมันจะถูกเผาผลาญหมด 17พระยาห์เวห์จอมทัพผู้ทรงปลูกเจ้า ได้ทรงประกาศความร้ายให้ตกแก่เจ้า เพราะความชั่วช้าซึ่งคนอิสราเอลและคนยูดาห์ได้กระทำ ได้ยั่วยุให้เราโกรธด้วยการเผาเครื่องหอมถวายแก่พระบาอัล”

อรรถาธิบาย

การรู้จักพระเจ้าคือเหตุผลทั้งปวง

ทุกวันนี้ บางคนยังคงบูชารูปเคารพอย่างแท้จริง บ้างก็บูชา ‘รูปเคารพ’ แบบต่าง ๆ เราถูกล่อลวงให้บูชาความสำเร็จ สติปัญญา เงินทอง อำนาจ คนดัง หรือการปล่อยตัวตามราคะ โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่เคยเจอใครที่สร้างความสุขด้วยสิ่งเหล่านี้เพียงลำพัง กระนั้น ผู้โฆษณามักเล่นกับความปรารถนาของเราในสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าจะล้มเหลวในการสร้างความสุขที่แท้จริงให้กับเรา

เยเรมีย์ประกาศว่าการพิพากษาของพระเจ้ากำลังมาถึงประชาชนของพระองค์เพราะพวกเขาพลาดจุดมุ่งหมายในชีวิต พวกเขาบูชารูปเคารพที่ไม่สามารถพูดได้และไม่สามารถทำอันตรายหรือทำดีได้ (10:5)

พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘อย่าให้ผู้มีปัญญาอวดสติปัญญาของตน อย่าให้ชายฉกรรจ์อวดความเข้มแข็งของตน อย่าให้คนมั่งมีอวดความมั่งคั่งของตน แต่ให้ผู้อวดอวดสิ่งนี้ คือการที่เขาเข้าใจและรู้จักเราว่าเราคือพระยาห์เวห์’ (9:23–24ก)

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เยเรมีย์กล่าวว่าสิ่งที่สำคัญในชีวิตไม่ใช่สมองของคุณ (ปัญญา) หรือร่างกาย (ความแข็งแกร่ง) หรือบัญชีธนาคารของคุณ (ความร่ำรวย) สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ให้จุดประสงค์ในชีวิตของคุณ จุดประสงค์ในชีวิตของคุณคือการเข้าใจและรู้จักพระเจ้า (ข้อ 24ก) ถ้าเรารู้จักพระเจ้าและความกรุณา ความยุติธรรม และความชอบธรรมของพระองค์ เราจะเลียนแบบพระองค์และทำให้ปีติยินดี (ข้อ 24ข)

ความห่วงใยของพระเจ้าอยู่ที่ใจของคุณ ไม่เป็นความจริงที่พันธสัญญาเดิมเกี่ยวข้องกับการเข้าสุหนัตทางร่างกาย และพันธสัญญาใหม่กับการเข้าสุหนัตที่จิตใจ พระเจ้าทอดพระเนตรที่จิตใจเสมอ และถือว่าหัวใจสำคัญกว่าหมายสำคัญภายนอก (ข้อ 25–26)

พระเจ้ามักจะมองหาผู้นำของคนของพระองค์ที่รู้จักพระองค์และฟังพระองค์: ‘เป็นเพราะผู้นำของเราโง่ พวกเขาไม่เคยขอคำแนะนำจากพระเจ้า’ (10:21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่า ‘มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ในทางกลับกัน เยเรมีย์ได้ฟังพระเจ้า โดยประกาศอย่างสม่ำเสมอว่า ‘พระวจนะที่มาจากพระเจ้าถึงเยเรมีย์’ (11:1)

พลังอันยิ่งใหญ่ของเยเรมีย์และนักเทศน์ที่ทรงอานุภาพคือพวกเขารอคอยพระเจ้าและพูดในสิ่งที่พระเจ้าบอกพวกเขา มากกว่าที่จะเพียงแค่พึ่งพาความเข้าใจของมนุษย์ พระเจ้าตรัสในที่สาธารณะผ่านผู้ที่พูดกับเขาในที่ส่วนตัวก่อน ในฐานะนักเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปา รานิเอโร กันตาลาเมซซ่า กล่าวว่า ‘ยิ่งถูกเรียกให้พูดมากเท่าไร คุณก็ยิ่งถูกเรียกให้ฟังมากขึ้นเท่านั้น’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความรู้เกี่ยวกับพระองค์และได้ยินพระวจนะของพระเยซูตรัสกับข้าพระองค์อย่างชัดเจน ช่วยฉันประกาศพระเยซูด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดช เพื่อคนจำนวนมากจะวางใจในพระคริสต์ และพบจุดประสงค์และความหมายของชีวิตของพวกเขา

เพิ่มเติมโดยพิพพา

โคโลสี 1:29

‘เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงตรากตรำต่อสู้ตามกำลังที่พระองค์ทรงทำกิจในตัวข้าพเจ้าอย่างมากมาย’

บางครั้งฉันรู้สึกอ่อนแอและเหนื่อย และไม่แน่ใจว่าจะผ่านช่วงเวลากดดันได้อย่างไร มันสามารถรู้สึกถึง ‘การต่อสู้’ แต่มันคือ ‘พลังงานทั้งหมดของพระองค์ ซึ่งทำงานอย่างทรงพลังในตัวฉัน’

ข้อพระคำประจำวัน

โคโลสี 1:27

‘พระคริสต์อยู่ในคุณ’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม