วัน 277

ทัศนคติของความกตัญญู

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 116:12-19
พันธสัญญาใหม่ โคโลสี 1:1-23
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 7:30-9:16

เกริ่นนำ

จีน สมิธ เล่าเรื่องของเธอให้ผมฟัง เธอมีอายุหกสิบกว่า มาจากย่านคุมบรานในเวลส์ เธอตาบอดมา 16 ปีแล้ว เธอถือไม้เท้าสีขาว และมีสุนัขนำทางชื่อทีน่า เชื้อโรคได้ทำลายเรตินาและกระจกหลังดวงตาของเธอ ซึ่งไม่อาจเปลี่ยนกระจกตาได้ เธอเจ็บปวดตลอดเวลา

จีนได้เข้าหลักสูตรอัลฟ่าในท้องถิ่น พวกเขามีเวลาหนึ่งวันเพื่อจดจ่อกับงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในช่วงเวลานี้ความเจ็บปวดได้หายไป เธอไปคริสตจักรในวันอาทิตย์ถัดมาเพื่อขอบคุณพระเจ้า ผู้ประกอบพิธีได้เจิมเธอด้วยน้ำมัน และเมื่อเธอเช็ดน้ำมันออก เธอก็มองเห็นโต๊ะประกอบพิธี พระเจ้ารักษาจีนให้หายอย่างอัศจรรย์

เธอไม่ได้เห็นสามีของเธอเป็นเวลาสิบหกปี เธอแปลกใจที่เคราของเขาเป็นสีขาว! จีนไม่เคยเห็นลูกสะใภ้ของเธอมาก่อน รวมถึงหลานชายวัย 6 ขวบครึ่งของเธอที่เคยนำทางเธอไปรอบ ๆ แอ่งน้ำเพื่อไม่ให้เท้าเปียก

หลานชายพูดกับเธอว่า 'ใครรักษาคุณย่าครับ?'
เธอตอบว่า 'พระเยซูรักษาย่าจ้ะ'
'คุณย่าน่าจะขอบคุณพระองค์นะครับ'
คุณย่าตอบว่า 'ย่าจะพูดขอบคุณพระองค์ไม่หยุดเลย'

เมื่อวานเราได้อ่านคำหนุนใจของเปาโลที่ว่า 'จงทูลขอต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐานและการวิงวอนกับการขอบพระคุณ' (ฟิลิปปี 4:6) วันนี้เราเห็นสิ่งที่เปาโลสอนในชีวิตจริงเช่นเดียวกับจีน เปาโลยังขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอ ท่านมีท่าทีของความกตัญญู

การสรรเสริญคือการถวายเกียรติแด่พระเจ้าในสิ่งที่พระองค์เป็น การขอบพระคุณเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อเรา เป็นเลนส์ที่มองเห็นทั้งชีวิตของเรา ดังที่เราเห็นในข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์ทุกวันนี้ โลกสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท คือผู้ที่ยอมรับพระเจ้าและขอบพระคุณพระองค์ กับผู้ที่ไม่ยอมรับ

คุณปลูกฝังท่าทีแห่งความกตัญญูในชีวิตอย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 116:12-19

12ข้าพเจ้าจะเอาอะไรตอบแทนพระยาห์เวห์?
 สำหรับความดีทั้งสิ้นของพระองค์ที่มีต่อข้าพเจ้า
13ข้าพเจ้าจะยกถ้วยแห่งความรอด
 และร้องออกพระนามพระยาห์เวห์
14ข้าพเจ้าจะแก้บนแด่พระยาห์เวห์
 ต่อหน้าประชาชนทั้งปวงของพระองค์
15ความตายของผู้จงรักภักดีต่อพระองค์
 สำคัญในสายพระเนตรพระยาห์เวห์
16ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
 ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นบุตรชายของหญิงคนใช้ของ   พระองค์
 พระองค์ทรงถอดโซ่ตรวนของข้าพระองค์
17ข้าพระองค์จะถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณแด่พระองค์
 และร้องออกพระนามพระยาห์เวห์
18ข้าพเจ้าจะแก้บนแด่พระยาห์เวห์
 ต่อหน้าประชาชนทั้งปวงของพระองค์
19ในบริเวณพระนิเวศของพระยาห์เวห์
 ในท่ามกลางเยรูซาเล็ม
 สรรเสริญพระยาห์เวห์

อรรถาธิบาย

ถวายเครื่องบูชาแห่งการขอบพระคุณ

การขอบคุณพระเจ้าเป็นการส่วนตัวในบ้านของคุณยังไม่เพียงพอ มีสิ่งสำคัญในการมารวมตัวกันและขอบคุณพระเจ้าอย่างเปิดเผย 'ต่อหน้าประชากรทั้ง​ปวง​ของ​พระ​องค์' (ข้อ 14) ผู้เขียนสดุดีถามคำถามเชิงวาทศิลป์ว่า 'ข้าพระองค์จะให้อะไรตอบแทนพระเจ้าสำหรับพระพรที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ได้บ้าง?' (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าดีต่อเขามาก เขารู้สึกขอบพระคุณสำหรับอนาคตที่มั่นคงของเขา นั่นคือ 'เมื่อพวกเขามาถึงประตูแห่งความตาย พระเจ้าจะต้อนรับคนที่รักพระองค์' (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่ผ่านมาโดยประกาศว่า 'พระองค์ทรง​ถอด​โซ่​ตรวน​ของ​ข้า​พระ​องค์!' (ข้อ 16)

บางครั้งการขอบพระคุณเป็นเรื่องง่าย ในอีกด้านหนึ่งการขอบพระคุณเป็นมากกว่าการเสียสละ (ข้อ 17) นักบุญยอห์นแห่งอาวิลา (1500-1569) เขียนว่า 'การขอบพระคุณในสิ่งที่ไม่ตรงกับใจเราเพียงครั้งเดียว เทียบได้กับการขอบพระคุณในสิ่งที่ตรงกับใจเรานับพันครั้ง'

ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า 'ฉันพร้อมที่จะถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณและอธิษฐานในพระนามของพระเจ้า ฉันจะทำตามที่ฉันสัญญาไว้กับพระเจ้าให้สำเร็จ ร่วมกับประชาชนทั้งปวงของพระองค์ในบริเวณพระนิเวศของพระเจ้า ในเยรูซาเล็มเมืองของพระเจ้า ฮาเลลูยา!' (ข้อ 17–19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) 'ฮาเลลูยา' เป็นหนึ่งในคำภาษาฮีบรูไม่กี่คำที่เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ เป็นการเรียกให้สรรเสริญพระเจ้า

ผู้เขียนสดุดีจดจำความปวดร้าวของเขาได้ (ข้อ 1–4) เขาระลึกถึงพระเมตตาของพระเจ้า (ข้อ 5–11) และตอนนี้เขาจบลงด้วยการแสดงความกตัญญู (ข้อ 12–19)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะขอบคุณพระองค์ให้ครบถ้วนได้อย่างไร? ขอบคุณที่พระองค์ทรงช่วยชีวิตข้าพระองค์ไว้ ข้าพระองค์จะขอบคุณพระองค์ในความดีทั้งหมดที่พระองค์ทรงมีต่อข้าพระองค์ใน 'พระ​นิ​เวศ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์' (ข้อ 19)
พันธสัญญาใหม่

โคโลสี 1:1-23

การทักทาย

 1เปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระทัยของพระเจ้า และทิโมธีน้องชาย
 2เรียน บรรดาธรรมิกชนและพี่น้องที่เชื่อในพระคริสต์ในเมืองโคโลสี
 ขอให้พระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราอยู่กับพวกท่าน

เปาโลขอบพระคุณพระเจ้าเพราะคริสตชนชาวโคโลสี

 3เราขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสมอเมื่ออธิษฐานเผื่อพวกท่าน 4เพราะเราได้ยินเรื่องความเชื่อของท่านทั้งหลายในพระเยซูคริสต์ และเรื่องความรักที่พวกท่านมีต่อธรรมิกชนทุกคน 5เพราะความหวังที่เก็บไว้เพื่อพวกท่านในสวรรค์ ซึ่งท่านเคยได้ยินมาแล้วในถ้อยคำแห่งความจริงคือข่าวประเสริฐ 6ที่มาถึงท่านทั้งหลาย ข่าวประเสริฐกำลังเกิดผลและเจริญขึ้นทั่วโลก เช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ในพวกท่านตั้งแต่วันที่ท่านได้ยินและเข้าใจพระคุณของพระเจ้าในความจริงนั้น 7ตามที่พวกท่านได้เรียนจากเอปาฟรัส เพื่อนร่วมงานที่รักของเรา เขาเป็นผู้ปรนนิบัติที่ซื่อสัตย์ของพระคริสต์เพราะเห็นแก่ท่านสำเนาโบราณบางฉบับว่า เห็นแก่เรา 8และเขาได้แจ้งให้เราทราบถึงความรักของท่านทั้งหลายในพระวิญญาณ

พระลักษณะและพระราชกิจของพระคริสต์

 9เพราะเหตุนี้ นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องนี้ เราก็ไม่ได้หยุดอธิษฐานและทูลขอเพื่อท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านเต็มเปี่ยมด้วยความรู้เรื่องพระประสงค์ของพระองค์โดยสรรพปัญญาและความเข้าใจฝ่ายจิตวิญญาณ 10เพื่อพวกท่านจะดำเนินชีวิตอย่างสมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์ทุกประการ คือให้ท่านเกิดผลในการดีทุกอย่าง และเจริญขึ้นในความรู้ถึงเรื่องพระเจ้า 11ให้พวกท่านมีกำลังด้วยฤทธานุภาพทั้งสิ้นตามอานุภาพแห่งพระสิริของพระองค์ เพื่อให้ท่านมีความทรหดอดทน และมีความอดทนในทุกสิ่ง พร้อมทั้งมีความยินดี 12และให้ท่านขอบพระคุณพระบิดาผู้ทรงทำให้พวกท่านสำเนาโบราณบางฉบับว่า ทำให้เราสามารถมีส่วนในมรดกของธรรมิกชนในความสว่าง 13พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และทรงย้ายเราเข้ามาไว้ในอาณาจักรของพระบุตรที่รักของพระองค์ 14ในพระบุตรนั้นเราได้รับการไถ่ คือการยกโทษจากบาปทั้งหลาย
 15พระคริสต์ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้าผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง 16เพราะว่าโดยพระองค์ทุกสิ่งได้รับการทรงสร้างขึ้น ทั้งสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์แห่งพวกภูตผี หรือพวกภูตผีที่ปกครอง หรือพวกภูตผีที่ครอบครอง หรือพวกภูตผีที่มีอำนาจ ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์ 17พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนทุกสิ่ง และทุกสิ่งถูกยึดเข้าด้วยกันโดยพระองค์ 18พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกายคือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นปฐม ทรงเป็นผู้แรกที่เป็นขึ้นจากตาย เพื่อว่าพระองค์จะทรงเป็นเอกในทุกสิ่ง 19เพราะว่าพระเจ้าพอพระทัยที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งหมดดำรงอยู่ในพระองค์ 20และโดยพระองค์ พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งคืนดีกับพระองค์เอง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่บนแผ่นดินโลกหรืออยู่บนสวรรค์ โดยทรงทำให้เกิดสันติภาพโดยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์
 21และเมื่อก่อนนี้พวกท่านถูกตัดขาดจากพระเจ้า และเป็นศัตรูในใจโดยการทำชั่วต่างๆ 22แต่บัดนี้พระเจ้าโปรดให้คืนดีกับพระองค์เองโดยความตายของพระกายที่เป็นเนื้อหนังของพระคริสต์ เพื่อจะถวายพวกท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ ไร้มลทิน และปราศจากตำหนิเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ 23แต่ท่านทั้งหลายต้องดำรงอยู่ในความเชื่ออย่างแน่วแน่ มั่นคงและไม่โยกย้ายไปจากความหวังในข่าวประเสริฐที่ท่านได้ยิน ซึ่งได้ประกาศแก่มนุษย์ทุกคนทั่วใต้ฟ้า และข้าพเจ้าเปาโลเป็นผู้ปรนนิบัติของข่าวประเสริฐนี้

อรรถาธิบาย

ขอบพระคุณพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง

แม้วันนี้คนทั่วไปในสังคมฆราวาสจะยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ พวกเขาอาจจัดอันดับเทียบเท่ากับโมเสส พระพุทธเจ้า โสเครติส และผู้นำทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่อื่น ๆ

แต่พระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเพียงผู้เดียวและเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคนทั้งปวงหรือไม่? นี่เป็นปัญหาในศตวรรษแรกเช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สำหรับในเมืองโคโลสีมีหลายกลุ่มความเชื่อได้รับการยกย่องเทียบเท่ากับพระเยซู

ในจดหมายโคโลสี เปาโลเขียนด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและความอ่อนโยน ท่านประกาศว่า พระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ไม่เหมือนใครและเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก นี่คือพระเจ้าและ 'พระ​บิดา​ของพระเยซูคริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​' (ข้อ 3) ผู้ทรงสมควรแก่การนมัสการ สรรเสริญ และขอบพระคุณทั้งสิ้นของเรา

​เมื่อเปาโลอธิษ​ฐาน​เผื่อพี่น้องชาวโคโลสี เปาโลขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความเชื่อและความรักของพวกเขา เกิดจากความหวังที่สะสมไว้สำหรับพวกเขาในสวรรค์ (ข้อ 5)

เปาโลอธิษฐานขอให้พวกเขาขอบคุณพระเจ้า ท่านได้สรุปแนวทางการอธิษฐานเพื่อให้ความเชื่อของพวกเขาเติบโต – การขอ 'สติปัญญาและความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ' การเกิดผลและ 'ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า' 'ความทรหดและความอดทน' รายการอธิษฐานที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ควบคู่กับคำอธิษฐานที่ลงลึกในลำดับถัดไป จบท้ายด้วยข้อความ 'การขอบพระคุณพระบิดาด้วยความยินดี' (ข้อ 9–12)

เปาโลกำลังอธิษฐานเพื่อพวกเขาจะขอบคุณพระบิดา ผู้ทรงย้ายพวกเขา 'จากอำนาจแห่งความมืด' ไปสู่อาณาจักรแห่งความสว่าง เพื่อการไถ่และการอภัยบาปของพระองค์ (ข้อ 13–14) 'พระเจ้าช่วยเราให้​พ้น​จาก​ทางแห่งความตายและคุกอันมืดมิด พระองค์ทรงตั้งเราไว้ในอาณาจักรแห่งพระบุตรที่พระองค์ทรงรักมาก ในพระบุตรผู้ทรงนำเราออกจากหลุมลึกที่เราอยู่ ทรงกำจัดบาปทั้งหลายที่บีบเราอยู่เรื่อยไป' (ข้อ 13–14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

สิ่งที่เราต้องขอบพระคุณคือ 'พระฉายของพระเจ้าผู้​ไม่​ทรง​ปรา​กฏแก่​ตา' (ข้อ 15) 'เรามองดูพระบุตรองค์นี้และเห็นพระเจ้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้' (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) โดยพระเยซูทุกสิ่งถูกสร้างขึ้น ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระเยซู และเพื่อพระเยซู ซึ่งทั้งหมดนี้ 'เริ่มต้นในตัวพระองค์และพบวัตถุประสงค์ในพระองค์' (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร (ข้อ 18) ความบริบูรณ์ของพระเจ้าทั้งหมดดำรงอยู่ในพระองค์ (ข้อ 19)

พระเยซูทรงนำสันติสุขจากพระเจ้า 'โดย​พระ​โลหิต​แห่ง​กาง​เขน​ของพระองค์' (ข้อ 20) พระ​เจ้า​โปรด​ให้​คืน​ดี​กับพระองค์เอง (ข้อ 22ก) ตอนนี้คุณบริสุทธิ์ในสายพระเนตรของพระองค์ ปราศจากตำหนิและปราศจากการกล่าวหา (ข้อ 22ข)

นี่คือพระกิตติคุณที่เราสมควรขอบพระคุณ: พระเยซูทรงเป็น 'องค์สูงสุดตั้งแต่แรกเริ่ม ทรงนำการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์สูงสุดในท้ายที่สุด ตั้งแต่ต้นจนจบพระองค์ทรงอยู่ที่นั่น สูงตระหง่านเหนือทุกสิ่ง ทุกคน...ทุกสิ่งมีชีวิตภายใต้สวรรค์ได้รับข้อความเดียวกันนี้' (ข้อ 17–23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระเยซูคริสต์ ขอบคุณพระองค์สำหรับสันติสุขและการคืนดีกับพระเจ้าโดยพระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งบนไม้กางเขนเพื่อข้าพระองค์ ขอบพระคุณที่ให้สิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่แก่ข้าพระองค์ในการประกาศพระกิตติคุณและได้เห็นผู้อื่นได้รับความรอด
พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 7:30-9:16

 30“พงศ์พันธุ์ของยูดาห์ได้ทำความชั่วในสายตาของเรา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “พวกเขาได้วางสิ่งน่าสะอิดสะเอียนไว้ในนิเวศซึ่งเรียกตามชื่อของเรา ทำให้มีมลทิน 31และได้สร้างปูชนียสถานสูงของโทเฟท ซึ่งอยู่ในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อเผาบุตรชายและบุตรสาวของพวกเขาเสียด้วยไฟ ซึ่งเราไม่ได้บัญชา และไม่เคยมีขึ้นในใจของเรา 32เพราะฉะนั้น นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เมื่อเขาจะไม่เรียกที่นั้นอีกว่าโทเฟท หรือหุบเขาเบนฮินโนม แต่จะเรียกว่า หุบเขาแห่งการฆ่าฟันกัน เพราะเขาจะฝังกันไว้ในโทเฟท จนไม่มีที่ฝังแล้ว 33และศพของประชาชนนี้จะเป็นอาหารของนกในอากาศ และของสัตว์บนแผ่นดินโลก และไม่มีใครจะขับไล่มันไปเสียได้ 34เราจะทำให้เสียงบันเทิงและเสียงรื่นเริง เสียงของเจ้าบ่าวและเสียงของเจ้าสาว ขาดไปเสียจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และจากถนนหนทางแห่งเยรูซาเล็ม เพราะว่าแผ่นดินนั้นจะต้องเป็นที่ทิ้งร้าง”

เยเรมีย์ 8

 1พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ในครั้งนั้น กระดูกของบรรดากษัตริย์ยูดาห์ กระดูกของเจ้านายของยูดาห์ กระดูกของปุโรหิต กระดูกของผู้เผยพระวจนะ และกระดูกของชาวเมืองเยรูซาเล็ม จะมีคนเอาออกมาจากอุโมงค์ฝังศพของพวกเขา 2และเขาจะกระจายกระดูกเหล่านั้นออกต่อหน้าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ทั้งสิ้น ซึ่งพวกเขารักและปรนนิบัติ ซึ่งเขาได้ติดสอยห้อยตาม ซึ่งเขาได้แสวงหาและนมัสการ จะไม่มีใครรวบรวมหรือฝังกระดูกเหล่านี้ แต่จะเป็นเหมือนมูลสัตว์บนพื้นแผ่นดิน 3บรรดาคนที่เหลืออยู่จากครอบครัวชั่วร้ายนี้ ซึ่งตกค้างอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเราได้ขับไล่เขาไป จะเลือกความตายดีกว่ามีชีวิตอยู่” พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ

ความวิปริตร้ายแรงของทั้งชนชาติ

4“เจ้าจงพูดกับเขาทั้งหลายว่า
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
เมื่อมนุษย์ล้มลง เขาจะไม่ลุกขึ้นอีกหรือ?
 ถ้าคนหนึ่งคนใดหันไป เขาจะไม่หันกลับมาหรือ?
5ทำไมชนชาตินี้คือเยรูซาเล็มจึงได้หันไป
 กลับสัตย์อยู่เสมอ?
เขายึดการหลอกลวงไว้มั่น
 พวกเขาปฏิเสธไม่ยอมหันกลับ
6เราได้ตั้งใจและคอยฟัง
 แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดสิ่งที่ถูก
ไม่มีใครกลับใจจากความชั่วของตน
 กล่าวว่า ‘ฉันได้ทำอะไรลงไปหรือ?’
ทุกคนหันไปตามทางของเขาเอง
 เหมือนม้าวิ่งหัวทิ่มเข้าไปในสงคราม
7แม้ว่านกกระสาดำบนฟ้า
 ยังรู้จักเวลากำหนดของมัน
และนกเขา นกนางแอ่น และนกกรอด
 ได้รักษาเวลามาของมัน
แต่ประชากรของเรา
 ไม่รู้จักกฎหมายของพระยาห์เวห์
8“เจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า ‘เรามีปัญญา
 และธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ก็อยู่กับเรา?’
แต่ดูสิ ปากกาหลอกลวงของพวกอาลักษณ์
 ได้ทำให้กลายเป็นคำหลอกลวง
9พวกคนมีปัญญาจะต้องอับอาย
 พวกเขาจะคร้ามกลัวและถูกจับตัวไป
นี่แน่ะ พวกเขาได้ปฏิเสธพระวจนะของพระยาห์เวห์
 และในตัวเขามีปัญญาอย่างไรเล่า?
10เพราะฉะนั้น เราจะให้ภรรยาของพวกเขาตกไปเป็นของคนอื่น
 ให้ไร่นาของเขาตกแก่ผู้ที่จะยึดเอา
เพราะว่าตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด
 ทุกคนโลภอยากได้กำไรที่ไม่ยุติธรรม
ตั้งแต่ผู้เผยพระวจนะถึงปุโรหิต
 ทุกคนต่างฉ้อฉล 11เขาได้รักษาแผลแห่งประชากรของเราเพียงผิวเผิน
 กล่าวว่า ‘สวัสดิภาพ สวัสดิภาพ’
 เมื่อไม่มีสวัสดิภาพเสียเลย
12เมื่อเขาทำการน่าเกลียดน่าชังเขาอับอายหรือเปล่า?
 เปล่า เขาไม่อับอายเลย
เขาไม่รู้จักอาย
 เพราะฉะนั้น เขาจะล้มลงท่ามกลางพวกที่ล้มแล้ว
เมื่อเราลงโทษเขา เขาจะล้มคว่ำ”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
13พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “เมื่อเราจะรวบรวมเขา
 ก็เห็นว่าเถาองุ่นไม่มีผล
หรือต้นมะเดื่อไม่มีผล
 แม้แต่ใบก็เหี่ยวแห้งไป
 และอะไรที่เราให้เขาก็อันตรธานไปจากเขา”
14‘ทำไมพวกเราจึงนั่งนิ่งๆ
 จงพากันมา ให้พวกเราเข้าไปในบรรดาเมืองที่มีป้อม
และพินาศเสียที่นั่นเถิด
 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะทรงให้เราพินาศ
และประทานน้ำมีพิษให้เราดื่ม
 เพราะพวกเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์
15พวกเรามองหาสวัสดิภาพ แต่ไม่มีสิ่งดีอะไรมาเลย
 พวกเรามองหาเวลาแห่งการรักษาให้หาย แต่ดูสิความสยดสยอง
16“เสียงคะนองแห่งม้าของเขาก็ได้ยินมาจากเมืองดาน
 แผ่นดินทั้งสิ้นก็สั่นสะเทือน
ด้วยเสียงร้องของเหล่าอาชาของเขา
 พวกมันมากินแผ่นดินและสิ่งทั้งปวงที่อยู่บนนั้นจนหมด
 ทั้งเมืองและผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง
17เพราะนี่แน่ะ เรากำลังส่งงูเข้ามาท่ามกลางพวกเจ้า
 คืองูทับทาง ซึ่งจะผูกด้วยมนตร์ไม่ได้
และมันจะกัดเจ้าทั้งหลาย”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
 ผู้เผยพระวจนะคร่ำครวญเพื่อประชาชน
18ความทุกข์ของข้าพเจ้านี้เกินจะรักษาได้
 จิตใจของข้าพเจ้าก็ป่วยอยู่
19ฟังสิ เสียงร้องแห่งประชากรของข้าพเจ้า
 จากทั่วทั้งแผ่นดิน
“พระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตในศิโยนหรือ?
 กษัตริย์ของเมืองนั้นไม่อยู่ในนั้นหรือ?”
“ทำไมพวกเขายั่วยุเราให้โกรธด้วยรูปเคารพของพวกเขา
 และด้วยพระต่างด้าวของพวกเขา?”
20“ฤดูเกี่ยวก็ผ่านไป ฤดูแล้งก็สิ้นสุดแล้ว
 และเราทั้งหลายก็ไม่รอด”
21เพราะความเจ็บปวดแห่งประชากรของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเจ็บปวด
 ข้าพเจ้าเศร้าหมอง และความหวาดหวั่นก็ยึดข้าพเจ้าไว้มั่น
22ไม่มียารักษาในกิเลอาดหรือ?
 ไม่มีแพทย์ที่นั่นหรือ?
ทำไมสุขภาพแห่งบุตรีประชากรของข้าพเจ้า
 จึงไม่กลับสู่สภาพเดิม?

เยเรมีย์ 9

1หากศีรษะของข้าพเจ้าเป็นแหล่งน้ำ
 และตาของข้าพเจ้าเป็นบ่อน้ำตาก็จะดี
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ร้องไห้ทั้งกลางวันและกลางคืน
 เพราะประชากรของข้าพเจ้าถูกเข่นฆ่า
2หากข้าพเจ้ามีที่พักสำหรับคนเดินทาง
 อยู่ในถิ่นทุรกันดารก็จะดี
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไปจากชนชาติของข้าพเจ้า  และไปให้พ้นพวกเขาเสีย
เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นคนล่วงประเวณี  และเป็นหมู่คนที่มักทรยศ
3“พวกเขางอลิ้นของเขาเหมือนคันธนูยิงความเท็จออกมา
 ไม่ใช่โดยสัจจะที่พวกเขาแข็งแรงขึ้นในแผ่นดิน
เพราะพวกเขาออกจากความชั่วอย่างหนึ่งไปสู่ความชั่วอีกอย่างหนึ่ง
 และเขาไม่รู้จักเรา”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
4“ขอให้ทุกคนระวังเพื่อนบ้านของตน
 และอย่าวางใจในพี่น้องคนใดเลย
เพราะพี่น้องทุกคนเป็นคนเจ้าเล่ห์
 และเพื่อนบ้านทุกคนก็เที่ยวไปพูดให้ร้ายผู้อื่น
5ทุกคนล่อลวงเพื่อนบ้านของตัว
 ไม่มีใครพูดความจริงสักคนเดียว
เขาได้สอนลิ้นของเขาให้พูดมุสา
 เขาได้ทำบาปชั่วและกลับใจอีกไม่ได้แล้ว
6เป็นการบีบบังคับซ้อนการบีบบังคับ และการล่อลวงซ้อนการล่อลวง
 เขาปฏิเสธที่จะรู้จักเรา”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
7เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
 “นี่แน่ะ เราจะถลุงเขาและทดลองเขา
 เพราะเขาเป็นประชากรของเรา เราจะทำอย่างอื่นได้อย่างไร?
8ลิ้นของเขาเป็นลูกศรมรณะ
 มันพูดมารยา ปากของเขาพูดอย่างสันติกับเพื่อนบ้าน
 แต่ในใจของเขา เขาคอยดักซุ่มโจมตีอยู่”
9พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “ไม่ควรที่เราจะลงโทษเขาเพราะสิ่งเหล่านี้หรือ?
 ไม่ควรที่เราจะแก้แค้นชนชาติที่เป็นอย่างนี้หรือ?”
10ข้าพเจ้าจะร้องไห้และครวญครางเพราะภูเขานั้น
 และคร่ำครวญเพราะทุ่งหญ้าในถิ่นทุรกันดาร
เพราะว่ามันถูกทิ้งร้าง ไม่มีใครผ่านไปมา
 ไม่ได้ยินเสียงสัตว์เลี้ยงร้อง
ทั้งนกในอากาศและสัตว์
 ได้หนีไปเสียแล้ว
11“เราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นกองสิ่งปรักหักพัง
 เป็นที่อยู่ของหมาป่า
และเราจะทำให้เมืองต่างๆ ของยูดาห์เป็นที่รกร้าง
 ไม่มีคนอาศัย”

 12ใครเป็นคนมีปัญญาที่จะเข้าใจความนี้ได้? และมีใครที่พระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับเขา เขาจึงประกาศความนั้นได้? ทำไมแผ่นดินจึงพังทลายและทิ้งไว้ว่างเปล่า เหมือนถิ่นทุรกันดารไม่มีใครผ่านไปมา? 13และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “เพราะเขาทั้งหลายทอดทิ้งธรรมบัญญัติของเราซึ่งเราได้ตั้งไว้ต่อหน้าเขา และไม่ได้เชื่อฟังเสียงของเราหรือดำเนินตามนั้น 14แต่ได้ดื้อดึงดำเนินตามใจของตนเอง และติดตามพวกพระบาอัลอย่างที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้สั่งสอนเขาไว้ 15ฉะนั้น พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสว่า นี่แน่ะ เราจะเลี้ยงชนชาตินี้ด้วยบอระเพ็ด และให้เขาดื่มน้ำดีหมี 16เราจะกระจายเขาไปท่ามกลางบรรดาชนชาติที่ตัวเขาเอง และบรรพบุรุษของเขาไม่รู้จัก และเราจะส่งดาบให้ไล่ตามเขาทั้งหลาย จนกว่าเราจะผลาญเขาสิ้น”

อรรถาธิบาย

ไม่หลงลืมการขอบคุณพระเจ้า

ถ้อยคำของเปาโลในโรม บทที่ 1 สรุปเป็นข้อความว่า: 'เพราะถึงแม้ว่าเขาได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็ไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือขอบพระคุณพระองค์' (โรม 1:21)

ในพระธรรมเยเรมีย์ เราเห็นคำเตือนของพระเจ้าเกี่ยวกับการพิพากษาของพระองค์ต่อประชากรของพระองค์ พวกเขาได้ทำชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า (เยเรมีย์ 7:30) พวกเขา 'เดินหน้า - ถอยหลัง!... พวกเขาไม่เคยกล่าวคำว่า "ขอโทษ" ต่อพระเจ้าเลยสักครั้ง' (8:5–6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) 'พวกเขาไม่มีความละอายเลย... พวกเขาไม่รู้จักว่าละอาย' (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) 'พวกเขาออกจากความชั่วอย่างหนึ่งไป​สู่ความชั่วอีกอย่างหนึ่งและเขาไม่​รู้​จักเรา' (9:3) '​การ​ล่อ​ลวง​ซ้อน​การ​ล่อ​ลวง เขา​ปฏิ​เสธ​ที่​จะ​รู้​จักเรา' (ข้อ 6)

'ลิ้น​ของ​เขา​เป็น​ลูก​ศร​มรณะ; มัน​พูด​มาร​ยา ปาก​ของเขาพูด​อย่าง​สันติ​กับ​เพื่อน​บ้าน แต่​ใน​ใจ​ของ​เขา เขา​คอย​ดัก​ซุ่ม​โจม​ตี​อยู่' (ข้อ 8) รากเหง้าของความบาปทั้งหมดของพวกเขาคือการไม่ยอมรับพระเจ้าและไม่รู้จักขอบพระคุณ; พวกเขา 'ปฏิเสธที่จะรู้จักเรา' (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าได้ประทานสิ่งต่าง ๆ แก่พวกเขามากมาย แต่พวกเขากลับไม่รู้จักพระองค์หรือขอบคุณพระองค์สำหรับสิ่งนั้น ดังนั้นพระเจ้าจึงตรัสว่า '​อะไร​ที่เราให้เขาก็​อันตร​ธาน​ไป​จากเขา' (8:13ง) ‘เราจะ​รวบ​รวมเขา… ก็เห็นว่า​เถา​องุ่น​ไม่​มี​ผล… ต้น​มะ​เดื่อ​ไม่​มี​ผล’ (ข้อ 13)

สำหรับเยเรมีย์นี่เป็นการตัดสินที่เจ็บปวด: 'ที่กิเลอาดไม่มีขี้ผึ้งรักษาหรือ? ที่บ้านไม่มีหมอเหรอ? เหตุใดจึงไม่สามารถทำอะไรเพื่อรักษาและช่วยชีวิตประชากรที่รักของพระเจ้าได้?' (ข้อ 21–22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ข้อความทั้งหมดที่เราได้เห็นในวันนี้เรียกร้องให้เราขอบพระคุณ และสรรเสริญพระเจ้า วิธีหนึ่งที่เราสามารถตอบสนองได้คือนำความคิด และคำอธิษฐานทั้งหมดของเรามารวมกัน ในคำกล่าวของพิธีศีลมหาสนิทของนิกายแองกลิกันว่า:

ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าของเรา
เป็นการถูกต้องที่จะขอบพระคุณและสรรเสริญ

เป็นสิ่งที่ดี,
เป็นหน้าที่และความชื่นบานของเรา
ในทุกเวลาและทุกสถานที่
เพื่อเป็นการขอบพระคุณและสรรเสริญ
พระบิดาผู้ทรงบริสุทธิ์ ราชาแห่งฟ้าสวรรค์
พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพและเป็นนิรันดร์
โดยทางพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเรา...

ดังนั้นด้วยเหล่าทูตสวรรค์และ​อัคร​เทว​ทู​ตาธิบ​ดี
และร่วมกับชาวสวรรค์ทั้งสิ้น
เราประกาศพระนามอันยิ่งใหญ่และพระสง่าราศีของพระองค์
สรรเสริญพระองค์ตลอดไปและพูดว่า:

คำอธิษฐาน

บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกเต็มไปด้วยพระสิริของพระองค์ โฮซันนาในที่สูงสุด

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สดุดี 116:15

'มรณกรรม​แห่ง​ธรรมิก​ชน​ของ​พระ​องค์สำคัญใน​สาย​พระ​เนตร​พระ​เจ้า'

มีการสังหารที่โหดร้ายมากมายเกิดขึ้นทั่วโลก การได้รู้ว่าพระเจ้าทรงทราบและทรงห่วงใยทุกชีวิตเป็นที่ปลอบโยนจิตใจ

ข้อพระคำประจำวัน

โคโลสี 1:13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล

'พระเจ้าช่วยเราให้​พ้น​จาก​ทางแห่งความตายและคุกอันมืดมิด พระองค์ทรงตั้งเราไว้ในอาณาจักรแห่งพระบุตรที่พระองค์ทรงรักมาก'

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม