นิสัยที่เปลี่ยนแปลงชีวิต 7 ประการ
เกริ่นนำ
เป็นเวลาหลายปีที่ บรูซ สตรีทเธอร์ ทนายความที่ประสบความสำเร็จไม่เชื่อในพระเจ้า เขาไม่เคยไปโบสถ์แม้ว่าครอบครัวของเขาจะไปโบสถ์ก็ตาม วันหยุดสุดสัปดาห์ส่วนใหญ่เขาจะเล่นกอล์ฟ กระทั่งภรรยาและลูกสาววัยรุ่นสามคนของเขาโน้มน้าวเขาอย่างหนัก เขาจึงมาเข้าร่วมที่หลักสูตรอัลฟ่า เขาเป็นคนชอบโต้เถียงและไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง ไม่มีหลักสูตรตอนใดมีผลกระทบต่อเขา กระทั่งในตอนจบของหลักสูตร เขาได้ยินคำพูดว่า ‘เราจะต่อต้านความชั่วร้ายได้อย่างไร?’ หลังจากนั้นเขามาหาผมและพูดว่า ‘ในการทำงานของผมในฐานะทนายความ ผมเห็นเรื่องเลวร้ายมากมาย ผมเชื่อในพลังแห่งความชั่วร้ายมาโดยตลอด คืนนี้ ผมรู้สึกว่าถ้ามีพลังแห่งความชั่วร้าย ก็สมเหตุสมผลที่จะเชื่อว่ามีพลังแห่งความดีด้วย’
คืนนั้นบรูซกลายเป็นคริสเตียน และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาได้เป็นสมาชิกที่มุ่งมั่นของคริสตจักร ประกอบพันธกิจที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อชีวิตของผู้คนหลายร้อยคน
เราติดอยู่กับการต่อสู้กับความชั่วร้ายระดับโลกของการก่อการร้าย ความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ ชะตากรรมอันน่าเศร้าของผู้ลี้ภัย ไวรัสร้ายแรง (เช่น COVID-19) ความอดอยาก ความยากจน การทำลายสิ่งแวดล้อม รัฐบาลที่ทุจริต และปัญหาในประเทศ ท้องถิ่น และระหว่างประเทศอีกนับไม่ถ้วน เรายังเผชิญกับการต่อสู้กับความชั่วร้ายในชีวิตของเราเองทั้งการทดลอง บาป และการเสพติด
พระคัมภีร์เป็นจริงเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้ ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เราอ่านเกี่ยวกับการต่อสู้ทางเนื้อหนังกับกองกำลังแห่งความชั่วร้าย ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ การต่อสู้มักถูกอธิบายว่าเป็นการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ ดังที่อาจารย์เปาโลกล่าวไว้ ‘เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน’ (เอเฟซัส 6:12)
พระคำในวันนี้แสดงให้เราเห็นว่า การต่อสู้ได้รับชัยชนะด้วยอำนาจแห่งชัยชนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
สดุดี 114:1-8
การอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงทำ เมื่ออิสราเอลอพยพจากอียิปต์
1เมื่ออิสราเอลออกจากอียิปต์
คือวงศ์วานของยาโคบออกจากชนชาติต่างภาษา
2ยูดาห์กลายเป็นสถานนมัสการของพระองค์
อิสราเอลกลายเป็นราชอาณาจักรของพระองค์
3ทะเลเห็นแล้วหนี
แม่น้ำจอร์แดนหันหลังกลับ
4ภูเขากระโดดเหมือนแกะผู้
เนินเขากระโดดเหมือนลูกแกะ
5ทะเลเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงหนี?
แม่น้ำจอร์แดนเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงหันหลังกลับ?
6ภูเขาเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงกระโดดเหมือนแกะผู้?
เนินเขาเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงกระโดดเหมือนลูกแกะ?
7แผ่นดินเอ๋ย จงตัวสั่น เฉพาะพระพักตร์องค์เจ้านายเถิด
คือเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของยาโคบ
8ผู้ทรงเปลี่ยนหินให้เป็นสระน้ำ
คือทรงเปลี่ยนหินเหล็กไฟ ให้เป็นน้ำพุ
อรรถาธิบาย
ชัยชนะเหนือความเป็นทาสและการเป็นทาส
ผู้เขียนสดุดีเล่าถึงวิธีที่อิสราเอลได้รับการปลดปล่อยจากสถานะทาสและหน้าที่ทาสในอียิปต์ ฤทธิ์อำนาจแห่งชัยชนะของพระเจ้านำพวกเขาออกจากอียิปต์และข้ามทะเล ที่ซึ่ง ‘เห็นแล้วหนี' (ข้อ 3)
การอยู่ ‘เฉพาะพระพักตร์องค์เจ้านาย’ ของประชากรของพระองค์ทำให้ชาวอิสราเอลได้รับชัยชนะ (ข้อ 7) การทรงสถิตของพระองค์เองที่ ‘เปลี่ยนหินให้เป็นสระน้ำ คือทรงเปลี่ยนหินเหล็กไฟให้เป็นน้ำพุ’ (ข้อ 8)
พระลักษณะของพระเจ้าถูกเปิดเผยต่อประชากรของพระองค์ในอพยพ เมื่อพระเจ้าปลดปล่อยประชาชนของพระองค์จากการกดขี่ ด้วยอำนาจแห่งชัยชนะและการสถิตอยู่ของพระองค์ การเป็นทาสเป็นที่ชัดเจนว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย พระเจ้าปรารถนาที่จะปลดปล่อยผู้คนให้เป็นอิสระจากการเป็นทาส
สิ่งนี้เองช่วยให้เราตอบคำถามสำคัญข้อหนึ่งจากการอ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจารย์เปาโลได้ให้คำแนะนำแก่ทาสและนายทาส (เอเฟซัส 6:5–9) ทำไมอาจารย์เปาโลไม่พยายามเลิกทาสโดยสิ้นเชิง?
เราต้องจำไว้ว่าในสมัยนั้น คริสเตียนเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกข่มเหงและพวกเขาไม่สามารถยุติสิ่งที่เป็นสถาบันที่ครอบครองโลกยุคโบราณได้ ประชากรในจักรวรรดิโรมันเพียงแห่งเดียว ประมาณ 60,000 คน (ประชากรส่วนใหญ่) เป็นทาส
ดังที่ศาสตราจารย์ เอฟ.เอฟ. บรูซ เขียนว่า ‘เป็นการดีกว่าที่จะระบุหลักการขั้นพื้นฐานของพระกิตติคุณให้ชัดเจน (“จะไม่เป็นทาสหรือไท จะไม่เป็นชายหรือหญิง เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระเยซูคริสต์” กาลาเทีย 3:28) และปล่อยให้พวกเขามีผลตามสมควรในสถาบันที่ชั่วช้านี้’
พระเจ้าต้องการปลดปล่อยผู้คน ทั้งจากความเป็นทาสและการกดขี่ที่ทาสในสมัยนี้ประสบพบเจอและทั้งจากจากการเป็นทาสของเราในความบาปและการเสพติด (เช่น การพึ่งพาแอลกอฮอล์ ยาเสพติด ความรุนแรง หรือภาพลามกอนาจาร) และในอนาคตเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาด้วยอำนาจแห่งชัยชนะ พระเจ้าจะทรงปลดปล่อยทุกคนจากการเป็นทาสทุกรูปแบบ
คำอธิษฐาน
เอเฟซัส 6:1-24
บรรดาบุตรและบิดามารดา
1บุตรทั้งหลาย จงเชื่อฟังบิดามารดาของท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่านี่เป็นเรื่องถูกต้อง 2“จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า” นี่เป็นบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญากำกับด้วย 3“เพื่อเจ้าจะไปดีมาดีและมีอายุยืนยาวบนแผ่นดินโลก” 4ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของท่านให้เกิดโทสะ แต่จงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยการสั่งสอนและการเตือนสติตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า
บรรดาทาสและนาย
5ท่านทั้งหลายที่เป็นทาส จงเชื่อฟังนายฝ่ายโลกด้วยความเกรงกลัว ตัวสั่นและด้วยจริงใจ เหมือนที่ทำต่อพระคริสต์ 6ไม่เฉพาะแต่ขณะอยู่ในสายตาอย่างพวกประจบสอพลอ แต่เหมือนอย่างทาสของพระคริสต์ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความเต็มใจ 7จงรับใช้นายด้วยความกระตือรือร้น อย่างที่ทำต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อมนุษย์ 8เพราะพวกท่านรู้ว่าใครทำความดีอะไรไว้ ก็จะได้รับอย่างนั้นจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าทาสหรือไท 9ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นนายก็จงทำต่อทาสในทำนองเดียวกัน คืออย่าขู่เข็ญ เพราะท่านรู้ว่าพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้านายของพวกเขาและของพวกท่านนั้นอยู่บนสวรรค์ และพระองค์ไม่ทรงเห็นแก่หน้าใครเลย
การต่อสู้กับวิญญาณชั่ว
10สุดท้ายนี้ จงเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในอานุภาพอันทรงพลังของพระองค์ 11จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะสามารถต่อสู้กับอุบายของมารได้ 12เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน 13เพราะเหตุนี้จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น และเมื่อทำทุกอย่างแล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้ 14เพราะฉะนั้นจงยืนหยัดไว้ เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก 15และเอาความพรั่งพร้อมในการประกาศข่าวประเสริฐแปลได้อีกว่า ความพรั่งพร้อมที่เกิดจากข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า 16และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นี้พวกท่านจะสามารถดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของมารร้าย 17จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงคำราชาศัพท์หมายถึง ดาบของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า 18จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลาโดยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกๆ อย่าง เพราะเหตุนี้จงเฝ้าระวังด้วยความเพียรและด้วยการวิงวอนเผื่อธรรมิกชนทุกคนอยู่เสมอ 19และเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าพูด พระองค์จะประทานถ้อยคำแก่ข้าพเจ้าที่จะสำแดงความล้ำลึกของข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญ 20เพราะข่าวประเสริฐนี้เองทำให้ข้าพเจ้าเป็นทูตที่ติดโซ่ตรวน และเพื่อว่าข้าพเจ้าจะกล้าพูดตามที่ข้าพเจ้าควรจะพูดนั้น
คำทักทายสุดท้าย
21ทีคิกัสซึ่งเป็นน้องที่รักและเป็นผู้ปรนนิบัติที่ซื่อสัตย์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า จะบอกให้ท่านรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อพวกท่านจะได้รู้ด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างไรและทำอะไร 22ข้าพเจ้าส่งเขาไปหาท่านทั้งหลายเพราะเหตุนี้ คือเพื่อให้ท่านรู้ความเป็นอยู่ของเรา และเพื่อให้เขาหนุนใจพวกท่าน
23ขอให้พี่น้องได้รับสันติสุข และความรักกับความเชื่อ จากพระเจ้าพระบิดาและจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า 24ขอพระคุณดำรงอยู่กับทุกคนที่รักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
อรรถาธิบาย
ชัยชนะเหนืออุบายของมาร
การต่อสู้ของเราคือการต่อต้านกับ ‘ไตรพันธมิตร' รานิเอโร คานตาลาเมสสา เขียนไว้ถึง ‘โลก เนื้อหนัง และมาร คือศัตรูรอบตัวเรา ศัตรูในตัวเรา และศัตรูที่อยู่เหนือเรา’
การพึ่งพาพลังแห่งชัยชนะของพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่เฉยๆ หรือไม่มีการลงมือใด ๆ เลย อาจารย์เปาโลยืนยันว่า เพื่อที่จะชนะการต่อสู้ คุณต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณและ ‘เข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า' (ข้อ 10)
เราจำเป็นต้องลงมือดำเนินการ อาจารย์เปาโลใช้วลีเช่น ‘จงรับ’ (ข้อ 13ก), ‘ยืนหยัด’ (ข้อ 13ข) และ 'ยืนหยัด' (ข้อ 14) จงกระตือรือร้นในการแทนที่นิสัยแย่ ๆ ด้วยนิสัยที่ดี โดยสรุปนิสัยที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเจ็ดประการที่คุณควรนำมาใช้:
1. จดจ่ออยู่กับความจริงของพระเยซู
‘เอาความจริงคาดเอว’ (ข้อ 14ก)
จดจ่ออยู่ที่จริงใจ ความโปร่งใสและความถูกต้องเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความหน้าซื่อใจคด เราจำเป็นที่ต้องจดจ่อกับความจริงของหลักคำสอนตามที่เปิดเผยในพระคัมภีร์ด้วย ทั้งความโปร่งใสและความถูกต้องเป็นตัวตนในพระเยซูผู้ซึ่งกล่าวว่า ‘เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง’ (ยอห์น 14:6)
2. เร็วในการลุกขึ้นใหม่
‘เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก’ (เอเฟซัส 6:14ข)
พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อคุณจะได้มีความชอบธรรมของพระเจ้า เมื่อคุณล้มให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว รักษาความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้าและกับผู้อื่น
3. มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน
‘เอาความพรั่งพร้อมในการประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า’ (ข้อ 15)
เปาโลอาจมีข้อหนึ่งตรงกับที่เราอ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมสำหรับวันนี้ว่า ‘ดูเถิด เท้าของผู้นำข่าวดีมาที่บนภูเขา ผู้มาประกาศสันติภาพ’ (นาฮูม 1:15) มารเกลียดข่าวประเสริฐ เพราะเป็นอำนาจของพระเจ้าในการเปลี่ยนแปลงชีวิต
เปาโลขอให้คริสเตียนชาวเอเฟซัสอธิษฐานเผื่อตน: ‘เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าพูด พระองค์จะประทานถ้อยคำแก่ข้าพเจ้าที่จะสำแดงความล้ำลึกของข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญ’ (เอเฟซัส 6:19)
4. วางใจพระเจ้ายามยากลำบาก
‘พร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นี้พวกท่านจะสามารถดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของมารร้าย’ (ข้อ 16)
ลูกธนูมีลักษณะดังนี้ ความรู้สึกผิด ความละอาย ความสงสัย การไม่เชื่อฟัง ความอาฆาตพยาบาท และความกลัว
5. ชนะการต่อสู้ของจิตใจ
‘จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ’ (ข้อ 17ก)
การต่อสู้มีทั้งชนะหรือแพ้ในจิตใจของเรา ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่เราจะ ‘ยึดกุมความคิดทุกประการให้มาเชื่อฟังพระคริสต์’ (2 โครินธ์ 10:5)
6. แช่ตัวในพระวจนะของพระเจ้า
‘พระแสงของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า’ (เอเฟซัส 6:17ข)
ใช้พระคัมภีร์เมื่อคุณถูกโจมตี เช่นเดียวกับพระเยซูเมื่อถูกทดลองในทะเลทราย (มัทธิว 4:1-11)
7. อธิษฐานต่อไป
‘จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลาโดยการอธิษฐานและการวิงวอนทุก ๆ อย่าง’ (เอเฟซัส 6:18)
การอธิษฐานเป็นอาวุธที่ทรงพลัง สมเด็จพระราชินีนาถแมรีแห่งสก็อต กล่าวว่า ‘ฉันกลัวคำอธิษฐานของ จอห์น นอกซ์ มากกว่ากองทัพหมื่นคน’
คำอธิษฐาน
นาฮูม 1:1-3:19
1ครุวาทคำพูดที่หนักและรุนแรงเกี่ยวกับกรุงนีนะเวห์ หนังสือเกี่ยวกับนิมิตของนาฮูมชาวบ้านเอลโขช
พระพิโรธรุนแรงของพระเจ้า
2พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าผู้หวงแหนและแก้แค้น
พระยาห์เวห์ทรงแก้แค้นและทรงพระพิโรธ
พระยาห์เวห์ทรงแก้แค้นคู่อริของพระองค์
และทรงเก็บความโกรธไว้ให้ศัตรูของพระองค์
3พระยาห์เวห์กริ้วช้า และทรงฤทธานุภาพใหญ่ยิ่ง
พระยาห์เวห์จะไม่ทรงปล่อยให้คนผิดลอยนวล
พระมรรคาแปลว่า ทางของพระองค์อยู่ในพายุหมุนและพายุ
และเมฆเป็นผงคลีแห่งพระบาทของพระองค์
4พระองค์ทรงห้ามทะเล ทรงให้มันเหือดหาย
ทรงให้แม่น้ำทั้งหลายแห้งไป
บาชานกับคารเมลก็เหี่ยว
และแขนงอ่อนๆ ของเลบานอนก็เฉาไป
5ภูเขาทั้งหลายสั่นสะเทือนเฉพาะพระพักตร์พระองค์
และบรรดาเนินเขาก็หลอมละลายไป
แผ่นดินก็สั่นสะท้านเฉพาะพระพักตร์พระองค์
เออ ทั้งโลกและทุกคนที่อยู่ในโลกด้วย
6ใครจะต้านทานพระพิโรธของพระองค์ได้?
ใครจะทนความร้อนแรงแห่งความกริ้วของพระองค์ได้?
พระพิโรธของพระองค์พลุ่งออกมาอย่างกับไฟ
โดยพระองค์ ศิลาก็แตก
7พระยาห์เวห์ประเสริฐ
ทรงเป็นที่กำบังแข็งแกร่งในวันยากลำบาก
พระองค์เอาพระทัยใส่ผู้ที่เข้ามาลี้ภัยอยู่ในพระองค์
8ด้วยน้ำท่วมหลาก พระองค์จะทรงทำลายศัตรูของพระองค์ให้ย่อยยับไป
และจะทรงไล่ศัตรูของพระองค์เข้าไปในความมืด
9พวกเจ้าคิดอุบายอันใดต่อสู้พระยาห์เวห์?
พระองค์จะทรงทำลายให้ย่อยยับไป
ความทุกข์ยากจะไม่โผล่ขึ้นเป็นครั้งที่สอง
10พวกเขาเหมือนพงหนามที่เกี่ยวกันยุ่ง
และเหมือนคนเมาเหล้า
พวกเขาจะถูกเผาผลาญสิ้นเหมือนตอข้าวที่แห้งผาก
11มีผู้หนึ่งมาจากเจ้า
ที่คิดอุบายชั่วร้ายต่อพระยาห์เวห์
และแนะนำการอธรรม
ข่าวดีสำหรับยูดาห์
12พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
“แม้พวกนั้นจะแข็งแรงและมีจำนวนมากมายด้วย
เขาก็จะถูกตัดขาดและล่วงไป
แม้ว่าเราให้เจ้าทุกข์ใจ
แต่เราจะไม่ให้เจ้าทุกข์ใจอีกต่อไป
13บัดนี้ เราจะทำลายแอกของเขาเสียจากเจ้า
และจะหักโซ่ตรวนที่ล่ามเจ้าเสีย”
14พระยาห์เวห์ตรัสบัญชาเรื่องเจ้าว่า
“ชื่อของเจ้าจะไม่ถูกหว่านให้แพร่หลายอีกต่อไป
เราจะกำจัดรูปสลักและรูปหล่อโลหะ
จากวิหารแห่งพระของเจ้า
เราจะขุดหลุมศพให้เจ้า เพราะเจ้าต่ำช้า”
15ดูเถิด เท้าของผู้นำข่าวดีมาที่บนภูเขา
ผู้มาประกาศสันติภาพ
โอ ยูดาห์เอ๋ย เจ้าจงจัดงานเลี้ยงฉลอง
จงแก้บนของเจ้าเถิด
เพราะว่าคนอธรรมจะไม่รุกรานเจ้าอีก
เขาถูกกำจัดเสียสิ้นแล้ว
นาฮูม 2
ความพินาศของนครชั่วร้าย
1ผู้โจมตีขึ้นมาต่อสู้กับเจ้าแล้ว
จงรักษาป้อมปราการ
จงเฝ้าทางไว้
จงคาดเอว
จงรวมกำลังไว้ให้หมด
2(เพราะพระยาห์เวห์ทรงฟื้นฟูความโอ่อ่าตระการของยาโคบ
อย่างกับความโอ่อ่าตระการของอิสราเอล
แม้ว่าพวกปล้นได้ปล้นเอาไป
และได้ทำลายกิ่งก้านของพวกเขา)
3โล่นักรบของเขาสีแดง
ทหารหาญสวมเครื่องแบบสีแดงเข้ม
รถรบก็แวบวาบดังประกายเพลิง
ในวันเตรียมพร้อม
และม้าศึกก็เผ่นโผนไปมา
4รถรบห้อไปตามถนนอย่างบ้าคลั่ง
มันโลดลิ่วไปมาที่ลานเมือง
ดูราวกับคบเพลิง
และพุ่งไปอย่างสายฟ้าแลบ
5นายทหารถูกเรียกตัว
พวกเขาก็สะดุดเมื่อเดินไป
พวกเขารีบรุดไปที่กำแพงเมือง
มีเพิงกันอาวุธตั้งขึ้น
6ประตูทั้งหลายที่แม่น้ำถูกเปิดออก
แล้วพระราชวังก็พังทลาย
7พระราชินีถูกเปลื้องเครื่องทรง และถูกนำไป
บรรดาสาวใช้ก็โอดครวญ
เสียงพวกนางโศกเศร้าอย่างเสียงนกพิราบ
และต่างก็ตีอกของตน
8นีนะเวห์ก็เหมือนสระน้ำ
ที่น้ำไหลออกมา
เขาทั้งหลายร้องว่า “หยุด หยุด”
แต่ก็ไม่มีใครหันกลับ
9จงปล้นเงิน
จงปล้นทอง
มีสมบัติมากมายไม่สิ้นสุด
มั่งคั่งด้วยของมีค่าทุกอย่าง
10หมดตัว อ้างว้าง และร้างเปล่า
หัวใจสลายและหัวเข่าก็สั่นคลอน
บั้นเอวก็ปวดร้าวไปหมด
ใบหน้าทุกคนซีดเซียว
11ถ้ำสิงห์อยู่ที่ไหน?
คือที่เลี้ยงเหล่าลูกสิงห์
ที่ที่สิงห์เคยเดินเข้าไป
ที่ที่ลูกของมันเคยอยู่ โดยไม่มีผู้ใดไปรบกวน
12สิงห์นั้นได้ฉีกอาหารให้ลูกของมันพอกิน
และได้คาบคอเหยื่อมาให้พวกเมียของมัน
มันสะสมเหยื่อเต็มถ้ำ
และสะสมเนื้อที่ฉีกแล้วเต็มรัง
13พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ดูเถิด เราต่อสู้เจ้า เราจะเผาบรรดารถรบของเจ้าให้เป็นควัน และดาบจะสังหารเหล่าลูกสิงห์ของเจ้า เราจะกำจัดเหยื่อของเจ้าเสียจากโลก และจะไม่มีใครได้ยินเสียงผู้สื่อสารของเจ้าอีก
นาฮูม 3
ความวิบัติที่เลี่ยงไม่ได้ใกล้มาถึง
1วิบัติแก่เมืองที่แปดเปื้อนไปด้วยโลหิต
เต็มด้วยการโกหกและการปล้นสะดม
ไม่ว่างเว้นจากการล่าเหยื่อ
2เสียงหวดของแส้ และเสียงกระหึ่มของล้อ
ม้าควบ และรถรบห้อไป
3พลม้าเข้าประจัญบาน
ดาบแวบวาบและหอกแวววาว
คนถูกฆ่าเป็นก่ายกอง
ซากศพกองพะเนิน
ร่างคนตายมากมายไม่สิ้นสุด
พวกเขาจะสะดุดร่างเหล่านั้น
4ทั้งนี้เพราะการแพศยานับไม่ถ้วนของหญิงแพศยา
ผู้มีเสน่ห์และเป็นเจ้าแห่งวิทยาคม
ผู้ขายบรรดาประชาชาติด้วยการแพศยาของนาง
และขายตระกูลต่างๆ ด้วยวิทยาคมของนาง
5พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า
ดูเถิด เราต่อสู้เจ้า
เราจะเปิดกระโปรงของเจ้าขึ้นมาคลุมหน้าเจ้า
เราจะให้บรรดาประชาชาติมองดูความเปลือยเปล่าของเจ้า
และให้ราชอาณาจักรต่างๆ มองดูความอดสูของเจ้า
6เราจะขว้างของโสโครกใส่เจ้า
และเหยียดหยามเจ้า
และจะทำให้เจ้าเป็นเป้าสายตาคนอื่น
7ทุกคนที่แลเห็นเจ้าจะหนีไปจากเจ้าและกล่าวว่า
“นีนะเวห์เป็นเมืองร้างเสียแล้ว ใครเล่าจะสงสารเธอ?”
จะไปหาผู้ปลอบโยนเจ้าจากที่ไหน?
8เจ้าวิเศษกว่าเมืองเธเบส
ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำไนล์หรือ?
ซึ่งมีน้ำรอบนคร
มีทะเลเป็นที่กำบัง
มีห้วงน้ำเป็นกำแพงเมือง
9คูชเป็นกำลังของเมืองนี้
ทั้งอียิปต์ด้วย และอำนาจก็มีมากมายไม่สิ้นสุด
ทั้งพูตและลิเบียก็เป็นภาคีเมืองเธเบส
10ถึงกระนั้น เมืองนั้นก็ยังถูกกวาดไป
เธอตกไปเป็นเชลย
ลูกเด็กเล็กแดงของเธอก็ถูกเหวี่ยงลงแหลกเป็นชิ้นๆ
ที่หัวถนนทุกสาย
เขาจับฉลากแบ่งผู้มีเกียรติของเมืองนั้น
และคนใหญ่คนโตทั้งสิ้นของเมืองนั้นก็ถูกล่ามโซ่ตรวน
11เจ้าจะมึนเมาไปด้วย
เจ้าจะงงงวยไป
เจ้าจะแสวงหา
ที่ลี้ภัยจากศัตรู
12ป้อมปราการทั้งสิ้นของเจ้าจะเป็นเหมือนต้นมะเดื่อ
ที่มีผลมะเดื่อสุกรุ่นแรก
เมื่อถูกเขย่า
ก็จะตกเข้าปากของผู้กิน
13ดูเถิด กองทัพของเจ้า
ก็เหมือนผู้หญิงอยู่ท่ามกลางเจ้า
ประตูเมืองแห่งแผ่นดินของเจ้า
ก็เปิดกว้างให้แก่ศัตรูของเจ้า
ไฟได้กลืนกินดาลประตูของเจ้าแล้ว
14จงขนน้ำขึ้นไว้เพราะจะถูกล้อม
จงเสริมกำลังป้อมปราการของเจ้า
จงลงไปในบ่อดินเปียก
และจงย่ำปูนสอให้เข้ากันดี
และไปเอาแม่พิมพ์อิฐมา
15ไฟก็จะคลอกเจ้าที่นั่น
ดาบก็จะฟันเจ้า
มันจะกินเจ้าเสียอย่างตั๊กแตนวัยกระโดด
จงเพิ่มพวกเจ้าให้มากอย่างตั๊กแตนวัยกระโดด
จงเพิ่มให้มากเหมือนตั๊กแตนวัยบิน
16เจ้าเพิ่มพวกพ่อค้า
ให้มากกว่าดวงดาวในท้องฟ้า
ตั๊กแตนวัยกระโดดนั้นลอกคราบแล้วก็บินไปเสีย
17พวกเจ้านายของเจ้าก็เหมือนตั๊กแตนวัยบิน
พวกข้าหลวงของเจ้าก็เหมือนฝูงตั๊กแตน
เกาะอยู่ที่รั้ว
ในวันอากาศเย็น
พอดวงอาทิตย์ขึ้น มันก็บินไปหมด
ไม่มีใครทราบว่ามันไปที่ไหน
18โอ กษัตริย์แห่งอัสซีเรียเอ๋ย
บรรดาผู้เลี้ยงแกะของเจ้าหลับเสียแล้ว
พวกเจ้านายของเจ้าก็เคลิ้มหลับไป
ชนชาติของเจ้ากระจัดกระจายอยู่ตามภูเขา
และไม่มีผู้ใดรวบรวมได้
19ความเจ็บปวดของเจ้าไม่มีบรรเทา
บาดแผลของเจ้าก็สาหัส
ทุกคนผู้ได้ยินข่าวของเจ้า
ต่างก็ตบมือเยาะเจ้า
เพราะมีใครเล่าที่ไม่ได้ถูกเจ้าทำร้ายเรื่อยมา?
อรรถาธิบาย
ชัยชนะเหนือพลังแห่งความชั่วร้าย
เราทุกคนต่างผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก พระเยซูบอกเราว่าอย่าแปลกใจกับปัญหา (ยอห์น 16:33) แต่คุณได้รับสัญญาว่าคุณจะเป็นมากกว่าผู้พิชิตโดยทางพระคริสต์ผู้ทรงรักคุณ (โรม 8:37)
รับการปลอบโยนจากพระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับประชากรของพระองค์ ซึ่งยังคงใช้ได้กับเราในตอนนี้ ‘พระเจ้าดี เป็นที่หลบซ่อนในยามลำบากทุกข์ยาก พระองค์ตระหนักและยินดีต้อนรับทุกคนที่กำลังมองหาความช่วยเหลือ ไม่ว่าปัญหาจะเลวร้ายเพียงใด’ (นาฮูม 1:7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
จักรวรรดิมีอำนาจและเสื่อมอำนาจ จักรวรรดิอังกฤษเคยครอบครองโลกใบนี้ แต่ไม่อีกต่อไป เช่นเดียวกัน จักรวรรดิโรมันและอาณาจักรอื่น ๆ ทั้งหมดได้เข้ามามีอำนาจและเสื่อมอำนาจลง
ในขณะที่นาฮูมกำลังเขียน อัสซีเรียปกครองอยู่และดูเหมือนอยู่ยงคงกระพัน ทว่าไม่นานหลังจากพระธรรมนาฮูมถูกเขียนขึ้น ใน 612 ปีก่อนคริสตกาล นีนะเวห์ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่น่าภาคภูมิใจของอัสซีเรีย ตกเป็นของชาวบาบิโลนและชาวมีเดีย
นาฮูมรับรองกับคนของพระเจ้า ที่ถูกล้อมด้วยกองกำลังอันทรงพลัง ว่าพระเจ้ากำลังสั่งการอยู่และไม่มีอำนาจใดในโลกที่สามารถต่อต้านพระองค์ได้ (2:1–13) ข้อความนั้นคือ ‘อย่าชื่นชมศัตรู หรือถูกข่มขู่โดยศัตรู พวกเขาจะถูกตัดสินโดยมาตรฐานเดียวกับที่ใช้กับเรา’ (ยูจีน ปีเตอร์สัน)
ความชั่วร้ายของนีนะเวห์ได้ถูกอธิบายไว้ในบทที่ 3 ‘การลงโทษแด่เมืองที่แปดเปื้อนด้วยโลหิต เต็มไปด้วยคำโกหก เต็มไปด้วยของปล้น เสพติดความรุนแรง... ล่อประเทศต่างๆ มาให้พินาศด้วยคาถาชั่วร้ายของเจ้า’ (3:1,4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
หากจุดจจบของแผ่นดินโลกนี้เป็น ‘ข่าวดี’ (1:15) ที่นำมาซึ่งความโล่งใจและความปีติยินดี ชัยชนะของพระเยซูเหนือพลังฝ่ายวิญญาณของความชั่วร้ายจะทำให้เราโล่งใจและปีติยินดีมากกว่าเพียงใด คุณยังคงถูกห้อมล้อมด้วยศัตรูในรูปแบบของโลก เนื้อหนัง และมาร แต่เมื่อมีพระเจ้าอยู่เคียงข้างคุณ คุณจะเห็นพลังแห่งชัยชนะของพระองค์ในที่สุด
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สดุดี 114:7-8
‘พระเจ้า... เปลี่ยน... หินให้เป็นสระน้ำ’
พระเจ้าสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่ยากลำบาก ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความอุดมสมบูรณ์
ข้อพระคำประจำวัน
นาฮูม 1:7
พระยาห์เวห์ประเสริฐ
ทรงเป็นที่กำบังแข็งแกร่งในวันยากลำบาก
พระองค์เอาพระทัยใส่ผู้ที่เข้ามาลี้ภัยอยู่ในพระองค์
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)