วัน 269

กุญแจหกประการสู่ความสัมพันธ์ที่ดี

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 112:1-10
พันธสัญญาใหม่ เอเฟซัส 4:17-5:7
พันธสัญญาเดิม ิอิสยาห์ 63:1-65:16

เกริ่นนำ

เมื่ออายุได้สิบเก้าปี เชียร่า ลูบิช ได้รวมตัวกันกับเพื่อนสองสามคนในภาคเหนือของอิตาลี ตอนนั้นเป็นปี ค.ศ. 1939 มีการทิ้งระเบิดเกิดขึ้น พวกเธอตั้งคำถามนี้ขึ้นมา: ‘มีอุดมคติที่ระเบิดไม่สามารถทำลายได้หรือไม่?’ และคำตอบของพวกเธอคือ ‘มีค่ะ ความรักของพระเจ้าไงละ'

พวกเธอได้รับความรักอันท่วมท้นของพระเจ้า และต้องการแบ่งปันกับผู้อื่น พวกเธอเลียนแบบพระเจ้าโดยดำเนินชีวิตในความรัก (เอเฟซัส 5:1–2) พวกเธอช่วยคนขัดสน พวกเธอได้แบ่งปันอาหารเล็กน้อยที่มี พวกเธอนำเสื้อผ้าไปมอบให้แก่ผู้ขาดแคลน พวกเธอปลอบโยนผู้สูญเสีย

ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากเชียร่า และเพื่อนๆ ของเธอ ทำให้ผู้คนตั้งชื่อกลุ่มของพวกเธอว่า ‘Focolare’ (โฟโคลาเร่) ซึ่งแปลว่า ‘เตาไฟ’ หรือ ‘เตาผิง’ ในปัจจุบัน Focolare มีสมาชิก 2 ล้านคนใน 182 ประเทศ สมาชิกของกลุ่ม Focolare ยึดติดการดำเนินชีวิต 24 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อดำเนินตามกฎทองของพระเยซู ‘จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน' (มัทธิว 7:12)

ความรักนั้นใช้ได้จริง เชียร่ากล่าวว่า ‘จงรักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง... ลองนึกภาพว่าโลกจะเป็นอย่างไรหากกฎทองนี้ถูกนำไปใช้จริง ไม่เพียงแต่กระทำเป็นการส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ ประชาชน และประชาชาติด้วย หากทุกคนรักประเทศอื่นราวกับเป็นประเทศของตนเอง’

เราจะเลียนแบบพระเจ้า และดำเนินชีวิตในความรักได้อย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 112:1-10

พระพรมีแด่ผู้ชอบธรรม

1สรรเสริญพระยาห์เวห์
 คนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ก็เป็นสุข
เขายินดีอย่างยิ่งในพระบัญญัติของพระองค์
2พงศ์พันธุ์ของเขาจะมีอำนาจในแผ่นดิน
 พวกคนเที่ยงธรรมจะรับพระพร
3ทรัพย์สินและความมั่งคั่งอยู่ในบ้านของเขา
 และความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่เป็นนิตย์
4ความสว่างผุดขึ้นมาในความมืดให้คนเที่ยงธรรม
 เขาเป็นผู้มีพระคุณ มีความกรุณาและความชอบธรรม
5คนที่เมตตาคนอื่นและให้ยืม ก็อยู่เย็นเป็นสุข
 คือผู้ที่ดำเนินกิจการของเขาด้วยความยุติธรรม
6เพราะเขาจะไม่คลอนแคลนเลย
 คนชอบธรรมจะมีคนระลึกถึงอยู่เป็นนิตย์
7เขาจะไม่กลัวข่าวร้าย
 ใจของเขามั่นคง วางใจในพระยาห์เวห์
8ใจของเขามีที่พึ่งพิง เขาจะไม่กลัว
 จนกว่าจะเห็นคู่อริของเขาพ่ายแพ้
9เขาแจกจ่าย เขาได้ให้แก่คนยากจน
 ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่เป็นนิตย์
 เขาจะมีอำนาจและเกียรติ
10คนอธรรมเห็นเข้าก็โกรธ
 เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วละลายไป
 ความปรารถนาของคนอธรรมย่อมสูญไป

อรรถาธิบาย

เปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระวิญญาณบริสุทธิ์ในตัวคุณสร้างชีวิตที่เลียนแบบพระเจ้า ในสดุดีตอนนี้ เราเห็นชีวิตแบบที่พระเจ้าต้องการให้คุณนำ และรวมถึงผลทั้งหมดของพระวิญญาณที่เปาโลบรรยายไว้ในกาลาเทีย บทที่ 5 ข้อ 22–23 มันเป็นชีวิตของ:

  • ความรัก (‘ความกรุณา’, สดุดี 112:4)
  • ความสุข (‘เป็นสุข’, ข้อ 1)
  • ความสงบสุข (‘ไม่กลัวข่าวร้าย’, ข้อ 7)
  • ความอดทน (‘ใจของเขามั่นคง’, ข้อ 7)
  • ความเมตตา (‘เมตตาคนอื่นและให้ยืม’, ข้อ 5ข; ‘แจกจ่าย เขาได้ให้แก่คนยากจน’, ข้อ 9)
  • ความดี (‘คนชอบธรรมจะมีคนระลึกถึงอยู่เป็นนิตย์’ , ข้อ 6ข)
  • ความซื่อสัตย์ (‘ใจของเขามีที่พึ่งพิง’, ข้อ 8ก)
  • ความอ่อนโยน (‘มีพระคุณ’, ข้อ 4ข)
  • การควบคุมตนเอง (‘เขาจะไม่คลอนแคลนเลย’, ข้อ 6ก)

ทั้งหมดนี้เกิดจากการรู้จักพระเจ้า การใช้เวลาอ่านและไคร่ครวญพระวจนะของพระองค์ว่า ‘คนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ก็เป็นสุข เขายินดีอย่างยิ่งในพระบัญญัติของพระองค์’ (ข้อ 1)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ให้มีชีวิตที่เปี่ยมด้วยผลของพระวิญญาณของพระองค์
พันธสัญญาใหม่

เอเฟซัส 4:17-5:7

ชีวิตเก่าและชีวิตใหม่

17เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าขอกล่าวเช่นนี้และยืนยันในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า อย่าดำเนินชีวิตแบบเดียวกับที่พวกต่างชาติดำเนินกันอีกต่อไป คือมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งไร้สาระ 18ความคิดของเขาทั้งหลายถูกทำให้มืดมนไป และเขาขาดจากชีวิตที่มาจากพระเจ้าเนื่องจากความไม่รู้ที่อยู่ในตัว และความแข็งกระด้างในจิตใจ 19พวกเขาไม่มีความรู้สึกละอายและปล่อยตัวในการลามกเพื่อทำการโสโครกทุกแบบโดยปราศจากการเหนี่ยวรั้งตน 20แต่ท่านทั้งหลายไม่ได้เรียนรู้ถึงพระคริสต์แบบนั้น 21พวกท่านเคยฟังเรื่องของพระองค์แล้วอย่างแน่นอน และเคยได้รับการสอนเรื่องพระองค์ตามสัจธรรมที่อยู่ในพระเยซูแล้ว 22คือได้รับการสอนให้ทิ้งตัวเก่าของพวกท่าน ที่คู่กับการประพฤติแบบเดิม ซึ่งถูกตัณหาล่อลวงทำให้พินาศไป 23และให้วิญญาณและจิตใจของพวกท่านได้รับการเปลี่ยนใหม่ 24และรับการสอนให้สวมสภาพใหม่ ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

กฎเกณฑ์สำหรับวิถีชีวิตใหม่

25ดังนั้นจงละทิ้งความเท็จ “ให้พวกท่านแต่ละคนพูดความจริงกับเพื่อนบ้านของตน” เพราะเราต่างเป็นอวัยวะของกันและกัน 26“จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป” อย่าให้ถึงตะวันตกแล้วยังโกรธอยู่ 27อย่าให้โอกาสแก่มาร 28คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีกต่อไป แต่จงใช้มือ [ของตน] ตรากตรำทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรแจกจ่ายให้คนที่มีความจำเป็น 29อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากของท่านทั้งหลาย แต่จงกล่าวคำดีๆ ที่เสริมสร้างและที่เหมาะกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน 30และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย ด้วยพระวิญญาณนั้นท่านได้รับการประทับตราไว้สำหรับวันที่จะได้รับการไถ่ 31จงเอาความขมขื่น ความฉุนเฉียว ความโกรธ การทุ่มเถียง การพูดจาดูหมิ่น รวมทั้งการร้ายทุกอย่างออกไปจากพวกท่าน 32แต่จงมีใจกรุณา ใจสงสาร และใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านในพระคริสต์

เอเฟซัส 5

1เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบของพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก 2และจงดำเนินชีวิตในความรักเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงรักเรา และประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาที่ทรงโปรดปรานแด่พระเจ้า 3แต่การล่วงประเวณี การโสโครกทุกอย่างและการละโมบนั้น แม้แต่จะเอ่ยถึงในท่ามกลางพวกท่านก็อย่าเลย จะได้สมกับที่เป็นพวกธรรมิกชน 4และการพูดลามก การพูดเล่นไม่เป็นเรื่อง หรือการพูดหยาบโลน ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่จงขอบพระคุณดีกว่า 5ขอจงรู้ชัดถึงเรื่องนี้ว่า ทุกคนที่ล่วงประเวณีหรือที่ทำการโสโครกหรือที่ละโมบ (ซึ่งก็คือคนนับถือรูปเคารพ) จะไม่มีมรดกในแผ่นดินของพระคริสต์และพระเจ้า

ดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง

 6อย่าให้ใครล่อลวงท่านทั้งหลายด้วยคำพูดที่เหลวไหล เพราะสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้พระพิโรธของพระเจ้าจึงมาถึงพวกที่ไม่เชื่อฟัง 7เพราะฉะนั้นอย่ามีส่วนร่วมกับเขาทั้งหลาย

อรรถาธิบาย

เปลี่ยนแปลงเข้าสู่การเป็นเหมือนพระเยซู

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างสูงสุดของความรัก โดยพระองค์สละพระชนม์ชีพเพื่อเรา อัครทูตเปาโลเขียนว่า 'จงเลียนแบบของพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก และจงดำเนินชีวิตในความรักเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงรักเรา และประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาที่ทรงโปรดปรานแด่พระเจ้า’ (5:1-2) ดังที่นักบุญอะทาเนเชียสบันทึกไว้ว่า ‘พระเจ้าทรงมาเป็นเหมือนเรา เพื่อที่เราอาจจะกลายเป็นเหมือนพระเจ้า’

‘ชีวิตในความรัก’ นี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร?

อาจารย์เปาโลเขียนถึงชาวเอเฟซัสว่าพวกเขามา ‘เรียนรู้ถึงพระคริสต์’ ได้อย่างไร (4:20) และการรู้จักพระองค์พวกเขาได้รับการสอน ‘ให้วิญญาณและจิตใจของพวกท่านได้รับการเปลี่ยนใหม่ และรับการสอนให้สวมสภาพใหม่ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง’ ได้อย่างไร (ข้อ 23–24)

‘ความบริสุทธิ์' คืออะไร?

เปาโลยกตัวอย่างที่ปฏิบัติได้จริงของความบริสุทธิ์หกประการ เป็นกุญแจหกดอกสู่ความสัมพันธ์ที่ดีในคริสตจักรอันบริสุทธิ์ (4:25-5:7):

1. ความจริงแท้
‘สิ่งนี้ตามมาด้วย ไม่มีการโกหกอีกต่อไป ไม่มีการเสแสร้งอีกต่อไป บอกความจริงเพื่อนบ้านของท่าน ในพระกายของพระคริสต์ เราทุกคนเชื่อมต่อถึงกัน’ (4:25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์และซื่อตรง อันตรายของการพูดถึง ‘ความบริสุทธิ์’ คือมันนำไปสู่การรุนแรง แต่มีเส้นบางๆ ระหว่างความบริสุทธิ์กับ ‘การบริสุทธิ์กว่าท่าน’ ระหว่างการเคร่งครัดในความเชื่อกับการเป็นพิษทางความเชื่อ ความจริงทำให้เรายอมรับว่าเรายังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ เราสามารถเปราะบางต่อกันได้ สิ่งนี้นำไปสู่ความห่างไกลความหน้าซื่อใจคด

2. หัวใจที่แรงกล้า
‘โกรธได้ ท่านสามารถโกรธได้ แต่อย่าใช้ความโกรธเป็นเชื้อเพลิงในการแก้แค้น และอย่าโกรธนาน อย่านอนไปพร้อมกับความโกรธ อย่าให้มารมีที่ยืนแบบนั้นในชีวิตของท่าน’ (ข้อ 26–27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

แม้ว่าความโกรธจะไม่เป็นบาปโดยเนื้อแท้ แต่ก็มักจะนำไปสู่ความบาป ด้วยความโกรธมารบางครั้งพบจุดยืนในชีวิตของเราที่กลายเป็นสิ่งเสพติดได้ง่าย ความโกรธเป็นอารมณ์ที่เราต้องจัดการด้วยความระมัดระวัง

ในทางกลับกัน ความโกรธก็มีด้านบวก อาจเป็นอารมณ์ที่พระเจ้าประทานให้ พระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธ (5:6) แต่แน่นอนว่าพระองค์กระทำได้ภายใต้การควบคุม พระพิโรธของพระเยซูเป็นพระพิโรธที่ชอบธรรมต่อบาป วิลเบอร์ฟอร์ซเกลียดชังการค้าทาสอย่างแรงกล้า ซึ่งในที่สุดก็มีส่วนทำให้เกิดการยกเลิกการค้าทาส

3. ตรากตรำทำงานและมีใจที่กว้างขวาง
‘ท่านเคยหาทางเอาชนะด้วยการขโมยหรือ เอาละ ไม่ทำอีกแล้วนะ หางานที่ซื่อสัตย์เพื่อที่ท่านจะได้ช่วยเหลือผู้อื่นที่ไม่ทำงานสิ’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความบริสุทธิ์มักถูกเข้าใจผิดว่า เราจำเป็นต้องแยกตัวเราออกจากสิ่งที่เราถือว่าไม่บริสุทธิ์ บางทีคือเพื่อนร่วมงานที่ทำงานเป็นต้น จุดยืนของอาจารย์เปาโลนั้นแตกต่างออกไป เขาเห็นการทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่บริสุทธิ์ การทำงานโดยตัวมันเองนั้นดีในการได้มาซึ่งความพึงพอใจแต่ก็แลกมาด้วยการตรากตรำ อุปสรรค อาศัยความพยายามด้วยเช่นกัน แล้วทำไมผู้คนถึงออกไปทำงานกันแต่เช้า? หนึ่งในคำตอบก็คือ: เพื่อที่จะบริสุทธิ์

เปาโลพบว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องพูดว่าอย่าขโมยอีกต่อไป ซึ่งบอกเป็นนัยว่าสมาชิกบางคนของคริสตจักรยุคแรกเป็นอดีตผู้กระทำความผิด เห็นได้ชัดว่าคริสตจักรได้ต้อนรับและฟื้นฟูพวกเขา

แทนที่จะเป็นเพียงแต่ผู้รับ ตอนนี้พวกเขาควรเป็นผู้ให้แกคนรอบข้างด้วย วิธีที่ดีที่สุดคือการทำงาน การทำงานนั้นในตัวของมันเองคือ ‘ตรากตรำทำงานที่ดี’ รวมถึงการทำให้ผู้คนสามารถ ‘แจกจ่ายให้คนที่มีความจำเป็น’ (ข้อ 28) การงานเป็นส่วนหนึ่งของความบริสุทธิ์สำหรับทุกคน

4. หนุนจิตชูใจ
‘ดูวิธีที่ท่านพูด อย่าให้สิ่งเหม็นหรือสิ่งสกปรกออกจากปากของท่าน พูดแต่สิ่งที่ช่วยได้ แต่ละคำคือของขวัญ’(ข้อ 29, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำพูดมีความสำคัญ สิ่งที่คุณพูดมีความสำคัญอย่างยิ่ง มันสามารถเสริมสร้างผู้คนขึ้นหรือฉุดพวกเขาลงได้ จงใช้ปากของคุณในทางที่ดี เพื่อหนุนจิตชูใจและเสริมสร้างผู้อื่น

การหนุนใจไม่ใช่การเยินยอหรือการชื่นชมที่ว่างเปล่า มันเหมือนแสงตะวันที่ออกมาเป็นคำพูด ไม่มีราคาที่ต้องจ่าย และทำให้หัวใจของผู้อื่นอบอุ่น เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ฟัง ให้ความหวังและความมั่นใจ

5. พระคุณ
‘ตัดขาดจากการกรีด แทงข้างหลัง พูดจาดูหมิ่นเหยียดหยาม จงอ่อนโยนต่อกัน เข้าใจอารมณ์ ให้อภัยกันอย่างรวดเร็วและทั่วถึงเหมือนที่พระเจ้าในพระคริสต์ทรงให้อภัยท่านแล้ว’ (ข้อ 31–32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นิมิตของเปาโลเกี่ยวกับคริสตจักรอันบริสุทธิ์ คือชุมชนที่ขจัดความขมขื่น ความโกรธ และการใส่ร้ายป้ายสี และต้อนรับผู้ที่เคยกระทำความผิด ผู้ที่กำลังดิ้นรนกับปัญหาการใช้ชีวิต คนที่หย่าร้าง คนที่เคยทำผิดพลาด เป็นชุมชนของคนที่ต้องการการให้อภัยและเป็นสถานที่ที่การให้อภัยเกิดขึ้นอย่างอิสระ เพราะคนที่ได้รับการให้อภัยให้ย่อมอภัย

คริสตจักรไม่ควรเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงคนที่สมบูรณ์แบบ เดินไปรอบๆ มองหาแต่ความบริสุทธิ์ คริสตจักรถูกเรียกให้เป็นโรงพยาบาลที่ผู้บาดเจ็บ เจ็บปวด มีบาดแผล พบกับการแตกสลาย จะได้รับพระคุณและการรักษา

6. บริสุทธิ์
คริสตจักรยินดีต้อนรับทุกคน ด้วยความใจดี เห็นอกเห็นใจ และมีน้ำใจ ในเวลาเดียวกัน คุณถูกเรียกไปสู่ชีวิตที่บริสุทธิ์ ไร้ซึ่ง ‘การล่วงประเวณี การโสโครกทุกอย่างและการละโมบนั้น แม้แต่จะเอ่ยถึงในท่ามกลางพวกท่านก็อย่าเลย จะได้สมกับที่เป็นพวกธรรมิกชน’ (5:3)

แทนที่จะเอาความบาปของตัวเองเป็นศูนย์กลาง (ข้อ 3–4ก) แต่คุณถูกเรียกให้เอาการขอบพระคุณพระเจ้าเป็นศูนย์กลางมากว่า (ข้อ 4ข) นอกจากนี้ยังมีคำเตือนที่แข็งแกร่งจากเปาโล มีการให้อภัยสำหรับบาป แต่ผู้ที่ลงเอยด้วยการวางแนวต่อต้านทางของพระเจ้าจะไม่ได้รับแผ่นดินของพระองค์เป็นมรดก (ข้อ 5)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ให้มีชีวิตแห่งความรักและเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น
พันธสัญญาเดิม

ิอิสยาห์ 63:1-65:16

การแก้แค้นเอโดม

1นี่ใครหนอมาจากเอโดม
 สวมเสื้อผ้าสีแดงจากเมืองโบสราห์?
นี่ใครหนอสวมเครื่องแต่งกายของท่านอย่างโอ่อ่า
 และมาด้วยกำลังยิ่งใหญ่ของท่าน?
“คือเราเองที่ร้องประกาศความชอบธรรม
 และมีอานุภาพที่จะช่วยให้รอด”
2ทำไมฉลองพระองค์ของพระองค์จึงมีสีแดง
 และเครื่องทรงของพระองค์เหมือนของคนย่ำในบ่อย่ำองุ่น?
3“เราย่ำบ่อองุ่นตามลำพัง
 และไม่มีใครจากชนชาติทั้งหลายอยู่กับเราเลย
เราย่ำมันด้วยความโกรธของเรา
 เราเหยียบมันด้วยความพิโรธของเรา
โลหิตของเขาเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้าของเรา
 และเราทำให้เครื่องแต่งกายของเราเลอะไปหมด 4เพราะวันแห่งการแก้แค้นอยู่ในใจเรา
 และปีแห่งการไถ่ของเรามาถึง
5เรามองดู แต่ไม่มีใครช่วยเหลือ
 เราประหลาดใจ แต่ไม่มีผู้เกื้อหนุน
แขนของเราเองจึงนำการช่วยกู้มาให้เรา
 และความโกรธของเรานั้นเกื้อหนุนเรา
6เราเหยียบชนชาติทั้งหลายลงด้วยความโกรธของเรา
 เราทำให้เขาเมาด้วยความพิโรธของเรา
และเราเทโลหิตของพวกเขาบนแผ่นดินโลก”
 การจดจำพระเมตตาของพระเจ้า
7ข้าพเจ้าจะกล่าวให้คิดถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์
 และกิจการอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์
ตามทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ประทานแก่พวกเรา
 และตามความดีใหญ่ยิ่งที่มีต่อวงศ์วานของอิสราเอล
ซึ่งพระองค์ประทานตามพระกรุณาของพระองค์
 และตามความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์
8เพราะพระองค์ตรัสว่า “แท้จริงคนเหล่านี้เป็นชนชาติของเรา
 เป็นบุตรที่ไม่ประพฤติคดโกงต่อเรา”  พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา
9พระองค์ทุกข์พระทัยในความทุกข์ทั้งหมดของเขา
 แล้วทูตสวรรค์ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอด
แต่พระองค์เองทรงช่วยเขาทั้งหลายให้รอด
 พระองค์ทรงไถ่เขาด้วยความรักและความสงสารของพระองค์
 พระองค์ทรงยกพวกเขาขึ้นและหอบเขาไปตลอดกาลก่อน
10แต่เขาทั้งหลายได้กบฏ
 และทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียพระทัย
ดังนั้นพระองค์จึงทรงหันไปเป็นศัตรูของพวกเขา
 และพระองค์ทรงต่อสู้กับเขาทั้งหลาย
11แล้วประชากรระลึกถึงสมัยโบราณ
 ระลึกถึงโมเสส และประชากร
พระองค์อยู่ที่ไหน? คือผู้ทรงนำพวกเขาขึ้นมาจากทะเล
 พร้อมกับผู้เลี้ยงฝูงแพะแกะของพระองค์
พระองค์อยู่ที่ไหน? คือผู้ทรงบรรจุวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
 ในท่ามกลางเขาทั้งหลาย
12ผู้ทรงให้พระกรรุ่งโรจน์ของพระองค์
 ไปกับมือขวาของโมเสส
ผู้ทรงแยกน้ำออกต่อหน้าพวกเขา
 เพื่อสร้างชื่อเสียงนิรันดร์ให้พระองค์เอง
13ผู้ทรงนำพวกเขาผ่านที่ลึก
 เหมือนม้าในถิ่นทุรกันดาร
 เขาทั้งหลายไม่ได้สะดุด
14เหมือนสัตว์เลี้ยงลงไปยังหุบเขาฉันใด  พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ทรงทำให้เขาหยุดพักฉันนั้น
เช่นนั้นแหละพระองค์ทรงนำชนชาติของพระองค์
 เพื่อจะสร้างชื่อเสียงรุ่งโรจน์แด่พระองค์เอง

คำอธิษฐานที่แสดงการกลับใจ

15ขอทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์และทรงเพ่งดู
 จากที่ประทับบริสุทธิ์และรุ่งโรจน์ของพระองค์
ความกระตือรือร้นและอานุภาพของพระองค์อยู่ที่ไหน?
 พระทัยสงสารของพระองค์และพระกรุณาของพระองค์
 ถูกยึดไว้จากข้าพระองค์ 16เพราะว่าพระองค์เป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์
 แม้อับราฮัมไม่รู้จักพวกข้าพระองค์
และอิสราเอลจดจำพวกข้าพระองค์ไม่ได้
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์  พระนามของพระองค์คือพระผู้ไถ่ของข้าพระองค์แต่โบราณ
17ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์ทรงให้พวกข้าพระองค์หลงไปจากพระมรรคาของพระองค์?
 และทรงให้ใจพวกข้าพระองค์แข็งกระด้างจนไม่ยำเกรงพระองค์
ขอพระองค์ทรงกลับมาเพื่อเห็นแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
 คือ เผ่าทั้งหลายอันเป็นมรดกของพระองค์
18ชนชาติบริสุทธิ์ของพระองค์ครอบครองชั่วขณะหนึ่ง
 แต่ศัตรูพวกข้าพระองค์เหยียบย่ำสถานนมัสการของพระองค์
19เป็นเวลานานที่พวกข้าพระองค์เป็นเหมือนผู้ที่พระองค์ไม่เคยปกครอง
 เหมือนผู้ซึ่งเขาไม่ได้เรียกโดยพระนามของพระองค์

อิสยาห์ 64

1โอ ขอให้พระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์แล้วลงมา
 เพื่อภูเขาจะสั่นสะเทือนเฉพาะพระพักตร์พระองค์
2เหมือนเมื่อไฟติดกองไม้
 และเมื่อไฟทำให้น้ำเดือด
เพื่อให้ศัตรูของพระองค์รู้จักพระนามพระองค์
 เพื่อบรรดาประชาชาติจะตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์พระองค์
3เมื่อพระองค์ทรงทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง
 พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็สั่นสะเทือนเฉพาะพระพักตร์พระองค์
4ตั้งแต่โบราณมา ไม่มีใครเคยได้ยิน
 หรือได้รับทราบด้วยหู
หรือได้เห็นพระเจ้าสักองค์ด้วยตานอกเหนือพระองค์
 ผู้ทรงทำการเพื่อผู้รอคอยพระองค์
5พระองค์ทรงพบกับเขาผู้ทำความชอบธรรมอย่างชื่นบาน
 คือพวกที่ระลึกถึงพระองค์ในทางของพระองค์
แต่พระองค์กริ้วเนื่องด้วยพวกข้าพระองค์ทำบาป
 พวกข้าพระองค์อยู่ในบาปเป็นเวลานาน แล้วพวกข้าพระองค์จะรอดหรือ?
6ข้าพระองค์ทุกคนกลายเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นมลทิน
 และความชอบธรรมทั้งหมดของพวกข้าพระองค์เหมือนเสื้อผ้าสกปรก
ข้าพระองค์ทุกคนเหี่ยวลงเหมือนใบไม้
 และความผิดบาปของพวกข้าพระองค์พัดพาพวกข้าพระองค์ไปเหมือนลม
7ไม่มีใครร้องทูลต่อพระนามของพระองค์
 หรือเร้าตัวเองให้ยึดพระองค์ไว้
เพราะพระองค์ซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากพวกข้าพระองค์
 และทรงทำให้พวกข้าพระองค์ละลายไปด้วยอำนาจของความผิดบาปของพวกข้าพระองค์
8ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้พระองค์ยังเป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์
 ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น
 ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลงานของพระหัตถ์พระองค์
9ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่ากริ้วอย่างรุนแรงเลย
 และอย่าทรงจดจำความผิดบาปไว้เป็นนิตย์
 บัดนี้ ขอทรงพิจารณาเถิด ข้าพระองค์ทุกคนเป็นชนชาติของพระองค์
10เมืองบริสุทธิ์ทั้งหลายของพระองค์กลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
 ศิโยนก็กลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
 เยรูซาเล็มกลายเป็นที่ร้าง
11นิเวศบริสุทธิ์และงดงามของพวกข้าพระองค์
 ที่ซึ่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ กลายเป็นที่ถูกไฟเผาเสียแล้ว
 และสิ่งมีค่าทั้งหมดของพวกข้าพระองค์กลายเป็นสิ่งที่ถูกทำลาย
12ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพระองค์ยังจะทรงยับยั้งพระองค์ไว้หรือ?
 พระองค์จะทรงเงียบอยู่ และข่มใจพวกข้าพระองค์อย่างมากมายหรือ?

อิสยาห์ 65

การพิพากษาชอบธรรมของพระเจ้า

1เราพร้อมให้ผู้ไม่ได้ขอนั้นแสวงหาได้
 และให้ผู้ไม่ได้เสาะหานั้นพบได้
เราพูดว่า “เราอยู่นี่ เราอยู่นี่”
 กับชนชาติที่ไม่ได้ถูกขนานนามตามชื่อของเรา
2เรายื่นมือของเราออกไปทั้งวัน
 ให้กับชนชาติมักกบฏ
ผู้ดำเนินในทางไม่ดี
 และติดตามอุบายของพวกเขาเอง
3ชนชาติที่ยั่วเย้าเรา
 อย่างซึ่งๆ หน้าอยู่เสมอ
ทำการถวายบูชาตามสวน
 และเผาเครื่องหอมบนกองอิฐ
4พวกนั่งอยู่ในอุโมงค์ฝังศพ
 และค้างคืนในที่ลึกลับ
พวกกินเนื้อหมู
 และมีแกงซึ่งมีเนื้อที่เป็นมลทินในภาชนะของเขา
5พวกที่กล่าวว่า “ออกไปห่างๆ
 อย่าเข้ามาใกล้ เพราะข้าบริสุทธิ์กว่าเจ้า”
สิ่งเหล่านี้เป็นควันอยู่ในจมูกของเรา
 เป็นไฟซึ่งไหม้อยู่ทั้งวัน
6ดูสิ มีการบันทึกไว้ต่อหน้าเรา
 เราจะไม่นิ่งเงียบ แต่เราจะตอบสนอง
 เออ เราจะตอบสนองไว้ในอกของพวกเขา
7ทั้งความชั่วของพวกเขา และความชั่วของบรรพบุรุษเขารวมกัน   พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
 เพราะพวกเขาเผาเครื่องหอมบนภูเขา
และกล่าวหยาบช้าต่อเราบนเนิน
 เราจะตวงการทำชั่วครั้งก่อนๆ ของพวกเขา
 เข้าไปในอกของเขาทั้งหลาย
8พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “เหมือนเหล้าองุ่นซึ่งหาได้จากพวงองุ่น
และคนเขาพูดกันว่า ‘อย่าทำลายมันเสีย
 เพราะมีพรอยู่ในนั้น’ อย่างไร
เราก็จะทำด้วยเห็นแก่ผู้รับใช้ของเรา
 เพื่อจะไม่ทำลายพวกเขาจนหมดสิ้นอย่างนั้น 9เราจะนำเชื้อสายออกมาจากยาโคบ
 และนำผู้รับมรดกในบรรดาภูเขาของเราออกมาจากยูดาห์
ผู้เลือกสรรของเราจะได้รับมันเป็นมรดก
 และบรรดาผู้รับใช้ของเราจะอาศัยอยู่ที่นั่น
10ชาโรนจะเป็นลานหญ้าสำหรับฝูงแพะแกะ
 และหุบเขาอาโคร์เป็นที่ให้ฝูงโคนอนพัก
 เพื่อชนชาติของเราที่แสวงหาเรา
11แต่เจ้าทั้งหลายผู้ละทิ้งพระยาห์เวห์
 ผู้ลืมภูเขาบริสุทธิ์ของเรา
ผู้จัดงานเลี้ยงให้แก่ พระชะตา
 และเติมเหล้าองุ่นประสมเต็มถ้วยแก่ พระลิขิต
12เราจะลิขิตเจ้าทั้งหลายให้แก่ดาบ
 และเจ้าทุกคนจะต้องหมอบลงต่อผู้สังหาร
เพราะว่าเมื่อเราเรียกนั้น พวกเจ้าไม่ตอบ
 เมื่อเราพูด พวกเจ้าไม่ฟัง
แต่พวกเจ้าทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของเรา
 และเลือกสิ่งที่เราไม่ปีติยินดี”
13เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
v“นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเราจะได้รับประทาน
แต่เจ้าทั้งหลายจะหิว
 นี่แน่ะ บรรดาผู้รับใช้ของเราจะได้ดื่ม
แต่พวกเจ้าจะกระหาย
 นี่แน่ะ พวกผู้รับใช้ของเราจะเปรมปรีดิ์
 แต่เจ้าทั้งหลายจะอับอาย
14นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเราจะร้องเพลงจากใจยินดี
 แต่เจ้าทั้งหลายจะร้องจากใจเจ็บปวด
 และครวญครางจากวิญญาณจิตระทม
15พวกเจ้าจะละชื่อของเจ้าไว้แก่ผู้เลือกสรรของเราเพื่อใช้แช่งสาป
 และพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายจะทรงทำให้เจ้าตาย
 แต่จะทรงเรียกชื่อผู้รับใช้พระองค์ด้วยชื่ออื่น
16ดังนั้น ใครขอพรให้ตัวเองในแผ่นดิน
 เขาจะขอในพระนามพระเจ้าแห่งสัจจะ
และใครสาบานในแผ่นดิน
 จะสาบานในพระนามพระเจ้าแห่งสัจจะ เพราะความลำบากเมื่อครั้งก่อนก็ถูกลืมกันไปแล้ว
 และถูกซ่อนเสียจากนัยน์ตาของเรา

อรรถาธิบาย

จงเป็นเหมือนพระบิดาผู้ทรงเมตตา

ความรักที่พระเจ้ามีต่ออิสราเอลเหมือนกับความรักของคนเป็นพ่อ ‘พระองค์คือพระบิดาของเรา’ (63:16; 64:8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘พระองค์ทรงเป็นพระบิดาผู้ทรงพระชนม์อยู่ของเรา พระผู้ไถ่ของเรา ผู้มีชื่อเสียงจากนิรันดร’ (63:17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เช่นเดียวกับที่พระเจ้ารักชนชาติอิสราเอลในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม พระเจ้าทรงรักคุณเฉกเช่นบิดารักลูก ๆ ของพระองค์ อิสยาห์กล่าวถึงพระกรุณาของพระเจ้าว่า ‘… ทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ประทานแก่พวกเรา และตามความดีใหญ่ยิ่งที่มีต่อวงศ์วานของอิสราเอล ซึ่งพระองค์ประทานตามพระกรุณาของพระองค์ และตามความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์ เพราะพระองค์ตรัสว่า “แท้จริงคนเหล่านี้เป็นชนชาติของเรา เป็นบุตรที่ไม่ประพฤติคดโกงต่อเรา”’ (ข้อ 7–8)

พระเจ้ารักเราทั้งที่มีความจริงที่ว่า ‘เราทุกคนติดเชื้อความบาป ปนเปื้อนบาป ความพยายามอย่างดีที่สุดของเราคือผ้าขี้ริ้วเปื้อนไขมัน’ (64:6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าก็เหมือนกับพ่อที่เป็นมนุษย์ทุกคน ทรงทนทุกข์เมื่อลูกทนทุกข์หรือหลงทาง ‘ในความทุกข์ยากทั้งหมด พระองค์ก็ทรงทุกข์ด้วย’ (63:9ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘พระองค์ทรงไถ่เขาด้วยความรักและความสงสารของพระองค์ พระองค์ทรงยกพวกเขาขึ้นและหอบเขาไปตลอดกาลก่อน’ (ข้อ 9ข)

พระเจ้ามีแผนงานสำหรับคุณที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และใจมนุษย์คิดไม่ถึง (อิสยาห์ 64:4; 1 โครินธ์ 2:9)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงรักข้าพระองค์มากกว่าบิดาที่เป็นมนุษย์ ขอบพระคุณที่พระองค์รักข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงสามารถรักคนรอบข้างได้

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เอเฟซัส 4:26

‘ อย่าให้ถึงตะวันตกแล้วยังโกรธอยู่’

อีกนัยหนึ่ง จงอย่าเข้านอนไปพร้อมความขุ่นเคืองใจ

ข้อพระคำประจำวัน

เอเฟซัส 4: 31–32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล

‘จงอ่อนโยนต่อกัน เข้าใจอารมณ์ ให้อภัยกันอย่างรวดเร็วและทั่วถึงเหมือนที่พระเจ้าในพระคริสต์ทรงให้อภัยคุณแล้ว’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม