วัน 267

ความล้ำลึก

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 111:1-10
พันธสัญญาใหม่ เอเฟซัส 3:1-21
พันธสัญญาเดิม อิสยาห์ 57:14-59:21

เกริ่นนำ

นักเขียนนิยายที่เก่งฉกาจสามารถเขียนออกมาให้ตอนจบมีเงื่อนงำที่ลึกลับ แต่เมื่อคุณมองย้อนกลับ ไล่เรียงจากตอนจบกลับไปที่เริ่มต้น เบาะแสของเรื่องลึกลับนั่นก็มีอยู่ตลอดทั้งเรื่องที่คุณอ่านมา

พระวจนะในวันนี้จากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ อัครสาวกเปาโลบอกเราว่าพระเจ้าได้เปิดเผยความลึกลับของพระคริสต์ เขาเขียนไว้ว่า ‘เปิดเผยให้ข้าพเจ้ารู้ความล้ำลึกนั้น... ซึ่งในสมัยก่อนพระองค์ไม่โปรดให้มนุษย์รู้เหมือนอย่างในเวลานี้ที่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาอัครทูตบริสุทธิ์ และบรรดาผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์โดยพระวิญญาณ’ (เอเฟซัส 3:3–5)

การอ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเปรียบเสมือนการเข้าไปในห้องมืดที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนต่าง ๆ เราสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อยู่ภายในห้องด้วยการแตะต้องโซฟา เก้าอี้ และรูปภาพ แต่เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ราวกับว่าไฟถูกเปิดขึ้นและเราเห็นทั้งห้องอย่างชัดเจน พระเยซูทรงวางพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมไว้ในมุมมองใหม่ ในการถอดความของนักบุญออกัสติน ‘ในพันธสัญญาเดิม พันธสัญญาใหม่ถูกปกปิดไว้ ในพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิมถูกเปิดเผย’

พระเยซู คือ จุดสำคัญของแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าสำหรับโลก ดังนั้น เปาโลจึงเขียนว่า ‘งานของข้าพเจ้าคือนำความไปยังที่เปิดเผยและชี้แจงให้ชัดเจนว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างสิ่งทั้งหมดนี้ตั้งแต่แรกได้ทรงกระทำอะไรในที่ลับและเบื้องหลังมาโดยตลอด’ (ข้อ 8–9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำที่เปาโลใช้คือ photisai หมายถึง ‘เปิดไฟให้คนมองเห็น’

ความลับที่พระเจ้าเปิดเผยในพระเยซูคือการคืนดี ไม่เพียงทำกับพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการคืนดีกันกับคนอื่น ๆ ด้วย อาจารย์เปาโลบอกเราว่า ‘นั่นก็คือคนต่างชาติได้เป็นผู้ร่วมรับมรดก เป็นอวัยวะของกายเดียวกัน และเป็นผู้มีส่วนร่วมในพระสัญญาในพระเยซูคริสต์โดยทางข่าวประเสริฐ’ (ข้อ 6) ทั้งชาวยิวและคนต่างชาติสามารถเข้าหาพระเจ้าได้อย่างเท่าเทียมกัน

หากเราอยู่ในพระคริสต์ เราทุกคนจะคืนดีกับพระเจ้าและต่อกัน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติหรือภูมิหลังทางสังคมและวัฒนธรรม การคืนดีนี้นำไปใช้กับความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคริสตจักร ทั้งคาทอลิก ออร์โธดอกซ์ โปรเตสแตนต์ เพนเทคอสต์ และกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งเมื่อย้อนดูในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เราเห็นเรื่องการคืนดีเป็นเพียงคำใบ้เท่านั้น เรื่องการคืนดีถูกปกปิดในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม บัดนี้ ความล้ำลึกนั้นได้รับการเปิดเผยออกแล้วในพระคริสต์

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 111:1-10

สรรเสริญพระเจ้า เพราะพระราชกิจอันอัศจรรย์ของพระองค์

1สรรเสริญพระยาห์เวห์
 ข้าพเจ้าจะยกย่องพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจ
 ในกลุ่มคนเที่ยงธรรม ในชุมนุมชน
2บรรดาพระราชกิจของพระยาห์เวห์นั้นใหญ่ยิ่ง
 เป็นที่ค้นคว้าของทุกคนที่พอใจสิ่งเหล่านั้น
3พระราชกิจของพระองค์สูงส่งและยิ่งใหญ่
 และความชอบธรรมของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์
4พระองค์ทรงให้การอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์เป็นที่ระลึกถึง
 พระยาห์เวห์ทรงมีพระคุณและทรงพระกรุณา
5พระองค์ประทานอาหารแก่ผู้ที่ยำเกรงพระองค์
 พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์เป็นนิตย์
6พระองค์ได้ทรงสำแดงฤทธานุภาพแห่งพระราชกิจของพระองค์แก่ประชากรของพระองค์
 โดยประทานมรดกของบรรดาประชาชาติแก่พวกเขา
7ผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์นั้นคือความซื่อสัตย์และความยุติธรรม
 ข้อบังคับทั้งสิ้นของพระองค์ก็ไว้ใจได้ 8ข้อบังคับเหล่านั้นได้ทรงสถาปนาไว้เป็นนิตย์นิรันดร์
 อีกทั้งได้ทรงกระทำตามโดยความซื่อสัตย์และความเที่ยงธรรม
9พระองค์ทรงส่งการไถ่มายังประชากรของพระองค์  พระองค์ทรงบัญชาพันธสัญญาของพระองค์เป็นนิตย์
 พระนามของพระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์และน่าคร้ามกลัว
10ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา
 บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี
 การสรรเสริญพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์

อรรถาธิบาย

สติปัญญาของพระเจ้าได้รับการเปิดเผย

ความรู้เป็นสิ่งที่ดี: ‘งานของพระเจ้ายิ่งใหญ่มาก ควรค่าแก่การศึกษาตลอดชีวิต’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ขณะที่ปัญญาย่อมดีกว่า ปัญญาคือการใช้ความรู้ที่ถูกต้อง

ผู้เขียนสดุดีบันทึกไว้ว่า ‘ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา’ (ข้อ 10ก) ปัญญาที่แท้จริงเริ่มต้นด้วยการยำเกรง นับถือ ให้เกียรติ และนมัสการพระเจ้า ‘พระองค์ทรงคิดถึงเรามากและบริสุทธิ์ สมควรแก่การเคารพของเรา’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เช่นเดียวกับผู้เขียนพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมคนอื่นๆ ผู้เขียนสดุดีทันมองเห็นปัญญานี้ เขาเห็นความยิ่งใหญ่ของทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำ (ข้อ 2) เขาเห็นว่าพระเจ้ามีพระคุณและทรงเห็นอกเห็นใจ (ข้อ 4ข) เขาตระหนักว่าพระเจ้าทรงรักและต้องการไถ่คนของพระองค์ (ข้อ 9) แต่ทัศนคติของเขาต่อ ‘บรรดาประชาชาติ’ (ข้อ 6) ยังไม่เหยียดไปถึงเพราะขาดการเปิดเผยโดยพระคริสต์และพระกิตติคุณ (‘ไม่มีบรรพบุรุษของเราเข้าใจเรื่องนี้’, เอเฟซัส 3:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ในพระคริสต์ บรรดาประชาชาติเหล่านี้รวมอยู่ในความรักของพระเจ้าและพวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรของพระองค์ นี่คือวิธีที่พระปัญญาอันหลากหลายของพระเจ้าได้รับการเปิดเผยดังที่เราเห็นในข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ในปัจจุบัน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยเราในคริสตจักรให้เปิดเผยพระปรีชาญาณอันซับซ้อนของพระเจ้า เมื่อผู้คนถูกทำให้คืนดีกับพระองค์ และผู้อื่น
พันธสัญญาใหม่

เอเฟซัส 3:1-21

ภารกิจของเปาโลต่อพวกต่างชาติ

 1เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นนักโทษเนื่องจากการประกาศพระเยซูคริสต์เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นคนต่างชาติ 2พวกท่านได้ยินมาแล้วอย่างแน่นอนถึงภารกิจแห่งพระคุณของพระเจ้าที่ทรงมอบแก่ข้าพเจ้าเพื่อท่าน 3คือพระองค์ทรงเปิดเผยให้ข้าพเจ้ารู้ความล้ำลึกนั้น ตามที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ย่อๆ แล้ว 4และเมื่อท่านอ่านถ้อยคำเหล่านั้นแล้ว พวกท่านก็สามารถรับรู้ถึงความเข้าใจของข้าพเจ้าในเรื่องความล้ำลึกของพระคริสต์ 5ซึ่งในสมัยก่อนพระองค์ไม่โปรดให้มนุษย์รู้เหมือนอย่างในเวลานี้ที่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาอัครทูตบริสุทธิ์ และบรรดาผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์โดยพระวิญญาณ 6นั่นก็คือคนต่างชาติได้เป็นผู้ร่วมรับมรดก เป็นอวัยวะของกายเดียวกัน และเป็นผู้มีส่วนร่วมในพระสัญญาในพระเยซูคริสต์โดยทางข่าวประเสริฐ
 7ข้าพเจ้ามาเป็นผู้ปรนนิบัติของข่าวประเสริฐนี้ตามของประทานแห่งพระคุณที่พระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าโดยกิจการที่ทรงฤทธานุภาพของพระองค์ 8แม้ข้าพเจ้าจะเป็นคนเล็กน้อยยิ่งกว่าคนเล็กน้อยที่สุดในพวกธรรมิกชนทั้งหมด ก็ประทานพระคุณนี้แก่ข้าพเจ้าเพื่อประกาศแก่คนต่างชาติถึงความบริบูรณ์ของพระคริสต์ที่สุดจะหยั่งถึงได้ 9และทรงให้ทุกคนเห็นว่าอะไรคือแผนงานของความล้ำลึกที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทรงปิดบังไว้ตลอดหลายยุคที่ผ่านมา 10เพื่อว่าพวกภูตผีที่ครอบครองและพวกภูตผีที่มีอำนาจในสวรรคสถาน จะได้รู้จักพระปัญญาอันมากล้นหลายด้านของพระเจ้าโดยทางคริสตจักรในเวลานี้ 11ทั้งนี้เป็นไปตามพระประสงค์นิรันดร์ที่พระองค์ทรงทำแล้วในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 12ในพระองค์นั้นเราจึงมีความกล้าและความมั่นใจที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าโดยทางความเชื่อในพระคริสต์ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ในพระองค์ 13ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอร้องท่านทั้งหลายว่า อย่าท้อถอยเพราะความยากลำบากของข้าพเจ้าเพราะเห็นแก่ท่าน สิ่งเหล่านี้เป็นศักดิ์ศรีของพวกท่าน

ให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์

14พราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าต่อพระบิดา 15(คำว่า บิดา ของทุกตระกูลในสวรรค์ก็ดี บนแผ่นดินโลกก็ดี มาจากคำว่าพระบิดานี้) 16ข้าพเจ้าทูลขอให้ประทานความเข้มแข็งภายในจิตใจด้วยฤทธานุภาพที่มาทางพระวิญญาณของพระองค์แก่พวกท่าน ตามพระสิริอันอุดมของพระองค์ 17ให้พระคริสต์ประทับในใจของท่านโดยทางความเชื่อ ให้ท่านได้หยั่งรากและตั้งมั่นอยู่ในความรัก 18ข้าพเจ้าทูลขอให้ท่านสามารถเข้าใจร่วมกับธรรมิกชนทั้งหมดถึงความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึก 19คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อพวกท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
 20ขอให้พระเกียรติมีแด่พระองค์ผู้ทรงสามารถทำทุกสิ่งได้มากยิ่งกว่าที่เราทูลขอหรือคิด โดยฤทธานุภาพที่ทำกิจอยู่ภายในเรา 21ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ในคริสตจักรและในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุคนเป็นนิตย์ อาเมน

อรรถาธิบาย

ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าถูกเปิดเผย

คุณต้องการที่จะคนที่พระเจ้าใช้ได้หรือไม่? คุณต้องการสร้างความแตกต่างให้ชนทั้งชาติในโลกนี้ทั้งในครอบครัวและกับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัยหรือในที่ทำงานหรือเปล่า? พระวจนะตอนนี้ไม่เพียงแต่เปิดเผยความลึกลับของพระคริสต์เท่านั้น แต่ยังแสดงให้คุณเห็นว่าชีวิตของคุณสามารถสร้างผลกระทบได้อย่างไร

เปาโลสรุปว่า 'พระเจ้าสามารถทำได้ทุกอย่าง ท่านรู้นี่ มากกว่าที่ท่านจะจินตนาการหรือคาดเดาหรือร้องขอในฝันของท่านซะอีก’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เป็นไปได้อย่างไร? คำตอบของเปาโลคือเป็นไปได้ว่า ‘โดยฤทธานุภาพที่ทำกิจอยู่ภายในเรา’ (ข้อ 20) และฤทธานุภาพนี้มาจากไหนกัน

1. อำนาจแห่งพระกิตติคุณ
อำนาจไม่ได้มาจากตำแหน่ง ความมั่งคั่ง ยศ หรือสถานการณ์ในชีวิตของคุณ อาจารย์เปาโลเองก็เป็นนักโทษ (ข้อ 1) อำนาจในที่นี้ไม่ได้มาจากความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ อาจารย์เปาโลเขียนว่า ‘แม้ข้าพเจ้าจะเป็นคนเล็กน้อยยิ่งกว่าคนเล็กน้อยที่สุดในพวกธรรมิกชนทั้งหมด’ (ข้อ 8) อำนาจไม่ได้มาจากการครอบครองผู้คนมากมาย อาจารย์เปาโลเขียนว่า ‘ข้าพเจ้ามาเป็นผู้ปรนนิบัติ’ (ข้อ 7) คืออำนาจนั้นมาจากพระกิตติคุณที่เปาโลบรรยายไว้ในข้อนี้ พระกิตติคุณคือ ‘ฤทธานุภาพของพระเจ้า’ เพื่อความรอดของทุกคนที่เชื่อ (โรม 1:16)

2. อำนาจแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เราเป็นทายาทร่วม เป็นบุตราและบุตรีของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา เราเป็นพี่น้องกัน เป็นผู้รับมรดกร่วมกันในพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ เราเป็นสมาชิกร่วมกันในพระกายเดียวกันของพระคริสต์ (เอเฟซัส 3:6) เราเป็นหนึ่งเดียวกันในพระเยซูคริสต์ เราเป็นผู้ร่วมแบ่งปันพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สัญญาไว้

ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้มีฤทธิ์อำนาจพิเศษ เพราะเรา‘จะได้รู้จักพระปัญญาอันมากล้นหลายด้านของพระเจ้าโดยทางคริสตจักรในเวลานี้ ทั้งนี้เป็นไปตามพระประสงค์นิรันดร์ที่พระองค์ทรงทำแล้วในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา’ (ข้อ 10–11)

การใช้อย่าง ‘มากล้น’ ในที่นี้หมายถึงพระปัญญาอันมากหลายของพระเจ้า ที่มีทั้งหลายเชื้อชาติและหลายวัฒนธรรม พระเจ้าได้นำทุกคนมารวมกันในคริสตจักรของพระองค์ ดังนั้น ไม่ใช่แค่ความแตกแยก (ของคริสตจักรและนิกายต่างๆ) ที่เป็นอันตรายต่อการเผยแพร่ของข่าวประเสริฐเท่านั้น แต่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็มีพลังเป็นอย่างมาก

การต่อสู้เป็นการต่อกลอนกับพวก ‘พวกภูตผีที่ครอบครองและพวกภูตผีที่มีอำนาจในสวรรคสถาน’ (ข้อ 10) อำนาจของภูตผีเหล่านี้ดำเนินการผ่านโครงสร้างและสถาบันทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของสังคมมนุษย์ และไปทั่วทั้งสรรพสิ่ง ทุกครั้งที่มีคนคืนดีกับพระเจ้าและพี่น้องของพวกเขาในพระคริสต์ ปีศาจจะกรีดร้องและทูตสวรรค์ก็เปรมปรีดิ์ ปัญญาอันมากล้นของพระเจ้าได้รับการเปิดเผย

3. ฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
เปาโลอธิษฐานว่า ‘ขอให้ประทานความเข้มแข็งภายในจิตใจด้วยฤทธานุภาพที่มาทางพระวิญญาณของพระองค์แก่พวกท่าน ตามพระสิริอันอุดมของพระองค์ ให้พระคริสต์ประทับในใจของท่านโดยทางความเชื่อ’ (ข้อ 16–17) และเพื่อ ‘ให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อพวกท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม’ (ข้อ 19)

4. อำนาจแห่งความรักของพระเจ้า
คุณเข้าใจถึงความรักอันเต็มเปี่ยมที่พระเจ้ามีต่อคุณหรือไม่? เปาโลอธิษฐานว่า ‘ด้วยเท้าทั้งสองที่ปักมั่นในความรัก คุณจะสามารถนำเอามิติความรักของพระคริสต์อันมากล้นไปร่วมกับสาวกทุกคนของพระเยซูได้ สัมผัสประสบการณ์กว้างไกล ทดสอบความยาว ดิ่งลึก ขึ้นไปให้สูง มีชีวิตที่สมบูรณ์ เต็มในความบริบูรณ์ของพระเจ้า’ (ข้อ 17–19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์ขอให้ข้าพระองค์ได้รับการเติมเต็มตามขนาดของพระเจ้า
พันธสัญญาเดิม

อิสยาห์ 57:14-59:21

ทรงสัญญาที่จะช่วยเหลือและรักษาโรค

14และจะมีการกล่าวว่า
 “จงพูนดินขึ้น จงพูนดินขึ้น และจงตระเตรียมทาง
 จงรื้อถอนอุปสรรคจากทางของชนชาติเรา”
15องค์ผู้สูงเด่นและสูงส่ง
 ผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ทรงพระนามว่าบริสุทธิ์ ตรัสดังนี้ว่า
“เราดำรงอยู่ในที่สูงและบริสุทธิ์
 และอยู่กับผู้สำนึกผิดและมีวิญญาณจิตที่ถ่อม
เพื่อฟื้นฟูวิญญาณจิตของผู้ที่ถ่อม
 และฟื้นฟูใจของผู้สำนึกผิด
16เพราะเราจะไม่ต่อสู้อยู่เป็นนิตย์
 หรือโกรธอยู่ตลอดไป
เพราะวิญญาณจิตจะสลบไสลต่อหน้าเรา
 คือชีวิตทั้งหลายที่เราสร้างมานั้น
17เราโกรธเนื่องด้วยบาปเรื่องความโลภของเขา
 เราตีเขา เราซ่อนหน้าด้วยความโกรธ
 แต่เขายังเดินกลับไปยังวิถีของใจเขาเอง
18เราได้เห็นวิถีของเขาแล้ว แต่เราจะรักษาเขาให้หาย
 เราจะนำเขาและฟื้นการชูใจให้แก่เขา
 และให้แก่ผู้ไว้ทุกข์ของเขา 19ทั้งสร้างผลของริมฝีปาก
 สันติภาพ สันติภาพแก่คนไกลและแก่คนใกล้
และเราจะรักษาเขาให้หาย”
 พระยาห์เวห์ตรัส
20“แต่คนอธรรมนั้นเหมือนทะเลที่กำเริบ
 ซึ่งนิ่งสงบอยู่ไม่ได้
 และน้ำของมันก็กวนตมและเลนขึ้นมา
21ไม่มีสันติสุขแก่คนอธรรม” พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัส

อิสยาห์ 58

การนมัสการที่ผิดและที่ถูกต้อง

1จงร้องดังๆ อย่าออมเสียงไว้
 จงเปล่งเสียงของเจ้าเหมือนเป่าเขาสัตว์
จงแจ้งให้ชนชาติของเรารู้ตัวในเรื่องการทรยศของเขา
 ให้เชื้อสายของยาโคบรู้ตัวในเรื่องบาปของเขา
2กระนั้นเขายังแสวงหาเราทุกวัน
 และยินดีจะรู้จักทางของเรา
ราวกับว่าเขาเป็นประชาชาติที่ทำความชอบธรรม
 และไม่ได้ละทิ้งกฎหมายของพระเจ้าของเขา
เขาขอกฎหมายชอบธรรมจากเรา  พวกเขายินดีจะเข้าใกล้พระเจ้า
3“ทำไมพวกข้าพระองค์อดอาหาร แต่พระองค์ไม่ทอดพระเนตร?
 ทำไมพวกข้าพระองค์ถ่อมตัวลง แต่พระองค์ไม่สนพระทัย? ”
นี่แน่ะ ในวันที่เจ้าอดอาหารนั้น เจ้าทำตามใจเจ้า
 และบีบบังคับคนงานทั้งหมดของเจ้า
4นี่แน่ะ เจ้าอดอาหารเพียงเพื่อวิวาทและต่อสู้
 และเพื่อต่อยด้วยหมัดอธรรม
การอดอาหารอย่างเจ้าในวันนี้
 จะไม่ทำให้เสียงของเจ้าได้ยินไปถึงที่สูง
5นี่คือการอดอาหารที่เราเลือกหรือ?
 คือวันที่คนถ่อมตัวเองลงหรือ?
คือการก้มศีรษะของเขาลงเหมือนต้นอ้อเล็ก
 แล้วปูผ้ากระสอบและขี้เถ้าเป็นที่รองนั่งหรือ?
เจ้าจะเรียกการอย่างนี้ว่าอดอาหารหรือ?
 และเป็นวันที่พระยาห์เวห์โปรดปรานหรือ?
6เราเลือกการอดอาหารอย่างนี้ไม่ใช่หรือ?
 คือการแก้พันธนะอธรรม
การแก้สายรัดของแอก
 การปลดปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ
 และการหักแอกทั้งหมดเสีย
7คือการแบ่งอาหารของเจ้ากับคนหิว
 การนำคนยากจนไร้บ้านเข้ามาในบ้านไม่ใช่หรือ? และเมื่อเห็นคนเปลือยกายก็คลุมกายเขาไว้
 ทั้งไม่ซ่อนตัวเจ้าจากญาติของเจ้าไม่ใช่หรือ?
8แล้วความสว่างจะพุ่งออกมาแก่เจ้าเหมือนรุ่งอรุณ
 และการรักษาแผลของเจ้าจะมีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความชอบธรรมของเจ้าจะเดินนำหน้าเจ้า
 และพระสิริของพระยาห์เวห์จะระวังหลังเจ้า
9แล้วเมื่อเจ้าทูล พระยาห์เวห์จะทรงตอบ
 เมื่อเจ้าร้องทูล พระองค์จะตรัสว่า เราอยู่นี่
ถ้าเจ้าจะเอาแอกออกไปจากท่ามกลางเจ้า
 รวมทั้งการชี้หน้า และคำพูดอธรรม
10และถ้าเจ้าทุ่มเทชีวิตของเจ้าแก่ผู้หิวโหย
 และทำให้ผู้ถูกข่มใจได้อิ่มเอิบ
แล้วความสว่างจะโผล่ขึ้นแก่เจ้าในความมืด
 และความมืดคลุ้มของเจ้าจะเป็นเหมือนเที่ยงวัน
11และพระยาห์เวห์จะทรงนำเจ้าอย่างต่อเนื่อง
 และทำให้ตัวเจ้าอิ่มเอิบในที่แห้งแล้ง
และทำให้กระดูกของเจ้าแข็งแรง
 และเจ้าจะเป็นเหมือนสวนมีน้ำชุ่ม
 เหมือนน้ำพุที่น้ำของมันจะไม่ขาด
12สิ่งปรักหักพังโบราณของเจ้าจะรับการสร้างขึ้นใหม่
 เจ้าจะซ่อมเสริมรากฐานของคนหลายชั่วอายุขึ้นใหม่
เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำแพงที่พัง
 ผู้ซ่อมแซมถนนให้เหมือนเดิมเพื่ออยู่อาศัย
13ถ้าเจ้าหันเท้าจากการเหยียบย่ำวันสะบาโต
 คือจากการทำตามใจของเจ้าในวันบริสุทธิ์ของเรา
และเรียกสะบาโตว่าวันปีติยินดี
 และเรียกวันบริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์ว่าวันมีเกียรติ
 ถ้าเจ้าให้เกียรติวันนั้น ไม่ไปตามทางของเจ้าเอง
 ไม่ทำตามความพอใจของเจ้า หรือพูดแต่เรื่องไร้สาระ
14แล้วเจ้าจะปีติยินดีในพระยาห์เวห์
 และเราจะให้เจ้าขึ้นขี่อยู่บนที่สูงของแผ่นดินโลก
และเราจะเลี้ยงเจ้าด้วยมรดกของยาโคบบิดาของเจ้า
 เพราะโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ได้ตรัสแล้ว

อิสยาห์ 59

การลงโทษความอยุติธรรมและการกดขี่

1นี่แน่ะ พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ไม่ได้สั้นเกินจะช่วยให้รอด
 หรือพระกรรณตึงจนไม่ทรงได้ยิน
2แต่บาปชั่วของพวกท่านได้ทำให้เกิดการแยก
 ระหว่างพวกท่านกับพระเจ้าของท่าน
และบาปของพวกท่านได้บดบังพระพักตร์พระองค์เสียจากท่าน
 และจากการที่พระองค์จะทรงฟัง
3เพราะมือของพวกท่านมลทินด้วยโลหิต
 และนิ้วมือของท่านด้วยบาปชั่ว ริมฝีปากของพวกท่านพูดคำเท็จ
 ลิ้นของท่านพึมพำความอธรรม
4ไม่มีใครฟ้องร้องอย่างยุติธรรม
 ไม่มีใครสู้ความอย่างซื่อสัตย์
เขาวางใจสิ่งไร้สาระ เขาพูดเท็จ
 เขาตั้งท้องความชั่วและคลอดความบาป
5พวกเขาฟักไข่งูทับทาง
 เขาทอใยแมงมุม
คนที่กินไข่ของพวกเขาก็ตาย
 ไข่ใบไหนถูกทุบแตก งูกะปะก็ออกมา
6ใยของพวกเขาใช้เป็นเสื้อผ้าไม่ได้
 เขาก็ไม่อาจเอาผลงานของเขาไปคลุมตัว
ผลงานของพวกเขาเป็นผลงานชั่วร้าย
 และการกระทำรุนแรงก็อยู่ในมือของเขา
7เท้าของพวกเขาวิ่งไปหาความชั่ว
 และเขารีบไปหลั่งเลือดของผู้ไร้ความผิด
ความคิดของพวกเขาเป็นความคิดชั่วร้าย
 การล้างผลาญและการทำลายอยู่ในหนทางของเขา
8พวกเขาไม่รู้จักทางสันติภาพ
 ไม่มีความยุติธรรมในวิถีของเขา พวกเขาทำให้หนทางของเขาคดเคี้ยว
 ทุกคนที่เดินในทางนั้นจะไม่รู้จักสันติภาพ
9เพราะฉะนั้น ความยุติธรรมจึงอยู่ห่างไกลจากพวกเรา
 และความชอบธรรมตามเราไม่ทัน
พวกเราคาดหวังความสว่าง แต่ดูสิ มีความมืด
 คาดหวังความสุกใส แต่เราเดินในความมืดคลุ้ม 10เราคลำหากำแพงเหมือนคนตาบอด
 เราคลำหาเหมือนคนไม่มีตา
เวลาเที่ยงวันพวกเราสะดุดเหมือนเวลาโพล้เพล้
 ท่ามกลางคนมีกำลัง เราก็เหมือนคนตาย
11พวกเราทุกคนครางเหมือนหมี
 เราครวญครางเหมือนนกพิราบ
เราคาดหวังความยุติธรรม แต่ไม่มีเลย
 คาดหวังความรอด แต่มันก็อยู่ห่างไกลจากเรา
12เพราะการทรยศของพวกข้าพระองค์ทวีขึ้นต่อพระองค์
 และบาปของพวกข้าพระองค์ก็ปรักปรำพวกข้าพระองค์
เพราะการทรยศของพวกข้าพระองค์อยู่กับพวกข้าพระองค์
 และพวกข้าพระองค์ตระหนักถึงบาปชั่วของพวกข้าพระองค์
13คือการทรยศและการปฏิเสธพระยาห์เวห์
 การหันไปจากการติดตามพระเจ้าของพวกข้าพระองค์
การพูดจาแบบกดขี่และการกบฏ
 การกล่าวคำเท็จที่ก่อกำเนิดจากใจ
14ความยุติธรรมก็หันกลับ
 และความชอบธรรมก็ยืนอยู่ไกล
เพราะความจริงล้มลงที่ลานเมือง
 และความเที่ยงตรงเข้าไปไม่ได้
15ความจริงขาดหายไป
 และผู้พรากจากความชั่วก็ทำให้ตัวเองถูกปล้น
พระยาห์เวห์ทรงเห็นก็ไม่ชื่นชอบในสายพระเนตร
 ที่ไม่มีความยุติธรรม
16พระองค์ทรงเห็นว่าไม่มีผู้ใดเลย
 และประหลาดพระทัยว่าไม่มีใครอ้อนวอนเผื่อ
แล้วพระกรของพระองค์เองก็นำชัยชนะ มาให้พระองค์
 และความชอบธรรมของพระองค์เชิดชูพระองค์ไว้
17พระองค์ทรงสวมความชอบธรรมเป็นทับทรวง
 และสวมพระมาลาแห่งความรอดอยู่เหนือพระเศียรของพระองค์
พระองค์สวมฉลองพระองค์แห่งการแก้แค้นเป็นอาภรณ์
 และทรงเอาความกระตือรือร้นห่อหุ้มพระองค์
18พระองค์จะทรงตอบสนองตามการกระทำของเขา
 คือพระพิโรธต่อปรปักษ์ของพระองค์ และการแก้แค้นต่อศัตรูของพระองค์
 พระองค์จะทรงทำการตอบสนองต่อแผ่นดินชายทะเล
19แล้วพวกเขาจะยำเกรงพระนามพระยาห์เวห์จากตะวันตก
 และยำเกรงพระสิริของพระองค์จากที่ตะวันขึ้น
เพราะพระองค์จะเสด็จมาเหมือนแม่น้ำเชี่ยว
 ซึ่งลมแรงของพระยาห์เวห์ขับส่ง
20“และองค์พระผู้ไถ่จะเสด็จมายังศิโยน
 มายังพวกที่อยู่ในยาโคบซึ่งหันจากการทรยศ” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ

21พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ส่วนเรา นี่เป็นพันธสัญญาของเรากับเขาทั้งหลาย คือวิญญาณของเราซึ่งอยู่เหนือเจ้า และคำของเราซึ่งเราใส่ไว้ในปากของเจ้า จะไม่พรากไปจากปากของเจ้า หรือจากปากของลูกหลานเจ้า หรือจากปากลูกหลานของลูกหลานเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ไปจนกาลนิรันดร์” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ

อรรถาธิบาย

ความรักของพระเจ้าได้รับการเปิดเผย

ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม (และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระธรรมอิสยาห์) คุณจะเห็นคำใบ้ถึงความรักอันกว้างขวางของพระเจ้า และวิธีการที่ความรักของพระองค์แผ่ขยายออกไปเหนือผู้คนในอิสราเอล และไปยังทุกคนบนโลก ในพระวจนะสำหรับวันนี้เราจะได้เห็นความรักนี้

พระเจ้าตรัสว่า ‘สันติสุข สันติสุข แด่เขาผู้ที่อยู่ห่างไกล [ทั้งชาวยิวและคนต่างชาติ] และแก่ผู้ที่อยู่ใกล้’ (57:19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล; ดูร่วมกับเอเฟซัส 2:17) ดูเหมือนว่าอาจารย์เปาโลจะตีความข้อความเหล่านี้ของอิสยาห์ว่าเป็นดั่งการคาดหวังให้คนต่างชาติเข้ามาอยู่ในความรักของพระเจ้า (เอเฟซัส 2:17)

จากนั้นอิสยาห์แสดงให้เห็นว่าประชากรของพระเจ้าควรสะท้อนความรักอันน่าอัศจรรย์นี้อย่างไรในวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อคนยากจนและคนชายขอบที่อยู่รอบตัวพวกเขา ศาสนกิจเพียงอย่างเดียวไม่มีประโยชน์ พระเจ้ากำลังมองหาความรักที่จะ ‘ทำลายโซ่ตรวนของความอยุติธรรม กำจัดการแสวงหาประโยชน์ในที่ทำงาน ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ การปลดหนี้’ (อิสยาห์ 58:6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อิสยาห์กำลังมองหาความรักที่จะนำคุณไปสู่การ ‘แบ่งปันอาหารของคุณกับคนหิวโหย เชิญคนยากจนไร้บ้านเข้ามาในบ้านของคุณ สวมเสื้อผ้าบนตัวผู้ที่สั่นสะท้านด้วยเสื้อผ้าปะชุน พร้อมจะมอบเวลาหรือของมีค่าแก่ครอบครัวของคุณเอง’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่คือความรักที่จะทำให้คุณ ‘ทุ่มเทชีวิตของเจ้าแก่ผู้หิวโหยและทำให้ผู้ถูกข่มใจได้อิ่มเอิบ’ (ข้อ 10) ความรักที่แท้จริงต่อเพื่อนบ้านของเราต้องรวมถึงความติดตรึงในความยุติธรรมทางสังคม ‘การแก้พันธนะอธรรม’ (ข้อ 6 ก) และการกระทำผ่านไปสู่สังคม ความรักหมายถึงการทำบางสิ่งเพื่อความยากจน การเร่ร่อน และความหิวโหย พระคำช่วงนี้ท้าทายเราในวันนี้เกี่ยวกับวิธีที่เราตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 ความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ และวิกฤตผู้ลี้ภัยทั่วโลก

อิสยาห์ให้คำมั่นว่า 'ถ้าคุณละทิ้งการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เลิกโทษเหยื่อ เลิกนินทาเรื่องบาปของคนอื่น ถ้าคุณเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับคนหิวโหย และเริ่มเสียสละ ชีวิตของคุณจะเริ่มรุ่งโรจน์ ความมืด ชีวิตในเงาของคุณจะถูกอาบแสงแดด’ (ข้อ 9–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แสงสว่างจะเกิดขึ้น ความลับจะถูกเปิดเผย

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พวกเราเป็นคริสตจักรที่เปิดเผยพระปรีชาญาณอันซับซ้อนของพระเจ้าโดยความสามัคคีและความรักของเรา ให้สติปัญญาแก่เราว่าเราจะตอบสนองต่อความยากจนอย่างไร เทพระวิญญาณของพระองค์มาที่พวกเรา ขอให้ความลึกลับของพระคริสต์เปิดเผยในเรา

เพิ่มเติมโดยพิพพา

อิสยาห์ 58:12ข

‘เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำแพงที่พัง’

นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะถูกเรียกว่าเป็น

ข้อพระคำประจำวัน

เอเฟซัส 3:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล

‘พระเจ้าสามารถทำได้ทุกอย่าง... มากกว่าที่ท่านจะจินตนาการหรือคาดเดาหรือร้องขอในฝันของท่านซะอีก’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม