วัน 254

พระคุณของพระเจ้ามีเพียงพอสำหรับคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 106:40-48
พันธสัญญาใหม่ 2 โครินธ์ 12:1-10
พันธสัญญาเดิม อิสยาห์ 27:1-28:29

เกริ่นนำ

ครั้งแรกที่ผมพบกับ นิค วูจิซิค คือเมื่อเขามาบรรยายที่ค่ายโฟกัส ในช่วงวันหยุดที่คริสตจักรของเรา นิคเป็นคนที่โดดเด่น ผมคิดว่าพวกเราทุกคนที่ได้พบกับนิคได้รับแรงบันดาลใจ และรู้สึกถูกท้าทายจากชีวิตของเขา

นิคเกิดมาไม่มีแขนหรือขา แต่เขาสามารถบอกได้ว่า ‘ผมได้รับการอวยพระพรจริง ๆ ผมมีความสุขเหลือล้น’ หลายครั้งในวัยเด็กเขามักจะอธิษฐานเผื่อแขนและขาของตัวเอง แม้กระทั่งจะได้มาอย่างละข้าง เขาก็ยอม

พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของเขาในแบบที่เขาหวัง แต่นิคเขียนไว้ว่า ‘พระเจ้าใช้ผมให้เข้าถึงผู้คนในโรงเรียน โบสถ์ เรือนจำ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โรงพยาบาล สนามกีฬา และห้องประชุมนับครั้วไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น ผมได้กอดผู้คนหลายพันคนแบบหน้าต่อหน้าที่อนุญาติให้ผมบอกกับพวกเขาว่าพวกเขามีคุณค่ามากเพียงใด...พระเจ้ายอมรับร่างกายที่ไม่ปกติของผม และลงทุนในตัวผม ให้มีความสามารถที่จะยกระดับจิตใจ และหนุนใจจิตวิญญาณของผู้คนได้’

ประชากรของพระเจ้าขึ้นอยู่กับพระคุณของพระเจ้า แม่ชีเทเรซาเขียนไว้ว่า ‘ฉันไม่คิดว่าจะมีใครที่ต้องการความช่วยเหลือและพระคุณของพระเจ้ามากเท่ากับฉัน บางครั้งฉันรู้สึกหมดหนทางและอ่อนแอ ฉันคิดว่านั่นคือเหตุผลที่พระเจ้าใช้ฉัน เพราะฉันไม่สามารถพึ่งพากำลังของตนเองได้ ฉันจึงพึ่งพาพระองค์ยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน ถ้าวันหนึ่งมีเวลามากกว่านั้น ฉันก็คงต้องการความช่วยเหลือ และพระคุณในช่วงเวลาที่มากขึ้นนั้นด้วย’

เปาโลแสดงการพึ่งพาแบบนี้ขณะท่านเขียนเกี่ยวกับ ‘หนามในเนื้อของท่าน’ ท่านวิงวอนพระเจ้าสามครั้งให้นำมันออกไป แต่พระเจ้าตรัสกับท่านว่า ‘การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น’ (2 โครินธ์ 12:9) พระคุณของพระเจ้าไม่เพียงน่าอัศจรรย์ใจเท่านั้น แต่มัน ‘เพียงพอ’ ซึ่งนั่นก็พอเพียงแล้ว

นี่เป็นหนึ่งในถ้อยคำพระวจนะที่ผมชื่นชอบจากในพระคัมภีร์ทั้งเล่ม ผมมักจะอ้างอิงถึงข้อนี้กับพระเจ้า และทบทวนกับพระองค์ถึงพระสัญญาของพระองค์ว่า อำนาจของพระองค์สมบูรณ์อยู่ในความอ่อนแอของผม

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 106:40-48

40แล้วความกริ้วของพระยาห์เวห์ก็พลุ่งขึ้นต่อประชากรของพระองค์
 และพระองค์ทรงรังเกียจมรดกของพระองค์
41พระองค์ทรงมอบท่านไว้ในมือบรรดาประชาชาติ
 บรรดาผู้ที่เกลียดท่านจึงปกครองเหนือท่าน
42บรรดาศัตรูของท่านได้บีบบังคับท่าน
 และท่านตกไปอยู่ใต้อำนาจของพวกเขา
43พระองค์ทรงช่วยกู้ท่านหลายครั้ง
 แต่ท่านมักจงใจกบฏ
 และถูกเหยียดลงด้วยความชั่วของท่าน
44ถึงอย่างไร พระองค์ก็ยังทอดพระเนตรความทุกข์ลำบากของท่าน
 เมื่อทรงสดับเสียงร้องทูลของท่าน
45เพื่อเห็นแก่ท่าน พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์
 และกลับทรงพระกรุณาตามความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์
46พระองค์ทรงให้ท่านได้รับความกรุณา
 จากบรรดาผู้ที่จับท่านไปเป็นเชลย
47ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรง
  ช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด
 และขอทรงรวบรวมข้าพระองค์ทั้งหลายจากประชาชาติต่างๆ
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะยกย่องพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์
 และเพื่อชื่นชมในการสรรเสริญพระองค์
48สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล
 ตั้งแต่นิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
 และขอประชาชนทั้งสิ้นกล่าวว่า “อาเมน”

สรรเสริญพระยาห์เวห์

อรรถาธิบาย

พระคุณของพระองค์มาจากความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

แต่’ เป็นคำสำคัญในพระวจนะตอนนี้

ผู้คน ‘มักจงใจกบฏ’ และ ‘เหยียดลงด้วยความชั่ว’ (ข้อ 43) ‘แต่’ ผู้เขียนสดุดีกล่าว ‘พระองค์ก็ยังทอดพระเนตรความทุกข์ลำบากของท่าน เมื่อทรงสดับเสียงร้องทูล... ตามความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์’ (ข้อ 44-45)

ที่มาของความพอเพียงของพระคุณของพระเจ้า คือ ‘ความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์’ (ข้อ 45) เพราะพระเจ้ารักประชากรของพระองค์มาก ‘พระองค์ทรงช่วยกู้ท่านหลายครั้ง’ (ข้อ 43) พระองค์ทรง ‘สดับเสียงร้องทูลของท่าน’ (ข้อ 44)

หลายปีก่อน ผมเขียนตรงขอบด้านข้างของพระธรรมสดุดีตอนนี้เพื่อสรุปพระพรทั้งหมดที่พระธรรมสดุดีกล่าวถึง เมื่อผม ‘ไม่เชื่อ บ่น ไม่เชื่อฟัง บูชารูปเคารพของโลก ทำบาป ทำผิด ทำชั่ว... แล้วพระเจ้าทำอย่างไร?’ พระองค์แสดงความโปรดปรานแก่ผม พระองค์เข้ามาช่วยผม พระองค์ประทานความชื่นชมยินดีแก่ผม พระองค์ใจดี พระองค์ช่วยกู้ผม พระองค์ทรงนำผม พระองค์ทรงไถ่ผม พระองค์ทรงตอบคำอธิษฐาน พระองค์นำผมไปยังจุดหมาย พระองค์บันทึกความทุกข์ยากของผมไว้ และรับฟังเสียงร้องทูลของผม พระองค์ทรงสำแดงความรักอันยิ่งใหญ่ให้แก่ผม’

ไม่น่าแปลกที่ผู้เขียนสดุดีเขียนท่อนจบด้วยการกล่าวว่า ‘สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ตั้งแต่นิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล และขอประชาชนทั้งสิ้นกล่าวว่า “อาเมน!” สรรเสริญพระยาห์เวห์’ (ข้อ 48)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์สรรเสริญและขอบพระคุณสำหรับความยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมีต่อข้าพระองค์ ขอบพระคุณที่นำข้าพระองค์ไปครั้งแล้วครั้งเล่า ขอบพระคุณที่ได้ยินเสียงร้องทูลของข้าพระองค์ ขอบพระคุณในพระคุณอันความเพียงพอของพระองค์
พันธสัญญาใหม่

2 โครินธ์ 12:1-10

นิมิตและการสำแดง

 1ข้าพเจ้าจำเป็นต้องอวด แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่ข้าพเจ้าจะพูดต่อไปถึงนิมิตและการสำแดงที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า 2ข้าพเจ้ารู้จักชายคนหนึ่งที่อยู่ในพระคริสต์ เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วเขาถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สาม (จะไปทั้งร่างกายหรือไปโดยไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้) 3ข้าพเจ้ารู้ว่าชายคนนี้ (จะไปทั้งร่างกายหรือไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้) 4ถูกรับขึ้นไปยังเมืองบรมสุขเกษม และได้ยินถ้อยคำที่บอกไม่ได้ซึ่งไม่อนุญาตให้มนุษย์กล่าวถึง 5สำหรับชายคนนั้นข้าพเจ้าอวดได้ แต่สำหรับตัวข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าจะไม่อวดเลย นอกจากจะอวดเรื่องความอ่อนแอของข้าพเจ้า 6เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าอยากจะอวดข้าพเจ้าก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เพราะว่าข้าพเจ้าจะพูดความจริง แต่ข้าพเจ้างดไว้ เพื่อจะไม่มีใครประเมินข้าพเจ้าสูงกว่าสิ่งที่เขาได้เห็นในตัวข้าพเจ้าหรือฟังจากข้าพเจ้า 7และเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวเกินไป เนื่องจากการสำแดงอันยิ่งใหญ่ ก็ทรงให้มีหนามในเนื้อของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นทูตของซาตานที่คอยโบยตีข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะไม่ยกตัวเกินไป 8เรื่องหนามนั้น ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า 9แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า 10เพราะเหตุนี้ เพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงพอใจในบรรดาความอ่อนแอ ในการถูกเยาะเย้ยต่างๆ ในความลำบาก ในการถูกข่มเหง ในเหตุวิบัติต่างๆ เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะเข้มแข็งมากเมื่อนั้น

อรรถาธิบาย

พระคุณของพระเจ้าคือสิ่งที่คุณต้องการ

เราคิดว่าเราจะสร้างความประทับใจด้วยจุดแข็งของเรา แต่เราเชื่อมต่อกับผู้คนผ่านจุดอ่อนของเรา พวกเราส่วนใหญ่ต้องการให้คนอื่นเห็นจุดแข็งของเรา และกังวลว่าจะมีคนพบจุดอ่อนของเรา เราไม่ป่าวประกาศข้อจำกัดของเรา อย่างไรก็ตาม เปาโลไม่กลัวที่จะอ่อนแอเรื่องความเปราะบางของท่าน

เปาโลเคยมีประสบการณ์ทางฝ่ายวิญญาณที่น่าอัศจรรย์บางอย่าง ท่านมี ‘นิมิตและการสำแดงที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 1) ท่านถูก ‘รับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สาม’ (ข้อ 2) ท่าน ‘ได้ยินถ้อยคำที่บอกไม่ได้ซึ่งไม่อนุญาตให้มนุษย์กล่าวถึง’ (ข้อ 4) ท่านได้รับ ‘การสำแดงอันยิ่งใหญ่’ (ข้อ 7)

แต่กระนั้นท่านก็ไม่ได้โอ้อวดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ขณะที่พวกผู้สอนเท็จในเมืองโครินธ์อวดเกี่ยวกับประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณของตน แต่เปาโลไม่พูด ตรงกันข้าม ท่านเล่าเรื่องที่ต่อต้านตัวเอง ท่านโอ้อวดเกี่ยวกับความอ่อนแอของท่าน (ข้อ 5, 9)

ท่านบอกชาวโครินธ์ถึงวิธีที่พระเจ้าประทาน ‘หนามในเนื้อของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นทูตของซาตานที่คอยโบยตีข้าพเจ้า’ (ข้อ 7ข) ท่านทำให้คำสารภาพออกมาในแง่ทั่ว ๆ ไป ดร. พอลล่า กู๊ดเดอร์ ผู้เขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเกี่ยวกับพระวจนะตอนนี้ กล่าวว่า มีทฤษฎีอย่างน้อยสามสิบหกทฤษฎีเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะเป็นหนามในเนื้อของเปาโล การที่เราไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร ทำให้เราทุกคนเชื่อมโยงกับเปาโลได้

ผมจำเพื่อนที่ดีของเรา ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ เจ. จอห์น ได้กล่าวเอาไว้ว่าตนเองไม่ได้มีหนามเพียงอันเดียว แต่มีหนามสามอันในเนื้อ ผมคิดว่าตอนนั้นเขาไม่ได้บอกว่าหนามพวกนั้นคืออะไร แต่มันเป็นการกระตุ้นให้พวกเราที่เหลือรู้ว่าเขามีปัญหาเช่นเดียวกับพวกเราทุกคน

ไม่ว่าหนามของเปาโลจะเป็นเช่นไร ท่านก็วิงวอนพระเจ้าถึงสามครั้งให้นำมันออกไป แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น’ (ข้อ 9) หากไม่ใช่เพราะหนามในเนื้อของเขา อาจารย์เปาโลอาจรู้สึกหยิ่งผยองเพราะ ‘การสำแดงอันยิ่งใหญ่' (ข้อ 7)

ด้วยสิ่งที่ท่านเผชิญอยู่ เปาโลรู้ว่า ท่านต้องพึ่งพาพระเจ้าอย่างยิ่ง เมื่อทุกสิ่งเป็นไปได้ด้วยดี ผมก็ถูกทดลองให้ภาคภูมิใจและพึ่งพาตนเอง เมื่อผมกำลังดิ้นรนและรู้จุดอ่อนของตนเองกลายเป็นว่าผมพึ่งพาพระเจ้าอย่างเต็มที่ ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าอยู่กับเรา (ข้อ 9) ฤทธิ์อำนาจของพระองค์สมบูรณ์ในความอ่อนแอของเรา

เปาโลได้เขียนบางสิ่งที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง ท่านกล่าวว่า ‘นี่เป็นเรื่องของความแข็งแกร่งของพระคริสต์ที่เคลื่อนเข้ามาบนความอ่อนแอของข้าพเจ้า ตอนนี้ข้าพเจ้าใช้ข้อจำกัดในการโลดไปและไปด้วยความร่าเริงยินดี ข้อจำกัดเหล่านั้นที่ลดขนาดตัวตนของข้าพเจ้าลง ไม่ว่าจะเป็นการละเมิด อุบัติเหตุ การต่อต้าน การหยุดพักที่ไม่ดี ข้าพเจ้าแค่ต้องปล่อยให้พระคริสต์เข้ามาควบคุม ยิ่งข้าพเจ้าอ่อนแอลง ก็ยิ่งกลายเป็นว่าข้าพเจ้ายิ่งแข็งแกร่งขึ้น’ (ข้อ 7-10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ เหมือนกับที่ช่วยอาจารย์เปาโล ให้ข้าพระองค์พอใจในความอ่อนแอของข้าพระองค์ เพราะฤทธิ์อำนาจของพระองค์สมบูรณ์ในความอ่อนแอ ขอบพระคุณที่พระคุณของพระองค์เพียงพอสำหรับข้าพระองค์
พันธสัญญาเดิม

อิสยาห์ 27:1-28:29

การช่วยกู้อิสราเอล

 1ในวันนั้น พระยาห์เวห์จะทรงลงโทษเลวีอาธานที่หนีอยู่นั้นด้วยดาบแข็งแกร่ง ใหญ่โต และทรงพลังของพระองค์ เลวีอาธานคือพญานาคที่ขดตัว และพระองค์จะทรงสังหารมังกรที่อยู่ในทะเล

2ในวันนั้น
 สวนองุ่นแสนสุข จงร้องเพลงถึงสวนนั้น
3เราคือยาห์เวห์ เป็นผู้ดูแลสวนนั้น
 เรารดน้ำทุกเวลา
เกรงว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะทำอันตรายสวนนั้น
 เราจึงดูแลสวนนั้นทั้งกลางคืนกลางวัน
4เราไม่มีความโกรธอีกแล้ว
 เราอยากให้มีหนามใหญ่หนามย่อยมาสู้รบกับเรา
เราจะได้ก้าวออกไปหามัน
 เราจะเผามันเสียด้วยกัน
5มิฉะนั้นให้มันยอมอยู่ใต้การปกป้องของเรา
 ให้มันสร้างสันติภาพกับเรา
 ให้มันสร้างสันติภาพกับเรา
6ในอนาคต ยาโคบจะหยั่งราก
 อิสราเอลจะแตกหน่อและเบ่งบาน
 แล้วทำให้พื้นพิภพเต็มด้วยผล
7พระองค์จะทรงฟาดอิสราเอลเหมือนอย่างฟาดผู้ฟาดเธอหรือ?
 อิสราเอลจะถูกฆ่าเหมือนอย่างผู้ฆ่าเธอนั้นถูกฆ่าหรือ?
8พระองค์จะทรงต่อสู้กับอิสราเอลด้วยการขับไล่ ด้วยการกวาดไปเป็นเชลย
 พระองค์ทรงกวาดอิสราเอลไปด้วยลมน่ากลัวของพระองค์ในวันที่มีลมตะวันออก
9เพราะฉะนั้น บาปของยาโคบจะได้รับการลบล้างด้วยการนี้
 และนี่จะเป็นผลลัพธ์เต็มขนาดในการขจัดบาปของเขา
คือเมื่อเขาทำให้ศิลาทั้งหมดของแท่นบูชา
 เป็นเหมือนหินปูนถูกทุบเป็นชิ้นๆ
 ไม่มีเสาอาเช-ราห์หรือแท่นเครื่องหอมตั้งอยู่อีก
10เพราะเมืองมีป้อมจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว
 ที่อาศัยจะถูกทิ้งร้างและถูกละทิ้งเหมือนถิ่นทุรกันดาร
ลูกวัวหากินอยู่ที่นั่น
 มันนอนอยู่ที่นั่นและแทะกิ่งไม้
11เมื่อกิ่งของมันแห้ง ก็ถูกหัก
 พวกผู้หญิงมาถึงและเอามันไปก่อไฟ
เพราะนี่เป็นชนชาติไร้ความเข้าใจ
 เพราะฉะนั้น ผู้ทรงสร้างเขาจะไม่สงสารเขา
 ผู้ทรงปั้นเขาจะไม่สำแดงพระกรุณาต่อเขา

 12ในวันนั้น พระยาห์เวห์จะทรงนวดข้าวตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติส ไปจนถึงลำธารอียิปต์ ประชาชนอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะถูกรวบรวมเข้ามาทีละคน 13และในวันนั้นเขาจะเป่าเขาสัตว์ใหญ่ แล้วพวกที่กำลังพินาศที่อยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย และพวกถูกขับไล่ออกไปยังแผ่นดินอียิปต์จะมานมัสการพระยาห์เวห์ บนภูเขาบริสุทธิ์ที่กรุงเยรูซาเล็ม

อิสยาห์ 28

การพิพากษาผู้ปกครองประเทศ ปุโรหิต และผู้เผยพระวจนะที่เสื่อมทราม

1วิบัติแก่มงกุฎยโสของพวกขี้เมาแห่งเอฟราอิม
 และแก่ดอกไม้งดงามและสง่าของเขาที่กำลังร่วงโรย
 ที่อยู่บนยอดเขาในที่ลุ่มอุดม ซึ่งล้มคว่ำด้วยเหล้าองุ่น
2นี่แน่ะ องค์เจ้านายทรงมีผู้หนึ่งซึ่งมีกำลังและแข็งแรง
 เหมือนพายุลูกเห็บ เหมือนลมพายุแห่งการทำลาย
เหมือนพายุฝนเชี่ยวกรากที่ไหลบ่า
 ซึ่งจะเหวี่ยงให้ลงกับดินด้วยมือของเขา
3มงกุฎยโสของพวกขี้เมาแห่งเอฟราอิม
 จะถูกเหยียบไว้ใต้เท้า
4และดอกไม้งดงามและสง่าของเขาที่กำลังร่วงโรย
 ที่อยู่บนยอดเขาในที่ลุ่มอุดม
จะเป็นเหมือนมะเดื่อแรกสุกก่อนฤดูร้อน
 ที่คนเห็นเข้าก็กินเสีย
 ทันทีที่ผลมาถึงมือของเขา
5ในวันนั้น พระยาห์เวห์จอมทัพ จะเป็นมงกุฎงดงาม
 และจะเป็นมกุฎสง่าแก่คนที่เหลืออยู่แห่งชนชาติของพระองค์
6ทั้งจะเป็นความสำนึกแห่งความยุติธรรมแก่ผู้ที่นั่งพิพากษา
 และเป็นกำลังแก่คนเหล่านั้นซึ่งชนะสงครามที่ประตูเมือง
7เขาเหล่านี้ซวนเซไปด้วยเหล้าองุ่นเช่นกัน
 และโซเซไปด้วยเมรัย
ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะก็ซวนเซไปด้วยเมรัย
 เขาทั้งหลายมึนตื้อไปด้วยเหล้าองุ่น
เขาโซเซไปด้วยเมรัย
 พวกเขาเห็นนิมิตผิดไป
 เขาสะดุดในการตัดสินความ
8เพราะโต๊ะอาหารทุกโต๊ะล้วนเต็มด้วยสิ่งที่อาเจียนออกมา
 ไม่มีมุมไหนสะอาดเลย
9เขาจะสอนความรู้ให้กับใคร?
 เขาจะอธิบายเนื้อความกับผู้ใด?
ให้กับพวกเพิ่งหย่านม?
 หรือทารกเพิ่งผละจากอกแม่?
10เพราะเป็นเหมือนเสียงพึมพำที่ฟังไม่รู้เรื่อง
 เป็นเหมือนเสียงพร่ำบ่นที่ฟังไม่เข้าใจ
 มีแต่เสียงพร่ำบ่น เสียงพึมพำ
11แท้จริง โดยริมฝีปากของคนต่างภาษา และด้วยลิ้นของคนต่างด้าว
 พระองค์จะตรัสกับชนชาตินี้
12คือกับพวกที่พระองค์ตรัสว่า
 “นี่คือการหยุดพัก
จงให้การหยุดพักแก่คนเหน็ดเหนื่อย
 และนี่คือการพักผ่อน”
 ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ฟัง
13ดังนั้น พระวจนะของพระยาห์เวห์จึงเป็นเช่นนี้ต่อเขา
 “คือเป็นเหมือนเสียงพึมพำที่ฟังไม่รู้เรื่อง
เป็นเหมือนเสียงพร่ำบ่นที่ฟังไม่เข้าใจ
 มีแต่เสียงพร่ำบ่น เสียงพึมพำ”
เพื่อว่าพวกเขาจะไปและสะดุดลื่นล้มไปข้างหลัง
 จะแตกหัก และติดบ่วง แล้วถูกจับไป
14เพราะฉะนั้น ท่านพวกคนชอบเยาะเย้ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์
 คือพวกผู้ปกครองชนชาตินี้ในกรุงเยรูซาเล็ม
15เพราะพวกท่านกล่าวว่า “เราได้ทำพันธสัญญากับความตายแล้ว
 และเราได้ทำข้อตกลงกับแดนคนตาย
เมื่อภัยพิบัติภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า เมื่อการเฆี่ยนตีไหลบ่าลงมา
 มันจะไม่มาถึงเรา
เพราะเราทำให้ความเท็จเป็นที่หลบภัยของเรา
 และเราถูกกำบังไว้ด้วยการโกหก”
16เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
 “นี่แน่ะ เราวางศิลาก้อนหนึ่งในศิโยน
คือศิลาที่ทดสอบแล้ว
 เป็นศิลามุมเอกล้ำค่า เป็นรากฐานมั่นคง
 ‘เขาผู้นั้นที่วางใจจะไม่เร่งร้อน’
17และเราจะตั้งความยุติธรรมเป็นเชือกวัด
 และความชอบธรรมเป็นลูกดิ่ง
แล้วลูกเห็บจะกวาดความเท็จอันเป็นที่หลบภัยไปเสีย
 และน้ำจะไหลบ่าล้นที่กำบัง”
18แล้วพันธสัญญาของพวกท่านกับความตายจะเป็นโมฆะ
 และข้อตกลงของท่านกับแดนคนตายจะไม่ดำรงอยู่
เมื่อภัยพิบัติไหลบ่าลงมา
 พวกท่านจะถูกมันเหยียบย่ำ
19มันไหลผ่านไปบ่อยเพียงไร มันก็จะพาตัวท่านไปบ่อยเพียงนั้น
 เพราะมันจะไหลผ่านไปเช้าแล้วเช้าเล่า
ทั้งกลางวันและกลางคืน
 และจะมีแต่ความสยดสยองเมื่อเข้าใจเรื่องราว
20เพราะที่นอนนั้นสั้นเกินกว่าจะเหยียดตัวบนนั้น  และผ้าห่มก็เล็กเกินกว่าจะคลุมตัว
21เพราะพระยาห์เวห์จะทรงลุกขึ้นเหมือนที่ภูเขาเปริซิม
 พระองค์จะกริ้วเหมือนที่หุบเขากิเบโอน
เพื่อทำพระราชกิจของพระองค์ อันเป็นพระราชกิจที่แปลก
 และเพื่อทำงานของพระองค์ อันเป็นงานที่ประหลาด
22ดังนั้น อย่าเป็นคนชอบเยาะเย้ย
 มิฉะนั้นโซ่ตรวนของท่านจะแน่นยิ่งขึ้น
เพราะข้าพเจ้าได้ยินจากพระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพ
 เรื่องกฤษฎีกาทำลายล้างอย่างสิ้นเชิงทั้งแผ่นดิน
23จงเงี่ยหู แล้วฟังเสียงข้าพเจ้า
 จงใส่ใจ แล้วฟังคำข้าพเจ้า
24คนไถนาเพื่อหว่าน จะไถตลอดไปหรือ?
 เขาเบิกหน้าดินและคราดดินตลอดไปหรือ?
25เมื่อเขาปราบผิวดินแล้ว
 จะไม่หว่านต้นเทียนแดงและยี่หร่าหรือ?
เขาไม่ปลูกข้าวสาลีเป็นแถว
 และปลูกข้าวบาร์เลย์ในที่ของมัน
 ทั้งปลูกข้าวสเปลต์ไว้ตามขอบหรือ?
26เพราะพระองค์ทรงสอนเขาอย่างถูกต้อง
 พระเจ้าของเขาทรงสั่งสอนเขา
27เพราะไม่มีใครนวดเทียนแดงด้วยเลื่อนนวดข้าว
 หรือใช้ล้อเกวียนกลิ้งทับยี่หร่า
แต่เขาเอาไม้พลองตีเทียนแดงให้หลุดออก
 และใช้ไม้ตะบองทุบยี่หร่า
28ขนมปังได้จากการบดข้าว
 จึงไม่มีใครนวดข้าวไปตลอด
เขาขับล้อเกวียนเทียมม้าทับมัน
 แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันแตกละเอียด
29เรื่องนี้ก็มาจากพระยาห์เวห์จอมทัพด้วย
 พระองค์ทรงอัศจรรย์นักในการให้คำปรึกษา
 และวิเศษในเรื่องสติปัญญา

อรรถาธิบาย

พระคุณของพระเจ้ามาทางพระเยซู

พระเจ้ารักคุณ พระองค์ตรัสว่าประชากรของพระองค์เป็นเหมือนเถาองุ่น พระเจ้าทรงใส่ใจ รดน้ำ เฝ้าดู และดูแลมัน (บทที่ 27, ข้อ 3-4 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าในความรักของพระองค์ พระองค์ทรงพิพากษา พระองค์ดึงหนามใหญ่หนามย่อยเผาเสีย (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การพิพากษามากมายของพระเจ้าถูกอธิบายว่าเป็น ‘พระราชกิจที่แปลก’ (อิสยาห์ 28 ข้อ 21) มาร์ติน ลูเทอร์ นักปฏิรูปผู้ยิ่งใหญ่ ชี้ว่าแม้การพิพากษาเป็น ‘พระราชกิจที่แปลก’ ของพระคริสต์ ความรอดคือ ‘พระราชกิจที่เหมาะสม’ ของพระองค์

อิสยาห์ยังคงประกาศการพิพากษาต่อผู้ที่มีเจตคติตรงกันข้ามกับอัครสาวกเปาโล อาจารย์เปาโลมีเหตุเพียงพอที่จะประพฤติจองหอง (‘การสำแดงอันยิ่งใหญ่’ 2 โครินธ์ 12:7) แต่แท้จริงแล้วเขาถ่อมตนมาก เอฟราอิมหยิ่งผยองในขณะที่ไม่มีเหตุให้ภาคภูมิใจเลย

อิสยาห์พูดถึง ‘มงกุฎยโสของพวกขี้เมาแห่งเอฟราอิม... ที่อยู่บนยอดเขาในที่ลุ่มอุดม ซึ่งล้มคว่ำด้วยเหล้าองุ่น’ (อิสยาห์ 28:1) และ ‘มงกุฎยโสของพวกขี้เมาแห่งเอฟราอิมจะถูกเหยียบไว้ใต้เท้า’ (ข้อ 3) แม้ว่าพระคัมภีร์บอกเราว่าพระเจ้าประทานเหล้าองุ่นเพื่อทำให้ใจเรายินดี (สดุดี 104:15) แต่ก็เตือนถึงอันตรายของการดื่มที่มากเกินไป

ในที่นี้ อิสยาห์บรรยายถึง ‘พวกขี้เมาอวดดี... โทรม ซีดและสกปรก มึนเมา เลอะเทอะ และท้องโตด้วยเบียร์...ดื่มด่ำกับไวน์และวิสกี้ มองไม่ชัด พูดไม่รู้เรื่อง ทุกโต๊ะเต็มไปด้วยกองอาเจียน พวกเขาอาศัยอยู่ในกองอาเจียน' (อิสยาห์ 28:1, 7-8 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อิสยาห์ยังพูดต่อต้าน ‘คนเยาะเย้ย’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้ที่คลางแคลงและถากถางดูถูก

ท่ามกลางคำพยากรณ์แห่งการพิพากษาเหล่านี้ อิสยาห์เล็งเห็นถึงผู้ที่จะเป็นศิลามุมเอกแห่งพระคุณ ‘จงเฝ้าระวังให้ดี เรากำลังวางรากฐานในศิโยน รากฐานหินแกรนิตที่มั่นคง เป็นมุมเหลี่ยมสี่ด้าน และความจริง และนี่คือความหมายของศิลา: ชีวิตที่ไว้วางใจจะไม่โค่นล้ม’ (ข้อ 16 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูทรงเป็นศิลามุมเอก พระองค์เป็น ‘รากฐานหินแกรนิตที่มั่นคง’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อัครสาวกเปาโล (โรม 9:33) และเปโตร (1 เปโตร 2: 4-6) เห็นว่าข้อเหล่านี้หมายถึงพระเยซู พระองค์ทรงเป็นคริสตจักรที่สร้างศิลามีชีวิต พระองค์เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือก แต่มนุษย์ปฏิเสธ ผู้ที่หันมาหาพระเยซูจะไม่มีวันอับอาย (1 เปโตร 2: 4-6) ‘พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปทั้งหลายของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น... ด้วยบาดแผลของพระองค์ พวกท่านจึงได้รับการรักษาให้หาย’ (1 เปโตร 2:24)

พระเยซูเป็นรากฐานที่แน่นอนของคุณ ผู้ที่วางใจในพระองค์จะไม่มีวันท้อถอย (อิสยาห์ 28:16) พระองค์เป็นที่มาของพระคุณทั้งสิ้น ผู้ที่สละชีวิตเพื่อให้คุณได้รับการอภัย เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับความรัก พระคุณ และพลังที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์มีไว้เพื่อคุณ ไม่ว่าความอ่อนแอหรือความยากลำบากใด ๆ ที่คุณอาจประสบในวันนี้ พระคุณของพระองค์ก็เพียงพอแล้วสำหรับคุณ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์ต้องพึ่งพาพระองค์อย่างที่สุด และในขณะที่ข้าพระองค์โอ้อวดในความอ่อนแอ ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ก็อยู่กับข้าพระองค์ ขอบพระคุณที่ ‘ชีวิตที่ไว้วางใจจะไม่โค่นล้ม’ พระคุณของพระองค์ก็เพียงพอแล้ว

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 โครินธ์ 12:9

‘การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น’

นี่คือพระวจนะตอนหนึ่งที่ฉันชื่นชอบ ฉันมีพระวจนะตอนนี้ติดตัวไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อฉันไม่รู้ว่าจะผ่านสถานการณ์บ่างอย่างไปได้อย่างไร พระเจ้าทรงเมตตาและทรงช่วยฉัน และฉันรู้ดีถึงฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่ช่วยชีวิตของฉัน

ข้อพระคำประจำวัน

2 โครินธ์ 12:9ก

‘การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม