สันติภาพในที่มืด
เกริ่นนำ
‘ผู้ชายหลายคนไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่า แบร์ กริลส์ นักปีนเขาและนักผจญภัยที่กล้าหาญ’ หนังสือพิมพ์ The Sun เขียนถึงอดีตสมาชิกคนหนึ่งของกองกำลังพิเศษแห่งสหราชอาณาจักร ซีรีส์ผจญภัยทางโทรทัศน์ของเขามีชื่อว่า ผจญภัยสุดขั้วกับแบร์ กริลส์ (ภาษาอังกฤษ: Man vs. Wild) มีผู้ชมประมาณ 1.2 พันล้านคนในกว่า 180 ประเทศ
เมื่อผมอ่านอัตชีวประวัติของเขา ในหนังสือ Mud, Sweat and Tears (โคลน หยาดเหงื่อ และน้ำตา) ผมไม่ได้ออกเดินทางผจญภัยไปในที่ห่างไกลหรือท้าทายตัวเองให้ทำอะไรอย่างเขา ผมรู้สึกทึ่ง ตาตรึงใจ และตกใจกับความอดทนทั้งทางร่างกายและจิตใจของเขา เขารอดชีวิตจากเหตุการณ์มากมายทั้งจาก The SAS (หน่วยรบพิเศษของกองทัพบกบริติช, ขยายความโดยผู้แปล) กระดูกหลังหักจากการกระโดดร่ม การปีนเขาเอเวอเรสต์ การอยู่ในกองทหารต่างประเทศของฝรั่งเศส และผจญความท้าทายไม่ธรรมดาอื่น ๆ มากมาย
สิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชมในอัตชีวประวัติของแบร์ คือ การเปิดเผยอย่างแช่มชื่นของเขาเกี่ยวกับการดิ้นรนของเขาทั้งภายในและภายนอกจิตใจ เขาเผยถึงความวิตกกังวล ความกลัวความสูง และความรู้สึกอ่อนแอ เป็นความบกพร่องที่ผมเห็นว่าน่าชื่นชม ความเชื่อที่เข้มแข็งอย่างคริสเตียนส่องประกายผ่านความบกพร่องเหล่านี้ เขาเขียนเอาไว้ว่า ‘ความเชื่อในพระคริสต์แสดงพลังอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของผม ช่วยให้ผมดำเนินไปอย่างเข้มแข็งเมื่อบ่อยครั้งเหลือเกินที่ผมรู้สึกว่าอ่อนแอจริง ๆ’
ท่ามกลางความยากลำบากของชีวิต และการท้าทายที่ไม่ธรรมดา พระคริสต์ทรงเป็นพลังซึ่งสถิตอยู่กับเรา และนำสันติสุขมาให้แก่เรา
‘สวัสดิภาพที่สมบูรณ์’ (อิสยาห์ 26:3) ทำให้ผมนึกถึงวันหนึ่งในฤดูร้อนที่สวยงามและสงบสุข นึกถึงการนั่งที่ริมทะเลสาบรกร้างโดยไม่สนใจโลก และไม่มีการล่อลวง ไม่มีปัญหาใด ๆ ไม่มีเรื่องยุ่งยากให้ต้องรับมือ ‘สวัสดิภาพที่สมบูรณ์’ ในสถานการณ์เช่นนั้นจะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจหรือพิเศษไม่ธรรมดา แต่จากที่เราได้ใคร่ครวญในพระคัมภีร์ เป็นที่แน่ชัดว่าพระสัญญาเรื่อง ‘สวัสดิภาพที่สมบูรณ์’ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สวัสดิภาพของพระเจ้ามาถึงคุณแม้ในที่มืด ท่ามกลางการต่อสู้กับอุปสรรคและความท้าทายที่ยากลำบากที่สุดของคุณ
สดุดี 106:32-39
32ท่านเหล่านั้นทำให้พระองค์กริ้วที่น้ำเมรีบาห์
และเพราะเรื่องของท่านนี้ โมเสสจึงพลอยรับผลร้ายด้วย
33เพราะท่านทำให้จิตใจโมเสสขมขื่น
และริมฝีปากของเขาพูดถ้อยคำหุนหัน
34ท่านมิได้ทำลายชนชาติทั้งหลาย
ตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาท่านไว้
35แต่ท่านได้ปะปนกับประชาชาติเหล่านั้น
และหัดทำอย่างที่พวกเขาทำกัน
36ท่านปรนนิบัติรูปเคารพของพวกเขา
ซึ่งกลายเป็นบ่วงสำหรับท่าน
37ท่านฆ่าบุตรชายและบุตรหญิงของท่าน
ถวายเป็นเครื่องสักการบูชาแก่ปีศาจ
38ท่านเทโลหิตผู้ไร้ผิดออกมา
คือโลหิตบุตรชายบุตรหญิงของท่าน
ผู้ซึ่งท่านได้ฆ่าเป็นเครื่องสักการบูชาแก่รูปเคารพแห่งคานาอัน
แผ่นดินก็เป็นมลทินไปด้วยโลหิตนั้น
39ท่านจึงเป็นคนไม่สะอาดด้วยการกระทำของท่าน
และประพฤติเยี่ยงโสเภณีในการกระทำของท่าน
อรรถาธิบาย
การล่อลวง
การล่อลวงที่ผู้คนของพระเจ้าประสบในอดีต ในหลาย ๆ รูปแบบนั้นไม่ต่างจากที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ‘ริมฝีปากของเขาพูดถ้อยคำหุนหัน’ (ข้อ 33) ‘แต่ท่านได้ปะปนกับประชาชาติเหล่านั้น และหัดทำอย่างที่พวกเขาทำกัน ท่านปรนนิบัติรูปเคารพของพวกเขา ซึ่งกลายเป็นบ่วงสำหรับท่าน’ (ข้อ 35-36)
คุณถูกเรียกให้อยู่ ‘ในโลก’ แต่ไม่ใช่เป็น ‘ของโลก’ นี่เป็นความตึงเครียดที่ยากลำบาก ในขณะที่คุณคลุกคลีอยู่กับผู้ไม่เชื่อในสิ่งที่คุณเชื่อหรือวิถีชีวิตของคุณ คุณจะถูกล่อลวงให้รับเอาธรรมเนียมปฏิบัติของพวกเขาและการบูชารูปเคารพของพวกเขา รูปเคารพในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ เงิน เรื่องทางเพศ อำนาจ และชื่อเสียง อิทธิพลของสิ่งเหล่านี้ที่มีต่อเรานั้นเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างมาก
เราควรจะสามารถชื่นชมกับของประทานที่ดีทั้งหมดที่พระเจ้าประทานแก่เราโดยไม่ต้องหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใด ๆ หรือนมัสการสิ่งอื่นใดนอกจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
จดหมายถึง Diognetus (จดหมายฉบับแรกที่ปกป้องศาสนาคริสต์จากข้อกล่าวหาของนักวิจารณ์) เขียนในศตวรรษที่ 2 บรรยายวิถีชีวิตของคริสเตียน ดังนี้
พวกเขาอาศัยอยู่ในประเทศของตนเอง แต่ในฐานะคนต่างด้าวเท่านั้น พวกเขามีส่วนร่วมในทุกสิ่งในฐานะพลเมืองและอดทนต่อทุกอย่างในฐานะคนต่างด้าว แผ่นดินของต่างชาติทุกแห่งคือบ้านเกิดของพวกเขา และสำหรับพวกเขาแล้ว บ้านเกิดทุกแห่งเป็นแผ่นดินของต่างชาติไป... มันเป็นความจริงที่พวกเขา ‘อยู่ในเนื้อหนัง’ แต่พวกเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ ‘ตามเนื้อหนัง’
พวกเขายุ่งอยู่กับโลก แต่สัญชาติของพวกเขาอยู่ในสวรรค์ พวกเขาเชื่อฟังพระบัญญัติที่กำหนดขึ้น และในชีวิตของพวกเขาเอง พวกเขาปฏิบัติมากยิ่งกว่าที่พระบัญญัติได้กำหนดไว้... พวกเขายากจน แต่ก็ยังทำให้คนมากมายร่ำรวย...คริสเตียนอาศัยอยู่ในโลก แต่ไม่ใช่ของโลก
คำอธิษฐาน
2 โครินธ์ 11:16-33
การทนทุกข์ของเปาโลในฐานะอัครทูต
16ข้าพเจ้าขอพูดซ้ำว่าอย่าให้ใครคิดว่าข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลา แต่ถ้าพวกท่านคิดว่าข้าพเจ้าเป็นเช่นนั้น ก็จงยอมรับข้าพเจ้าอย่างคนโง่เขลาเถิด เพื่อว่าข้าพเจ้าจะอวดได้บ้าง 17(การที่ข้าพเจ้าพูดอย่างนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้พูดตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พูดอย่างคนโง่เขลาที่อวดด้วยความมั่นใจตัวเอง 18เพราะในเมื่อหลายๆ คนอวดตามเนื้อหนัง ข้าพเจ้าก็จะอวดบ้าง) 19เพราะว่าการที่พวกท่านอดกลั้นต่อคนโง่เขลาทั้งหลายด้วยความยินดีนั้น คงจะเป็นเพราะท่านฉลาดสิ 20เพราะว่าพวกท่านช่างอดกลั้นจริงๆ เมื่อมีใครมาเอาท่านไปเป็นทาส หรือมีใครมาเอาท่านไปเป็นเหยื่อ และเมื่อมีใครมาเอาเปรียบพวกท่าน หรือมีใครยกตัวเองขึ้นเป็นใหญ่ หรือมีใครตบหน้าพวกท่าน 21ข้าพเจ้าต้องพูดด้วยความละอายว่า เราเองอ่อนแอเกินไปในเรื่องนี้
แต่ว่าใครกล้าอวดในเรื่องใด (ข้าพเจ้าพูดอย่างคนโง่เขลา) ข้าพเจ้าก็กล้าอวดเรื่องนั้นเหมือนกัน 22พวกเขาเป็นชาติฮีบรูหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน เขาเป็นชนชาติอิสราเอลหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน พวกเขาเป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน 23เขาเป็นคนปรนนิบัติของพระคริสต์หรือ ข้าพเจ้าเป็นดีกว่าพวกเขาเสียอีก (ข้าพเจ้าพูดอย่างคนบ้า) ข้าพเจ้าตรากตรำยิ่งกว่าพวกเขา ข้าพเจ้าติดคุกมากกว่าพวกเขา ข้าพเจ้าถูกโบยตีมากมาย ข้าพเจ้าหวิดตายบ่อยๆ 24พวกยิวเฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที 25ข้าพเจ้าถูกตีด้วยไม้สามครั้ง ถูกก้อนหินขว้างครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง ข้าพเจ้าลอยอยู่ในทะเลวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 26ข้าพเจ้าเดินทางบ่อยๆ ข้าพเจ้าเผชิญภัยในแม่น้ำ เผชิญโจรภัย เผชิญภัยจากชนชาติของข้าพเจ้าเอง เผชิญภัยจากคนต่างชาติ เผชิญภัยในเมือง เผชิญภัยในป่า เผชิญภัยในทะเล เผชิญภัยจากพี่น้องจอมปลอม 27ต้องตรากตรำและลำบาก ต้องอดหลับอดนอนบ่อยๆ ต้องหิวและกระหาย ต้องอดข้าวบ่อยๆ ต้องทนหนาวและเปลือยกาย 28นอกจากนั้นยังมีสิ่งอื่นที่กดดันข้าพเจ้าอยู่ทุกๆ วัน คือความกังวลเกี่ยวกับคริสตจักรทั้งหมด 29ใครบ้างที่อ่อนแอและข้าพเจ้าไม่อ่อนแอด้วย ใครบ้างที่ถูกชักนำให้หลง และข้าพเจ้าไม่ทุกข์ร้อน
30ถ้าข้าพเจ้าจำเป็นต้องอวด ข้าพเจ้าก็จะอวดสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอของข้าพเจ้า 31พระเจ้าคือพระบิดาของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญเป็นนิตย์ พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้าไม่ได้โกหก 32ผู้ว่าการเมืองของกษัตริย์อาเรทัสในกรุงดามัสกัส ให้คนเฝ้ากรุงดามัสกัสไว้เพื่อจะจับข้าพเจ้า 33แต่เขาเอาข้าพเจ้าใส่กระบุงใหญ่และหย่อนลงทางหน้าต่างบนกำแพงเมือง ข้าพเจ้าจึงพ้นจากเงื้อมมือของท่านผู้ว่าการ
อรรถาธิบาย
การทดลอง
ฝ่ายตรงข้ามของเปาโลตกอยู่ในกับดักที่เตือนเอาไว้ในสดุดี 106 พวกเขารับเอาธรรมเนียมของโลกรอบตัว และบูชารูปเคารพ พวกเขา ‘อวดตามเนื้อหนัง’ (ข้อ 18) พวกเขาอวดความสำเร็จของพวกเขา หมกมุ่นอยู่กับวัฒนธรรมแห่งชื่อเสียง ความสำเร็จ และวาทศิลป์จัดจ้าน
การโอ้อวดของพวกเขาเป็นเหตุให้เปาโลต้องโอ้อวดในแบบที่ต่างออกไป พวกเขาก็เหมือนคนทั้งโลกที่โอ้อวดเกี่ยวกับจุดแข็งของพวกเขา แต่เปาโลบอกว่า ถ้าท่านจะต้องโอ้อวด ท่าน ‘จะอวดสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอของ[ข้าพเจ้า]’ (ข้อ 30)
ท่านกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองเคยผ่านมา ไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปที่คนส่วนใหญ่จะโอ้อวด เป็นเรื่องราวที่คนส่วนใหญ่จะละอายใจที่จะพูดถึง ไม่แม้แต่รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เรื่องราวเหล่านั้นรวมไปถึงการถูกคุมขังอยู่บ่อยครั้ง การถูกเฆี่ยมตีห้าครั้งจากพวกยิว ‘เฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที ข้าพเจ้าถูกตีด้วยไม้สามครั้ง ถูกก้อนหินขว้างครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง ข้าพเจ้าลอยอยู่ในทะเลวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ข้าพเจ้าเดินทางบ่อย ๆ ข้าพเจ้าเผชิญภัยในแม่น้ำ เผชิญโจรภัย เผชิญภัยจากชนชาติของข้าพเจ้าเอง เผชิญภัยจากคนต่างชาติ เผชิญภัยในเมือง เผชิญภัยในป่า เผชิญภัยในทะเล เผชิญภัยจากพี่น้องจอมปลอม ต้องตรากตรำและลำบาก ต้องอดหลับอดนอนบ่อย ๆ ต้องหิวและกระหาย ต้องอดข้าวบ่อย ๆ ต้องทนหนาวและเปลือยกาย’ (ข้อ 23-27) เรื่องราวที่เกิดขึ้นจบลงด้วยการกระทำที่ดูเหมือนจะเป็นการหลบหนีจากการจับกุมที่น่าอับอาย (ข้อ 32-33)
นอกจากนี้ เปาโลยังกล่าวถึงทำงานหนักของท่าน (ข้อ 23) การเดินทางของท่าน (ข้อ 26) ที่ท่านต้อง ‘ต้องตรากตรำและลำบาก ต้องอดหลับอดนอนบ่อย ๆ’ (ข้อ 27) ทั้งยังมีความกดดันในแต่ละวันจากความกังวลของตนเอง (ความวิตกกังวล) เกี่ยวกับคริสตจักรทั้งสิ้น (ข้อ 28) และความเจ็บปวดที่ท่านประสบเมื่อคริสเตียนถูกชักนำไปสู่ความบาป (ข้อ 29) ท่านมีความวิตกกังวล ความเครียด และความท้าทายมากมายในชีวิต
ถึงแม้ว่าทั้งหมดนี้ เปาโลมักจะพูดถึงสันติสุขที่เป็นมาจากพระเจ้าที่เขาได้มีประสบการณ์ และอธิษฐานเผื่อผู้อื่นให้ได้รับประสบการณ์เดียวกัน ‘สวัสดิภาพที่สมบูรณ์’ ของพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการทดลองใด ๆ ที่ต้องเผชิญ สันติสุขที่ไม่ธรรมดาของเขาคือพระสัญญาของพระเจ้าแม้จะมีการทดลอง ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีสันติสุขในเรือนจำ ถูกเฆี่ยนตี เรืออับปาง ตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา และอื่น ๆ อีกมากมาย ทว่านี่คือสิ่งที่อัครสาวกเปาโลน่าจะเคยประสบมาก่อน
เปาโลเขียนไว้ว่า ‘อย่ากระวนกระวายในสิ่งใด ๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์’ (ฟิลิปปี 4:6-7)
อี.เอช. บิคเกอร์สเตธ เขียนไว้ว่า ‘สันติสุขและสวัสดิภาพที่สมบูรณ์ในโลกแห่งบาปที่มืดมนนี้อย่างนั้นหรือ? พระโลหิตของพระเยซูทรงกระซิบว่าสันติสุขอยู่ภายใน’
คำอธิษฐาน
อิสยาห์ 24:1-26:21
การพิพากษาโลก
1นี่แน่ะ พระยาห์เวห์จะทรงทำให้โลกร้างเปล่า ทั้งทำให้เป็นที่รกร้าง
พระองค์จะทรงบิดพื้นโลกและทำให้ผู้อาศัยของโลกกระจายไป
2และจะเกิดกับปุโรหิตแบบเดียวกับประชาชน
เกิดกับเจ้านายแบบเดียวกับทาส
เกิดกับนายหญิงแบบเดียวกับสาวใช้
เกิดกับผู้ขายแบบเดียวกับผู้ซื้อ
เกิดกับผู้กู้ยืมแบบเดียวกับผู้ให้ยืม
เกิดกับลูกหนี้แบบเดียวกับเจ้าหนี้
3โลกจะร้างเปล่าและถูกปล้นอย่างสิ้นเชิง
เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสพระวจนะนี้แล้ว
4โลกจะคร่ำครวญและเหี่ยวเฉาไป
พิภพก็โรยราและเหี่ยวเฉาไป
คนสูงศักดิ์ของโลกก็โรยรา
5โลกเป็นมลทิน
เนื่องด้วยผู้อาศัยของมัน
เพราะเขาทั้งหลายละเมิดธรรมบัญญัติ
ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์
และหักทำลายพันธสัญญานิรันดร์นั้น
6เพราะฉะนั้น คำสาปแช่งกลืนกินโลก
และผู้อาศัยในนั้นก็แบกรับความผิด
เพราะฉะนั้น ผู้อาศัยของโลกจึงถูกเผาผลาญ
และคนเหลืออยู่มีน้อย
7เหล้าองุ่นใหม่ก็เหือดแห้ง
เถาองุ่นก็โรยรา
ผู้ที่ใจร่าเริงทุกคนก็ถอนใจ
8เสียงสนุกสนานของรำมะนาก็เงียบ
เสียงเฮฮาของผู้เบิกบานใจก็หยุด
เสียงสนุกสนานของพิณเขาคู่ก็เงียบ
9พวกเขาไม่ดื่มเหล้าองุ่นพร้อมกับร้องเพลงอีก
เมรัยก็เป็นของขมแก่ผู้ดื่ม
10เมืองวุ่นวายนั้นแตกเสียแล้ว
บ้านทุกหลังก็ปิดไม่ให้คนเข้า
11มีเสียงเรียกร้องเรื่องเหล้าองุ่นตามถนน
ความยินดีทั้งหมดก็จางหาย
ความสนุกสนานของโลกก็สาบสูญ
12เหลือเพียงความร้างเปล่าอยู่ในเมือง
ประตูเมืองก็ถูกทุบทำลาย
13เพราะว่าจะเป็นเช่นนี้ท่ามกลางโลก
และท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
เหมือนกับการเขย่าต้นมะกอก
เหมือนกับการเก็บเล็มภายหลังการเก็บพวงองุ่นแล้ว
14พวกเขาเปล่งเสียงของเขาขึ้น เขาร้องด้วยความยินดี
เขาโห่ร้องถึงความโอ่อ่าของพระยาห์เวห์จากตะวันตก
15เพราะฉะนั้น จงถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์จากตะวันออก
แด่พระนามของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลจากแผ่นดินชายทะเล
16เราได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญจากที่สุดปลายของโลก
ว่าศักดิ์ศรีจงมีแด่องค์ผู้ชอบธรรม
แต่ข้าพเจ้าว่า “ข้าพเจ้าร่วงโรยไป
ข้าพเจ้าร่วงโรยไป วิบัติแก่ข้าพเจ้า
คนทรยศนั้นก็ทรยศ
คนทรยศนั้นทรยศอย่างยิ่ง”
17โอ ชาวแผ่นดินโลกเอ๋ย
ความสยดสยองและหลุมพราง ทั้งกับดักก็มาถึงท่าน
18ผู้ใดหนีจากเสียงของความสยดสยอง
จะตกลงไปในหลุมพราง
และผู้ใดปีนออกมาจากหลุมพราง
ก็จะถูกจับด้วยกับดัก
เพราะว่าหน้าต่างของท้องฟ้าก็ถูกเปิด
และรากฐานของโลกก็สั่นไหว
19โลกแตกสลายอย่างสิ้นเชิงแล้ว
โลกแยกออกเป็นเสี่ยง
โลกสั่นไหวอย่างรุนแรง
20โลกก็โซเซไปเหมือนคนเมา
มันแกว่งไปมาเหมือนเพิง
การละเมิดของโลกกดหนักอยู่บนโลก
มันล้มลง แล้วจะลุกไม่ขึ้นอีก
21ต่อมาในวันนั้น พระยาห์เวห์จะทรงลงโทษบริวารของท้องฟ้า บนท้องฟ้า
และลงโทษบรรดากษัตริย์ของแผ่นดิน บนแผ่นดิน
22พวกเขาจะถูกรวบรวมไว้รวมกัน
คล้ายนักโทษในคุกใต้ดิน
เขาทั้งหลายจะถูกขังไว้ในคุก
และอีกหลายวันก็จะถูกลงโทษ
23แล้วดวงจันทร์จะอดสู
และดวงอาทิตย์จะอับอาย
เพราะว่าพระยาห์เวห์จอมทัพจะครองราชย์
บนภูเขาศิโยนและในเยรูซาเล็ม
และต่อหน้าพวกผู้อาวุโสของพระองค์ด้วยพระสิริ
อิสยาห์ 25
สรรเสริญการช่วยกู้จากการกดขี่
1ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ และสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะพระองค์ได้ทรงทำการอัศจรรย์
ตามแผนงานอันซื่อสัตย์และแน่นอนที่มีไว้นานแล้ว
2เพราะพระองค์ทรงทำให้เมืองกลายเป็นกองขยะ
ทำให้เมืองมีป้อมเป็นที่ปรักหักพัง
วังของคนต่างด้าวไม่เป็นเมืองอีกต่อไป
และจะไม่สร้างขึ้นใหม่อีกเลย
3เพราะฉะนั้น ประชาชนที่แข็งแรงจะถวายพระเกียรติแด่พระองค์
เมืองของบรรดาประชาชาติที่ทารุณจะเกรงกลัวพระองค์
4เพราะพระองค์ทรงเป็นที่คุ้มภัยสำหรับคนยากจน
เป็นที่คุ้มภัยสำหรับคนขัดสนเมื่อเขาทุกข์ใจ
เป็นที่กำบังจากพายุและเป็นร่มกันความร้อน
เพราะการทำร้ายของคนทารุณก็เหมือนพายุซัดกำแพง
5เหมือนความร้อนในที่แห้งแล้ง
พระองค์ทรงระงับเสียงของคนต่างด้าว
ร่มเมฆระงับความร้อนอย่างไร
เสียงเพลงของผู้ทารุณก็เงียบไปอย่างนั้น
6บนภูเขานี้ พระยาห์เวห์จอมทัพจะทรงจัดเลี้ยงชนทุกชาติ
คืองานเลี้ยงด้วยของอ้วนพี และด้วยเหล้าองุ่นที่ตกตะกอนแล้ว
ด้วยของอ้วนพีมีไขกระดูก และด้วยเหล้าองุ่นตกตะกอนที่กรองแล้ว
7และบนภูเขานี้ พระองค์จะทรงทำลาย
ผ้าที่คลุมอยู่บนชนชาติทั้งหมด
และผ้าคลุมหน้าที่คลุมประชาชาติทั้งหมด
8พระองค์จะทรงกลืนความตายเสียเป็นนิตย์
แล้วพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายจะทรงเช็ดน้ำตาจากทุกใบหน้า
และจะทรงเอาการลบหลู่แห่งชนชาติของพระองค์ไปจากทั้งแผ่นดินโลก
เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสแล้ว
9และในวันนั้น เขาจะกล่าวกันว่า
“ดูสิ นี่คือพระเจ้าของเรา เรารอคอยพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด
นี่คือพระยาห์เวห์ เรารอคอยพระองค์
ให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์ในความรอดจากพระองค์”
10เพราะพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์จะคุ้มครองเหนือภูเขานี้
ส่วนโมอับจะถูกเหยียบลงในที่ของเขา
เหมือนการเหยียบฟางลงในหลุมมูลสัตว์
11และถึงเขาจะกางมือของเขาออกท่ามกลางหลุมนั้น
เหมือนคนว่ายน้ำกางมือของเขาออกว่ายน้ำ
ความหยิ่งของเขาจะถูกลดต่ำลงพร้อมกับมือที่เจ้าเล่ห์
12กำแพงสูงที่เป็นปราการของท่านจะถูกทำให้ต่ำลง
ถูกลดต่ำลงถึงพื้นดินแม้กระทั่งถึงผงคลี
อิสยาห์ 26
บทเพลงชัยชนะของยูดาห์
1ในวันนั้น เขาจะร้องเพลงนี้ในแผ่นดินยูดาห์
“เรามีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึ่ง
พระองค์ทรงตั้งความรอดไว้
เป็นกำแพงและแนวป้องกัน
2จงเปิดประตูเมือง
เพื่อประชาชาติชอบธรรมซึ่งรักษาความเชื่อ
จะได้เข้ามา
3พระองค์จะทรงพิทักษ์ผู้มีใจแน่วแน่ไว้ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์
เพราะเขาวางใจในพระองค์
4จงวางใจในพระยาห์เวห์เป็นนิตย์
เพราะยาห์ คือพระยาห์เวห์
ทรงเป็นศิลานิรันดร์
5เพราะพระองค์ทรงทำให้
ชาวเมืองที่อยู่สูงนั้นต่ำลง
เมืองที่สูงยิ่งนั้นพระองค์ทรงทำให้ลดต่ำลง
พระองค์ทรงทำให้มันลดต่ำลงถึงพื้นดิน
ทรงทำให้มันแตะผงคลีดิน
6เท้าจะเหยียบย่ำมัน
คือเท้าของคนยากจน
ย่างก้าวของคนขัดสน”
7หนทางของคนชอบธรรมก็ราบเรียบ
องค์ผู้เที่ยงธรรม พระองค์ทรงให้วิถีของคนชอบธรรมราบรื่น
8ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกข้าพระองค์รอคอยพระองค์
ในแนวทางการพิพากษาของพระองค์
พระนามของพระองค์และการรำลึกถึงพระองค์นั้น
เป็นสิ่งที่จิตใจของข้าพระองค์ปรารถนา
9จิตใจของข้าพระองค์ปรารถนาพระองค์ในกลางคืน
วิญญาณจิตภายในข้าพระองค์แสวงหาพระองค์อย่างกระตือรือร้น
เพราะเมื่อการพิพากษาของพระองค์อยู่ในแผ่นดินโลก
ชาวพิภพก็ได้เรียนรู้ความชอบธรรม
10ถ้าทรงสำแดงพระกรุณาคุณแก่คนอธรรม
เขาก็ไม่เรียนรู้ความชอบธรรม
เขาประพฤติชั่วในแผ่นดินเที่ยงธรรม
และไม่เห็นความสง่าสูงส่งของพระยาห์เวห์
11ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระหัตถ์ของพระองค์ชูขึ้น
แต่พวกเขาก็มองไม่เห็น
ขอให้เขาเห็นความร้อนพระทัยเพื่อชนชาติของพระองค์ และได้รับความอับอาย
ขอให้ไฟเผาผลาญปฏิปักษ์ของพระองค์
12ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงทำให้เกิดสวัสดิภาพแก่พวกข้าพระองค์
เพราะทุกสิ่งที่พวกข้าพระองค์ทำนั้น พระองค์ทรงทำเพื่อข้าพระองค์
13ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์
พวกเจ้านายอื่นนอกเหนือพระองค์ได้ครอบครองพวกข้าพระองค์
แต่ข้าพระองค์รับรู้แต่พระนามของพระองค์เท่านั้น
14พวกเขาตายแล้ว และจะไม่เป็นขึ้นมาอีก
คนตายจะไม่ลุกขึ้นมาอีก
เพราะเหตุนี้ พระองค์ทรงลงโทษและทรงทำลายเขา
และทรงกวาดอนุสรณ์ทั้งหมดของเขาไปเสีย
15ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเพิ่มประเทศชาติขึ้น
พระองค์ทรงเพิ่มประชาชนขึ้น พระองค์ทรงได้รับพระเกียรติ
พระองค์ทรงขยายเขตแดนทั้งสิ้นของแผ่นดินให้กว้างใหญ่
16ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในยามทุกข์ใจ พวกเขาแสวงหาพระองค์
เขาทั้งหลายหลั่งคำอธิษฐานออกมา
เมื่อพระองค์ทรงตีสอนพวกเขา
17ดั่งหญิงมีครรภ์
นางบิดตัวและร้องด้วยความเจ็บปวด
เมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกข้าพระองค์ก็เป็นเช่นนั้นเฉพาะพระพักตร์พระองค์
18พวกข้าพระองค์มีครรภ์ พวกข้าพระองค์บิดตัว
แต่ดูเหมือนพวกข้าพระองค์จะคลอดแต่ลม
พวกข้าพระองค์ไม่อาจช่วยกู้แผ่นดินโลก
และไม่อาจให้กำเนิดชาวพิภพ
19คนตายของพระองค์จะมีชีวิตอีก
โอ ผู้อาศัยในผงคลี จงตื่นขึ้น และโห่ร้องด้วยความชื่นบาน
เพราะน้ำค้างของพระองค์เป็นน้ำค้างแห่งความสว่าง
และแผ่นดินโลกจะให้คนตายเป็นขึ้น
20มาเถิด ชนชาติของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้าในห้องของท่าน
และปิดประตูเสีย
จงซ่อนตัวอยู่สักพักหนึ่ง
จนกว่าพระพิโรธจะผ่านไป
21เพราะ ดูเถิด พระยาห์เวห์กำลังเสด็จออกมาจากสถานที่ของพระองค์
เพื่อลงโทษชาวแผ่นดินโลก เพราะความบาปผิดของเขาทั้งหลาย
และแผ่นดินโลกจะเผยโลหิต ซึ่งหลั่งอยู่บนมัน
และจะไม่ปิดบังผู้ถูกฆ่าของมันไว้อีก
อรรถาธิบาย
ความวางใจ
อิสยาห์เขียนไว้ว่า ‘พระองค์จะทรงพิทักษ์ผู้มีใจแน่วแน่ไว้ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์ ['ผู้ที่จิตใจของเขาอยู่กับพระองค์' พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล] เพราะเขาวางใจในพระองค์ จงวางใจในพระยาห์เวห์เป็นนิตย์ เพราะยาห์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นศิลานิรันดร์’ (26:3-4) นี่คือความลับของสวัสดิภาพที่สมบูรณ์ อันมาจากการวางใจในพระเจ้า แม้จะมีการทดลองและการล่อลวง ‘เรารอคอยพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงช่วยเรา’ (25:9)
เมื่อเราคิดมากเกินไปเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ ปัญหาหลายอย่าง ความท้าทายหลายประการ และความรับผิดชอบมากมายที่เรากำลังเผชิญอยู่ เราจะเป็นกังวลและวิตกได้ง่าย แต่ในการทดลองและการล่อลวงทั้งหมดในขีวิต พระเจ้าสัญญาว่าจะทำให้คุณอยู่ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์หากคุณหันความคิดของคุณไปหาพระเจ้า และให้ความคิดของคุณ ‘คงอยู่’ ในพระองค์ วางใจในพระองค์
ในการอ่านของวันนี้ อิสยาห์ดูเหมือนจะคาดการณ์จุดจบของโลก จะมีการพิพากษาทำลายล้าง (บทที่ 24) แต่มันจะเป็นวันแห่งชัยชนะด้วย (บทที่ 25)
พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงงานเลี้ยงแห่งสวรรค์ว่า ‘บนภูเขานี้ พระยาห์เวห์จอมทัพจะทรงจัดเลี้ยงชนทุกชาติคืองานเลี้ยงด้วยของอ้วนพี และด้วยเหล้าองุ่นที่ตกตะกอนแล้ว’ (25:6) ‘พระองค์จะทรงกลืนความตายเสียเป็นนิตย์ แล้วพระยาห์เวห์องค์เจ้านายจะทรงเช็ดน้ำตาจากทุกใบหน้า และจะทรงเอาการลบหลู่แห่งชนชาติของพระองค์ไปจากทั้งแผ่นดินโลก’ (ข้อ 8)
อิสยาห์ดูเหมือนจะมองเห็นท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ที่กล่าวถึงในหนังสือวิวรณ์ เมื่อพระเจ้า ‘จะทรงเช็ดน้ำตาทุก ๆ หยดจากตาของเขาทั้งหลาย และความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้า การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว’ (วิวรณ์ 21:4)
ผู้เผยพระวจนะกล่าวต่อไปว่า ‘คนตายของพระองค์จะมีชีวิตอีก ศพของพวกเขาจะลุกขึ้น โอ ผู้อาศัยในผงคลี จงตื่นขึ้น และโห่ร้องด้วยความชื่นบาน’ (อิสยาห์ 26:19) อาจจะเป็นได้ว่านี่เป็นข้ออ้างอิงในพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่ชัดเจนเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีวิตทางร่างกายของแต่ละบุคคล ชี้ไปถึงการฟื้นคืนพระชนม์ทางกายของพระเยซูผู้ทรงเป็น ‘ผู้แรกที่เป็นขึ้นจากตาย’ (โคโลสี 1:18)
พระเยซูได้พิชิตความตายและด้วยเหตุนี้จึงเอาชนะความกลัวจากความตาย และความกลัวหรือวิตกกังวลในเรื่องอื่น ๆ ได้เช่นกัน เพราะพระเยซู อนาคตของคุณจึงปลอดภัย คุณไม่จำเป็นต้องกังวลหรือวิตกเกี่ยวกับความตายหรือสิ่งอื่นใด วางใจอนาคตของคุณไว้กับพระองค์ หันความคิดของคุณไปหาพระองค์ และเริ่มสัมผัสกับความคงเส้นคงวาและสวัสดิภาพที่สมบูรณ์ของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ‘จิตใจของข้าพระองค์ปรารถนาพระองค์ในกลางคืน... พระองค์จะทรงทำให้เกิดสวัสดิภาพแก่พวกข้าพระองค์ เพราะทุกสิ่งที่พวกข้าพระองค์ทำนั้น พระองค์ทรงทำเพื่อข้าพระองค์... ข้าพระองค์รับรู้แต่พระนามของพระองค์เท่านั้น’ (อิสยาห์ 26:9, 12-13)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
อิสยาห์ 26:3
‘พระองค์จะทรงพิทักษ์ผู้มีใจแน่วแน่ไว้ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์ เพราะเขาวางใจในพระองค์’
มีหลายอย่างที่ฉันกังวลถึง ฉันกำลังจะทำรายการเรื่องต่าง ๆ ที่อยู่ในใจ และหลังจากนั้นก็จะมอบเรื่องพวกนั้นไว้กับพระเจ้า และพยายามรับเอาความสุขใน ‘สันติภาพที่สมบูรณ์’
ข้อพระคำประจำวัน
อิสยาห์ 26:3
‘พระองค์จะทรงพิทักษ์ผู้มีใจแน่วแน่ไว้ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์
เพราะเขาวางใจในพระองค์’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)