ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนม
เกริ่นนำ
ในหนังสือที่ชื่อ All I Want is You ของบิชอป แซนดี้ มิลล่าร์เขียนไว้ว่า ‘เมื่อผมได้ไปเยือนคริสตจักรไวน์ยาร์ดในแคลิฟอร์เนียเป็นครั้งแรก ผมพบว่าหนึ่งในค่านิยมหลักของพวกเขาคือ “ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้า” ดังนั้นเมื่อผมกลับมา ผมก็เริ่มพูดถึงสิ่งนี้ให้เป็นหนึ่งในค่านิยมของเราด้วยเช่นกัน’
เขาเขียนต่อไปว่า ‘หนึ่งในสมาชิกที่น่ารักมาก ๆ คนหนึ่งในคริสตจักรของเรา พูดในตอนนั้นที่พาผมออกไปข้าง ๆ ว่า “อย่าพูดคำว่า ‘ใกล้ชิดสนิทสนม’ เพราะว่าเราไม่ใช้คำนั้นในบริบทนี้” ดังนั้นผมจึงเริ่มพูดเกี่ยวกับ “สัมพันธ์ภาพที่ใกล้ชิดที่สุดเท่าที่น่าจะเป็นไปได้กับพระเจ้า” ซึ่งค่อนข้างจะพูดได้ยาก แต่หลังจากผมหยุดไปสักครู่ เพราะว่าสิ่งที่ผมหมายถึงจริง ๆ คือ “ใกล้ชิดสนิทสนม” และผมคิดว่า นั่นเป็นสิ่งที่พระคริสตธรรมคัมภีร์หมายถึงสำหรับความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าด้วยเช่นกัน’
มีความหิวกระหายในส่วนลึกในจิตวิญญาณของเราต่อสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้า และกับมนุษย์คนอื่น ๆ
สดุดี 99:1-9
สรรเสริญพระเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์
1พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง ให้ชนชาติทั้งหลายตัวสั่น
พระองค์ประทับเหนือเครูบให้แผ่นดินสั่นสะเทือน
2พระยาห์เวห์ใหญ่ยิ่งในศิโยน
พระองค์ประทับอยู่สูงเหนือชนชาติทั้งปวง
3ให้พวกเขายกย่องพระนามอันยิ่งใหญ่และน่าคร้ามกลัวของพระองค์
พระองค์บริสุทธิ์
4ข้าแต่กษัตริย์ผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้ทรงรักความยุติธรรม
พระองค์ทรงสถาปนาความเที่ยงธรรม
พระองค์ทรงกระทำความยุติธรรม
และความชอบธรรมในยาโคบ
5จงยกย่องพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
จงนมัสการที่แท่นรองพระบาทของพระองค์
พระองค์บริสุทธิ์
6โมเสสและอาโรนอยู่ในพวกปุโรหิตของพระองค์
ซามูเอลอยู่ในพวกที่ทูลออกพระนามของพระองค์ด้วย
ท่านเหล่านั้นได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงตอบท่าน
7พระองค์ตรัสกับท่านเหล่านั้นจากเสาเมฆ
พวกท่านได้รักษาพระโอวาท
และกฎเกณฑ์ที่พระองค์ประทานแก่ท่าน
8ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงตอบท่านเหล่านั้น
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยกโทษท่านเหล่านั้น
แต่ทรงเป็นผู้ตอบแทนการกระทำผิดของท่านเหล่านั้นด้วย
9จงยกย่องพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
และจงนมัสการที่ภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์
เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราบริสุทธิ์
อรรถาธิบาย
ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้า
คุณและผมถูกสร้างมาเพื่อมีสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้า นี่เป็นเรื่องส่วนบุคคล: ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’ (ข้อ 9) กระนั้นความสนิทสนมกับพระเจ้าไม่ควรถูกมองข้าม พระเจ้าทรงมหิทธิฤทธิ์ บริสุทธิ์ และยุติธรรม
‘พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง...พระองค์ประทับเหนือเครูบ’ (ข้อ 1) เครูบเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ของพระเจ้า (ดู ปฐมกาล 3:24, เอเสเคียล 1:4 เป็นต้นไป ,10:1 เป็นต้นไป) พระบัลลังก์ของพระเจ้านั้นถูกวาดภาพไว้ว่าอยู่ ‘ระหว่างเครูบสองตน’ (กันดารวิถี 7:89) นี่คือสถานที่ที่ซึ่งพระเจ้าตรัส
สดุดีบทนี้เน้นที่ความบริสุทธิ์ของพระเจ้า คำว่า ‘บริสุทธิ์’ (สดุดี 99:3) เน้นความห่างไกลระหว่างพระเจ้า กับมนุษย์ พระเจ้าไม่เพียงทรงมหิทธิฤทธิ์ และบริสุทธิ์ พระองค์ยังทรงยุติธรรมอีกด้วย ‘พระองค์ ทรงรักความยุติธรรม’ (ข้อ 4) การตอบสนองที่เหมาะสมคือ ‘นมัสการที่แท่นรองพระบาทของพระองค์’ (ข้อ 5)
บางครั้งบนลำธารที่อยู่ระหว่างพระเจ้ากับเราก็มีสะพานทอดข้ามไป เรารู้แล้วว่าสิ่งนี้เป็นไปได้ผ่านทางพระเยซู และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเราผ่านทางกางเขน และการฟื้นคืนพระชนม์จากความตาย และการเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ สดุดีบทนี้พยากรณ์ถึงความใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้าแห่งฤทธิ์เดช บริสุทธิ์ และยุติธรรมองค์นี้ ซึ่งเป็นไปได้ผ่านทางพระเยซูคริสต์
พระเจ้า ‘ตรัสกับพวกเขา’ (ข้อ 7) พระองค์ตรัสกับโมเสส อาโรน และซามูเอล (ข้อ 6) พระองค์ตรัสกับแต่ละบุคคล พระองค์ตรัสกับเราเป็นการส่วนบุคคล ‘พวกเขาอธิษฐานถึงพระเจ้า และพระองค์ทรงตอบพวกเขา’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ไม่เพียงแต่พระองค์จะเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระเมตตาและการทรงให้อภัย ‘พระเจ้าผู้ยกโทษ‘ (ข้อ 8) พระองค์ทรงเป็น ‘พระเจ้าของเรา (ข้อ 8–9) ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ไม่เคยลดน้อยถอยลง แต่ถ้อยคำสุดท้ายที่ตรัสกลับเป็นเรื่องของความใกล้ชิดสนิทสนม
คำอธิษฐาน
1 โครินธ์ 12:1-26
ของประทานจากพระวิญญาณ
1พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านเข้าใจเกี่ยวกับของประทานจากพระวิญญาณ 2พวกท่านรู้แล้วว่าแต่ก่อนที่ยังเป็นคนต่างศาสนาอยู่นั้น พวกท่านถูกชักจูงและนำให้หลงไปนับถือรูปเคารพซึ่งพูดไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยทางใด 3เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอบอกให้ทราบว่า ไม่มีใครที่พูดโดยพระวิญญาณของพระเจ้าจะพูดว่า “ให้เยซูเป็นที่สาปแช่ง” และไม่มีใครสามารถพูดว่า “พระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” นอกจากจะพูดโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
4ของประทานนั้นมีต่างๆ กัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน 5การปรนนิบัติมีต่างๆ กัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน 6กิจกรรมมีต่างๆ กัน แต่มีพระเจ้าองค์เดียวกันเป็นต้นเหตุแห่งกิจกรรมทั้งหมดในทุกคน 7การสำแดงของพระวิญญาณนั้น พระองค์ประทานแก่แต่ละคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน 8พระเจ้าประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำของปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำของความรู้ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน 9และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน ให้อีกคนหนึ่งมีของประทานในการรักษาโรค โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน 10ให้อีกคนหนึ่งทำการด้วยฤทธานุภาพ ให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะ ให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆ ได้ 11พระวิญญาณองค์เดียวกันทรงทำและจัดสรรสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแก่แต่ละคนตามชอบพระทัยพระองค์
กายเดียวที่ประกอบด้วยหลายอวัยวะ
12เพราะว่า เหมือนกับร่างกายเดียวที่มีหลายๆ อวัยวะ และอวัยวะทั้งหมดของร่างกายนั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นร่างกายเดียว พระคริสต์ก็ทรงเป็นเช่นนั้น 13เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นยิวหรือกรีก ทาสหรือเสรีชน เราได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นเหมือนน้ำที่ประทานให้เราทุกคนได้ดื่ม
14เพราะว่าร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ด้วยหลายอวัยวะ 15ถ้าเท้าจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ได้เป็นมือ ฉันจึงไม่เป็นอวัยวะของร่างกาย” เท้าก็ไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนี้ย่อมไม่ได้ 16ถ้าหูจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ได้เป็นตา ฉันจึงไม่เป็นอวัยวะของร่างกาย” หูก็ไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนี้ย่อมไม่ได้ 17ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน? ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน? 18แต่พระเจ้าทรงตั้งอวัยวะแต่ละอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์ 19ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีที่ไหน? 20ความจริงมีอวัยวะหลายอย่าง แต่ก็ยังเป็นร่างกายเดียวกัน 21และตาก็ไม่สามารถพูดกับมือว่า “ฉันไม่ต้องการเธอ” หรือศีรษะจะพูดกับเท้าว่า “ฉันไม่ต้องการเธอ” 22แต่หลายๆ อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกว่า ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น 23อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าไร้เกียรติ เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น และอวัยวะที่ควรปกปิด เราก็ทำด้วยความสุภาพเป็นพิเศษ 24เพราะว่าอวัยวะที่น่าดูแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องตกแต่งอีก แต่พระเจ้าทรงจัดวางร่างกาย โดยการประทานเกียรติมากยิ่งขึ้นแก่อวัยวะที่ต่ำต้อย 25เพื่อไม่ให้มีการแตกแยกกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะต่างๆ มีความห่วงใยแบบเดียวกันต่อกันและกัน 26ถ้าอวัยวะหนึ่งทุกข์ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมทุกข์ด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย
อรรถาธิบาย
ใกล้ชิดสนิทสนมกันและกัน
ความเหงาและโดดเดี่ยวเกิดขึ้นมากมายในสังคมของเรา ทั้งผู้อาวุโสที่บ่อยครั้งถูกทอดทิ้ง ให้แยกตัวออกไป และเดียวดาย แม้กระทั่งคนหนุ่มสาวมากมายในปัจจุบัน ที่ไม่รู้จะหันไปทางไหนเพื่อจัดการกับความเจ็บปวด พวกเขาเลยหันไปพึ่งพาเหล้า ยาเสพติด ความสำส่อนทางเพศ หรือวิธีอื่น ๆ เพื่อพยายามจัดการกับความเจ็บปวดภายใน
คุณไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่ตามลำพัง พระเจ้าทรงสร้างคุณมาเพื่ออยู่เป็นกันเป็นชุมชน คือเป็นชุมชนที่ใกล้ชิด และพึ่งพาอาศัยกันเช่นเดียวกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ อาจารย์เปาโลอุปมาว่าคริสตจักรเปรียบเหมือนพระกายของพระคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงประทานของประทานที่แตกต่างกันต่อสมาชิกทุกคนในคริสตจักร (ข้อ 1–11)
‘อวัยวะทั้งหมดของร่างกายนั้นแม้จะมีหลายส่วน’ ก็ยังเป็น ‘ร่างกายเดียว’ (ข้อ 12) คนที่เข้าสู่คริสตจักรล้วนมีภูมิหลัง ชนชาติ และตำแหน่งในสังคมที่แตกต่างกัน ‘เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นยิวหรือกรีก ทาสหรือเสรีชน’ (ข้อ 13ข) ดังนั้นไม่ว่าเราจะมาจากไหน ‘บัดนี้เราแต่ละคนก็เป็นส่วนหนึ่งของพระกายที่เป็นขึ้นของพระองค์ สดใหม่ และถูกผดุงไว้ที่น้ำพุหนึ่งเดียว นั่นคือพระวิญญาณของพระองค์ ที่ซึ่งเราล้วนมาเพื่อดื่ม’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
บัดนี้เราล้วนเป็นของกันและกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นใกล้ชิดกันเหมือนอวัยวะที่แตกต่างกันของร่างกาย เราล้วนต้องพึ่งพากันและกันอย่างที่สุด (ข้อ 12–13)
ยิ่งเราต่างแตกกันมากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องการกันและกันมากเท่านั้น ดวงตาต้องการมือมากกว่าต้องการตาอีกหลาย ๆ ดวงในร่างกายเดียวกัน (ข้อ 16–17) ความแตกต่างนั้นสำคัญ (ข้อ 17ข) นี่เป็นความจริงไม่เพียงแค่คริสตจักรท้องถิ่น แต่รวมทั้งคริสตจักรระดับโลก เราไม่ควรดูแคลนอวัยวะที่แตกต่างกับเราในพระกายพระคริสต์ แล้วพูดว่า ‘พวกเขาแตกต่างกัน ต้องมีบางอย่างผิดปรกติไปแน่เลย’ แต่ควรพูดว่า ‘พวกเขาแตกต่างออกไป เราจำเป็นต้องมีพวกเขา’
'ป้ายเดิม ๆ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยใช้บ่งบอกความเป็นตัวเอง...จะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เราต้องการบางสิ่งที่ใหญ่กว่าเดิม ซึ่งครอบคลุมมากขึ้น’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นเวลาที่จะต้องทิ้งป้ายเดิม ๆ ซึ่งไว้ใช้อธิบายตัวตนของเรา หรือคนอื่น ๆ ว่าเป็นคริสเตียนประเภทไหน
พระเจ้าทรงออกแบบร่างกายมาให้มีการพึ่งพาอาศัยกัน ‘ข้าพเจ้ายังอยากให้ท่านคิดว่า สิ่งนี้ทำให้ความสำคัญของคุณลำพองเป็นการสำคัญตนผิด ต่อให้คุณจะสำคัญแค่ไหน ก็เป็นเพียงเพราะสิ่งที่คุณร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมัน’ (ข้อ 19–20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราต้องการอวัยวะที่ ‘เราคิดว่าอ่อนแอกว่า’ เป็นอย่างยิ่ง (ข้อ 22) อวัยวะภายในของเรา ‘ดูเหมือนอ่อนแอกว่า’ หรือที่ดูเปราะบางมากกว่า นี่เป็นเหตุผลที่พวกมันจำเป็นต้องได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม อวัยวะเหล่านั้น ‘เป็นสิ่งที่จำเป็น’ (ข้อ 22) เช่นเดียวกัน อวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกายที่ ‘ควรปกปิด’ เราก็ควรกระทำด้วย ‘ความสุภาพเป็นพิเศษ’ (ข้อ 23) ไม่มีใครควรพูดว่า อวัยวะเหล่านั้นไม่สำคัญ ที่จริงแล้ว พวกมันสำคัญมาก
เพราะว่าเราต้องการกันและกันอย่างยิ่ง ควรมี ‘ความห่วงใยแบบเดียวกันต่อกันและกัน’ (ข้อ 25) ควรมีความสนิทสนมและรักกันเพราะ ‘ถ้าอวัยวะหนึ่งทุกข์ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมทุกข์ด้วย’ (ข้อ 26ก) นี่เป็นชุมชนที่เราต้องการ ที่ซึ่งผู้คนสามารถจัดการกับความเจ็บปวดของพวกเขาได้ นี่ยังเป็นที่ซึ่งผู้คนสามารถแบ่งปันความชื่นบานแก่กัน ‘ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย’ (ข้อ 26ข) ดังที่นักบุญออกัสตินกล่าวไว้ว่า ‘ทิ้งความอิจฉาไปเสีย และทุกสิ่งที่ข้าพระองค์มีก็เป็นของพระองค์ด้วย และถ้าข้าพระองค์ทิ้งความอิจฉาริษยาออกไป สิ่งสารพัดที่เป็นของพระองค์มีก็เป็นของข้าพระองค์ด้วย’
คำอธิษฐาน
เพลงซาโลมอน 1:1-4:16
1เพลงยอดเยี่ยมที่สุดนี้เป็นของซาโลมอน
เจ้าสาว
2ขอเขาจุมพิตดิฉันด้วยการจุมพิตจากปากของเขา
เพราะว่าความรักของเธอวิเศษกว่าเหล้าองุ่น
3น้ำมันหอมของเธอนั้นหอมฟุ้ง
นามของเธอหอมเหมือนน้ำมันที่เทออกมา
เพราะฉะนั้นสาวๆ จึงหลงรักเธอ
4ขอพาดิฉันไป ให้เรารีบไป
พระราชาได้นำดิฉันไปในห้องโถงของพระองค์
เพื่อนเจ้าสาว
เราจะเต้นโลดและเปรมปรีดิ์ในตัวเธอ
เราจะพรรณนาถึงความรักของเธอให้ยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
เจ้าสาว
ที่เขาทั้งหลายหลงรักเธอนั้นสมควรแล้ว
5โอ บุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย
ดิฉันผิวดำ แต่ว่าน่ารัก
ดังเต็นท์ของพวกเคดาร์
ดังวิสูตรของซาโลมอน
6อย่ามองค่อนขอดดิฉัน เพราะดิฉันผิวคล้ำ
เนื่องด้วยแสงแดดแผดเผาดิฉัน
พวกพี่ชายร่วมมารดาของดิฉันได้ขึ้งโกรธดิฉัน
เขาทั้งหลายใช้ดิฉันให้เป็นคนดูแลสวนองุ่น
แต่สวนของดิฉันเอง ดิฉันไม่ได้ดูแล
7อ้อ เธอผู้ที่ดิฉันรัก ขอบอกดิฉันว่า
เธอเลี้ยงฝูงสัตว์อยู่ที่ไหน?
ในเวลาเที่ยงวัน เธอให้มันนอนพักที่ไหน?
ทำไมดิฉันต้องเป็นเหมือนคนที่เอาผ้าคลุมหน้า
ไปตามฝูงสัตว์ของพวกเพื่อนเธอ?
เจ้าบ่าว
8โอ แม่งามเลิศเหนือหญิงทั้งหลาย ถ้าเธอไม่รู้
จงเดินไปตามรอยเท้าฝูงแพะแกะ
แล้วจงเลี้ยงลูกแพะแกะของเธอไว้
ที่ข้างเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะเถิด
9โอ ที่รักของฉันเอ๋ย ฉันขอเปรียบเธอ
ประหนึ่งอาชาเทียมราชรถของฟาโรห์
10แก้มทั้งสองของเธองามด้วยเครื่องประดับ
ลำคอของเธอก็สง่าด้วยสร้อยเพชร
11พวกฉันจะทำเครื่องประดับทองคำ
มีลูกปัดเงินประกอบ
เจ้าสาว
12เมื่อพระราชากำลังประทับที่พระแท่น
น้ำมันหอมนารดาของดิฉันก็ส่งกลิ่นฟุ้งไป
13ที่รักของดิฉันเป็นเหมือนห่อมดยอบสำหรับดิฉัน
ห้อยอยู่ระหว่างสองถันของดิฉัน
14ที่รักของดิฉันเป็นเหมือนช่อดอกเทียนขาวสำหรับดิฉัน
ที่อยู่ในสวนองุ่นเอนเกดี
เจ้าบ่าว
15โอ ที่รักของฉัน เธอช่างสวยงาม
โอ เธองดงามเหลือเกิน
ดวงตาทั้งสองของเธอดั่งนกพิราบ
เจ้าสาว
16ดูเถิด ที่รักของดิฉัน เธอช่างสง่างามเหลือเกิน
เธอเป็นคนน่ามองจริงๆ
ที่นอนของเราเขียวสด
17ขื่อเรือนของเราทำด้วยไม้สนสีดาร์
และแปของเรานั้นทำด้วยไม้สนสามใบ
เพลงซาโลมอน 2
1ดิฉันเหมือนดอกหญ้าฝรั่นในทุ่งชาโรน
เหมือนดอกลิลลี่ในหุบเขา
เจ้าบ่าว
2ดอกลิลลี่อยู่ท่ามกลางกอหนามกระชับอย่างไร
ที่รักของฉันก็เด่นอยู่ท่ามกลางสาวอื่นๆ อย่างนั้น
เจ้าสาว
3ต้นท้อขึ้นอยู่ท่ามกลางต้นไม้ป่าอย่างไร
ที่รักของดิฉันก็อยู่ท่ามกลางชายหนุ่มอื่นๆ อย่างนั้น
ดิฉันชอบนั่งอยู่ใต้ร่มของเขา
และผลของเขามีรสหวานเมื่อดิฉันลิ้มลอง
4เขาให้ดิฉันดื่มเหล้าองุ่น
และปกคลุมดิฉันด้วยความรัก
5จงชูกำลังของดิฉันด้วยขนมลูกเกด
ขอทำให้ดิฉันชื่นใจด้วยผลลูกท้อ
เพราะดิฉันป่วยด้วยความรัก
6แขนซ้ายของเขาช้อนใต้ศีรษะของดิฉันไว้
และแขนขวาของเขาสอดกอดดิฉันไว้
7โอ เหล่าบุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย
ดิฉันขอให้เธอทั้งหลายสาบานต่อละมั่งหรือกวางตัวเมียในทุ่งว่า
พวกเธอจะไม่เร้าหรือจะไม่ปลุกความรักให้ตื่นขึ้น
จนกว่าความรักจะจุใจแล้ว
8แน่ะ เสียงที่รักของดิฉัน
ดูเถิด เขามาแล้ว
กำลังเต้นโลดอยู่บนภูเขา
กำลังกระโดดอยู่บนเนินเขา
9ที่รักของดิฉันเป็นดุจละมั่ง
หรือดุจกวางหนุ่ม
ดูเถิด เขากำลังยืน
อยู่หลังกำแพงของเรา
เขาจ้องมองมาทางหน้าต่าง
แอบมองผ่านตาข่าย
10ที่รักของดิฉันได้เอ่ยปากพูดกับดิฉันว่า
เจ้าบ่าว
“ที่รักของฉันเอ๋ย เธอจงลุกขึ้นเถอะ
คนสวยของฉันเอ๋ย ออกมากับฉันเถิด
11เพราะว่า นี่แน่ะ ฤดูหนาวล่วงไปแล้ว
และฝนก็หมดแล้ว
12ดอกไม้เบ่งบานไปทั่วพื้นดิน
เวลาสำหรับร้องเพลงมาถึงแล้ว
และเสียงคูของนกเขา
ก็ได้ยินอยู่ในถิ่นของเรา
13ผลมะเดื่อกำลังสุกบนต้น
และเถาองุ่นมีดอกบานอยู่
มันส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถอะ
คนสวยของฉันเอ๋ย ออกมากับฉันเถิด
14โอ แม่นกเขาของฉันเอ๋ย แม่นกตัวที่อยู่ซอกผา
ในที่กำบังของเขาที่สูงชัน
ขอให้ฉันได้ชมรูปโฉมของเธอหน่อยเถอะ
ขอให้ฉันได้ยินเสียงของเธอหน่อย
เพราะว่าน้ำเสียงของเธอช่างหวานหู
และรูปโฉมของเธอช่างงามวิไล
15ช่วยจับสุนัขจิ้งจอกให้เราหน่อย
คือสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก
ที่ทำลายสวนองุ่น
เพราะว่าสวนองุ่นของเรากำลังมีดอกแล้ว”
เจ้าสาว
16ที่รักของดิฉันเป็นกรรมสิทธิ์ของดิฉัน และตัวดิฉันก็เป็นของเขา
เขากำลังเลี้ยงฝูงสัตว์ของเขาท่ามกลางหมู่ต้นลิลลี่
17โอ ที่รักของดิฉัน ขอเธอเป็นดั่งละมั่ง
หรือกวางหนุ่มที่เทือกเขาเบเธอร์
จนวันใหม่มาถึง
และเงาหมดไปแล้ว
เพลงซาโลมอน 3
1ยามราตรีกาล เมื่อดิฉันยังอยู่บนที่นอน
ดิฉันเสาะหาผู้ที่ดวงใจของดิฉันรัก
ดิฉันเสาะหาเขา แต่หาไม่พบ
2บัดนี้ดิฉันจะลุกขึ้น แล้วจะเสาะไปให้ทั่วเมือง
ไปตามถนนและลานเมือง
ดิฉันจะเสาะหาผู้ที่ดวงใจของดิฉันรัก
ดิฉันเสาะหาเขา แต่หาไม่พบ
3พวกยามได้พบดิฉัน
ขณะที่ลาดตระเวนในเมืองนั้น แล้วดิฉันถามว่า
“ท่านเห็นเขาผู้ที่ดวงใจของดิฉันรักไหม?”
4พอดิฉันผ่านยามพ้นมาหน่อยเดียว
ดิฉันก็พบเขาผู้ที่ดวงใจของดิฉันรัก
ดิฉันจับตัวเขาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยให้เขาหลุดไปเลย
จนกระทั่งดิฉันพาเขาให้เข้ามาในเรือนของมารดาดิฉัน
และให้เข้ามาในห้องของผู้ที่ให้ดิฉันได้ปฏิสนธิ
5โอ เหล่าบุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย
ดิฉันขอให้เธอทั้งหลายสาบานต่อละมั่งหรือกวางตัวเมียในทุ่งว่า
พวกเธอจะไม่เร้าหรือจะไม่ปลุกความรักให้ตื่น
จนกว่าความรักจะจุใจแล้ว
6นั่นใครหนอที่กำลังขึ้นมาจากถิ่นทุรกันดาร
ดูประดุจเสาควัน
ดุจควันหอมของมดยอบและกำยาน
ทำด้วยเครื่องหอมของพ่อค้า
7ดูเถิด เป็นพระวอของซาโลมอน
ห้อมล้อมด้วยนักรบ 60 คน
เป็นนักรบอิสราเอล
8ทุกคนถือกระบี่
และเป็นผู้ชำนาญศึก
เขาทุกคนเหน็บกระบี่ไว้ที่ต้นขาของตน
เพราะเกรงภัยในยามราตรี
9กษัตริย์ซาโลมอนทรงสร้างพระวอสำหรับพระองค์
ด้วยไม้จากเลบานอน
10พระองค์ทรงทำเสาพระวอนั้นด้วยเงิน
พนักพิงทำด้วยทองคำและพระที่นั่งทำด้วยผ้าสีม่วง
ข้างในพระวอนั้นบุด้วยหนังโดยบุตรีแห่งเยรูซาเล็ม
11โอ บุตรีแห่งศิโยนเอ๋ย จงออกไป
ไปดูกษัตริย์ซาโลมอนเถิด
ทรงมงกุฎซึ่งพระราชชนนีได้สวมให้
ในวันที่พระองค์ได้ทรงอภิเษกสมรสนั้น
ในวันซึ่งพระทัยของพระองค์เบิกบานอยู่
เพลงซาโลมอน 4
เจ้าบ่าว
1ที่รักของฉันเอ๋ย ดูเถิด เธอช่างสวยงาม
ดูซี เธอสวยงามเหลือเกิน
ดวงตาของเธอที่อยู่หลังผ้าคลุมหน้าดังนกพิราบ
ผมของเธอดุจฝูงแพะ
ที่เคลื่อนลงมาจากภูเขากิเลอาด
2ซี่ฟันของเธอดังฝูงแกะที่เพิ่งจะตัดขน
เพิ่งขึ้นมาจากการชำระล้าง
มีลูกแฝดติดมาทุกตัว
และไม่มีตัวใดแท้งลูก
3ริมฝีปากของเธอแดงดุจด้ายสีครั่ง
และปากของเธอก็งดงาม
ขมับของเธอที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้า
เหมือนผลทับทิมผ่าซีก
4ลำคอของเธอดุจป้อมของดาวิด
ที่ได้ก่อสร้างไว้เพื่อเก็บเครื่องอาวุธ
มีเกราะเป็นพันแขวนอยู่รอบ
คือโล่ทั้งหลายของเหล่านักรบ
5ถันทั้งสองของเธอดังลูกละมั่งสองตัว
ซึ่งเป็นละมั่งฝาแฝด
ที่กำลังเล็มหญ้าในท่ามกลางหมู่ต้นลิลลี่
6จนฟ้าสาง
และไม่มีเงามืดแล้ว
ฉันจะไปยังภูเขามดยอบ
และยังเนินเขากำยาน
7โอ ที่รักของฉันเอ๋ย เธอช่างงามหมดจด
ปราศจากตำหนิใดๆ ทั้งสิ้น
8จงจากเลบานอนไปกับฉันเถิด เจ้าสาวของฉันเอ๋ย
จงจากเลบานอนไปกับฉันนะ
ให้ลงไปจากยอดเขาอามานา
จากยอดเขาเสนีร์ และยอดเขาเฮอร์โมน
ไปจากถ้ำราชสีห์
จากเขาเสือดาว
9น้องจ๋า น้องได้มัดหัวใจของพี่ไว้แล้วละ
เจ้าสาวของฉันเอ๋ย เธอได้มัดหัวใจของฉันไว้ด้วยการชายตาเพียงแวบเดียว
ด้วยสร้อยคอเส้นเดียวของเธอ
10น้องของฉันจ๊ะ เจ้าสาวของฉันจ๋า ความรักของเธอแสนหวานเหลือเกิน
ความรักของเธอนั้นวิเศษกว่าเหล้าองุ่น
และกลิ่นน้ำมันของเธอก็หอมกว่าเครื่องหอมทั้งหลาย
11โอ เจ้าสาวของฉันจ๋า น้ำผึ้งกำลังหยดจากริมฝีปากของเธอ
น้ำผึ้งและน้ำนมอยู่ใต้ลิ้นของเธอ
กลิ่นเสื้อผ้าของเธอหอมดุจกลิ่นหอมของเลบานอน
12เจ้าสาวของฉัน น้องของฉันเป็นสวนส่วนตัว
เป็นบ่อน้ำ เป็นน้ำพุที่ถูกประทับตราไว้
13กิ่งอ่อนของเธอคือสวนต้นทับทิม
พร้อมผลที่ได้รับการคัดสรร
อีกทั้งต้นเทียนขาวและต้นนารดา
14ต้นนารดาและหญ้าฝรั่น ต้นตะไคร้และอบเชย
อีกทั้งเหล่าไม้สำหรับทำกำยาน
คือต้นมดยอบและต้นกฤษณา
อีกทั้งเครื่องหอมชั้นเยี่ยมทั้งสิ้น
15ตัวเธอประดุจดังน้ำพุในสวน ประดุจบ่อน้ำไหล
และประดุจลำธารไหลจากเลบานอน
เจ้าสาว
16โอ ลมเหนือเอ๋ย จงตื่นขึ้นเถิด โอ ลมใต้เอ๋ย จงพัดมาเถิด
จงพัดโชยสวนของดิฉัน
เพื่อเครื่องหอมในสวนนั้นจะหอมฟุ้งออกไป
ขอให้ที่รักของดิฉันเข้ามาในสวนของเขา
และรับประทานผลไม้ที่คัดสรรไว้เถิด
อรรถาธิบาย
ความใกล้ชิดสนิทสนมในชีวิตสมรส
พระธรรมเล่มนี้สามารถอ่านได้ในหลายระดับ ใช้อธิบายความชื่นบานและความเป็นของกันและกัน ความงดงาม และพลัง ความเจ็บปวดและความปีติยินดีของความรักด้านเพศสัมพันธ์ของมนุษย์ ทั้งยังกล่าวถึงชีวิตสมรสตามที่ควรจะเป็น คือความสนิทสนมอันงดงามของความรักในชีวิตสมรสระหว่างชายและหญิง
ชีวิตสมรสเป็นการอุปมาเพื่ออธิบายบางสิ่งที่งดงามยิ่งกว่านั้น อันเป็นความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ สำคัญที่สุด คือ ใช้เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพระคริสต์กับคริสตจักรของพระองค์ (เอเฟซัส 5:21–33) นี่เป็นภาพของความรักที่ลึกซึ้งและรุ่มร้อนของพระเจ้าที่มีต่อคุณ และความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเยซู ผู้ทรง ‘ปกคลุม (คุณ) ด้วยความรัก’ (เพลงซาโลมอน 2:4) ด้วยเหตุนี้ ผ่านทางประวัติศาสตร์คริสตจักร ผู้คนเคยใช้พระธรรมเล่มนี้ในการอุปมา เพื่อแสดงออกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างพระเจ้ากับคริสตจักร
เป็นเรื่องน่าสนใจที่พระคริสตธรรมคัมภีร์เฉลิมฉลองความรักในชีวิตสมรส แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่สูงที่พระคริสตธรรมคัมภีร์มีในเรื่องความใกล้ชิดทางเพศในชีวิตสมรส กล่าวถึงความปีติยินดีและอิ่มใจ คือความรักที่ทุ่มเทหมดทั้งใจและร้อนรุ่มโดยที่ไม่ปรารถนาสิ่งใดตอบแทน
เป็นที่ชัดเจนว่า ความใกล้ชิดทางเพศแบบนี้มีในชีวิตสมรสเท่านั้น นี่เป็นความรักระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาว คู่รักอ้างถึงคนรักของเขาว่าเป็น ‘เจ้าสาวของฉัน’ (4:8–12) สิ่งนี้ประกาศว่าเพศสัมพันธ์ไม่อาจแยกจากความรักและความอิ่มเอมใจตลอดชีวิตได้ ท่ามกลางโลกทุกวันนี้ที่เพศสัมพันธ์เกิดขึ้นโดยปราศจากความรัก
มีคำเตือนต่อการชิงสุกก่อนห่ามไว้ว่า 'พวกเธอจะไม่เร้าหรือจะไม่ปลุกความรักให้ตื่นขึ้น จนกว่าความรักจะจุใจแล้ว’ (2:7,3:5) หรือในฉบับ The Message เขียนไว้ว่า ‘อย่าปลุกเร้าความรัก อย่ากระตุ้นเตือนมัน จนกว่าจะถึงเวลาสุกงอม และเมื่อเธอพร้อม’ (2:7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณเสี่ยงที่จะทำของขวัญที่สวยงามชิ้นนี้เสียไป หากคุณเปิดมันก่อนเวลา
ยังมีคำเตือนเรื่อง ‘สุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก’ ที่ทำลายเถาองุ่น (ข้อ 15) บ่อยครั้งที่ความสัมพันธ์ของเราถูกทำลายไปอย่างมากไม่ใช่ด้วยเรื่องใหญ่ ๆ แต่เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูเหมือนไม่สลักสำคัญอะไรและดูเหมือนว่าประนีประนอมได้
ตามที่จอยซ์ ไมเยอร์เขียนไว้ ‘จับตาดู “สุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก” ในชีวิตของคุณ จงให้อภัยแม้เพียงความขุ่นข้องหมองใจที่เล็กน้อยที่สุด เพื่อให้หัวใจของคุณยังคงสะอาด เมื่อคุณคิดว่าไม่มีใครสังเกตเห็น อย่าข้องแวะกับสิ่งจูงใจที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า คิดเอาว่า คงไม่เป็นไรหรอกน่าถ้าฉันทำมันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว สิ่งเล็ก ๆ สามารถทวีคูณขึ้นเป็นสิ่งใหญ่ และก่อนที่คุณจะรู้ตัว สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กสามารถทำลายเถาองุ่นที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้’
สัมพันธภาพแห่งความรักที่ใกล้ชิดสนิทสนมนี้ อธิบายว่าเป็นทั้งแบบส่วนตัวและแบบรวมเอาคนอื่น ๆ ไว้ด้วย ที่จับตามองแต่กันและกันเท่านั้น ‘ที่รักของดิฉันเป็นกรรมสิทธิ์ของดิฉัน และตัวดิฉันก็เป็นของเขา’ (ข้อ 16) กระนั้นความสัมพันธ์นี้ก็ยังเป็นพระพรไปยังคนอื่น ๆ ดังเช่นในชีวิตสมรสที่ยอดเยี่ยมทุกคู่ เพื่อนเจ้าสาวกล่าวว่า ‘เราจะเต้นโลดและเปรมปรีดิ์ในตัวเธอ เราจะพรรณนาถึงความรักของเธอให้ยิ่งกว่าเหล้าองุ่น’ (1:4)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
1 โครินธ์ 12:26
‘ถ้าอวัยวะหนึ่งเจ็บ อวัยวะอื่นก็เจ็บด้วย…’
เมื่อฉันทำกระดูกฝ่าเท้า (กระดูกชิ้นเล็ก ๆ ในเท้าขวาของฉัน) หัก มันส่งผลต่อทั้งร่างกายของฉันอย่างแน่นอน ฉันแทบเดินไม่ได้ไปหกสัปดาห์ ตอนนี้ฉันเข้าใจได้เลยว่า บางสิ่งที่เล็กน้อยเหลือเกินสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายได้อย่างไร และในแบบเดียวกัน หากใครก็ตามในคริสตจักรกำลังทุกข์ยากอยู่ เราล้วนร่วมในความทุกข์ยากไปกับพวกเขาด้วย
ข้อพระคำประจำวัน
สดุดี 99:6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล
‘พวกเขาอธิษฐานถึงพระเจ้า และพระองค์ทรงตอบพวกเขา’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)