วัน 216

ความเป็นหนึ่งเดียวกัน

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 19:3-12
พันธสัญญาใหม่ 1 โครินธ์ 1:1-17
พันธสัญญาเดิม 1 พงศาวดาร 16:37-18:17

เกริ่นนำ

หลายปีก่อน ผมกำลังพูดกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นคริสเตียน เขาพูดกับผมว่า:

‘ผมไม่เข้าใจเลย พวกคุณที่เป็นโปรแตสแตนท์กับพวกคุณที่เป็นพวกคาทอลิค คุณดูเหมือนกันในสายตาผม คุณทั้งคู่มีตัวอาคารคริสตจักรที่ดูคล้าย ๆ กัน คุณทั้งคู่อธิษฐานคำอธิษฐานของพระเยซูเหมือนกัน และก็กินขนมปังกับไวน์ อะไรก็ตามที่คุณคิดไม่เหมือนกัน (และผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร) ไม่ได้เกี่ยวอะไรซักนิดกับชีวิตผม ในขณะที่คุณทะเลาะกัน ก็ทำให้ผมไม่สนใจ’

คำพูดนี้ตีแสกหน้าผมว่า ความไม่เป็นหนึ่งเดียวกันสร้างความเสียหายต่อคริสตจักรและต่อการเป็นพยานของเราต่อโลกได้ขนาดไหน ไม่ต้องสงสัยว่าพระเยซูทรงอธิษฐานเผื่อ ‘ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์’ (ยอห์น 17:23) และอัครสาวกเปาโลก็ปรารถนาอย่างยิ่งให้เรา ‘เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน’ (1 โครินธ์ 1:10)

ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็นแกนหลักแห่งความเชื่อของเรา เราเชื่อในพระเจ้าเดียว พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีความเป็นหนึ่งเดียวกันในตรีเอกานุภาพ ในอีกแง่หนึ่งความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็นเหตุให้มนุษยชาติตั้งแต่อาดัมและเอวาล้มลงในความบาป

พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เพื่อนำเอาการคืนดีกันและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกลับคืนมา ขอบพระคุณพระเจ้าที่วันนี้ ทั่วโลก เรากำลังเห็นการกีดกันระหว่างคณะนิกายที่ลดลง และมีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นในคริสตจักร

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 19:3-12

3ความโง่ของคนทำลายทางของเขาเอง
 และใจของเขาก็เกรี้ยวกราดต่อพระยาห์เวห์
4ทรัพย์สมบัติทำให้มีเพื่อนมากมาย
 แต่คนยากจนก็ถูกเพื่อนตีจาก
5พยานเท็จจะถูกลงโทษ
 และคนพูดปดจะหนีไม่พ้น
6คนมากมายประจบเจ้านาย
 และทุกคนก็เป็นมิตรกับผู้ให้ของกำนัล
7พี่น้องทั้งหมดของคนยากจนก็ยังเกลียดเขา
 แล้วเพื่อนจะยิ่งหนีห่างจากเขาสักเท่าไร
แม้เขาตามไปวิงวอน
 แต่พวกเขาก็หายหน้ากันไปหมด
8คนที่ได้ปัญญาก็รักตนเอง
 คนที่รักษาความเข้าใจไว้จะเจริญรุ่งเรือง
9พยานเท็จจะถูกลงโทษ
 และคนพูดปดจะพินาศ
10ที่คนโง่จะกินอยู่อย่างหรูหราก็ไม่เหมาะอยู่แล้ว
 ที่ทาสจะปกครองเจ้านายก็ยิ่งไม่เหมาะมากกว่านั้นอีก
11ความฉลาดของมนุษย์ทำให้เขาโกรธช้า
 และการให้อภัยความผิดก็เป็นศักดิ์ศรีแก่เขา
12พระพิโรธของพระราชาเหมือนเสียงคำรามของสิงห์หนุ่ม
 แต่ความโปรดปรานของพระองค์เหมือนน้ำค้างบนหญ้า

อรรถาธิบาย

ความเป็นหนึ่งเดียวกันในความสัมพันธ์

ในพระธรรมตอนนี้เป็นสุภาษิตบทหนึ่งซึ่งเน้นความสำคัญที่สุดในความเป็นหนึ่งเดียวกันในความสัมพันธ์ของเรา ‘ความฉลาด​ของ​มนุษย์​ยับยั้งความ​โกรธของเขา และ​​ศักดิ์​ศรีของเขาคือการมองข้ามการละเมิดหรือ​ความผิด’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

ผมเคยถูกท้าทายโดยข้อพระคัมภีร์ข้อนี้หลายครั้งหลายหนในชีวิต เป็นเรื่องง่ายที่จะโกรธเคือง นี่เป็นเรื่องง่ายที่จะเก็บความแค้นไว้ เป็นเรื่องง่ายที่จะพยายามแก้แค้น หากตอบสนองแบบนั้น แม้แต่ข้อขัดเคืองเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถนำไปสู่การแตกหักในความสัมพันธ์ได้ มันอาจทำให้มิตรภาพสิ้นสุดลงได้

ในทางกลับกันมีบางสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งเกี่ยวการมองข้ามการละเมิดต่าง ๆ นั่นหมายถึง การปฏิเสธที่จะถูกรุกราน และ ปฏิเสธที่จะเก็บความแค้นและการแก้แค้นไว้ แน่นอนมันยากที่จะทำ แต่สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ถ้าเราปรารถนาจะรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไว้ในความสัมพันธ์ของเรา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงยกโทษให้ข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์ขุ่นเคืองง่ายเกินไป ขอบพระคุณผ่านทางไม้กางเขนขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระองค์ทรงมองข้ามการละเมิดต่าง ๆ ของข้าพระองค์ ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ผ่านทางฤทธิ์เดชแบบเดียวกันที่จะมองข้ามการละเมิดของคนอื่น ๆ
พันธสัญญาใหม่

1 โครินธ์ 1:1-17

การทักทายและการขอบพระคุณ

 1เปาโล ผู้ซึ่งได้รับการทรงเรียกให้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ ตามพระทัยของพระเจ้า และโสสเธเนสผู้เป็นพี่น้องของเรา
 2เรียน คริสตจักรของพระเจ้า ที่เมืองโครินธ์ ผู้ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ในพระเยซูคริสต์ และได้รับการทรงเรียกให้เป็นธรรมิกชนร่วมกับทุกคนในทุกแห่งหน ที่ออกพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและของพวกเขา
 3ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย
 4ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าในเรื่องท่านทั้งหลายเสมอ เพราะพระคุณของพระเจ้าที่ประทานแก่ท่านในพระเยซูคริสต์ 5เพราะพวกท่านได้รับความบริบูรณ์ทุกด้านในพระองค์ คือในด้านวาจาและความรู้ทุกอย่าง 6ด้วยว่าคำพยานเรื่องพระคริสต์นั้นตั้งมั่นคงอยู่ในท่านแล้ว 7ท่านทั้งหลายก็ไม่ได้ขาดของประทานเลย ในขณะที่ท่านรอคอยการปรากฏของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 8พระองค์จะทรงให้พวกท่านมั่นคงอยู่จนถึงที่สุด เพื่อให้ท่านปราศจากที่ติในวันของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 9พระเจ้าทรงเป็นผู้ซื่อสัตย์ พระองค์ทรงเรียกพวกท่านให้สัมพันธ์สนิทกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

การแตกแยกในคริสตจักร

 10พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนท่านในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอให้ปรองดองกัน อย่ามีความแตกแยกในพวกท่าน แต่ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความคิดและความเห็น 11พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า คนของนางคะโลเอได้เล่าเรื่องของท่านให้ข้าพเจ้าฟังว่า มีการทะเลาะวิวาทกันในระหว่างพวกท่าน 12ข้าพเจ้าหมายความว่า พวกท่านต่างก็กล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์เปาโล” หรือ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์อปอลโล” หรือ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์เคฟาส” หรือ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์พระคริสต์” 13พระคริสต์แบ่งออกเป็นหลายองค์แล้วหรือ? เปาโลถูกตรึงเพื่อท่านทั้งหลายหรือ? ท่านได้รับบัพติศมาในนามของเปาโลหรือ? 14ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าไม่ได้ให้บัพติศมาแก่ผู้หนึ่งผู้ใดในพวกท่าน เว้นแต่คริสปัส และกายอัส 15ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดกล่าวได้ว่าเขาได้รับบัพติศมาในนามของข้าพเจ้า 16(ข้าพเจ้าให้บัพติศมาแก่ครอบครัวของสเทฟานัสด้วย นอกจากคนเหล่านี้แล้ว ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าข้าพเจ้าให้บัพติศมาแก่ผู้ใดอีกบ้าง) 17เพราะว่าพระคริสต์ไม่ได้ทรงส่งข้าพเจ้าไปเพื่อให้บัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ ไม่ใช่ด้วยการพูดอันชาญฉลาดเพื่อว่าเรื่องกางเขนของพระคริสต์จะไม่หมดฤทธิ์เดช

อรรถาธิบาย

ความเป็นหนึ่งเดียวกับโดยรอบพระเยซู

เมืองโครินธ์เป็นเมืองมหานครขนาดใหญ่ซึ่งดึงดูดคนจากทุกชนชาติ วัฒนธรรม และศาสนา ในหลายด้าน ก็เหมือนกับเมืองอย่างลอนดอน ฮ่องกง หรือนิวยอร์ค เป็นศูนย์กลางการค้า ศูนย์กลางของศิลปะ การพักผ่อนหย่อนใจ และสถาปัตยกรรม เป็นที่ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์และโรงละครมากมาย

ชาวเมืองโครินธ์มีฐานะมั่งคั่ง ดื่มหนัก และสำส่อนทางเพศ และเป็นที่เลื่องลือในเรื่องการผิดศีลธรรม

ในปี ค.ศ. 50 เปาโลไปที่เมืองโครินธ์เพื่อบุกเบิกคริสตจักร ได้พักอยู่กับเพื่อนที่ชื่อปริศคาและอาควิลลา ท่านออกหางานทำ และเริ่มเทศนาพระกิตติคุณ เริ่มต้นคริสตจักรในบ้าน และอาศัยอยู่เป็นเวลาสิบแปดเดือนจนกระทั่งฤดูใบไม้ผลิในปี ค.ศ. 52 จากนั้นก็ส่งต่อคริสตจักรให้กับอะพอลโล และย้ายไปบุกเบิกคริสตจักรอื่น ๆ

ต่อมาในภายหลัง เปาโลได้รับรายงานว่า เมื่อตนเองไม่อยู่ด้วย ปัญหาต่างๆ ก็เกิดขึ้น รวมทั้งการแตกแยกกันในคริสตจักร สามหรือสี่ปีให้หลังการบุกเบิกคริสตจักรนี้ (ประมาณปี ค.ศ. 53–54) ท่านเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อพยายามจัดการกับปัญหาบางประการ

การทะเลาะเบาะแว้งและความไม่เป็นหนึ่งเดียวกันเริ่มมีมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ยุคแรก ๆ ของคริสตจักรในเมืองโครินธ์ ดูเหมือนฝ่ายต่าง ๆ ไม่ได้ถูกแบ่งแยกตามหลักคำสอนหรือกรอบความคิดมากสักเท่าไหร่ แทนที่จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์ พวกเขาแยกออกเป็นกลุ่มก้อนตามผู้นำที่พวกเขาเคารพนับถือมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เปาโล อปอลโล หรือเปโตร (เคฟาส) (ข้อ 11–13)

แม้ก่อนที่เปาโลเริ่มวิงวอนให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันและความรัก เราสามารถเห็นได้ในการแนะนำตัว และคำทักทายของท่านถึงแนวคิดเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันซึ่งเปาโลครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ พื้นฐานของความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา คือ ความเป็นบุคคลของพระเยซู:

  1. ความสัมพันธ์กับพระเยซู
    เปาโลเขียนถึง ‘ผู้​ได้​รับ​การ​ทรง​ชำระ​ให้​บริ​สุทธิ์​ใน​พระ​เยซู​คริสต์ และ​ได้​รับ​การ​ทรง​เรียก​ให้​เป็น​ธรร​มิก​ชน​ร่วม​กับ​ทุก​คน​ใน​ทุก​แห่ง​หน ที่ออก​พระ​นาม​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​และ​ของ​พวก​เขา’ (ข้อ 2)

คริสเตียนทุกคนในโลกคือคนที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ในพระเยซูคริสต์และผู้ที่ร้องออกพระนามพระเยซูคริสต์ พระคริสต์ทรงไม่ได้ถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายองค์ (ข้อ 13) และพวกเราก็ไม่ควรแบ่งแยกเช่นเดียวกัน เรามีพระเจ้าองค์เดียวกัน

คุณถูกเรียกเข้าสู่ ‘การสามัคคีธรรม’ (koinonia) กับพระเยซู (ข้อ 9) จงใช้เวลาในวันนี้เพลิดเพลินกับมิตรภาพของพระองค์ นี่เป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ koinonia (คอยโนเนีย) เป็นคำที่ใช้ในความสัมพันธ์ของการสมรส เราทุกคนรักพระเยซูอย่างลึกซึ้งและอย่างใกล้ชิดสนิทสนม
\t 2. พระคุณของพระเยซู
เปาโลเขียนว่า ‘ขอ​พระ​คุณ​และ​สันติ​สุข​จาก​พระ​เจ้า​พระ​บิดา​ของ​เรา และ​จาก​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ดำ​รง​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย ข้าพ​เจ้า​ขอบ​พระ​คุณ​พระ​เจ้า​ใน​เรื่อง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เสมอ เพราะ​พระ​คุณ​ของ​พระ​เจ้า​ที่ประ​ทาน​แก่​ท่าน​ใน​พระ​เยซู​คริสต์’ (ข้อ 3–4) การเป็นคริสเตียนคือการมีประสบการณ์ในพระคุณของพระเจ้าที่ประทานให้แก่คุณในพระเยซูคริสต์ คุณเป็นที่รัก พระคุณ หมายถึง ความรักที่ไม่สมควรได้รับ สิ่งนี้สำแดงให้เห็นเด่นชัดที่สุดและเป็นไปได้เมื่อเราได้เห็นการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เพื่อเราแต่ละคน คริสเตียนทุกคนในโลกและทุก ๆ คริสตจักร และคณะนิกายคือบางคนที่พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์ พระคุณพระองค์คือพื้นฐานของความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา

  1. พระวิญญาณของพระเยซู
    เปาโลเขียนถึงชาวเมืองโครินธ์ 'ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​ไม่​ได้​ขาด​ของ​ประ​ทาน​เลย’ (ข้อ 7ก) พระวิญญาณของพระเยซูคริสต์ประทับอยู่ในคริสเตียนทุกคน อาจารย์เปาโลชี้แจงต่อไปในจดหมายฉบับนี้ว่าเราแต่ละคนมีของประทานฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร เพราะว่าเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับอยู่ในเรา คริสเตียนทุกคนมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับอยู่ในพวกเขา เหมือนกับที่พระองค์ประทับอยู่ในคุณ

  2. ความหวังในพระเยซู
    เปาโลกล่าวต่อไปว่า ‘ใน​ขณะ​ที่​ท่าน​รอ​คอย​การ​ปรา​กฏ​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา พระ​องค์​จะ​ทรง​ให้​พวก​ท่าน​มั่น​คง​อยู่​จน​ถึง​ที่​สุด เพื่อ​ให้​ท่าน​ปราศ​จาก​ที่​ติ​ใน​วัน​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา’ (ข้อ 7ข–8) เราล้วนรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซู วันหนึ่งเราจะเป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ในพระองค์ ในระหว่างนี้ เรามีความหวังร่วมกัน

เปาโลปรารถนาความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ โดยเขียนว่า ‘พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ข้าพ​เจ้า​วิง​วอน​ท่าน​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้าของ​เรา ขอ​ให้​ปรอง​ดอง​กัน อย่า​มี​ความ​แตก​แยก​ใน​พวก​ท่าน แต่​ขอ​ให้​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว​กัน​ใน​ความ​คิด​และ​ความ​เห็น’ (ข้อ 10)

ท่านไม่ได้ชอบการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันแบบผิวเผิน แต่เรียกร้องให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ในช่วงชีวิตของเราเอง เราอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จในการได้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ในคริสตจักร อย่างไรก็ตาม อย่าตั้งใจไว้น้อยกว่านั้น อธิษฐานเผื่อเรื่องนี้ และทำทุกสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น พระเยซูทรงอธิษฐานว่า เราอาจจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ (ยอห์น 17:20–21)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานเผื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันในคริสตจักรท้องถิ่นของเรา และในคริสตจักรทั่วโลก ขอบพระคุณที่เราได้เห็นหมายสำคัญที่เห็นได้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันที่เพิ่มขึ้น ขอให้เรานำเอาความเป็นหนึ่งเดียวกันอันสมบูรณ์เพื่อให้โลกนี้จะเชื่อในพระองค์
พันธสัญญาเดิม

1 พงศาวดาร 16:37-18:17

การรักษาพิธีนมัสการตามปกติ

 37ดาวิดจึงทรงให้อาสาฟและพี่น้องของท่านอยู่ที่นั่นต่อหน้าหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ ให้ปรนนิบัติอยู่หน้าหีบนั้นเรื่อยไปตามงานประจำวันที่ต้องทำ 38ทั้งโอเบดเอโดมและพี่น้อง 68 คนของเขาด้วย ส่วนโอเบดเอโดมบุตรเยดูธูนกับโฮสาห์ให้เป็นคนเฝ้าประตู 39และพระองค์ทรงให้ศาโดกปุโรหิตกับพี่น้องของเขาผู้เป็นปุโรหิตอยู่หน้าพลับพลาแห่งพระยาห์เวห์ ซึ่งอยู่ในปูชนียสถานสูงเมืองกิเบโอน 40เพื่อขึ้นไปถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ ที่แท่นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวในเวลาเช้าเวลาเย็นเสมอ ตามซึ่งได้บันทึกไว้ทั้งสิ้นในธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาอิสราเอล 41เฮมานและเยดูธูนอยู่กับเขาทั้งหลายและผู้ที่เหลืออยู่ที่ถูกเลือก และระบุชื่อไว้ให้สรรเสริญแด่พระยาห์เวห์เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่นิรันดร 42และพร้อมกับพวกเขา เฮมานและเยดูธูนมีแตรและฉาบเพื่อบรรเลง และเครื่องดนตรีอื่นๆ สำหรับเพลงของพระเจ้า บุตรหลานของเยดูธูนเป็นคนเฝ้าประตู 43และประชาชนทั้งปวงต่างก็ไปยังบ้านของตน และดาวิดเสด็จกลับเพื่อทรงอวยพรแด่เชื้อพระวงศ์ของพระองค์

1 พงศาวดาร 17

พันธสัญญาของพระเจ้ากับดาวิด

 1อยู่มาเมื่อดาวิดประทับในพระราชวังของพระองค์ ดาวิดตรัสกับนาธันผู้เผยพระวจนะว่า “ดูสิ เราอยู่ในบ้านทำด้วยไม้สนสีดาร์ แต่หีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์อยู่ภายใต้ม่านเต็นท์” 2และนาธันทูลดาวิดว่า “ขอฝ่าพระบาททรงทำทั้งสิ้นตามพระทัยของฝ่าพระบาท เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับฝ่าพระบาท” 3แต่ต่อมาในคืนวันนั้นเอง พระวจนะของพระเจ้ามาถึงนาธันว่า 4“จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เจ้าจะไม่เป็นผู้สร้างนิเวศให้เราอยู่ 5เพราะเราไม่เคยอยู่ในนิเวศนับแต่วันที่เราพาอิสราเอลขึ้นมาจนกระทั่งวันนี้ แต่เราได้ไปจากเต็นท์นี้ถึงเต็นท์โน้น และจากพลับพลาแห่งนี้ถึงแห่งโน้น 6ในที่ทั้งปวงที่เราเคลื่อนไปมากับอิสราเอลทั้งหมด เราเคยพูดสักคำกับผู้วินิจฉัยของอิสราเอลสักคน ผู้ที่เราได้บัญชาให้เลี้ยงดูประชากรของเราหรือว่า “ทำไมพวกเจ้าไม่ได้สร้างนิเวศด้วยไม้สนสีดาร์ให้แก่เรา?” ’ 7เพราะฉะนั้นบัดนี้เจ้าจงกล่าวแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า เราได้เอาเจ้ามาจากทุ่งหญ้าจากการตามฝูงแพะแกะ เพื่อให้เจ้าเป็นผู้นำเหนืออิสราเอลประชากรของเรา 8และเราได้อยู่กับเจ้าในทุกที่ที่เจ้าไป และได้กำจัดศัตรูทั้งหลายของเจ้าให้พ้นหน้าเจ้า และเราจะให้เจ้ามีชื่อเหมือนกับชื่อของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ในโลก 9และเราจะกำหนดที่หนึ่งให้อิสราเอลประชากรของเรา และเราจะสถาปนาเขาไว้ ให้อยู่ในที่ของเขาเอง และไม่มีใครรบกวนเขาอีก และบรรดาคนชั่วจะไม่มาทำร้ายดังแต่ก่อน 10ตั้งแต่สมัยเมื่อเราบัญชาเหล่าผู้วินิจฉัยให้อยู่เหนืออิสราเอลประชากรของเรา และเราจะปราบศัตรูทั้งสิ้นของเจ้า ยิ่งกว่านั้นอีก เราแจ้งแก่เจ้าว่า พระยาห์เวห์จะทรงสร้างราชวงศ์ให้เจ้า 11และเมื่อวันของเจ้าครบแล้ว เจ้าจะไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า เราจะแต่งตั้งเชื้อสายคนหนึ่งของเจ้าที่จะมาภายหลัง สืบต่อจากเจ้าผู้ที่อยู่ในพวกบุตรของเจ้า เราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา 12เขาจะเป็นผู้สร้างนิเวศให้เรา และเราจะสถาปนาบัลลังก์ของเขาไว้ตลอดนิรันดร์ 13เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา เราจะไม่นำความรักมั่นคงของเราไปจากเขาเสีย อย่างที่เราเอาไปจากคนที่อยู่ก่อนเจ้านั้น 14แต่เราจะให้เขาตั้งอยู่ในนิเวศของเรา และในอาณาจักรของเราตลอดนิรันดร์ เราจะสถาปนาบัลลังก์ของเขาไว้นิรันดร’ ” 15นาธันก็กราบทูลดาวิดตามถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นและตามนิมิตนี้ทั้งหมด

คำอธิษฐานของดาวิด

 16แล้วกษัตริย์ดาวิดก็เสด็จไปประทับเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และกราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้า ข้าพระองค์เป็นใคร และพงศ์พันธุ์ของข้าพระองค์เป็นใครเล่า ที่พระองค์ทรงนำข้าพระองค์มาไกลเช่นนี้? 17ข้าแต่พระเจ้า สิ่งนี้เป็นสิ่งเล็กน้อยในสายพระเนตรของพระองค์ พระองค์ยังตรัสถึงราชวงศ์ของผู้รับใช้ของพระองค์ในอนาคตอีก และทรงมองข้าพระองค์เสมือนผู้มีศักดิ์สูง ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้า 18ดาวิดจะทูลอะไรแก่พระองค์ได้อีกในเรื่องเกียรติ ที่ได้ประทานแก่ผู้รับใช้ของพระองค์? เพราะพระองค์เองทรงรู้จักผู้รับใช้ของพระองค์ 19ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพื่อทรงเห็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และตามพระทัยของพระองค์เอง พระองค์ทรงกระทำการยิ่งใหญ่นี้ทั้งสิ้น เพื่อการยิ่งใหญ่ทั้งหมดจะเป็นที่รู้กันทั่วไป 20ข้าแต่พระยาห์เวห์ ไม่มีใครเหมือนพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ตามที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยินกับหูของพวกข้าพระองค์ 21ใครจะเหมือนอิสราเอลประชากรของพระองค์ ชนชาติเดียวในโลกที่พระเจ้าเสด็จไปไถ่ให้เป็นประชากรของพระองค์ เพื่อทรงทำให้พระองค์ทรงมีพระนามที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงกลัว โดยทรงขับไล่ชนชาติทั้งหลายให้พ้นหน้าประชากรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงไถ่จากอียิปต์? 22และพระองค์ทรงให้อิสราเอลประชากรของพระองค์เป็นประชากรของพระองค์ตลอดนิรันดร์ และข้าแต่พระยาห์เวห์พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเขาทั้งหลาย 23ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้ขอให้พระดำรัสซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับผู้รับใช้ของพระองค์ และราชวงศ์ดำรงอยู่ตลอดนิรันดร์ และขอพระองค์ทรงกระทำตามที่พระองค์ตรัส 24และขอพระนามของพระองค์ดำรงมั่นคงและเกรียงไกรตลอดนิรันดร์ว่า “พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลคือพระเจ้าของอิสราเอล” และราชวงศ์ของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะถูกสถาปนาไว้เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ 25เพราะข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงสำแดงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ว่า พระองค์จะทรงสร้างราชวงศ์ให้ เพราะฉะนั้นผู้รับใช้ของพระองค์จึงสามารถอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระองค์ 26ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์ทรงสัญญาสิ่งนี้ต่อผู้รับใช้ของพระองค์ 27เพราะฉะนั้นขอให้เป็นที่พอพระทัยพระองค์ ที่จะทรงอวยพรแก่ราชวงศ์ของผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อราชวงศ์นั้นจะดำรงอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์นิรันดร เพราะว่าข้าแต่พระยาห์เวห์ สิ่งใดที่พระองค์ทรงอวยพรสิ่งนั้นก็รับพระพรตลอดนิรันดร์”

1 พงศาวดาร 18

ดาวิดทรงขยายราชอาณาจักรของพระองค์

 1ต่อมาดาวิดทรงโจมตีคนฟีลิสเตียทรงปราบพวกเขา และทรงยึดเมืองกัทและหัวเมืองต่างๆ ของเมืองนั้นจากมือคนฟีลิสเตีย
 2และพระองค์ทรงชนะโมอับและคนโมอับก็เป็นข้ารับใช้ของดาวิดและนำบรรณาการมาถวาย
 3ดาวิดทรงโจมตีฮาดัดเอเซอร์พระราชาของเมืองโศบาห์ด้วย ในทางไปเมืองฮามัท ขณะเมื่อพระองค์เสด็จไปตั้งกำลังคำฮีบรูที่นี่อาจหมายถึง ตั้งอนุสาวรีย์ ซึ่งอาจเป็นอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะของพระองค์ที่แม่น้ำยูเฟรติส 4และดาวิดทรงยึดรถรบจากท่านมา 1,000 คัน พลม้า 7,000 คน และทหารราบ 20,000 คน และดาวิดทรงตัดเอ็นโคนขาม้ารถรบเสียสิ้น แต่ทรงเหลือไว้ให้พอแก่รถรบ 100 คัน 5และเมื่อคนซีเรียแห่งเมืองดามัสกัสมาช่วยฮาดัดเอเซอร์ พระราชาแห่งเมืองโศบาห์ ดาวิดทรงประหารคนซีเรียเสีย 22,000 คน 6แล้วดาวิดทรงตั้งกองทหารรักษาการในซีเรีย แห่งเมืองดามัสกัส และคนซีเรียเป็นข้ารับใช้ของดาวิด และนำบรรณาการมาถวาย พระยาห์เวห์ประทานชัยชนะแก่ดาวิดทุกแห่งที่พระองค์เสด็จไป 7ดาวิดทรงนำโล่ทองคำที่ผู้รับใช้ของฮาดัดเอเซอร์ถือมาที่เยรูซาเล็ม 8ดาวิดทรงนำทองสัมฤทธิ์เป็นอันมากจากทิบหาทและจากคูน เมืองทั้งสองของฮาดัดเอเซอร์ ซึ่งซาโลมอนทรงใช้สร้างอ่างสาครทองสัมฤทธิ์และเสาหาน และเครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์
 9เมื่อโทอูพระราชาแห่งเมืองฮามัททรงได้ยินว่า ดาวิดทรงชนะกองทัพทั้งสิ้นของฮาดัดเอเซอร์ พระราชาแห่งเมืองโศบาห์แล้ว 10พระองค์ทรงใช้ฮาโดรัมโอรสของพระองค์ไปเฝ้ากษัตริย์ดาวิดเพื่อรับเสด็จ และถวายพระพรที่พระองค์ทรงรบกับฮาดัดเอเซอร์และทรงชนะ เพราะว่าฮาดัดเอเซอร์เคยสู้รบกับโทอู และพระองค์ทรงส่งภาชนะทุกอย่างที่ทำด้วยทองคำ ด้วยเงิน และด้วยทองสัมฤทธิ์มาถวาย 11และกษัตริย์ดาวิดทรงแยกถวายสิ่งเหล่านี้แด่พระยาห์เวห์พร้อมกับเงิน และทองคำซึ่งพระองค์ทรงนำมาจากประชาชาติทั้งปวงจากเอโดม โมอับ คนอัมโมน คนฟีลิสเตีย และอามาเลข
 12และอาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์ประหารคนเอโดม 18,000 คนที่หุบเขาเกลือ 13และท่านตั้งกองทหารประจำป้อมในเอโดม และคนเอโดมทั้งสิ้นจึงเป็นข้ารับใช้ของดาวิด และพระยาห์เวห์ประทานชัยชนะแก่ดาวิดทุกแห่งที่พระองค์เสด็จไป

ข้าราชการของดาวิด

 14ดาวิดจึงครองราชย์เหนืออิสราเอลทั้งสิ้น และพระองค์ทรงให้ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมแก่ประชาชนของพระองค์ทั้งสิ้น 15และโยอาบบุตรนางเศรุยาห์เป็นผู้บัญชาการกองทัพ และเยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นเจ้ากรมสารบรรณ 16และศาโดกบุตรอาหิทูบและอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นพวกปุโรหิต และชาวะชาเป็นราชเลขา 17และเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาอยู่เหนือคนเคเรธีและคนเปเลท และบรรดาโอรสของดาวิดก็เป็นบรรดาผู้นำในราชการของพระราชา

อรรถาธิบาย

ความเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้กษัตริย์องค์เดียว

ความปรารถนาของพระเจ้าเสมอมาคือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่ประชาชนของพระองค์ เมื่อเราได้เห็นความปรารถนาความน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพระองค์ท่ามกลางประชากรของพระองค์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ดังที่เราได้เห็นในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมซึ่งพระองค์ทรงปรารถนาความน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อประชากรของพระเจ้า

ช่างน่าเศร้า ประวัติศาสตร์ของประชากรพระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมก็เป็นหนึ่งในความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีเพียงช่วงเวลาเดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลซึ่งพวกเขาที่ซึ่งมีความคล้ายคลึงเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง มีช่วงเวลาที่เราจะได้อ่านตอนนี้ในพระธรรมพงศาวดาร ดาวิดจึงครอง​ราชย์​เหนือ ‘อิส​รา​เอล​ทั้ง​สิ้น’ (18:14)

นี่เป็นช่วงเวลาแห่งพระพรอันยิ่งใหญ่สำหรับประชากรของพระเจ้า นาธานกล่าวกับดาวิดว่า ‘ขอ​ฝ่า​พระ​บาท​ทรง​ทำ​ทั้ง​สิ้น​ตาม​พระ​ทัย​ของ​ฝ่า​พระ​บาท เพราะ​พระ​เจ้า​ทรง​อยู่​กับ​ฝ่า​พระ​บาท’ (17:2) ‘พระ​ยาห์​เวห์​ประ​ทาน​ชัย​ชนะ​แก่​ดาวิด​ทุก​แห่ง​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ไป’ (18:6ข) ‘ดาวิด​จึง​ครอง​ราชย์​เหนือ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​สิ้น และ​พระ​องค์​ทรง​ให้​ความ​ยุติ​ธรรม​และ​ความ​เที่ยง​ธรรม​แก่​ประ​ชา​ชน​ของ​พระ​องค์​ทั้ง​สิ้น’ (ข้อ 14)

ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้ยังคงสืบต่อมาในสมัยของซาโลมอน ผู้เขียนพงศาวดารเห็นความเป็นหนึ่งเดียวกันในช่วงเวลานี้ว่าเป็นไปตามอุดมคติ การเขียนสิ่งนี้ในเวลาหลายร้อยปีให้หลัง เขาไม่ได้ไร้เดียงสาเรื่องการล้มลงของกษัตริย์ดาวิด และเขาไม่ได้ช้าที่จะชี้ให้เห็นการล่อลวงใจของซาโลมอนอันเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของยุคทองนี้ ทั้งทองคำ ม้าศึก และมเหสีจำนวนมาก (ดูเฉลยธรรมบัญญัติ 17)

หลังจากหลายร้อยปีแห่งความไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน เขาก็หวังว่าวันหนึ่งอิสราเอลจะมีกษัตริย์ที่สามารถทำสิ่งที่แม้แต่ดาวิดและซาโลมอนไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เขารอคอยกษัตริย์ที่จะนำเอาสิ่งหนึ่งจากหลายสิ่ง นั่นคือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่สมบูรณ์และถาวรมายังประชากรของพระเจ้า การสำเร็จเป็นจริงเกิดขึ้น ไม่ได้ผ่านทางกษัตริย์ทางโลก แต่ผ่านกษัตริย์แห่งฟ้าสวรรค์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ได้รับการเจิมตั้งไว้ ผู้ซึ่งเป็นยิ่งกว่าการทำให้ความคาดหวังของอิสราเอลสำเร็จเป็นจริง ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะรวบรวมเอามนุษยชาติทั้งปวงมาอยู่ภายใต้การเป็นองค์จอมเจ้านายของพระองค์ ขอบพระคุณที่วันหนึ่งเราจะได้เห็นความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้

เพิ่มเติมโดยพิพพา

1 โครินธ์ 1:8

‘พระ​องค์​จะ​ทรง​ให้​พวก​ท่าน​มั่น​คง​อยู่​จน​ถึง​ที่​สุด เพื่อ​ให้​ท่าน​ปราศ​จาก​ที่​ติ​ใน​วัน​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา’

บางครั้งฉันก็รู้สึกตื่นตระหนกเบา ๆ เรื่องวัน (แห่งการพิพากษา) ครั้งสุดท้าย แต่สิ่งนี้หนุนใจว่าพระเยซูทรงทำให้เรา ‘มั่นคงอยู่จนถึงที่สุด’

ข้อพระคำประจำวัน

1 โครินธ์ 1:8

‘พระองค์จะทรงให้พวกท่านมั่นคงอยู่จนถึงที่สุด…’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม