วัน 217

ฤทธานุภาพ​เต็มที่ในความอ่อนแอ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 91:1-8
พันธสัญญาใหม่ 1 โครินธ์ 1:18-2:5
พันธสัญญาเดิม 1 พงศาวดาร 19:1-22:1

เกริ่นนำ

ผมได้รับสายเรียกเข้าพวกนี้ไม่หยุด สายพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้นำคริสตจักรโทรเข้ามา พวกเขามาจากด้านต่าง ๆ ของคริสตจักร มักจะเป็นบทสนทนาทางโทรศัพท์ยืดยาว พวกเขาล้วนอยากรู้ว่า ‘คุณใช้วิธีไหนที่เชิญคนได้เยอะแยะมากมายจากนอกคริสตจักรให้มาเข้าร่วมหลักสูตร?’ ‘หลักสูตรอัลฟ่าจริง ๆ แล้วคืออะไรกันแน่?’ ‘คุณจัดอัลฟ่ายังไง?’

ผมคิดว่าบางทีวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการรวมพวกเขาไว้ในที่เดียว และบอกพวกเขาพร้อม ๆ กัน ผลก็คือ เราจัดการประชุมอัลฟ่าในเดือนพฤษภาคม 1993 เราประหลาดใจที่มีผู้นำคริสตจักรนับพันมาร่วมงาน ผมค่อนข้างใหม่กับพันธกิจคริสเตียน และหวาดผวากับความคิดของผู้นำคริสตจักรนับพัน ซึ่งส่วนมากมีประสบการณ์ในการทำพันธกิจเหนือกว่าผมมาก

ถ้อยคำของอัครสาวกเปาโล ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ในวันนี้ ดูเหมือนจะสรุปได้ตรงกับสิ่งที่ผมรู้สึก ผมอ่านพระธรรมตอนนี้กับบรรดาผู้เข้าร่วมในตอนต้นของการประชุม:

พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย เมื่อ​ข้าพ​เจ้า​มา​หา​ท่าน​เพื่อ​ประ​กาศ​ความ​ล้ำ​ลึก​ของ​พระ​เจ้า​แก่​พวก​ท่าน​นั้น ข้าพ​เจ้า​ไม่​ได้​มา​ด้วย​ถ้อย​คำ​หวาน​หู​หรือ​ด้วย​ความ​ฉลาด​ปราด​เปรื่อง เพราะ​ข้าพ​เจ้า​ตั้ง​ใจ​ว่า​จะ​ไม่​แสดง​ความ​รู้​เรื่อง​ใด ๆ ใน​หมู่​พวก​ท่าน​เลย เว้น​แต่​เรื่อง​พระ​เยซู​คริสต์​และ​การ​ที่​พระ​องค์​ทรง​ถูก​ตรึง​ที่​กาง​เขน และ​ข้าพ​เจ้า​มา​หา​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ด้วย​ความ​อ่อน​แอ ด้วย​ความ​กลัว​และ​ความ​หวาด​หวั่น​มาก คำ​พูด​และ​คำ​เทศ​นา​ของ​ข้าพ​เจ้า​ไม่​ใช่​เป็น​การ​พูด​ชัก​ชวน​ด้วย​ปัญ​ญา​แต่​เป็น​การ​สำ​แดง​พระ​วิญ​ญาณ​และ​ฤทธา​นุ​ภาพ เพื่อ​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​ท่าน​จะ​ไม่​ขึ้น​กับ​ปัญ​ญา​ของ​มนุษย์ แต่​ขึ้น​กับ​ฤทธิ์​เดช​ของ​พระ​เจ้า (1 โครินธ์ 2:1–5)

ผมคิดว่า เมื่อผมได้อธิบายครั้งหนึ่งว่าอัลฟ่าคืออะไรกับกลุ่มผู้นำคริสตจักรกลุ่มนี้แล้ว ผมก็ไม่ต้องอธิบายกับคนอื่น ๆ อีกเลย แต่ที่จริงแล้ว เมื่อจบการประชุม เราถูกเชิญให้ทำการประชุมแบบนี้อีกหลายครั้งหลายครา ผ่านไปหลายปี เราได้จัดการประชุมนับร้อย ๆ ครั้ง ในทุกการประชุมอัลฟ่า ผมจะเริ่มต้นด้วยการอ่าน 1 โครินธ์ 2:1–5 เสมอ ผมรู้สึกประหม่าอยู่ทุกครั้ง มีองค์ประกอบของ ‘ความ​อ่อน​แอ ​ความ​กลัว​และ​ความ​หวาด​หวั่น​มาก’ แต่ผมขอบพระคุณพระเจ้าที่สิ่งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัญญาของมนุษย์และคำพูดชักชวน แต่เป็น​การ​สำ​แดง​พระ​วิญ​ญาณ​และ​ฤทธา​นุ​ภาพ และความ​อ่อน​แอ​มี​ที่​ไหน ฤทธา​นุ​ภาพ​ของ​พระเจ้าก็​ปรา​กฏ​เต็ม​ที่นั่น (2 โครินธ์ 12:9)

มีด้านดีของ ‘ความอ่อนแอ’ ‘ความกลัว’ และ ‘ความหวาดหวั่น’ ก็มีด้านที่เลวร้ายด้วยเช่นกัน ในพระธรรมวันนี้ เราได้เห็นทั้งด้านดีและด้านที่เลวร้ายของความอ่อนแอ ความกลัว และความหวาดหวั่น

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 91:1-8

มั่นใจในการปกป้องของพระเจ้า

1ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด
 จะอยู่ในร่มเงาของผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
2ข้าพเจ้าจะทูลพระยาห์เวห์ว่า “ที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ และป้อม
  ปราการของข้าพระองค์
 พระเจ้าของข้าพระองค์ ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้วางใจ”
3เพราะพระองค์จะทรงช่วยกู้ท่านให้พ้นจากกับของพรานนก
 และพ้นจากโรคภัยร้ายแรงนั้น
4พระองค์จะทรงปกท่านไว้ด้วยปีกของพระองค์
 และท่านจะลี้ภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์
 ความซื่อสัตย์ของพระองค์เป็นโล่และเป็นดั้ง
5ท่านจะไม่กลัวความสยดสยองในกลางคืน
 หรือลูกธนูที่ปลิวไปในกลางวัน
6หรือกลัวโรคภัยที่ไล่มาในความมืด
 หรือความหายนะซึ่งทำลายในเที่ยงวัน
7พันคนจะล้มอยู่ข้างๆ ท่าน
 หมื่นคนที่ขวามือของท่าน
 แต่ภัยนั้นจะไม่มาใกล้ท่าน
8ท่านจะเพียงเห็นกับตาตัวเอง
 และเห็นการตอบแทนคนอธรรม

อรรถาธิบาย

ความกลัวและความเชื่อ

“ไม่กลัวอะไรเลย” (ข้อ 5 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผู้เขียนสดุดีเขียนเอาไว้ เขาให้ วิธีการแก้ไข “ความกลัว” ในแง่การเลือกคำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาเขียนว่า “ท่าน​จะ​ไม่​กลัว​ความ​สยด​สยอง​ใน​กลาง​คืน หรือ​ลูก​ธนู​ที่​ปลิว​ไป​ใน​กลาง​วัน หรือ​กลัว​โรค​ภัย​ที่​ไล่​มา​ใน​ความ​มืด หรือ​ความ​หายนะ​ซึ่ง​ทำ​ลาย​ใน​เที่ยง​วัน” (ข้อ 5–6)

วิธีการแก้ไขความกลัวคือการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า – อาศัยอยู่ “ผู้​ที่​อา​ศัย​อยู่​ใน​ที่​กำ​บัง​ของ​องค์​ผู้​สูง​สุด” และ “จะ​อยู่​ใน​ร่ม​เงา​ของ​ผู้​ทรง​มหิทธิฤทธิ์​” (ข้อ 1) สิ่งตรงข้ามกับความกลัวคือ การไว้วางใจพระเจ้า (ข้อ 2)

มีความเชื่อมโยงกันอย่างยิ่งระหว่างสิ่งที่คุณคิดกับสิ่งที่คุณพูด สิ่งที่คุณคิดจะออกมาเป็นคำพูดของคุณ แต่คำพูดของคุณยังสามารถส่งผลกระทบต่อความคิดของคุณด้วยเช่นกัน ผู้เขียนสดุดีบอกเราให้พูดออกมาดัง ๆ เรื่องความดีงามของพระเจ้า “จงกล่าวสิ่งนี้ “พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ และข้าพระองค์ปลอดภัย!” (ข้อ 2 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระองค์ทรงสัญญาที่จะช่วยกู้คุณ “​ให้​พ้น​จาก​กับ​ดักที่ซ่อนอยู่ และ​พ้น​จาก​โรค​ภัย​ร้าย​แรง​นั้น พระ​องค์​จะ​ทรง​ปก​ป้องท่าน​ไว้​ด้วย​ปีก​ของ​พระ​องค์ และ​ท่าน​จะ​ลี้​ภัย​อยู่​ใต้​ปีก​ของ​พระ​องค์ แขนของพระองค์ปกป้องอันตรายทุกประการ” (ข้อ 3–4 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความกลัวสามารถทำลายความสุขในปัจจุบันของคุณได้ พระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย ในการทำเช่นนั้น พระองค์ทรงปลดปล่อยคุณจากความกลัวความตาย และทุกความกลัวซึ่งมากับเรื่องนี้ “และ​ท่าน​จะ​ลี้​ภัย​อยู่​ใต้​ปีก​ของ​พระ​องค์” (ข้อ 4) คุณไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเรื่องอนาคต และคุณสามารถมีความสุขกับปัจจุบันได้โดยปราศจากความกลัว

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์สามารถพักพิงอยู่ในป้อมปราการของพระองค์ และพักสงบอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์ ข้าพระองค์ขอกล่าวกับพระองค์ในวันนี้ พระองค์ทรงเป็น “ที่​ลี้​ภัย​ของ​ข้า​พระ​องค์​และ​ป้อม​ปรา​การ​ของ​ข้า​พระ​องค์” (ข้อ 2) ข้าพระองค์จะไว้วางใจพระองค์
พันธสัญญาใหม่

1 โครินธ์ 1:18-2:5

พระคริสต์คือฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า

 18เพราะว่าคนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่เราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า 19เพราะมีคำเขียนไว้ว่า

“เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญา
 และจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดสูญสิ้นไป”

 20คนมีปัญญาของยุคนี้อยู่ที่ไหน? บัณฑิตของยุคนี้อยู่ที่ไหน? นักโต้ปัญหาของยุคนี้อยู่ที่ไหน? พระเจ้าทรงทำให้ปัญญาฝ่ายโลกเป็นความโง่แล้วไม่ใช่หรือ? 21เพราะตามที่ทรงกำหนดไว้ตามพระสติปัญญาของพระเจ้า โลกไม่อาจรู้จักพระเจ้าได้โดยปัญญาของตน พระเจ้าจึงพอพระทัยจะช่วยพวกที่เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาโง่ๆ 22พวกยิวขอหมายสำคัญ และพวกกรีกเสาะหาปัญญา 23แต่เราประกาศเรื่องพระคริสต์ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น อันเป็นสิ่งที่พวกยิวสะดุด และพวกต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องโง่ 24แต่สำหรับพวกที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น ทั้งพวกยิวและพวกกรีก ต่างถือว่าพระคริสต์ทรงเป็นฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า 25เพราะความเขลาของพระเจ้ายังมีปัญญายิ่งกว่าปัญญาของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังมีกำลังมากยิ่งกว่ากำลังของมนุษย์
 26พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูสภาพพวกท่านเมื่อได้รับการทรงเรียก มีน้อยคนที่โลกถือว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง 27แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าโง่ เพื่อทำให้พวกมีปัญญาอับอาย และได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้พวกที่แข็งแรงอับอาย 28พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไม่สำคัญ เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ 29เพื่อไม่ให้มนุษย์สักคนหนึ่งโอ้อวดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ 30โดยพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระปัญญาจากพระเจ้าสำหรับเรา ทรงเป็นผู้ทำให้เราชอบธรรม ทรงเป็นผู้ชำระเราให้บริสุทธิ์ และทรงเป็นผู้ไถ่บาป 31เพื่อให้เป็นไปตามคำเขียนไว้ว่า “ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า”

1 โครินธ์ 2

การประกาศว่าพระคริสต์ทรงถูกตรึง

 1พี่น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาหาท่านเพื่อประกาศความล้ำลึกแก่พวกท่านนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้มาด้วยถ้อยคำหวานหูหรือด้วยความฉลาดปราดเปรื่องภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ด้วยปัญญา 2เพราะข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะไม่แสดงความรู้เรื่องใดๆ ในหมู่พวกท่านเลย เว้นแต่เรื่องพระเยซูคริสต์และการที่พระองค์ทรงถูกตรึงที่กางเขน 3และข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลายด้วยความอ่อนแอ ด้วยความกลัวและความหวาดหวั่นมาก 4คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นการพูดชักชวนด้วยปัญญาแต่เป็นการสำแดงพระวิญญาณและฤทธานุภาพ 5เพื่อความเชื่อของพวกท่านจะไม่ขึ้นกับปัญญาของมนุษย์ แต่ขึ้นกับฤทธิ์เดชของพระเจ้า

อรรถาธิบาย

ฤทธานุภาพในความอ่อนแอ

‘ข้าพเจ้ากลัวแทบตาย’ อัครทูตเปาโลเขียน (2:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ท่านรู้สึกไม่คู่ควรใด ๆ กับงานที่พระเจ้าทรงเรียกให้ทำ ‘แต่ข่าวสารก็เข้ามาอยู่ดี พระวิญญาณของพระเจ้า และฤทธานุภาพของพระเจ้าทรงกระทำสิ่งนี้’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความอ่อนแอทางศีลธรรมและความขี้ขลาดไม่ใช่คุณธรรม อย่างไรก็ตามอย่างที่เราเห็นในพระธรรมตอนนี้ มีด้านที่ดีในความอ่อนแอ ความกลัว และความหวาดหวั่น

พระเจ้าทรงกลับด้านสิ่งต่าง ๆ กางเขนทำให้ทุกสิ่งกลับหัวกลับหาง ‘เพราะ​ว่า​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​กำ​ลัง​จะ​พินาศ​ก็​เห็น​ว่า​เรื่อง​กาง​เขน​เป็น​เรื่อง​โง่ แต่​เรา​ที่​กำ​ลัง​จะ​รอด​เห็น​ว่า​เป็น​ฤท​ธา​นุภาพ​ของ​พระ​เจ้า’ (1:18)

พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ในฐานะอาชญากรของรัฐ พระองค์สิ้นพระชนม์บนเครื่องมือทรมานของโรม ความตายที่สงวนไว้สำหรับผู้ที่เสื่อมทรามและถูกเหยียดหยามที่สุดในสังคมโรมัน กางเขนไม่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคริสเตียนไปจนอีกหลายร้อยปี การตรึงกางเขนเป็นเรื่องของความอ่อนแอ ความอับอาย และความปราชัย

ในตอนนั้น เมืองโครินธ์เป็นศูนย์กลางแห่งปัญญาของโลก เป็นสถานที่ของผู้ที่ชอบโต้คารม บรรดาครู อาจารย์ และนักปรัชญาที่เดินทางท่องไป ความคิดและปัญญานั้นได้รับการตีค่าไว้สูงมาก

เนื้อหาของพระกิตติคุณที่เราประกาศ ดูเหมือนเป็นเรื่องโง่เขลาสุด ๆ สำหรับพวกที่มีความฉลาดอย่างยิ่ง การที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนกางเขนเมื่อสองพันปีก่อนสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณโดยสิ้นเชิง ที่ฟังดูแล้ว ‘โง่เขลา' ต่อพวกปัญญาชน และเป็น ‘หินสะดุด’ (ข้อ 23) แม้กระทั่งกับผู้นำทางความเชื่อมากมาย

แต่ถึงอย่างไร ข้อความง่าย ๆ นี้ก็ช่วยผู้ที่วางใจเชื่อ ‘เพราะ​ตาม​ที่​ทรง​กำ​หนด​ไว้​ตาม​พระ​สติ​ปัญ​ญา​ของ​พระ​เจ้า โลก​ไม่​อาจ​รู้​จัก​พระ​เจ้า​ได้​โดย​ปัญ​ญา​ของ​ตน พระ​เจ้า​จึง​พอ​พระ​ทัย​จะ​ช่วย​พวก​ที่​เชื่อ​ให้​รอด​โดย​คำ​เทศ​นา​โง่ ๆ … เพราะ​ความ​เขลา​ของ​พระ​เจ้า​ยัง​มี​ปัญ​ญา​ยิ่ง​กว่า​ปัญ​ญา​ของ​มนุษย์ และ​ความ​อ่อน​แอ​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ยัง​มี​กำ​ลัง​มาก​ยิ่ง​กว่า​กำ​ลัง​ของ​มนุษย์’ (ข้อ 21, 25)

เมื่อเรามองไปรอบ ๆ เราสามารถเห็นว่าสิ่งนี้ยังคงเป็นจริงอยู่ในปัจจุบันว่า มีคนไม่มากนักในคริสตจักรที่เป็นพวก ‘สมองใสและฉลาดล้ำ’ มีคนไม่มากนักที่เป็น ‘ผู้มีอิทธิพล’ และมีไม่กี่คนที่ ‘มาจากครอบครัวในสังคมชั้นสูง’ (ข้อ 26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่นี่ก็ยังคงเป็นความจริงในปัจจุบันว่าพระเจ้า ‘ทรง​เลือก​พวก​ที่​โลก​ถือ​ว่า​โง่ เพื่อ​ทำ​ให้​พวก​มี​ปัญ​ญา​อับ​อาย และ​ได้​ทรง​เลือก​พวก​ที่​โลก​ถือ​ว่า​อ่อน​แอ เพื่อ​ทำ​ให้​พวก​ที่​แข็ง​แรง​อับ​อาย’ (ข้อ 27)

อย่าอับอายในการกล่าวข้อความง่าย ๆ ซึ่งดูเหมือนโง่เขลาต่อคนจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องพยายาม และตกแต่งคำพูดด้วย '​ถ้อย​คำ​หวาน​หู​หรือ​ด้วย​ความ​ฉลาด​ปราด​เปรื่อง’ (2:1) แต่เน้นไปที่เนื้อหาเรื่อง 'พระ​เยซู​คริสต์​และ​การ​ที่​พระ​องค์​ทรง​ถูก​ตรึง​ที่​กาง​เขน’ (ข้อ 2) ตามที่ยูจีน ปีเตอร์สัน แปลว่า ‘ข้าพเจ้าจงใจทำให้มันเรียบง่าย อันดับแรก พระเยซูและพระองค์ทรงเป็นผู้ใด จากนั้น พระเยซูและสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ คือที่พระเยซูทรงถูกตรึงที่กางเขน’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เป็นเรื่องปกติที่จะมีประสบการณ์ใน ‘ความอ่อนแอ และความกลัวและ...ความหวาดหวั่นมาก' (ข้อ 3) สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าคุณจะใช้เพียงแต่ ‘ถ้อยคำชักชวนด้วยปัญญา’ แต่ 'เป็น​การ​สำ​แดง​พระ​วิญ​ญาณ​และ​ฤทธา​นุ​ภาพ’ (ข้อ 4) และฤทธานุภาพของพระองค์ก็ปรากฏเต็มในความอ่อนแอของเรา บ่อยครั้งที่เมื่อเฉพาะเวลาที่เรารู้สึกอ่อนแอ เราถึงเต็มใจที่จะพึ่งพาพระเจ้าอย่างเต็มที่ เปาโลพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์เต็มที่ให้ตรัสผ่านตัวท่าน ไม่ว่าคุณจะรู้สึกว่าไม่คู่ควรอย่างไรก็ตาม หากคุณทูลขอองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ตรัสผ่านคุณ พระองค์จะทำ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับข้อความเรื่องพระเยซูและการถูกตรึงบนกางเขนของพระองค์ ซึ่งเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำหวานหูหรือความฉลาดปราดเปรื่อง แม้ว่าข้าพระองค์พูดในความอ่อนแอ ความกลัว และความหวาดหวั่น ข้าพระองค์อธิษฐานให้พระองค์ทรงสถิตอยู่ในการเทศนา ให้เนื้อหานั้นสำแดงฤทธานุภาพของพระวิญญาณ
พันธสัญญาเดิม

1 พงศาวดาร 19:1-22:1

ทรงรบชนะคนอัมโมนและคนซีเรีย

 1และอยู่ต่อมาภายหลังนี้ นาหาชพระราชาของคนอัมโมนสิ้นพระชนม์ และโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน 2และดาวิดตรัสว่า “เราจะซื่อตรงต่อฮานูนโอรสของนาหาช เพราะว่าบิดาของท่านได้ซื่อตรงต่อเรา” ดาวิดจึงทรงส่งคณะทูตไปปลอบโยนท่านเกี่ยวกับบิดาของท่าน และพวกข้าราชการของดาวิดก็มายังฮานูนในแผ่นดินของคนอัมโมน เพื่อจะปลอบโยนท่าน 3แต่บรรดาเจ้านายของคนอัมโมนทูลฮานูนว่า “ฝ่าพระบาทดำริว่า ดาวิดส่งพวกผู้ปลอบโยนมาหาฝ่าพระบาทเพราะทรงให้เกียรติพระราชบิดาของฝ่าพระบาทเช่นนั้นหรือ? เหล่าข้าราชการของท่านมาหาฝ่าพระบาทเพื่อค้นหาและคว่ำและสอดแนมแผ่นดินไม่ใช่หรือ?” 4ฮานูนจึงจับเหล่าข้าราชการของดาวิดและทรงโกนพวกเขาเสีย และทรงตัดเครื่องแต่งกายเสียที่ตรงกลางจนถึงสะโพก และทรงปล่อยพวกเขากลับไป 5เมื่อมีบางคนไปทูลดาวิดถึงเรื่องคนเหล่านั้น พระองค์ก็ทรงใช้ให้ไปหาพวกเขา เพราะคนเหล่านั้นอายมาก และพระราชาตรัสว่า “จงพักอยู่ที่เมืองเยรีโคจนกว่าเคราของท่านทั้งหลายจะขึ้น แล้วค่อยกลับมา”
 6เมื่อคนอัมโมนเห็นว่า ได้ทำตนให้เป็นที่เกลียดชังแก่ดาวิด ฮานูนและคนอัมโมนจึงส่งเงินหนัก 34,000 กิโลกรัมไปจ้างรถรบ และทหารม้าจากเมโสโปเตเมียภาษาฮีบรูคือ อารัม-นาหะราอิม จากอารัมมาอาคาห์ และจากโศบาห์ 7เขาจ้างรถรบ 32,000 คัน และพระราชาแห่งเมืองมาอาคาห์กับทหารของพระองค์ มาตั้งค่ายอยู่ที่หน้าเมืองเมเดบา และคนอัมโมนก็รวบรวมกันมาจากหัวเมืองต่างๆ ของเขาทั้งหลาย มาทำสงคราม 8เมื่อดาวิดทรงทราบจึงใช้โยอาบ และกองทัพนักรบทั้งสิ้นไป 9คนอัมโมนออกมาจัดทัพที่ทางเข้าประตูเมือง ส่วนบรรดาพระราชาก็ยกมาอยู่ที่ท้องทุ่ง
 10เมื่อโยอาบเห็นว่าการศึกนั้นขนาบอยู่ข้างหน้าและข้างหลัง ท่านจึงคัดเอาคนอิสราเอลที่สรรไว้แล้วและจัดทัพเข้าไปต่อสู้คนซีเรีย 11ส่วนทหารที่เหลือ ท่านก็มอบไว้ในการบัญชาของอาบีชัยน้องชายของท่าน คนเหล่านั้นก็จัดเข้าสู้คนอัมโมน 12และท่านพูดว่า “ถ้ากำลังคนซีเรียแข็งเหลือกำลังของเราแล้ว ให้เจ้ามาช่วยเรา แต่ถ้ากำลังคนอัมโมนแข็งเกินกำลังของเจ้า เราจะช่วยเจ้า 13จงกล้าหาญ และให้เราเข้มแข็งเพื่อชนชาติของเรา และเพื่อเมืองทั้งหลายของพระเจ้าของเรา และขอพระยาห์เวห์ทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นชอบ” 14ดังนั้นโยอาบและกำลังทหารที่อยู่กับท่านเข้ามาใกล้ข้างหน้าคนซีเรียเพื่อสู้รบกัน และเขาทั้งหลายก็แตกหนีไปต่อหน้าท่าน 15และเมื่อคนอัมโมนเห็นว่าคนซีเรียหนีไปแล้ว พวกเขาก็หนีไปจากอาบีชัยน้องชายของโยอาบด้วย และเข้าไปในเมือง แล้วโยอาบก็กลับไปเยรูซาเล็ม
 16แต่เมื่อคนซีเรียเห็นว่าเขาพ่ายแพ้แก่อิสราเอล เขาจึงส่งคณะทูตไปนำคนซีเรีย ซึ่งอยู่ที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติสมา มีโชฟัคผู้บังคับบัญชากองทัพของฮาดัดเอเซอร์เป็นทัพหน้า 17และเมื่อดาวิดทรงทราบ พระองค์ก็ทรงรวมอิสราเอลทั้งสิ้นเข้าด้วยกัน และข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาหาพวกเขา และจัดทัพต่อสู้กับเขา และเมื่อดาวิดทรงจัดทัพปะทะกับคนซีเรีย เขาทั้งหลายก็ต่อสู้กับพระองค์ 18และคนซีเรียก็หนีไปต่อหน้าอิสราเอล และดาวิดทรงประหารคนซีเรียคือคนของรถรบ 7,000 คน และทหารราบ 40,000 คน และฆ่าโชฟัคผู้บัญชาการกองทัพนั้นด้วย 19และเมื่อเหล่าข้าราชการของฮาดัดเอเซอร์เห็นว่าพวกเขาพ่ายแพ้ต่ออิสราเอล เขาก็ยอมสงบศึกกับดาวิด และรับใช้พระองค์ คนซีเรียจึงไม่ยอมช่วยคนอัมโมนอีกต่อไป

1 พงศาวดาร 20

ดาวิดทรงยึดเมืองรับบาห์

 1ครั้นถึงฤดูใบไม้ผลิ เมื่อบรรดากษัตริย์ยกกองทัพออกไปรบ โยอาบก็นำกองทัพไปทำลายแผ่นดินของคนอัมโมน และมาล้อมเมืองรับบาห์ไว้แต่ดาวิดประทับที่เยรูซาเล็ม และโยอาบก็โจมตีเมืองรับบาห์ และคว่ำเมืองนั้นเสีย 2และดาวิดทรงถอดมงกุฎจากพระเศียรของพระราชาของเขาทั้งหลาย และทรงพบว่า มงกุฎนั้นมีทองคำหนักประมาณ 34 กิโลกรัมมีเพชรพลอยและทรงสวมบนพระเศียรของดาวิด และพระองค์ทรงนำของที่ริบจากเมืองนั้นมามากมาย 3พระองค์ทรงนำประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้นออกมา ตั้งพวกเขาให้ทำงานหนักอยู่กับเลื่อย และเหล็กขุดและขวาน และดาวิดทรงกระทำเช่นนั้นแก่เมืองทั้งสิ้นของคนอัมโมน แล้วดาวิดกับประชาชนทั้งปวงก็กลับสู่เยรูซาเล็ม

ทำสงครามกับคนฟีลิสเตีย

 4อยู่มาภายหลัง เกิดสงครามขึ้นกับคนฟีลิสเตียที่เมืองเกเซอร์ แล้วสิบเบคัยตระกูลหุชาห์สังหารสิปปัยผู้เป็นเชื้อสายของคนยักษ์เสีย และคนฟีลิสเตียก็ถูกปราบ 5แล้วมีสงครามกับคนฟีลิสเตียอีก และเอลฮานันบุตรยาอีร์ฆ่าลามี น้องชายของโกลิอัทชาวกัทเสีย ผู้มีหอกด้ามโตเท่าไม้กระพั่นทอผ้า 6และมีสงครามที่เมืองกัทอีก มีชายคนหนึ่งรูปร่างใหญ่โต ผู้ที่นิ้วมือข้างละ 6 นิ้ว และนิ้วเท้าข้างละ 6 นิ้ว จำนวน 24 นิ้ว และเขามีเชื้อสายมาจากคนยักษ์ด้วย 7และเมื่อเขาท้าทายอิสราเอล โยนาธานบุตรชิเมอี พระเชษฐาของดาวิดก็ประหารเขาเสีย 8คนเหล่านี้สืบเนื่องมาจากคนยักษ์ในเมืองกัท และพวกเขาล้มตายด้วยพระหัตถ์ของดาวิดและด้วยมือข้าราชการของพระองค์

1 พงศาวดาร 21

การนับจำนวนอิสราเอลและโรคระบาด

 1ซาตานยืนขึ้นต่อสู้อิสราเอล และดลใจให้ดาวิดนับจำนวนอิสราเอล 2ดาวิดจึงตรัสกับโยอาบและบรรดาผู้นำของกองทัพว่า “จงไปนับอิสราเอลตั้งแต่เมืองเบเออร์เชบาถึงเมืองดาน แล้วนำรายงานมาให้เรา เพื่อจะได้ทราบจำนวนรวมของเขาทั้งหลาย” 3แต่โยอาบทูลว่า “ขอพระยาห์เวห์ทรงเพิ่มประชากรของพระองค์อีกร้อยเท่าของที่มีอยู่แล้ว ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท แต่พวกทหารเป็นผู้รับใช้ของเจ้านายของข้าพระบาทไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้านายของข้าพระบาททรงต้องการเช่นนี้? ทำไมพระองค์จึงทรงนำความผิดบาปมาสู่อิสราเอล?” 4แต่โยอาบขัดรับสั่งไม่ได้จึงจากไป และไปทั่วในอิสราเอลทั้งสิ้น และกลับมายังเยรูซาเล็ม 5และโยอาบถวายจำนวนรวมจากจำนวนประชาชนที่นับได้แก่ดาวิด ในอิสราเอลทั้งสิ้นมี 1,100,000 คนที่ชักดาบ และในยูดาห์มี 470,000 คนที่ชักดาบ 6แต่ในการนับนั้นท่านไม่ได้รวมเลวีและเบนยามิน เพราะว่าพระบัญชาของพระราชาเป็นที่น่าเกลียดแก่โยอาบ
 7แต่พระเจ้าไม่พอพระทัยในเรื่องนี้ และพระองค์ทรงลงโทษอิสราเอล 8และดาวิดทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ได้ทำบาปใหญ่ยิ่งในการที่ข้าพระองค์ได้ทำสิ่งนี้ แต่บัดนี้ขอทรงให้อภัยความบาปชั่วของผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ได้ทำการอย่างโง่เขลามาก” 9และพระยาห์เวห์ตรัสกับกาดผู้ทำนายของดาวิดว่า 10“จงไปบอกดาวิดว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราเสนอเจ้าสามประการจงเลือกเอาประการหนึ่ง เพื่อเราจะได้ทำต่อเจ้า’ ” 11กาดจึงเข้าเฝ้าดาวิดและกราบทูลพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า จงเลือกสำหรับเจ้าเอง 12คือกันดารอาหาร 3 ปี หรือการกวาดล้างโดยศัตรูของเจ้า 3 เดือนขณะที่ดาบของศัตรูจะไล่ทันเจ้า หรือดาบของพระยาห์เวห์ 3 วันคือโรคระบาดบนแผ่นดิน และทูตของพระยาห์เวห์ทำลายทั่วไปในเขตแดนทั้งสิ้นของอิสราเอล บัดนี้ขอทรงพิจารณาดูว่าจะให้ข้าพระบาทกลับไปทูลพระองค์ผู้ทรงส่งข้าพระบาทมาว่าประการใด” 13แล้วดาวิดตรัสกับกาดว่า “เรามีความทุกข์ใจมาก ขอให้เราตกเข้าไปอยู่ในพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ เพราะพระกรุณาของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก แต่ขออย่าให้เราตกเข้าไปในมือของมนุษย์เลย”
 14ดังนั้นพระยาห์เวห์ทรงให้โรคระบาดเกิดขึ้นในอิสราเอล และคนอิสราเอลล้มตาย 70,000 คน 15และพระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์ไปยังเยรูซาเล็มเพื่อจะทำลายเสีย แต่เมื่อท่านจะลงมือทำลาย พระยาห์เวห์ทรงเห็นและพระองค์ทรงกลับพระทัยในเหตุร้ายนั้น และพระองค์ตรัสกับทูตผู้กำลังทำลายนั้นว่า “พอแล้ว ยับยั้งมือของเจ้า” ส่วนทูตของพระยาห์เวห์ก็กำลังยืนอยู่ที่ลานนวดข้าวของโอรนันคนเยบุส 16และดาวิดแหงนพระพักตร์เห็นทูตของพระยาห์เวห์ ยืนระหว่างแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ และในมือถือดาบที่ชักออกชี้เหนือเยรูซาเล็ม แล้วดาวิดและพวกผู้ใหญ่สวมผ้ากระสอบซบหน้าลง 17และดาวิดทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์เองไม่ใช่หรือที่บัญชาให้นับประชาชน? ข้าพระองค์เองเป็นผู้ได้ทำบาป และได้ทำความชั่วร้ายจริงๆ แต่บรรดาแกะเหล่านี้พวกเขาได้ทำอะไร? ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่เหนือข้าพระองค์ และพงศ์พันธุ์ของบิดาข้าพระองค์ แต่ขออย่าให้โรคร้ายนั้นอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์”
 18แล้วทูตของพระยาห์เวห์บัญชาให้กาดทูลดาวิดว่า ให้ดาวิดเสด็จขึ้นไปสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์ที่ลานนวดข้าวของโอรนันคนเยบุส 19ดาวิดจึงเสด็จขึ้นไปตามคำของกาด ซึ่งท่านทูลในพระนามของพระยาห์เวห์ 20โอรนันหันมาเห็นทูตสวรรค์ บุตรชายสี่คนของท่านที่อยู่กับท่านก็ซ่อนตัวเสีย ส่วนโอรนันนวดข้าวสาลีต่อ 21เมื่อดาวิดเสด็จมายังโอรนัน โอรนันมองเห็นดาวิด และออกไปจากลานนวดข้าว ถวายบังคมดาวิดด้วยซบหน้าลงถึงดิน 22และดาวิดตรัสกับโอรนันว่า “จงให้ที่ลานนวดข้าวแก่เรา เพื่อเราจะสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์บนนั้น จงให้แก่เราตามราคาเต็ม เพื่อว่าภัยพิบัตินั้นจะได้หมดไปจากประชาชน” 23แล้วโอรนันทูลดาวิดว่า “ทรงรับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ และขอพระราชาเจ้านายของข้าพระบาททำสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นชอบเถิด และข้าพระบาทขอถวายโคสำหรับเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และถวายเลื่อนนวดข้าวให้เป็นฟืน แล้วข้าวสาลีเป็นธัญบูชา ข้าพระบาทขอถวายหมด” 24แต่กษัตริย์ดาวิดตรัสกับโอรนันว่า “ไม่ได้ แต่เราจะซื้อแน่ๆ ตามราคาเต็ม เพราะเราจะไม่เอาของของเจ้าถวายพระยาห์เวห์ หรือถวายสิ่งที่เราได้มาเปล่าๆ เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว” 25ดาวิดจึงทรงให้โอรนันเป็นทองคำน้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัมเพื่อที่นั้น 26ดาวิดก็ทรงสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์ที่นั่น และทรงถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องศานติบูชา และร้องทูลต่อพระยาห์เวห์และพระองค์ทรงตอบพระองค์ด้วยไฟจากสวรรค์บนแท่นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว 27แล้วพระยาห์เวห์ทรงบัญชาทูตสวรรค์ และท่านก็เอาดาบใส่ฝักเสีย

สถานที่ตั้งพระวิหาร

 28ครั้งนั้น เมื่อดาวิดทรงเห็นว่าพระยาห์เวห์ทรงตอบพระองค์ที่ลานนวดข้าวของโอรนันคนเยบุส พระองค์ก็ทรงถวายสัตวบูชาที่นั่น 29เพราะพลับพลาของพระยาห์เวห์ซึ่งโมเสสสร้างขึ้นในถิ่นทุรกันดาร และแท่นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวในเวลานั้นอยู่ในปูชนียสถานสูงที่กิเบโอน 30แต่ดาวิดไม่สามารถเสด็จไปที่นั่นเพื่อทูลถามพระเจ้าเพราะ พระองค์ทรงกลัวดาบของทูตของพระยาห์เวห์

1 พงศาวดาร 22

 1แล้วดาวิดตรัสว่า “นี่คือที่สำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้า นี่จะเป็นที่สำหรับแท่นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวของอิสราเอล”

อรรถาธิบาย

ความกลัวและความหวาดหวั่น

‘ความกลัวและความหวาดหวั่น’ จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าไม่ได้ผิดเสมอไป แท้จริงแล้วบางครั้งเป็นเรื่องที่เหมาะสมด้วย

ผู้เขียนพงศาวดารทำให้เห็นชัดเจน ในแบบที่เรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ชัดเจนเช่นนี้ ว่านี่เป็น ‘ซาตาน’ ที่เป็นผู้ ‘ดล​ใจ​ให้​ดาวิด​นับ​จำ​นวน​อิส​รา​เอล’ (21:1) โยอาบพยายามหว่านล้อมดาวิดไม่ให้ทำเช่นนั้น (ข้อ 3) แต่ดาวิดถูกซาตานครอบงำ 'แต่​พระ​เจ้า​ไม่​ทรง​พอ​พระ​ทัย​ใน​เรื่อง​นี้ (การพึ่งพาทรัพยากรมนุษย์)’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

ไม่ชัดเจนว่าเหตุใดนี่จึงเป็นบาป​ใหญ่​ยิ่ง แต่ชัดเจนดังที่ดาวิดทูลต่อพระเจ้าว่า ‘ข้า​พระ​องค์​ได้​ทำ​บาป​ใหญ่​ยิ่ง​ใน​การ​ที่​ข้า​พระ​องค์​ได้​ทำ​สิ่ง​นี้ แต่​บัดนี้​ขอ​ทรง​ให้​อภัย​ความ​บาป​ชั่ว​ของ​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์ เพราะ​ข้า​พระ​องค์​ได้​ทำ​การ​อย่าง​โง่​เขลา​มาก’ (ข้อ 8)

พระองค์ตรัสด้วยความรู้สึกกลัว และหวาดหวั่นที่เกิดขึ้นว่า ‘เรา​มี​ความ​ทุกข์ใจ​มาก ขอ​ให้​เรา​ตก​เข้า​ไป​อยู่​ใน​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ เพราะ​พระ​กรุณา​ของ​พระ​องค์​ใหญ่​ยิ่ง​นัก’ (ข้อ 13)

เมื่อดาวิดมาถวายเครื่องบูชาต่อพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า ‘เพราะ​เรา​จะ​ไม่​เอา​ของ​ของ​เจ้า​ถวาย​พระ​ยาห์​เวห์ หรือ​ถวาย​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​มา​เปล่า ๆ เป็น​เครื่อง​บูชา​เผา​ทั้ง​ตัว’ (ข้อ 24) ดาวิด​ทูล​ต่อ​พระ​ยาห์​เวห์​และ​พระ​องค์​ทรง​ตอบ​ ‘ด้วยไฟจากสวรรค์' (ข้อ 26)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์เข้ามาหาพระองค์ในวันนี้ในความอ่อนแอ และความหวาดหวั่นมาก และทูลขอให้ฤทธานุภาพของพระองค์จะเต็มขนาดในความอ่อนแอของข้าพระองค์ (2 โครินธ์ 12:9)

เพิ่มเติมโดยพิพพา

1 โครินธ์ 1:27

'แต่​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​เลือก​พวก​ที่​โลก​ถือ​ว่า​โง่ เพื่อ​ทำ​ให้​พวก​มี​ปัญ​ญา​อับ​อาย และ​ได้​ทรง​เลือก​พวก​ที่​โลก​ถือ​ว่า​อ่อน​แอ เพื่อ​ทำ​ให้​พวก​ที่​แข็ง​แรง​อับ​อาย’

ฉันตกอยู่ในประเภทอ่อนแอและโง่เขลาอย่างแน่นอน ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงเลือกฉัน!

ข้อพระคำประจำวัน

สดุดี 91:3-4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล

‘พระองค์จะทรงปกท่านไว้ด้วยปีกของพระองค์ และท่านจะลี้ภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์ แขนของพระองค์ปกป้องอันตรายทุกประการ’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม