ผลงานที่ไม่เหือดหายไป
เกริ่นนำ
คนโดยทั่วไปจะใช้เวลาโดยประมาณ 150,000 ชั่วโมง ตลอดชั่วชีวิตในที่ทำงาน กล่าวคือ ประมาณ 40% ของชีวิตในยามตื่นของเราถูกใช้เพื่อทำงาน
'พระเจ้าทรงสนพระทัยในการงานของเราไหม? หลายคนไม่เห็นพระเจ้าว่าทรงเป็นพระเจ้า 24/7 แต่เป็นนักแสดงที่ถูกถอดออกซึ่งมีบทบาทเฉพาะการแสดงวันอาทิตย์ ซึ่งมีจำนวนผู้ชมลดลงทุกที มีมุมมองอันแพร่หลายว่า พระเจ้าและการทำงานไปด้วยกันไม่ได้ การแข่งขันกัน ความต้องการที่เฉียบขาดของโลกแห่งการทำงาน ดูเหมือนเป็นศัตรูอย่างชัดเจนของความเมตตาและความรักแบบคริสเตียน แต่พระเจ้าซึ่งทรงเป็นผู้ที่สร้างและค้ำจุนโลกยังทรงเป็นพระเจ้าแห่งสถานที่ทำงาน ‘หากความเชื่อคริสเตียนไม่เกี่ยวข้องกับที่ทำงาน ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องไหนเลย’
นี่เป็นคำพูดของหนึ่งในเพื่อนสนิทที่สุดของผม เคน คอสต้า ในหนังสือของเขาที่ชื่อ God at Work พระเจ้าในที่ทำงาน (ดูเพิ่มเติมที่ godatwork.org.uk) ตลอดสี่สิบปีมานี้ เคนได้ดำเนินชีวิตตามความเชื่อแถวหน้าหน้าของพันธกิจคริสเตียน ในสถานที่ทำงานที่เป็น ‘ทางโลก' ในกรุงลอนดอน และเขาเห็นการทรงเรียกหลักของเขาในฐานะคริสเตียน
ไม่ว่าคุณจะได้รับการทรงเรียกให้ทำงานประเภทใดก็ตาม มันอาจจะครอบครองเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตคุณ งานเป็นส่วนสำคัญของ ‘เศรษฐกิจ’ ของพระเจ้า นี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่คุณถูกสร้างขึ้นมาให้ทำมัน และจะเป็นส่วนของสิ่งที่คุณต้องทำบนฟ้าสวรรค์ งานมีคุณค่าอย่างแท้จริง พระคัมภีร์มีหลายสิ่งที่พูดเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องงานของเรา
สดุดี 90:11-17
11ผู้ใดจะทราบถึงพลังความกริ้วของพระองค์?
หรือทราบถึงความเกรี้ยวกราดของพระองค์ตามความเกรงกลัวพระองค์?
12ขอทรงสอนข้าพระองค์ทั้งหลายให้นับวันของตน
เพื่อพวกข้าพระองค์จะมีจิตใจที่มีปัญญา
13ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงหันมาเถิด ยังอีกนานเท่าใด?
ขอทรงสงสารบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
14ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายอิ่มความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้ร้องเพลงด้วยความชื่นบานและยินดี
ตลอดวันเวลาของพวกข้าพระองค์
15ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายยินดีให้มากวัน เท่ากับที่พระองค์ได้ทรงให้
พวกข้าพระองค์ทุกข์ยากนั้น
และให้มากปีเท่ากับที่พวกข้าพระองค์ได้ประสบสิ่งร้าย
16ขอให้พระราชกิจของพระองค์ปรากฏแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
และให้ความสง่างามของพระองค์ปรากฏแก่ลูกหลานของพวกเขา
17ขอความโปรดปรานขององค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่
เหนือเหล่าข้าพระองค์
ขอทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลายไว้เหนือพวกข้าพระองค์
ขอทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลาย
อรรถาธิบาย
ผลงานของคุณมีคุณค่ายาวนาน
อะไรที่คุณกำลังทำอยู่ในตอนนี้ที่จะยืนยาวกว่าตัวคุณ?
สดุดี 90 เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสั้นแห่งชีวิต (ข้อ 3–4, 10) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชีวิตคุณจะแสนสั้นและหายวับไปตามที่สดุดีบทนี้ว่าไว้ เป็นไปได้ว่าผลงานของคุณจะมีชีวิตยืนยาวกว่าตัวคุณเอง สิ่งที่คุณทำสามารถมีคุณค่าที่ยืนยาวได้ สดุดีบทนี้จบลงด้วยข้อความแห่งความหวัง ‘ขอความโปรดปรานขององค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่เหนือเหล่าข้าพระองค์ ขอทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลายไว้เหนือพวกข้าพระองค์ ขอทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลาย’ (ข้อ 17)
คุณค่าสูงสุดของผลงานของคุณคือการสะท้อนถึงความจริงที่ว่า องค์พระเจ้าเองก็ทรงเป็นผู้ที่ลงมือทำงานด้วยเช่นกัน ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ‘ขอให้พระราชกิจของพระองค์ [สัญลักษณ์ของฤทธิ์เดชของพระองค์] ปรากฏแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ และให้ความสง่างามของพระองค์ปรากฏแก่ลูกหลานของพวกเขา’ (ข้อ 16 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
ในหนังสือ Working Without Wilting (ผลงานที่ไม่เหือดหายไป) ของจาโก้ เวยน์ อดีตที่ปรึกษาด้านการจัดการ ซึ่งตอนนี้เป็นอธิการของคริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ แคลปแฮม เขียนว่า ‘เรามักคิดว่าสิ่งต่างๆ เช่น งานของเรา เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวและอนิจจัง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเราอยู่บนโลก
‘พระคัมภีร์ให้ภาพที่แตกต่างออกไป เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา พระเจ้าไม่ได้จะทรงลบล้างโลกนี้ แต่พระองค์จะสร้างมันขึ้นใหม่ ไถ่โลกนี้ และปลดปล่อยโลกนี้จากการผูกมัดที่ทำให้เสื่อมสลายไป...ผลงานของมนุษย์จะถูกชำระให้บริสุทธิ์และรับการไถ่ เพื่อจะได้เป็นไทจากความบาปเหมือนกับที่เราจะเป็นไทจากความบาป แต่ผลงานจะเป็นส่วนหนึ่งของการทรงสร้างใหม่อย่างแน่นอน’ นี่เป็นเหตุผลว่าเป็นเรื่องถูกต้องที่จะทูลขอให้พระเจ้า ‘ทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลาย’ (ข้อ 17ข)
คำอธิษฐาน
โรม 16:1-27
คำทักทายส่วนตัว
1ข้าพเจ้าขอฝากน้องสาวของเราไว้กับพวกท่านคือเฟบีผู้เป็นมัคนายิกาในคริสตจักรเคนเครีย 2กรุณารับนางไว้ให้สมกับฐานะธรรมิกชนในองค์พระผู้เป็นเจ้า และโปรดให้ความช่วยเหลือในทุกสิ่งที่นางต้องการ เพราะนางได้ช่วยอุปถัมภ์คนมากมายรวมทั้งข้าพเจ้าด้วย
3ขอทักทายมายังนางปริสคาและอาควิลลา ผู้ร่วมงานกับข้าพเจ้าในพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ 4ซึ่งได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขอบคุณเขาทั้งสอง ไม่เพียงข้าพเจ้าคนเดียว แต่คริสตจักรทุกแห่งของคนต่างชาติด้วย 5และขอฝากคำทักทายมายังคริสตจักรที่อยู่ในบ้านเขาด้วย ขอฝากคำทักทายมายังเอเปเนทัสที่รักของข้าพเจ้า ผู้เป็นคนแรกที่เข้ามาเชื่อในพระคริสต์ในแคว้นเอเชีย 6ขอฝากคำทักทายมายังมารีย์ ผู้ที่ตรากตรำเพื่อท่านทั้งหลาย 7ขอฝากคำทักทายมายังอันโดรนิคัสกับนางยูเนีย พี่น้องร่วมชาติซึ่งเคยถูกจำจองร่วมกับข้าพเจ้า เขาทั้งสองเป็นคนมีชื่อเสียงดีในหมู่พวกอัครทูต ทั้งได้อยู่ในพระคริสต์ก่อนข้าพเจ้าด้วย 8ขอฝากคำทักทายมายังอัมพลีอาทัส ที่รักของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้า 9ขอฝากคำทักทายมายังอูรบานัส ผู้ร่วมงานกับเราในพระคริสต์ และยังสทาคิสที่รักของข้าพเจ้า 10ขอฝากคำทักทายมายังอาเป็ลเลสผู้ที่เคยพิสูจน์ความภักดีต่อพระคริสต์ ขอฝากคำทักทายมายังคนในครอบครัวของอาริสโทบูลัส 11ขอฝากคำทักทายมายังเฮโรดิโอนน้องร่วมชาติของข้าพเจ้า ขอฝากคำทักทายมายังคนในองค์พระผู้เป็นเจ้าที่อยู่ในครอบครัวของนารซิสสัส 12ขอฝากคำทักทายมายังตรีเฟนาและตรีโฟสา ผู้ที่ตรากตรำในองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอฝากคำทักทายมายังนางเปอร์ซีสที่รัก ผู้ที่ปฏิบัติงานมากมายในองค์พระผู้เป็นเจ้า 13ขอฝากคำทักทายมายังรูฟัส ผู้ที่ทรงเลือกไว้ในองค์พระผู้เป็นเจ้า และมารดาของเขาซึ่งเป็นมารดาข้าพเจ้าด้วย 14ขอฝากคำทักทายมายังอาสินครีทัส ฟเลโกน เฮอร์เมส ปัทโรบัส เฮอร์มาส และบรรดาพี่น้องที่อยู่กับเขาเหล่านั้น 15ขอฝากคำทักทายมายังฟีโลโลกัส นางยูเลีย และเนเรอัสกับน้องสาวของเขา และโอลิมปัสกับบรรดาธรรมิกชนที่อยู่กับพวกเขา 16จงทักทายกันด้วยธรรมเนียมจูบอันบริสุทธิ์ บรรดาคริสตจักรของพระคริสต์ขอฝากคำทักทายมายังพวกท่านด้วย
17พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านให้สังเกตดูคนที่ก่อเหตุวิวาทและทำให้คนอื่นหลงไปจากคำสอนที่ท่านทั้งหลายได้เรียนมา จงตีตัวออกห่างจากคนเหล่านั้น 18เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับใช้พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา แต่รับใช้ปากท้องของตัวเอง และได้ล่อลวงคนซื่อให้หลงด้วยคำไพเราะอ่อนหวาน 19การเชื่อฟังของพวกท่านก็เลื่องลือไปถึงหูทุกคนแล้ว ข้าพเจ้าจึงมีความยินดีเพราะท่าน ข้าพเจ้าอยากให้ท่านเชี่ยวชาญในการดี และทึ่มในการชั่ว 20ไม่ช้าพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงปราบซาตานให้ยับเยินลงใต้ฝ่าเท้าของพวกท่าน ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงอยู่กับท่านเถิด
21ทิโมธี ผู้ร่วมงานกับข้าพเจ้า ลูสิอัส ยาโสนและโสสิปาเทอร์พี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้า ฝากคำทักทายมายังท่านทั้งหลายด้วย
22ข้าพเจ้าเทอร์ทิอัสผู้เขียนจดหมายฉบับนี้ตามคำบอก ขอฝากคำทักทายมายังท่านทั้งหลายในองค์พระผู้เป็นเจ้า
23กายอัส เจ้าของบ้านผู้เลี้ยงดูข้าพเจ้า และเป็นผู้บำรุงคริสตจักรทั้งหมดฝากคำทักทายมายังท่าน เอรัสทัส หัวหน้าการคลังประจำเมือง และควารทัสน้องของเรา ฝากคำทักทายมายังท่านด้วย
[ 24ขอพระคุณแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด อาเมน]
คำยอพระเกียรติตอนจบ
[ 25จงถวายพระเกียรติแด่พระองค์ผู้ทรงสามารถให้ท่านทั้งหลายตั้งมั่นคงตามข่าวประเสริฐซึ่งข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น คือเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ตามการเปิดเผยข้อล้ำลึก ซึ่งได้ปิดบังไว้ตั้งแต่โบราณกาล 26แต่เดี๋ยวนี้ได้เปิดเผยให้ปรากฏแล้ว โดยคำเขียนของบรรดาผู้เผยพระวจนะ ให้ชนทุกชาติเห็นประจักษ์ ตามซึ่งพระเจ้าผู้ทรงดำรงเป็นนิตย์ ได้ทรงบัญชาไว้เพื่อให้เขาได้เชื่อ 27โดยพระเยซูคริสต์ ขอพระเกียรติจงมีแด่พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูแต่องค์เดียวสืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน]
อรรถาธิบาย
ถวายตัวคุณเองอย่างเต็มที่เพื่อการงานของพระเจ้า
การเป็นคริสเตียนรวมเอาการกำหนดไว้ให้ทำงาน โดยเฉพาะการงานแห่งพระกิตติคุณ จดหมายของเปาโลไปถึงชาวโรมจบลงด้วยคำอวยพรต่อรายชื่อคนจำนวนหนึ่ง ในรายการนั้นเน้นย้ำอย่างมากถึงคุณค่าในการงานของพวกเขา
ปริสคาและอาควิลลาถูกบรรยายว่าเป็น 'ผู้ร่วมงานในพระราชกิจของพระเยซูคริสต์’ ของเปาโล (ข้อ 3) มารีย์ ‘ตรากตรำเพื่อท่านทั้งหลาย’ (ข้อ 6) อูรบานัส ‘ผู้ร่วมงานกับเราในพระคริสต์’ (ข้อ 9) ตรีเฟนาและตรีโฟสาเป็นสตรี ‘ที่ตรากตรำในองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 12) เปอร์ซีสเป็น ‘ผู้ที่ปฏิบัติงานมากมายในองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 12) ทิโมธี ‘ผู้ร่วมงานกับข้าพเจ้า’ (ข้อ 21)
ในที่อื่นเปาโลเขียนว่า ‘เราไม่ได้เกียจคร้านเลยเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกท่าน และเราไม่เคยกินอาหารของใครโดยไม่จ่ายเงิน แต่เราได้ทำงานหนักด้วยความพากเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อจะไม่เป็นภาระแก่ใครในพวกท่าน ไม่ใช่เพราะเราไม่มีสิทธิ์ แต่เพื่อทำตัวเป็นแบบอย่างให้ท่านทำตาม’ (2 เธสะโลนิกา 3:7–9)
เปาโลนั้นอาจเป็นผู้รับใช้ในพระคริสต์ที่เกิดผลที่สุดที่เคยมีมา แต่ก็ไม่ได้ทำพันธกิจแบบ ‘เต็มเวลา’ ท่านเป็นช่างเย็บเต็นท์หาเงินเพื่อเลี้ยงตัวเอง
ในทำนองเดียวกัน ไม่ใช่ทุกคนที่ระบุไว้ในโรม 16 จะเกี่ยวข้องใน ‘พันธกิจคริสเตียนเต็มเวลา' เอรัสทัสมีการงานทางโลก เขาเป็น ‘หัวหน้าการคลังประจำเมือง’ (ข้อ 23) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาถือว่างานของเขาเป็นการทรงเรียกหลักและพันธกิจของเขา ในแง่นั้น เราทุกคนก็เกี่ยวข้องกับพันธกิจแบบเต็มเวลา ไม่ว่าเราจะได้รับการทรงเรียกให้ทำงานเต็มเวลาในคริสตจักรหรือในทางโลก
เป็นที่น่าสนใจที่จะสังเกตว่ามีสตรีกี่คนที่ทำงานในคริสตจักร เฟบี (ข้อ 1) ถูกบรรยายว่าเป็นมัคนายิกา ซึ่งหมายถึงผู้ดูแลคริสตจักร หรือผู้ทำการ (‘ตัวแทนหลักของคริสตจักร’, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เธอถูกบรรยายว่าเคย ‘ได้ช่วยอุปถัมภ์คนมากมาย’รวมทั้งตัวอาจารย์เปาโลเองด้วย (ข้อ 2) คำกรีกที่ใช้ว่า ‘ช่วยอุปถัมภ์คนมากมาย’ คือคำที่ถูกใช้ในสำหรับผู้สนับสนุนทางการเมือง ผู้พิทักษ์ และผู้อุปถัมภ์ แสดงให้เห็นว่าเธอมีฐานะทางสังคม ความมั่งคั่ง และความเป็นไท เห็นได้ชัดว่าเธอมีบทบาทที่โดดเด่นมากในคริสตจักร
ปริสคาและอาควิลลา (ดูเพิ่มเติมในกิจการ 18) ได้ร่วมทำพันธกิจ ปริศคาถูกกล่าวถึงก่อน (ข้อ 3) นี่อาจเป็นเพราะเธอได้กลับใจเชื่อก่อน (และนำอาควิลลามาถึงพระคริสต์) หรือไม่ก็เธอมีบทบาทที่โดดเด่นมากกว่าในชีวิตและในการงานของคริสตจักร
สิบคนที่ถูกระบุชื่อไว้เป็นผู้หญิง รวมถึงชื่อยูนีอัส หนึ่งในคนที่เป็น ‘ผู้นำที่โดดเด่น’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ยูนีอัสค่อนข้างจะเป็นชื่อผู้หญิง เธอถูกบรรยายว่าเป็นหนึ่งในคนที่ ‘มีชื่อเสียงดี ในหมู่พวกอัครทูต’ (ข้อ 7) เนื่องจากเธอไม่ใช่หนึ่งในอัครสาวกสิบสองคนแน่นอน ‘พวกอัครทูต’ ในที่นี้ในความหมายเชิงกว้าง บ่งบอกถึงคนที่ถูกส่งออกไปทำพันธกิจ เปาโลรวมเอาผู้หญิงคนหนึ่งที่โดดเด่นท่ามกลางหมู่พวกอัครทูต จากทั้งหมดนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงได้ครอบครองตำแหน่งที่โดดเด่นในทีมงานของเปาโล
เปาโลลงท้ายด้วยคำขอบคุณและนมัสการ ‘ขอให้ทุกคำสรรเสริญของเราเน้นที่โดยทางพระเยซู จงมีแด่พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญู! อาเมน!’ (ข้อ 27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
1 พงศาวดาร 15:1-16:36
ทรงนำหีบพันธสัญญามากรุงเยรูซาเล็ม
1ดาวิดทรงสร้างพระราชวังต่างๆ เพื่อพระองค์ในนครดาวิด และพระองค์ทรงเตรียมที่ไว้สำหรับหีบของพระเจ้าและทรงตั้งเต็นท์ไว้ให้ 2แล้วดาวิดตรัสว่า “นอกจากคนเลวีแล้วไม่มีใครจะหามหีบของพระเจ้าได้ เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเลือกพวกเขาให้หามหีบของพระยาห์เวห์ และปรนนิบัติพระองค์ตลอดนิรันดร์” 3และดาวิดทรงประชุมอิสราเอลทั้งสิ้นที่เยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบของพระยาห์เวห์มาสู่ที่ของหีบนั้นซึ่งพระองค์ได้ทรงเตรียมไว้ให้ 4และดาวิดทรงรวบรวมเชื้อสายของอาโรนและคนเลวี 5คือจากเชื้อสายของโคฮาท อุรีเอลเป็นหัวหน้าพร้อมกับพี่น้องของเขา 120 คน 6จากเชื้อสายของเมรารีได้อาสายาห์เป็นหัวหน้าพร้อมกับพี่น้องของเขา 220 คน 7จากเชื้อสายของเกอร์โชมได้โยเอลเป็นหัวหน้ากับพี่น้องของเขา 130 คน 8จากเชื้อสายของเอลีชาฟานได้เชไมยาห์เป็นหัวหน้ากับพี่น้องของเขา 200 คน 9จากเชื้อสายของเฮโบรนได้เอลีเอลเป็นหัวหน้ากับพี่น้องของเขา 80 คน 10จากเชื้อสายของอุสซีเอล ได้อัมมีนาดับเป็นหัวหน้ากับพี่น้องของเขา 112 คน 11แล้วดาวิดทรงเรียกศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิตทั้งสอง และคนเลวีคืออุรีเอล อาสายาห์ โยเอล เชไมยาห์ เอลีเอลและอัมมีนาดับ 12และตรัสกับเขาทั้งหลายว่า เจ้าทั้งหลายเป็นหัวหน้าตระกูลของคนเลวี จงชำระตัวของเจ้าให้บริสุทธิ์ ทั้งเจ้าและพี่น้องของเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้นำหีบของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลขึ้นมายังสถานที่ซึ่งเราได้จัดเตรียมไว้ 13เพราะพวกเจ้าไม่ได้ไปหามเสียแต่ครั้งแรก พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงพิโรธพลุ่งใส่เรา เพราะเราไม่ได้แสวงหาตามที่กำหนดไว้ 14แล้วเหล่าปุโรหิตและคนเลวีจึงได้ชำระตัวของเขาให้บริสุทธิ์ เพื่อจะนำหีบของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นมา 15และคนเลวีได้หามหีบของพระเจ้าด้วยคานหาม ดังที่โมเสสได้บัญชาไว้ตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์
16ดาวิดทรงบัญชาบรรดาหัวหน้าของคนเลวีให้แต่งตั้งพี่น้องของเขา ให้เป็นนักร้องพร้อมกับเล่นเครื่องดนตรี มีพิณใหญ่ พิณเขาคู่ และฉาบเพื่อร้องเพลงเสียงดังด้วยความชื่นบาน 17คนเลวีจึงแต่งตั้งเฮมานบุตรโยเอล และพี่น้องของเขาคือ อาสาฟ บุตรเบเรคิยาห์ และจากเชื้อสายเมรารีพี่น้องของพวกเขาคือเอธาน บุตรคูชายาห์ 18พร้อมกับแต่งตั้งพี่น้องของพวกเขาในอันดับสองคือเศคาริยาห์ ยาอาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ เบไนยาห์ มาอาเสยาห์ มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ และมิกเนยาห์ และโอเบดเอโดม กับเยอีเอล เป็นบรรดาคนเฝ้าประตู 19เหล่านักร้องคือเฮมาน อาสาฟ เอธานเป็นคนตีฉาบทองสัมฤทธิ์ 20เศคาริยาห์ อาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ มาอาเสยาห์ และเบไนยาห์ เล่นพิณใหญ่ ตามทำนองอาลาโมท 21และมัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม เยอีเอล และอาซาซิยาห์เป็นผู้นำด้วยพิณเขาคู่ ตามทำนองเชมินิท 22ส่วนการร้องเพลงนั้น เคนานิยาห์หัวหน้าของคนเลวีด้านดนตรี เป็นผู้สอนการร้อง เพราะเขาเข้าใจดี 23เบเรคิยาห์และเอลคานาห์ เป็นนายประตูเฝ้าหีบ 24เชบานิยาห์ โยชาฟัท เนธันเอล อามาสัย เศคาริยาห์ เบไนยาห์ และเอลีเอเซอร์ พวกปุโรหิตเป่าแตรหน้าหีบของพระเจ้า โอเบดเอโดมและเยฮีห์เป็นนายประตูเฝ้าหีบด้วย
25ดาวิดและบรรดาผู้ใหญ่ของอิสราเอล และผู้บัญชากองพันจึงไปนำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ขึ้นมาจากบ้านของโอเบดเอโดมด้วยความเปรมปรีดิ์ 26และเพราะพระเจ้าทรงช่วยคนเลวีผู้หามหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ เขาทั้งหลายก็ถวายเครื่องบูชาเป็นวัวผู้ 7 ตัวและแกะผู้ 7 ตัว 27ดาวิดทรงฉลองพระองค์ผ้าป่านเนื้อละเอียด ทั้งคนเลวีทั้งปวงผู้หามหีบและบรรดานักร้องและเคนานิยาห์เป็นหัวหน้านำการร้องเพลง และดาวิดทรงเอโฟดผ้าป่าน 28ดังนั้นคนอิสราเอลทั้งปวงนำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ขึ้นมาด้วยเสียงโห่ร้อง เสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงแตร และฉาบ และทำเพลงเสียงดังด้วยพิณใหญ่และพิณเขาคู่
29เมื่อหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์มาถึงนครดาวิดแล้ว มีคาลราชธิดาของซาอูลทรงมองดูทางช่องหน้าต่าง ทรงเห็นกษัตริย์ดาวิดทรงเต้นรำและทรงร่าเริงอยู่ พระนางก็ทรงดูหมิ่นพระองค์ในใจ
1 พงศาวดาร 16
1และเขาทั้งหลายได้นำหีบของพระเจ้าเข้ามา วางไว้ภายในเต็นท์ซึ่งดาวิดได้ทรงตั้งไว้ให้ และเขาทั้งหลายถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และเครื่องศานติบูชาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า 2และเมื่อดาวิดทรงถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และเครื่องศานติบูชาเสร็จแล้ว พระองค์ทรงอวยพรแก่ประชาชนในพระนามพระยาห์เวห์ 3และทรงแจกขนมปังคนละก้อน ขนมอินทผลัม และขนมลูกเกดคนละอัน แก่คนอิสราเอลทั้งหมด ทั้งชายและหญิง
4และพระองค์ทรงตั้งคนเลวีบางคนให้เป็นผู้ปรนนิบัติหน้าหีบของพระยาห์เวห์ ให้รำลึกพระคุณ ให้ขอบพระคุณและสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล 5อาสาฟเป็นหัวหน้า และรองท่านคือเศคาริยาห์ เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มิททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล พวกเขาเล่นพิณใหญ่และพิณเขาคู่ อาสาฟเป็นคนตีฉาบ 6และเบไนยาห์กับยาฮาซีเอล ปุโรหิตทั้งสองจะเป่าแตรเรื่อยไปหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า
เพลงสดุดีพระคุณของดาวิด
7แล้วในวันนั้นดาวิดทรงกำหนดเป็นครั้งแรกให้มีการร้องเพลงสดุดีขอบพระคุณถวายแด่พระยาห์เวห์ โดยอาสาฟ และพี่น้องของท่าน
8จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ จงร้องออกพระนามพระองค์
จงประกาศบรรดากิจการของพระองค์แก่ชนชาติทั้งหลาย
9จงร้องเพลงถวายพระองค์ ร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์
จงเล่าถึงการอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์
10จงสรรเสริญพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์
ให้ใจของบรรดาผู้แสวงหาพระยาห์เวห์ยินดี
11จงแสวงหาพระยาห์เวห์ และพระกำลังของพระองค์
แสวงหาพระพักตร์ของพระองค์เสมอ
12จงระลึกถึงการอัศจรรย์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำ
หมายสำคัญและคำพิพากษาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
13โอ เชื้อสายของอิสราเอล ผู้รับใช้ของพระองค์
ลูกหลานของยาโคบ บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร
14พระองค์คือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
คำพิพากษาของพระองค์อยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก
15จงจดจำพันธสัญญาของพระองค์อยู่เป็นนิตย์
คือพระวจนะที่พระองค์ทรงบัญชาไว้ตลอดหนึ่งพันชั่วอายุคน
16คือพันธสัญญาซึ่งทรงทำไว้กับอับราฮัม
และคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อิสอัค
17ซึ่งพระองค์ทรงยืนยันอีกกับยาโคบให้เป็นกฎเกณฑ์
กับอิสราเอล ให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์
18ว่า “เราจะให้แผ่นดินคานาอันแก่เจ้า
เป็นส่วนมรดกของเจ้าทั้งหลาย”
19เมื่อพวกท่านยังเป็นแต่คนจำนวนน้อย
แค่หยิบมือ และยังเป็นแต่คนต่างด้าวในที่นั้น
20พเนจรไปจากประชาชาตินี้ถึงประชาชาตินั้น
จากราชอาณาจักรนี้ถึงอีกชนชาติหนึ่ง
21พระองค์มิทรงยอมให้ใครบีบบังคับเขา
พระองค์ทรงตักเตือนบรรดาพระราชา ด้วยเห็นแก่พวกเขา
22ว่า “อย่าแตะต้องผู้ที่เราเจิมไว้
อย่าทำอันตรายผู้เผยพระวจนะของเรา”
23แผ่นดินโลกทั้งสิ้น จงร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์
จงประกาศความรอดของพระองค์ทุกๆ วัน
24จงเล่าถึงพระสิริของพระองค์ ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
และการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ ท่ามกลางชนทุกชาติ
25เพราะพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่ และทรงสมควรรับการสรรเสริญอย่างยิ่ง
พระองค์ทรงเป็นที่เกรงกลัวเหนือพระทั้งปวง
26เพราะพระทั้งปวงของชนชาติทั้งหลายเป็นรูปเคารพ
แต่พระยาห์เวห์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์
27พระสิริและความสง่างามอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์
พระกำลังและความชื่นบานมีอยู่ในสถานที่ประทับของพระองค์
28โอ ตระกูลของชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงถวายแด่พระยาห์เวห์
จงถวายพระเกียรติและพระกำลังแด่พระยาห์เวห์
29จงถวายพระเกียรติซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์แด่พระยาห์เวห์
จงนำเครื่องบูชามาเข้าเฝ้าพระองค์
จงนมัสการพระยาห์เวห์ในความงดงามแห่งความบริสุทธิ์
30แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์พระองค์
พิภพถูกสถาปนาแล้ว จะไม่สั่นคลอนเลย
31จงให้ฟ้าสวรรค์ยินดีและแผ่นดินโลกเปรมปรีดิ์
ให้พวกเขาพูดท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า “พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง”
32ให้ทะเล กับสิ่งทั้งหลายที่อยู่ในนั้นคำราม
ให้ทุ่งนากับทุกอย่างที่อยู่ในนั้นลิงโลด
33แล้วต้นไม้ทั้งสิ้นของป่าไม้ จะร้องเพลงด้วยความยินดีเฉพาะพระพักตร์
พระยาห์เวห์
เพราะพระองค์เสด็จมาพิพากษาโลก
34จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ประเสริฐ
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร
35จงกล่าวว่า
“ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้า
พระองค์ทั้งหลายให้รอด
และขอทรงรวบรวมข้าพระองค์ทั้งหลายและทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ทั้ง
หลายจากประชาชาติต่างๆ
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะยกย่องพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์
และเพื่อชื่นชมในการสรรเสริญพระองค์
36สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล
ตั้งแต่นิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล”
และขอประชาชนทั้งสิ้นกล่าวว่า “อาเมน” และสรรเสริญพระยาห์เวห์
อรรถาธิบาย
จงเลียนแบบพระเจ้าในการงานและในการหยุดพัก
การทำงานเป็นหนึ่งในวิธีที่คุณสามารถเลียนแบบพระเจ้าได้ เมื่อพระเจ้าทรงทำพระราชกิจในการสร้าง เราก็ต้องทำเช่นเดียวกัน คำสั่งให้ทำงานนั้นเกิดขึ้นก่อนการล้มลงของมนุษย์ (ดูปฐมกาล 2:15) ดังที่เคน คอสต้ากล่าวไว้บ่อยครั้งว่า ‘การทำงานอยู่ในหนังสือชี้ชวนดั้งเดิมที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า’
ดาวิดถูกกำหนดไว้ให้ทำงาน พระองค์ ‘ทรงสร้างพระราชวังต่าง ๆ เพื่อพระองค์’ (1 พงศาวดาร 15:1) พระองค์ทรงถูกเรียกร่วมกันกับบรรดาผู้นำ และกำหนดพวกเขาให้ทำงาน (ข้อ 12)
ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างทางธรรมและทางโลก การนมัสการนั้นเป็นหัวใจของทุกสิ่งที่พวกเขาทำ ดาวิดให้คำแนะนำเรื่อง ‘งานแห่งการนมัสการ’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาถูกแต่งตั้ง ‘ปรนนิบัติหน้าหีบของพระยาห์เวห์ให้รำลึกพระคุณให้ขอบพระคุณและสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของ อิสราเอล’ (16:4) กษัตริย์ดาวิดร่วมในการนมัสการ ‘ทรงเต้นรำและทรงร่าเริง’ (15:29)
แล้ววันนั้นก็ได้ถูกกำหนดขึ้น (16:7) พวกเขาก็ทำสิ่งที่จอย์ซ ไมเยอร์อธิบายว่าเป็น ‘การหยุดพักเพื่อสดุดี’ ‘ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรถวายเกียรติพระเจ้าไปกว่าเมื่อเราหยุดสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ และยกมือของเราขึ้นเพื่อนมัสการพระองค์…เมื่อลองนึกถึงนักธุรกิจ ตัวอย่างเช่น อาจจะเป็นประธานบริษัทใหญ่ ๆ มันจะไม่วิเศษหรอกหรือคะ หากหลาย ๆ ครั้งต่อวัน เขาปิดประตูห้องทำงานของเขา ล็อคประตู คุกเข่าลง และพูดว่า “พระเจ้าลูกแค่อยากจะใช้เวลาสั้น ๆ ในการนมัสการพระองค์”
‘เป็นจริงเช่นเดียวกับนักศึกษา หรือบรรดา (พ่อแม่) ที่อยู่ที่บ้าน ทั้งคนวัยเกษียณ เลขานุการ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ศัลยแพทย์ผ่าตัดสมอง และตัวแทนขายก็เช่นเดียวกัน ใครก็ตามที่คุณสามารถคิดได้ เราทุกคนล้วนได้ประโยชน์อย่างใหญ่หลวงจากการ “หยุดพักเพื่อสดุดี”’
ดาวิดสดุดีและขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับบรรดากิจการที่ ‘พระองค์ทรงกระทำ’ (ข้อ 8) “‘การอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์’ (ข้อ 9) ‘การอัศจรรย์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำ’ (ข้อ 12) ดาวิดนับการอัศจรรย์ของพระเจ้าอีกครั้ง และเรียกประชาชนให้ ‘นมัสการพระยาห์เวห์ในความงดงามแห่งความบริสุทธิ์’ (ข้อ 29)
พระเจ้าทรงเป็นคนทำงาน เราได้เห็นสิ่งนี้ตั้งแต่ตอนต้นของพระคัมภีร์ พระองค์ทรงทำพระราชกิจในการทรงสร้าง ‘พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ’ (ปฐมกาล 2:2) พระองค์ไม่เพียงสร้างโลก พระองค์ยังทรงค้ำจุน และไถ่ถอนมัน ที่จริงแล้วการทำงานเป็นหนึ่งในวิธีที่คุณสามารถเลียนแบบพระเจ้าได้
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
1 พงศาวดาร 15:29
‘เมื่อหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์มาถึงนครดาวิดแล้ว มีคาลราชธิดาของซาอูลทรงมองดูทางช่องหน้าต่าง ทรงเห็นกษัตริย์ดาวิดทรงเต้นรำและทรงร่าเริงอยู่ พระนางก็ทรงดูหมิ่นพระองค์ในใจ’
ฉันรักการนมัสการ แต่เป็นเรื่องง่ายที่จะมีความชอบและไม่ชอบ บางครั้งฉันก็คิดว่า ‘นั่นนับเป็นการนมัสการด้วยเหรอ?’ แต่พระเจ้าทรงมองดูที่หัวใจ และฉันก็ไม่อยากเป็นเหมือนมีคาล!
ข้อพระคำประจำวัน
สดุดี 90:17
‘ขอความโปรดปรานขององค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่เหนือเหล่าข้าพระองค์
ขอทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลายไว้เหนือพวกข้าพระองค์…’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)