วัน 212

วิธีการหลีกเลี่ยงการโต้เถียง การจัดการกับความขัดแย้ง และหยุดการต่อสู้

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 18:17-19:2
พันธสัญญาใหม่ โรม 14:1-18
พันธสัญญาเดิม 1 พงศาวดาร 9:1ข-10:14

เกริ่นนำ

ประชามติเรื่องการเป็นสมาชิกของอังกฤษในสหภาพยุโรป ลงเอยด้วยผลโหวต 52 ต่อ 48 ซึ่งเห็นด้วยกับการยุติการเป็นสมาชิกสภาพ การรณรงค์ก็ดุเดือดขึ้น ประเทศชาติแตกแยก ในไม่ช้าบรรดาพรรคการเมืองหลักก็เข้าสู่การต่อสู้แบบประจัญบานและแตกแยกกัน นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของสิ่งที่เราเห็นทั่วโลก รายงานข่าวล่าสุดดูเหมือนจะรวมเรื่องของการโต้เถียง ความขัดแย้ง และการต่อสู้

เมื่อความบาปเข้ามาในโลก การโต้เถียง ความขัดแย้ง และการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น อาดัมโทษเอวา คาอินฆ่าน้องชายของเขา หลังจากนั้นประวัติศาสตร์ของโลกก็เต็มไปการต่อสู้กันทุกรูปแบบ

เมื่อผู้คนหันไปจากพระเจ้า พวกเขาเริ่มทะเลาะวิวาทกัน เราเห็นความสัมพันธ์ที่พังทลาย ชีวิตสมรสหักสะบั้น ครอบครัวแตกหัก ความสัมพันธ์ถูกทำลายในที่ทำงาน เกิดสงครามกลางเมืองและสงครามระหว่างประเทศ ที่น่าเศร้าคือคริสตจักรไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่มีการโต้เถียง ความขัดแย้ง และการต่อสู้กันตั้งแต่เริ่มแรก

เราจะรับมือกับความขัดแย้งอย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 18:17-19:2

17ผู้แถลงคดีของตนก่อนดูเหมือนเป็นฝ่ายถูก
 จนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะมาสอบสวนเขา
18การจับฉลากทำให้การทะเลาะสิ้นสุด
 และแยกคู่โต้แย้งที่มีกำลังออกจากกัน
19พี่น้องที่หมางใจก็ยากจะปรองดองกันยิ่งกว่าการยึดเมืองที่เข้มแข็ง
 และการทะเลาะวิวาทเป็นเหมือนดาลที่ป้อมปราการ
20ท้องของคนจะอิ่มด้วยผลแห่งปากของเขา
 เขาจะอิ่มด้วยผลผลิตแห่งริมฝีปากของตน
21ความตายและชีวิตอยู่ในอำนาจของลิ้น
 และผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน
22ใครพบภรรยาก็พบของดี
 และได้ความโปรดปรานจากพระยาห์เวห์
23คนยากจนใช้คำวิงวอน
 แต่คนมั่งคั่งตอบเสียงห้วนๆ
24มีเพื่อนบางคนนำความหายนะมาให้
 แต่มีสหายที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้อง

สุภาษิต 19

1คนยากจนผู้ดำเนินในความซื่อสัตย์
 ดีกว่าคนพูดตลบตะแลงซึ่งเป็นคนโง่
2ถ้าคนไม่มีความรู้ก็ไม่ดี
 และคนที่เร่งเท้าก็มักผิดพลาด

อรรถาธิบาย

หลีกเลี่ยงการโต้เถียง

พระธรรมสุภาษิตเต็มไปด้วยคำแนะนำที่ปฏิบัติได้ในการหลีกเลี่ยงการโต้เถียง

1. ฟังความทั้งสองฝ่าย
ในการโต้เถียงนั้นมักจะมี 2 ฝ่าย และมันคุ้มค่าที่จะฟังความจากทั้ง 2 ฝ่าย สิทธิในการสอบสวนอย่างละเอียดเป็นสิ่งที่สำคัญ และเป็นจุดสำคัญในระบบกฎหมายทั้งหมด 'คำปราศรัยแรกในชั้นศาลน่าเชื่อถือเสมอ - จนกว่าการไต่สวนจะเริ่มขึ้น!’ (18:17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2. ขอความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
เราต้องการการนำจากพระเจ้า ยิ่งเมื่อเราเจอกับ ‘การตัดสินใจที่ยาก’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ‘การจับสลาก; เป็นวิธีการจัดการกับความขัดแย้ง การเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้มีวิธีการที่ดีกว่าในการรับการชี้นำของพระเจ้า สำหรับความขัดแย้งเหล่านั้น (ดู 1 โครินธ์ 6:1-6)

3. หลีกเลี่ยงการทำให้ขุ่นเคืองโดยไม่จำเป็น
ขอให้คุณทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้คนอื่นขุ่นเคือง บรรดาพี่น้องที่หมางใจกับคุณนั้นก็ ‘...ยากจะปรองดองกันยิ่งกว่าการยึดเมืองที่เข้มแข็ง’ (สุภาษิต 18:19) ความขัดแย้งรุนแรงก่อให้เกิดสิ่งกีดขวางระหว่างเพื่อน กำแพงนี้ง่ายที่จะสร้างขึ้นและยากที่จะพังลง

4. เลือกใช้ถ้อยคำของคุณอย่างระมัดระวัง
คำพูดของคุณอาจเป็นพลังที่ให้ชีวิต นำความพึงพอใจอย่างมาก และเยียวยาความแตกแยก ‘ถ้อยคำทำให้ความคิดพึงพอใจ เหมือนที่ผลไม้ทำปฏิกิริยากับท้อง การพูดจาดีก็น่าพอใจเหมือนการเก็บเกี่ยวอย่างดี’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จากThe Message โดยผู้แปล)

แต่คำพูดก็สามารถเป็นพลังที่ทำลายล้างได้เช่นกัน ‘ถ้อยคำนั้นฆ่า ถ้อยคำให้ชีวิต สามารถเป็นยาพิษหรือเป็นผลไม้ ท่านเป็นคนเลือก’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณสามารถทำสิ่งดีที่ยิ่งใหญ่หรือทำความเสียหายอย่างยิ่งจากสิ่งที่พูดออกไป

5. เลือกมิตรสหายของคุณอย่างระมัดระวัง
ผู้เขียนบอกว่า ‘จงหาคู่สมรสที่ดี แล้วท่านจะมีชีวิตที่ดี’ (ข้อ 22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งนี้เป็นจริงจากประสบการณ์ของผม ซึ่งสติปัญญา คำแนะนำ ของพิพพามักจะช่วยให้ผมหลีกเลี่ยงการเข้าไปสู่ในปัญหานั้น สามีที่ดีและภรรยาที่ดีจะเป็นผู้สร้างสันติ

ไม่ว่าเราจะแต่งงานหรือไม่ สิ่งที่เราจำเป็นต้องจะมีคือเพื่อนสนิท ส่วนที่สองของสุภาษิตข้อนี้เตือนเราว่าขณะที่เพื่อนมาและจากไป ‘แต่มีสหายที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้อง’ (ข้อ 24ข) พวกเขาคือเพื่อนประเภทที่เราต้องการในชีวิต ถ้าคุณมีเพื่อนแบบนั้น อย่าหยุดขอบคุณพระเจ้าสำหรับพวกเขา

แน่นอน ท้ายที่สุดแล้ว พระเยซูคือเพื่อนคนนั้นที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้อง

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้คำพูดของข้าพระองค์เป็นแหล่งแห่งชีวิตสำหรับคนที่อยู่รอบตัวข้าพระองค์
พันธสัญญาใหม่

โรม 14:1-18

อย่าตัดสินพี่น้องของตน

 1จงต้อนรับคนที่ยังมีความเชื่อน้อยอยู่ แต่ไม่ใช่เพื่อให้โต้เถียงกันในเรื่องที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว 2คนหนึ่งถือว่าจะกินอะไรก็ได้ แต่อีกคนหนึ่งที่มีความเชื่อน้อยก็กินแต่ผักเท่านั้น 3อย่าให้คนที่กินนั้นดูหมิ่นคนที่ไม่กิน และอย่าให้คนที่ไม่กินตัดสินคนที่กิน เพราะว่าพระเจ้าทรงยอมรับเขาแล้ว 4ท่านเป็นใคร จึงกล่าวโทษบ่าวของคนอื่น? บ่าวคนนั้นจะตั้งมั่นหรือจะล่มจมก็สุดแล้วแต่นายของเขา และเขาจะตั้งมั่นแน่นอน เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถให้เขาตั้งมั่นได้
 5คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด 6คนที่ถือวันก็ถือเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า คนที่กินทุกสิ่งก็กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระเจ้า และคนที่ไม่กิน ก็ไม่กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และยังขอบพระคุณพระเจ้า 7เราไม่ได้อยู่เพื่อตัวเอง และเราไม่ได้ตายเพื่อตัวเอง 8ถ้าเรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และถ้าเราตายก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะฉะนั้นไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตายไปก็ตาม เราก็เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า 9เพราะเหตุนี้เอง พระคริสต์สิ้นพระชนม์และคืนพระชนม์อีก เพื่อจะได้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนตายและคนเป็น
 10แต่ตัวท่านเล่า ทำไมจึงกล่าวโทษพี่น้องของท่าน? หรือท่านผู้เป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ทำไมท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน? เพราะว่าเราทุกคนต้องยืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า 11เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เรามีชีวิตอยู่ตราบใด ทุกคนจะคุกเข่ากราบเรา
และทุกลิ้นจะสรรเสริญพระเจ้า’ ”

 12ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องทูลเรื่องราวของตัวเองต่อพระเจ้า

อย่าทำให้พี่น้องของตนสะดุด

 13ดังนั้นอย่าให้เรากล่าวโทษกันและกันอีกเลย แต่จงตัดสินใจดีกว่าว่าจะไม่วางสิ่งซึ่งทำให้พี่น้องสะดุด หรือสิ่งกีดขวางทางของเขา 14ในฐานะที่ข้าพเจ้าอยู่ในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เชื่อแน่ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นมลทินในตัวเองเลย แต่ถ้าใครถือว่าสิ่งใดเป็นมลทินสิ่งนั้นก็เป็นมลทินสำหรับคนนั้น 15ถ้าพี่น้องเป็นทุกข์เพราะอาหารที่ท่านกิน ท่านก็ไม่ได้ประพฤติตามทางแห่งความรักเสียแล้ว พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อใคร ก็อย่าให้คนนั้นพินาศเพราะอาหารที่ท่านกินเลย 16ฉะนั้นอย่าให้สิ่งที่ดีสำหรับท่าน เป็นข้อตำหนิติเตียนของคนอื่นได้เลย 17เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุขและความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์ 18คนที่ปรนนิบัติพระคริสต์ในลักษณะนี้ ก็เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และเป็นที่รับรองของมนุษย์ด้วย

อรรถาธิบาย

จัดการกับความขัดแย้ง

ข้อพระคำตอนนี้สำคัญมากสำหรับความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในคริสตจักรทั่วโลกในเวลานี้ ถ้าเพียงคริสตจักรเมื่อ 2,000 ปีก่อนเชื่อฟังคำสั่งสอนของอาจารย์เปาโล ดังที่จอห์น สตอตต์ เขียนไว้ว่า จุดประสงค์ของเปาโลในข้อพระคำเหล่านี้ คือ 'เพื่อช่วยให้คริสเตียนที่มีความคิดแบบอนุรักษ์นิยม (ส่วนใหญ่เป็นพวกยิว) และคริสเตียนที่มีความคิดแบบเสรีนิยม (ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ) สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีไมตรีในการสามัคคีธรรมแบบคริสเตียน’

มีประเด็นบางอย่างที่อาจารย์เปาโลยินดีจะต่อสู้จนถึงที่สุด คือความจริงแห่งข่าวประเสริฐ (ว่าพระคริสต์ทรงตายเพื่อเรา ข้อ 9,15) การมีชีวิต การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู (ข้อ 9) และความเป็นองค์จอมเจ้านายของพระคริสต์ (ข้อ 9) เป็นตัวอย่างของสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งอื่นที่ไม่สำคัญเท่า นั่นคือการ ‘โต้เถียงกัน’ (ข้อ 1) เหล่านั้นถือเป็นเรื่องที่รองลงมา อาจารย์เปาโลได้ยกตัวอย่างมากมาย เช่นการเป็นมังสวิรัติ หรือการมองว่าวันหนึ่งศักดิ์สิทธิ์กว่าอีกวัน

ในปัจจุบันคริสเตียนบางคนงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บางคนไม่ คริสเตียนบางคนรักสันติ บางคนก็ไม่ และยังมีอีกหลายประเด็นที่คริสเตียนแตกแยกกันอย่างร้อนรนในเรื่องที่ถกเถียงได้ เราจะจัดการกับความขัดแย้งเหล่านี้อย่างไร?

1. ต้อนรับคนที่มีมุมมองแตกต่าง เขาเขียนว่า ‘จงต้อนรับ (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า ‘ยอมรับ’) คนที่ยังมีความเชื่อน้อยอยู่’ (ข้อ 1ก) ‘จงอ้าแขนต้อนรับพวกผู้เชื่อที่ไม่ได้มองดูสิ่งต่าง ๆ เหมือนอย่างท่าน ... สุดท้ายเราทุกคนจะต้องคุกเข่าเคียงข้างกันในการพิพากษา อยู่ต่อหน้าพระเจ้า’ (ข้อ 1, 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2. อย่าด่วนในการตัดสิน
เขากล่าวว่า ‘อย่ารีบด่วนสรุปพวกเขา ทุกครั้งที่เขาทำหรือพูดในสิ่งที่ท่านไม่เห็นด้วย’ (ข้อ 1ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เขากล่าวต่อว่า ‘ท่านเป็นใคร จึงกล่าวโทษบ่าวของคนอื่น?’ (ข้อ 4) ‘แต่ตัวท่านเล่า ทำไมจึงกล่าวโทษพี่น้องของท่าน?’ (ข้อ 10) ‘ดังนั้นอย่าให้ใครวิจารณ์ ตำหนิ และตัดสินซึ่งกันและกันอีก’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) เราต้องยอมให้คนอื่นมีมุมมองที่แตกต่างจากเรา โดยไม่ตัดสินพวกเขา

นี่คือหัวใจหลักของประเด็นนี้ เปาโลพูดในข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์ถึง 4 ครั้งว่า เราจะต้องไม่ตัดสินซึ่งกันและกัน

3. อย่าดูหมิ่นผู้อื่น
เราต้องไม่ดูหมิ่นคนอื่น (ข้อ 3ก) ที่มีมุมมองต่างจากเรา พระเจ้าทรงยอมรับเขาแล้ว (ข้อ 3ข) เราควรทำแบบเดียวกัน

4. ทำสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง
สำหรับเรื่องพวกนี้ที่เป็นเรื่องรองลงมา ‘ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด' (ข้อ 5) ‘ทุกคนมีอิสระที่จะทำตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดี’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘หากท่านรับประทานเนื้อ...จงขอบคุณพระเจ้าสำหรับซี่โครงหมู หากท่านกินแบบมังสวิรัติ จงขอบคุณพระเจ้าสำหรับบรอคโคลี’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เพียงแค่เราเห็นด้วยกับการเห็นต่างในประเด็นเหล่านี้ ไม่ได้แปลว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เราจะต้องระวังในการทำสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องในทุกสถานการณ์

5. สันนิษฐานอย่างดีที่สุดเกี่ยวกับแรงจูงใจของผู้อื่น
‘คนที่ถือวันก็ถือเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า คนที่กินทุกสิ่งก็กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระเจ้า และคนที่ไม่กิน ก็ไม่กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และยังขอบพระคุณพระเจ้า’ (ข้อ 6)

การทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์จากข้อสงสัย และสันนิษฐานว่าพวกเขากำลังพยายามทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า (ข้อ 7-8)

6. อ่อนไหวต่อจิตสำนึกของผู้อื่น
เปาโลบอกว่า 'จงตัดสินใจดีกว่าว่าจะไม่วางสิ่งซึ่งทำให้พี่น้องสะดุด หรือสิ่งกีดขวางทางของเขา’ (ข้อ 13) ยกตัวอย่างเช่น ถ้าบางคนถือว่าการดื่มเหล้านั้นผิด การดื่มเหล้าต่อหน้าพวกเขาเป็นการทำให้พวกเขาสะดุดได้ ดังนั้นเราไม่ต้องการสร้างความทุกข์ให้พี่น้อง (ข้อ 15)

7. ช่วยเหลือและหนุนใจกันและกัน
‘ขอให้เราเห็นพ้องที่จะใช้พลังงานทั้งหมดของเราในการเป็นมิตรต่อกัน ช่วยเหลือกันด้วยถ้อยคำที่ให้กำลังใจ อย่าดึงพวกเขาลงต่ำด้วยการจับผิดเลย’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

8. แสดงออกด้วยความรักอยู่เสมอ
‘ถ้าพี่น้องของท่านเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่ท่านรับประทาน ท่านก็ไม่ได้ประพฤติตามทางแห่งความรัก’ (ข้อ 15) ‘จงอ่อนไหวและสุภาพนอบน้อม... อย่ารับประทานหรือพูดหรือทำสิ่งใดที่อาจแทรกแซงในการแลกเปลี่ยนความรักที่ไม่ต้องจ่ายราคาใด ๆ นั้น’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ประเด็นที่ถกเถียงได้มีความสำคัญ แต่ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่รวมเราทุกคนเป็นหนึ่งเดียว 'เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุขและความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์' (ข้อ 17) นี่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง ขอให้เราไม่ติดพันกับการโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องที่ถกได้ ซึ่งทำให้คริสตจักรแตกแยกและทำให้คนที่อยู่นอกคริสตจักรไม่อยากเข้ามา

ตามคำของนักเขียนในยุคกลาง รูเพิร์ตตัส เมลเดนิอุส: ‘ในสิ่งที่จำเป็น คือความเป็นหนึ่ง ในสิ่งที่ไม่จำเป็นคือ เสรีภาพ ในทุก ๆ สิ่ง คือความรัก

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานขอความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันใหม่ในคริสตจักร โปรดช่วยให้เราจดจ่อกับวันนี้และทุกวันในสิ่งที่อาณาจักรของพระเจ้าเป็น คือความชอบธรรม สันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์
พันธสัญญาเดิม

1 พงศาวดาร 9:1ข-10:14

ผู้กลับมาจากกรุงบาบิโลน

 1ดังนั้นอิสราเอลทั้งปวงขึ้นทะเบียนลำดับพงศ์ และทะเบียนนี้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือกษัตริย์แห่งอิสราเอล และยูดาห์ก็ถูกจับไปเป็นเชลยในบาบิโลน เพราะความไม่ซื่อสัตย์ของพวกเขา 2พวกแรกที่เข้ามาอาศัยในที่กรรมสิทธิ์ของเขา ในบรรดาเมืองของเขานั้นคือคนอิสราเอล พวกปุโรหิต พวกเลวี และพวกบ่าวไพร่ประจำพระวิหาร 3และในเยรูซาเล็มมีบุตรหลานบางคนของพวกยูดาห์ พวกเบนยามิน พวกเอฟราอิม และพวกมนัสเสห์ อาศัยอยู่ 4คืออุธัยเป็นบุตรอัมมีฮูด ผู้เป็นบุตรอม-รี ผู้เป็นบุตรอิมรี ผู้เป็นบุตรบานีเชื้อสายของเปเรศ ผู้เป็นบุตรยูดาห์ 5และจากคนชิโลห์คืออาสายาห์บุตรหัวปี และบุตรของเขา 6จากบุตรของเศ-ราห์คือเยอูเอล กับบรรดาญาติของพวกเขาเป็น 690 คน 7จากบุตรของเบนยามินคือสัลลูผู้เป็นบุตรเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรโฮดาวิยาห์ ผู้เป็นบุตรหัสเสนูอาห์ 8อิบเนยาห์บุตรเยโรฮัม เอลาห์บุตรอุสซี ผู้เป็นบุตรมิครี และเมชุลลามบุตรเชฟาทิยาห์ ผู้เป็นบุตรเรอูเอล ผู้เป็นบุตรอิบนียาห์ 9และบรรดาญาติของพวกเขาตามลำดับพงศ์ของเขาเป็น 956 คน ทั้งหมดนี้เป็นผู้นำตระกูลตามตระกูลบิดาของพวกเขา
 10จากพวกปุโรหิต มีเยดายาห์ เยโฮยาริบ ยาคีน 11และอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรฮิลคียาห์ ผู้เป็นบุตรเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรศาโดก ผู้เป็นบุตรเมราโยท ผู้เป็นบุตรอาหิทูบ หัวหน้าผู้ดูแลพระวิหารของพระเจ้า 12และอาดายาห์ผู้เป็นบุตรเยโรฮัม ผู้เป็นบุตรปาชเฮอร์ ผู้เป็นบุตรมัลคิยาห์และมาอาสัย ผู้เป็นบุตรอาดีเอล ผู้เป็นบุตรยาเซราห์ ผู้เป็นบุตรเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรเมชิลเลมิท ผู้เป็นบุตรอิมเมอร์ 13และบรรดาญาติของพวกเขา ผู้เป็นผู้นำตระกูลบิดาของพวกเขา รวมเป็น 1,760 คน เป็นคนมีความสามารถมากสำหรับงานปรนนิบัติในพระวิหารของพระเจ้า
 14จากคนเลวี มีเชไมยาห์ผู้เป็นบุตรหัสชูบ ผู้เป็นบุตรอัสรีคัม ผู้เป็นบุตรฮาชาบิยาห์จากบุตรหลานของเมรารี 15กับบัคบัคคาร์ เฮเรช กาลาล และมัทธานิยาห์ ผู้เป็นบุตรมีคา ผู้เป็นบุตรศิครี ผู้เป็นบุตรอาสาฟ 16และโอบาดีห์ ผู้เป็นบุตรเชไมยาห์ ผู้เป็นบุตรกาลาล ผู้เป็นบุตรเยดูธูน และเบเรคยาห์ผู้เป็นบุตรอาสา ผู้เป็นบุตรเอลคานาห์ ผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านของชาวเนโทฟาห์
 17บรรดาผู้เฝ้าประตูคือ ชัลลูม อักขูบ ทัลโมน อาหิมาน และบรรดาญาติของพวกเขา (ชัลลูมเป็นผู้นำ) 18ประจำอยู่จนบัดนี้ที่ประตูของพระราชาด้านตะวันออก คนเหล่านี้เป็นผู้เฝ้าประตูค่ายของบุตรหลานของเลวี 19ชัลลูมเป็นบุตรโคเรผู้เป็นบุตรเอบียาสาฟ ผู้เป็นบุตรโคราห์ และบรรดาญาติในตระกูลบิดาของเขาคือ คนโคราห์ เป็นผู้ดูแลการงานปรนนิบัติ เป็นผู้เฝ้าธรณีประตูของเต็นท์ ดังบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นผู้ดูแลค่ายของพระยาห์เวห์ เป็นผู้ดูแลทางเข้า 20และในสมัยก่อนฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ เป็นผู้นำของพวกเขา พระยาห์เวห์ทรงอยู่กับเขา 21เศคาริยาห์บุตรเมเชเลมิยาห์ เป็นผู้เฝ้าทางเข้าประตูเต็นท์นัดพบ 22ผู้ถูกเลือกเป็นผู้เฝ้าประตูที่ธรณีทั้งหมดมี 212 คน พวกเขาได้รับการบันทึกในทะเบียนลำดับพงศ์ในหมู่บ้านของพวกเขา ดาวิดและซามูเอลผู้ทำนายแต่งตั้งพวกเขาไว้ในตำแหน่งรับผิดชอบนี้ 23ดังนั้นพวกเขาและบุตรหลานของพวกเขาจึงเป็นผู้ดูแลประตูวิหารของพระยาห์เวห์ เป็นผู้เฝ้าประตูของพระนิเวศคือเต็นท์ 24ผู้เฝ้าประตูอยู่ทั้งสี่ด้านคือด้านตะวันออก ตะวันตก เหนือ และใต้ 25และบรรดาญาติของพวกเขาซึ่งอยู่ในหมู่บ้านของพวกเขา ต้องเข้ามาทุกๆ 7 วันตามเวลากำหนด เพื่อจะอยู่กับคนเหล่านี้ 26เพราะนายประตูทั้งสี่คน เป็นพวกเลวี มีตำแหน่งรับผิดชอบ จึงเป็นผู้ดูแลห้องและคลังของพระวิหารของพระเจ้า 27และพวกเขาพักอาศัยอยู่รอบพระวิหารของพระเจ้า เพราะหน้าที่เฝ้าตกอยู่กับเขา และพวกเขามีหน้าที่เปิดประตูทุกเช้า
 28บางคนในพวกเขาเป็นคนดูแลเครื่องใช้ในการปรนนิบัติ เพราะว่าต้องนับเมื่อเบิกออกไปหรือส่งเข้ามา 29และบางคนในพวกเขาถูกแต่งตั้งให้ดูแลเครื่องใช้และดูแลเครื่องใช้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น แป้งอย่างดี เหล้าองุ่น น้ำมัน กำยาน และเครื่องเทศ 30และบางคนซึ่งเป็นบุตรหลานของเหล่าปุโรหิตก็เตรียมเครื่องเทศผสม 31และมัททีธิยาห์คนเลวีคนหนึ่ง ผู้เป็นบุตรหัวปีของชัลลูม คนโคราห์มีตำแหน่งรับผิดชอบดูแลสิ่งที่ปิ้งในถาด 32และพวกพี่น้องของพวกเขาบางคนซึ่งเป็นคนโคฮาทเป็นผู้ดูแลขนมตั้งถวาย มีหน้าที่จัดเตรียมทุกวันสะบาโต
 33ต่อไปนี้เป็นเหล่านักร้องคือผู้นำตระกูลคนเลวีผู้อาศัยอยู่ในห้องในพระวิหาร ไม่ต้องทำการปรนนิบัติอย่างอื่น เพราะพวกเขาอยู่เวรทั้งกลางวันและกลางคืน 34คนเหล่านี้เป็นผู้นำตระกูลของคนเลวี ตามลำดับพงศ์ของพวกเขา เป็นบรรดาผู้นำ คนเหล่านี้อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม

วงศ์วานของซาอูล

 35ในกิเบโอนนั้นเยอีเอลบิดาของกิเบโอนอาศัยอยู่ และภรรยาของเขาชื่อมาอาคาห์ 36และบุตรชายหัวปีของเขาชื่ออับโดน แล้วก็มีศูร์ คีช บาอัล เนอร์ นาดับ 37เกโดร์ อาหิโย เศคาริยาห์ และมิกโลท 38และมิกโลทเป็นบิดาของชิเมอัม พวกเขาอยู่ใกล้กับญาติของเขาด้วย พวกเขาอาศัยในเยรูซาเล็มกับญาติของเขา 39เนอร์เป็นบิดาของคีช คีชเป็นบิดาของซาอูล ซาอูลเป็นบิดาของโยนาธาน มัลคีชูวา อาบีนาดับ และเอชบาอัล 40บุตรโยนาธานชื่อเมริบบาอัล และเมริบบาอัลเป็นบิดาของมีคาห์ 41บุตรของมีคาห์คือปิโธน เมเลค ทาเรีย และอาหัส 42และอาหัสเป็นบิดาของยาราห์ และยาราห์เป็นบิดาของอาเลเมท อัสมาเวท และศิมรี และศิมรีเป็นบิดาของโมซา 43โมซาเป็นบิดาของบิเนอา และบุตรบิเนอาคือเรไฟยาห์ บุตรเรไฟยาห์คือเอเลอาสาห์ บุตรเอเลอาสาห์คืออาเซล 44อาเซลมีบุตรชาย 6 คน และต่อไปนี้เป็นชื่อของพวกเขาคือ อัสรีคัม โบเครู อิชมาเอล เชอาริยาห์ โอบาดีห์ และฮานัน เหล่านี้เป็นบุตรของอาเซล

1 พงศาวดาร 10

ซาอูลและราชโอรสสิ้นพระชนม์

 1คนฟีลิสเตียรบกับคนอิสราเอลและคนอิสราเอลก็หนีคนฟีลิสเตีย ล้มตายอยู่ที่บนภูเขากิลโบอา 2และคนฟีลิสเตียก็ไล่ทันซาอูลกับพวกราชโอรส และคนฟีลิสเตียก็ฆ่าโยนาธาน อาบีนาดับ และมัลคีชูวา พวกราชโอรสของซาอูลเสีย 3การรบหนักก็ประชิดซาอูล และพวกนักธนูมาพบพระองค์เข้า พระองค์ก็ทรงบาดเจ็บด้วยฝีมือของพวกนักธนู 4แล้วซาอูลรับสั่งคนถืออาวุธของพระองค์ว่า “จงชักดาบออกแทงเราให้ทะลุ มิฉะนั้นคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตเหล่านี้จะเข้ามาทำทารุณต่อเรา” แต่ผู้ถืออาวุธไม่ยอมทำตาม เพราะเขากลัวมาก ซาอูลจึงชักดาบออก ทรงล้มทับดาบนั้น 5และเมื่อผู้ถืออาวุธเห็นว่าซาอูลสิ้นพระชนม์แล้ว เขาก็ล้มทับดาบของเขาตายด้วย 6ดังนั้นซาอูลก็สิ้นพระชนม์พร้อมกับราชโอรสทั้งสามของพระองค์ และราชวงศ์ทั้งสิ้นของพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ด้วยกัน 7เมื่อคนอิสราเอลทั้งหมดผู้อยู่ในหุบเขาเห็นว่าพวกทหารหนีไป และซาอูลกับพวกโอรสของพระองค์ก็สิ้นพระชนม์แล้ว พวกเขาก็ทิ้งเมืองทั้งหลายของพวกเขาและหลบหนีไป คนฟีลิสเตียก็เข้ามาอาศัยอยู่ในที่เหล่านั้น
 8ต่อมาวันรุ่งขึ้น เมื่อคนฟีลิสเตียมาปลดเสื้อผ้าจากคนที่ถูกฆ่า พวกเขาพบพระศพซาอูลและราชโอรสทั้งสามอยู่บนภูเขากิลโบอา 9พวกเขาก็ถอดเครื่องทรงของพระองค์ เอาพระเศียรและอาวุธของพระองค์ไป และส่งผู้สื่อสารไปทั่วดินแดนฟีลิสเตียให้นำข่าวดีไปยังพวกรูปเคารพของพวกเขาและประชาชน 10พวกเขาเอาเครื่องอาวุธของพระองค์ไปไว้ในวิหารของพระของพวกเขา และเอาพระเศียรของพระองค์มัดไว้ในวิหารของพระดาโกน 11แต่เมื่อชาวยาเบชกิเลอาดทั้งสิ้นได้ยินเรื่องทั้งหมดที่คนฟีลิสเตียทำแก่ซาอูล 12นักรบเก่งกล้าทุกคนก็ลุกขึ้นไปเชิญพระศพของซาอูล และศพเหล่าโอรสของพระองค์นำมาที่ยาเบช และพวกเขาก็ฝังพระอัฐินั้นใต้ต้นโอ๊กคือ ต้นก่อซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ในยาเบช และอดอาหาร 7 วัน
 13ซาอูลจึงสิ้นพระชนม์ด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของพระองค์ พระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ ในเรื่องที่พระองค์ไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ และยังทรงไปแสวงหาคำทำนายจากคนทรง และไม่ได้ทรงแสวงหาพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์จึงทรงประหารพระองค์เสีย และทรงยกราชอาณาจักรให้แก่ดาวิดบุตรเจสซี

อรรถาธิบาย

หยุดการทะเลาะ

‘คนฟีลิสเตียรบกับคนอิสราเอล... การรบหนักก็ประชิดซาอูล’ (10:1,3) ซาอูลถูกโจมตีจากพวกฟีลิสเตียและตายในที่สุด เราได้เห็นบันทึกนี้ใน 1 ซามูเอล 31 ด้วย แต่ว่าผู้เขียนพงศาวดารเพิ่มคำอธิบายว่า ‘ซาอูลตายเพราะความไม่เชื่อฟัง คือไม่เชื่อฟังพระเจ้า เขาไม่เชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้า’ (1 พงศาวดาร 10:13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เมื่อเรามองกลับไปในพระธรรมซามูเอล เราเห็นได้ว่าปัญหาที่แท้จริงคือซาอูลอิจฉาดาวิด ดาวิดทำทุกอย่างที่เขาทำได้เพื่อจะจำนนต่อซาอูลและลงรอยกับเขา แต่ซาอูลไม่ยอม ความขัดแย้งภายในนี้ทำให้ซาอูลอ่อนแอและถูกโจมตีได้ง่ายจากภายนอก

เราได้เห็นแล้วว่าความขัดแย้งภายในท่ามกลางคนของพระเจ้าทำให้เราถูกโจมตีจากภายนอกได้ง่าย พระเยซูทรงอธิษฐานขอให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อโลกนี้จะได้เชื่อ (ยอห์น 17:23)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้เราเป็นผู้สร้างสันติ ให้หยุดการต่อสู้ และแสวงหาความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่โลกนี้จะได้มาเชื่อในพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สุภาษิต 18:22

‘ใครพบภรรยาก็พบของดี และได้ความโปรดปรานจากพระยาห์เวห์’

มีอะไรให้พูดมากกว่านี้อีก?

ข้อพระคำประจำวัน

สุภาษิต 18:24

‘… แต่มีสหายที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้อง’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม