วัน 205

หมอนที่ใช้หนุนศีรษะที่อ่อนล้าของเรา

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 89:1-8
พันธสัญญาใหม่ โรม 8:18-39
พันธสัญญาเดิม โฮเชยา 10:1-11:11

เกริ่นนำ

บางครั้งผมต่อสู้กับการเชื่อว่าพระเจ้ารักผมอย่างแท้จริงหรือไม่ ผมถูกทดลองให้รู้สึกถึงความล้มเหลวและการกล่าวโทษตนเอง มันง่ายกว่าที่จะเชื่อว่าพระเจ้าทรงรักคนอื่น ๆ แต่การจะเชื่อว่าพระเจ้าทรงรักผมนั้นยากกว่ามาก

อาจารย์เปาโลได้อธิบายความรักของพระเจ้าในโรม 8 เริ่มด้วย ‘ไม่มีการลงโทษ’ (ข้อ 1) และจบด้วย ‘จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้’ (ข้อ 39) จอห์น สตอตต์ ได้อธิบายความจริงในข้อนี้ว่าเป็นดั่ง ‘หมอนที่เราใช้หนุนศีรษะที่อ่อนล้า’

นักบุญ ออกัสติน เขียนว่า ‘พระเจ้าทรงรักเราแต่ละคนเหมือนกับว่ามีเราเพียงคนเดียวให้รัก’ ถ้าคุณเป็นมนุษย์คนเดียวที่เคยมีชีวิตอยู่ พระเยซูคงจะตายแทนคุณ และถ้าสิ่งนั้นเป็นจริงสำหรับคุณ มันก็เป็นจริงสำหรับผมด้วย พระเจ้าทรงรักคุณและผม

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 89:1-8

พันธสัญญาของพระเจ้าต่อดาวิด

มัสคิลบทหนึ่งของเอธาน ตระกูลเอศราค

1ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงของพระองค์เป็นนิตย์
 ปากของข้าพระองค์จะประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ทุกชั่วชาติพันธุ์
2ข้าพระองค์กล่าวว่า ความรักมั่นคงของพระองค์จะตั้งอยู่เป็นนิตย์
 พระองค์จะทรงสถาปนาความซื่อสัตย์ของพระองค์ในฟ้าสวรรค์
3พระองค์ตรัสว่า “เราได้ทำพันธสัญญากับผู้ที่เราเลือก
 เราได้ปฏิญาณกับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า
4‘เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเจ้าไว้เป็นนิตย์
 และจะสร้างบัลลังก์ของเจ้าไว้ทุกชั่วชาติพันธุ์’ ”
5ข้าแต่พระยาห์เวห์ ฟ้าสวรรค์จะยกย่องการอัศจรรย์ของพระองค์
 และสรรเสริญความซื่อสัตย์ของพระองค์ในที่ประชุมของผู้บริสุทธิ์
6เพราะผู้ใดบนฟ้าจะเปรียบกับพระยาห์เวห์ได้?
 ในบรรดาบุตรของพระเจ้าผู้ใดจะเหมือนพระยาห์เวห์?
7พระเจ้าทรงเป็นที่เกรงกลัวในสภาของผู้บริสุทธิ์
 ใหญ่ยิ่งและน่าเกรงขามกว่าทั้งสิ้นที่อยู่รอบพระองค์
8ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าจอมทัพ
 ผู้ใดทรงฤทธิ์เหมือนพระองค์?
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความซื่อสัตย์ของพระองค์ล้อมรอบพระองค์

อรรถาธิบาย

บอกถึงความรักยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เจ้า

จุดสำคัญของการนมัสการของเราและคำพยานของเราคือความรักของพระเจ้า

1. การนมัสการ
บทสดุดีนี้เริ่มด้วยการนมัสการ เป็นเพลงแห่งการสรรเสริญ (ข้อ 1-18) ซึ่งเน้นไปที่ความรักของพระเจ้า ‘ข้าพระองค์จะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงของพระองค์เป็นนิตย์' (ข้อ 1)

ให้คิดถึงความยิ่งใหญ่และพระสิริของพระเจ้า มันอัศจรรย์แค่ไหนที่เราถูกรักโดย ‘พระยาห์เวห์ พระเจ้าจอมทัพ’ (ข้อ 8) สิ่งนี้จะไม่มีวันถูกพรากไปจากคุณ ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ‘ความรักมั่นคงของพระองค์จะตั้งอยู่เป็นนิตย์’ (ข้อ 2)

2. การเป็นพยาน
ข้อความที่คุณส่งต่อให้ผู้อื่นควรมุ่งความสนใจไปที่ความรักของพระเจ้า ‘ข้าพระองค์จะไม่หยุดเล่าถึงเรื่องราวแห่งรักของพระองค์’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ข้าพระองค์มีประสบการณ์กับความรักและความสัตย์ซื่อของพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ทำให้ความรักของพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้อื่นต่อไป
พันธสัญญาใหม่

โรม 8:18-39

 18ข้าพเจ้าเห็นว่าความทุกข์ลำบากแห่งสมัยปัจจุบัน ไม่ควรจะเอาไปเปรียบกับศักดิ์ศรีซึ่งจะเผยให้แก่เราในอนาคต 19เพราะสรรพสิ่งที่ทรงสร้างแล้ว คอยด้วยความปรารถนาอย่างยิ่งให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ 20เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเอง แต่เป็นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงให้เข้าอยู่นั้น 21ด้วยมีความหวังว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย และจะเข้าในเสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งลูกๆ ของพระเจ้า 22เรารู้อยู่ว่าสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมดนั้นกำลังคร่ำครวญด้วยกัน และเจ็บปวดแบบหญิงคลอดลูกมาจนทุกวันนี้ 23และไม่ใช่เท่านั้น แต่เราเองด้วย ผู้ได้รับพระวิญญาณเป็นผลแรก ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยการที่พระเจ้าจะทรงให้มีฐานะเป็นบุตร คือที่จะทรงไถ่กายของเรา  24เพราะว่าเรารอดโดยความหวัง แต่ความหวังในสิ่งที่เราเห็นได้นั้นไม่ได้เป็นความหวังเลย ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังในสิ่งที่เขาเห็น 25แต่ถ้าเราหวังว่าจะได้สิ่งที่ยังไม่เห็น เราจึงมีความอดทนคอยสิ่งนั้น
 26ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะอธิษฐานขออะไรอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ 27และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์ ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณ เพราะว่าพระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามพระประสงค์ของพระเจ้า
 28เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ 29เพราะว่าทุกคนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้แล้ว พระองค์ทรงกำหนดไว้ก่อนให้เป็นตามพระฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพี่น้องจำนวนมาก 30และบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ก่อนนั้น พระองค์ทรงเรียกมาด้วย และผู้ที่พระองค์ทรงเรียกมานั้น พระองค์ทรงให้เป็นผู้ชอบธรรม และผู้ที่พระองค์ทรงให้เป็นผู้ชอบธรรมนั้น พระองค์ก็ทรงให้มีศักดิ์ศรีด้วย

ความรักของพระเจ้า

 31ถ้าอย่างนั้น สิ่งเหล่านี้เราจะว่าอย่างไร? ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเราได้? 32พระองค์ผู้ไม่ทรงหวงพระบุตรของพระองค์เอง แต่ประทานพระบุตรนั้นเพื่อเราทุกคน ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ประทานสิ่งสารพัดให้เราด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ 33ใครจะฟ้องคนที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้? พระเจ้าทรงทำให้พวกเขาเป็นคนชอบธรรมแล้ว 34ใครจะเป็นผู้ลงโทษอีก? พระเยซูคริสต์หรือ? ผู้สิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์สถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราด้วย 35แล้วใครจะให้เราขาดจากความรักของพระคริสต์ได้? จะเป็นความทุกข์ หรือความยากลำบาก หรือการเคี่ยวเข็ญ หรือการกันดารอาหาร หรือการเปลือยกาย หรือการถูกโพยภัย หรือการถูกคมดาบหรือ? 36ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

“เพราะเห็นแก่พระองค์ ข้าพระองค์จึงถูกประหารวันยังค่ำ   และนับว่าเป็นแกะสำหรับเอาไปฆ่า”

 37แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย 38เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย 39หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้

อรรถาธิบาย

ใคร่ครวญถึงความรักอัศจรรย์ของพระเจ้า

สถานการณ์ของคุณเคยทำให้คุณสงสัยในความรักของพระเจ้าที่มีต่อคุณไหม?

อาจารย์เปาโลได้ทนทุกข์อย่างสาหัส ทั้งถูกโบยตี ถูกจองจำ และเจอความยากลำบากมากมาย แต่เขาบอกว่าการทนทุกข์เหล่านั้นไม่สามารถเปรียบกับพระสิริที่เราจะได้เห็นในวันข้างหน้า ไม่สามารถเปรียบเทียบ ‘ช่วงเวลาที่ยากลำบากในปัจจุบันกับช่วงเวลาดี ๆ ที่กำลังจะมาได้’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ขณะที่คุณรอคอยอยู่ คุณคือ ‘ผู้ได้รับพระวิญญาณเป็นผลแรก’ (ข้อ 23) พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังมัดจำสิ่งที่กำลังจะมา คือพระสิริในภายหน้า วันหนึ่งสรรพสิ่งทั้งหมดจะเป็นอิสระ (ข้อ 21) ในตอนนี้และเวลานี้ ร่างกายของคุณอาจจะกำลัง ‘คร่ำครวญ’ (ข้อ 22) ขณะที่มันค่อย ๆ เสื่อมสลาย แต่วันหนึ่งร่างกายนั้นจะถูกเยียวยารักษาและฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ การฟื้นจากตายของคุณจะไม่ใช่ใน ‘ฝ่ายวิญญาณ’ เท่านั้นแต่ในกายภาพด้วย ‘ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยการที่พระเจ้าจะทรงให้มีฐานะเป็นบุตร คือที่จะทรงไถ่กายของเรา’ (ข้อ 23)

อาจารย์เปาโลใช้การเปรียบเทียบกับการตั้งครรภ์ คุณกำลังรู้สึกถึง ‘ความเจ็บปวดของการปวดครรภ์คลอด’ (ข้อ 22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

ในขณะเดียวกัน ในเวลาที่คุณเหนื่อยกับการรอคอย พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างคุณ คอยช่วยอยู่ หากคุณไม่รู้ว่าจะอธิษฐานอย่างไรหรือจะอธิษฐานเผื่อในเรื่องอะไร ‘พระวิญญาณทรงอธิษฐานภายในเราและเพื่อเรา ทำให้เสียงถอนหายใจที่ไร้คำพูดและเสียงคร่ำครวญของเราออกมาเป็นคำอธิษฐาน’ (ข้อ 26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรงทำให้คุณสามารถอธิษฐานตามพระประสงค์ของพระเจ้า (ข้อ 27) ถ้าคำอธิษฐานของคุณถูกนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณก็จะได้รับคำตอบแน่นอน เพราะคำอธิษฐานนั้นตามพระประสงค์ของพระเจ้า

ชีวิตไม่ใช่พบกับความยุ่งเหยิงโดยบังเอิญ ‘เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์’ (ข้อ 28)

พระเจ้าทรงทำงานทุกรายละเอียดในชีวิตของคุณ ‘ทุกอย่าง’ รวมถึงข้อผิดพลาดของคุณด้วย พระเจ้าจะนำข้อผิดพลาดของคุณและทำให้เกิดผลดีสำหรับคุณ พระองค์ทรงครอบครองอยู่ พระองค์ทรงอธิปไตย ในทุกสิ่งพระองค์ทรงทำให้เกิดผลดีสำหรับผู้ที่รักพระองค์ ไม้กางเขนได้แสดงให้เห็นในระดับสูงสุดว่า เหมือนที่พระเจ้าทรงทำให้เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดีที่สุด พระองค์สามารถใช้สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเราเพื่อให้เกิดผลดีได้

พระสัญญานี้มีผลกับคริสเตียนทุกคน เปาโลได้ขยายความในข้อ 29-30 ว่าคุณถูกเลือกไว้ คุณถูกกำหนดไว้ก่อนแล้ว คุณถูกเรียก คุณถูกทำให้ชอบธรรม และคุณถูกทำให้มีสง่าราศี สี่อย่างแรกได้เกิดขึ้นแล้ว แต่การทำให้มีสง่าราศีนั้นเป็นเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม เปาโลได้ใช้กริยาช่องอดีตสำหรับทุกข้อ ‘(คุณถูก)...ให้มีศักดิ์ศรี’ การใช้ไวยากรณ์กาลกริยาแสดงให้เห็นว่า เปาโลมั่นใจในอนาคต ซึ่งมั่นคงอยู่แล้ว

สิ่งนี้ช่างอัศจรรย์ มันอาจจะเป็นคำประกาศแห่งความเชื่อที่หาญกล้าที่สุดในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ทั้งเล่ม ซึ่งกล่าวถึงความมั่นคงอย่างครบถ้วน ความมั่นคงของคริสเตียนวางอยู่บนความรักของพระเจ้าที่ไม่สั่นคลอน รากฐานที่มั่นคงนี้อยู่ลึกกว่าสถานการณ์และความรู้สึกทั้งหมดของคุณ

คุณจะมั่นใจในความรักของพระเจ้าได้อย่างไรเปาโลได้ให้คำถาม 5 ข้อที่ยังไม่มีคำตอบ:

1. ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเราอย่างนี้ เราจะแพ้ได้อย่างไร?
‘ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเราได้?’ (ข้อ 31ข) ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา สิ่งที่คนอื่นคิดก็แทบไม่สำคัญเลย เราถูกปลดปล่อยจากการกลัวผู้คนและการใส่ใจสิ่งที่พวกเขาคิดมากจนเกินไป

2. ถ้าพระเจ้าประทานพระบุตรองค์เดียวให้คุณ พระองค์จะหวงสิ่งอื่นหรือ?
‘พระองค์ผู้ไม่ทรงหวงพระบุตรของพระองค์เอง แต่ประทานพระบุตรนั้นเพื่อเราทุกคน ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ประทานสิ่งสารพัดให้เราด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ?’ (ข้อ 32)

3. ใครจะกล้าฟ้องร้องเราได้? ‘ใครจะฟ้องคนที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้?’ (ข้อ 33ก)

4. ถ้าพระเจ้าเป็นผู้พิพากษา และพระเยซูเป็นทนายของคุณ การฟ้องร้องจะสำเร็จได้อย่างไร?
‘พระเจ้าทรงทำให้พวกเขาเป็นคนชอบธรรมแล้ว ใครจะเป็นผู้ลงโทษอีก?’ (ข้อ 33ข-34) พระเยซูทรงเป็นทนายที่คุ้มครองเรา พระองค์ทรงมีคุณสมบัติสูงสุด ‘พระเยซูคริสต์… ผู้สิ้นพระชนม์แล้ว’ (ข้อ 34) ได้ถูกตัดสินแทนเรา ‘พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์สถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราด้วย’ (ข้อ 34) พระองค์ทรงอุปถัมถ์เรา พระเยซูไม่เคยหยุดอธิษฐานเผื่อคุณ

5. ใครจะขัดขวางคุณจากความรักของพระคริสต์ได้? คุณสามารถถูกแยกจากเพื่อนและครอบครัวโดยสถานการณ์บางอย่างหรือแม้แต่ความตาย แต่ ‘แล้วใครจะให้เราขาดจากความรักของพระคริสต์ได้?’ (ข้อ 35ก) นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะง่ายดาย อาจจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก มีความเกลียดชัง ความหิวโหย การไร้ที่อยู่อาศัย การข่มขู่ทำร้าย และการหักหลัง แต่นั่น ‘ไม่แย่ไปกว่าความบาปที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งบันทึกไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์... สิ่งเหล่านี้ไม่ทำให้เรากลัวเพราะว่าพระเยซูทรงรักเรา’ (ข้อ 35ข-37, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ท่ามกลางความยากลำบากทุกอย่าง คุณสามารถยึดความรักของพระเจ้าเอาไว้

เปาโลระบุความเป็นไปได้ 17 อย่างซึ่งเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติในชีวิต เทพเจ้า กาลเวลา และฟ้าสวรรค์ (ข้อ 35-39) รายการต่าง ๆ เหล่านี้ของเขาพูดถึงความลำบากและสิ่งท้าทายทั้งหมดที่คุณอาจต้องประสบพบเจอ เปาโลสรุปว่าสิ่งใดก็ตาม 'จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้’ (ข้อ 39) ไอแซก วัตส์ ได้เขียนว่า ‘ความรักช่างอัศจรรย์ มาจากพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ความรักเรียกร้องจิตวิญญาณของผม ชีวิตของผม และทั้งหมดของผม’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะขอบคุณพระองค์ให้เพียงพอสำหรับความรักอัศจรรย์ของพระองค์ได้อย่างไร ขอบคุณที่ทุกสิ่งทำงานร่วมกันเพื่อก่อให้เกิดผลดีในชีวิตของข้าพระองค์ และไม่มีสิ่งใดสามารถแยกข้าพระองค์ไปจากความรักของพระองค์ได้
พันธสัญญาเดิม

โฮเชยา 10:1-11:11

บาปของอิสราเอลและการตกเป็นเชลย

1อิสราเอลเป็นเถาองุ่นงอกงาม
 ที่เกิดผลอุดม ยิ่งเกิดผลมากขึ้นเท่าใด
 ยิ่งสร้างแท่นบูชามากขึ้นเท่านั้น
เมื่อประเทศของเขาเฟื่องฟูขึ้น
 เขาก็ยิ่งให้เสาศักดิ์สิทธิ์ของเขาเจริญขึ้น
2จิตใจของเขาหลอกลวง
 บัดนี้เขาจึงต้องรับโทษของความผิด
พระองค์จะทรงพังแท่นบูชาของเขาลง
 และทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสีย
3คราวนี้เขาจะพูดเป็นแน่ว่า
 “เราไม่มีกษัตริย์
เพราะเราไม่ยำเกรงพระยาห์เวห์
 แล้วกษัตริย์จะทำประโยชน์อะไรแก่เราบ้างเล่า?”
4เขาพูดพล่อยๆ
 เขาทำพันธสัญญาด้วยคำสาบานเท็จ
ความยุติธรรมกลายเป็นเหมือนหญ้าพิษที่งอกขึ้น
 ตามรอยไถในทุ่งนา 5ชาวเมืองสะมาเรียก็กลัว
 เพราะรูปลูกวัวที่เบธาเวน
ประชาชนจะเศร้าโศกเพราะรูปนั้น
 และปุโรหิตของรูปเคารพจะร้องไห้เพราะรูปนั้น
 เพราะศักดิ์ศรีที่หมดไปจากรูปนั้น 6เออ รูปเคารพนั้นเองก็จะต้องถูกนำไปยังอัสซีเรีย
 เป็นบรรณาการแก่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
เอฟราอิมจะได้รับความอัปยศ
 อิสราเอลจะรู้สึกอับอายเพราะแผนการของตน
7กษัตริย์ของสะมาเรียจะพินาศ
 เหมือนเศษไม้ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
8ปูชนียสถานสูงของเมืองอาเวนอันเป็นบาปของอิสราเอล
 จะต้องถูกทำลาย
ต้นหนามและพืชมีหนามงอกขึ้นบนแท่นบูชาของเขา
 เขาจะร้องบอกกับภูเขาว่า จงปกคลุมเราไว้
 และร้องบอกเนินเขาว่า จงล้มทับเราเถิด
9โอ อิสราเอลเอ๋ย เจ้าทำบาปตั้งแต่สมัยกิเบอาห์
 เขายังทำเรื่อยมา
 สงครามจะไม่มาทันบุตรแห่งความอยุติธรรมในกิเบอาห์หรือ?
10เราตั้งใจจะลงโทษเขา
 ชนชาติทั้งหลายจะประชุมกันสู้เขา
 เมื่อเขาถูกมัดเพราะความผิดสองประการของเขา
11เอฟราอิมเป็นโคสาวที่ได้รับการฝึก
 มันชอบนวดข้าว
เราจึงวางแอกบนคออันงามของมัน
 เราจะให้เอฟราอิมลาก
ยูดาห์ก็ต้องไถ
 ยาโคบต้องคราดสำหรับตนเอง
12จงหว่านความชอบธรรมไว้สำหรับตัวเจ้า
 จงเกี่ยวผลของความรักมั่นคง
เจ้าจงไถดินที่ร้างอยู่
 เพราะเป็นเวลาที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์
 เพื่อพระองค์จะเสด็จมาโปรยความชอบธรรมแก่เจ้า
13เจ้าทั้งหลายได้ไถความชั่วมาแล้ว
 เจ้าทั้งหลายได้เกี่ยวความผิดบาป
เจ้าได้รับประทานผลของการโกหก
 เพราะว่าเจ้าวางใจในทางของเจ้า
 และในจำนวนพลรบ
14เพราะฉะนั้นเสียงสงครามจะเกิดขึ้นท่ามกลางชนชาติของเจ้า
 ป้อมปราการทั้งสิ้นของเจ้าจะถูกทำลาย
อย่างกับกษัตริย์ชัลมันทำลายเมืองเบธาร์เบลในวันสงคราม
 แม่ถูกฟาดลงอย่างยับเยินพร้อมกับลูกๆ
15โอ เบธเอลเอ๋ย เขาจะทำกับเจ้าเช่นนี้
 เพราะความชั่วร้ายใหญ่หลวงของเจ้า
 ในเวลารุ่งเช้า กษัตริย์อิสราเอลจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

โฮเชยา 11

พระเมตตาของพระเจ้าแก่อิสราเอลผู้เนรคุณ

1เมื่ออิสราเอลยังเด็ก เราก็รักเขา
 เราได้เรียกบุตรของเราออกจากอียิปต์
2เรายิ่งเรียกพวกเขามากเท่าใด
 พวกเขาก็ยิ่งออกห่างจากเรามากเท่านั้น
พวกเขาถวายสัตวบูชาแก่พระบาอัล
 และเผาเครื่องหอมถวายแก่รูปเคารพอยู่เรื่อยไป
3แต่เรานี่แหละสอนเอฟราอิมให้เดิน
 เราอุ้มเขาทั้งหลายไว้
 แต่เขาไม่รู้ว่า เราเป็นผู้รักษาเขาให้หาย
4เราจูงเขาด้วยสายแห่งความเมตตา
 ด้วยเชือกแห่งความรัก
เราเป็นผู้ทำให้แอกที่ขากรรไกรของเขาเบาลง
 และเราก้มลงเลี้ยงเขา
5เขาจะไม่กลับไปแผ่นดินอียิปต์
 แต่อัสซีเรียจะเป็นกษัตริย์ของเขา
 เพราะเขาปฏิเสธไม่ยอมกลับมาหาเรา
6ดาบจะรุกรานบรรดาเมืองของเขา
 จะทำลายดาลประตูของเขา
 และผลาญเขาเสียเพราะแผนการของเขา
7ประชากรของเราตั้งใจจะเหินห่างจากเรา
 เขาร้องทูลองค์ผู้สูงสุด
 แต่พระองค์มิได้ทรงยกชูเขาเลย
8โอ เอฟราอิมเอ๋ย เราจะให้เจ้าแก่ผู้อื่นได้อย่างไร?
 โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะมอบเจ้าแก่ผู้อื่นได้อย่างไร?
เราจะให้เจ้าเหมือนเมืองอัดมาห์ได้อย่างไร?
 เราจะทำให้เจ้าเหมือนเมืองเศโบยิมได้อย่างไร?
จิตใจของเราปั่นป่วนอยู่ภายใน
 ความเอ็นดูของเราก็คุกรุ่นขึ้น
9เราจะไม่จัดการด้วยความกริ้วอันร้อนแรง
 เราจะไม่ทำลายเอฟราอิมอีก
เพราะเราเป็นพระเจ้าไม่ใช่มนุษย์
 เราเป็นผู้บริสุทธิ์ท่ามกลางพวกเจ้า
 เราจะไม่มาด้วยความโกรธ
10เขาทั้งหลายจะติดตามพระยาห์เวห์ไป
 ผู้เปล่งพระสุรเสียงดั่งราชสีห์
เออ พระองค์จะเปล่งพระสุรเสียง
 และบรรดาบุตรของพระองค์จะตัวสั่นสะท้านจากทิศตะวันตก
11เขาจะตัวสั่นสะท้านมาเหมือนวิหคจากอียิปต์
 และเหมือนนกพิราบจากแผ่นดินอัสซีเรีย
 เราจะให้เขากลับบ้าน พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ

อรรถาธิบาย

ชื่นชมในความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า

คุณรู้หรือไม่ว่าพระเจ้าทรงรักคุณมากกว่าพ่อแม่ที่รักลูกของตน?

โฮเชยาพูดต่อไปถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อประชากรของพระองค์ แม้ในตอนที่พวกเขาไม่ซื่อสัตย์ พวกเขายอมให้ต่อความบาป ความขัดแย้ง และการนับถือรูปเคารพเป็น ‘เหมือนหญ้าพิษที่งอกขึ้น’ (ข้อ 10:4) และ ‘ต้นหนามและพืชมีหนามงอกขึ้น’ (ข้อ 8) ขอให้ระวังไม่ให้สิ่งเหล่านี้เติบโตในชีวิตของคุณ คอยถอนสิ่งไม่ดีออกไป แม้แต่วัชพืชเล็ก ๆ ก่อนที่มันจะกลายเป็นวัชพืชใหญ่

นอกจากถอนสิ่งไม่ดีแล้ว ให้ปลูกดอกไม้ที่สวยงามด้วย พระเจ้าทรงเรียกพวกเขาและพวกเราให้ ‘หว่านความชอบธรรมไว้สำหรับตัวเจ้า’และ ‘เกี่ยวผลของความรักมั่นคง…เพราะเป็นเวลาที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์’ (ข้อ 12)

พระองค์ทรงอธิบายตรงนี้ในบริบทความรักของพ่อแม่ ‘เมื่ออิสราเอลยังเด็ก เราก็รักเขา เราได้เรียกบุตรของเราออกจากอียิปต์…เรานี่แหละสอนเอฟราอิมให้เดินเราอุ้มเขาทั้งหลายไว้...เราเป็นผู้รักษาเขาให้หาย เราจูงเขาด้วยสายแห่งความเมตตาด้วยเชือกแห่งความรัก...และเราก้มลงเลี้ยงเขา’ (ข้อ 11:1-4)

เป็นภาพที่สวยงามของความรักและความอ่อนโยนของพระเจ้า เหมือนพ่อแม่ที่กำลังดูแลลูกเล็ก ‘เราอุ้มเขาขึ้นมาแนบแก้มของเรา เหมือนอย่างทารก’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เลี้ยงดูเขา สอนเขาให้เดิน อุ้มเข้าไว้ในอ้อมแขน

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมกลับใจและตั้งใจหนีไปจากพระองค์ พระเจ้าไม่สามารถปล่อยพวกเขาไปได้ (ข้อ 5-8) ‘จิตใจของเราปั่นป่วนอยู่ภายใน ความเอ็นดูของเราก็คุกรุ่นขึ้น’ (ข้อ 8ข) นี่คือความรักที่จะไม่ปล่อยให้คุณไป

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาเจ้า ขอบคุณสำหรับความรัก ความเมตตาสงสาร และความอ่อนโยนของพระองค์ ขอบคุณที่ไม่มีสิ่งใดสามารถแยกข้าพระองค์ไปจากความรักของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอบคุณที่ความรักของพระองค์เป็นเหมือนหมอนที่เราสามารถหนุนศีรษะที่อ่อนล้า

เพิ่มเติมโดยพิพพา

โรม 8:28

‘เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์’

ฉันได้ยึดถือพระคำข้อนี้อยู่บ่อยครั้งเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปอย่างเรียบร้อยหรือเกิดบางอย่างที่ทำให้ผิดหวังอย่างมาก เมื่อมองย้อนกลับไป มีหลายอย่างที่ไม่ได้เป็นตามแบบที่ฉันคาดหวังไว้ ตอนนี้ฉันบอกได้เลยว่าการที่ไม่เป็นเช่นนั้นคือพระพรยิ่งใหญ่ ฉันคงไม่สามารถพูดแบบนี้ในเวลานั้นได้ แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจ ซึ่งฉันคงต้องรอจนกว่าจะได้ไปสวรรค์ และหวังว่าฉันจะสามารถเข้าใจในตอนนั้น

ข้อพระคำประจำวัน

โรม 8:28

‘…เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม