วัน 204

รู้ว่าคุณเป็นที่รัก

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 17:25-18:6
พันธสัญญาใหม่ โรม 8:1-17
พันธสัญญาเดิม โฮเชยา 8:1-9:17

เกริ่นนำ

ถ้าสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นกับผม ผมคงจะไม่เชื่อว่ามันเป็นไปได้เลย ในตอนที่ผมเห็นเขาครั้งแรก ผมพบกับความรักที่ไหลท่วมท้น เด็กน้อยตัวจิ๋ว ซึ่งคนอื่นอาจมองว่าดูเหมือนทารกทั่ว ๆ ไป เป็นลูกชายของผม วินาทีที่พ่อแม่เจอหน้าลูกครั้งแรกไม่อาจลืมเลือนได้เลย ความรักที่พ่อแม่มีให้ลูกนั้นไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูด แต่มันเป็นการเปรียบเทียบที่พระเจ้าใช้เพื่อพูดถึงความรักของพระองค์ที่มีต่อคุณ คุณคือลูกของพระเจ้า ความรักที่พระองค์ทรงมีให้คุณนั้นยิ่งใหญ่กว่าความรู้สึกที่พ่อแม่มีต่อลูกของตนเสียอีก

การรู้ว่าตัวคุณเองเป็นใครจะมีผลกระทบยิ่งใหญ่ต่อชีวิตของคุณ ขอให้รู้ว่าคุณเป็นลูกที่รักยิ่งของพระเจ้า นี่ควรจะเป็นรากฐานของความมั่นใจ ความปลอดภัย และความหวังของคุณ

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 17:25-18:6

25บุตรชายโง่เป็นความโศกสลดแก่บิดา
 และเป็นความขมขื่นแก่มารดา
26การลงโทษคนชอบธรรมก็ไม่ดี
 การโบยตีคนดีเพราะความซื่อตรงก็ผิด
27บุคคลที่ยับยั้งถ้อยคำของเขาเป็นคนมีความรู้
 และบุคคลผู้มีจิตใจเยือกเย็นเป็นคนมีความเข้าใจ
28แม้คนโง่หากนิ่งเสียก็นับว่ามีปัญญา
 เมื่อเขาปิดปากของตนก็นับว่ามีความคิด

สุภาษิต 18

1คนที่ปลีกตัวไปจากผู้อื่นก็แสวงหาแต่สิ่งที่ตนปรารถนา
 และขัดแย้งกับสติปัญญาทุกอย่าง
2คนโง่ไม่เพลิดเพลินในความเข้าใจ
 แต่เพลิดเพลินในการแสดงความคิดเห็นของตนเท่านั้น
3เมื่อคนอธรรมมาถึง ความหมิ่นประมาทก็มาด้วย
 และความอัปยศมากับความอดสู
4คำจากปากของคนเราเป็นน้ำลึก
 น้ำพุแห่งปัญญาเป็นธารน้ำไหล
5การลำเอียงเข้าข้างคนอธรรมนั้นไม่ดี
 การลิดรอนความยุติธรรมไปจากคนชอบธรรมก็ไม่ดีด้วย
6ริมฝีปากของคนโง่นำการวิวาทมา
 และปากของเขาก็เชื้อเชิญการโบย

อรรถาธิบาย

บุตรที่มีสติปัญญา

พระคัมภีร์ได้พูดถึงการเลี้ยงดูของพ่อแม่และความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกของตนอย่างถี่ถ้วน ความรักที่พ่อแม่มีให้ลูกนั้นเป็นสัญชาตญาณและมีพลัง พ่อแม่ที่ดีจะต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก ๆ ของตน เด็ก ๆ มีความสามารถสูงที่จะนำความยินดีอย่างยิ่งมาสู่พ่อแม่ แต่แน่นอนว่าพวกเขาสามารถนำความโศกเศร้ามาเช่นกัน

‘บุตรชายโง่เป็นความโศกสลดแก่บิดาและเป็นความขมขื่นแก่มารดา' (ข้อ 17:25) ผู้เขียนได้ขยายถึงความแตกต่างระหว่างคนโง่เขลาและคนมีปัญญาในแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิต

ยกตัวอย่างเช่น ‘คนโง่...เพลิดเพลินในการแสดงความคิดเห็นของตนเท่านั้น’ (ข้อ 18:2) แต่คนฉลาดใช้คำพูดด้วยการยับยั้งชั่งใจ ‘แม้คนโง่หากนิ่งเสียก็นับว่ามีปัญญา เมื่อเขาปิดปากของตนก็นับว่ามีความคิด’ (ข้อ 17:28) เหมือนที่นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน วิล ดูรัน (ค.ศ. 1885-1981) เคยบอกไว้ ‘หนึ่งในบทเรียนของประวัติศาสตร์คือไม่มีสิ่งใดเป็นเรื่องดีที่ควรทำเสมอและเหมาะสมที่จะพูดออกไปเสมอ’

จากนั้นผู้เขียนได้พูดถึงลักษณะนิสัยอื่น ๆ ของคนมีปัญญา การเป็นมิตร (ข้อ 18:1) การรับฟัง (ข้อ 2) และความยุติธรรม (ข้อ 5)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้พวกเราเป็นลูกที่มีปัญญา คนที่ทำให้พระองค์พอพระทัยในการดำเนินชีวิตของเรา (โรม 8:8)
พันธสัญญาใหม่

โรม 8:1-17

ชีวิตฝ่ายพระวิญญาณ

 1เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ 2เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่านพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย 3เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้มันอ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงทำแล้ว โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์เองมา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า และเกี่ยวกับบาป พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงลงโทษบาป 4เพื่อความชอบธรรมของธรรมบัญญัติจะได้สำเร็จในตัวเราผู้ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ 5เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของพระวิญญาณ 6การเอาใจใส่เนื้อหนังก็คือความตาย และการเอาใจใส่พระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข 7เพราะว่าการเอาใจใส่เนื้อหนังนั้นคือการเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า และที่จริงไม่สามารถปฏิบัติตามได้ 8และคนที่อยู่ในเนื้อหนัง จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็ไม่ได้
 9ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่านแล้ว ท่านก็ไม่อยู่ในเนื้อหนัง แต่อยู่ในพระวิญญาณ ใครไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ คนนั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ 10และถ้าพระคริสต์อยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านจะตายไปเพราะบาป แต่วิญญาณจิตของท่านก็จะดำรงอยู่เพราะความชอบธรรม 11ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ ผู้ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากตายสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย พระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากตายแล้วนั้น จะทรงทำให้กายซึ่งต้องตายของพวกท่านเป็นขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน
 12เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เราเป็นหนี้ แต่ไม่ใช่เป็นหนี้ฝ่ายเนื้อหนัง ที่จะดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง 13เพราะว่าถ้าท่านดำเนินชีวิตตามเนื้อหนังแล้ว ท่านจะต้องตาย แต่ถ้าโดยทางพระวิญญาณ ท่านทำลายกิจการของร่างกาย ท่านก็จะดำรงชีวิตได้ 14เพราะว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำใคร คนนั้นก็เป็นบุตรของพระเจ้า 15เพราะว่าพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานมานั้นจะไม่ทรงให้ท่านเป็นทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่พระวิญญาณจะทรงให้ท่านมีฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า โดยพระวิญญาณนั้นเราจึงร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา (พ่อ)”เป็นภาษาอาราเมคที่เด็กๆ ใช้เรียกบิดาของตน ซึ่งแสดงถึงความใกล้ชิดสนิทสนม 16พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า 17และถ้าเราเป็นลูกแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์ก็เพื่อจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย

อรรถาธิบาย

ลูกของพระเจ้า

คุณมองตัวเองในความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างไร? ‘ท่านเอาแต่รู้สึกผิด เป็นอย่างน้อยหรือไม่ ท่านมีชีวิตอยู่ภายใต้เมฆดำที่ลอยอยู่ต่ำอย่างต่อเนื่องไหม’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่ไม่ใช่การใช้ชีวิตคริสเตียนแบบที่ควรจะเป็น คุณเป็นลูกของพระเจ้า เป็นที่รัก เป็นที่ยอมรับ และถูกเสริมสร้างด้วยความรักอันไม่มีเงื่อนไขของพระองค์ที่มีต่อคุณ พระองค์ประสงค์ให้คุณชื่นชมยินดีในเสรีภาพจากความรู้สึกผิดและการกล่าวโทษ แต่มีประสบการณ์กับความสัมพันธ์อันสนิทสนมกับพระองค์ ซึ่งชิดใกล้ยิ่งกว่าความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดของพ่อแม่กับลูก

ณ จุดที่คุณต้อนรับพระเยซู อดีตได้ถูกจัดการ คุณได้รับการอภัยโดยสมบูรณ์ สิ่งที่ขวางกั้นคุณกับพระเจ้าถูกกำจัดไป อาจารย์เปาโลเขียนว่า ‘เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 1) คุณพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย (ข้อ 2) แม้ว่าธรรมบัญญัตินั้นดี แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะช่วยเราให้รอดเนื่องจากธรรมชาติบาปของเรา (ข้อ 3ก) ดังนั้นพระเจ้าจึงส่งพระเยซูมาตายแทนเรา เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป (ข้อ 3ข) พระเยซูทรงรับเอาความบาปทั้งหมดของเราไป ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

ตอนนี้ ในปัจจุบันคุณสามารถชื่นชมยินดีกับชีวิตในพระวิญญาณ ‘ตัวเราผู้ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ’ (ข้อ 4) พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำคุณให้หยุด ‘สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของเนื้อหนัง... แต่สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของพระวิญญาณ’ (ข้อ 5) สิ่งนี้นำไปสู่ ‘ชีวิตและสันติสุข’ (ข้อ 6) อาจารย์เปาโลไม่ได้บอกให้คุณสมบูรณ์แบบ แต่ ‘ถึงแม้ท่านจะยังประสบกับข้อจำกัดทั้งหมดของความบาป ท่านเองจะได้มีประสบการณ์กับชีวิตตามเงื่อนไขของพระเจ้า’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งนี้เป็นไปได้เพราะในตอนนี้พระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในคุณ (ข้อ 9)

ยิ่งกว่านั้นคุณสามารถมองไปข้างหน้าถึงอนาคต เมื่อร่างกายของคุณเป็นขึ้นจากตาย พระวิญญาณองค์เดียวกันที่อยู่ในพระเยซูและทำให้พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตายนั้นสถิตอยู่ภายในคุณ ดังนั้นร่างกายของคุณจะเป็นขึ้นมาใหม่เหมือนอย่างพระเยซู ‘พระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากตายแล้วนั้น จะทรงทำให้กายซึ่งต้องตายของพวกท่านเป็นขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน’ (ข้อ 11)

คนที่ต้อนรับพระเยซู ผู้เชื่อในพระนามของพระองค์ ทรงประทาน ‘สิทธิให้เป็นลูกของพระเจ้า’ (ยอห์น 1:12) คุณกลายเป็นลูกของพระเจ้าไม่ใช่โดยกำเนิด แต่โดยการบังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ

ถ้าพระธรรมโรมคือ ‘ภูเขาหิมาลัย’ ของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม โรมบทที่ 8 คือภูเขาเอเวอร์เรส ส่วนยอดเขานั้นคือข้อพระคำเหล่านี้ ซึ่งอาจารย์เปาโลบรรยายถึงคนที่ถูกนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่าเป็นลูกของพระเจ้า (โรม 8:14-17)

1. สถานะสูงสุด
ไม่มีสถานะอื่นใดสูงส่งกว่าการเป็นลูกของพระเจ้า (ข้อ 14) ภายใต้กฎหมายของโรม ถ้าผู้ใหญ่คนหนึ่งต้องการผู้สืบสกุล เขาสามารถเลือกหนึ่งในลูกชายของเขาเองหรืออุปการะลูกชายสักคนให้ใช้ชื่อของเขาต่อ พระเจ้าทรงมีพระบุตรเพียงองค์เดียว คือพระเยซู แต่พระองค์ทรงมีบุตรชายบุตรหญิงบุญธรรมมากมาย คุณได้ถูกรับเข้ามาในครอบครัวของพระเจ้า ไม่มีสถานะใดในโลกนี้สามารถเทียบกับสิทธิพิเศษของการเป็นลูกของพระผู้สร้างสรรพสิ่งนี้

2. ความสนิทสนมที่สุด
คุณมีความสัมพันธ์อย่างสนิทสนมที่สุดกับพระเจ้า อาจารย์เปาโลบอกว่าโดยพระวิญญาณ เราร้องเรียก ‘อับบา พระบิดา’ (ข้อ 15) คำในภาษาอาราเมคนี้อาจเป็นคำแรกที่อาจารย์เปาโลเคยพูด ซึ่งเป็นวิธีที่เขาเรียกพ่อในโลกของเขา พระเยซูทรงใช้คำว่า ‘อับบา’ ในการพูดถึงพระเจ้าด้วยวิธีที่พิเศษเฉพาะ มันแสดงออกถึงการให้เกียรติอย่างล้ำลึกและความสนิทสนมใกล้ชิด และเป็นคำที่น่าจะใกล้เคียงกับ ‘พ่อ’ หรือ ‘ปะป๊า’ ที่สุด ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของตะวันออกกลาง คำๆ นี้ยังคงเป็นคำแรกที่เด็กๆ ถูกสอนให้พูด

ในฐานะลูกของพระเจ้า คุณไม่ได้ตกเป็นทาสของความกลัวอีก แต่คนถูกนับเป็นลูกของพระเจ้า (ข้อ 15) คุณสามารถชื่นชมยินดีในความสัมพันธ์ที่สนิทสนมที่สุดกับพระบิดาในสวรรค์

3. ประสบการณ์ที่ลึกที่สุด
พระวิญญาณทรงให้ประสบการณ์ที่ลงลึกที่สุดกับพระเจ้าเท่าที่เป็นได้กับเรา ‘พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า’ (ข้อ 16) ในแบบเดียวกับที่ผมต้องการให้ลูก ๆ ของผมรับรู้และมีประสบการณ์กับความรักที่ผมมีให้พวกเขาและความสัมพันธ์ของเรา พระเจ้าประสงค์ให้ลูก ๆ ของพระองค์มั่นใจในความรักและในความสัมพันธ์นั้น ‘พระวิญญาณของพระเจ้าสัมผัสวิญญาณจิตของเราและยืนยันว่าแท้จริงแล้วเราเป็นใคร’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

4. ความปลอดภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
การเป็นลูกชายหรือลูกสาวของพระเจ้าคือความปลอดภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ‘ถ้าเราเป็นลูกแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์’ (ข้อ 17) ภายใต้กฎหมายโรมลูกบุญธรรมจะสามารถรับมรดกของผู้เป็นพ่อได้

ในฐานะลูกของพระเจ้าเราก็เป็นทายาทด้วย ความแตกต่างเดียวคือเราได้รับ ไม่ใช่จากการตายของพ่อ แต่โดยการตายของตัวเราเอง คุณจะได้ชื่นชมยินดีกับนิรันดร์กาลแห่งรักร่วมกับพระเยซู ‘และเรารู้ว่าเราจะได้รับสิ่งที่กำลังมาถึงเรา คือมรดกอันแสนเหลือเชื่อ!’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลเพิ่มเติมอีกว่า ‘เมื่อเราทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์ก็เพื่อจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย’ (ข้อ 17ข) ในชีวิตคริสเตียน เกียรติสิริมาจากการทนทุกข์ ‘เราเผชิญสิ่งเดียวกับที่พระคริสต์ทรงเผชิญ ถ้าเราก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากกับพระองค์ เราก็จะได้ผ่านช่วงเวลาที่ดีกับพระองค์อย่างแน่นอน’ (ข้อ 17 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คริสเตียนถูกพิจารณาร่วมกับพระเยซู นั่นหมายถึงการข่มเหงอย่างรุนแรงสำหรับคริสเตียนหลายคนในปัจจุบัน คุณจะต้องเจอกับการข่มเหงบางอย่าง แต่มรดกของคุณในฐานะลูกของพระเจ้านั้นเหนือกว่าความยากลำบากเหล่านี้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่อับบา พระบิดา ขอบคุณสำหรับสิทธิพิเศษอันมหัศจรรย์ของการเป็นลูกของพระองค์ ขอบคุณที่พระวิญญาณสถิตอยู่ภายในข้าพระองค์ ซึ่งเป็นพยานร่วมกับวิญญาณของข้าพระองค์ว่าข้าพระองค์เป็นลูกของพระเจ้า ขอบคุณที่อนาคตของข้าพระองค์มั่นคงปลอดภัย ข้าพระองค์เป็นทายาทและทายาทร่วมกับพระคริสต์
พันธสัญญาเดิม

โฮเชยา 8:1-9:17

อิสราเอลละทิ้งพระเจ้า

1จงจรดเขาสัตว์ ที่ริมฝีปากของเจ้า
 เพราะอินทรีตัวหนึ่งบินอยู่เหนือพระนิเวศของพระยาห์เวห์
เพราะเขาได้หักพันธสัญญาของเรา
 และละเมิดธรรมบัญญัติของเรา
2อิสราเอลร้องทุกข์ต่อเราว่า
 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายรู้จักพระองค์”
3อิสราเอลได้ปฏิเสธความดีแล้ว
 ศัตรูจะไล่ติดตามเขา
4พวกเขาได้แต่งตั้งกษัตริย์ แต่เรามิได้เสนอให้ทำ
 เขาได้แต่งตั้งเจ้านาย แต่เราไม่ได้เห็นชอบ
เขาได้สร้างรูปเคารพด้วยเงินและทอง
 เพื่อความพินาศของตนเอง
5โอ สะมาเรียเอ๋ย เราปฏิเสธรูปลูกวัวของเจ้า
 ความกริ้วของเราพลุ่งขึ้นต่อพวกเขา
 เขาจะบริสุทธิ์ได้นานสักเท่าใด?
6เพราะรูปนั้นมาจากอิสราเอล
 ช่างฝีมือเป็นผู้ทำขึ้น
รูปนั้นมิใช่พระเจ้า
 รูปลูกวัวของสะมาเรีย
 จะถูกทุบเป็นชิ้นๆ
7เพราะเขาหว่านลม
 เขาจึงต้องเกี่ยวพายุหมุน
 ต้นข้าวไม่มีรวง
มันจะไม่อาจใช้ทำแป้ง
และถึงใช้ทำได้
 คนต่างด้าวก็เอาไปกิน
8อิสราเอลถูกกินหมดแล้ว
 เดี๋ยวนี้เขาอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
 เป็นเหมือนภาชนะไร้ประโยชน์
9เขาขึ้นไปหาอัสซีเรีย
 ดังลาป่าที่ท่องเที่ยวอยู่ลำพัง
 เอฟราอิมได้จ้างคนรักมา 10แม้เขาจ้างประชาชาติอื่นให้เป็นพันธมิตร
 ไม่ช้าเราจะต้อนเขารวมกัน
เขาเริ่มลดน้อยถอยลง
 จากภาระของกษัตริย์แห่งเจ้านายทั้งหลาย
11เพราะเอฟราอิมได้สร้างแท่นบูชาเพิ่มขึ้นเพื่อลบบาป
 แต่แท่นเหล่านั้นกลายเป็นแท่นเพื่อให้เขาทำบาป
12ถึงเราจะเขียนธรรมบัญญัติไว้ให้สักหมื่นข้อ
 เขาจะถือว่าเป็นเพียงของแปลก
13เขาถวายเครื่องสัตวบูชาแก่เรา
 และรับประทานเนื้อนั้น
แต่พระยาห์เวห์มิได้พอพระทัยเขา
 บัดนี้พระองค์จะทรงระลึกถึงความผิดของเขา  และจะทรงลงโทษเขาเพราะบาปของเขา
 เขาจะกลับไปยังอียิปต์
14อิสราเอลได้ลืมผู้สร้างของตนแล้ว
 จึงสร้างวังขึ้นหลายแห่ง
และยูดาห์ก็สร้างเมืองมีกำแพงเพิ่มขึ้น
 แต่เราจะส่งไฟมาเผาเมืองเหล่านี้
 ไฟจะไหม้ที่กำบังแข็งแกร่งทั้งหลายของเขาเสีย

โฮเชยา 9

การลงโทษบาปของอิสราเอล

1โอ อิสราเอลเอ๋ย อย่ายินดี
 อย่าเปรมปรีดิ์อย่างชนชาติทั้งหลายเลย
 เพราะเจ้าเล่นชู้นอกใจพระเจ้าของเจ้า
เจ้ารักเงินค่าจ้างของหญิงโสเภณี
 ตามบรรดาลานนวดข้าว
2แต่ลานนวดข้าวและบ่อย่ำองุ่นจะไม่พอเลี้ยงเขา
 และเหล้าองุ่นใหม่จะขาดไปจากเขา
3เขาจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินของพระยาห์เวห์
 แต่เอฟราอิมจะกลับไปยังอียิปต์
 เขาจะรับประทานอาหารมลทินในอัสซีเรีย
4เขาจะไม่ได้เทเหล้าองุ่นถวายพระยาห์เวห์
 และเครื่องสัตวบูชาของเขาจะไม่ทำให้พระองค์พอพระทัย
เครื่องสัตวบูชานั้นจะเป็นเหมือนอาหารแห่งการไว้ทุกข์แก่เขา
 ผู้ใดรับประทานก็จะเป็นมลทิน
เพราะอาหารของเขาก็เพื่อดับความหิวของเขาเอง
 มันจะไม่ได้เข้าในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
5เจ้าจะทำอะไรกัน เมื่อถึงวันเทศกาล
 และในวันเทศกาลเลี้ยงของพระยาห์เวห์
6เพราะแม้เขาหนีจากความพินาศ
 อียิปต์ก็จะรวบรวมเขาไว้
เมืองเมมฟิสจะฝังเขา
 ต้นตำแยจะยึดของล้ำค่าที่ทำด้วยเงินของเขาไว้เสีย
 ต้นหนามจะงอกขึ้นในเต็นท์ของเขา
7เวลาแห่งการลงโทษมาถึงแล้ว
 และเวลาแห่งการตอบแทนก็มาถึงแล้ว
ให้อิสราเอลรับรู้
 ผู้เผยพระวจนะเป็นคนเขลาไปแล้ว
ผู้ที่มีการดลใจก็บ้าไป
 เนื่องด้วยความผิดใหญ่หลวงของเจ้า
 และความเกลียดชังยิ่งใหญ่ของเจ้า
8ผู้เผยพระวจนะเป็นยามดูแลเอฟราอิมให้กับพระเจ้าของข้า
 แต่กับของพรานดักนกอยู่ตามทางของเขาทั่วไปหมด
 และความเกลียดชังอยู่ในพระนิเวศแห่งพระเจ้าของเขา
9เขาเสื่อมทรามลึกลงไปในความชั่วอย่างมากมาย  ดังสมัยเมืองกิเบอาห์
พระองค์จะทรงระลึกถึงความผิดของเขา
 พระองค์จะทรงลงโทษเพราะบาปของเขา
10เราพบอิสราเอล  เหมือนพบผลองุ่นในถิ่นทุรกันดาร
เราพบบรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลาย
 เหมือนพบผลมะเดื่อรุ่นแรกที่ต้น
เมื่อครั้งออกในฤดูแรกนั้น
 แต่เขามาหาพระบาอัลเปโอร์
และถวายตัวแด่สิ่งน่าอดสูนั้น
 และกลายเป็นสิ่งน่าสะอิดสะเอียนอย่างสิ่งที่เขารักนั้น
11ศักดิ์ศรีของเอฟราอิมก็จะบินไปเหมือนนก
 ไม่มีการคลอด ไม่มีการท้อง ไม่มีการตั้งครรภ์
12ถึงแม้เขาจะเลี้ยงลูกได้จนโต
 เราก็จะพรากเขาไปจนไม่เหลือสักคนเดียว
วิบัติแก่เขา
 เมื่อเราจากเขาไป 13เราเห็นเอฟราอิมเป็นเหมือนไร่ปาล์มที่ปลูกในทุ่งหญ้า
 แต่เอฟราอิมต้องนำพงศ์พันธุ์ของตนไปมอบให้ผู้ฆ่า
14โอ พระยาห์เวห์ ขอประทานแก่เขา
 พระองค์จะประทานอะไรแก่เขา?
ขอประทานมดลูกที่แท้งบุตร
 และหัวนมที่เหี่ยวแห้งแก่เขา
15ความชั่วทั้งสิ้นของเขาอยู่ในกิลกาล
 เราเริ่มเกลียดชังเขา ณ ที่นั่น
เราจะขับเขาออกไปจากนิเวศของเรา
 เพราะการกระทำอันชั่วร้ายของเขา
เราจะไม่รักเขาอีกเลย
 เจ้านายทั้งสิ้นของเขาก็ล้วนแต่คนกบฏ
16เอฟราอิมถูกทำลายแล้ว
 รากของเขาก็เหี่ยวแห้งไป
เขาทั้งหลายจะไม่มีผลอีก
 แม้ว่าเขาจะเกิดบุตรหลาน
 เราก็จะฆ่าลูกหลานที่รักของเขาเสีย
17พระเจ้าของข้าพเจ้าจะเหวี่ยงเขาทิ้งไป
 เพราะเขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังพระองค์  เขาจะเป็นคนพเนจรอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ

อรรถาธิบาย

ลูก ๆ ที่สัตย์ซื่อ

พระเจ้าทรงรักคุณ พระองค์ประสงค์ให้คุณใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุด พระองค์ไม่ต้องการให้คุณใช้มันอย่างสูญเปล่า พระองค์ตรัสกับคุณอย่างที่ตรัสกับประชาชนในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมว่า ‘อย่าใช้ชีวิตของเจ้าให้เสียเปล่า’ (ข้อ 9:1ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ชีวิตของเจ้าสูญเปล่าเมื่อเจ้าเดินไปจากองค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า’ (ข้อ 9:1ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อย่างที่เราได้เห็น โฮเชยาใช้การเปรียบเทียบของสามีภรรยาสำหรับความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับอิสราเอล ถึงกระนั้นเขาก็ยังใช้การเปรียบเทียบของพ่อแม่กับลูกด้วย ‘เมื่ออิสราเอลยังเด็ก เราก็รักเขา เราได้เรียกบุตรของเราออกจากอียิปต์’ (ข้อ 11:1)

เราเห็นถึงพระทัยของพระเจ้าที่แตกสลายเพราะความไม่ซื่อสัตย์ของลูกของพระองค์ ‘เพราะเขาได้หักพันธสัญญาของเรา และละเมิดธรรมบัญญัติของเรา…เขาจะบริสุทธิ์ได้นานสักเท่าใด?...เพราะเขาหว่านลม เขาจึงต้องเกี่ยวพายุหมุน… อิสราเอลได้ลืมผู้สร้างของตนแล้ว…เจ้าเล่นชู้นอกใจพระเจ้าของเจ้า’ (ข้อ 8:1,5,7,14 9:1) พระเจ้าปรารถนาให้คนของพระองค์ซื่อสัตย์ต่อพระองค์

เรามีสิทธิพิเศษใหญ่ยิ่งของการมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าได้ส่งพระวิญญาณของพระองค์มาประทับในใจของคุณ เพื่อช่วยให้คุณมีชีวิตที่สัตย์ซื่อ ซึ่งสอดคล้องกับพระวิญญาณ (โรม 8:5)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ข้าพระองค์เป็นลูกที่พระองค์ทรงรักอย่างมากมาย โปรดช่วยให้ข้าพระองค์เป็นลูกที่มีปัญญา และสัตย์ซื่อด้วย

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สุภาษิต 17:28ก

‘แม้คนโง่หากนิ่งเสียก็นับว่ามีปัญญา’

ฉันได้ลองทำแบบนี้ต่อหน้ากลุ่มคนที่น่าเกรงขาม!

ข้อพระคำประจำวัน

โรม 8:16

‘พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม