วัน 181

ข้อความที่ทรงพลังที่สุดในโลก

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 78:40-55
พันธสัญญาใหม่ กิจการอัครทูต 20:1-28
พันธสัญญาเดิม 2 พงศ์กษัตริย์ 1:1-2:25

เกริ่นนำ

ในเวลาที่แคนนอน แอนดรูว์ ไวท์ เป็นผู้แทนสันตะปาปาของวิหารเซนต์จอร์จ กรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เขาส่งอีเมลมาหาผม มีหัวข้อว่า ‘วันเวลาแห่งน้ำตา’ เขาเขียนว่า ‘เอาละ วันนี้แย่มาก สองปีที่เราทำงานทุกวันเพื่อนำเอาแจ็คสันทั้งสองคนกลับมา พวกเขาเคยเป็นเพื่อนของผม ผมกินกับพวกเขา และอยู่กับพวกเขา คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ตัวประกัน… พวกเขาเป็นเพื่อนของผม ทุกวันผมอธิษฐานเพื่อพวกเขา และหาทางให้ได้รับการปล่อยตัว…

‘ผมสารภาพเลยว่า เมื่อได้ข่าวยืนยันเรื่อง [การสังหาร] ผมร้องไห้ออกมา…ผมไม่สามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดของครอบครัวที่รักของเขาได้ มันจะเลวร้ายแค่ไหนสำหรับพวกเขา และเราจะอธิษฐานเผื่อพวกเขาได้อย่างไร”

‘เมื่อผมยังน้ำตานองหน้า ผมพยายามเตรียมตัวเพื่อการประชุมนมัสการของเรา… คริสตจักรก็ยอดเยี่ยมตามปรกติ ผู้คนก็ล้วนแสนดีและหนุนใจ; เราแบ่งปันความเจ็บปวดและความรักด้วยกัน’

เช่นเดียวกับกรณีของอัครสาวกเปาโล (กิจการ 20:19,31,37) มีน้ำตามากมาย กระนั้นแอนดรูว์ยังคงประกาศพระกิตติคุณต่อไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระกิตติคุณพระเยซูทรงพลังที่สุดในโลก นี่เป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เปลี่ยนแปลงเมืองต่าง ๆ และวัฒนธรรม กระนั้นก็ยังคงยั่วยุให้เกิดการต่อต้าน พระเจ้าทรงเตรียมคุณให้ส่งต่อข่าวดีนี้โดยประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับคุณ

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 78:40-55

40พวกเขากบฏต่อพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร
 และทำให้พระองค์โทมนัสในที่แห้งแล้งบ่อยถึงเพียงนี้
41พวกเขายังทดลองพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
 และได้ทำให้องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลเศร้าพระทัย
42พวกเขามิได้ระลึกถึงฤทธานุภาพของพระองค์
 หรือวันที่พระองค์ทรงไถ่เขาจากคู่อริ
43เมื่อพระองค์ทรงทำบรรดาหมายสำคัญของพระองค์ในอียิปต์
 และการอัศจรรย์ทั้งหลายของพระองค์ในไร่นาโศอัน
44พระองค์ทรงเปลี่ยนแม่น้ำของพวกเขาให้เป็นเลือด
 เขาจึงดื่มจากลำธารของเขาไม่ได้
45พระองค์ทรงส่งฝูงเหลือบมาท่ามกลางพวกเขา มันกัดกินเขา
 และทรงส่งฝูงกบซึ่งทำลายเขา
46พระองค์ประทานพืชผลของพวกเขาแก่ตั๊กแตนตัวอ่อน
 และผลผลิตของเขาแก่ตั๊กแตนวัยบิน
47พระองค์ทรงทำลายเถาองุ่นของพวกเขาด้วยลูกเห็บ
 และต้นมะเดื่อของเขาด้วยน้ำค้างแข็ง
48พระองค์ทรงมอบฝูงวัวของพวกเขาแก่ลูกเห็บ
 และฝูงปศุสัตว์ของเขาแก่ฟ้าผ่า
49พระองค์ทรงปล่อยความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์มาเหนือพวกเขา
 ทั้งความเกรี้ยวกราด ความโกรธ และความทุกข์ลำบาก
 คือคณะทูตสวรรค์ผู้ทำลาย
50พระองค์ทรงเปิดทางให้แก่ความกริ้วของพระองค์
 พระองค์มิได้ทรงละเว้นพวกเขาจากความตาย
 แต่ทรงมอบชีวิตของเขาแก่โรคระบาด
51พระองค์ทรงประหารลูกหัวปีทั้งสิ้นในอียิปต์
 คือผลแรกแห่งกำลังของพวกเขาในเต็นท์ของฮาม
52แล้วพระองค์ทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาเหมือนนำแกะ
 และทรงพาพวกเขาไปในถิ่นทุรกันดารเหมือนพาฝูงแพะแกะ
53พระองค์ทรงนำพวกเขาไปอย่างปลอดภัย เขาจึงไม่กลัว
 แต่ทะเลท่วมศัตรูของพวกเขา
54และพระองค์ทรงพาพวกเขามายังแดนบริสุทธิ์ของพระองค์
 ยังภูเขานี้ซึ่งพระหัตถ์ขวาของพระองค์ได้เนรมิตขึ้น
55พระองค์ทรงขับประชาชาติต่างๆ ออกไปต่อหน้าพวกเขา
 พระองค์ทรงวัดแบ่งแดนประชาชาตินั้นให้เป็นมรดก
 และทรงตั้งเผ่าทั้งหลายของอิสราเอลให้อยู่ในเต็นท์ของตน

อรรถาธิบาย

อธิบายข่าวดีในการช่วยกู้จากความบาป

คุณไม่มีทางเข้าใจเต็มที่เรื่องข่าวดีแห่งพระกิตติคุณจนกว่าคุณจะเข้าใจว่าเหตุใดคุณจึงจำเป็นต้องถูกช่วยกู้

โดยผ่านทางชีวิต การสิ้นพระชนม์ และการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงช่วยกู้เราให้พ้นจากบาป ตรงนี้เราได้เห็นสิ่งที่พวกเราได้รับการช่วยกู้

อันดับแรก เราได้เห็นธรรมชาติแห่งความบาป บาปเป็นการกบฎต่อพระเจ้า: ‘พวกเขากบฏต่อพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร’ (ข้อ 40) นี่ไม่ใช่การกระทำหนเดียว ผู้เขียนสดุดีเขียนว่า ‘พวกเขายังทดลองพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า’ (ข้อ 40–41) บาปมาจากการไม่วางใจในพระลักษณะของพระเจ้า ถ้อยคำของพระเจ้า และการกระทำของพระเจ้า (ข้อ 41–43)

อันดับสอง เราเห็นผลสืบเนื่องแห่งความบาป สิ่งนี้ทำให้พระเจ้าทรงเสียพระทัย (ข้อ 40) นี่นำไปสู่ความกริ้ว ความเกรี้ยวกราด ความโกรธ และความทุกข์ลำบาก (ข้อ 49) สุดท้ายแล้วมันก็นำไปสู่ความตาย (ข้อ 50)

ไม่ใช่แค่คนอียิปต์เท่านั้นที่ทำบาป (ข้อ 43–51) แต่รวมถึงประชากรของพระเจ้าด้วย (ข้อ 40–42) แต่ถึงอย่างไรพระเจ้าก็ทรงช่วยกู้พวกเขา พระองค์ทรงไถ่พวกเขา (ข้อ 42): ‘แล้วพระองค์ทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาเหมือนนำแกะ และทรงพาพวกเขาไปในถิ่นทุรกันดารเหมือนพาฝูงแพะแกะ’ (ข้อ 52) พระองค์ทรงนำพวกเขาไปอย่างปลอดภัย เขาจึงไม่กลัว (ข้อ 53) ทั้งหมดล้วนเป็นการจัดเตรียมเพื่อแผนการช่วยกู้อันยิ่งใหญ่ของพระเยซู

คำอธิษฐาน

ขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับการช่วยกู้และการทรงอภัยข้าพระองค์ผ่านทางพระเยซู ขอบคุณที่พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ไปเพื่อข้าพระองค์ไม่ต้องหวาดกลัว
พันธสัญญาใหม่

กิจการอัครทูต 20:1-28

เปาโลเดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนียและประเทศกรีก

 1หลังจากความวุ่นวายสงบลงแล้ว เปาโลจึงให้ไปตามพวกสาวกมาพูดหนุนใจกัน แล้วอำลาพวกเขาไปยังแคว้นมาซิโดเนีย 2เมื่อเดินทางผ่านที่นั่นและพูดหนุนใจสาวกทั้งหลายอย่างมากแล้ว ท่านก็มายังประเทศกรีก 3พักอยู่ที่นั่นสามเดือน และเมื่อท่านกำลังจะลงเรือไปยังแคว้นซีเรียนั้น พวกยิวได้วางแผนทำร้ายท่าน ท่านจึงตัดสินใจกลับไปทางแคว้นมาซิโดเนีย 4พวกที่ไปกับเปาโลได้แก่โสปาเทอร์ชาวเมืองเบโรอาผู้เป็นบุตรของปีรัส อาริสทารคัสกับเสคุนดัสชาวเมืองเธสะโลนิกา กายอัสชาวเมืองเดอร์บี ทิโมธี ทีคิกัส และโตรฟีมัสจากแคว้นเอเชีย 5แต่พวกเขาเดินทางล่วงหน้าไปก่อนโดยคอยเราอยู่ที่เมืองโตรอัส 6หลังจากเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เราลงเรือออกจากเมืองฟีลิปปี และอีกห้าวันต่อมาก็มาทันพวกเขาที่เมืองโตรอัส และพักอยู่ที่นั่นเจ็ดวัน

เปาโลเยี่ยมอำลาเมืองโตรอัส

 7ในวันอาทิตย์ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า วันต้นสัปดาห์เมื่อเราประชุมกันทำพิธีหักขนมปัง เปาโลก็กล่าวสั่งสอนเขาทั้งหลาย และเพราะท่านตั้งใจจะจากไปในวันรุ่งขึ้น ท่านจึงกล่าวยืดยาวไปจนถึงเที่ยงคืน 8ในห้องชั้นบนที่เราประชุมกันนั้นมีตะเกียงหลายดวง 9ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อยุทิกัสนั่งอยู่ที่หน้าต่างกำลังง่วงนอนมากขึ้นทุกทีระหว่างที่เปาโลยังคงสอนยืดยาวต่อไป ในที่สุดเขาผลอยหลับและพลัดตกลงมาจากชั้นสาม เมื่อยกขึ้นมาก็พบว่าตายเสียแล้ว 10แต่เปาโลลงไปและก้มตัวกอดคนนั้นไว้ แล้วบอกว่า “อย่าตกใจไปเลย เพราะว่าชีวิตยังอยู่ในตัวเขา” 11เมื่อเปาโลกลับขึ้นไปห้องชั้นบน ท่านหักขนมปังและรับประทาน แล้วสนทนากับพวกเขาต่อจนสว่าง จากนั้นท่านก็ลาไป 12คนทั้งหลายจึงพาชายหนุ่มที่ยังมีชีวิตอยู่กลับไป และพวกเขาก็ได้รับการหนุนใจไม่น้อยเลย

การโดยสารเรือจากเมืองโตรอัส ถึงเมืองมิเลทัส

 13เราลงเรือก่อนและแล่นเรือไปยังเมืองอัสโสส ตั้งใจว่าจะไปรับเปาโลที่นั่น เพราะท่านสั่งไว้อย่างนั้นเนื่องจากท่านเองตั้งใจไปทางบก 14เมื่อท่านพบเราที่เมืองอัสโสสแล้ว เราก็รับท่านขึ้นมาแล้วไปยังเมืองมิทิเลนี 15หลังจากออกจากที่นั่นได้วันหนึ่ง ก็มาถึงยังบริเวณฝั่งตรงข้ามเกาะคิโอส พอวันที่สองมาถึงเกาะสามอส และอีกวันหนึ่งมาถึงเมืองมิเลทัส 16เพราะเปาโลตัดสินใจว่าจะแล่นผ่านเมืองเอเฟซัสไป เพื่อจะไม่ต้องเสียเวลาในแคว้นเอเชีย ท่านต้องการรีบไปให้ถึงกรุงเยรูซาเล็ม ถ้าเป็นได้ให้ทันวันเพ็นเทคอสต์

เปาโลกล่าวคำปราศรัย กับบรรดาผู้ปกครองชาวเอเฟซัส

 17เปาโลจึงส่งคนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัสเพื่อเชิญบรรดาผู้ปกครองในคริสตจักรนั้นมา 18เมื่อมาแล้วเปาโลจึงกล่าวว่า
 “ท่านทั้งหลายย่อมทราบอยู่แล้วว่า ข้าพเจ้าประพฤติอย่างไรตลอดเวลาที่อยู่กับท่านนับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในแคว้นเอเชีย 19ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจและด้วยน้ำตา ต้องทนต่อการทดลองที่มาถึงตัวเองอันเนื่องจากแผนร้ายของพวกยิว 20สิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์ต่อพวกท่าน ข้าพเจ้าไม่ได้ละเว้นที่จะทำ แต่ประกาศกับพวกท่านและสั่งสอนพวกท่านทั้งในที่ชุมนุมชนและตามบ้านเรือน 21เป็นพยานทั้งกับพวกยิวและพวกกรีกเรื่องการกลับใจมาหาพระเจ้าและเรื่องความเชื่อในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 22นี่แน่ะ บัดนี้พระวิญญาณทรงนำข้าพเจ้าให้ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่นบ้าง 23ยกเว้นสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานกับข้าพเจ้าในทุกๆ เมืองว่าเครื่องจำจองและความยากลำบากกำลังคอยข้าพเจ้าอยู่ 24แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าสำหรับตัวเอง ขอแต่เพียงให้ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้าและทำพันธกิจที่ได้รับจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าให้สำเร็จ คือการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐที่สำแดงพระคุณของพระเจ้า 25นี่แน่ะ บัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่า ไม่มีใครในพวกท่านซึ่งเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าเที่ยวป่าวประกาศแผ่นดินของพระเจ้าให้นั้น จะได้เห็นหน้าข้าพเจ้าอีก 26เพราะฉะนั้นในวันนี้ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า แม้ท่านทุกคนจะหลงหายไป ข้าพเจ้าก็พ้นโทษแล้ว 27เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ได้ละเว้นในการกล่าวเรื่องพระดำริทั้งสิ้นของพระเจ้าให้ท่านฟัง 28จงเฝ้าระวังทั้งตัวพวกท่านเองและฝูงแกะซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตั้งพวกท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และให้เลี้ยงดูคริสตจักรของพระเจ้าที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์

อรรถาธิบาย

พูดถึงข่าวดีแห่งพระคุณของพระเจ้า

อย่าเสียเวลาแม้แต่วันเดียวในชีวิตอันมีค่าที่พระเจ้าประทานให้คุณ ไม่ว่าคุณถูกเรียกให้ทำอะไร ไม่ว่าสถานการณ์ของคุณจะยากเพียงใด คุณสามารถชื่นชมการทรงเรียกของคุณ และจบงานของคุณด้วยความชื่นชมยินดี

ข้อความแห่งพระกิตติคุณนั้นเป็นสิ่งที่หนุนใจอย่างใหญ่หลวง ทุกแห่งที่เปาโลไป เขาหนุนใจบรรดาคนเหล่านั้น ‘ให้ทำดีต่อไป’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ขณะที่เดินทางไปทั่ว ‘ท่านก็หนุนใจอย่างสม่ำเสมอ ยกชูจิตวิญญาณของพวกเขา และเติมความหวังที่สดใหม่ให้แก่พวกเขา’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อาจารย์เปาโลรู้สึกร้อนรนเกี่ยวกับข้อความนี้ เป็นเรื่องยากที่จะหยุดเขาให้พูดเรื่องนี้ ในเมืองโตรอัส ท่าน ‘จึงกล่าวยืดยาวไปจนถึงเที่ยงคืน’ (ข้อ 7) เมื่อ ‘เปาโลยังคงสอนยืดยาวต่อไป’ (ข้อ 9) ยุทิกัสง่วงนอนและตกลงจากหน้าต่างและเสียชีวิต อาจารย์เปาโลชุบเขาให้ป็นขึ้นจากตาย และจากนั้น ‘ก็เล่าเรื่องความเชื่อต่อไปจนกระทั่งฟ้าสาง!’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ต้องพยายามอย่างมากเพื่อหยุดนักเทศน์ เมื่อพวกเขาเริ่มเทศน์ สมาชิกคริสตจักรตายและเป็นขึ้นใหม่ ทำให้เรามีช่วงให้หยุดพักดื่มกาแฟ!

ใช้ทุกโอกาสเพื่อส่งข้อความของพระเจ้าออกไปเปาโลกล่าวว่า ‘สิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์ต่อพวกท่าน ข้าพเจ้าไม่ได้ละเว้นที่จะทำ แต่ประกาศกับพวกท่าน… ข้าพเจ้าไม่ได้ละเว้นในการกล่าวเรื่องพระดำริทั้งสิ้นของพระเจ้าให้ท่านฟัง’ (ข้อ 20,27) เขากล่าวทั้ง ‘ในที่ชุมนุมชนและตามบ้านเรือน’ (ข้อ 20)

นี่เป็นงานหนัก (ข้อ 35) เปาโลเสี่ยงชีวิตของตน (ข้อ 19ม พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาไม่ได้กลัวที่จะตายกลางทาง ไม่ได้สำคัญตัวผิดว่าเป็นคนที่ขาดไม่ได้: ‘ข้าพเจ้าไม่ได้สงวนชีวิตของข้าพเจ้าไว้เพื่อตัวเอง ขอเพียงให้ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่สำเร็จ ด้วยความชื่นชมยินดี’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

เขารู้ว่า นี่ไม่ใช่ ‘การไปเที่ยวเล่น เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานซ้ำ ๆ และชัดเจนกับข้าพเจ้าว่าเครื่องจำจองและความยากลำบากกำลังคอยข้าพเจ้าอยู่’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาถูกทดสอบอย่างหนัก (ข้อ 19) มีน้ำตามากมาย (ข้อ 19,31,37)

ทำไมสิ่งเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่านัก? เราเห็นเหตุผลสามประการตรงนี้:

1. ฤทธิ์เดชแห่งพระวจนะ
คุณมีพระกิตติคุณซึ่งทรงพลังที่สุดในโลก เปาโลเดินทางไปทั่วเพื่อเทศนาพระกิตติคุณ ‘เรื่องพระคุณของพระเจ้า' (ข้อ 24) ‘สำแดงความใจกว้างอย่างฟุ่มเฟือยจนน่าทึ่งของพระเจ้า’ (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นั่นคือ ‘ความจริง’ (ข้อ 30)

ทั้งหมดเป็นเรื่องของพระเยซู พระคุณ คือ ความรักที่ไม่สมควรได้รับ ซึ่งเป็นไปได้ผ่านทางพระเยซู และ ‘พระโลหิตของพระบุตรของพระองค์’ (ข้อ 28) สิ่งนี้ไม่สามารถหามาได้ เป็นของขวัญฟรี

คุณจะรับของขวัญนี้ได้อย่างไร? อย่างแรก หันกลับไปหาพระเจ้าด้วยความกลับใจ (ข้อ 21) การกลับใจ เป็นคำที่มีความหมายในเชิงบวกอย่างมาก หมายถึงการหันหลังจากบาป และหันไปทางพระเจ้า

อย่างที่สอง มีความเชื่อในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 21) คุณได้รับของขวัญโดยความเชื่อพระเยซูคริสต์

2. ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์
คุณมีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในคุณ ทุกคนที่กลับใจจากความบาปและเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เปาโลพูดถึงวิธีที่ ‘พระวิญญาณทรงนำ’ เขา (ข้อ 22) พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับเรา (ข้อ 23) พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นผู้เจิมตั้งและเลี้ยงดูบรรดาผู้นำ

3. พลังของการให้
คุณได้รับการอวยพรเมื่อคุณให้ อาจารย์เปาโลรู้ว่าเงินไม่ใช่กุญแจสู่ความสุข: ‘…จงระลึกถึงพระวจนะของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ว่า “การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ”’ (ข้อ 35 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลเทศนา ‘พระดำริทั้งสิ้นของพระเจ้า’ (ข้อ 27) ซึ่งประกอบด้วยเรื่องมากมาย! ในพระธรรมตอนนี้ เราได้เห็นเพียงแค่หน่อยเดียว แต่ชัดเจนว่ารวมเอาพระวจนะของพระเจ้า (ข้อ 32) การอธิษฐาน (ข้อ 36), ผู้ดูแลและเลี้ยงดูคริสตจักร (ข้อ 28), ศีลมหาสนิท (ข้อ 7–11), การชำระให้บริสุทธิ์ (ข้อ 32) การช่วยเหลือคนที่มีกำลังน้อย (ข้อ 35) และสิ่งอื่น ๆ อีกมากนอกเหนือจากนี้

คำอธิษฐาน

ขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงประทานฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอประทานความกล้าให้แก่ข้าพระองค์ที่จะเผชิญงานหนัก น้ำตา และอุปสรรคต่าง ๆเพื่อ “วิ่งจนถึงเส้นชัย” และ “ทำงานให้สำเร็จ” ตามที่พระองค์ทรงมอบหมายมา (ข้อ 24)
พันธสัญญาเดิม

2 พงศ์กษัตริย์ 1:1-2:25

เอลียาห์กล่าวโทษอาหัสยาห์

 1ภายหลังอาหับสิ้นพระชนม์แล้ว โมอับก็กบฏต่ออิสราเอล
 2ส่วนอาหัสยาห์ทรงตกลงมาจากช่องหน้าต่างตาข่ายที่ห้องชั้นบนของพระองค์ในกรุงสะมาเรีย และประชวรคำราชาศัพท์หมายถึง ป่วย จึงทรงใช้บรรดาผู้สื่อสารไป รับสั่งว่า “จงไปถามพระบาอัลเซบูบ พระแห่งเอโครนว่าเราจะหายจากความเจ็บป่วยนี้หรือไม่?” 3แต่ทูตของพระยาห์เวห์พูดกับเอลียาห์ชาวทิชบีว่า “จงลุกขึ้นไปพบบรรดาผู้สื่อสารของพระราชาแห่งสะมาเรีย และจงพูดกับเขาทั้งหลายว่า ‘เพราะไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลแล้วหรือ? ท่านจึงไปถามพระบาอัลเซบูบ พระแห่งเอโครน’ 4เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เจ้าจะไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นอนของเจ้า แต่เจ้าจะต้องตายแน่’ ” แล้วเอลียาห์ก็ไป
 5ผู้สื่อสารนั้นก็กลับมาเฝ้าพระราชา พระองค์ตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “ทำไมพวกเจ้าจึงพากันกลับมา?” 6พวกเขาทูลพระองค์ว่า “มีชายคนหนึ่งขึ้นมาพบกับพวกข้าพระบาท และพูดกับพวกข้าพระบาทว่า ‘จงกลับไปหาพระราชาผู้ทรงใช้ท่านมา และทูลพระองค์ว่า พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เพราะไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลแล้วหรือ? เจ้าจึงใช้คนไปถามพระบาอัลเซบูบพระแห่งเอโครน เพราะฉะนั้นเจ้าจะไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นอนของเจ้า แต่เจ้าจะต้องตายแน่’ ” 7พระองค์ตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “คนที่ขึ้นมาพบเจ้าและบอกสิ่งเหล่านี้แก่เจ้านั้นมีลักษณะอย่างไร?” 8เขาทั้งหลายทูลตอบพระองค์ว่า “ท่านมีขนดก และมีสายหนังคาดเอวของท่าน” และพระองค์ตรัสว่า “เป็นเอลียาห์ชาวทิชบี”
 9แล้วพระราชาก็รับสั่งให้นายกองกับทหาร 50 นายไปหาเอลียาห์ เขาได้ขึ้นไปหาท่าน นี่แน่ะ ท่านนั่งอยู่บนยอดเขาและนายกองกล่าวแก่ท่านว่า “ท่านคนของพระเจ้าคนของพระเจ้า หมายถึง ผู้เผยพระวจนะ พระราชาตรัสดังนี้ว่า ‘ลงมา’ ” 10แต่เอลียาห์ตอบนายกองว่า “ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้า ก็ขอให้ไฟลงมาจากฟ้าสวรรค์เผาผลาญท่าน และคนทั้งห้าสิบของท่านเถิด” แล้วไฟก็ลงมาจากฟ้าสวรรค์ และเผาผลาญเขากับคนทั้งห้าสิบของเขาเสีย
 11แล้วพระราชารับสั่งให้นายกองอีกคนหนึ่งกับทหาร 50 นายของเขา และเขาก็กล่าวแก่ท่านว่า “ท่านคนของพระเจ้า พระราชาตรัสดังนี้ว่า ‘ลงมาเร็วๆ’ ” 12แต่เอลียาห์ตอบว่า “ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้า ก็ขอให้ไฟลงมาจากฟ้าสวรรค์เผาผลาญท่าน และคนทั้งห้าสิบของท่านเถิด” และไฟของพระเจ้าลงมาจากฟ้าสวรรค์ และเผาผลาญเขากับคนทั้งห้าสิบของเขาเสีย
 13แล้วพระราชารับสั่งให้นายกองคนที่สามไปพร้อมกับทหาร 50 นายของเขา และนายกองคนที่สามก็ขึ้นไป และคุกเข่าต่อหน้าเอลียาห์ และวิงวอนท่านว่า “ท่านคนของพระเจ้า ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าและชีวิตของผู้รับใช้ของท่านอีก 50 คนนี้เป็นสิ่งประเสริฐในสายตาของท่าน 14นี่แน่ะ ไฟลงมาจากฟ้าสวรรค์ และได้เผาผลาญนายกองสองคนก่อนเสีย พร้อมทั้งทหาร 50 นายของเขาด้วย แต่บัดนี้ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งประเสริฐในสายตาของท่าน” 15แล้วทูตของพระยาห์เวห์กล่าวแก่เอลียาห์ว่า “จงลงไปกับเขาเถิด อย่ากลัวเขาเลย” ท่านก็ลุกขึ้นลงไปกับเขาเข้าเฝ้าพระราชา 16และทูลพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะเจ้าได้ส่งผู้สื่อสารไปถามพระบาอัลเซบูบ พระแห่งเอโครน เนื่องจากไม่มีพระเจ้าในอิสราเอลให้ทูลถามพระวจนะของพระองค์อย่างนั้นหรือ? เพราะฉะนั้น เจ้าจะไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นอน แต่เจ้าจะต้องตายแน่’ ”

อาหัสยาห์สิ้นพระชนม์

 17ดังนั้นอาหัสยาห์ก็สิ้นพระชนม์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งเอลียาห์กล่าวนั้น และโยรัม (ผู้เป็นน้องชายของอาหัสยาห์)ได้ขึ้นครองราชย์แทน ในปีที่ 2 แห่งรัชกาลเยโฮรัม พระราชโอรสของเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์ เพราะอาหัสยาห์ไม่มีโอรส 18ส่วนพระราชกิจอื่นๆ นอกนั้นของอาหัสยาห์ ซึ่งพระองค์ทรงกระทำ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

2 พงศ์กษัตริย์ 2

เอลียาห์ถูกรับไปสวรรค์

 1ต่อมาเมื่อถึงเวลาที่พระยาห์เวห์จะทรงรับเอลียาห์ไปยังฟ้าสวรรค์ด้วยพายุ เอลียาห์และเอลีชากำลังเดินทางจากกิลกาล 2เอลียาห์พูดกับเอลีชาว่า “จงคอยอยู่ที่นี่ เพราะพระยาห์เวห์ทรงใช้เราไปเบธเอล” แต่เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่และท่านเองมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” ดังนั้นเขาทั้งสองก็ลงไปเบธเอล 3และเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้อยู่ในเบธเอลได้ออกมาหาเอลีชา และบอกท่านว่า “ท่านทราบไหมว่า วันนี้พระยาห์เวห์จะทรงรับอาจารย์ของท่านไปจากท่าน?” ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าทราบแล้ว เงียบๆ ไว้”
 4เอลียาห์พูดกับท่านว่า “เอลีชา จงคอยอยู่ที่นี่ เพราะพระยาห์เวห์ทรงใช้เราไปเมืองเยรีโค” แต่ท่านตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่และท่านเองมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” ดังนั้นเขาทั้งสองก็มายังเมืองเยรีโค 5และเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้อยู่ในเมืองเยรีโคเข้ามาใกล้เอลีชาและพูดกับท่านว่า “ท่านทราบไหมว่า วันนี้พระยาห์เวห์จะทรงรับอาจารย์ของท่านไปจากท่าน?” ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าทราบแล้ว เงียบๆ ไว้”
 6เอลียาห์พูดกับท่านว่า “จงคอยอยู่ที่นี่ เพราะพระยาห์เวห์ทรงใช้เราไปที่แม่น้ำจอร์แดน” แต่ท่านตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่และท่านเองมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ละทิ้งท่านฉันนั้น” แล้วเขาทั้งสองก็เดินต่อไป 7คน 50 คนจากกลุ่มผู้เผยพระวจนะก็ไปด้วยเช่นกัน และยืนอยู่ไกลออกไป ส่วนท่านทั้งสองยืนอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดน 8แล้วเอลียาห์เอาเสื้อคลุมของท่านม้วนเข้าแล้วฟาดลงที่น้ำนั้น น้ำก็แยกออกไปสองข้าง ท่านทั้งสองก็เดินข้ามไปบนดินแห้ง
 9เมื่อข้ามไปแล้ว เอลียาห์พูดกับเอลีชาว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้ ก็จงขอเถิด ก่อนที่เราจะถูกรับไปจากท่าน” และเอลีชาตอบว่า “โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับฤทธิ์เดชของท่านสองส่วน” 10และเอลียาห์ตอบว่า “ท่านขอสิ่งที่ยากนัก แต่ถ้าท่านเห็นเราถูกรับไปจากท่าน ท่านก็จะได้อย่างนั้น แต่ถ้าท่านไม่เห็น ท่านก็จะไม่ได้” 11เมื่อท่านทั้งสองยังเดินสนทนากันต่อไป ดูสิ รถรบเพลิงคันหนึ่งและพวกม้าเพลิงได้แยกเขาทั้งสองออกจากกัน และเอลียาห์ได้ขึ้นไปสวรรค์โดยพายุ 12เอลีชาเห็น และร้องว่า “พ่อของข้า พ่อของข้า รถรบแห่งอิสราเอล และทหารม้าประจำรถ” และท่านก็ไม่ได้เห็นเอลียาห์อีกเลย แล้วท่านจับเสื้อของตนฉีกออกเป็นสองท่อน

เอลีชารับหน้าที่ต่อจากเอลียาห์

 13เอลีชาก็หยิบเสื้อคลุมของเอลียาห์ ที่ตกลงมาจากเอลียาห์นั้น และกลับไปยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำจอร์แดน 14แล้วท่านก็เอาเสื้อคลุมของเอลียาห์ที่ตกลงมานั้น ฟาดลงที่น้ำ กล่าวว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเอลียาห์สถิตที่ใด?” และเมื่อท่านฟาดลงที่น้ำ น้ำก็แยกออกไปสองข้าง และเอลีชาก็เดินข้ามไป
 15เมื่อเหล่าผู้เผยพระวจนะที่อยู่เมืองเยรีโคเห็นท่านอยู่แต่ไกล เขาทั้งหลายพูดว่า “ฤทธิ์เดชของเอลียาห์อยู่กับเอลีชา” และเขาทั้งหลายมาพบท่าน แล้วโน้มตัวลงถึงดินคำนับท่าน 16เขาทั้งหลายพูดกับท่านว่า “มีชายฉกรรจ์ 50 คนอยู่กับผู้รับใช้ของท่าน โปรดให้พวกเขาไปเสาะหาอาจารย์ของท่าน บางทีพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้รับท่านไปแล้วเหวี่ยงท่านลงมาที่ภูเขาลูกหนึ่งหรือหุบเขาแห่งหนึ่ง” และท่านว่า “อย่าใช้พวกเขาไปเลย” 17แต่เมื่อพวกเขารบเร้าท่านจนท่านละอาย แล้วท่านจึงพูดว่า “ใช้ไปซี” เพราะฉะนั้น เขาจึงใช้ห้าสิบคนไป พวกเขาเสาะหาเอลียาห์อยู่สามวันแต่ไม่พบท่าน 18พวกเขาก็กลับมาหาเอลีชา ขณะที่ท่านพักอยู่ที่เมืองเยรีโค และท่านพูดกับพวกเขาว่า “เราบอกพวกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่า อย่าไปเลย”

เอลีชาทำการอัศจรรย์ต่างๆ

 19ผู้คนในเมืองนั้นหมายถึง คนในเมืองเยรีโคพูดกับเอลีชาว่า “ดูสิ ทำเลเมืองนี้ร่มรื่นดี เหมือนอย่างที่เจ้านายของข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว แต่น้ำไม่ดีและแผ่นดินนั้นก็ไม่เกิดผล” 20ท่านพูดว่า “จงเอาชามใหม่มาใบหนึ่ง ใส่เกลือในนั้น” แล้วเขาทั้งหลายก็หามาให้ 21แล้วท่านก็ไปที่น้ำพุ โยนเกลือลงในนั้นและกล่าวว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราทำน้ำนี้ให้ดีแล้ว ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีความตายหรือการไม่เกิดผลการไม่เกิดผล แปลได้อีกว่า การแท้งลูกเพราะน้ำนี้อีก” 22ดังนั้น น้ำนั้นจึงดีมาจนถึงทุกวันนี้ ตามถ้อยคำที่เอลีชากล่าวนั้น
 23ท่านได้ขึ้นไปจากที่นั่นถึงเมืองเบธเอล และขณะขึ้นไปตามทาง มีกลุ่มเด็กชายเล็กๆ ออกมาจากเมืองล้อเลียนท่านว่า “อ้ายหัวล้าน ไปให้พ้น อ้ายหัวล้าน ไปให้พ้น” 24ท่านก็หันมาเห็นพวกเขา จึงแช่งพวกเขาในพระนามพระยาห์เวห์ และหมีตัวเมียสองตัวออกมาจากป่า ฉีกเด็กพวกนั้นเสีย 42 คน 25จากที่นั่นท่านขึ้นไปถึงภูเขาคารเมล และจากที่นั่นท่านก็กลับมายังกรุงสะมาเรีย

อรรถาธิบาย

บอกข่าวดีเรื่องพระเยซู

ผู้นำที่ดีจะเตรียมตัวสร้างผู้สืบทอดรุ่นต่อไป นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งในพระคัมภีร์ที่ผู้สืบทอดทำงานได้เป็นอย่างดี

พี่เลี้ยงที่ดีเป็นของประทานอันยิ่งใหญ่ เอลียาห์เป็นพี่เลี้ยงให้กับเอลีชา และส่งต่อฤทธิ์เดชของท่านให้กับเขา เอลีชาขอว่า ‘โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับฤทธิ์เดชของท่านสองส่วน’ (2:9) เขาต้องการจะเป็นคนบริสุทธิ์ เหมือนกับพี่เลี้ยงของตน

เอลียาห์บอกเขาว่า เอลีชาจะได้รับสิ่งที่ขอ หากอยู่ด้วยกันกับเอลียาห์จนถึงที่สุด: 'หากท่านได้เห็นเราถูกรับไปจากท่าน ท่านก็จะได้สิ่งที่ขอ แต่ท่านต้องเห็นเท่านั้น’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

‘การเกาะติด’ สำคัญมากในพันธกิจ เป็นเรื่องง่ายที่จะเริ่มต้นด้วยความร้อนรนและกระตือรือร้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มี ‘การเกาะติด’ ต่อการอดทนทำงานหนัก ความยากลำบาก และผิดหวัง และเห็นสิ่งต่าง ๆ ทะลุไปจนถึงวาระสุดท้ายเหมือนอย่างที่เอลีชาเป็น

เอลีชาได้รับ ‘ฤทธิ์เดชสองส่วน’ อย่างแน่นอน (พระธรรมพงศ์กษัตริย์บันทึกว่า เอลีชาทำการอัศจรรย์มากเป็นสองเท่าของพี่เลี้ยงของตน) เสื้อคลุมของเอลียาห์ตกลงบนเอลีชา (ข้อ 13) ชัดเจนสำหรับทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ว่า เอลีชาเป็นผู้สืบทอดที่ได้รับการเจิมตั้ง: ‘ฤทธิ์เดชของเอลียาห์อยู่กับเอลีชา’ (ข้อ 15)

เรื่องราวของเอลียาห์และฤทธิ์เดชอันไม่ธรรมดาของเขาถึงกับเรียกไฟให้ตกมาจากสวรรค์ (1:12) และแยกน้ำได้ (2:8) ควรอ่านในแง่ของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เอลียาห์เป็นภาพเล็งถึงยอห์นผู้ให้บัพติศมา ยอห์นทำพันธกิจด้วย ‘จิต​วิญ​ญาณ​และ​ฤทธิ์​เดช​ของ​เอลี​ยาห์’ (ลูกา 1:17) จัดเตรียมทางให้กับพระเยซู

พระเยซูตรัสว่า คุณดีกว่าเอลียาห์หรือเอลีชาเสียอีก พระองค์ตรัสว่า ‘ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมา (เอลียาห์ที่จะมา)’ พระองค์ยังตรัสต่อไปว่า ‘แต่ว่าผู้ที่เล็กน้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ก็ยังใหญ่กว่ายอห์นอีก’ (มัทธิว 11:11) คริสเตียนทุกคนอยู่ในจุดที่ดีกว่าเอลียาห์และยอห์น​ผู้​ให้​บัพ​ติศ​มาด้วยเหตุผลอย่างน้อยสองข้อ

ข้อแรก คุณอยู่ในจุดที่ดีกว่าที่จะเล่าข่าวดีเรื่องพระเยซู ข้อสอง คุณมีของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งประทานให้ในวันเพ็นเทคอสต์แก่คริสเตียนทุกคน (ผู้ที่เล็กน้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์) มีโอกาสที่จะประกาศพระกิตติคุณด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระกิตติคุณอันทรงพลังมากที่สุดในโลก

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับสิทธิพิเศษอันน่าทึ่งที่พระองค์ประทานให้ข้าพระองค์และคริสเตียนทุกคนในการที่จะสามารถส่งต่อพระกิตติคุณที่ทรงพลังที่สุดในโลก ขอบพระคุณสำหรับพระกิตติคุณที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ชุมชน และวัฒนธรรม

เพิ่มเติมโดยพิพพา

คำเตือนสองอย่างในพระธรรมวันนี้:

  1. อย่าหยาบคายกับชายหัวล้าน (2 พงศ์กษัตริย์ 2:23–25)
  2. ถ้านักเทศน์ยังคงเทศนาไปเรื่อย ๆ หาที่นั่งหลับในให้สบาย ๆ (และปลอดภัยด้วย) (กิจการอัครทูต 20:7–12)
    ‘…ขอ​แต่​เพียง​ให้​ข้าพ​เจ้า​ได้​ทำ​หน้า​ที่​ของ​ข้าพ​เจ้า​และ​ทำ​พันธ​กิจ​ที่​ได้​รับ​จาก​พระ​เยซู​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ให้​สำ​เร็จ คือ​การ​เป็น​พยาน​ถึง​ข่าว​ประ​เสริฐ​ที่​สำ​แดง​พระ​คุณ​ของ​พระ​เจ้า’ (กิจการ 20:24)

ข้อพระคำประจำวัน

กิจการ 20:24

'...ขอแต่เพียงให้ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้าและทำพันธกิจที่ได้รับจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าให้สำเร็จ คือการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐที่สำแดงพระคุณของพระเจ้า’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม