แม้แต่ความอ่อนแอของคุณก็ถูกเจิมตั้งไว้
เกริ่นนำ
คุณเคยรู้สึกว่า ตัวเองอ่อนแอ หรือไม่คู่ควรที่พระเจ้าทรงใช้หรือไม่?
วัยรุ่นคนหนึ่งจากคุมเบรี่ย ในตอนเหนือของอังกฤษ รู้สึกว่าพระเจ้าเรียกเขา แพทริกเป็นคนมีการศึกษาน้อย พูดไม่เก่ง และพบเจอผู้คัดค้านตัวเอ้มากมายตลอดพันธกิจรับใช้ของเขา จากผู้ที่รู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับงานนี้ แม้ว่าตอนนี้เขาเป็นชายชรา เขายอมรับว่า ‘วันนี้ผมยังคงอับอาย และหวาดกลัวเหนือสิ่งอื่นใดว่า การขาดการเรียนรู้ของผมจะถูกนำมาเปิดโปง'
อย่างไรก็ตามท่ามกลางอุปสรรคมากมายทั้งหมดเหล่านั้น แพทริกยังคงเชื่อว่าพระเจ้าทรงเรียกเขา และเจิมตั้งเขาไว้เพื่อเป็นผู้ประกาศ เขาเขียนว่า ‘เราต่างเป็นจดหมายของพระคริสต์เพื่อนำความรอดไปไม่ว่าจะไกลเพียงใดก็ตาม และสำคัญไหม หากนี่ไม่ใช่จดหมายที่มาจากประสบการณ์? เพราะจดหมายฉบับนี้ยังคงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และชัดเจนสำหรับทุกคนที่ได้อ่าน ไม่ใช่ด้วยน้ำหมึก แต่เขียนไว้บนแผ่นดวงใจของคุณ โดยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์!’
วันนี้ความร่วมสมัยที่คมคายมากขึ้นของเขาถูกลืมเลือนไป แต่ผลกระทบจากคณะและพันธกิจของอัครทูตแพทริกแห่งไอร์แลนด์ 1,500 ปีก่อนยังคงเป็นที่จดจำได้ทั่วโลก แม้แต่ความอ่อนแอของเขาก็ถูกเจิมตั้งไว้
เมื่อดาวิดขึ้นครองบัลลังก์ของอิสราเอล เขากล่าวว่า ‘…แม้เราได้รับการเจิมเป็นกษัตริย์แล้ว เราก็อ่อนกำลังในวันนี้’ (2 ซามูเอล 3:39) ขณะเมื่อคุณวางความเชื่อของคุณไว้ในพระเยซู พระเจ้าทรงเจิมตั้งคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณอาจรู้สึกอ่อนแอและไม่คู่ควรยังไงก็ตาม แต่พระเจ้าทรงใช้คุณได้ในแบบที่ไม่ธรรมดา เหมือนกับดาวิด แม้แต่ความอ่อนแอของคุณก็ถูกเจิมตั้งไว้
สดุดี 69:13-28
13ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ในเวลาอันเหมาะสม
โดยความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์
ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยการช่วยกู้ที่แน่นอนของพระองค์
14ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ขึ้นจากหล่ม อย่าปล่อยให้ข้าพระองค์จมเลย
ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากคนที่เกลียดชังข้าพระองค์
และพ้นจากน้ำลึก
15ขออย่าให้น้ำท่วมข้าพระองค์
อย่าให้ที่ลึกกลืนข้าพระองค์เสีย
อย่าให้ปากแดนคนตายงับข้าพระองค์ไว้
16ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบข้าพระองค์
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นล้ำเลิศ
ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์ตามพระกรุณาอันอุดมของพระองค์
17ขออย่าซ่อนพระพักตร์จากผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะข้าพระองค์ทุกข์ยาก ขอทรงรีบตอบข้าพระองค์เถิด
18ขอเสด็จมาใกล้ข้าพระองค์ ขอทรงไถ่ข้าพระองค์
ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากศัตรู
19พระองค์ทรงทราบการที่เขาเยาะเย้ยข้าพระองค์
ทั้งความอับอายและความขายหน้าของข้าพระองค์
พระองค์ทรงรู้จักคู่อริทั้งสิ้นของข้าพระองค์
20การเยาะเย้ยทำให้ใจข้าพระองค์แตกสลาย
ข้าพระองค์จึงล้มป่วย
ข้าพระองค์มองหาความเห็นใจ แต่ก็ไม่มี
หาผู้ปลอบโยน แต่ก็ไม่พบ
21พวกเขาให้ของขมเป็นอาหารของข้าพระองค์
ให้น้ำส้มสายชูแก่ข้าพระองค์ดื่มแก้กระหาย
22ขอทรงให้โต๊ะอาหารตรงหน้าเขาทั้งหลายเป็นกับดักพวกเขา
และเป็นบ่วงแร้วสำหรับแขกของพวกเขา
23ขอทรงให้นัยน์ตาของเขาทั้งหลายมืด เพื่อจะมองไม่เห็น
และทรงทำให้บั้นเอวของพวกเขาสั่นสะเทือนเสมอ
24ขอทรงเทความโกรธของพระองค์ลงเหนือเขาทั้งหลาย
และให้ความกริ้วอันร้อนแรงตามทันพวกเขา
25ขอให้ค่ายของพวกเขาร้างเปล่า
อย่าให้ผู้ใดพักอยู่ในเต็นท์ของพวกเขา
26เพราะพวกเขาได้ข่มเหงผู้ที่พระองค์ทรงเฆี่ยนตี
พวกเขาเล่าถึงความเจ็บปวดของผู้ที่พระองค์ทรงให้บาดเจ็บแล้ว
27ขอทรงเพิ่มโทษซ้อนโทษแก่พวกเขา
อย่าให้พวกเขาได้รับการอภัยจากพระองค์
28ขอให้พวกเขาถูกลบออกจากหนังสือแห่งชีวิต
อย่าให้พวกเขาขึ้นทะเบียนไว้ในหมู่คนชอบธรรม
อรรถาธิบาย
การเจิมตั้งในยามลำบาก
คุณกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่ไหม? ดาวิดอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมากในชีวิต เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองตกอยู่ใน ‘บึง’ ‘หลุมดำ’ ‘กับดักมรณะ' เขาพูดว่า ข้าพระองค์…อับอาย ไม่มีค่าอะไรเลย (ข้อ 15–20 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ดาวิดเป็นผู้นำที่ได้รับการเจิมตั้งไว้ของอิสราเอล (2 ซามูเอล 5:3) เป็นนักอธิษฐาน หลายบทในพระธรรมสดุดีเชื่อว่าเขาเป็นผู้เขียน ในสดุดีบทนี้ เราเห็นตัวอย่างของคำอธิษฐานของดาวิดที่สัตย์ซื่อ ไม่ปรุงแต่ง และใกล้ชิดสนิทสนม
เมื่อคุณอยู่ในปัญหา หรือในจุดที่อ่อนแออย่างมาก:
1. รู้ไว้ว่าความรักยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามีไว้เพื่อคุณ
ดาวิดอธิษฐานว่า ‘โดยความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์ขอทรงตอบข้าพระองค์’ (สดุดี 69:13) ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบข้าพระองค์
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นล้ำเลิศ ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์ตามพระกรุณาอันอุดมของพระองค์’ (ข้อ 16)
2. ร้องทูลต่อพระเจ้าออกจากใจ
จงจริงใจกับพระเจ้า ระบายออกต่อพระองค์ตรง ๆ ว่าคุณรู้สึกอย่างไร ‘ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ขึ้นจากหล่ม อย่าปล่อยให้ข้าพระองค์จมเลย’ (ข้อ 14) ‘ขออย่าซ่อนพระพักตร์จากผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทุกข์ยาก ขอทรงรีบตอบข้าพระองค์เถิด ’ (ข้อ 17)
คำอธิษฐาน
กิจการอัครทูต 1:1-22
สัญญาจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์
1ท่านเธโอฟีลัส ในหนังสือฉบับแรกนั้น ข้าพเจ้ากล่าวแล้วถึงทุกสิ่งที่พระเยซูทรงตั้งต้นทำและสั่งสอน 2จนถึงวันที่พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นไป หลังจากตรัสสั่งโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์กับบรรดาอัครทูตแปลได้อีกว่า ผู้ที่ทรงใช้ไปซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้ 3เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระองค์กับพวกเขาด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงกล่าวถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า 4ขณะพระองค์ทรงพำนักอยู่กับพวกอัครทูต ทรงกำชับพวกเขาว่า “อย่าออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้รอคอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา” ซึ่งพวกท่านได้ยินจากเรา 5“นั่นก็คือยอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่อีกไม่นานพวกท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
6เมื่อเขาทั้งหลายประชุมพร้อมกัน พวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่ ให้ชนชาติอิสราเอลในครั้งนี้หรือ?” 7พระองค์ตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า “ไม่ใช่ธุระของพวกท่านที่จะรู้เวลาและวาระที่พระบิดาทรงกำหนดไว้โดยสิทธิอำนาจของพระองค์ 8แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นสักขีพยานของเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย ทั่วแคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” 9เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา และมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา 10เมื่อพวกเขากำลังเขม้นมองดูฟ้า ในขณะที่พระองค์เสด็จขึ้นไป มีชายสองคนสวมเสื้อขาวมายืนอยู่ข้างๆ พวกเขา 11สองคนนั้นกล่าวว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย ทำไมพวกท่านถึงยืนจ้องมองฟ้าสวรรค์? พระเยซูองค์นี้ที่ทรงรับไปจากท่านทั้งหลายขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกในลักษณะเดียวกับที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น”
การเลือกคนแทนที่ยูดาส
12แล้วอัครทูตจึงลงจากภูเขามะกอกเทศซึ่งอยู่ใกล้กรุงเยรูซาเล็ม (ระยะทางเท่ากับระยะที่อนุญาตให้คนเดินระยะทางที่อนุญาตให้คนเดินในวันสะบาโตประมาณ 1,000 เมตรในวันสะบาโต) แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม 13เมื่อเข้ากรุงแล้วเขาเหล่านั้นจึงขึ้นไปยังห้องชั้นบนที่เคยพักอยู่นั้น มีเปโตร ยอห์น ยากอบกับอันดรูว์ ฟีลิปกับโธมัส บารโธโลมิวกับมัทธิว ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนพรรคชาตินิยม กับยูดาสบุตรยากอบ 14พวกเขาอุทิศตัวอธิษฐานด้วยกัน พร้อมกับพวกผู้หญิงและมารีย์มารดาของพระเยซูทั้งพวกน้องชายของพระองค์ด้วย
15ในเวลานั้นเปโตรยืนขึ้นท่ามกลางพวกพี่น้อง (ซึ่งอยู่รวมกันประมาณร้อยยี่สิบคน) และกล่าวว่า 16“นี่แน่ะ พี่น้องทั้งหลาย จำเป็นจะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสไว้โดยปากของดาวิด เกี่ยวกับยูดาสผู้นำทางให้กับพวกที่ไปจับพระเยซู 17เพราะเขานับยูดาสเข้าในกลุ่มเรา และได้รับส่วนในพันธกิจนี้ 18(คนนี้ได้นำค่าตอบแทนที่ได้จากการอธรรมของตนไปซื้อที่ดิน แล้วก็คะมำตกและแตกกลางลำตัวไส้พุงทะลักออกมาหมด 19เหตุการณ์นี้ทุกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก็รู้ ที่ดินแปลงนี้จึงถูกเรียกตามภาษาของพวกเขาว่า อาเคลดามา คือนาเลือด) 20เพราะมีคำเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีว่า
‘ขอให้ที่อยู่ของเขาร้างเปล่า
และอย่าให้มีใครอยู่ที่นั่น’
และ
‘ขอให้อีกคนหนึ่งมายึดตำแหน่งของเขา’
21เพราะฉะนั้น คนหนึ่งในบรรดาคนที่อยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จเข้าออกท่ามกลางเรา 22คือตั้งแต่บัพติศมาของยอห์น จนถึงวันที่พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นไปจากเรา คนหนึ่งในคนเหล่านี้จะต้องเป็นพยานร่วมกับเราเกี่ยวกับการคืนพระชนม์ของพระองค์”
อรรถาธิบาย
เจิมด้วยองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์
ฤทธิ์เดชเดียวกันที่ทำให้พระเยซูทรงเป็นขึ้นจากความตายบัดนี้ดำรงอยู่ในคุณ จากผู้เขียนพระกิตติคุณหนึ่งในสี่เล่ม ลูกาเป็นคนเดียวที่ยังคงเล่าเรื่องราวของคนรุ่นถัดมา เรื่องราวของพระเยซูที่ยังคงดำเนินต่อไปใน ‘กลุ่มผู้เชื่อ’ (ข้อ 15) และบัดนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไปในคุณ
พระธรรมกิจการเป็นประวัติศาสตร์คริสตจักร เล่มที่ 1 ประวัติศาสตร์ ที่มีความหมายต่อลูกา เขาใช้ถ้อยคำประเภท ‘ผู้ที่ได้เห็นกับตาตนเอง’ ‘สืบเสาะเรื่องราวเหล่านี้อย่างละเอียด’ ‘เรียบเรียงเรื่องตามลำดับ‘ (ลูกา 1:2–3) และตรงนี้ท่านพูดเรื่อง 'หลักฐานหลายอย่างพิสูจน์ว่า’ (กิจการ 1:3) เขาเน้นว่าพระเยซูไม่ได้ทรงปรากฏในรูปแบบที่หายวับไปเหมือนผี ‘หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระองค์พิสูจน์กับพวกเขาว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ด้วยหลักฐานหลายอย่าง ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน...ทรงพบและรับประทานอาหารร่วมกันกับเขา’ (ข้อ 2–4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นี่เป็นหนังสือเล่มที่สองในชีวิตของลูกาเรื่องพระเยซู เขาอ้างถึงพระกิตติคุณเล่มก่อนหน้านี้ว่าเป็นเรื่องของ ‘ทุกสิ่งที่พระเยซูทรงตั้งต้นทำและสั่งสอน’ (ข้อ 1) บัดนี้ท่านเล่าเรื่องราวสิ่งที่พระเยซูทรงทำอย่างต่อเนื่องผ่านองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์
พระเยซูตรัสเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าเป็น ของประทาน ตามพระสัญญาของพระบิดา (ข้อ 4) บัดนี้พระองค์ทรงสัญญาว่าในไม่กี่วันเหล่าสาวกจะได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้รับฤทธิ์เดชเพื่อเป็นพยานถึงพระองค์ในเมือง (‘เยรูซาเล็ม’) กับชนชาติ (‘ทั่วแคว้นยูเดียและสะมาเรีย’) และโลก (‘จนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก’) (ข้อ 8)
ตลอดทั้งพระธรรมตอนที่เหลือ เราเห็นชุดตัวอย่างของผู้คนที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเป็นผู้ส่งสารของพระองค์ไปทั่วโลก ข่าวที่น่าตื่นเต้นคือ คุณนับเป็นคนหนึ่งในรายชื่อนั้นด้วย!
- ดาวิด
พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านผู้คนรวมทั้งดาวิด (ข้อ 16) เปโตรให้ตัวอย่างถึงวิธีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านดาวิดในพระธรรมสดุดี แม้แต่การคาดการณ์ของการมีผู้มาทดแทนยูดาสผู้ทรยศ (ข้อ 15–20)
- พระเยซู
สำคัญที่สุด พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเจิมพระเยซู ลูกาบอกเราว่าพระเยซูทรง ‘หลังจากตรัสสั่งโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์กับบรรดาอัครทูตซึ่งพระองค์ทรงเลือก‘ (ข้อ 2)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ขณะพระองค์ทรงพำนักอยู่กับพวกอัครทูต ทรงกำชับพวกเขาว่า “อย่าออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้รอคอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา” ซึ่งพวกท่านได้ยินจากเรา 5“นั่นก็คือยอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่อีกไม่นานพวกท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”’ (ข้อ 4–5)
- อัครสาวก
แต่กระนั้นพวกเขาก็อ่อนแอในหลายด้าน อัครสาวกควรได้รับการเจิมโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์สำหรับงานที่รออยู่เบื้องหน้า คำพูดว่า ‘อัครสาวก’ ถูกใช้ในหลายด้านในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ในแง่ที่กว้างกว่าคือบางคนถูกส่งออกไปโดยพระเจ้า ชัดเจนว่าประยุกต์ใช้ต่อคนมากมายในอดีตและรวมถึงปัจจุบัน (1 โครินธ์ 12:28–29) ในแง่ที่แคบกว่าคือคนที่อาจถูกอธิบายว่าเป็น ‘อัครทูต’ ซึ่งเป็นของประทานในการเป็นผู้นำ (มาระโก 3:14)
อย่างไรก็ตามนี่เป็นการใช้คำนี้ในแง่ที่แคบที่สุด มีกลุ่มคนพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะโดยพระเยซู องค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านพวกเขาในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจง เป็นพวกอัครทูตที่พระเยซูได้ทรงเลือกสรร และเป็นผู้ซึ่งพระองค์ประทานคำแนะนำพิเศษผ่านทางองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ (กิจการอัครทูต 1:2)
ยูดาสเคยอยู่ในกลุ่มนี้ตั้งแต่ต้น ตอนนี้พวกเขากำลังมองหาคนที่จะมาแทน เปโตรเป็นคนกำหนดคุณสมบัติ พวกเขาจำเป็นต้องเคยอยู่กับพระเยซูในพันธกิจของพระองค์ เป็นพยานในการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ และต้องรับการอบรมที่จำเป็น (ข้อ 21–22)
- คุณ
พระเยซูตรัสว่า ‘แต่อีกไม่นานพวกท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์… แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นสักขีพยานของเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย ทั่วแคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก’ (ข้อ 5,8)
ในวันเพนเทคอสต์ สิ่งนี้สำเร็จเป็นจริง และอัครสาวกเปโตรก็ได้ทำให้ชัดเจนว่า พระสัญญานั้นสำหรับ ‘ทุกคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราทรงเรียกให้มาเฝ้า’ (2:39) นี่รวมถึงคุณ
พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเพื่อเจิมและเสริมกำลังคุณ เพื่อช่วยคุณและนำคุณในทุกแง่มุมของชีวิตคุณ ไม่ใช่แค่ฝ่าย ‘จิตวิญญาณ’ เท่านั้น ทุกสิ่งที่คุณมีเป็นของพระเจ้า และพระองค์ทรงอยากจะเกี่ยวข้องในชีวิตคุณทุกด้าน ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ดำรงอยู่ในคุณ พระเจ้าทรงอยากให้คุณเป็นเหมือนพระเยซูในทุกความคิด ท่าที คำพูด และการกระทำ คุณเป็นดั่งพระเยซูต่อโลกนี้
คำอธิษฐาน
2 ซามูเอล 3:22-5:5
โยอาบฆ่าอับเนอร์
22ขณะนั้นทหารของดาวิดกับโยอาบกลับมาจากการไปปล้น และนำสิ่งของที่ยึดได้มากมายมาด้วย แต่อับเนอร์ไม่ได้อยู่กับดาวิดที่เฮโบรนแล้ว เพราะพระองค์ทรงส่งท่านกลับไป และท่านก็ไปโดยสวัสดิภาพ 23เมื่อโยอาบกับกองทัพทั้งสิ้นที่อยู่กับท่านมาถึง ก็มีคนบอกโยอาบว่า “อับเนอร์บุตรเนอร์มาเฝ้าพระราชา และพระองค์ทรงส่งเขากลับไป เขาก็กลับไปโดยสวัสดิภาพ” 24แล้วโยอาบเข้าไปเฝ้าพระราชาทูลว่า “ฝ่าพระบาททรงทำอะไร? ดูเถิด อับเนอร์มาเฝ้าฝ่าพระบาท ทำไมฝ่าพระบาททรงส่งเขาไปอย่างนี้? เขาก็หนีไปแล้วจริงๆ 25ฝ่าพระบาททรงทราบแล้วว่าอับเนอร์บุตรเนอร์มาเพื่อล่อลวงฝ่าพระบาท และเพื่อทราบถึงการเสด็จเข้าออกของฝ่าพระบาท และเพื่อทราบทุกสิ่งทุกอย่างที่ฝ่าพระบาททรงทำ”
26เมื่อโยอาบออกมาจากการเข้าเฝ้าดาวิด จึงส่งพวกผู้สื่อสารไปตามอับเนอร์ พวกเขาก็นำท่านกลับมาจากที่ขังน้ำชื่อสีราห์ แต่ดาวิดไม่ทรงทราบ 27และเมื่ออับเนอร์กลับมาถึงเฮโบรนแล้ว โยอาบก็พาท่านหลบเข้าไปที่กลางประตูเมืองเพื่อจะพูดกับท่านตามลำพัง และโยอาบแทงท้องของท่านเสียที่นั่น ท่านก็ตาย โยอาบแก้แค้นโลหิตของอาสาเฮลน้องชายของตน 28ภายหลังเมื่อดาวิดทรงทราบเรื่องนี้ พระองค์ตรัสว่า “ตัวเราและราชอาณาจักรของเรา ปราศจากความผิดสืบไปเป็นนิตย์เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ด้วยเรื่องโลหิตของอับเนอร์บุตรเนอร์ 29ขอให้โลหิตนั้นตกเหนือศีรษะของโยอาบ และเหนือพงศ์พันธุ์ทั้งสิ้นของบิดาเขา ขออย่าให้คนที่มีสิ่งไหลออก คนที่เป็นโรคเรื้อน คนพิการภาษา คนที่ถูกประหารด้วยดาบ หรือคนขาดอาหาร ขาดจากพงศ์พันธุ์ของโยอาบ” 30ดังนี้โยอาบกับอาบีชัยน้องชายของเขาได้ฆ่าอับเนอร์ เพราะอับเนอร์ได้ฆ่าอาสาเฮลน้องชายของพวกเขาในการรบที่กิเบโอน
31แล้วดาวิดก็ตรัสกับโยอาบ และประชาชนทุกคนที่อยู่กับโยอาบว่า “จงฉีกเสื้อผ้าของพวกท่าน และเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้และจงไว้ทุกข์ให้อับเนอร์” และพระราชาดาวิดเสด็จตามโลงศพอับเนอร์ไป 32พวกเขาก็ฝังศพอับเนอร์ไว้ที่เฮโบรน และพระราชาทรงกันแสงเสียงดัง ณ ที่ฝังศพของอับเนอร์ และประชาชนทั้งปวงก็ร้องไห้ 33และพระราชาทรงคร่ำครวญด้วยเรื่องอับเนอร์ว่า
“ควรหรือที่อับเนอร์จะตายอย่างคนเขลา?
34มือของท่านก็ไม่ได้ถูกมัด
เท้าของท่านก็ไม่ได้ติดตรวน
ท่านล้มลง
เหมือนอย่างคนล้มลงต่อหน้าคนชั่วร้าย”
และประชาชนทั้งปวงก็ร้องไห้ถึงอับเนอร์อีก 35แล้วประชาชนทั้งปวงก็มาทูลให้ดาวิดเสวยอาหารเมื่อเวลายังวันอยู่ แต่ดาวิดทรงปฏิญาณว่า “ถ้าเราลิ้มรสขนมปังหรือสิ่งอื่นก่อนดวงอาทิตย์ตก ขอพระเจ้าทรงทำโทษเราและทรงเพิ่มโทษนั้น” 36ประชาชนทั้งปวงสังเกตเห็นเช่นนั้นก็พอใจ ดังที่ประชาชนพอใจทุกสิ่งที่พระราชาทรงทำ 37ประชาชนทั้งสิ้นและอิสราเอลทั้งปวงจึงรู้ในวันนั้นว่า พระราชาไม่มีส่วนในการฆ่าอับเนอร์บุตรเนอร์ 38พระราชาตรัสกับพวกมหาดเล็กของพระองค์ว่า “พวกท่านไม่ทราบหรือว่า วันนี้เจ้านายและคนที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งล้มลงในอิสราเอล? 39แม้เราได้รับการเจิมเป็นกษัตริย์แล้ว เราก็อ่อนกำลังในวันนี้ ชายเหล่านี้ซึ่งเป็นบุตรของนางเศรุยาห์แข็งกร้าวเกินไปสำหรับเรา ขอพระยาห์เวห์ทรงตอบสนองผู้ทำชั่วตามความชั่วของเขาเถิด”
2 ซามูเอล 4
อิชโบเชทถูกลอบปลงพระชนม์
1เมื่ออิชโบเชทโอรสของซาอูลทรงทราบข่าวว่าอับเนอร์สิ้นชีวิตที่เฮโบรนแล้ว พระหัตถ์ของพระองค์ก็อ่อนลง และอิสราเอลทั้งปวงก็ท้อใจ 2ฝ่ายโอรสของซาอูลมีชายสองคนเป็นหัวหน้ากองปล้น คนหนึ่งชื่อบาอานาห์ อีกคนหนึ่งชื่อเรคาบ ทั้งสองเป็นบุตรของริมโมน จากเผ่าเบนยามินชาวเมืองเบเอโรท (เพราะว่า เบเอโรทถูกนับเข้าเป็นของเบนยามินด้วย 3ชาวเบเอโรทหนีไปยังเมืองกิททาอิม และเป็นคนต่างด้าวอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้)
4โยนาธานโอรสของซาอูล มีบุตรชายคนหนึ่งเป็นง่อย เมื่อมีข่าวเรื่องซาอูลกับโยนาธานมาจากยิสเรเอลนั้น เด็กคนนี้มีอายุห้าขวบ และพี่เลี้ยงก็อุ้มลุกขึ้นหนี เมื่อเธอรีบหนีไป เด็กนั้นก็ตกลงมา และเป็นง่อย ท่านชื่อเมฟีโบเชท
5ฝ่ายบุตรทั้งสองของริมโมนชาวเบเอโรท ที่ชื่อเรคาบและบาอานาห์นั้นออกเดินทาง พอแดดจัดก็มาถึงตำหนักของอิชโบเชท ขณะเมื่อพระองค์กำลังบรรทมตอนเที่ยง 6และเขาทั้งสองเข้าไปกลางตำหนัก ทำเหมือนจะขนข้าวสาลี และเขาทั้งสองก็แทงพระองค์ที่ท้อง เรคาบและบาอานาห์พี่ชายของเขาก็หนีไป 7เมื่อเขาทั้งสองเข้าไปในตำหนักนั้น พระองค์บรรทมหลับอยู่บนพระแท่น เขาทั้งสองก็แทงและฆ่า และตัดพระเศียรของพระองค์ นำพระเศียรนั้นเดินทางไปทางอาราบาห์ตลอดคืน 8เขาทั้งสองนำพระเศียรของอิชโบเชทไปถวายดาวิดที่เมืองเฮโบรน กราบทูลพระราชาว่า “นี่คือศีรษะของอิชโบเชทโอรสของซาอูลศัตรูของฝ่าพระบาท ผู้ต้องการชีวิตของฝ่าพระบาท พระยาห์เวห์ทรงแก้แค้นแทนพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทในวันนี้เหนือซาอูลและพงศ์พันธุ์ของซาอูล” 9แต่ดาวิดตรัสตอบเรคาบและบาอานาห์พี่ชายของเขา บุตรของริมโมนชาวเบเอโรทว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด คือพระองค์ผู้ทรงไถ่ชีวิตของเราจากบรรดาความทุกข์ยาก 10เมื่อมีผู้บอกเราว่า ‘ดูเถิด ซาอูลสิ้นพระชนม์แล้ว’ และคิดว่าเป็นข่าวดีมา เราก็จับคนนั้นฆ่าเสียที่ศิกลาก เป็นรางวัลที่เราให้แก่เขาสำหรับข่าวนั้น 11ยิ่งกว่านั้นเท่าใด เมื่อคนชั่วฆ่าคนชอบธรรมที่ในบ้านและบนที่นอนของคนชอบธรรมนั้น บัดนี้เราจะไม่เรียกเอาโลหิตของเขาจากมือของพวกเจ้า และขจัดพวกเจ้าเสียจากแผ่นดินหรือ?” 12และดาวิดก็ทรงบัญชาพวกคนหนุ่มของพระองค์ และพวกเขาก็ฆ่าเขาทั้งสอง ตัดมือตัดเท้าออก แขวนศพนั้นไว้ที่ข้างสระที่เมืองเฮโบรน แต่เขานำพระเศียรของอิชโบเชทไปฝังไว้ ณ ที่ฝังศพของอับเนอร์ในเมืองเฮโบรน
2 ซามูเอล 5
เจิมตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล
1อิสราเอลทุกเผ่าก็มาหาดาวิดที่เมืองเฮโบรน ทูลว่า “ดูเถิด พวกข้าพระบาทเป็นกระดูกและเนื้อของฝ่าพระบาท 2ในอดีตเมื่อซาอูลทรงเป็นพระราชาเหนือเหล่าข้าพระบาท ฝ่าพระบาททรงเป็นผู้นำอิสราเอลออกไปและเข้ามา และพระยาห์เวห์ตรัสแก่ฝ่าพระบาทว่า ‘เจ้าจะดูแลอิสราเอลประชากรของเราอย่างผู้เลี้ยงแกะ และเจ้าจะเป็นผู้ปกครองเหนืออิสราเอล’ ” 3ดังนั้นพวกผู้ใหญ่ทั้งหมดของอิสราเอลก็มาเฝ้าพระราชาที่เมืองเฮโบรน และพระราชาดาวิดทรงทำพันธสัญญากับพวกเขาที่เมืองเฮโบรนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และพวกเขาก็เจิมดาวิดให้เป็นพระราชาเหนืออิสราเอล 4ดาวิดมีพระชนมายุ 30 พรรษาเมื่อทรงเริ่มเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงครองราชย์อยู่ 40 ปี 5ทรงครองราชย์เหนือยูดาห์ที่เฮโบรน 7 ปี 6 เดือน และที่กรุงเยรูซาเล็ม ทรงครองราชย์เหนืออิสราเอลและยูดาห์อีก 33 ปี
อรรถาธิบาย
การเจิมเพื่อการนำ
เพื่อที่จะเป็นผู้นำ เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ดาวิดกล่าว ‘… แม้เราได้รับการเจิมเป็นกษัตริย์แล้ว เราก็อ่อนกำลังในวันนี้’ (3:39) ประวัติศาสตร์ชีวิตดาวิดในพระคัมภีร์นั้นเป็นคำพยานที่ยิ่งใหญ่ทั้งเรื่องของการเจิม และการอ่อนกำลังของดาวิด เขาทราบว่าตนเองห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ และท่านก็ทราบอีกด้วยว่าพระเจ้ายังทรงใช้เขาได้ ดาวิดไม่ได้จมลงในความอ่อนแอของตัวเองแต่กลับนำสถานการณ์หันไปหาพระเจ้า (ข้อ 39) ทั้งที่มีความอ่อนแอของตอน พระเจ้ายังทรงใช้เขาในแบบที่ไม่ธรรมดา
พระธรรมตอนนี้ยังเตือนใจเราว่า พระเจ้าทรงใช้ดาวิดตลอดชีวิตของเขา เราได้เห็นตัวอย่างมากมายในวิธีที่พระเจ้าทรงใช้ดาวิดในฐานะผู้นำเป็นเวลาหลายปีก่อนที่ท่านจะขึ้นเป็นกษัตริย์ เมื่อถูกเจิมตั้งเป็นกษัตริย์ ดาวิดยังค่อนข้างจะหนุ่มแน่น ต่อมาภายหลังเขายังคงถูกพระเจ้าใช้ตลอดรัชกาลที่ยาวนานและ (ค่อนข้างจะ) รุ่งเรือง ‘ดาวิดมีพระชนมายุ 30 พรรษาเมื่อทรงเริ่มเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงครองราชย์อยู่ 40 ปี’ (5:4)
พระเจ้าตรัสถึงดาวิดว่า ‘เจ้าจะดูแลอิสราเอลประชากรของเราอย่างผู้เลี้ยงแกะ และเจ้าจะเป็นผู้ปกครองเหนืออิสราเอล’ (ข้อ 2) จากนั้น ‘ดังนั้นพวกผู้ใหญ่ทั้งหมดของอิสราเอล...ก็เจิมดาวิดให้เป็นพระราชาเหนืออิสราเอล’ (ข้อ 3) ดาวิดกลายเป็นผู้นำที่เต็มไปด้วยความสัตย์ซื่อ เขา 'จึงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยใจเที่ยงธรรม และนำเขาไปด้วยมือช่ำชอง‘ (สดุดี 78:72) ดาวิดเป็นผู้นำประเภทที่เราจำเป็นต้องมีอย่างยิ่งในทุกวันนี้ ทั้งในคริสตจักร และในสังคม คือทั้งบุรุษและสตรีที่มีทั้งคุณลักษณะ และความสามารถ ใจเที่ยงธรรมและมือที่ช่ำชอง
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
2 ซามูเอล 3:30
‘ดังนี้โยอาบกับอาบีชัยน้องชายของเขาได้ฆ่าอับเนอร์ เพราะอับเนอร์ได้ฆ่าอาสาเฮลน้องชายของพวกเขาในการรบที่กิเบโอน’
ความต้องการแก้แค้นนั้นเป็นอารมณ์ที่ทรงพลัง ฉันพอเข้าใจโยอาบที่ต้องการแก้แค้นเพราะน้องชายตาย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้อภัยคนที่ทำร้ายคนที่คุณรัก ปราศจากการรู้ว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน ฉันเองก็ไม่มั่นใจว่าฉันจะสามารถเริ่มให้อภัยได้ ฉันเองยังต้องพยายามให้อภัยคุณครูคนนึงของลูกเรา ซึ่งเป็นคนผูกพยาบาท - อย่าให้ฉันต้องเริ่มเล่าดีกว่า!
ข้อพระคำประจำวัน
กิจการ 1:8
‘… แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน‘
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)