วัน 128

วิธีใช้ชีวิตแบบความคมชัดสูง

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 11:19-28
พันธสัญญาใหม่ ยอห์น 5:31-47
พันธสัญญาเดิม ผู้วินิจฉัย 7:8ข-8:35

เกริ่นนำ

ย้อนกลับไปในปี 1966 เมื่อครั้งที่อังกฤษคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาได้ ผมยังจำช่วงเวลานั้นได้ดี ตอนเด็ก ๆ เรากำลังดูแมตช์นี้ทางโทรทัศน์ขาวดำ เราไม่เคยได้ภาพที่ดีเลย มันทั้งไม่ชัดและเป็นเส้น ๆ เสมอ แต่เราไม่ได้อะไรกับมันมากเพราะเราไม่เคยรู้ว่ามีอะไรแตกต่างออกไป จนกระทั่งวันหนึ่ง เราค้นพบว่าทั้งหมดที่เราต้องการคือเสาอากาศ! ทันใดนั้น เราพบว่าเราสามารถได้ภาพที่ทั้งคมและชัด และความเพลิดเพลินของเราก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก

ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เรามีโทรทัศน์สีเท่านั้น แต่เรายังได้รับความคมชัดสูง (HD) ไม่มีเส้นบังหน้าจอหรือภาพหน้าจอที่ผิดเพี้ยน แต่เราได้ภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดดเด่นยิ่งขึ้น และสีสันสดใสกว่าที่เคย

พระเยซูคริสต์ทรงมอบชีวิตที่สวยงามคมชัดให้กับคุณแทนที่จะจำกัดอยู่แค่มีสีสันหรือเป็นภาพขาวดำ มีคำในภาษากรีกอยู่สองคำที่สื่อถึง ‘ชีวิต’ คำแรกคือ ‘bios’ ซึ่งเราใช้กันในคำว่า ‘ชีวภาพ’ (biological) อันหมายถึงสภาพการมีชีวิตอยู่หรือที่ยังคงดำรงอยู่ อีกคำหนึ่งคือคำว่า ‘โซอี้’ (Zoe) ที่หมายถึง ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เต็มอิ่ม อย่างเหลือเฟือ ด้วยใจที่เปิดกว้าง นั่นเป็นชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ในแบบที่พระเยซูคริสต์ทรงพูดถึง ชีวิตที่เต็มไปด้วยวัตถุประสงค์แบบนั้นแหละคือชีวิตที่สวยงามและคมชัด (high-definition life)

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 11:19-28

19คนที่ตั้งมั่นอยู่ในความชอบธรรมจะมีชีวิตอยู่
 แต่คนที่ติดตามความชั่วร้ายจะถึงความตาย
20พระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังใจตลบตะแลง
 แต่พอพระทัยคนที่ดำเนินชีวิตอย่างไร้ตำหนิ
21คนชั่วร้ายจะถูกลงโทษแน่
 แต่คนชอบธรรมจะได้รับการช่วยกู้
22สตรีงามที่ปราศจากวิจารณญาณ
 ก็เหมือนห่วงทองคำที่จมูกหมู
23ความปรารถนาของคนชอบธรรมล้วนแต่ดีเท่านั้น
 ความหวังของคนอธรรมคือความพิโรธ
24บางคนยิ่งแจกจ่ายยิ่งมั่งคั่ง
 บางคนยิ่งหวงสิ่งที่ควรจ่ายแจกก็ยิ่งขัดสน
25คนใจกว้างย่อมเจริญรุ่งเรือง
 คนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้น้ำตอบแทน
26ประชาชนแช่งผู้กักตุนข้าว
 แต่พระพรอยู่บนศีรษะของผู้ขายข้าว
27คนที่แสวงหาความดี ก็เสาะหาความโปรดปราน
 แต่คนที่หาความชั่วร้าย มันก็จะมาหาเขา
28คนที่วางใจในความมั่งคั่งจะล้มละลาย
 แต่คนชอบธรรมจะรุ่งเรืองอย่างใบไม้เขียว

อรรถาธิบาย

ชื่นชมไปกับชีวิตที่มีความคมชัดสูง

หนังสือพระธรรมสุภาษิตกำหนดหนทางไว้สองทาง ทางหนึ่งนำไปสู่ ‘ความตาย’ (ข้อ 19ค) และอีกทางนำไปสู่ ‘ชีวิต’ (ข้อ 19ก) ทางที่นำไปสู่ความตายคือทางของความชั่วร้าย (ข้อ 19ข) ใจที่ตลบตะแลง (ข้อ 20ก) คนชั่วร้าย (ข้อ 21ก) ความตระหนี่ (ข้อ 24ข) การกักตุน (ข้อ 26ก) และความวางใจในความมั่งคั่ง (ข้อ 28ข)

ทางที่นำไปสู่ชีวิตมีไว้สำหรับบรรดาผู้ชอบธรรม (ข้อ 19,21) คุณ ‘ชอบธรรม’ โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ (โรม 3:22)

ในข้อนี้เราเห็นคำอธิบายว่าชีวิตนี้เป็นอย่างไร มิใช่เพียงการดำรงอยู่ เป็นชีวิตที่มีความคมชัดสูง (high-definition life) อันหมายถึงการชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า (สุภาษิต 11:20ข) เป็นชีวิตแห่งการช่วยกู้ (ข้อ 21ข) และจบลง ‘ด้วยดีเท่านั้น’ (ข้อ 23)

เมื่อคุณมีจิตใจที่กว้างขวาง คุณก็จะ ‘เจริญรุ่งเรือง’ เมื่อคุณ ‘ให้น้ำ’ แก่ผู้อื่น คุณย่อมได้น้ำ ‘ตอบแทน’ (ข้อ 25)

นี่ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะปราศจากความยากลำบาก ความท้าทาย และความทุกข์ทรมาน แต่ท้ายที่สุด คุณจะได้รับพระพรอยู่บนศีรษะ (ข้อ 26ข) คุณจะพบความโปรดปราน (ข้อ 27ก) และจะ ‘รุ่งเรืองอย่างใบไม้เขียว’ (ข้อ 28ข)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงประทานความชอบธรรมของพระคริสต์แก่ข้าพระองค์โดยความเชื่อ และทรงวางข้าพระองค์บนเส้นทางที่นำไปสู่ชีวิต
พันธสัญญาใหม่

ยอห์น 5:31-47

 31ถ้าเราเป็นพยานให้แก่ตัวเราเอง คำพยานของเราก็ไม่จริง 32มีอีกผู้หนึ่งที่เป็นพยานให้แก่เรา และเรารู้ว่าคำพยานที่พระองค์ทรงให้แก่เรานั้นเป็นความจริง 33พวกท่านใช้คนไปหายอห์น และยอห์นก็เป็นพยานถึงความจริง 34เราไม่ต้องรับคำพยานจากมนุษย์ การที่เรากล่าวสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อให้พวกท่านรอด 35ยอห์นเป็นโคมที่จุดสว่างไสว และพวกท่านก็พร้อมจะชื่นชมยินดีในความสว่างของยอห์นชั่วขณะหนึ่ง 36แต่คำพยานที่เรามีนั้นยิ่งใหญ่กว่าคำพยานของยอห์น เพราะว่างานที่พระบิดาทรงมอบให้เราทำจนสำเร็จและเป็นงานที่เรากำลังทำอยู่นั้น เป็นพยานให้กับเราว่าพระบิดาทรงใช้เรามา 37และพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาก็ทรงเป็นพยานให้กับเรา พวกท่านไม่เคยได้ยินเสียงของพระองค์ และไม่เคยเห็นรูปร่างของพระองค์ 38และท่านไม่มีพระดำรัสของพระองค์อยู่ในตัวท่าน เพราะว่าพวกท่านไม่ได้วางใจผู้ที่พระบิดาทรงใช้มานั้น 39พวกท่านค้นดูในพระคัมภีร์เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา 40แต่พวกท่านก็ยังไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต 41เราไม่ยอมรับเกียรติจากมนุษย์ 42แต่เรารู้ว่าพวกท่านไม่มีความรักของพระเจ้าในตัวท่าน 43เรามาในพระนามพระบิดาของเราและพวกท่านไม่ยอมรับเรา ถ้าคนอื่นมาในนามของเขาเอง พวกท่านก็จะรับคนนั้น 44พวกท่านจะเชื่อได้อย่างไรในเมื่อท่านรับเกียรติจากกันและกันเองและไม่ได้แสวงหาเกียรติที่มาจากพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียว? 45อย่าคิดว่าเราจะฟ้องพวกท่านต่อพระบิดา มีคนฟ้องท่านแล้วคือโมเสสผู้ที่พวกท่านตั้งความหวัง 46ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อโมเสส ท่านก็น่าจะเชื่อเรา เพราะโมเสสเขียนถึงเรา 47แต่ถ้าพวกท่านไม่เชื่อเรื่องที่โมเสสเขียนแล้ว ท่านจะเชื่อถ้อยคำของเราได้อย่างไร?”

อรรถาธิบาย

เผชิญหน้ากับพระเยซูวันต่อวัน

หากเราไม่เห็นว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูและมีความสัมพันธ์กับพระองค์ การอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์จะกลายเป็นกิจกรรมที่แห้งแล้ง เป็นวิชาการ และน่าเบื่อหน่าย แต่เมื่อคุณเข้าใจว่ามันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับพระเยซู และคุณเห็นว่าการศึกษาพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นวิธีที่จะเติบโตในความสัมพันธ์ของคุณกับพระองค์ มันจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดแห่งชีวิต (ข้อ 40)

วิธีค้นหาชีวิตคือการมาหาพระเยซูในทุก ๆ โอกาสที่มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข่าวประเสริฐของยอห์น พระเยซูตรัสถึงชีวิตนี้ว่าเป็น ‘ชีวิตนิรันดร์’ (เช่น ข้อ 39) ชีวิตนิรันดร์มาจากความสัมพันธ์ที่เป็นเช่นนี้ (ข้อ 40) ที่เริ่มต้นตอนนี้และดำเนินต่อไปตลอดกาล เป็นชีวิตที่มีความสวยงามคมชัดสูง (high-definition life)

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าพระเยซูเป็นผู้ที่พระองค์ตรัสว่าพระองค์เป็น? หากเปรียบดั่งอยู่ในศาล พระเยซูได้ทรงเบิกพยานทั้งสี่มาเพื่อเป็นหลักฐานในการสนับสนุนคดีของพระองค์เอง:

  1. พยานแรกที่พระเยซูทรงเบิกคือพยานบุคคล โดยเฉพาะยอห์นผู้ให้บัพติศมา (ข้อ 31–35) ยอห์นมาเป็น ‘สักขีพยานเพื่อเป็นพยาน’ (1:7) และทุกวันนี้มีพยานมากกว่าที่เคยเป็น (มากกว่า 2 พันล้านคน) ที่เล็งไปถึงพระเยซู

  2. พยานที่สองที่พระเยซูทรงเบิกออกมาคือพันธกิจในชีวิตของพระองค์เอง นี่เป็นพยานที่ ‘มีน้ำหนัก’ กว่าพยานแรก นั่นคือ ‘งานที่พระบิดาทรงมอบให้เราทำจนสำเร็จ’ (5:36) ซึ่งจบลงด้วยการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน ผู้ทรงตรัสบนไม้กางเขนว่า ‘สำเร็จแล้ว’ (19:30)

  3. พยานที่สามที่พระเยซูทรงเบิกออกมา คือ ประสบการณ์ตรงกับพระบิดา (5:37) คุณเองก็สามารถสัมผัสประสบการณ์โดยตรงกับพระเจ้าได้ในวันนี้ผ่านพระวิญญาณของพระองค์ในใจคุณ (15:26)

  4. พยานที่สี่ที่พระเยซูทรงเบิกออกมา คือ พระคัมภีร์ ซึ่งพระคัมภีร์ทั้งเล่มเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูและการมีความสัมพันธ์กับพระองค์ พระเยซูตรัสว่า ‘พระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา’ (5:39) พระองค์ตรัสว่า ‘โมเสสเขียนถึงเรา’ (ข้อ 46)

เป็นไปได้ที่เราจะ ‘ศึกษาพระคริสตธรรมคัมภีร์’ แต่กลับพลาดประเด็นทั้งหมด พระเยซูตรัสกับผู้นำทางความเชื่อว่า ‘พวกท่านค้นดูในพระคริสตธรรมคัมภีร์เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา แต่พวกท่านก็ยังไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต’ (ข้อ 39-40) ทุกครั้งที่คุณศึกษาพระคัมภีร์ ให้คาดหวังว่าจะได้พบกับพระเยซู

แม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับพระเยซู แต่ท้ายที่สุดการมาของพระองค์ก็เป็นไปตามพระประสงค์ และพระเยซูก็ตรัสว่าบางคน ‘ไม่ยอมมาหาเรา’ (ข้อ 40) ทำไมใคร ๆ ถึงปฏิเสธกัน?

บางคนไม่เต็มใจให้พระเจ้ามาเป็นที่หนึ่งในชีวิต (ข้อ 42) คนอื่น ๆ กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้คนคิดมากกว่าสิ่งที่พระเจ้าคิด (ข้อ 44) ยังมีอีกหลายคนที่ปฏิเสธที่จะเชื่อทั้ง ๆ ที่มีหลักฐาน (ข้อ 47) ‘ถ้าท่านเชื่อโมเสสจริง ๆ ท่านก็จะเชื่อเรา เพราะโมเสสเขียนถึงเรา’ (ข้อ 46, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูทรงเข้าใจในความบาปทั่ว ๆ ไปของเรา เรากำลังแสวงหาเกียรติ สง่าราศี และความชื่นชมจากกันและกันอย่างต่อเนื่อง ท่านรับเกียรติจากกันและกันเอง (ข้อ 44)

อย่ากังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่สิ่งที่พระเจ้าคิดนั้นสำคัญที่สุด ให้เราเข้ามาเผชิญหน้ากับพระเยซูอีกครั้งในวันนี้และเปรมปรีดิ์กับชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เติมอิ่ม อย่างเหลือเฟือ ด้วยใจที่เปิดกว้างซึ่งพระเยซูทรงประทานให้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูคริสต์เจ้า ข้าพระองค์เข้าเฝ้าพระองค์ผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งชีวิตในวันนี้ ขอที่จิตวิญญาณของข้าพระองค์จะร้อนรนในตัวเมื่อข้าพระองค์ได้ศึกษาพระวจนะของพระองค์
พันธสัญญาเดิม

ผู้วินิจฉัย 7:8ข-8:35

8ขและค่ายของมีเดียนก็อยู่ข้างล่างท่านในหุบเขา
 9ในคืนวันนั้นพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “จงลุกขึ้นลงไปตีค่ายเถิด เพราะเรามอบเขาไว้ในมือของเจ้าแล้ว 10ถ้าเจ้ากลัวไม่กล้าลงไปตี เจ้าก็จงลงไปกับปูราห์คนใช้ของเจ้าที่ค่ายนั้น 11เจ้าจะได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน ภายหลังมือของเจ้าจะมีกำลังขึ้นที่จะลงไปตีค่ายนั้น” ท่านจึงลงไปกับปูราห์คนใช้ของท่าน จนถึงด่านนอกที่มีทหารถืออาวุธซึ่งอยู่ในค่าย 12บรรดาคนมีเดียน และคนอามาเลขกับชาวตะวันออกนอนอยู่ตามหุบเขาเหมือนตั๊กแตนปาทังก้าเป็นฝูงๆ ฝูงอูฐของเขาก็นับไม่ถ้วน มากดุจเม็ดทรายที่ฝั่งทะเล 13ขณะที่กิเดโอนแอบมา นี่แน่ะ ชายคนหนึ่งกำลังเล่าความฝันให้เพื่อนฟังว่า “นี่แน่ะ เราฝันเรื่องหนึ่ง มีขนมบาร์เลย์ก้อนหนึ่งกลิ้งเข้ามาในค่ายของพวกมีเดียน มาชนเต็นท์ ทำให้เต็นท์ล้มลง และพลิกขึ้น แล้วเต็นท์ก็ราบไป” 14เพื่อนของเขาจึงตอบว่า “นี่ไม่ใช่อื่นไกลเลย นอกจากดาบของกิเดโอนบุตรโยอาช คนอิสราเอล พระเจ้าได้ทรงมอบพวกมีเดียน และกองทัพทั้งสิ้นไว้ในมือของเขาแล้ว”
 15เมื่อกิเดโอนได้ยินเขาเล่าความฝันและคำแก้ฝันเช่นนั้นแล้ว ท่านก็นมัสการและกลับไปยังค่ายอิสราเอลสั่งว่า “จงลุกขึ้นเถิด เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงมอบกองทัพคนมีเดียนไว้ในมือของท่านทั้งหลายแล้ว” 16ท่านจึงแบ่งคน 300 คนนั้นออกเป็นสามกอง ให้ถือเขาสัตว์ทุกคน และถือหม้อเปล่า มีคบเพลิงอยู่ข้างในหม้อนั้น 17และท่านสั่งเขาทั้งหลายว่า “จงดูเรา แล้วให้ทำเหมือนกัน และนี่แน่ะ เมื่อเราไปถึงค่ายด้านนอกแล้ว เราทำอย่างไรก็จงทำอย่างนั้น 18เมื่อเราเป่าเขาสัตว์ คือตัวเรากับทุกคนที่อยู่กับเรา พวกเจ้าก็จงเป่าเขาสัตว์รับให้รอบค่ายทั้งหมดแล้วร้องว่า ‘เพื่อพระยาห์เวห์ และเพื่อกิเดโอน’ ”
 19กิเดโอนกับคน 100 คนที่อยู่กับท่านก็มาถึงด้านนอกค่าย ในเวลาต้นยามกลาง พึ่งผลัดเวรยามใหม่ พวกเขาก็เป่าเขาสัตว์ขึ้นและต่อยหม้อซึ่งอยู่ในมือให้แตก 20ทหารทั้งสามกองก็เป่าเขาสัตว์และต่อยหม้อ มือซ้ายถือคบเพลิง มือขวาถือเขาสัตว์จะเป่า และร้องขึ้นว่า “ดาบเพื่อพระยาห์เวห์และเพื่อกิเดโอน” 21แต่ละคนก็ยืนอยู่ตามที่ของตนเรียงรายรอบค่าย ทุกคนในค่ายก็ร้องอื้ออึงวิ่งหนีไป 22เมื่อเขาทั้งหลายเป่าเขาสัตว์ทั้งสามร้อยอันนั้น พระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้พวกเขาเอาดาบฆ่าฟันกันทั่วทุกกอง กองทัพก็แตกตื่นหนีไปถึงเบธชิทธาห์ ทางไปเศเรราห์ไกลไปจนถึงเขตเมืองอาเบลเมโฮลาห์ ที่ทับบาท 23คนอิสราเอลถูกเรียกออกมาจากนัฟทาลี และจากอาเชอร์ และจากทั่วมนัสเสห์ และติดตามพวกมีเดียนไป
 24และกิเดโอนก็ใช้ผู้สื่อสารออกไปทั่วแดนเทือกเขาเอฟราอิมประกาศว่า “จงลงมารบกับพวกมีเดียน และยึดลำน้ำทั้งหลาย ไกลไปถึงเบธบาราห์และแม่น้ำจอร์แดนด้วย” พวกเขาก็เรียกคนเอฟราอิมทั้งสิ้นออกมา เขายึดลำน้ำทั้งหลายถึงเบธบาราห์และแม่น้ำจอร์แดนไว้ 25จับโอเรบและเศเอบเจ้านายสองคนของพวกมีเดียนได้ เขาฆ่าโอเรบเสียที่ศิลาโอเรบ และฆ่าเศเอบเสียที่บ่อย่ำองุ่นชื่อเศเอบ แล้วก็ไล่ติดตามพวกมีเดียนไป และนำเอาศีรษะโอเรบ และเศเอบมาให้กิเดโอนที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

ผู้วินิจฉัย 8

ชัยชนะและการล้างแค้นของกิเดโอน

 1คนเอฟราอิมจึงพูดกับกิเดโอนว่า “ทำไมท่านจึงทำกับเราอย่างนี้ คือเมื่อท่านยกไปต่อสู้พวกมีเดียนนั้น ท่านก็ไม่ได้เรียกเราไปรบด้วย” และเขาทั้งหลายก็ต่อว่าท่านอย่างรุนแรง 2ท่านจึงตอบเขาทั้งหลายว่า “สิ่งที่เราทำมาแล้วจะเปรียบเทียบกับสิ่งที่ท่านทั้งหลายทำได้หรือ? ผลองุ่นที่ชาวเอฟราอิมเก็บเล็มก็ยังดีกว่าผลองุ่นที่อาบีเยเซอร์เก็บเกี่ยวไม่ใช่หรือ? 3พระเจ้าประทานโอเรบและเศเอบ เจ้านายมีเดียนไว้ในมือของท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าสามารถทำอะไรที่จะเทียบกับท่านได้เล่า?” เมื่อท่านพูดอย่างนี้ พวกเขาก็หายโกรธ
 4กิเดโอนก็มายังแม่น้ำจอร์แดนและข้ามไป ทั้งท่านและทหาร 300 คนที่อยู่ด้วย ถึงจะอ่อนเปลี้ยแต่ก็ยังติดตามไป 5ท่านจึงพูดกับชาวเมืองสุคคทว่า “โปรดให้ขนมปังแก่คนที่ติดตามเรามาบ้าง เพราะพวกเขาหิวเต็มทีแปลได้อีกว่า เพราะพวกเขาอ่อนเปลี้ย เรากำลังไล่ติดตามเศบาห์และศัลมุนนากษัตริย์แห่งมีเดียน” 6แต่เจ้านายทั้งหลายของเมืองสุคคทตอบว่า “เศบาห์และศัลมุนนาอยู่ในมือเจ้าแล้วหรือ? เราจึงจะเอาขนมปังมาเลี้ยงกองทัพของเจ้า” 7กิเดโอนจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเมื่อพระยาห์เวห์มอบเศบาห์และศัลมุนนาไว้ในมือเราแล้ว เราจะเอาหนามใหญ่แห่งถิ่นทุรกันดาร และหนามย่อมมานวดเนื้อเจ้าทั้งหลาย” 8ท่านก็ออกจากที่นั่นขึ้นไปยังเมืองเปนูเอล และพูดอย่างเดียวกันกับพวกเขา แต่ชาวเมืองเปนูเอลก็ตอบท่านอย่างเดียวกับที่ชาวเมืองสุคคทตอบ 9ดังนั้นท่านจึงพูดกับชาวเมืองเปนูเอลว่า “เมื่อเรากลับมาโดยสวัสดิภาพ เราจะพังหอรบนี้”
 10เศบาห์และศัลมุนนาอยู่ที่คารโครกับกองทัพมีทหารประมาณ 15,000 คน เป็นกองทัพชาวตะวันออกที่เหลืออยู่ทั้งหมด เพราะว่าผู้ที่ถือดาบล้มตายเสีย 120,000 คน 11กิเดโอนขึ้นไปตามทางสัญจรของชาวทะเลทราย ทางทิศตะวันออกของโนบาห์และโยกเบฮาห์ และเข้าโจมตีกองทัพเมื่อกองทัพคิดว่าพ้นภัย 12เศบาห์และศัลมุนนาก็หนีไป กิเดโอนก็ไล่ติดตามไปจับเศบาห์กับศัลมุนนากษัตริย์พวกมีเดียนได้ทั้งสององค์ และทำให้กองทัพทั้งสิ้นแตกตื่น
 13กิเดโอนบุตรโยอาชก็กลับจากการศึกมาตามทางขึ้นเขาเฮเรส 14จับชายหนุ่มชาวเมืองสุคคทได้คนหนึ่ง จึงซักถามเขา ชายคนนี้ก็เขียนชื่อข้าราชการและพวกผู้ใหญ่ของเมืองสุคคทให้ รวม 77 คนด้วยกัน 15กิเดโอนจึงมาหาชาวเมืองสุคคทกล่าวว่า “จงมาดูเศบาห์และศัลมุนนา ซึ่งเมื่อก่อนเจ้าเยาะเย้ยเราว่า ‘เศบาห์และศัลมุนนาอยู่ในมือเจ้าแล้วหรือ? เราจึงจะได้เลี้ยงทหารที่หิวโหยของเจ้าด้วยขนมปัง’ ” 16กิเดโอนก็จับตัวพวกผู้ใหญ่ในเมือง แล้วเอาหนามใหญ่แห่งถิ่นทุรกันดาร และหนามย่อมมาสั่งสอนชาวเมืองสุคคท 17ท่านก็พังหอรบเมืองเปนูเอล และประหารชีวิตชาวเมืองเสีย
 18ท่านจึงถามเศบาห์และศัลมุนนาว่า “คนที่เจ้าฆ่าที่ภูเขาทาโบร์เป็นคนประเภทไหน?” พวกเขาตอบว่า “เป็นคนเหมือนอย่างท่าน แต่ละคนเป็นเหมือนโอรสกษัตริย์” 19กิเดโอนจึงกล่าวว่า “คนเหล่านั้นเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับเรา พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ถ้าพวกเจ้าไว้ชีวิตพวกเขา เราก็จะไม่ประหารชีวิตพวกเจ้าฉันนั้น” 20แล้วท่านสั่งเยเธอร์บุตรหัวปีของท่านว่า “จงลุกขึ้นฆ่าเขาทั้งสองเสีย” แต่บุตรชายคนนั้นไม่ยอมชักดาบออกเพราะเขากลัวเพราะเขายังหนุ่มอยู่ 21เศบาห์กับศัลมุนนาจึงว่า “ท่านลุกขึ้นฆ่าเราเองซิ เป็นผู้ใหญ่เท่าใดกำลังก็แข็งเท่านั้น” กิเดโอนก็ลุกขึ้นฆ่าเศบาห์และศัลมุนนา แล้วเก็บเครื่องหมายดวงจันทร์ครึ่งซีกที่ประดับคออูฐของพวกเขาไป

รูปเคารพที่กิเดโอนทำขึ้น

 22แล้วคนอิสราเอลบอกกิเดโอนว่า “ขอปกครองพวกเราเถิด ทั้งตัวท่านและลูกหลานของท่านสืบไปด้วย เพราะว่าท่านได้กู้เราทั้งหลายให้พ้นจากมือของมีเดียน” 23แต่กิเดโอนตอบเขาทั้งหลายว่า “เราจะไม่ปกครองท่านทั้งหลาย และบุตรของเราก็จะไม่ปกครองท่าน พระยาห์เวห์จะทรงปกครองท่านทั้งหลายเอง” 24กิเดโอนก็บอกคนเหล่านั้นว่า “เราจะขอสิ่งหนึ่งจากท่านทั้งหลาย คือขอให้ทุกคนถวายตุ้มหูอันหนึ่งซึ่งริบมาได้นั้น” (เพราะว่าคนเหล่านั้นมีตุ้มหูทองคำเพราะเป็นชนอิชมาเอล) 25พวกเขาก็ตอบท่านว่า “พวกเราเต็มใจให้” เขาทั้งหลายก็ปูผ้าลง แล้วแต่ละคนก็วางตุ้มหูซึ่งริบมาได้นั้นไว้ที่นั่น 26ตุ้มหูทองคำซึ่งท่านขอได้นั้นมีน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีเครื่องหมายดวงจันทร์ครึ่งซีก จี้และฉลองพระองค์คำราชาศัพท์หมายถึง เสื้อสีม่วง ซึ่งกษัตริย์มีเดียนทรงสวมใส่ อีกทั้งเครื่องผูกคออูฐด้วย 27กิเดโอนก็เอาทองคำนี้ทำเป็นเอโฟดในที่นี้หมายถึงรูปเคารพเก็บไว้ที่เมืองของท่าน คือโอฟราห์ และบรรดาคนอิสราเอลก็เล่นชู้กับเอโฟด ณ ที่นั้น และมันกลายเป็นบ่วงดักกิเดโอนและพงศ์พันธุ์ของท่าน 28พวกมีเดียนพ่ายแพ้คนอิสราเอล ไม่อาจยกศีรษะขึ้นอีกได้เลย และแผ่นดินก็สงบสุขในสมัยกิเดโอนถึง 40 ปี

มรณกรรมของกิเดโอน

 29เยรุบบาอัลบุตรของโยอาชไปอาศัยอยู่ในบ้านของตน 30กิเดโอนมีบุตรชายเกิดจากสายโลหิตของท่าน 70 คน เพราะท่านมีภรรยาหลายคน 31ภรรยาน้อยของกิเดโอนที่อยู่ในเมืองเชเคมก็มีบุตรกับท่านคนหนึ่งด้วย ท่านตั้งชื่อว่าอาบีเมเลค 32กิเดโอนบุตรโยอาชสิ้นชีวิตเมื่อท่านชรามากแล้ว และถูกฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพของโยอาชบิดาของท่าน คือในเมืองโอฟราห์ ซึ่งเป็นของตระกูลอาบีเยเซอร์
 33เมื่อกิเดโอนสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลก็หันกลับไปเล่นชู้กับพระบาอัลทั้งหลาย ถือว่าบาอัลเบรีทเป็นพระของพวกเขา 34คนอิสราเอลไม่ได้ระลึกถึงพระยาห์เวห์พระเจ้าของตน ผู้ทรงช่วยเขาทั้งหลายให้พ้นมือศัตรูรอบด้าน 35พวกเขาไม่ได้แสดงความเมตตาแก่ครอบครัวเยรุบบาอัล (คือกิเดโอน) ให้สมกับความดีทั้งสิ้นซึ่งกิเดโอนได้ทำแก่คนอิสราเอล

อรรถาธิบาย

สำรวจตัวอย่างตามพระคัมภีร์

กิเดโอนมีรายชื่ออยู่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ว่าเป็นแบบอย่างของคนที่ดำเนินชีวิต ‘โดยความเชื่อ’ (ฮีบรู 11:32–33) ดังนั้นเขาจึงได้มีโอกาสลิ้มรสล่วงหน้า ถึงชีวิตที่ ‘สวยงามคมชัด’ (high-definition life)

กิเดโอนรู้จักกับองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ตรัสกับเขาและบอกว่าจะทรงประทานชัยชนะเหนือชาวมีเดียนมาให้ (ผู้วินิจฉัย 7:9) กิเดโอน ‘นมัสการพระเจ้า’ (ข้อ 15) ก่อนที่เขาจะรบชนะเสียอีก นี่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเขาและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น

โดยความเชื่อกิเดโอนจึงเข้าทำการรบด้วยทหารเพียง 300 คนเท่านั้น แต่ละคนมีคบแค่เพลิงในมือข้างหนึ่งและแตรเขาสัตว์อีกข้างหนึ่ง (‘ไม่มีโอกาสใช้ดาบ’ ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ความเชื่อและความมั่นใจไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเอง แต่อยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงประทานชัยชนะอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขา

ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญกับการต่อสู้ใด ๆ อยู่ จงมั่นใจและวางใจในพระเจ้าแทนที่จะใช้กำลังของคุณเองในการรับมือ เช่นเดียวกับกิเดโอนที่ตั้งมั่นในความเชื่อที่จะนมัสการพระเจ้าก่อนการต่อสู้และดำเนินชีวิตด้วยความกล้าหาญที่มาจากการวางใจในพระองค์ การทรงนำของพระเจ้าอาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับคุณ แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับพระองค์

เรียนรู้จากการศึกษาตัวอย่างของกิเดโอน:-

  1. สติปัญญาในการรับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์
    เมื่อ ‘ชาวเอฟราอิมถามกิเดโอน… “ทำไมท่านจึงทำกับเราอย่างนี้ คือเมื่อท่านยกไปต่อสู้พวกมีเดียนนั้น ท่านก็ไม่ได้เรียกเราไปรบด้วย” และเขาทั้งหลายก็ต่อว่าท่านอย่างรุนแรง (8:1) กิเดโอนรับมือกับคำวิจารณ์นี้ด้วยเสน่ห์และไหวพริบที่ยอดเยี่ยม เขากล่าวกับพวกเขาเหล่านั้นว่า ‘สิ่งที่เราทำมาแล้วจะเปรียบเทียบกับสิ่งที่ท่านทั้งหลายทำได้หรือ? ข้าพเจ้าสามารถทำอะไรที่จะเทียบกับท่านได้เล่า?’ (ข้อ 2–3ก) สิ่งนี้ทำให้เราทุกคนพบว่า ‘เมื่อท่านพูดอย่างนี้ พวกเขาก็หายโกรธ’ (ข้อ 3ข)

โดยทั่วไปแล้วผู้คนต้องการได้รับคุณค่าในสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาต้องการมีส่วนในแผนการของพระเจ้า คำวิจารณ์อาจหลั่งไหลมาจากบุคคลที่รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า เมื่อชาวเอฟราอิมตระหนักว่ากิเดโอนเห็นคุณค่าในพวกเขาและให้คะแนนพวกเขาอย่างสูง การวิจารณ์ของพวกเขาก็ลดลง

บางครั้งผมลืมใช้สติปัญญาของตัวอย่างนี้ ผมมักตอบสนองต่อคำวิจารณ์ในทางที่ผิด แต่ผมรู้สึกทึ่งมากถ้าเราไปพบผู้คนและพูดว่า ‘ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ’ (อันที่จริงคือ ‘ข้าพเจ้าสามารถทำอะไรที่จะเทียบกับท่านได้เล่า’) ดังนั้นคำวิจารณ์ของพวกเขาก็ลดลง

  1. ความแน่วแน่แม้ยามอ่อนกำลัง
    ‘....ทั้งท่านและทหาร 300 คนที่อยู่ด้วย ถึงจะอ่อนเปลี้ยแต่ก็ยังติดตามไป’ (ข้อ 4) มีบางครั้งในชีวิตที่เรารู้สึกเหนื่อย บ่อยครั้งที่ควรหยุดพักผ่อนและเติมการฟื้นฟู แต่มีบางครั้งที่คุณจำเป็นต้องไปต่อ สันนิษฐานได้ว่ากำลังของกิเดโอนมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่กับเขา (6:34)

ชีวิตของกิเดโอนคือแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน แต่ก็ยังมีคำเตือนบางอย่างมาถึงเรา หลังจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เขากลายเป็นคนมีความมั่นใจมากเกินไปและล้มเหลวในขอการทรงนำจากพระเจ้า เขามักมีไอเดียดี ๆ แล้วทำทันที แต่นั้นกลับกลายเป็นหายนะ เขาสร้างเอโฟดสีทองซึ่งกลายเป็น ‘บ่วงดักกิเดโอนและพงศ์พันธุ์ของท่าน’ (8:27)

แม้ว่ากิเดโอนจะเป็นมนุษย์ที่ทำผิดพลาดเหมือนกับเราทุกคน แต่เขามีชื่อในพระธรรมฮีบรูว่าเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ทางความเชื่อ แต่ถึงกระนั้น คุณก็ยังดีกว่ากิเดโอนเพราะ ‘พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ประเสริฐยิ่งกว่านั้นไว้สำหรับพวกเรา…’ (ฮีบรู 11:40) คุณสามารถมีชีวิตที่ดีกว่ากิเดโอนได้ คุณสามารถเปรมปรีดิ์กับการใช้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เต็มอิ่ม อย่างเหลือเฟือ ด้วยใจที่เปิดกว้าง และมีความสวยงามคมชัดสูง (high-definition life) ผ่านทางพระเยซู

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์สามารถเปรมปรีดิ์กับ ‘การใช้ชีวิตที่มีความสวยงามคมชัดสูง’ (high-definition life) ได้อย่างเต็มที่ โดยผ่านทางความเชื่อในพระเยซู ขอทรงประทานสติปัญญาและกำลังแก่ข้าพระองค์ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในข้าพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ผู้วินิจฉัย 8:24–35

ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยที่เราจะขอบำเหน็จจากการทำพันธกิจของพระเจ้า สิ่งนี้กลายเป็นบ่วงดักของกิเดโอนและครอบครัวของเขา นอกจากนี้ ฉันไม่แน่ใจว่าภรรยาและภรรยาน้อยทั้งหมดของเขาจะทำดีกับเขามากนัก เป็นเรื่องน่าเศร้าที่หลังจากทำทุกสิ่งอย่างเพื่อพระเจ้าแล้วแต่ไม่ได้ส่งต่อวิถีชีวิตที่อยู่ในทางของพระเจ้าให้กับลูกหลานและคนรุ่นต่อไป ดังนั้นพวกเราต้องจบดีให้ได้

ข้อพระคำประจำวัน

สุภาษิต 11:25

‘คนใจกว้างย่อมเจริญรุ่งเรือง;
คนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้น้ำตอบแทน’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม