วัน 127

สิบสองวิธีที่จะเป็นคนที่ใช้การได้เพื่อพระเจ้า

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 57:7-11
พันธสัญญาใหม่ ยอห์น 5:16-30
พันธสัญญาเดิม ผู้วินิจฉัย 6:1-7:8ก

เกริ่นนำ

คนหาบน้ำในอินเดียมีหม้อใหญ่สองหม้อ แขวนอยู่ที่ปลายหาบสองด้าน ซึ่งแบกไว้บนคอ หม้อหนึ่งมีรอยร้าว ในขณะที่อีกหม้อหนึ่งสมบูรณ์ดี และจุน้ำไปครบเต็มส่วนเสมอ เมื่อสิ้นสุดการเดินอันยาวนานจากลำธารมายังบ้าน หม้อที่มีรอยรั่วมักจะจุน้ำมาได้เพียงครึ่งเดียว

หม้อที่มีรอยรั่วน่าสงสารนั้น รู้สึกอับอายต่อความไม่สมบูรณ์ของมัน และอนาถใจที่มันทำได้แค่เพียงครึ่งเดียวของสิ่งที่ถูกสร้างมาให้ทำ หลังจากนั้นสองปี สิ่งที่มันได้รับยิ่งทำให้ล้มเหลวอย่างขมขื่น มันพูดกับคนหาบน้ำในวันหนึ่งข้างลำธารว่า

“ฉันรู้สึกอับอายเกี่ยวกับตัวเอง และฉันอยากขอโทษท่าน ฉันจุน้ำได้เพียงครึ่งเดียวของความจุ เพราะรอยร้าวข้างในตัวฉัน เป็นเหตุให้น้ำรั่วออกไประหว่างทางกลับมายังบ้านของท่าน เพราะว่าฉันมีตำหนิ ท่านจำเป็นต้องทำงานทั้งหมด และท่านไม่ได้รับมูลค่าเต็มจำนวนจากความพยายามของท่าน”

คนหาบน้ำพูดกับหม้อน้ำว่า “เจ้าสังเกตเห็นว่ามีดอกไม้งอกออกมาเฉพาะด้านทางเดินของเจ้า แต่ไม่ใช่ฝั่งหม้ออีกด้านไหม? นี่เป็นเพราะฉันรู้มาตลอดว่าเจ้ามีตำหนิ และฉันก็ปลูกดอกไม้ไว้ด้านทางเดินของเจ้า และทุกวันเมื่อเราเดินกลับ เจ้าก็รดน้ำมัน ตลอดสองปีนี้ ฉันได้เก็บดอกไม้สวย ๆ พวกนี้ไปตกแต่งบนโต๊ะ ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเป็น ก็จะไม่มีความสวยงามเพื่อทำให้บ้านนี้งดงาม”

ขอบคุณที่พระเจ้าทรงใช้หม้อที่แตกได้! คุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเพื่อให้พระเจ้าทรงใช้คุณได้ เราอยากให้ชีวิตของเราใช้การได้ในบางเรื่อง ถ้าคุณอยากจะใช้การได้เพื่อพระเจ้า และนี่เป็นสิบสองกุญแจหลัก ได้แก่

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 57:7-11

7ข้าแต่พระเจ้า ใจของข้าพระองค์มั่นคง
 ใจของข้าพระองค์มั่นคง
 ข้าพระองค์จะร้องเพลง ข้าพระองค์จะเล่นดนตรีสดุดี
8จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย จงตื่นเถิด
 พิณใหญ่และพิณเขาคู่เอ๋ย จงตื่นเถิด
 ข้าพเจ้าจะปลุกอรุณ
9ข้าแต่องค์เจ้านาย ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
 ข้าพระองค์จะร้องเพลงสดุดีพระองค์ท่ามกลางชาวประเทศทั้งหลาย
10เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ใหญ่ยิ่งถึงฟ้าสวรรค์
 ความซื่อสัตย์ของพระองค์สูงถึงเมฆ
11ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเหนือฟ้าสวรรค์
 ขอพระสิริของพระองค์อยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก

อรรถาธิบาย

1. รู้ว่าคุณเป็นที่รัก

พระเจ้าทรงรักคุณ เพราะว่าพระองค์ทรงรักคุณ ดาวิดกล่าวว่า ‘เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ใหญ่ยิ่งถึงฟ้าสวรรค์ ความซื่อสัตย์ของพระองค์สูงถึงเมฆ’ (ข้อ 10) นี่เป็นจุดซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น คือการได้รู้ว่าพระเจ้าทรงรักคุณ

2. นมัสการพระเจ้าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร

พระเจ้าทรงแสวงหาผู้นมัสการ ดาวิดกล่าวว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ใจของข้าพระองค์มั่นคง...ข้าพระองค์จะร้องเพลง ข้าพระองค์จะเล่นดนตรีสดุดี...ข้าพระองค์จะร้องเพลงสดุดีพระองค์‘ (ข้อ 7–9) การตอบสนองต่อประสบการณ์แห่งความรักของพระเจ้า โดยการนมัสการพระองค์ด้วยทุกสิ่งที่คุณมี ไม่ใช่แค่ในที่ส่วนตัวแต่ในที่สาธารณะด้วย (ข้อ 9) ไม่ใช่แค่เมื่อคุณรู้สึกถึงความรักนั้น แต่ ‘มั่นคง’ ในช่วงเวลายากลำบากด้วยเช่นกัน

3. ถวายเกียรติพระเจ้าในชีวิตของคุณ

พระเจ้าทรงให้เกียรติแก่ผู้ที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ ดาวิดเขียนว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเหนือฟ้าสวรรค์ ขอพระสิริของพระองค์อยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก’ (ข้อ 11) นี่เป็นความปรารถนาสูงสุดของดาวิด นี่เป็นความปรารถนาเดียวกันที่แสดงออกมาในคำอธิษฐานที่พระเยซูทรงสอนเราให้อธิษฐาน ‘ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ’ (มัทธิว 6:9)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อข้าพระองค์ ซึ่งสูงถึงฟ้าสวรรค์ และความสัตย์ซื่อของพระองค์ซึ่งสูงเทียมฟ้า ข้าพระองค์อธิษฐานวันนี้ให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ ผ่านทุกสิ่งที่ข้าพระองค์กระทำและพูด
พันธสัญญาใหม่

ยอห์น 5:16-30

 16เพราะเหตุนี้พวกยิวจึงเริ่มต้นข่มเหงพระเยซู เพราะพระองค์ทรงทำสิ่งเหล่านี้ในวันสะบาโต 17แต่พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “พระบิดาของเรายังทรงทำงานอยู่เรื่อยๆ และเราก็ทำด้วย” 18เพราะเหตุนี้พวกยิวยิ่งหาโอกาสที่จะฆ่าพระองค์ ไม่ใช่เพราะพระองค์ฝ่าฝืนกฎวันสะบาโตเท่านั้น แต่ยังเรียกพระเจ้าเป็นบิดาด้วย ซึ่งเป็นการทำตัวเสมอพระเจ้า

สิทธิอำนาจของพระบุตร

 19พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า พระบุตรจะทำสิ่งใดตามใจไม่ได้นอกจากที่ได้เห็นพระบิดาทำ เพราะสิ่งใดที่พระบิดาทำ สิ่งนั้นพระบุตรจะทำเหมือนกัน 20เพราะว่าพระบิดาทรงรักพระบุตรและทรงแสดงให้พระบุตรเห็นทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ และพระองค์จะทรงแสดงให้พระบุตรเห็นการที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีกที่พวกท่านจะประหลาดใจ 21เพราะพระบิดาทรงทำให้คนที่ตายแล้วเป็นขึ้นมาและประทานชีวิตให้อย่างไร พระบุตรก็จะให้ชีวิตแก่คนที่ท่านปรารถนาจะให้อย่างนั้น 22เพราะว่าพระบิดาไม่ทรงพิพากษาใคร แต่ทรงมอบการพิพากษาทั้งสิ้นไว้กับพระบุตร 23เพื่อทุกคนจะได้ถวายพระเกียรติแด่พระบุตรเหมือนที่พวกเขาถวายเกียรติแด่พระบิดา คนไหนไม่ถวายพระเกียรติแด่พระบุตร คนนั้นก็ไม่ถวายพระเกียรติแด่พระบิดาผู้ทรงใช้พระบุตรมา 24เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครฟังคำของเราและวางใจผู้ทรงใช้เรามา คนนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์และไม่ถูกพิพากษา แต่ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว 25“เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า เวลากำหนดนั้นใกล้จะถึงแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อคนตายจะได้ยินเสียงพระบุตรของพระเจ้า และบรรดาคนที่ได้ยินจะมีชีวิต 26เพราะว่าพระบิดาทรงมีชีวิตในพระองค์เองอย่างไร พระองค์ก็ทรงให้พระบุตรมีชีวิตในพระองค์เองอย่างนั้น 27และทรงให้พระบุตรมีสิทธิอำนาจที่จะทำการพิพากษาเพราะพระองค์ทรงเป็นบุตรมนุษย์ 28อย่าประหลาดใจในข้อนี้เลย เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ทุกคนที่อยู่ในอุโมงค์ฝังศพจะได้ยินเสียงของพระบุตร 29และจะก้าวออกมา คนที่ประพฤติดีก็เป็นขึ้นมาสู่ชีวิต คนที่ประพฤติชั่วก็เป็นขึ้นมาสู่การพิพากษา

บรรดาพยานของพระเยซู

 30“เราจะทำสิ่งใดตามใจไม่ได้ เราได้ยินอย่างไรเราก็พิพากษาอย่างนั้น และการพิพากษาของเราก็ยุติธรรม เพราะเราไม่ได้มุ่งที่จะทำตามใจของเราเอง แต่ตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา

อรรถาธิบาย

4. ทำในสิ่งที่ ‘พระบิดา’ ทรงกระทำ

พวกฟาริสี ผู้ที่เคร่งศาสนาสุด ๆ ได้กลายเป็นพวกทุจริต ยึดถือกฎ และเข้มงวด พวกเขาวิจารณ์พระเยซูเพราะว่าคนที่เป็นง่อยมาสามสิบแปดปี แบกเตียงออกไปในวันสะบาโต

พระเยซูทรงอยู่กับพระเจ้า และทรงเป็นพระบุตรที่รักของพระเจ้า ผู้ทรงทำทุกสิ่งที่พระบิดาทรงปรารถนาให้พระองค์ทำ พระองค์ไม่สามารถแยกออกจากพระบิดาได้ พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา

พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า ‘แต่ยังเรียกพระเจ้าเป็นบิดาด้วย ซึ่งเป็นการทำตัวเสมอพระเจ้า’ (ข้อ 18) กระนั้นพระเยซูยังทรงเป็นพระบุตรที่เชื่อฟังพระบิดาของพระองค์ พระองค์ตรัสในการตอบสนองต่อผู้ที่อยากจะฆ่าพระองค์ ‘เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า พระบุตรจะทำสิ่งใดตามใจไม่ได้นอกจากที่ได้เห็นพระบิดาทำ เพราะสิ่งใดที่พระบิดาทำ สิ่งนั้นพระบุตรจะทำเหมือนกัน’ (ข้อ 19)

แทนที่จะเริ่มต้นแผนการของคุณเอง และขอให้พระเจ้าอวยพรแผนการนั้น พยายามดูว่าอะไรคือแผนการของพระเจ้า และเข้าร่วมในแผนการนั้น

5. ฟังพระเจ้า

ประชากรของพระเจ้าหาเรื่องใส่ตัว ดังที่เราได้เห็นในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมวันนี้ เพราะว่าพวกเขาไม่ฟังพระเจ้า (ผู้วินิจฉัย 6:10) พระเยซูตรัสว่า กุญแจไปสู่ชีวิต คือ ฟังพระองค์และเชื่อ ‘เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครฟังคำของเราและวางใจผู้ทรงใช้เรามา คนนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์และไม่ถูกพิพากษา แต่ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว’ (ยอห์น 5:24)

พระเยซูเองยังตรัสว่า ‘เราจะทำ​สิ่งใดตามใจไม่ได้ เราได้​ยินแล้วเราจึงตัดสิน’ (ข้อ 30, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

6. ทำการดีทุกอย่างที่คุณสามารถทำได้

คุณไม่สามารถทำให้ตัวเองรอดได้ด้วยการ ‘ทำการดี’ อย่างไรก็ตาม หลักฐานคือชีวิตแห่งความเชื่อเป็นชีวิตที่ทำการดี เราได้รับการบอกเล่าว่าพระเยซูเอง ‘พระเยซูเสด็จไปทำคุณประโยชน์’ (กิจการอัครทูต 10:38) พระเยซูตรัสว่า ‘อย่าประหลาดใจในข้อนี้เลย เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ทุกคนที่อยู่ในอุโมงค์ฝังศพจะได้ยินเสียงของพระบุตร และจะก้าวออกมา คนที่ประพฤติดีก็เป็นขึ้นมาสู่ชีวิต คนที่ประพฤติชั่วก็เป็นขึ้นมาสู่การพิพากษาา’ (ยอห์น 5:28–29)

ตามที่ บารัค โอบาม่า ได้กล่าวไว้ว่า ‘อย่ารอให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับคุณ ถ้าคุณออกไปและสร้างสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้น คุณจะเติมความหวังให้กับโลก คุณจะเติมความหวังให้ตัวเอง’

7. พยายามทำให้พระเจ้าพอพระทัย

ผมพบว่าสิ่งนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดแม้แต่จะเริ่มลงมือทำ ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะหาทางทำตามใจตัวเอง พระเยซูตรัสว่า ‘เราไม่ได้มุ่งที่จะทำตามใจของเราเอง แต่ตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา’ (ข้อ 30) การดำเนินชีวิตเพื่อทำให้พระเจ้าพอพระทัย เกี่ยวข้องกับการกลับตัวอย่างเต็มร้อย ไม่เพียงแค่การกลับตัวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่มีบางเรื่องที่คุณจำเป็นต้องพยายามลงมือทำในทุก ๆ วัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!

คำอธิษฐาน

พระบิดา ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ฟังพระสุรเสียงของพระองค์ ให้แยกแยะได้ว่า พระองค์ทรงกระทำอะไรอยู่ และเข้าร่วมด้วย ไม่ใช่หาทางที่จะทำตามใจตัวเองแต่มุ่งทำให้พระองค์ทรงพอพระทัย
พันธสัญญาเดิม

ผู้วินิจฉัย 6:1-7:8ก

พวกมีเดียนกดขี่คนอิสราเอล

 1แล้วคนอิสราเอลก็ทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของคนมีเดียน 7 ปี 2มือของคนมีเดียนก็ชนะอิสราเอล และเนื่องจากคนมีเดียน คนอิสราเอลจึงทำที่ซ่อนตัวตามถ้ำและที่กำบังแข็งแกร่งซึ่งอยู่ในภูเขา 3เพราะว่าคนอิสราเอลหว่านพืชเมื่อไร คนมีเดียน คนอามาเลข และชาวตะวันออกก็ขึ้นมาสู้รบกับพวกเขาเมื่อนั้น 4พวกเขามาตั้งค่ายแล้วทำลายพืชผลแห่งแผ่นดินไกลไปถึงเมืองกาซา และไม่ให้มีอาหารเหลือในอิสราเอลเลย ไม่ว่าแกะหรือวัวหรือลา 5เพราะว่าคนเหล่านั้นจะขึ้นมาพร้อมทั้งฝูงปศุสัตว์และเต็นท์ พวกเขามาเหมือนตั๊กแตนปาทังก้าเป็นฝูงๆ ทั้งคนและอูฐก็นับไม่ถ้วน เขาทั้งหลายเข้ามาและทำลายแผ่นดิน 6พวกอิสราเอลก็ตกต่ำลงมากเพราะคนมีเดียน ดังนั้นคนอิสราเอลจึงร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์
 7เมื่อคนอิสราเอลร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์เพราะคนมีเดียน 8พระยาห์เวห์ก็ทรงใช้ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งให้มาหาคนอิสราเอล ผู้นั้นพูดกับเขาทั้งหลายว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘เราได้นำพวกเจ้าขึ้นมาจากอียิปต์ นำเจ้าออกมาจากแดนทาส 9และเราได้ช่วยเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ และให้พ้นจากมือของบรรดาผู้บีบบังคับพวกเจ้า และขับไล่พวกเขาออกไปพ้นหน้าพวกเจ้า และมอบแผ่นดินของพวกเขาให้แก่พวกเจ้า 10และเราบอกกับเจ้าทั้งหลายว่า “เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า อย่ายำเกรงบรรดาพระของคนอาโมไรต์ ซึ่งพวกเจ้าอาศัยอยู่ในแผ่นดินของพวกเขานั้น” แต่เจ้าทั้งหลายไม่ฟังเสียงของเรา’ ”

พระเจ้าทรงเรียกกิเดโอน

 11ทูตของพระยาห์เวห์มาประทับใต้ต้นโอ๊กที่โอฟราห์ ซึ่งเป็นของโยอาชตระกูลอาบีเยเซอร์ ส่วนกิเดโอนบุตรของท่านกำลังนวดข้าวสาลีอยู่ในบ่อย่ำองุ่น เพื่อหลบหน้าคนมีเดียน 12ทูตของพระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่กิเดโอนตรัสกับเขาว่า “นักรบกล้าหาญเอ๋ย พระยาห์เวห์สถิตกับเจ้า” 13กิเดโอนจึงทูลท่านผู้นั้นว่า “ท่านเจ้าข้า ถ้าพระยาห์เวห์สถิตกับพวกเราแล้ว ทำไมเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงเกิดกับเราเล่า? และการอัศจรรย์ทั้งหมดของพระองค์อยู่ที่ไหนซึ่งปู่ย่าตายายเคยเล่าให้เราฟังว่า ‘พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงนำเราออกจากอียิปต์หรือ?’ แต่สมัยนี้พระยาห์เวห์ทรงทอดทิ้งเราเสียแล้ว และทรงมอบเราไว้ในมือของพวกมีเดียน” 14และพระยาห์เวห์ทรงหันมาหาท่านและตรัสว่า “จงไปช่วยคนอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือพวกมีเดียนด้วยกำลังของเจ้านี่แหละ เราใช้เจ้าไปไม่ใช่หรือ?” 15ท่านจึงทูลว่า “องค์เจ้านายของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะช่วยอิสราเอลได้อย่างไร? นี่แน่ะ ตระกูลบิดาของข้าพระองค์ต่ำต้อยที่สุดในเผ่ามนัสเสห์ และตัวข้าพระองค์ก็เป็นคนเล็กน้อยที่สุดในบ้านบิดาข้าพระองค์” 16พระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “แต่เราจะอยู่กับเจ้าแน่ และเจ้าจะโจมตีคนมีเดียนอย่างกับตีคนคนเดียว” 17ท่านก็ทูลพระองค์ว่า “ถ้าบัดนี้ข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรพระองค์ ขอโปรดให้ข้าพระองค์เห็นหมายสำคัญว่า ผู้ที่พูดอยู่กับข้าพระองค์นี้คือพระองค์เอง 18ขออย่าเสด็จไปจากที่นี่ จนกว่าข้าพระองค์จะกลับมา และนำของมาตั้งถวายเฉพาะพระพักตร์” และพระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่จนกว่าเจ้าจะกลับมา”
 19กิเดโอนก็กลับเข้าบ้าน จัดลูกแพะตัวหนึ่งกับขนมปังไร้เชื้อจากแป้ง 10 กิโลกรัม เขาเอาเนื้อใส่กระจาด ส่วนน้ำแกงใส่ในหม้อ นำสิ่งเหล่านี้มาถวายพระองค์ที่ใต้ต้นโอ๊ก 20และทูตของพระเจ้าตรัสกับท่านว่า “จงเอาเนื้อและขนมปังไร้เชื้อวางไว้บนศิลานี้ เทน้ำแกงราดของเหล่านั้น” ท่านก็ทำตาม 21แล้วทูตของพระยาห์เวห์ก็ทรงเอาปลายไม้ที่ถืออยู่แตะต้องเนื้อและขนมปังไร้เชื้อ และมีไฟลุกขึ้นมาจากศิลาไหม้เนื้อและขนมปังไร้เชื้อจนหมด และทูตของพระยาห์เวห์ก็ทรงหายไปพ้นสายตาของท่าน 22กิเดโอนก็ทราบว่า เป็นทูตของพระยาห์เวห์จริง และกิเดโอนทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย บัดนี้ ข้าพระองค์ได้เห็นทูตของพระยาห์เวห์หน้าต่อหน้า อนิจจาเอ๋ย” 23แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับเจ้า อย่ากลัวเลย เจ้าจะไม่ตาย” 24กิเดโอนก็สร้างแท่นบูชาแท่นหนึ่งถวายพระยาห์เวห์ที่นั่น และเรียกที่นั้นว่า ยาห์เวห์ชาโลมแปลว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นสันติสุข ทุกวันนี้แท่นนั้นก็ยังอยู่ที่เมืองโอฟราห์เมืองหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเชเคม ประมาณ 10 กิโลเมตร เมืองโอฟราห์เป็นที่อยู่ของกิเดโอน ซึ่งเป็นของตระกูลอาบีเยเซอร์
 25ต่อมาในคืนวันนั้นพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “จงเอาโคผู้ของบิดาเจ้าคือโคผู้ตัวที่สองที่มีอายุ 7 ปีมา ไปพังแท่นพระบาอัลซึ่งบิดาของเจ้ามีอยู่นั้นลงเสีย จงโค่นเสาอาเช-ราห์สิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ บางทีจะเป็นเสาไม้แกะสลัก หรือ รูปเคารพเจ้าแม่ซึ่งอยู่ข้างๆ แท่นเสียด้วย 26และสร้างแท่นบูชาถวายพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าที่บนสุดของป้อมนี้ ใช้ก้อนหินก่อให้เป็นระเบียบ แล้วนำโคตัวที่สองนั้นฆ่าเสีย ถวายเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว เผาด้วยไม้รูปอาเช-ราห์ซึ่งเจ้าโค่นมานั้น” 27กิเดโอนจึงนำคนรับใช้ 10 คนไปทำตามที่พระยาห์เวห์ตรัสสั่งท่าน แต่ต่อมาเพราะท่านกลัวครอบครัวของตน และกลัวชาวเมือง จนไม่กล้าทำในเวลากลางวัน จึงทำในเวลากลางคืน

กิเดโอนทำลายแท่นบูชาของพระบาอัล

 28เมื่อชาวเมืองตื่นขึ้นในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นี่แน่ะ แท่นบูชาพระบาอัลได้พังทลาย และเสาอาเช-ราห์ที่อยู่ข้างๆ ได้ถูกโค่นลง และโคผู้ตัวที่สองถูกเผาบูชาแล้วบนแท่นที่สร้างขึ้นใหม่ 29พวกเขาจึงพูดกันว่า “ใครทำอย่างนี้นะ?” เมื่อเขาทั้งหลายสืบถามแล้ว จึงกล่าวว่า “กิเดโอนบุตรของโยอาชทำสิ่งนี้” 30แล้วชาวเมืองจึงบอกโยอาชว่า “จงมอบลูกของเจ้ามาให้ประหารชีวิตเสีย เพราะเขาได้พังแท่นของพระบาอัล และโค่นเสาอาเช-ราห์ที่อยู่ข้างแท่นนั้น” 31แต่โยอาชได้ตอบคนทั้งปวงที่มายืนฟ้องนั้นว่า “ท่านทั้งหลายจะสู้ความแทนพระบาอัลหรือ? จะช่วยพระนั้นหรือ? ใครสู้ความแทนพระบาอัลจะถูกประหารชีวิตในตอนเช้า ถ้าพระบาอัลเป็นพระแท้ ก็ให้สู้ความเองเถิด เพราะมีคนมาพังแท่นของท่าน” 32ตั้งแต่วันนั้นเขาเรียกกิเดโอนว่า เยรุบบาอัล หมายความว่า “ให้บาอัลสู้ความเอง” เพราะกิเดโอนพังแท่นของท่าน
 33ครั้งนั้นคนมีเดียน และคนอามาเลข และชาวตะวันออกก็รวมกันยกทัพข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาตั้งค่ายอยู่ในที่ลุ่มยิสเรเอล 34แต่พระวิญญาณของพระยาห์เวห์สถิตกับกิเดโอน ท่านก็เป่าเขาสัตว์ เรียกตระกูลอาบีเยเซอร์ให้มาติดตามท่าน 35และท่านส่งผู้สื่อสารไปทั่วมนัสเสห์ เรียกให้พวกเขายกติดตามท่านไปด้วย และท่านส่งผู้สื่อสารไปยังอาเชอร์ เศบูลุน และนัฟทาลี คนเหล่านั้นก็ขึ้นมาพบพวกท่านด้วย

หมายสำคัญแห่งขนแกะ

 36กิเดโอนจึงทูลพระเจ้าว่า “ถ้าพระองค์จะช่วยกู้อิสราเอลด้วยมือของข้าพระองค์ ดังที่พระองค์ตรัสแล้วนั้น 37นี่แน่ะ ข้าพระองค์ได้วางกลุ่มขนแกะไว้ที่ลานนวดข้าว ถ้ามีน้ำค้างเฉพาะที่กลุ่มขนแกะเท่านั้น ส่วนที่พื้นดินโดยรอบนั้นแห้ง ข้าพระองค์ก็จะทราบว่า พระองค์จะทรงช่วยกู้อิสราเอลด้วยมือของข้าพระองค์ ดังที่พระองค์ตรัสนั้น” 38แล้วก็เป็นไปดังนั้น เมื่อกิเดโอนตื่นขึ้นในวันรุ่งเช้าก็บีบกลุ่มขนแกะ ท่านบีบน้ำค้างจากกลุ่มขนแกะได้จนเต็มชาม 39แล้วกิเดโอนทูลพระเจ้าว่า “ขออย่าให้พระพิโรธพลุ่งขึ้นต่อข้าพระองค์ ขอข้าพระองค์ทูลอีกสักครั้งเดียว ขอข้าพระองค์ทดลองด้วยกลุ่มขนแกะนี้อีกครั้งหนึ่งเถิด คราวนี้ขอให้แห้งเฉพาะที่กลุ่มขนแกะ ส่วนที่พื้นดินนั้นให้มีน้ำค้างโดยทั่วไป” 40ในคืนวันนั้นพระเจ้าก็ทรงทำตามที่ขอ คือกลุ่มขนแกะนั้นแห้งอยู่ แต่มีน้ำค้างอยู่ทั่วพื้นดิน

ผู้วินิจฉัย 7

กิเดโอนทำให้คนมีเดียนแตกกระเจิง

 1เยรุบบาอัล (คือกิเดโอน) และคนทั้งหมดที่อยู่กับท่านก็ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ไปตั้งค่ายที่ริมน้ำพุฮาโรด ส่วนค่ายของพวกมีเดียนอยู่ทางเหนือของเขา คืออยู่ในหุบเขาที่ภูเขาโมเรห์
 2พระยาห์เวห์ตรัสกับกิเดโอนว่า “คนที่อยู่กับเจ้ายังมีมากเกินไปที่เราจะมอบคนมีเดียนไว้ในมือของพวกเขา เกรงว่าอิสราเอลจะทะนงตัวต่อเรา โดยกล่าวว่า ‘มือของข้าเองได้กู้ข้าไว้’ 3เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้จงประกาศให้ประชาชนได้ยินว่า ‘คนไหนกลัวจนตัวสั่น ก็ให้กลับไปเสียจากภูเขากิเลอาด’ ” และมีคนกลับไป 22,000 คน และยังเหลืออยู่ 10,000 คน
 4พระยาห์เวห์ตรัสกับกิเดโอนว่า “ประชาชนยังมากอยู่ จงพาพวกเขาลงไปที่น้ำ และเราจะทดสอบเขาทั้งหลายให้เจ้าที่นั่น คนที่เราบอกเจ้าว่า ‘ให้คนนี้ไปกับเจ้า’ คนนั้นต้องไปกับเจ้า คนที่เราบอกว่า ‘คนนี้อย่าให้ไป’ คนนั้นก็ไม่ต้องไป” 5ท่านจึงพาประชาชนลงไปที่น้ำ พระยาห์เวห์ตรัสกับกิเดโอนว่า “ทุกคนที่ใช้ลิ้นเลียน้ำดังสุนัข จงรวมเขาไว้พวกหนึ่ง ส่วนคนที่คุกเข่าลงดื่มน้ำจงรวมไว้อีกพวกหนึ่งด้วย” 6จำนวนคนที่ใช้มือวักน้ำขึ้นเลียมี 300 คน แต่ประชาชนทั้งสิ้นที่เหลือคุกเข่าลงดื่มน้ำ 7พระยาห์เวห์ตรัสกับกิเดโอนว่า “เราจะช่วยกู้เจ้าทั้งหลายด้วยจำนวนคนสามร้อยที่เลียน้ำนั้น และมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเจ้า นอกนั้นให้ทุกคนกลับบ้าน” 8ท่านจึงส่งอิสราเอลที่เหลือกลับไปยังเต็นท์ของตนทุกคน แต่ให้ 300 คนนั้นอยู่ โดยให้ถือเสบียงและเขาสัตว์ทั้งหมดไว้ และค่ายของมีเดียนก็อยู่ข้างล่างท่านในหุบเขา

อรรถาธิบาย

8. ร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า

ประชากรของพระเจ้าเจอกับปัญหาอีกครั้ง พวกเขาทำ ‘สิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์’ (6:1) ผลก็คือพวกเขาถูกต่อต้าน (ข้อ 2) และ ‘ตกต่ำยากจนอย่างยิ่ง’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พวกเขามาถึงจุดกลับใจ เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับเราบ่อย ๆ เมื่อพวกเขา ‘ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์’ (ข้อ 6) ผมรู้สึกขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับหลายครั้งในชีวิตผมเมื่อพระเจ้าทรงตอบคำร้องขอความช่วยเหลือของผม ไม่ว่าจะมีความยากลำบากและความท้าทายใดที่คุณกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน จงร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า

9. รู้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับคุณ

พระเจ้าทรงยกกิเดโอนขึ้น และตรัสกับเขาว่า ‘นักรบ​กล้า​หาญ​เอ๋ย พระ​ยาห์​เวห์​สถิต​กับ​เจ้า’ (ข้อ 12) กิเดโอนพูดกับพระเจ้าว่า ‘องค์เจ้านายของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะช่วยอิสราเอลได้อย่างไร? นี่แน่ะ ตระกูลบิดาของข้าพระองค์ต่ำต้อยที่สุดในเผ่ามนัสเสห์ และตัวข้าพระองค์ก็เป็นคนเล็กน้อยที่สุดในบ้านบิดาข้าพระองค์’ (ข้อ 15) พระเจ้าทรงตอบว่า 'แต่เราจะอยู่กับเจ้าแน่’ (ข้อ 16)

พระเยซูทรงสัญญาว่า พระองค์จะอยู่กับคุณเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค (มัทธิว 28:20)

10. รู้ถึงความอ่อนแอของคุณ

กิเดโอนเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้หม้อที่มีรอยร้าว! กิเดโอนพูดว่า ‘ข้าพระองค์จะช่วยอิสราเอลได้อย่างไร? นี่แน่ะ ตระกูลบิดาของข้าพระองค์ต่ำต้อยที่สุดในเผ่ามนัสเสห์ และตัวข้าพระองค์ก็เป็นคนเล็กน้อยที่สุดในบ้านบิดาข้าพระองค์’ (ผู้วินิจฉัย 6:15) บ่อยครั้งผมรู้สึกว่า พระเจ้าไม่สามารถใช้ผมได้เพราะความอ่อนแอของผม แต่บางครั้งพระเจ้าทรงทำกิจผ่านความอ่อนแอของเราได้ดีกว่าผ่านทางความเข้มแข็งของเรา

โดยส่วนตัว ผมได้รับความสบายใจอย่างยิ่งจากถ้อยคำของอัครทูตเปาโล: ‘เพราะ​ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า... เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะเข้มแข็งมากเมื่อนั้น’ (2 โครินธ์ 12:9–10)

11. เชื่อฟังพระเจ้าด้วยความยำเกรง

กิเดโอน ‘ทำตามที่พระยาห์เวห์ตรัสสั่งท่าน’ (ผู้วินิจฉัย 6:27) แม้ว่าท่านต้องเสี่ยงชีวิต (ข้อ 30) ผมพบว่า ผมมักจะขลาดกลัวเมื่อเผชิญกับการต่อต้าน อย่างไรก็ตาม การต่อต้านที่เราเจอเทียบไม่เลยกับสิ่งที่กิเดโอน และสิ่งที่พระเยซูทรงเผชิญอย่างแน่นอน เมื่อความกลัวมาเคาะประตูชีวิตของคุณ ให้เปิดรับด้วยความเชื่อ!

12. จงมั่นใจในพระเจ้า

ความลับแห่งพลังของกิเดโอนคือ ‘พระวิญญาณของพระยาห์เวห์สถิตกับกิเดโอน’ (ข้อ 34) อย่ามั่นใจในตัวเอง จงมั่นใจในพระเจ้า

พระเจ้าไม่ได้ต้องการจำนวนมากมาย ที่จริงพระองค์ตรัสกับกิเดโอนว่า ‘คนที่อยู่กับเจ้ายังมี​มาก​เกิน​ไป’ (7:2) พระองค์ไม่ได้ต้องการให้คนคิดว่า นี่เป็นความเข้มแข็งของพวกเขาเองที่ทำให้พวกเขารอดมาได้ พระองค์ทรงลดจำนวนลงจากคน 32,000 คน เหลือแค่ 300 คน (ข้อ 1–7)

เราไม่จำเป็นต้องมีจำนวนมากเพื่อให้เห็นประเทศชาติเปลี่ยนแปลง แต่เราจำเป็นต้องมีฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากคุณมั่นใจในพระเจ้า พระองค์สามารถทำกิจผ่านคุณเหมือนกับที่พระองค์ทรงทำผ่านกิเดโอน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ เพื่อให้ข้าพระองค์ทำให้การทรงเรียกที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์สำเร็จ ขอทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ลงมาเหนือข้าพระองค์ในวันนี้ เชิญเสด็จมาเถิด พระวิญญาณบริสุทธิ์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ผู้วินิจฉัย 6

ฉันสามารถเชื่อมโยงเข้ากับกิเดโอนได้ เขาทั้งหวาดหวั่น รู้สึกว่าไม่คู่ควร และรวนเร สิ่งนั้นทำให้เขาเป็นวีรบุรุษยิ่งกว่าเดิมสำหรับฉัน มันแสดงให้เห็นว่าเขากล้าหาญเพียงใดที่จะต่อต้านทุกคน (ข้อ 27) เขายิ่งระมัดระวังมากที่จะตรวจสอบว่าเขาทำถูกต้องไหม ถ้าคุณกำลังจะไปทำอะไรที่สุดโต่ง คุณจำเป็นต้องรู้ว่า คุณได้ยินพระเจ้าถูกต้องจริง ๆ เมื่อกิเดโอนแน่ใจว่านั่นเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า ก็ไม่มีอะไรหยุดเขาได้

ข้อพระคำประจำวัน

ผู้วินิจฉัย 6:14

‘จงไปช่วยคนอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือพวกมีเดียนด้วยกำลังของเจ้านี่แหละ เราใช้เจ้าไปไม่ใช่หรือ?’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม