ดำเนินชีวิตอย่างมีชัยชนะอย่างไร
เกริ่นนำ
หลายปีก่อน สมาชิกรุ่นเยาว์คนหนึ่งในประชาคมของเราที่คริสตจักร โฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน ได้งานในห้องสมุดของหนังสือพิมพ์ระดับชาติรายใหญ่แห่งหนึ่ง หนังสือพิมพ์รายนี้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับบรรดาบุคคลที่มีชื่อเสียงไว้ทุกคน ข้อมูลทั้งหมดนั้นถูกเก็บไว้เป็นแถวเรียงยาวและถูกแบ่งแยกออกเป็นข้อมูลเกี่ยวกับ ‘ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่’ และ ‘ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว’
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ชายหนุ่มกำลังค้นดูในข้อมูลของบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็พบว่ามีบุคคลท่านหนึ่งที่มีการบันทึกไว้เยอะมาก บนแฟ้มนั้นเขียนว่า ‘พระเยซูคริสต์’ เขามองซ้ายมองขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ เขาก็ย้ายแฟ้มนั้นจากชั้นวางของฝั่ง ‘ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว’ ไปยังฝั่งของ ‘ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่’ อย่างรวดเร็ว
พระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงฟื้นจากความตาย สำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาพระองค์ท่ามกลางแฟ้มบันทึกของคนที่ตายแล้ว ทูตสวรรค์จะพูดว่า ‘พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไม? พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว!’ (ลูกา 24:5-6)
ชัยชนะไม่ใช่คำหยาบคาย พระเยซูทรงเป็นผู้มีชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ดังที่ บิชอป เลสลี่ นิวบิกิน กล่าวไว้บ่อยครั้งว่า ‘การฟื้นคืนพระชนม์ไม่ใช่การพลิกกลับของความพ่ายแพ้ แต่เป็นการสำแดงชัยชนะ’ กางเขนไม่ใช่ความพ่ายแพ้ บนไม้กางเขนพระเยซูทรงมีชัยชนะเป็นการได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับเราเหนือความบาป ความตาย และอำนาจแห่งความชั่วร้าย
สดุดี 51:10-19
10ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเนรมิตสร้างใจสะอาดในข้าพระองค์
และขอทรงสร้างจิตใจหนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์
11ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปจากพระพักตร์พระองค์
และขออย่าทรงนำพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพระองค์
12ขอทรงคืนความชื่นบานในความรอดของพระองค์แก่ข้าพระองค์
และทำให้ข้าพระองค์เชื่อฟังด้วยความเต็มใจ
13แล้วข้าพระองค์จะสอนบรรดาผู้ละเมิดถึงพระมรรคาทั้งหลายของพระองค์
และบรรดาคนบาปจะกลับมาหาพระองค์
14ข้าแต่พระเจ้า ผู้เป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์
ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากโทษของการฆาตกรรม
และลิ้นของข้าพระองค์จะร้องเพลงด้วยความยินดีเรื่องการช่วยกู้ของพระองค์
15ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงเบิกริมฝีปากของข้าพระองค์
และปากข้าพระองค์จะประกาศการสรรเสริญพระองค์
16เพราะพระองค์ไม่ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชา
ถึงข้าพระองค์จะถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว พระองค์ก็มิได้พอพระทัย
17เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงปรารถนาคือจิตใจที่แตกสลาย
ใจที่แตกสลายและสำนึกผิดนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงดูถูก
18ขอทรงทำดีแก่ศิโยน ตามพระกรุณาของพระองค์
ขอทรงสร้างกำแพงเยรูซาเล็ม
19แล้วพระองค์จะพอพระทัยในเครื่องสัตวบูชาที่ถูกต้อง
ในเครื่องบูชาเผาทั้งตัว
แล้วเขาจะถวายวัวผู้บนแท่นบูชาของพระองค์
อรรถาธิบาย
รับผลแห่งชัยชนะของพระองค์
ผมชอบคำอธิษฐานของดาวิดและผมได้อธิษฐานด้วยตัวเองอยู่บ่อย ๆ ดาวิดก็เหมือนกับพวกเราทุกคน เขาร้องขอการอภัยและตอนนี้เขาร้องหาชัยชนะ เมื่อเราทำบาปเราจะไม่สูญเสียความรอดของเรา แต่เราอาจสูญเสียความชื่นบานแห่งความรอดของเรา (ข้อ 12ก) ดาวิดไม่ต้องการพ่ายแพ้ต่อบาปอีก
ทั้งหมดนี้เริ่มต้นด้วย ‘จิตใจที่แตกสลายและสำนึกผิด’ (ข้อ 17ข) คุณสามารถมั่นใจได้ว่าถ้าคุณมาหาพระเจ้าด้วยวิธีนี้แล้วคุณจะไม่ถูกปฏิเสธ ‘ใจที่แตกสลายและสำนึกผิดนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงดูถูก’ (ข้อ 17ข)
ดาวิดอธิษฐานขอให้เขามีชีวิตแห่งชัยชนะเป็นที่น่าสังเกตว่าคำอธิษฐานของดาวิดไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่เขาอธิษฐานขอให้ตัวเขามีผลกระทบต่อเมืองด้วย (ข้อ 18)
คำอธิษฐาน
ลูกา 24:1-35
การคืนพระชนม์
1ตั้งแต่เช้ามืดของวันอาทิตย์ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า วันต้นสัปดาห์ พวกผู้หญิงก็นำเครื่องหอมที่จัดเตรียมไว้มาถึงอุโมงค์ 2พวกนางพบว่าก้อนหินกลิ้งออกจากปากอุโมงค์แล้ว 3และเมื่อเข้าไปหาก็ไม่พบพระศพของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า 4ขณะกำลังฉงนสนเท่ห์เพราะเหตุการณ์นั้น นี่แน่ะ มีชายสองคนยืนอยู่ใกล้พวกนาง เครื่องนุ่งห่มแพรวพราวจนพร่าตา 5ผู้หญิงเหล่านั้นก็หวาดกลัวและซบหน้าลงถึงดิน ชายสองคนนั้นจึงพูดกับพวกนางว่า “พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไม? 6[พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว]สำเนาโบราณบางฉบับ ไม่มีข้อความนี้ จงระลึกถึงคำที่พระองค์ตรัสกับพวกท่านขณะที่พระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี 7ว่า ‘บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของพวกคนบาป และจะต้องถูกตรึงที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่’” 8พวกนางจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์ 9เมื่อกลับจากอุโมงค์แล้ว พวกนางก็เล่าเหตุการณ์นี้ทั้งหมดแก่สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่นๆ ด้วย 10คนที่เล่าเหตุการณ์เหล่านั้นแก่พวกอัครทูตคือ มารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยู่กับพวกนาง 11แต่พวกอัครทูตไม่เชื่อ เห็นว่าเป็นคำเหลวไหล 12[แต่เปโตรลุกขึ้น วิ่งไปที่อุโมงค์ เมื่อก้มลงมองดูก็เห็นแต่ผ้าป่านเท่านั้น จึงกลับไปด้วยความประหลาดใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น]
การเดินทางไปเอมมาอูส
13ในวันนั้นเองมีสาวกสองคนเดินทางไปหมู่บ้านชื่อเอมมาอูส ห่างจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณสิบเอ็ดกิโลเมตร 14เขาสนทนากันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 15ขณะที่กำลังสนทนาซักถามกันอยู่ พระเยซูก็เสด็จเข้ามาใกล้ดำเนินด้วยกัน 16แต่ตาของเขาทั้งสองถูกปิดกั้นทำให้จำพระองค์ไม่ได้ 17พระองค์ตรัสกับเขาทั้งสองว่า “ระหว่างทางที่เดินมานี่ท่านโต้ตอบกันเรื่องอะไร?” เขาก็หยุดยืน หน้าตาโศกเศร้า 18คนที่ชื่อเคลโอปัสทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นแขกเมืองในกรุงเยรูซาเล็มเพียงคนเดียวหรือที่ไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้?” 19พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “เหตุการณ์อะไร?” เขาจึงตอบพระองค์ว่า “เหตุการณ์เรื่องเยซูชาวนาซาเร็ธผู้เผยพระวจนะที่มีฤทธิ์เดชในกิจการและถ้อยคำต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าประชาชน 20พวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกผู้นำของเรามอบตัวท่านไว้ให้ถูกลงโทษถึงตาย และตรึงท่านที่กางเขน 21แต่เรามีความหวังว่าท่านจะเป็นผู้นั้นที่มาไถ่ชนชาติอิสราเอล ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เป็นวันที่สามแล้วตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น 22มีผู้หญิงบางคนในพวกเราที่ทำให้เราประหลาดใจ พวกนางไปที่อุโมงค์เมื่อเวลาเช้ามืด 23แต่ไม่พบศพของท่าน จึงมาเล่าว่าเห็นนิมิตเป็นทูตสวรรค์ และทูตสวรรค์นั้นบอกว่าท่านผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ 24บางคนในเราจึงไปที่อุโมงค์ และพบเหมือนที่ผู้หญิงเหล่านั้นบอก แต่เขาไม่เห็นท่านเยซู” 25พระองค์จึงตรัสกับสองคนนั้นว่า “โอ คนโง่เขลาและมีใจเฉื่อยช้าในการเชื่อถ้อยคำซึ่งพวกผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้นั้น 26พระคริสต์จำเป็นต้องทนทุกข์อย่างนั้นแล้วจึงเข้าในพระสิริของพระองค์ไม่ใช่หรือ?” 27แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมด
28เมื่อมาใกล้หมู่บ้านที่จะไปนั้น พระองค์ทรงทำทีว่าจะเสด็จเลยไป 29เขาทั้งสองจึงคะยั้นคะยอพระองค์ว่า “เชิญท่านมาพักด้วยกันเถิด เพราะจวนจะค่ำและใกล้จะหมดวันอยู่แล้ว” พระองค์จึงเสด็จเข้าไปพักอยู่กับเขา 30เมื่อประทับที่โต๊ะอาหารกับพวกเขา พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ขอพระพร แล้วทรงหักส่งให้เขา 31ตาของเขาทั้งสองก็เปิดออกและเขาก็จำพระองค์ได้ แล้วพระองค์ก็อันตรธานไปจากเขา 32เขาจึงพูดกันว่า “ใจเรารุ่มร้อนภายในเมื่อพระองค์ตรัสตามทาง และเมื่อทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟังไม่ใช่หรือ?” 33เขาทั้งสองก็ลุกขึ้นในเวลานั้น แล้วกลับไปที่กรุงเยรูซาเล็ม และพบว่าพวกสาวกสิบเอ็ดคนชุมนุมกันอยู่พร้อมกับพรรคพวก 34กำลังพูดกันว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นมาแล้วจริงๆ และทรงปรากฏแก่ซีโมน” 35สองคนนั้นจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามทาง และเรื่องที่เขารู้จักพระองค์โดยการหักขนมปังนั้น
อรรถาธิบาย
รู้จักพระเยซูและชัยชนะของพระองค์
วันนี้คุณและผมสามารถพบพระเยซูได้อย่างไร?
การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่ใช่เพียงแค่เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น เมื่อผู้คนได้พบกับพระเยซูที่ฟื้นคืนพระชนม์แล้วในเวลานั้น คุณเองก็สามารถสัมผัสการสถิตอยู่ของพระองค์ในวันนี้ได้ด้วยเช่นกัน พระคัมภีร์ตอนนี้จะบอกคุณว่าต้องทำอย่างไร
นี่คือวันที่โลกเปลี่ยนไปตลอดกาล พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ ‘ตั้งแต่เช้ามืดของวันอาทิตย์’ (ข้อ 1) ต่อจากนั้นวันแรกของสัปดาห์ (วันอาทิตย์) จะเป็นวันแห่งการหยุดพักและนมัสการ
ในพระธรรมข้อนี้ เราเห็นหลักฐานสำคัญสองประการเกี่ยวกับชัยชนะเหนือความตายของพระเยซู:
- พระศพของพระเยซูไม่อยู่แล้ว
‘พวกนางพบว่าก้อนหินกลิ้งออกจากปากอุโมงค์แล้ว และเมื่อเข้าไปหาก็ไม่พบพระศพของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 2-3)
ทูตสวรรค์กล่าวกับพวกเขาว่า ‘พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไม? พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว!’ (ข้อ 5-6) ตามที่พระองค์ตรัสไว้ว่า ในวันที่สามพระองค์จะ ‘เป็นขึ้นมาใหม่’ (ข้อ 7) (บางครั้งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวว่าพระเยซู ‘ทรงฟื้น’ จากความตาย บ่อยครั้งอยู่ในรูปประโยคที่แสดงการเป็นผู้ถูกกระทำ (passive) ‘พระองค์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้น’)
เมื่อผู้หญิงเหล่านั้นบอกกับพวกอัครทูต ‘พวกเขาไม่เชื่อ’ (ข้อ 11) อย่างไรก็ตาม เรานึกภาพออกถึงความตื่นเต้นของเปโตร เขา ‘ลุกขึ้น วิ่งไปที่อุโมงค์’ (ข้อ 12) เขาเองก็เห็นพระศพของพระเยซูหายไปด้วย เขา ‘เห็นแต่ผ้าป่านเท่านั้น’ (ข้อ 12ข) อุโมงค์ฝังศพไม่ได้ว่างเปล่าแต่พระศพของพระเยซูไม่อยู่แล้ว
เปโตรคงเริ่มตระหนักว่าขณะนั้นพระเยซูได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ พระเยซูสิ้นพระชนม์แล้ว แต่ความตายไม่ใช่จุดจบ ความตายไม่ได้ถูกยกเลิก แต่ถูกพิชิตได้อย่างแน่นอน
- พระเยซูทรงอยู่
พระเยซูเองถูกมองเห็น นี่ไม่ใช่แค่การปรากฏตัวของ ‘จิตวิญญาณ’ ร่างกายของพระองค์ที่เป็นขึ้นและปรากฏต่อหน้าเหล่าสาวก การปรากฏตัวครั้งแรกที่เราอ่านในพระกิตติคุณของลูกาคือบนถนนสู่เอมมาอูส พระเยซูทรงเปิดเผยพระองค์แก่สาวกสองคนในสองวิธี
ประการแรก พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์เองผ่านพระคัมภีร์ ‘แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมด’ (ข้อ 27) นี่คงเป็นการศึกษาพระคัมภีร์ที่น่าทึ่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลก พระเยซูทรงกล่าวถึงพระคัมภีร์โดยอธิบายว่าเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับพระองค์
คุณเคยรู้สึกว่าหัวใจของคุณ ‘รุ่มร้อนภายใน’ (ข้อ 32) ในขณะที่คุณฟังการอธิบายพระวจนะหรือขณะที่คุณอ่านเองหรือไม่? บางครั้งเมื่อผมกำลังอ่านพระคัมภีร์หรือฟังคำบรรยายที่อธิบายพระคัมภีร์ จู่ๆ คำพูดนั้นก็ดูเหมือนเกี่ยวข้องกับผมและชีวิตของผมมากจนรู้สึกเหมือนกับว่าพระเจ้ากำลังตรัสกับผมโดยตรง ในขณะนั้นดูเหมือนว่าหัวใจของผมกำลัง ‘รุ่มร้อนภายใน’ หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในอัลฟ่ากลุ่มย่อยของเราเพิ่งเริ่มอ่านพระคัมภีร์เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ เธอบอกว่ามันเหมือนกับว่าพระวจนะกำลังกระโดดออกจากหน้ากระดาษมาหาเธอ
เหล่าสาวกกล่าวว่า ‘ใจเรารุ่มร้อนภายในเมื่อพระองค์ตรัสตามทาง และเมื่อทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟังไม่ใช่หรือ?’ (ข้อ 32) เราได้ลิ้มรสสิ่งนี้ทุกครั้งที่ได้ยินพระคัมภีร์อธิบายในลักษณะที่เป็นการเปิดเผยพระเยซู
ประการที่สอง พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์ผ่านขนมปังว่า ‘เมื่อประทับที่โต๊ะอาหารกับพวกเขา พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ขอพระพร แล้วทรงหักส่งให้เขา ตาของเขาทั้งสองก็เปิดออกและเขาก็จำพระองค์ได้ แล้วพระองค์ก็อันตรธานไปจากเขา’ (ข้อ 30-31) ต่อมาพวกเขาอธิบายว่า ‘เขารู้จักพระองค์โดยการหักขนมปังนั้น’ (ข้อ 35)
คำบรรยายของลูกาเกี่ยวกับการเผชิญหน้าครั้งนี้น่าจะเป็นการบอกโดยเจตนาในลักษณะที่สะท้อนถึงเรื่องราวอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูกับเหล่าสาวก สิ่งนี้เพื่อหนุนใจว่าเราทุกคนสามารถพบกับพระเยซูได้ในการ ‘หักขนมปัง’ เมื่อเรารับพิธีมหาสนิทร่วมกัน
พระคัมภีร์และศีลศักดิ์สิทธิ์เป็นสองวิธีที่เราสามารถพบพระเยซูได้ในทุกวันนี้ พระเยซูจะทรงเปิดเผยพระองค์ต่อเมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์ และหักขนมปังด้วยกัน หากคุณต้องการสัมผัสกับการทรงสถิตของพระเยซู ให้แน่ใจว่าคุณทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำ
คำอธิษฐาน
โยชูวา 11:1-12:24
พันธมิตรของคานาอันฝ่ายเหนือพ่ายแพ้
1ต่อมาเมื่อยาบินกษัตริย์แห่งฮาโซร์ได้ยินข่าวนี้ จึงใช้คนไปหาโยบับกษัตริย์แห่งมาโดน และไปหากษัตริย์แห่งชิมโรน กษัตริย์แห่งอัคชาฟ 2และบรรดากษัตริย์ซึ่งอยู่ในแดนเทือกเขาตอนเหนือ และซึ่งอยู่ในที่ราบทางใต้ของคินเนเรทเป็นชื่อเมือง และชื่อของทะเลสาบกาลิลี และในที่ลุ่ม และในที่สูงโดร์ทางทิศตะวันตก 3และไปหาคนคานาอันทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก คนอาโมไรต์ คนฮิตไทต์ คนเปริสซี และคนเยบุสในแดนเทือกเขา และคนฮีไวต์ที่อยู่เชิงเขาเฮอร์โมนในแผ่นดินมิสปาห์ 4พวกเขาก็ยกออกมากับกองทัพทั้งหมดของเขาเป็นคนมากมาย มีจำนวนดังทรายที่ชายทะเล มีม้าและรถรบมากมายด้วย 5กษัตริย์เหล่านี้ ได้ผนึกกำลังกันและมาตั้งค่ายอยู่ด้วยกันที่ลำน้ำเมโรม เพื่อจะสู้รบกับอิสราเอล
6และพระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า “อย่ากลัวพวกเขาเลย เพราะว่าพรุ่งนี้ในเวลาเดียวกันนี้ เราจะมอบพวกเขาทั้งหมดไว้ต่ออิสราเอลให้ถูกประหาร เอ็นน่องม้าของเขาให้เจ้าตัดเสีย และรถรบของเขา เจ้าจงเผาไฟเสีย” 7โยชูวาจึงยกพลเข้าโจมตีพวกเขาทันทีที่ลำน้ำเมโรม 8และพระยาห์เวห์ทรงมอบพวกเขาไว้ในมืออิสราเอล ผู้ประหารเขาและไล่ตามเขาไปจนถึงมหานครไซดอนและถึงมิสเรโฟทมาอิม และถึงหุบเขามิสปาห์ด้านตะวันออก ได้ประหารพวกเขาจนไม่เหลือสักคนเดียว 9โยชูวาได้ทำต่อเขาตามที่พระยาห์เวห์ตรัสสั่งไว้ คือได้ตัดเอ็นน่องม้าและเผารถรบเสีย
10แล้วโยชูวาก็กลับมายึดเมืองฮาโซร์ และประหารกษัตริย์ของเมืองเสียด้วยดาบ เพราะว่าแต่ก่อนนี้ฮาโซร์เป็นหัวหน้าแห่งดินแดนเหล่านั้นทั้งหมด 11พวกเขาได้ประหารชาวเมืองนั้นเสียทุกคนด้วยคมดาบ และทำลายเสียสิ้น สิ่งที่หายใจได้ไม่มีเหลือเลย และท่านก็เผาเมืองฮาโซร์เสียด้วยไฟ 12โยชูวายึดบรรดาเมืองของกษัตริย์เหล่านั้น พร้อมกับกษัตริย์ทั้งหมด และประหารเสียด้วยคมดาบ ทำลายพวกเขาสิ้นดังที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้บัญชาไว้ 13แต่เมืองที่อยู่บนกองซากเมืองอิสราเอลไม่ได้เผา เว้นแต่เมืองฮาโซร์เมืองเดียวที่โยชูวาเผาเสีย 14ของริบทั้งหมดที่ได้จากเมืองเหล่านี้ รวมทั้งฝูงสัตว์เลี้ยง พงศ์พันธุ์อิสราเอลได้ยึดเป็นสมบัติของตน แต่เขาได้ประหารมนุษย์ทุกคนเสียด้วยคมดาบ จนทำลายเสียสิ้น ทุกสิ่งที่หายใจได้เขาไม่ให้เหลืออยู่เลย 15พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร โมเสสก็บัญชาโยชูวาอย่างนั้น และโยชูวาก็ทำตาม ท่านไม่ได้เว้นที่จะทำทุกอย่างซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสไว้
สรุปแผ่นดินทั้งหมดที่โยชูวายึดมาได้
16โยชูวายึดแผ่นดินนั้นทั้งหมด คือแดนเทือกเขา เนเกบทั้งหมด แผ่นดินโกเชนทั้งหมด ที่ลุ่ม ที่ราบ และแดนเทือกเขาของอิสราเอลกับที่ลุ่มของมัน 17ตั้งแต่ภูเขาฮาลักที่สูงขึ้นทางเสอีร์ ไกลไปจนถึงบาอัลกาดในหุบเขาเลบานอนเชิงภูเขาเฮอร์โมน ท่านได้จับบรรดากษัตริย์ทั้งหมดของเมืองเหล่านั้นมาประหารชีวิตเสีย 18โยชูวาทำศึกสงครามกับกษัตริย์เหล่านี้อยู่เป็นเวลานาน 19ไม่มีสักเมืองหนึ่งที่ทำสัญญาสันติภาพกับอิสราเอล นอกจากคนฮีไวต์ซึ่งเป็นชาวเมืองกิเบโอน พวกเขาต้องทำสงครามตีมาทั้งนั้น 20เพราะพระยาห์เวห์เองทรงให้พวกเขามีใจแข็งกระด้างเข้าต่อสู้ทำสงครามกับอิสราเอล เพื่อจะทรงทำลายล้างพวกเขาเสียโดยไม่ได้รับพระกรุณา เพื่อจะทรงทำลายพวกเขาเสีย ดังที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสไว้
21คราวนั้นโยชูวาได้ทำลายคนอานาคจากแดนเทือกเขา จากเฮโบรน จากเดบีร์ จากอานาบ และจากทั่วแดนเทือกเขายูดาห์ และจากทั่วแดนเทือกเขาอิสราเอล โยชูวาได้ทำลายคนเหล่านี้เสียพร้อมทั้งเมืองของพวกเขาด้วย 22ไม่มีคนอานาคเหลืออยู่ในแผ่นดินของประชาชนอิสราเอล เว้นแต่ในกาซา กัทและอัชโดดที่ยังมีเหลืออยู่บ้าง 23ดังนั้นแหละ โยชูวาได้ยึดแผ่นดินทั้งหมดตามที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสไว้กับโมเสสทุกประการ และโยชูวามอบให้เป็นมรดกแก่อิสราเอลตามส่วนแบ่งของเผ่า แผ่นดินนั้นก็สงบจากสงคราม
โยชูวา 12
บรรดากษัตริย์ที่ทรงพ่ายแพ้โมเสส
1ต่อไปนี้เป็นกษัตริย์ซึ่งประชาชนอิสราเอลได้ทำให้พ่ายแพ้ไป และได้ยึดครองแผ่นดินฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน จากลุ่มน้ำอารโนนถึงภูเขาเฮอร์โมน และแถบที่ราบทั้งหมดด้านตะวันออก 2คือสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์ผู้อยู่ที่เฮชโบน และปกครองจากอาโรเออร์ซึ่งอยู่ ณ ริมลุ่มน้ำอารโนน และจากกลางลุ่มน้ำไกลไปจนถึงแม่น้ำยับบอก เขตแดนคนอัมโมน คือครึ่งหนึ่งของกิเลอาด 3และแถบที่ราบถึงทะเลคินเนเรททะเลสาบกาลิลีข้างตะวันออก และตรงทางไปยังเบธเยชิโมทไปถึงทะเลในทะเลแห่งอาราบาห์ คือทะเลตายด้านใต้มาจนถึงที่ลาดปิสกาห์ 4และเขตแดนของโอกกษัตริย์แห่งบาชานซึ่งเป็นคนเผ่าเรฟาอิมที่เหลืออยู่ ผู้อยู่ที่อัชทาโรทและเอเดรอี 5และปกครองที่ภูเขาเฮอร์โมน และสาเลคาห์ และทั่วบาชาน จนถึงเขตแดนคนเกชูร์ และคนมาอาคาห์ และปกครองครึ่งหนึ่งของแดนกิเลอาดถึงเขตแดนของสิโหน กษัตริย์แห่งเฮชโบน 6โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์และประชาชนอิสราเอล ได้ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ไป และโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้มอบแผ่นดินตอนนี้ให้แก่คนรูเบน คนกาดและคนครึ่งเผ่ามนัสเสห์เป็นกรรมสิทธิ์
บรรดากษัตริย์ที่ทรงพ่ายแพ้โยชูวา
7ต่อไปนี้เป็นกษัตริย์ซึ่งโยชูวากับประชาชนอิสราเอลได้ทำให้พ่ายแพ้ อยู่ฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ตั้งแต่บาอัลกาดในหุบเขาเลบานอน ถึงภูเขาฮาลักที่สูงขึ้นทางเสอีร์ (และโยชูวามอบแผ่นดินตอนนี้ให้เผ่าต่างๆ ของอิสราเอลถือเป็นกรรมสิทธิ์ตามส่วนแบ่งของเขา 8คือที่ดินในแดนเทือกเขา ในที่ลุ่ม ในที่ราบ ในที่ลาด ในถิ่นทุรกันดาร และในเนเกบ เป็นแผ่นดินของคนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนคานาอัน คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส) 9คือกษัตริย์แห่งเยรีโคหนึ่ง กษัตริย์แห่งอัยที่อยู่ข้างเบธเอลหนึ่ง 10กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็มหนึ่ง กษัตริย์แห่งเฮโบรนหนึ่ง 11กษัตริย์แห่งยารมูทหนึ่ง กษัตริย์แห่งลาคีชหนึ่ง 12กษัตริย์แห่งเอกโลนหนึ่ง กษัตริย์แห่งเกเซอร์หนึ่ง 13กษัตริย์แห่งเดบีร์หนึ่ง กษัตริย์แห่งเกเดอร์หนึ่ง 14กษัตริย์แห่งโฮรมาห์หนึ่ง กษัตริย์แห่งอาราดหนึ่ง 15กษัตริย์แห่งลิบนาห์หนึ่ง กษัตริย์แห่งอดุลลัมหนึ่ง 16กษัตริย์แห่งมักเคดาห์หนึ่ง กษัตริย์แห่งเบธเอลหนึ่ง 17กษัตริย์แห่งทัปปูวาห์หนึ่ง กษัตริย์แห่งเฮเฟอร์หนึ่ง 18กษัตริย์แห่งอาเฟกหนึ่ง กษัตริย์แห่งลาชาโรนหนึ่ง 19กษัตริย์แห่งมาโดนหนึ่ง กษัตริย์แห่งฮาโซร์หนึ่ง 20กษัตริย์แห่งชิมโรนเมโรนหนึ่ง กษัตริย์แห่งอัคชาฟหนึ่ง 21กษัตริย์แห่งทาอานาคหนึ่ง กษัตริย์แห่งเมกิดโดหนึ่ง 22กษัตริย์แห่งเคเดชหนึ่ง กษัตริย์แห่งโยกเนอัมในคารเมลหนึ่ง 23กษัตริย์แห่งโดร์ในที่สูงโดร์หนึ่ง กษัตริย์แห่งโกยิมในกิลกาลหนึ่ง 24กษัตริย์แห่งทีรซาห์หนึ่ง รวมทั้งหมดมีกษัตริย์ 31 พระองค์
อรรถาธิบาย
สะท้อนชัยชนะของพระเยซู
ผมอยากรู้สิ่งที่พระเยซูตรัสเกี่ยวกับข้อนี้ เมื่อพระองค์กล่าวถึงพระคัมภีร์ทั้งหมดและอธิบายสิ่งที่พวกเขากล่าวว่า ‘เล็งถึงพระองค์’ (ลูกา 24:27)
พระธรรมตอนนี้ยังคงดำเนินอยู่ในเรื่องราวชัยชนะของโยชูวา (‘ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่’, โยชูวา 10:10) เราได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องราววิธีที่กษัตริย์รวมกองกำลังต่อสู้กับอิสราเอล (11:5) แต่พระเจ้าตรัสว่า ‘อย่ากลัวพวกเขาเลย’ (ข้อ 6) พระยาห์เวห์ ‘ทรงมอบพวกเขาไว้ในมืออิสราเอล’ (ข้อ 8) พระเจ้าประทานชัยชนะให้พวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ‘ดังนั้นแหละ โยชูวาได้ยึดแผ่นดินทั้งหมดตามที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสไว้กับโมเสสทุกประการ และโยชูวามอบให้เป็นมรดกแก่อิสราเอลตามส่วนแบ่งของเผ่า แผ่นดินนั้นก็สงบจากสงคราม’ (ข้อ 23)
ผมคิดว่าพระเยซูคงจะอธิบายว่ายุทธวิธีทางทหารของโยชูวาไม่ใช่แบบอย่างสำหรับทุกคนในทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม ชัยชนะนั้นได้ถูกกำหนดและพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และแตกต่างกันมากซึ่งพระเจ้าจะทรงนำมาผ่านการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู โยชูวาเป็น ‘สัญลักษณ์’ (type) ของพระคริสต์ แท้จริงแล้วพระเยซูเป็นชื่อในภาษากรีกของชื่อโยชูวา ซึ่งหมายถึง ‘พระเจ้าทรงช่วย’
ดังที่เราจะศึกษากันในวันพรุ่งนี้ ชัยชนะของโยชูวานั้นไม่เคยสมบูรณ์ พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘เจ้าชราลงมีอายุมากแล้ว แต่แผ่นดินที่จะต้องยึดครองนั้นยังมีอีกมาก’ (13:1) มีเพียงพระเยซูเท่านั้นที่นำชัยชนะมาอย่างสมบูรณ์ พระองค์ทรงเป็นผู้เดียวที่พระคัมภีร์ทั้งหมดชี้ให้เห็น พระองค์ทรงเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่มาของชัยชนะทุกอย่างในชีวิตของเรา
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
ลูกา 24:1-12
ฉันชอบการผสมผสานระหว่างความกล้าหาญและการปฏิบัติจริงของผู้หญิงเหล่านี้ ขณะที่วันสะบาโตสิ้นสุดลง พวกเธอกำลังเดินทางไปยังอุโมงค์ฝังศพ ผู้ชายอยู่ที่ไหน? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ในความระส่ำระสาย! เราต้องไม่อยู่ห่างจากพระเยซู แม้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่เป็นไปด้วยดี
ข้อพระคำประจำวัน
ลูกา 24:5-6
‘พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไม? พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว!’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)