มันยังไม่จบ
เกริ่นนำ
คุณอาจได้ยินเสียงหมุดหล่นในความเงียบสงัด มันเหมือนมนต์สะกด เราเคลิบเคลิ้ม ชายอายุแปดสิบห้าปีซึ่งเกือบจะตาบอดสนิท ได้ลุกขึ้นบรรยายกับผู้คนทุกวัยกว่า 1,500 คน ในวันหยุดที่คริสตจักรของเรา แน่นอนว่าเขาไม่มีโน้ต เพราะเขาไม่สามารถอ่านได้อีกต่อไป เขาบรรยายถึงสองครั้ง แต่ละครั้งยาวหนึ่งชั่วโมง
ในการบรรยายครั้งแรกเขาให้บทสรุปที่น่าทึ่งเกี่ยวกับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมทั้งหมด ในช่วงที่สองซึ่งยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเขาได้สรุปเนื้อหาทั้งหมดของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ไม่มีความลังเล ไม่มีสะดุด และไม่พูดออกนอกเรื่อง เป็นสติปัญญาที่ได้รับการกลั่นกรองออกมาของชายคนหนึ่งที่ติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจมาตลอดชีวิต
บิชอป เลสลี นิวบิกิน มีพันธกิจที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของศตวรรษที่ยี่สิบ ตอนอายุสามสิบหกเขาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบิชอปคนแรกของคริสตจักรแห่งอินเดียใต้ใหม่ เมื่อเขากลับมาจากอินเดีย ในช่วงชีวิตต่อมาเขาเขียนหนังสือหลายเล่มที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้คริสตจักรทางตะวันตกบรรลุพันธกิจในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรู้สึกไม่ต้องการพระเจ้า
การเขียนและการพูดของเขามีอิทธิพลต่อผู้นำคริสเตียนหลายพันคนทั่วโลก ทว่าสำหรับชายผู้น่าทึ่งคนนี้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จมากในชีวิต แค่นี้ยังไม่จบ เขาตั้งชื่ออัตชีวประวัติว่า วาระที่ยังไม่เสร็จสิ้น สำหรับเขายังคงมีความหวังและมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย
สดุดี 52:1-9
การพิพากษาคนล่อลวง
ถึงหัวหน้านักร้อง มัสคิลบทหนึ่งของดาวิด เมื่อโดเอก คนเอโดมมาทูลซาอูล
ว่า “ดาวิดได้มาที่บ้านของอาหิเมเลค”
1เจ้าผู้มีอำนาจเต็มประดา ไฉนจึงโอ้อวดในการชั่ว?
อ้างความรักมั่นคงของพระเจ้าวันยังค่ำ
2ลิ้นของเจ้าวางแผนการทำลาย
เหมือนมีดโกนคมนะ เจ้านักล่อลวง
3เจ้ารักชั่วมากกว่าดี
รักการมุสามากกว่าการพูดความจริง
4เจ้ารักทุกคำที่ทำลาย
แหม เจ้าคนร้อยลิ้น
5แต่พระเจ้าจะทรงคว่ำเจ้าลงเป็นนิตย์
พระองค์จะทรงฉวยและดึงเจ้าจากเต็นท์
พระองค์จะทรงถอนรากถอนโคนเจ้าจากแดนคนเป็น
6คนชอบธรรมจะเห็นและเกรงกลัว
และจะหัวเราะเยาะคนอธรรมกล่าวว่า
7“จงดูบุรุษผู้ไม่ให้พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยของตน
แต่ไว้ใจในทรัพย์สินมากมายของเขาเอง
เขาเข้มแข็งในความปรารถนาชั่ว”
8ส่วนข้าพเจ้าเป็นเหมือนต้นมะกอกเขียวสดในพระนิเวศของพระเจ้า
ข้าพเจ้าวางใจในความรักมั่นคงของพระเจ้าเป็นนิตย์นิรันดร์
9ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์เป็นนิตย์
เพราะพระองค์ได้ทรงทำเช่นนั้น
ต่อหน้าผู้จงรักภักดีของพระองค์
ข้าพระองค์จะประกาศพระนามของพระองค์ เพราะเป็นพระนามประเสริฐ
อรรถาธิบาย
ไม่มีวันจบสิ้นสำหรับผู้มีนิมิต
คุณมีปฏิกิริยาอย่างไรท่ามกลางโศกนาฏกรรมและการต่อต้าน? มันเป็นการล่อลวงที่ทำให้เราตื่นตระหนก ถอนตัว หมดความหวัง หรือแม้กระทั่งยอมแพ้
ดาวิดเป็นผู้มีนิมิต นิมิตได้รับการนิยามว่าเป็นการผสมผสานกันของ ‘ความไม่พอใจอย่างลึกซึ้งกับสิ่งที่เป็นอยู่และการเข้าใจอย่างชัดเจนว่าอะไรเป็นไปได้’ หากคุณมีนิมิต คุณจะสามารถพูดได้เสมอว่า ‘มันยังไม่จบ’
ดาวิดประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ในช่วงชีวิตของเขา กระนั้นเขาต้องรับมือกับความเป็นจริงของการต่อต้าน สดุดีนี้เขียนขึ้นหลังจากความพ่ายแพ้ครั้งร้ายแรง ดาวิดอยู่ในระหว่างการหลบหนีจากซาอูล แต่เส้นทางการหลบหนีของเขาก็ถูก ‘โดเอกชาวเอโดม’ หักหลัง แม้ว่าดาวิดจะเคลื่อนหนีทุกครั้งที่คนของซาอูลมาถึงแต่อาหิเมเลคเพื่อนของเขาและครอบครัวของอาหิเมเลคเกือบทั้งหมดถูกฆ่าตาย (ดู 1 ซามูเอล 21–22)
ในพระธรรมสดุดีนี้ เราจะเห็นว่าเขาต้องจัดการกับคนที่พยายามทำลายเขาด้วยการ ‘ล่อลวง’ อย่างไร (สดุดี 52:2ค) ‘การมุสา’ (ข้อ 3ข) และ ‘คำที่ทำลาย’ (ข้อ 4ก) ดาวิดอาจกำลังอธิบายถึงโดเอก เขาเป็นเหมือนคนที่อธิบายไว้ในข้อ 7 คือ ‘ผู้ไม่ให้พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยของตน แต่ไว้ใจในทรัพย์สินมากมายของเขาเอง! เขาเข้มแข็งในความปรารถนาชั่ว’ สิ่งนี้สื่อออกมาได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
กระนั้นแม้ท่ามกลางโศกนาฏกรรมและการต่อต้านเช่นนี้ ดาวิดก็ไม่สิ้นหวังหรือยอมแพ้ เขาเห็นว่าโดยพระเจ้ามันยังไม่จบ และมันยังไม่จบสำหรับโดเอกซ ‘พระเจ้าจะทรงคว่ำเจ้าลงเป็นนิตย์’ (ข้อ 5ก) และมันยังไม่จบ สำหรับดาวิดด้วยเช่นกัน: ‘ส่วนข้าพเจ้าเป็นเหมือนต้นมะกอกเขียวสดในพระนิเวศของพระเจ้า’ (ข้อ 8ก) ดาวิดพึ่งพามาหาพระเจ้า เราสามารถเรียนรู้อะไรจากการตอบสนองของดาวิดได้บ้าง?
วางใจในความรักของพระเจ้า
‘ข้าพเจ้าวางใจในความรักมั่นคงของพระเจ้าเป็นนิตย์นิรันดร์’ (ข้อ 8ข) ความรักของพระเจ้าจะไม่มีวันสิ้นสุดสรรเสริญการกระทำของพระเจ้า
‘ข้าพระองค์ จะขอบพระคุณพระองค์เป็นนิตย์เพราะพระองค์ได้ทรงทำเช่นนั้น ... ต่อหน้าผู้จงรักภักดีของพระองค์’ (ข้อ 9ก) จนกว่าพระเจ้าจะเปิดประตู จงสรรเสริญพระองค์ที่โถงทางเดินหวังในนามของพระเจ้า
‘ข้าพระองค์จะประกาศพระนามของพระองค์ เพราะเป็นพระนามประเสริฐ’ (ข้อ 9ข) กับพระเจ้าสถานการณ์ของคุณดูแย่แค่ไหนมันก็ยังไม่จบ จงตั้งความหวังไว้ในพระนามของพระเจ้า
คำอธิษฐาน
ลูกา 24:36-53
การทรงปรากฏต่อพวกสาวก
36ระหว่างที่พวกเขากำลังพูดเรื่องนี้อยู่ พระองค์เสด็จมาและทรงยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา และตรัสกับเขาว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” 37พวกเขาต่างตื่นตกใจหวาดกลัวคิดว่าเห็นผี 38พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม? เพราะอะไรท่านถึงเกิดความคิดสงสัยขึ้นในใจ? 39จงดูที่มือและเท้าของเราว่าเป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกเหมือนอย่างที่พวกท่านเห็นว่าเรามี” 40เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และพระบาทให้เขาเห็น 41เมื่อพวกเขายังไม่ค่อยเชื่อเพราะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างเหลือเชื่อ และกำลังประหลาดใจอยู่นั้น พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ที่นี่มีอะไรกินบ้างไหม?” 42พวกเขาก็เอาปลาย่างชิ้นหนึ่งมาให้พระองค์ 43พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าพวกเขา
44พระองค์ตรัสกับเขาว่า “นี่เป็นถ้อยคำของเรา ซึ่งเราบอกไว้กับท่านทั้งหลายขณะที่เรายังอยู่กับท่านว่า บรรดาถ้อยคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส ในหมวดผู้เผยพระวจนะ และในหมวดเพลงสดุดีที่กล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ” 45แล้วพระองค์ทรงช่วยให้ใจของพวกเขาสว่างเพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์ 46พระองค์ตรัสกับเขาว่า “มีถ้อยคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม 47และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ เพื่อสำเนาโบราณบางฉบับใช้คำว่า และ แทนคำว่า เพื่อการยกบาป โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม 48พวกท่านเองก็เป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ 49นี่แน่ะ เราจะส่งสิ่งที่พระบิดาของเราทรงสัญญานั้นลงมาเหนือท่าน แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุง จนกว่าท่านจะสวมด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบนแปลได้อีกว่า ท่านจะได้รับฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบนอย่างเต็มล้น”
การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
50พระองค์จึงพาพวกเขาออกไปจนถึงหมู่บ้านเบธานี และยกพระหัตถ์ทั้งสองอวยพรเขา 51ขณะที่ทรงอวยพรอยู่นั้น พระองค์เสด็จจากพวกเขาไป [และพระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์] 52พวกเขาจึง [นมัสการพระองค์แล้ว] กลับไปที่กรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดีอย่างยิ่ง 53และอยู่ในพระวิหารทุกวัน สรรเสริญพระเจ้า
อรรถาธิบาย
มันยังไม่จบสำหรับพระเยซู
เมื่อพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน มันดูเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่ดูจะเป็นไปได้ ดูเหมือนว่ามันจะจบลงแล้วสำหรับพระองค์และผู้ติดตามของพระองค์
แต่มันยังไม่จบ พระเจ้ายังกระทำไม่เสร็จ พระองค์ทรงฟื้นพระชนม์พระเยซูให้มีชีวิตอีกครั้ง ในข้อนี้เราจะเห็นว่าพระเยซูทรงปรากฏตัวต่อสาวกของพระองค์และตรัสว่า ‘สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด’ (ข้อ 36) พวกเขา ยังคง ‘วุ่นวายใจ’ และเกิด ‘ความสงสัย’ (ข้อ 38) พระเยซูทรงให้ข้อพิสูจน์ที่หนักแน่นแก่พวกเขาว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่จริง ๆ
‘ดูมือและเท้าของเราสิ นี่เป็นตัวเราจริง ๆ ไม่เชื่อลองจับดู จะได้รู้ว่าไม่ใช่ผี เพราะผีไม่มีเนื้อไม่มีกระดูกอย่างที่ท่านเห็นว่าเรามี’ (ข้อ 39, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูเป็นมากกว่าบุคคลในประวัติศาสตร์ที่เกิดและตายไปเมื่อ 2,000 ปีก่อน พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ พระองค์อยู่ที่นี่และขณะนี้
เมื่อสาวกตระหนักว่าพระเยซูยังทรงพระชนม์อยู่จริง พวกเขาก็แทนที่ด้วย ‘ความยินดี’ และ ‘ความประหลาดใจ’ (ข้อ 41) ขณะพระองค์เสวยปลาย่างชิ้นหนึ่ง (ข้อ 42) พระองค์ก็ตรัสกับพวกเขาว่า ‘ทุกสิ่งที่เราบอกท่านในขณะที่เราอยู่กับท่านคือ ทุกสิ่งที่เขียนเกี่ยวกับเราในธรรมบัญญัติของโมเสสในหมวดผู้เผยพระวจนะและและในหมวดเพลงสดุดี จำเป็นจะต้องสำเร็จ’ (ข้อ 44–47, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เมื่อพระเยซูทรงสำแดงให้พวกเขาเห็น ‘วิธีอ่านพระคัมภีร์ของพวกเขาด้วยวิธีนี้’ (ข้อ 45, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรงกำหนดรูปแบบให้เรา นี่คือเหตุผลที่คุณควรพยายามอ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมผ่านมุมมองของพระเยซูเสมอ
พระเยซูทรงได้ทรงให้ส่วนนี้ในพันธกิจของพระองค์สำเร็จครบถ้วน ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม แต่กระนั้นวาระของพระเยซูก็ยังไม่เสร็จสิ้นเสียทีเดียว
สาวกของพระองค์มีงานต้องทำ: ‘และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่เพื่อการยกบาป โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม’ (ข้อ 47) ตอนนี้คุณและผมซึ่งเป็นสาวกของพระองค์มีหน้าที่บอก ‘ทั่วทุกชาติ’ เกี่ยวกับองค์พระเยซูถึงการกลับใจและการยกโทษบาป (ข้อ 47) ในส่วนนี้ของพันธกิจของพระองค์ คุณจำเป็นต้องมีอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูทรงสัญญาว่าคุณจะ ‘สวมด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน’ (ข้อ 49)
เมื่อกำหนดซึ่งวาระใหม่แล้วพระเยซูทรงยกพระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ขึ้นและทรงอวยพรพวกเขา ในขณะที่พระองค์ทรงอวยพรอยู่นั้น พระองค์เสด็จจากพวกเขาไป (ข้อ 50–51) เป็นที่น่าสนใจว่าหลังจากที่พระองค์ทรงถูกรับขึ้นสวรรค์และพระองค์ไม่ได้สถิตอยู่ในฝ่ายกายภาพแล้ว พวกเขาก็นมัสการพระองค์ (ข้อ 52ก) รู้ไว้เถิดว่าพระองค์ยังทรงอยู่กับพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ‘ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง’ (ข้อ 52ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การสิ้นสุดเวลาของพระเยซูกับพวกเขาก็เป็นการเริ่มต้นที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน
ในวันเพ็นเทคอสต์พวกเขาได้รับสิ่งที่พระเยซูทรงสัญญาไว้ พวกเขาเต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และเริ่มรับภารกิจใหม่ของพระเยซู วันนี้สาวกของพระองค์กำลังดำเนินการตามภารกิจของพระเยซูทั่วโลก แต่มันห่างไกลกับคำว่าสำเร็จเสร็จสิ้นมากนัก คุณและผมสามารถมีส่วนในการทำให้ภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นนี้ของพระเยซูได้ มันยังไม่จบ วันหนึ่งมันจะสำเร็จและพระเยซูจะเสด็จกลับมา
คำอธิษฐาน
โยชูวา 13:1-14:15
แผ่นดินคานาอันส่วนที่ยังไม่ได้ยึดครอง
1เมื่อโยชูวาชราลงมีอายุมากแล้ว พระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “เจ้าชราลงมีอายุมากแล้ว แต่แผ่นดินที่จะต้องยึดครองนั้นยังมีอีกมาก 2ต่อไปนี้เป็นแผ่นดินที่ยังเหลืออยู่ คือท้องถิ่นฟีลิสเตียทั้งหมด และท้องถิ่นของคนเกชูร์ทั้งหมด 3(ตั้งแต่ลำน้ำชิโหร์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของอียิปต์เหนือขึ้นไปถึงเขตแดนเอโครน นับกันว่าเป็นของคนคานาอัน เจ้านายของชาวฟีลิสเตียมีห้าคน เป็นชาวกาซา ชาวอัชโดด ชาวอัชเคโลน ชาวกัท และชาวเอโครน) รวมทั้งชาวอัฟวิมด้วย 4ทางทิศใต้คือแผ่นดินทั้งหมดของคนคานาอัน และเขตเมอาราห์ ซึ่งเป็นของชาวไซดอนถึงเมืองอาเฟก ถึงเขตแดนของคนอาโมไรต์ 5และแผ่นดินของชาวเกบาลและเลบานอนทั้งหมด ไปทางตะวันออก จากบาอัลกาดที่อยู่เชิงภูเขาเฮอร์โมน ถึงทางเข้าเมืองฮามัท 6ชาวแดนเทือกเขาทั้งหมดจากเลบานอน จนถึงมิสเรโฟทมาอิม คือคนไซดอนทั้งหมด เราเองจะขับไล่พวกเขาออกไปให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล เพียงแต่เจ้าจงแบ่งดินแดนนั้นให้อิสราเอลเป็นมรดก ดังที่เราบัญชาเจ้าไว้ 7บัดนี้จงแบ่งแผ่นดินนี้ให้เป็นมรดกแก่คนเก้าเผ่ารวมกับคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าด้วย”
ดินแดนฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน
8ส่วนมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า เผ่ารูเบน และเผ่ากาดได้รับส่วนมรดกของพวกเขา ซึ่งโมเสสได้มอบให้ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ส่วนที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์มอบให้เขาคือ 9จากอาโรเออร์ ซึ่งอยู่ริมลุ่มน้ำอารโนน กับเมืองที่อยู่กลางลุ่มน้ำนี้ และที่ราบสูงเมเดบาทั้งหมด จนถึงดีโบน 10และเมืองทั้งสิ้นของสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์ ผู้ซึ่งครอบครองอยู่ในเฮชโบน ไกลออกไปจนถึงเขตแดนคนอัมโมน 11กับเขตกิเลอาด และท้องถิ่นของคนเกชูร์กับคนมาอาคาห์ และภูเขาเฮอร์โมนทั้งหมด และทั่วทั้งบาชานจนถึงสาเลคาห์ 12ตลอดราชอาณาจักรของโอกในบาชาน ผู้ครอบครองอยู่ในอัชทาโรทและในเอเดรอี (ท่านเป็นพวกเรฟาอิมผู้เดียวที่เหลืออยู่) โมเสสรบชนะพวกเขาและได้ขับไล่ออกไป 13แต่ประชาชนอิสราเอลไม่ได้ขับไล่คนเกชูร์หรือคนมาอาคาห์ออกไป ชาวเกชูร์กับชาวมาอาคาห์จึงยังอาศัยอยู่ท่ามกลางอิสราเอลจนทุกวันนี้
14เฉพาะเผ่าเลวีเผ่าเดียวที่โมเสสไม่ได้มอบมรดกให้ เครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลเป็นมรดกของเขาดังที่พระองค์ตรัสไว้แก่เขาแล้ว
ดินแดนของเผ่ารูเบน
15และโมเสสได้มอบส่วนมรดกให้แก่เผ่ารูเบนตามตระกูลของพวกเขา 16ดังนั้นเขตแดนของพวกเขาจึงตั้งแต่อาโรเออร์ซึ่งอยู่ริมลุ่มน้ำอารโนน กับเมืองซึ่งอยู่กลางลุ่มน้ำนั้นและที่ราบสูงทั้งหมดข้างเมเดบา 17รวมทั้งเมืองเฮชโบน กับเมืองขึ้นทั้งสิ้นซึ่งอยู่บนที่ราบนั้น คือดีโบน และบาโมทบาอัล และเบธบาอัลเมโอน 18กับยาฮาส และเคเดโมท และเมฟาอาท 19และคีริยาธาอิม และสิบมาห์ และเศเรทชาหาร์ ซึ่งอยู่บนเนินเขาในลุ่มน้ำนั้น 20กับเบธเปโอร์ และที่ลาดภูเขาปิสกาห์และเมืองเบธเยชิโมท 21คือเมืองทั้งสิ้นซึ่งอยู่บนที่ราบสูง และราชอาณาจักรทั้งหมดของสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์ ผู้ทรงครองราชย์อยู่ในเฮชโบน ซึ่งโมเสสได้ทำให้พ่ายแพ้ พร้อมกับพวกผู้นำของชาวมีเดียนคือ เอวี เรเคม ศูร์ เฮอร์ และเรบา เป็นเจ้านายซึ่งขึ้นแก่กษัตริย์สิโหนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น 22อนึ่ง ประชาชนอิสราเอลได้ฆ่าบาลาอัมบุตรเบโอร์ผู้เป็นคนทำนายเสียด้วยดาบพร้อมกับคนอื่นที่เขาได้ฆ่านั้น 23อาณาเขตของคนรูเบนมีแม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดน นี่เป็นมรดกของคนรูเบนตามตระกูล รวมทั้งเมืองต่างๆ กับหมู่บ้านโดยรอบเมืองนั้นๆ ด้วย
ดินแดนของเผ่ากาด
24โมเสสได้มอบมรดกให้แก่คนเผ่ากาดตามตระกูลของเขาด้วย 25อาณาเขตของเขาคือยาเซอร์และเมืองทั้งหมดของกิเลอาด และครึ่งหนึ่งของแผ่นดินคนอัมโมนถึงอาโรเออร์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองรับบาห์ 26ตั้งแต่เมืองเฮชโบนจนถึงเมืองรามัทมิสเปห์และเบโทนิม และตั้งแต่มาหะนาอิมจนถึงเขตแดนเดบีร์ 27และในหุบเขา มีเมืองเบธฮารัม เบธนิมราห์ สุคคท และศาโฟน ราชอาณาจักรส่วนที่เหลือของสิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบน มีแม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดน จนจดทะเลคินเนเรท ตอนปลายล่าง ด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 28นี่เป็นมรดกของคนเผ่ากาดตามตระกูลของเขา รวมทั้งเมืองต่างๆ กับหมู่บ้านโดยรอบเมืองนั้นๆ ด้วย
ดินแดนของคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า(ด้านตะวันออก)
29อนึ่ง โมเสสได้มอบมรดกให้แก่คนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า เป็นส่วนแบ่งแก่คนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าตามตระกูลของเขา 30อาณาเขตของเขาทั้งหลายเริ่มตั้งแต่มาหะนาอิม ตลอดบาชานทั้งสิ้น คือราชอาณาจักรทั้งสิ้นของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน และเมืองทั้งหมดของยาอีร์มี 60 เมืองด้วยกันอยู่ในบาชาน 31และกิเลอาดครึ่งหนึ่ง และเมืองอัชทาโรทกับเมืองเอเดรอี เมืองต่างๆ ของราชอาณาจักรโอกในบาชาน เมืองเหล่านี้เป็นส่วนแบ่งของเชื้อสายมาคีร์บุตรมนัสเสห์ เป็นของครึ่งหนึ่งของเชื้อสายมาคีร์ ตามตระกูลของเขา
32นี่คือส่วนมรดกซึ่งโมเสสได้จัดสรร ณ ที่ราบโมอับฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น ทางทิศตะวันออกของเมืองเยรีโค 33แต่โมเสสไม่ได้มอบมรดกให้คนเผ่าเลวี พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงเป็นมรดกของพวกเขา ดังที่พระองค์ตรัสไว้แก่เขา
โยชูวา 14
การแบ่งดินแดนฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
1ต่อไปนี้เป็นส่วนมรดกที่ประชาชนอิสราเอลได้รับในแผ่นดินคานาอัน ซึ่งเอเลอาซาร์ปุโรหิตและโยชูวาบุตรนูนและหัวหน้าสกุลของเผ่าคนอิสราเอลได้แจกจ่ายให้แก่เขา 2พวกเขาจับฉลากแบ่งมรดกกันในระหว่างคนเก้าเผ่าครึ่งตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาทางโมเสส 3เพราะโมเสสได้ให้มรดกแก่สองเผ่าครึ่งทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนแล้ว แต่ท่านไม่ได้แบ่งให้พวกเลวี 4เพราะว่าพงศ์พันธุ์ของโยเซฟมีสองเผ่า คือมนัสเสห์และเอฟราอิม พวกเลวีไม่มีส่วนแบ่งในแผ่นดินนั้น ได้แต่เมืองต่างๆ ที่จะเข้าอาศัยอยู่ กับทุ่งหญ้ารอบเมืองสำหรับฝูงปศุสัตว์และทรัพย์สินของเขาเท่านั้น 5คนอิสราเอลได้แบ่งที่ดินกันตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้กับโมเสส
เฮโบรนเป็นส่วนแบ่งของคาเลบ
6แล้วคนยูดาห์มาหาโยชูวา ณ เมืองกิลกาล และคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ชาวตระกูลเคนัส ได้กล่าวแก่ท่านว่า “ท่านทราบเรื่อง ซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสคนของพระเจ้าที่คาเดชบารเนีย เกี่ยวกับท่านและข้าพเจ้าแล้ว 7เมื่อโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ใช้ให้ข้าพเจ้าไปจากคาเดชบารเนีย เพื่อสอดแนมดูแผ่นดิน ข้าพเจ้ามีอายุสี่สิบปี ข้าพเจ้าได้นำข่าวกลับมาแจ้งแก่ท่านตามความคิดเห็นของข้าพเจ้า 8แต่ส่วนพี่น้องซึ่งขึ้นไปพร้อมกับข้าพเจ้าได้ทำให้ประชาชนใจเสีย แต่ข้าพเจ้าได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างสุดใจ 9ในวันนั้นโมเสสได้สาบานว่า ‘แท้จริงแผ่นดินซึ่งเท้าของท่านได้เหยียบย่ำไปนั้น จะตกเป็นมรดกของท่านและของบุตรหลานของท่านสืบไปเป็นนิตย์ เพราะว่าท่านได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างสุดใจ’ 10และบัดนี้ ดูสิ พระยาห์เวห์ยังทรงให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ตลอดสี่สิบห้าปีนี้ ดังที่พระองค์ตรัสไว้ ตั้งแต่พระยาห์เวห์ตรัสเช่นนี้แก่โมเสส เมื่อคนอิสราเอลเดินทางอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และนี่แน่ะ วันนี้ข้าพเจ้ามีอายุแปดสิบห้าปีแล้ว 11ข้าพเจ้ายังมีกำลังแข็งแรง เช่นเดียวกับวันที่โมเสสใช้ให้ข้าพเจ้าไป กำลังของข้าพเจ้าในการทำศึกสงครามหรือออกไปและเข้ามา เดี๋ยวนี้ก็เป็นเหมือนครั้งนั้น 12เพราะฉะนั้นขอมอบแดนเทือกเขานี้ ซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสในวันนั้นให้แก่ข้าพเจ้า เพราะท่านได้ยินในวันนั้นแล้วว่าคนอานาคอยู่ที่นั่น มีเมืองใหญ่ที่มีกำแพงล้อมอย่างเข้มแข็ง บางทีพระยาห์เวห์จะสถิตกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็จะขับไล่เขาออกไปได้ ดังที่พระยาห์เวห์ตรัสไว้แล้ว”
13แล้วโยชูวาก็อวยพรท่านและยกเมืองเฮโบรนให้คาเลบบุตรเยฟุนเนห์เป็นมรดก 14เฮโบรนจึงตกเป็นมรดกแก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ตระกูลเคนัสจนทุกวันนี้ เพราะว่าท่านติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลอย่างสุดใจ 15เมืองเฮโบรนนั้นแต่เดิมมีชื่อว่าคีริยาทอารบาแปลว่า เมืองของอารบา อารบาคนนี้เป็นคนใหญ่โตที่สุดในคนอานาค แผ่นดินจึงได้สงบจากการศึกสงคราม
อรรถาธิบาย
มันจะไม่มีวันจบสิ้นสำหรับผู้ที่ ‘จบดี’
คนที่จบดีมักจะมีวาระที่ยังไม่เสร็จ คุณสามารถพูดได้ว่า ‘มันยังไม่จบ’
เราเห็นหัวข้อ ‘วาระที่ยังไม่เสร็จสิ้น’ ในชีวิตของโยชูวาอีกครั้ง ‘เมื่อโยชูวาถึงวัยที่น่าเคารพนับถือ พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “เจ้ามีชีวิตที่ดีแต่ยังมีแผ่นดินอีกมากที่ยังไม่ได้ยึดครอง”’ (13:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
จงรับแรงบันดาลใจจากตัวอย่างของโยชูวา เขาติดตามพระเจ้าอย่าง เช่นเดียวกับคาเลบ ผู้ซึ่งสามารถพูดได้เช่นกันว่า ‘ท่านได้ติดตามพระยาเวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างสุดใจ’ (14:9) ‘เขาถวายตัวแด่พระเจ้าโดยสิ้นเชิง’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คาเลบไม่เพียงแต่ติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจเมื่อตอนอายุสี่สิบ (ข้อ 7) แต่เขายังคงทำเช่นนั้นเมื่ออายุแปดสิบห้าปีด้วย (ข้อ 10 อายุเท่ากับเลสลี นิวบิกิน ในตอนที่เขากล่าวคำบรรยายที่น่าทึ่ง) นี่คือความท้าทายในการที่จะจบดี ที่ไม่ให้สูญเสียซึ่งความรักครั้งแรกของคุณแต่จงจดจ่อไปที่พระเยซู
ผลลัพธ์ของคาเลบคือ ‘กำลัง’ คาเลบสามารถพูดได้ว่า ‘ข้าพเจ้ายังมีกำลังแข็งแรง เช่นเดียวกับวันที่โมเสสใช้ให้ข้าพเจ้าไป’ (ข้อ 11) สำหรับเขาแล้วมันคือกำลังทางร่างกายเช่นเดียวกับกำลังที่มาจากลักษณะภายใน แต่สำหรับทุกคนที่ถวายตัวแด่พระเจ้าอย่างสิ้นเชิง นั่นคือกำลังที่อยู่ภายในอันมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระเยซูทรงสัญญาไว้กับคุณและผม คุณต้องการกำลังที่อยู่ภายในอันมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้ หากคุณอยากจบดีและเต็มเต็มการทรงเรียกในการแสวงหาการเติมเต็มวาระใหม่ของพระเยซู คุณจำเป็นต้องรับเอากำลังที่อยู่ภายในอันมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
ลูกา 24:39
‘ดูที่มือและเท้าของเรา’
ในการเดินทางไปอินเดียครั้งหนึ่งของเรา เราถูกขอให้พูดคุยกับพนักงานบางคนจากโรงแรม The Oberoi และ โรงแรมทัชมาฮาล โรงแรมทั้งสองแห่งเคยเป็นเป้าหมายของการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในเดือนพฤศจิกายน 2008 หลายคนเสียชีวิต คนอื่น ๆ ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่หลายคนต้องทนทุกข์กับการบาดเจ็บ ซ่อนตัวระหว่างการปิดล้อมและเห็นเพื่อนและแขกของโรงแรมถูกยิงต่อหน้าพวกเขา
เมื่อฉันลุกขึ้นยืนต่อหน้าพวกเขา ฉันก็รู้สึกหนักใจกับความเจ็บปวดและความบอบช้ำที่พวกเขาเคยผ่านมาและรู้สึกต่ำต้อย ขณะที่ฉันค้นหาถ้อยคำมากมาย ฉันนึกถึงพระคำนี้ ที่พระเยซูทรงประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขาและตรัสว่า ‘สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด’ (ข้อ 36) และสำแดงให้พวกเขาเห็นพระหัตถ์และพระบาทของพระองค์ แม้หลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ก็ยังคงทรงแบกเอารอยแผลเป็นแห่งความทุกข์ทรมานของพระองค์ไปชั่วนิรันดร์
ข้อพระคำประจำวัน
ลูกา 24:36
‘สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)