การแทนที่ด้วยความรักของพระเจ้า
เกริ่นนำ
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมีชื่อว่าลิซ เธอกำลังทุกข์ทรมานจากโรคร้ายที่หายากและร้ายแรง โอกาสเดียวที่จะรักษาเธอได้คือการถ่ายเลือดจากพี่ชายวัย 5 ขวบของเธอ ซึ่งรอดชีวิตจากโรคเดียวกันได้อย่างปาฏิหาริย์ และร่างกายของเขาได้สร้างภูมิต้านทานขึ้น คุณหมออธิบายสถานการณ์และถามเด็กชายว่าเขาจะเต็มใจให้เลือดกับน้องสาวของเขาหรือไม่ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า ‘ครับ ผมจะทำ ถ้ามันจะช่วยเธอได้’
ในขณะที่กระบวนการถ่ายเลือดได้ดำเนินไป เด็กชายก็นอนอยู่บนเตียง ข้างกับน้องสาวของเขา ทั้งคู่ยิ้มให้กัน แก้มของเด็กหญิงเริ่มมีสีระเรื่อ แต่หน้าของเด็กชายกลับซีดลง และรอยยิ้มของเขาก็จางไป เขาเงยหน้าขึ้นมองคุณหมอ และถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ‘ผมกำลังจะตายใช่ไหมครับ?’
เด็กชายเข้าใจคุณหมอผิด เขาคิดว่าเขาจะต้องให้เลือดทั้งหมดแก่น้องสาวของเขาเพื่อช่วยเธอให้มีชีวิต เด็กชายคนนี้รักน้องสาวของเขามากจนเขายอมตายแทนเธอ เรื่องนี้ (อาจเป็นเรื่องสมมติ) เป็นเพียงภาพสะท้อนถึงความหมายของการแทนที่ด้วยความรัก
พระเจ้าทรงรักคุณ ข้อความที่น่าอัศจรรย์ และน่าประหลาดใจซึ่งปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์คือ พระเจ้าเสด็จมายังโลกนี้ในสภาพของพระบุตรของพระองค์นั่นคือองค์พระเยซูคริสต์ และทรงวายพระชนม์แทนคุณ คำพูด ภาพฉาย อุปมา รูปภาพ และภาพประกอบ (เช่นเด็กชายวัย 5 ขวบ) นั้นสามารถช่วยให้เราเข้าใจได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายความรักอันสุดจะพรรณนาของพระเจ้าได้อย่างสมบูรณ์ พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เพื่อขจัดสิ่งเลวร้ายทั้งหมด พระองค์สิ้นพระชนม์แทนคุณและผม (มาระโก 10:45)
สดุดี 51:1-9
คำอธิษฐานขอการชำระและการอภัยบาป
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด เมื่อนาธันผู้เผยพระวจนะมาเฝ้าท่านหลังจากที่ท่านเข้าหานางบัทเชบาแล้ว
1ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์ ตามความรักมั่นคงของพระองค์
ตามพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ ขอทรงลบบรรดาการละเมิดของข้าพระองค์
2ขอทรงล้างข้าพระองค์ให้หมดจดจากความชั่วของข้าพระองค์
และขอทรงชำระข้าพระองค์จากบาปของข้าพระองค์
3เพราะข้าพระองค์ทราบถึงการละเมิดของข้าพระองค์แล้ว
และบาปของข้าพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพระองค์เสมอ
4ข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ ต่อพระองค์เท่านั้น
และได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรพระองค์
ดังนั้น พระองค์ทรงชอบธรรมในการพิพากษา
และไร้ตำหนิในการตัดสินนั้น
5แท้จริง ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่ว
และข้าพระองค์เป็นคนบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
6แน่ทีเดียว พระองค์ทรงประสงค์ความจริงในใจ
เพราะฉะนั้น ขอทรงสอนสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในที่ลี้ลับ
7ขอทรงชำระมลทินจากข้าพระองค์ด้วยต้นหุสบ
มลทิน ข้าพระองค์จึงจะสะอาด
ขอทรงล้างข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขาวกว่าหิมะ
8ขอทรงให้ข้าพระองค์ได้ยินความปีติและความยินดี
ขอกระดูกซึ่งพระองค์ทรงหักนั้นเปรมปรีดิ์
9ขอซ่อนพระพักตร์พระองค์จากบาปทั้งหลายของข้าพระองค์
และขอทรงลบความชั่วทั้งสิ้นของข้าพระองค์
อรรถาธิบาย
ความบาปของฉัน
ดาวิดร้องทูลต่อพระเจ้า ‘ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์’ (ข้อ 1) ผมมักจะใช้สดุดีตอนนี้เป็นคำอธิษฐานสารภาพบาป ดาวิดเขียนสดุดีนี้เมื่อผู้เผยพระวจนะนาธันมาท้าทายท่านหลังจากที่ดาวิดล่วงประเวณีกับบัทเชบา (แล้วก็ได้ทำผิดบาปอย่างมากในการพยายามปกปิดการกระทำของตน)
คุณอธิษฐานถึงใคร?
คำอธิษฐานขอความเมตตาและการให้อภัยจากพระเจ้านี้ มีรากฐานมาจากความเข้าใจของดาวิดเกี่ยวกับพระลักษณะของพระเจ้า เขาอธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์ ตามความรักมั่นคงของพระองค์ ตามพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ ขอทรงลบบรรดาการละเมิดของข้าพระองค์’ (ข้อ 1)คุณสารภาพอะไร?
ดาวิดสารภาพความชั่วของเขา (ข้อ 2) การล่วงละเมิด (ข้อ 1ข, 3ก) และบาปของเขา (ข้อ 2ข, 3ข) เขากล่าวว่า ‘แท้จริง ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่ว และข้าพระองค์เป็นคนบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา’ (ข้อ 5) คำอธิษฐานนี้เป็นการตอบสนองต่อบาปบางอย่าง แต่ดาวิดตระหนักดีว่ามีปัญหาที่ลึกซึ้งกว่านั้นด้วย บาปไม่ได้เป็นเพียงการกระทำชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ภายในมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิด
พระเจ้าปรารถนาความจริง ‘ในใจ’ และ ‘ในที่ลี้ลับ’ (ข้อ 6) พระองค์ต้องการให้คุณซื่อสัตย์ เปิดเผย และจริงใจกับพระองค์เกี่ยวกับตัวคุณและบาปของคุณ
- คุณต้องการอะไร?
ดาวิดร้องทูลขอความเมตตา เขาร้องขอการชำระจากพระเจ้า ‘ขอทรงล้างความบาปของข้าพระองค์ด้วยการชำระจากพระองค์’ (ข้อ 2ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ขอการชำระ: ‘ขอทรงชำระข้าพระองค์จากบาปของข้าพระองค์’ (ข้อ 2ข) ‘ขอทรงชำระมลทินจากข้าพระองค์ด้วยต้นหุสบ ข้าพระองค์จึงจะสะอาด’ (ข้อ 7ก) ร้องทูลขอให้บาปของคุณหมดไป: ‘ขอทรงลบล้างความชั่วของข้าพระองค์’ (ข้อ 1ค, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ขอทรงลบความชั่วทั้งสิ้นของข้าพระองค์’ (ข้อ 9ข)
อธิษฐานขอให้บาปของคุณถูกลบล้างอย่างหมดสิ้น เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงเห็นบาปใด ๆ: ‘ขอซ่อนพระพักตร์พระองค์จากบาปทั้งหลายของข้าพระองค์’ (ข้อ 9ก)
- ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?
ดาวิดกล่าวว่า ‘ขอทรงให้ข้าพระองค์ได้ยินความปีติและความยินดี ขอกระดูกซึ่งพระองค์ทรงหักนั้นเปรมปรีดิ์’ (ข้อ 8) ไม่มีอะไรสามารถเทียบได้กับความปีติ ความยินดี และความเปรมปรีดิ์ ที่มาจากการให้อภัย ดาวิดรู้ว่าพระเจ้าจะทรงให้อภัยด้วยพระเมตตา ความรัก และความเห็นอกเห็นใจของพระองค์ แต่สิ่งที่เขาเห็นไม่ชัดเจนและเป็นสิ่งที่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เท่านั้นที่เปิดเผยอย่างครบถ้วน คือวิธีที่พระเจ้าทรงกระทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้
คำอธิษฐาน
ลูกา 22:63-23:25
การเยาะเย้ยและการโบยตีพระเยซู
63พวกที่คุมพระเยซูก็เยาะเย้ยโบยตีพระองค์ 64และเมื่อพวกเขาเอาผ้าผูกปิดพระเนตรของพระองค์แล้ว พวกเขาก็ถามว่า “ทำนายซิว่าใครตบเจ้า” 65แล้วพวกเขายังพูดคำหยาบช้าต่อพระองค์อีกหลายอย่าง
พระเยซูทรงอยู่ต่อหน้าสภายิว
66พอรุ่งเช้าพวกผู้ใหญ่ของประชาชนกับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ก็มาประชุมกัน เขาพาพระองค์เข้าไปในสภาของพวกเขาและพูดว่า 67“ถ้าเจ้าเป็นพระคริสต์ ก็จงบอกเรา” แต่พระองค์ทรงตอบเขาว่า “ถึงเราบอกพวกท่าน ท่านก็ไม่เชื่อ 68และถึงเราถามท่าน ท่านก็ไม่ตอบเรา 69อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นี้ไป บุตรมนุษย์จะนั่งด้านขวาของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ” 70พวกเขาทุกคนจึงถามว่า “เจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้าหรือ?” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ก็ท่านพูดแล้วว่าเราเป็น” 71พวกเขาจึงพูดว่า “เราต้องการพยานอะไรอีก? เพราะว่าเราได้ยินจากปากของเขาเองแล้ว”
ลูกา 23
พระเยซูทรงถูกนำมาหาปีลาต
1พวกเขาจึงลุกขึ้นพร้อมกันและพาพระองค์ไปหาปีลาต 2และตั้งข้อกล่าวหาว่า “เราพบว่าคนนี้กำลังทำให้ชนชาติของเราไขว้เขวและไม่ให้ส่งส่วยแก่ซีซาร์ และบอกว่าตัวเองเป็นพระคริสต์กษัตริย์องค์หนึ่ง” 3ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “เจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ?” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ก็ท่านพูดเองแล้ว”แปลได้อีกว่า ท่านว่าถูกแล้ว 4ปีลาตจึงกล่าวกับพวกหัวหน้าปุโรหิตและฝูงชนว่า “เราไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิด” 5แต่พวกเขายืนกรานว่า “คนนี้ยุยงประชาชนให้วุ่นวายและสั่งสอนไปทั่วยูเดีย ตั้งแต่กาลิลีจนถึงที่นี่”
พระเยซูทรงอยู่ต่อหน้าเฮโรด
6เมื่อปีลาตได้ยิน ท่านจึงถามว่า “คนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือ?” 7เมื่อทราบว่าพระองค์เป็นคนในท้องที่ของเฮโรด ท่านจึงส่งพระองค์ไปหาเฮโรดซึ่งพักอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้น 8เมื่อเฮโรดเห็นพระเยซูก็ดีใจมาก เพราะท่านเคยได้ยินถึงพระองค์มานานแล้ว ท่านอยากจะพบพระองค์และหวังที่จะได้เห็นพระองค์ทำหมายสำคัญบ้าง 9ท่านจึงซักถามพระองค์หลายข้อ แต่พระองค์ไม่ทรงตอบอะไรเลย 10พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ซึ่งยืนอยู่ที่นั่นกล่าวหาพระองค์อย่างรุนแรง 11เฮโรดกับพวกทหารของท่านก็ดูหมิ่นและเยาะเย้ยพระองค์ เมื่อเอาเสื้อผ้าที่สวยงามมาสวมให้พระองค์แล้วก็ส่งกลับไปหาปีลาตอีก 12ปีลาตกับเฮโรดคืนดีกันในวันนั้น เพราะแต่ก่อนเป็นศัตรูกัน
การทรงถูกพิพากษาให้ประหารชีวิต
13ปีลาตจึงสั่งพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกผู้นำ และประชาชนให้ประชุมพร้อมกัน 14และกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านพาคนนี้มาหาเรา กล่าวหาว่าเขายุยงประชาชน นี่แน่ะ เราไต่สวนต่อหน้าพวกท่านแล้ว และไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิดในข้อที่ท่านกล่าวหาเขา 15และเฮโรดก็ไม่เห็นว่าเขามีความผิดด้วย เพราะเฮโรดส่งตัวเขากลับมาหาเราอีก นี่แน่ะ คนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรที่สมควรจะมีโทษถึงตาย 16เพราะฉะนั้นหลังจากที่เราเฆี่ยนเขาแล้ว เราก็จะปล่อยไป” 17ท่านต้องปล่อยคนหนึ่งให้พวกเขาในเทศกาลนั้น
18แต่ฝูงชนร้องขึ้นพร้อมกันว่า “จงเอาคนนี้ไปจัดการ และปล่อยบารับบัสให้เรา” 19บารับบัสนั้นติดคุกอยู่เพราะก่อการจลาจลในเมืองและฆ่าคน 20แต่ปีลาตนั้นยังต้องการปล่อยพระเยซู จึงพูดกับพวกเขาอีกครั้ง 21แต่เขากลับร้องตะโกนว่า “เอาไปตรึง เอาไปตรึงที่กางเขน” 22ปีลาตจึงถามพวกเขาเป็นครั้งที่สามว่า “ตรึงทำไม? เขาทำผิดอะไร? เราไม่พบเหตุผลอะไรที่เขาสมควรจะตาย เพราะฉะนั้นหลังจากที่เราเฆี่ยนเขาแล้วก็จะปล่อยไป” 23แต่พวกเขาส่งเสียงดังเร่งรัดให้เอาพระเยซูไปตรึง แล้วเสียงของเขาก็ชนะ 24ปีลาตจึงสั่งให้เป็นไปตามที่พวกเขาปรารถนา 25ท่านจึงปล่อยคนที่เขาขอนั้น ซึ่งติดคุกเพราะก่อการจลาจลและฆ่าคน แล้วท่านมอบพระเยซูไว้ตามความประสงค์ของพวกเขา
อรรถาธิบาย
การเสียสละของพระเยซู
ลูกาไม่เพียงแต่บันทึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเท่านั้น เขายังพยายามแสดงให้เราเห็นถึงความจริงอันน่าทึ่งว่าเพราะเหตุใดพระเยซูจึงสิ้นพระชนม์ พระเยซูไม่เหมือนกับเด็ก 5 ขวบคนนั้น ที่จริงแล้วพระเยซูยอมสละชีวิตเพื่อช่วยชีวิตคุณและผม ลูกาช่วยทำให้เราเข้าใจการทดแทนนี้:
พระเยซูทรงอดทนต่อสิ่งใดบ้างเพื่อคุณ?
พระเยซูถูกเยาะเย้ย (22:63; 23:11) ถูกโบยตี (22:63) ถูกดูหมิ่น (ข้อ 65) ถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ (23:10) ถูกดูหมิ่น (ข้อ 11) และในที่สุดก็ถูกตรึงที่กางเขน (ข้อ 23) ลูกาสรุปด้วยถ้อยคำอันเยือกเย็นคือปีลาต ‘มอบพระเยซูไว้ตามความประสงค์ของพวกเขา’ (ข้อ 25)ใครเป็นผู้รับผิดชอบ?
ลูกาอธิบายชัดเจนว่าทุกคนล้วนต้องรับผิดชอบ ทั้งพวกผู้ใหญ่ของประชาชน พวกหัวหน้าปุโรหิต พวกธรรมาจารย์ (22:66) สภาทั้งหมด (23:1) เฮโรดและปีลาต (22:66–23:25) ทุกคนต่างเล่นตามบทบาทของตน (การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเป็นเหตุให้เฮโรดและปีลาตเป็นเพื่อนกัน ‘เพื่อนซี้’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ซึ่งก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยเป็นศัตรูกัน การมีศัตรูคนเดียวกันก็อาจทำให้มีเพื่อนเพิ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ!) ลูกกากล่าวว่าพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกผู้นำ และประชาชน (ข้อ 13) ต่างรวมความคิดเป็นหนึ่งเดียวกัน: ‘ร้องขึ้นพร้อมกัน’ (ข้อ 18) เราไม่สามารถตำหนิชาวยิว หรือ ชาวโรมัน หรือใครก็ตาม เพราะสุดท้ายแล้วเราทุกคนล้วนต้องรับผิดชอบใครกันที่ตายแทนคุณ?
นี่ไม่ใช่แค่ ‘บุคคลที่สาม’ ซึ่งได้ถูกพระเจ้าลงโทษแทนเรา ในทางตรงกันข้ามพระเจ้าเองได้เสด็จมาในสภาพของพระเยซูพระบุตรของพระองค์เพื่อสิ้นพระชนม์เพื่อคุณและผม พระเจ้าได้กระทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ชาวยิวหวังว่าจะมีพระเมสสิยาห์และพระผู้ช่วยให้รอด แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นพระเจ้าเอง
คริสตจักรในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ซึ่งเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตระหนักว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ใด เราเห็นถึงความพิเศษเฉพาะตัวของพระเยซูในพระนามที่พระองค์ทรงใช้เรียกตัวพระองค์เอง
พระองค์ทรงเป็นบุตรมนุษย์ บุตรมนุษย์ที่จะนั่งด้านขวาของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ (22:69) เป็นที่ชัดเจนว่าพระเยซูทรงใช้ตำแหน่งนี้ในฐานะพระเมสสิยาห์
พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์กษัตริย์ (23:2) ‘กษัตริย์ของพวกยิว’ (ข้อ 3) พระเมสสิยาห์ที่ประชาชนรอคอยมานาน
ที่น่าทึ่งที่สุดคือ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พวกเขาทุกคนจึงถามว่า ‘“เจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้าหรือ?’ พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ก็ท่านพูดแล้วว่าเราเป็น”’ (22:70) ดูเหมือนว่าพระเยซูกำลังใช้พระนามของพระเจ้า (‘เราเป็น’) การที่พระเยซูยืนยันความเป็นพระเจ้าของพระองค์เองนั้น ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่พอใจกับคำตอบของพระองค์ (ข้อ 71)
- การทดแทนคืออะไร?
ผู้บริสุทธิ์ที่ตายแทนผู้กระทำผิด พระเยซูทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เราเป็นผู้มีความผิด
แม้แต่ปีลาตที่ตัดสินประหารชีวิตเขาก็ยังกล่าวว่า ‘เราไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิด’ (23:4) เขาพูดซ้ำอีกครั้งว่า ‘…เราไต่สวนต่อหน้าพวกท่านแล้ว และไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิดในข้อที่ท่านกล่าวหาเขา...คนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรที่สมควรจะมีโทษถึงตาย’ (ข้อ 14-15) เขาพูดเป็นครั้งที่สามว่า ‘เขาทำผิดอะไร? เราไม่พบเหตุผลอะไรที่เขาสมควรจะตาย’ (ข้อ 22) ลูกาอธิบายชัดเจนแม่นยำว่า พระเยซูสิ้นพระชนม์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบุตรผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า (22:70-71)
ในทางกลับกัน บารับบัสก็เหมือนพวกเราที่มีความผิด ในกรณีของบารับบัสเขามีความผิดฐานก่อการจลาจลในเมืองและฆ่าคน (23:19, 25) ลูกาบอกใบ้เรื่องการแทนที่ ‘จงเอาคนนี้ไปจัดการ [เยซู]! และปล่อยบารับบัสให้เรา!’ (ข้อ 18) ‘ท่านจึงปล่อยคนที่เขาขอนั้น ซึ่งติดคุกเพราะก่อการจลาจลและฆ่าคน แล้วท่านมอบพระเยซูไว้ตามความประสงค์ของพวกเขา’ (ข้อ 25)
คำอธิษฐาน
โยชูวา 8:1-9:15
เมืองอัยถูกยึดด้วยอุบายและถูกทำลาย
1พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า “อย่ากลัวหรือตกใจเลย จงนำทหารทั้งหมดไปกับเจ้า ลุกขึ้นไปยังเมืองอัยเถิด นี่แน่ะ เราได้มอบกษัตริย์แห่งอัยไว้ในมือเจ้าแล้ว พร้อมทั้งประชาชนของเขา เมืองของเขาและแผ่นดินของเขาด้วย 2เจ้าจงทำต่อเมืองอัยและกษัตริย์ของเมืองนั้นเช่นเดียวกับที่เจ้าทำต่อเมืองเยรีโคและกษัตริย์ของเมืองนั้น แต่ข้าวของและสัตว์เลี้ยงที่ริบมานั้นตกเป็นของเจ้าได้ จงตั้งกองซุ่มไว้ที่ข้างหลังเมือง”
3โยชูวาจึงลุกขึ้นพร้อมกับทหารไปยังเมืองอัย และโยชูวาได้คัดนักรบกล้าหาญ 30,000 คน ให้ยกไปในเวลากลางคืน 4และท่านบัญชาเขาว่า “นี่แน่ะ ท่านจงซุ่มอยู่ข้างหลังเมือง อย่าให้ห่างไกลจากเมืองนัก และให้เตรียมตัวไว้พร้อมทุกคน 5ส่วนข้าพเจ้าและประชาชนทั้งหมดที่อยู่กับข้าพเจ้าจะเข้าไปถึงตัวเมือง และเมื่อพวกเขาออกมาต่อสู้เราอย่างคราวก่อน เราก็จะถอยหนีไปต่อหน้าเขา 6เขาจะตามเราออกมาจนกระทั่งเราจะลวงเขาให้ออกห่างจากตัวเมือง เพราะเขาจะพูดว่า ‘พวกเขากำลังหนีจากเราอย่างคราวก่อน’ และเราก็จะหนีไปต่อหน้าเขา 7แล้วพวกท่านจงลุกจากที่ซุ่มเข้ายึดเมืองนั้นไว้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในมือท่าน 8และเมื่อพวกท่านเข้ายึดเมืองได้แล้ว ท่านจงจุดไฟเผาเมืองเสีย จงทำตามที่พระยาห์เวห์ตรัสสั่ง ดูสิ ข้าพเจ้าได้บัญชาท่านไว้แล้ว” 9แล้วโยชูวาก็ให้พวกเขาไป เขาก็ออกไปยังที่ซุ่มอยู่ระหว่างเบธเอลกับเมืองอัยทางทิศตะวันตกของเมืองอัย แต่คืนวันนั้นโยชูวานอนค้างอยู่กับประชาชน
10โยชูวาลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ออกตรวจพล แล้วขึ้นไปพร้อมกับพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอลนำหน้าประชาชนไปเมืองอัย 11ทหารทุกคนที่อยู่กับท่านก็ขึ้นไปแล้วรุกใกล้ตัวเมืองเข้าไป และตั้งค่ายอยู่ด้านเหนือของเมืองอัย มีหุบเขาคั่นระหว่างพวกเขากับเมืองอัย 12และท่านจัดคนประมาณ 5,000 คน ให้เขาแอบซุ่มอยู่ระหว่างเมืองเบธเอลกับเมืองอัยทางทิศตะวันตกของตัวเมือง 13ดังนั้นเขาทั้งหลายก็วางกำลังรบให้กองหลวงอยู่ด้านเหนือของเมือง และกองระวังหลังอยู่ด้านตะวันตกของเมือง ในคืนวันนั้นโยชูวาไปอยู่กลางหุบเขา 14ต่อมาเมื่อกษัตริย์แห่งอัยทรงเห็นดังนั้น พระองค์และประชาชนทั้งหมดของพระองค์ก็รีบลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ออกไปสู้รบกับอิสราเอล ณ ที่ปะทะกันตรงหน้าที่ราบ แต่พระองค์ไม่ทราบว่ามีกองซุ่มคอยต่อสู้พระองค์อยู่ข้างหลังเมือง 15โยชูวาและอิสราเอลทั้งหมดทำทีเหมือนถูกตีพ่ายไปต่อหน้าพวกเขา แล้วหนีไปทางถิ่นทุรกันดาร 16ทุกคนในเมืองก็ถูกเรียกให้ตามออกไป เมื่อพวกเขาไล่ตามโยชูวาไปนั้นเขาก็ถูกลวงให้ออกห่างจากเมือง 17ไม่มีชายสักคนหนึ่งเหลืออยู่ในเมืองอัยหรือเมืองเบธเอล ที่ไม่ได้ออกไปไล่ตามอิสราเอล พวกเขาปล่อยให้เมืองเปิดอยู่และไล่ตามอิสราเอลไป
18แล้วพระยาห์เวห์ตรัสสั่งโยชูวาว่า “จงยื่นหอกซึ่งอยู่ในมือของเจ้าออกตรงไปยังเมืองอัย เพราะเราจะมอบเมืองนั้นไว้ในมือของเจ้า” แล้วโยชูวาก็ยื่นหอกซึ่งอยู่ในมือออกไปยังเมืองนั้น 19ทหารที่ซุ่มอยู่ก็ลุกออกจากที่ซ่อนอย่างรวดเร็ว พอโยชูวายื่นมือของท่านออก ทหารก็วิ่งตรงเข้าไปในเมืองและยึดเมืองไว้ แล้วพวกเขาก็รีบจุดไฟเผาเมือง 20เมื่อชาวเมืองอัยเหลียวหลังมาดู นี่แน่ะ ควันไฟที่ไหม้เมืองได้พลุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า เขาก็หมดแรงที่จะหนีไปทางไหนได้ เพราะว่าคนที่หนีไปทางถิ่นทุรกันดารก็หันกลับมาต่อสู้กับผู้ที่ไล่ตาม 21เมื่อโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งหมดเห็นว่ากองซุ่มยึดเมืองได้แล้ว และควันไฟที่ไหม้เมืองได้พลุ่งขึ้น พวกเขาก็หันกลับมาโจมตีชาวเมืองอัย 22คนอื่นๆ ก็ออกมาจากเมืองสู้รบกับพวกเขา ทำให้พวกเขาอยู่ระหว่างกลางอิสราเอล ผู้อยู่ข้างนี้บ้างข้างโน้นบ้าง และคนอิสราเอลก็โจมตีเขาจนไม่มีสักคนหนึ่งรอดชีวิตหรือหนีไปได้ 23แต่กษัตริย์แห่งอัยถูกจับเป็นและถูกคุมตัวมาหาโยชูวา
24เมื่ออิสราเอลเสร็จสิ้นการฆ่าฟันชาวเมืองอัยในทุ่งในถิ่นทุรกันดารที่พวกเขาไล่ตามไปนั้น และคนเหล่านั้นล้มตายหมดด้วยคมดาบจนคนสุดท้าย อิสราเอลทั้งหมดก็กลับเข้าเมืองอัย โจมตีคนในเมืองด้วยคมดาบ 25คนที่ล้มตายทั้งหมดในวันนั้นทั้งชายและหญิง 12,000 คน คือชาวเมืองอัยทั้งหมด 26เพราะโยชูวาไม่ได้หดมือที่ถือหอกยื่นอยู่นั้น จนกว่าจะได้ผลาญชาวเมืองอัยพินาศสิ้น 27แต่อิสราเอลได้ริบเอาฝูงสัตว์เลี้ยงและข้าวของของเมืองนั้นเป็นของตน ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งทรงบัญชาไว้แก่โยชูวา 28ดังนี้แหละโยชูวาจึงเผาเมืองอัยเสีย ทำให้เป็นกองซากปรักหักพังอยู่เป็นนิตย์ เป็นที่ร้างเปล่ามาจนถึงทุกวันนี้ 29และท่านแขวนกษัตริย์แห่งอัยไว้ที่ต้นไม้จนถึงเวลาเย็น เมื่อดวงอาทิตย์ตกโยชูวาจึงบัญชาและเขาก็ปลดพระศพลงจากต้นไม้ นำไปทิ้งไว้ที่ทางเข้าประตูเมือง แล้วเอาหินถมทับไว้เป็นกองใหญ่ซึ่งยังอยู่จนทุกวันนี้
โยชูวารื้อฟื้นพันธสัญญา
30แล้วโยชูวาได้สร้างแท่นบูชาที่ภูเขาเอบาลถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล 31ดังที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์บัญชาประชาชนอิสราเอล ตามที่จารึกไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสสว่า “แท่นบูชาทำด้วยหินล้วน ซึ่งไม่มีใครใช้เครื่องมือเหล็กตกแต่งเลย” แล้วพวกเขาก็ถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์บนแท่นนั้น และถวายศานติบูชา 32ณ ที่นั้นท่านเขียนธรรมบัญญัติของโมเสสบนหินต่อหน้าประชาชนอิสราเอล ซึ่งเป็นสิ่งที่โมเสสได้เขียนไว้ 33อิสราเอลทั้งหมด ทั้งคนต่างด้าวและคนที่เกิดในอิสราเอล พร้อมทั้งผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่และผู้พิพากษายืนอยู่ทั้งสองข้างของหีบ ต่อหน้าคนเลวีที่เป็นปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ ครึ่งหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าภูเขาเกริซิม อีกครึ่งหนึ่งข้างหน้าภูเขาเอบาล ดังที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้บัญชาไว้ในครั้งแรกให้พวกเขาอวยพรแก่คนอิสราเอล 34หลังจากนั้นท่านจึงอ่านถ้อยคำในธรรมบัญญัติเป็นคำอวยพรและคำแช่งสาป ตามที่มีจารึกไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติทุกประการ 35ไม่มีคำซึ่งโมเสสได้บัญชาไว้สักคำเดียวที่โยชูวาไม่ได้อ่านต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด รวมทั้งผู้หญิงกับเด็กๆ และคนต่างด้าวที่อยู่ในหมู่พวกเขา
โยชูวา 9
ชาวกิเบโอนใช้กลอุบายเอาตัวรอด
1เมื่อพวกกษัตริย์ที่อยู่ฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คือที่อยู่ในแดนเทือกเขาและในที่ลุ่ม และตามชายฝั่งทะเลใหญ่จนถึงเลบานอน เป็นคนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนคานาอัน คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุสได้ยินข่าวนี้ 2จึงพร้อมใจร่วมกำลังกันจะต่อสู้โยชูวาและอิสราเอล
3แต่เมื่อชาวกิเบโอนได้ยินถึงสิ่งซึ่งโยชูวาทำต่อเมืองเยรีโคและเมืองอัย 4พวกเขาจึงทำการโดยใช้กลอุบาย คือออกไปและทำเป็นผู้สื่อสาร เอากระสอบขาดๆ บรรทุกบนลาของเขา กับถุงหนังบรรจุเหล้าองุ่นที่เก่าขาดและมีรอยปะ 5สวมรองเท้าเก่าปุปะ และสวมเสื้อผ้าเก่า ส่วนขนมปังทั้งหมดที่เป็นเสบียงอาหารก็แห้งมีราขึ้น 6เขาเดินทางมาหาโยชูวาที่ค่าย ณ เมืองกิลกาล กล่าวแก่ท่านและคนอิสราเอลว่า “พวกเรามาจากประเทศที่ห่างไกล ขอทำพันธสัญญากับเราเถิด” 7แต่คนอิสราเอลกล่าวแก่คนฮีไวต์เหล่านั้นว่า “บางทีเจ้าอาจจะอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเรา เราจะทำพันธสัญญากับเจ้าได้อย่างไร?” 8เขากล่าวแก่โยชูวาว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน” และโยชูวากล่าวแก่เขาว่า “พวกเจ้าเป็นใครกันและมาจากที่ไหน?” 9เขาตอบท่านว่า “ผู้รับใช้ของท่านมาจากประเทศที่ไกลมาก เนื่องด้วยพระนามแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เราได้ทราบถึงกิตติศัพท์ของพระองค์และพระราชกิจทั้งสิ้นที่พระองค์ทรงทำในอียิปต์ 10และทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำต่อกษัตริย์คนอาโมไรต์ทั้งสองพระองค์ผู้อยู่ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน คือสิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบน และโอกกษัตริย์แห่งบาชานผู้อยู่ที่อัชทาโรท 11ด้วยเหตุนี้ พวกผู้ใหญ่ และผู้คนทั้งสิ้นในดินแดนของเรา จึงกล่าวแก่เราว่า ‘จงเอาเสบียงสำหรับเดินทางไปหาพวกเขา เรียนเขาว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน ขอทำพันธสัญญากับเราเถิด” ’ 12ขนมปังของเรานี้ในวันที่เราออกมาหาพวกท่าน เราเอาออกจากบ้านเมื่อยังร้อนๆ อยู่เพื่อใช้เป็นอาหารรับประทานตามทาง แต่บัดนี้ ดูสิ แห้งและราขึ้นแล้ว 13ถุงนี้เมื่อเราเติมเหล้าองุ่นก็ยังใหม่อยู่ แต่นี่แน่ะ มันขาดแล้ว เสื้อผ้าและรองเท้าของเราก็เก่า เพราะหนทางไกลมาก” 14คนเหล่านั้นก็รับเสบียงของเขามา แต่ไม่ได้ทูลขอการแนะนำจากพระยาห์เวห์ 15และโยชูวาก็ทำสัญญาสันติภาพกับพวกเขา และทำพันธสัญญากับเขาให้ไว้ชีวิตพวกเขา และพวกผู้นำของชุมนุมชนก็สาบานต่อเขา
อรรถาธิบาย
อำนาจอธิปไตยของพระเจ้า
พระเจ้าทรงมีวัตถุประสงค์สำหรับชีวิตของคุณ พระองค์ทรงครอบครองทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงสามารถใช้ความชั่วที่ท่านได้ทำลงไปหรือที่กระทำแก่ท่านให้กลับเป็นสิ่งดีได้ (โรม 8:28)
ในพระธรรมตอนนี้ เราจะเห็นตัวอย่างของการที่ประชากรของพระเจ้าล้มเหลวในการยึดเมืองอัยในอดีต (โยชูวา 7:4) ต่อมาพระเจ้าใช้ความล้มเหลวในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแห่งชัยชนะ (8:6–7) บางครั้งพระเจ้าก็ใช้แม้กระทั่งความบาปและความผิดพลาดในอดีตของคุณให้เกิดผลดี (แม้ว่านี่จะไม่ใช่ข้ออ้างในการทำบาปนั้นซ้ำอีกเหมือนอย่างที่อิสราเอลทำโดยไม่ถามพระเจ้าเกี่ยวกับชาวกิเบโอน 9:14)
แน่นอนที่สุด พระเจ้าได้ทรงเปลี่ยนความบาปและความล้มเหลวของมนุษยชาติที่นำไปสู่การตรึงกางเขนของพระเยซูให้เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลไม้กางเขนไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจอธิปไตยของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงมีพระประสงค์เพื่อทำให้การอภัยโทษและการชำระ การลบล้างและการปกปิดบาปของเราเป็นไปได้ ผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนไม้กางเขนเพื่อเรา พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรัก ‘เช่นนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเรา’ (1 ยอห์น 3:16)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สดุดี 51:1-9
นี่เป็นบทเพลงสดุดีที่เยี่ยมมาก หากคุณรู้สึกแย่หรือล้มเหลวหรือทำผิดพลาดร้ายแรง ไม่มีการกล่าวโทษตัวเองในสดุดีนี้ เราต้องรับผิดชอบต่อความยุ่งเหยิงในชีวิตของเราโดยไม่มีข้อแก้ตัว และปล่อยให้พระเจ้าชำระล้างมันออกไป เป็นการปลอบโยนอย่างยิ่งที่รู้ว่าดาวิดผู้ทำบาปร้ายแรง ได้รับการอภัยโทษและได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ชายอีกคนหนึ่งตามชอบพระทัยพระองค์’ (1 ซามูเอล 13:14; กิจการ 13:22)
ข้อพระคำประจำวัน
โยชูวา 8:1
‘อย่ากลัวหรือตกใจเลย…’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)