วัน 111

สวัสดีครับ(ค่ะ) พระเจ้า!!

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 49:1-20
พันธสัญญาใหม่ ลูกา 20:27-21:4
พันธสัญญาเดิม เฉลยธรรมบัญญัติ 33:1-34:12

เกริ่นนำ

The Vicar of Dibley (เดอะ วิคาร์ ออฟ ดิเบลย์) ซิทคอมทีวีของสหราชอาณานำแสดงโดย ดอว์น เฟรนช์รับบทเป็นศิษยาภิบาลสตรีคนหนึ่ง เนื้อเรื่องนำมาจากชีวิตจริงของศิษยาภิบาลสตรีคนแรก จอย แคร์รอลล์ วิลลิส หลายปีก่อน พิพพากับผมได้พบกับจอย เธอเล่าถึงเมื่อตอนที่เธอรับตำแหน่งเป็นนักบวช แองลิกันในกรุงลอนดอนให้ฟัง

สมาชิกคริสตจักรคนหนึ่งเป็นสตรีผู้รักพระเจ้าวัย 87 ปีชื่อว่า ฟลอรี่ ชอร์ ผู้ซึ่งต้องเข้ารับการผ่าตัดครั้ง สำคัญ ฟลอรี่เคยได้รับการแจ้งว่า โอกาสในการฟื้นตัวของเธอนั้นมีน้อยนัก

น่าขอบคุณที่เธอรอดชีวิตหลังการผ่าตัดมาได้ เมื่อเธอเปิดตาขึ้น หนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่เธอเห็นคือภาพเลือน ๆ ของแพทย์ที่สวมเสื้อกาวน์สีขาว

เธอยิ้ม และกล่าวว่า ‘สวัสดีค่ะ พระเจ้า! ดิฉันชื่อ ฟลอรี่ ชอร์’

จอยออกความเห็นว่า เรื่องนี้แสดงถึงสองสิ่ง อย่างแรก นี่แสดงความถ่อมใจของฟลอรี่ เธอไม่ได้คาดหวังว่า พระเจ้าทรงทราบว่าเธอเป็นใคร อย่างที่สอง นี่แสดงว่า เธอมั่นใจแน่นอนเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย และที่ซึ่งเธอจะได้ไป

ความเชื่อมั่นของเธอเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายนั้น ตั้งอยู่บนรากฐานของศิลามุมเอกในความเชื่อ คริสเตียน: การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ในวันอีสเตอร์แรก ฤทธิ์เดชเดียวกันที่ทำให้พระเยซู ทรงเป็นขึ้นจากความตาย บัดนี้ดำรงอยู่ในคุณผ่านทางองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ (ดู เอเฟซัส 1:18–23) วันหนึ่งคุณเองจะกลับเป็นขึ้น และสามารถพูดว่า ‘สวัสดีครับ(ค่ะ) พระเจ้า!’

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 49:1-20

ความเขลาของผู้วางใจในความมั่งคั่ง

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของตระกูลโคราห์

1ชนชาติทั้งสิ้นเอ๋ย จงฟังข้อความนี้
 ชาวพิภพทั้งปวงเอ๋ย จงเงี่ยหูฟัง
2ทั้งคนฐานะต่ำและคนฐานะสูง
 ทั้งเศรษฐีและยาจกด้วย
3ปากของข้าพเจ้าจะเผยปัญญา
 การภาวนาของจิตใจข้าพเจ้าคือความเข้าใจ
4ข้าพเจ้าจะเอียงหูฟังสุภาษิต
 ข้าพเจ้าจะแก้ปริศนาของข้าพเจ้าให้เข้ากับเสียงพิณเขาคู่
5ทำไมข้าพเจ้าจะต้องกลัวในคราวลำบาก
 เมื่อความชั่วของผู้ข่มเหงรายล้อมข้าพเจ้า?
6คนที่วางใจในทรัพย์สินของตัว
 และโอ้อวดความมั่งคั่งมากมายของตน
7แน่ทีเดียว ไม่มีคนใดไถ่พี่น้องของตนได้
 หรือถวายค่าไถ่ตัวเขาแด่พระเจ้า
8เพราะค่าไถ่ชีวิตของเขานั้นแพง
 และไม่เคยพอเลย
9ที่จะให้เขามีชีวิตตลอดไป
 และไม่ต้องเห็นหลุมมรณะ
10เพราะเขาจะเห็นว่าคนมีปัญญาก็ตาย
 คนโง่กับคนเขลาก็พินาศเหมือนกัน
 และละทรัพย์สินของตนแก่คนอื่น
11หลุมศพของพวกเขาเป็นบ้านของเขาเป็นนิตย์
 เป็นที่อาศัยของเขาทุกชั่วชาติพันธุ์
 ถึงเขาเคยเรียกที่ดินของตัวตามชื่อของตน
12มนุษย์แม้มั่งคั่ง ก็ไม่อาจยืนยงอยู่ได้
 เขาก็พินาศเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน
13นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนโง่เขลา
 และกับคนที่ติดตามเขา ที่พอใจคำพูดของเขา
14ดังแกะ พวกเขาถูกกำหนดไว้ให้แก่แดนคนตาย
 มัจจุราชจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของเขา
คนเที่ยงธรรมจะมีอำนาจเหนือเขาทั้งหลายในเวลาเช้า
 และรูปร่างของเขาจะเปื่อยสิ้นไป
 แดนคนตายจะเป็นบ้านของเขา
15แต่แน่ทีเดียว พระเจ้าจะทรงไถ่ชีวิตข้าพเจ้าจากเงื้อมมือของแดนคนตาย
 เพราะพระองค์จะทรงรับข้าพเจ้าไว้
16อย่ากลัว เมื่อผู้หนึ่งมั่งมีขึ้น
 เมื่อศักดิ์ศรีของบ้านเขาเพิ่มพูน
17เพราะเมื่อเขาตาย เขาจะเอาอะไรไปไม่ได้เลย
 ศักดิ์ศรีของเขาจะไม่ลงไปกับเขา
18แม้เมื่อเขามีชีวิตอยู่ เขานับว่าตัวเองสุขสบาย
 และแม้คนยกย่องเขา เมื่อเขามั่งคั่งขึ้น
19เขาจะไปอยู่กับพวกบรรพบุรุษ
 ผู้ซึ่งจะไม่เห็นความสว่างอีกเลย
20มนุษย์แม้มั่งคั่งแต่หากปราศจากความเข้าใจ
 เขาก็พินาศเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน

อรรถาธิบาย

ชีวิตหลังความตาย

มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างชีวิตที่ปราศจากพระเจ้า และชีวิตที่มีพระเจ้า

  1. ชีวิตที่ปราศจากพระเจ้า
    ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างปราศจากพระเจ้ามีแนวโน้มที่จะลงเอยด้วยการวางใจในความมั่งคั่ง (ข้อ 6ก) หรือไม่ก็ตนเอง (ข้อ 13ก) ความวางใจนี้มีลักษณะของการแสวงหาฐานะ ผู้ที่มั่งคั่งอาจ ‘โอ้อวดความมั่งคั่งมากมายของตน’ (ข้อ 6ข) และใช้เงินเพื่อทำให้คนอื่น ๆ ประทับใจในทรัพย์สินของพวกเขา (ข้อ 16) พวกเขาอาจแม้แต่เรียกที่ดินของตัวตามชื่อของตน (ข้อ 11ก)

พวกเขาเพลิดเพลินกับคำยกย่องจากคนอื่น ๆ (ข้อ 18ข) และพวกเขานับว่า ‘ตัวเองสุขสบาย’ (ข้อ 18ก) พวกเขาอาจลองใช้ความมั่งคั่งของตนเองเพื่อ ‘ไถ่ถอน’ ตัวเองออกจากความตาย (ข้อ 7) กระนั้นไม่ว่าจำนวนเงินเท่าใดก็ไม่เพียงพอเลย (ข้อ 8) ท้ายที่สุดทั้งสิ้นก็ล้วนไร้ประโยชน์เพราะความมั่งคั่งของเขาก็ตกเป็นของคนอื่น (ข้อ 10ข) ‘ดังนั้น อย่าประทับใจเมื่อผู้หนึ่งร่ำรวยขึ้น และศักดิ์ศรีและทรัพย์สินของเขาเพิ่มพูน เพราะเขาจะเอาอะไรไปไม่ได้เลย’ (ข้อ 16–17ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ทั้งสิ้นนี้คุ้มค่าอะไรหากเราต้อง ‘เปื่อยสิ้นไป ในหลุมฝังศพ?’ (ข้อ 14)

  1. ชีวิตที่มีพระเจ้า
    ตรงกันข้าม หากคุณดำเนินชีวิตอยู่กับพระเจ้า ไม่จำเป็นที่ต้องแสวงหาฐานะใด ๆ เลย เพราะฐานะของคุณไม่ได้กำหนดโดยความสำเร็จของคุณในการสะสมความมั่งคั่ง แต่ในการรู้จักว่าคุณเป็นของใคร และคุณมีค่าขนาดไหนต่อพระองค์

ค่าไถ่ของคุณได้ถูกชำระแล้ว (ข้อ 7ข) และคุณได้ถูกไถ่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นอนาคตของคุณจะมั่นคง: ‘ส่วนข้าพเจ้า? พระเจ้าจะทรงไถ่ชีวิตข้าพเจ้าจากเงื้อมมือของแดนคนตาย เพราะพระองค์จะทรงรับข้าพเจ้าไว้’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ชีวิตที่มีพระเจ้าหมายความว่า คุณจะ ‘มีชีวิตตลอดไป และไม่ต้องเห็นหลุมมรณะ’ (ข้อ 9) ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า 'ทำไมข้าพเจ้าจะต้องกลัว?' (ข้อ 5) ความกลัวเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ แต่เมื่ออยู่กับพระเจ้า คุณสามารถเผชิญความกลัวต่าง ๆ ของคุณด้วยความมั่นใจ เพราะคุณสามารถวางใจในพระเจ้าได้อย่างเต็มร้อยสำหรับชีวิตนี้ และชีวิตที่จะมาถึง

นี่เป็นหนึ่งในการพูดเป็นนัยไม่กี่ครั้งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเรื่องชีวิตหลังความตาย ผู้เขียนมั่นใจว่า ‘แต่แน่ทีเดียว พระเจ้าจะทรงไถ่ชีวิตข้าพเจ้าจากเงื้อมมือของแดนคนตาย เพราะพระองค์จะทรงรับข้าพเจ้าไว้’ (ข้อ 15) ชีวิตที่มีพระเจ้าไม่ได้จบลงด้วยความตายแต่ยังคงดำเนินต่อไปในนิรันดร์กาล ผู้เขียนสดุดีมั่นใจเรื่องนี้ แม้ว่าเขาไม่ทราบว่าสิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร คำตอบนี้ถูกเปิดเผยผ่านทางการเป็นขึ้นจากความตายขององค์พระเยซู

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณสำหรับฤทธิ์เดชในการเป็นขึ้นมาจากความตาย ซึ่งบัดนี้สถิตอยู่ในตัวของข้าพระองค์ ขอบคุณที่พระองค์ทรงฉวยข้าพระองค์ออกมาจากเงื้อมมือของความตาย และนำข้าพระองค์ไปถึงพระองค์
พันธสัญญาใหม่

ลูกา 20:27-21:4

คำถามเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย

 27มีพวกสะดูสีบางคนมาหาพระองค์ คนพวกนี้บอกว่าการเป็นขึ้นจากตายนั้นไม่มี 28พวกเขาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งเราไว้ว่า ‘ถ้าผู้ชายคนไหนตาย และมีภรรยาแต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายรับพี่สะใภ้นั้นไว้เป็นภรรยาของตน เพื่อมีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชาย’ 29ปรากฏว่ามีพี่น้องผู้ชายอยู่เจ็ดคน พี่คนโตมีภรรยาแล้วก็ตายไม่มีบุตร 30น้องคนที่สอง 31และคนที่สามก็รับผู้หญิงคนนั้นมาเป็นภรรยา ทั้งเจ็ดคนเหมือนกันหมดคือไม่มีบุตรแล้วก็ตาย 32ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ตายด้วย 33เมื่อเป็นแบบนั้น ในวันที่เป็นขึ้นจากตาย หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร? เพราะนางตกเป็นภรรยาของชายทั้งเจ็ดคนแล้ว”
 34พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “คนยุคนี้มีการสมรสกันและยกให้เป็นสามีภรรยากัน 35แต่คนที่นับว่าสมควรกับการอยู่ในยุคหน้า และการเป็นขึ้นจากความตาย จะไม่มีการสมรสกันหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก 36อันที่จริงพวกเขาจะตายอีกไม่ได้ เพราะเขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้า คือบุตรของการเป็นขึ้นจากตาย 37เรื่องที่พระเจ้าทรงทำให้คนที่ตายแล้วเป็นขึ้นมาใหม่นั้น โมเสสก็สำแดงไว้ในเรื่องพุ่มไม้ ซึ่งเป็นที่ที่ท่านเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าหมายถึง พระเจ้าว่า ‘พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’ 38พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น เพราะว่าสำหรับพระเจ้าทุกคนยังเป็นอยู่” 39ธรรมาจารย์บางคนจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ ท่านพูดได้ดีทีเดียว” 40เนื่องจากพวกเขาไม่กล้าทูลถามพระองค์ต่อไปอีก

คำถามเรื่องเชื้อสายของดาวิด

 41พระองค์จึงตรัสถามพวกเขาว่า “ที่มีคนว่า พระคริสต์ทรงเป็นเชื้อสายของดาวิดนั้นเป็นไปได้อย่างไร? 42เนื่องจากดาวิดเองก็กล่าวไว้ในพระธรรมสดุดีว่า

‘พระเจ้า ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า
“จงนั่งด้านขวามือของเรา
 43 จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่าน เป็นที่รองเท้าของท่าน” ’

44ในเมื่อดาวิดยังเรียกท่านว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านจะเป็นเพียงเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร?”

การทรงประณามพวกธรรมาจารย์

 45ขณะประชาชนทั้งหมดกำลังฟังอยู่ พระองค์ตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า 46“จงระวังพวกธรรมาจารย์ให้ดี พวกที่ชอบสวมเสื้อคลุมยาวเดินไปเดินมา ชอบให้คนคำนับกลางตลาด ชอบที่นั่งสำคัญในธรรมศาลาและที่มีเกียรติในงานเลี้ยง 47พวกเขายึดบ้านของหญิงม่ายและแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว คนพวกนี้จะต้องถูกลงโทษหนักยิ่งขึ้น”

ลูกา 21

เงินถวายของหญิงม่าย

 1พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีทั้งหลายนำเงินมาใส่ในตู้เก็บเงินถวาย 2และพระองค์ทอดพระเนตรเห็นหญิงม่ายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนขัดสน นำเหรียญทองแดงสองอันมาใส่ด้วย 3พระองค์ตรัสว่า “เราบอกท่านทั้งหลายจริงๆ ว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้เป็นคนที่ใส่ไว้มากกว่าเพื่อน 4เพราะว่าทุกคนเอาเงินเหลือใช้มาใส่เพื่อถวาย แต่ผู้หญิงคนนี้ขาดแคลนที่สุด ยังเอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตมาใส่จนหมด”

อรรถาธิบาย

คนตายจะกลับเป็นขึ้นมา

เมื่อเราเริ่มต้นคิดเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายและชีวิตหลังความตาย เป็นการยากที่จะจินตนาการว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ผู้คนจะดูเป็นอย่างไร? คุณจะมีร่างกายแบบไหน? เราจะมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ อย่างไร?

บางทีคนเราก็ใช้คำถามพวกนี้เพื่อเสนอแนวคิดเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายว่า เป็นเรื่องเพ้อฝันหรือแม้แต่เหลวไหลไร้สาระ พวกสะดูสีเป็นส่วนหนึ่งของ ‘กลุ่มคนที่ปฏิเสธความเป็นไปได้ใด ๆ ของการเป็นขึ้นจากความตาย’ (20:27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขามาหาพระเยซูด้วยคำถามหลอกล่อเรื่องผู้หญิงที่เคยมีสามีมาแล้วเจ็ดคน ตั้งคำถามล้อเลียนว่าทั้งหมดจะอยู่ในความสัมพันธ์กันได้อย่างไรในเรื่องของการเป็นขึ้นจากความตาย

พระเยซูทรงตอบคำถามด้วยการอธิบายว่าคำถามของพวกเขาบกพร่อง เพราะว่าเป็นคำถามที่มีมุมมองอย่างโลก การเป็นขึ้นจากความตายจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทั้งหมดของมนุษย์เราและความจำเป็น ในเรื่องการสมรสเพื่อสืบสายสกุลนั้นก็จะหมดไป (ข้อ 34–36)

พระเยซูทรงตอบคำถามนี้ แต่จากนั้นก็ทรงระบุปัญหาที่แท้จริงออกมา พวกสะดูสีไม่ประทับใจจากการพูด เป็นนัยเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เพราะพวกเขาได้ให้น้ำหนักกับหนังสือห้าเล่มแรก (เบญจบรรณ)ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มากกว่า

พระเยซูทรงนำพวกเขาเข้าสู่เขตแดนของพวกเขาเอง โดยทรงยกข้อความมาจากพระธรรมเล่มหนึ่งในเบญจบรรณ: ‘โมเสสก็สำแดงไว้ในเรื่องพุ่มไม้ ซึ่งเป็นที่ที่ท่านเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น เพราะว่าจำเพาะพระเจ้าทุกคนยังเป็นอยู่’ (ข้อ 37–38)

พระเยซูทรงประกาศชัดว่า พระองค์ทรงเชื่อ ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องของการเป็นขึ้นจากความตายของพระองค์เอง แต่ใน ‘การเป็นขึ้นจากตาย’ ที่กว้างกว่านั้นมากนัก (ข้อ 35) ผู้ที่เป็นขึ้นจากตาย ‘จะตายอีกไม่ได้ เพราะเขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้า คือ​บุตรของการเป็นขึ้นจากตาย’ (ข้อ 36)

แน่นอน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าพระเยซูทรงเป็นดังผู้ที่พระองค์ทรงอ้างไว้ พระเยซูทรงชี้ว่า พระองค์ไม่ได้เป็นแค่เพียงบุตรของดาวิด พระองค์ยังทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของดาวิดอีกด้วย (ข้อ 41–44) ถ้าหากพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า คุณสามารถมั่นใจในการรับประกันของพระองค์ว่า ‘คนที่ตายแล้วเป็นขึ้นมาใหม่’ (ข้อ 37)

หากคุณเชื่อจริง ๆ ในการเป็นขึ้นมาจากความตาย สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคุณต่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต รวมถึงทรัพย์สินของคุณด้วย เหมือนกับหญิงม่าย (21:1–4) คุณถูกท้าทายให้ถวายด้วยความใจกว้าง สะสมทรัพย์สมบัติไว้เพียงน้อยนิด และในที่สุดเต็มใจที่จะทิ้งทุกสิ่งที่คุณมีในชีวิตนี้

ยิ่งกว่านั้น คุณมีมุมมองที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงเรื่องชีวิตนี้ นี่เป็นความหวังที่แท้จริงในการเผชิญหน้ากับความน่าเศร้าใจแห่งความตาย ชีวิตนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณอย่างยิ่งที่ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์ และขอบคุณสำหรับความหวังอันน่าทึ่งที่ข้าพระองค์มีผ่านทางการเป็นขึ้นจากความตายของพระองค์ ขอบคุณสำหรับฤทธิ์เดชเดียวกันที่ทำให้พระเยซูทรงเป็นขึ้นจากตาย ที่จะทำให้เราเป็นขึ้นจากตายด้วยเช่นกัน
พันธสัญญาเดิม

เฉลยธรรมบัญญัติ 33:1-34:12

พรสุดท้ายของโมเสสต่ออิสราเอล

 1นี่คือพรซึ่งโมเสสคนของพระเจ้าได้อวยพรแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลก่อนที่ท่านสิ้นชีวิต
2ท่านกล่าวว่า
 พระยาห์เวห์เสด็จจากซีนาย
และทรงลุกขึ้นจากเสอีร์เสด็จมายังเขาทั้งหลาย
 พระองค์ทรงทอแสงจากภูเขาปาราน
พระองค์เสด็จมากับผู้บริสุทธิ์นับหมื่น
 ที่พระหัตถ์เบื้องขวามีไฟเป็นพระธรรมแก่เขา
3แท้จริง พระองค์ทรงรักชนชาติทั้งหลาย
 วิสุทธิชนทั้งสิ้นของพระองค์ก็อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
และเขาทั้งหลายกราบลงที่พระบาทของพระองค์
 รับพระดำรัสของพระองค์
4โมเสสบัญชาธรรมบัญญัติไว้แก่เรา
 เป็นกรรมสิทธิ์ของชุมนุมชนยาโคบ
5พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ในเยชูรูน
 เมื่อหัวหน้าชนชาติชุมนุมกัน
เมื่อคนอิสราเอลทุกเผ่ารวมกัน
6“ขอให้รูเบนดำรงชีวิตอยู่ อย่าให้ตาย
 หรือให้ผู้คนของเขามีจำนวนน้อย”
7ท่านกล่าวถึงยูดาห์ดังนี้ว่า
 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสดับเสียงของยูดาห์
ขอทรงนำเขามาอยู่กับชนชาติของเขา
 มือของเขาได้ต่อสู้เพื่อตนเอง
 และพระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นจากเหล่าศัตรูของเขา”
8ท่านกล่าวถึงเลวีว่า
 “ทูมมิมและอูริมอยู่กับผู้จงรักภักดีของพระองค์
ผู้ที่พระองค์ทรงทดลองแล้วที่ตำบลมัสสาห์
 ผู้ที่พระองค์ได้ทรงต่อสู้แล้วที่น้ำแห่งเมรีบาห์
9ผู้กล่าวถึงบิดามารดาของตนว่า
 ‘ข้าพเจ้าไม่คำนึงถึงเขาแล้ว’
เขาไม่ยอมรับพี่น้องของเขา
 และไม่รู้จักลูกของตน
เพราะเขาปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์
 และรักษาพันธสัญญาของพระองค์
10เขาทั้งหลายจะสอนกฎหมายของพระองค์แก่ยาโคบ
 และสอนธรรมบัญญัติแก่อิสราเอล
เขาจะวางเครื่องหอมเฉพาะพระพักตร์พระองค์
 และถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวบนแท่นบูชาของพระองค์
11ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงอวยพรทรัพย์สินของเขา
 และพอพระทัยการงานที่มือเขาทำ
ขอทรงโบยตีบั้นเอวของศัตรูที่ลุกขึ้นต่อสู้เขา
 คือผู้ที่เกลียดชังเขา อย่าให้ลุกขึ้นได้อีก”
12ท่านกล่าวเรื่องเบนยามินว่า “ผู้เป็นที่รักของพระยาห์เวห์
 จะอาศัยอยู่กับพระองค์อย่างปลอดภัย
พระองค์ทรงปกป้องเขาไว้วันยังค่ำ
 และประทับอยู่ระหว่างบ่าของเขา”
13และท่านกล่าวถึงโยเซฟว่า
 “ขอให้แผ่นดินของเขาได้รับพระพรจากพระยาห์เวห์
ให้ได้รับของล้ำค่าจากฟ้าสวรรค์ จากน้ำค้าง
 และจากบาดาลซึ่งหมอบอยู่เบื้องล่าง
14ให้ได้รับผลล้ำค่าของดวงอาทิตย์
 และผลล้ำค่าที่ได้จากดวงจันทร์
15พร้อมกับผลงามที่สุดจากภูเขาดึกดำบรรพ์
 และผลล้ำค่าจากเนินเขานิรันดร์
16และผลล้ำค่าของพิภพและสิ่งที่เต็มอยู่ในนั้น
 และพระกรุณาคุณของพระองค์ผู้ประทับที่พุ่มไม้
ขอให้สิ่งเหล่านี้ลงมาเหนือศีรษะของโยเซฟ
 และเหนือกระหม่อมของผู้ที่เป็นเจ้านายของพี่น้องของตน
17ลูกโคหัวปีของเขาเป็นศักดิ์ศรีของเขา
 เขาของเขาเหมือนเขาวัวกระทิง
และด้วยเขานั้น เขาจะดันชนชาติทั้งหลายออกไปจนสุดปลายพิภพ
 คือคนเอฟราอิมนับหมื่น และคนมนัสเสห์นับพัน”
18ท่านกล่าวถึงเศบูลุนว่า
 “เศบูลุนเอ๋ย จงยินดีเมื่อท่านออกไป
 และอิสสาคาร์เอ๋ย จงยินดีในเต็นท์ของตน
19เขาจะเรียกชนชาติทั้งหลายมาที่ภูเขา
 และถวายเครื่องบูชาอันชอบธรรมที่นั่น
เพราะเขาจะได้ดูดซับความอุดมจากทะเล
 และได้ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทราย”
20ท่านกล่าวถึงกาดว่า
 “สาธุการแด่พระองค์ผู้ทรงขยายกาด
กาดหมอบอยู่เหมือนสิงโต
 เขาทึ้งแขนและกระหม่อมด้วย
21เขาเลือกส่วนดีที่สุดเป็นของตน
 เพราะนั่นคือส่วนที่สงวนไว้สำหรับผู้บังคับบัญชา
และเขามากับพวกหัวหน้าของชนชาติ
 เขาได้ทำตามความชอบธรรมของพระยาห์เวห์
 และตามกฎหมายซึ่งมีต่ออิสราเอล”
22และท่านกล่าวถึงดานว่า
 “ดานเป็นลูกสิงโต
 ที่กระโจนมาจากเมืองบาชาน”
23และท่านกล่าวถึงนัฟทาลีว่า
 “โอ นัฟทาลี ผู้อิ่มด้วยพระกรุณา
และเต็มด้วยพระพรของพระยาห์เวห์
 จงยึดครองทางตะวันตกและทางใต้”
24และท่านกล่าวถึงอาเชอร์ว่า
 “อาเชอร์ได้รับพระพรจากบุตรทั้งหลาย
ขอให้เขาเป็นที่โปรดปรานของพี่น้องของเขา
 และให้เขาจุ่มเท้าเขาลงในน้ำมัน
25กลอนประตูของท่านจะเป็นเหล็กและทองเหลือง
 ขอให้กำลังของท่านคงอยู่ตลอดวันคืนของท่าน
26“ไม่มีผู้ใดเหมือนพระเจ้าของเยชูรูน
 พระองค์เสด็จมาจากฟ้าสวรรค์เพื่อช่วยท่าน
 เสด็จมาบนเมฆด้วยความสูงส่งของพระองค์
27พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่าน
 และพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่
พระองค์ทรงผลักศัตรูให้ออกไปพ้นหน้าท่าน
 และตรัสว่า จงทำลายเสีย
28ดังนั้น อิสราเอลจึงอยู่อย่างปลอดภัย
 น้ำพุของยาโคบอยู่ตามลำพัง
ในแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่นให้
 ท้องฟ้าของพระองค์โปรยน้ำค้างลงมาด้วย
29โอ อิสราเอล ใครจะเหมือนท่านผู้ได้รับพระพร?
 เป็นชนชาติที่รอดมาโดยพระยาห์เวห์
เป็นโล่ช่วยท่าน
 เป็นดาบชัยของท่าน
ศัตรูจะสยบต่อท่าน
 ท่านจะเหยียบย่ำไปบนที่สูงของเขา”

เฉลยธรรมบัญญัติ 34

โมเสสสิ้นชีวิตและถูกฝังไว้ที่แผ่นดินโมอับ

 1แล้วโมเสสก็ขึ้นไปจากที่ราบโมอับ ถึงภูเขาเนโบถึงยอดปิสกาห์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามเมืองเยรีโค และพระยาห์เวห์ทรงสำแดงให้ท่านเห็นแผ่นดินนั้นทั้งหมด คือกิเลอาดจนถึงดาน 2ตลอดทั้งนัฟทาลี แผ่นดินเอฟราอิมและมนัสเสห์ ทั่วแผ่นดินยูดาห์ไกลไปถึงทะเลตะวันตก 3ทั้งเนเกบและที่ราบลุ่มเมืองเยรีโค เมืองต้นอินทผลัม ไกลไปจนถึงโศอาร์ 4และพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “นี่คือแผ่นดินซึ่งเราได้ปฏิญาณต่ออับราฮัม ต่ออิสอัค และต่อยาโคบว่า ‘เราจะให้แก่ลูกหลานของเจ้า’ เราให้เจ้าเห็นกับตา แต่เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินนั้น” 5ดังนั้นโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ จึงสิ้นชีวิตที่นั่นในแผ่นดินโมอับ ตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์ 6และพระองค์ทรงฝังท่านไว้ในหุบเขาในแผ่นดินโมอับตรงข้ามเบธเปโอร์จนถึงทุกวันนี้ไม่มีใครรู้จักที่ฝังศพของท่าน 7เมื่อโมเสสสิ้นชีวิตนั้นท่านมีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปี นัยน์ตาของท่านไม่ได้มัวไป หรือกำลังของท่านก็ไม่ถดถอย 8และคนอิสราเอลคร่ำครวญถึงโมเสส ณ ที่ราบโมอับสามสิบวัน จึงสิ้นสุดวันร้องไห้ไว้ทุกข์ถึงโมเสส
 9และโยชูวาบุตรนูนก็ประกอบด้วยสติปัญญา เพราะโมเสสได้วางมือของท่านบนเขา ดังนั้นคนอิสราเอลจึงเชื่อฟังเขา และได้ทำดังที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสไว้ 10ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดเกิดขึ้นในอิสราเอลเสมอโมเสส ผู้ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงรู้จักหน้าต่อหน้า 11ในเรื่องหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงใช้ให้ท่านทำในแผ่นดินอียิปต์ ต่อฟาโรห์และต่อบรรดาข้าราชบริพารของฟาโรห์และต่อแผ่นดินของท่านทั้งสิ้น 12และในเรื่องอำนาจยิ่งใหญ่ และกิจการอันน่ากลัวและใหญ่โตซึ่งโมเสสทำในสายตาของคนอิสราเอลทั้งมวล

อรรถาธิบาย

พระกรนิรันดร์

หากมีคนหนึ่งที่จบชีวิตของตนลงอย่างดี คนนั้นคือโมเสส ‘เมื่อโมเสสสิ้นชีวิตนั้น ท่านมีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปี นัยน์ตาของท่านไม่ได้มัวไป และท่านยังเดินได้อย่างคล่องแคล่ว’ (34:7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาได้ใช้ชีวิตในการรู้จักพระเจ้าแบบ ‘หน้าต่อหน้า’ (ข้อ 10)

โมเสสถูกพระเจ้าทรงใช้อย่างมาก ‘และในเรื่องอำนาจยิ่งใหญ่ และกิจการอันน่ากลัวและใหญ่โตซึ่งโมเสสทำ’ (ข้อ 12)

หนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงในชีวิตคือการจบให้สวย ส่วนหนึ่งของการจบให้สวยคือการวางแผนการสืบทอด

โมเสสจบชีวิตของท่านลงได้อย่างดี เขาได้วางแผนให้โยชูวาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ‘และโยชูวาบุตรนูนก็ประกอบด้วยสติปัญญา เพราะโมเสสได้วางมือของท่านบนเขา ดังนั้นคนอิสราเอลจึงเชื่อฟังเขา และได้ทำดังที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสไว้’ (ข้อ 9) นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างไม่กี่อันในเรื่องการเจิมของพระเจ้าที่ส่ง ผ่านจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนรุ่นถัดไป

ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต โมเสสกล่าวอวยพรแต่ละเผ่าด้วยถ้อยคำที่ไม่ธรรมดา ตัวอย่างเช่น เผ่าเบนยามิน ท่านกล่าวว่า ‘ผู้เป็นที่รักของพระยาห์เวห์ จะอาศัยอยู่กับพระองค์อย่างปลอดภัย พระองค์ทรงปกป้องเขาไว้วันยังค่ำ และทรงประทับอยู่ระหว่างบ่าของเขา’ (33:12)

เมื่อเขากล่าวมาถึงตอนท้ายของการอวยพรแต่ละเผ่า เขากล่าวว่า ‘ไม่มีผู้ใดเหมือนพระเจ้าของเยชูรูน พระองค์เสด็จมาจากฟ้าสวรรค์เพื่อช่วยท่าน เสด็จมาบนเมฆด้วยความสูงส่งของพระองค์ พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่าน และพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่’ (ข้อ 26–27ก)

บางทีโมเสสอาจตระหนักว่า ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด เขาเชื่อวางใจในพระเจ้าผู้ทรงเป็นนิรันดร์ และทราบว่าพระกรของพระองค์นั้นเป็นนิรันดร์

นี่ไม่ได้ขจัดความเจ็บปวดและความเศร้าเสียใจแห่งความตายออกไปจนหมดสิ้น ผู้คนยังคงร่ำไห้และไว้ทุกข์เมื่อโมเสสเสียชีวิต (34:8ก) เป็นสิ่งธรรมดาและสำคัญที่จะเศร้าโศก และเป็นเรื่องสำคัญที่เราทำเช่นนั้น อารมณ์ของเรานั้นเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ และไม่ควรถูกกดเอาไว้

อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างกันระหว่างความเศร้าโศกที่ไร้ซึ่งความหวังกับความเศร้าโศกของผู้เชื่อที่วางใจในการเป็นขึ้นมาจากความตาย (1 เธสะโลนิกา 4:13)

ผมเคยร่วมงานศพและงานไว้อาลัยหลายงานตลอดหลายปีนี้ และบ่อยครั้งถ้อยคำเปิดงานซึ่งเป็นถ้อยคำที่ยิ่งใหญ่ ให้ความมั่นใจ ปลอบประโลม และทรงพลังคือ: ‘พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่าน และพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่’ (เฉลยธรรมบัญญัติ 33:27ก)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์เป็นเหมือนโมเสส ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ และรู้ว่าพระกรนิรันดร์ของพระองค์เป็นที่อาศัย และรองรับข้าพระองค์ไว้เสมอ

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เฉลยธรรมบัญญัติ 33:26–27ก

‘ไม่มีผู้ใดเหมือนพระเจ้าของเยชูรูน พระองค์เสด็จมาจากฟ้าสวรรค์เพื่อช่วยท่าน เสด็จมาบนเมฆด้วยความสูงส่งของพระองค์ พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่านและพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่’

เป็นถ้อยคำที่ปลอบใจอย่างยิ่งเมื่อยามเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ข้อพระคำประจำวัน

เฉลยธรรมบัญญัติ 33:27

‘`พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่าน
 และพระกรนิรันดร์รองรับท่านอยู่’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม